.. . สมาคมเซรามกสิ ไทย์

 สวัสดีปีใหม่ครับพี่น้องชาวเซรามิก สมาชิกสมาคมเซรามิกส์ไทย ดร.สมนกึ ศริ สิ นทรุ และผู้สนใจผู้อ่านวารสารเซรามิกส์ไทยทุกท่าน ผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ ⌫⌦ ดร.ดำร ิ สโขธนุ งั มาไม่นานพวกเราก็มาเริ่มลุยงานสร้างผลผลิตเพื่อพัฒนาองค์กรและ ศ.เกียรติคุณ เสริมศักดิ์ นาคบัว อุตสาหกรรมเซรามิกไทยให้เจริญก้าวหน้า สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลก คดิ โรจนเพญก็ ลุ ที่มีแนวโน้มสดใสขึ้นเรื่อยๆ ทั้งด้วยฝีมือของผู้บริหาร พนักงานทุกๆ คน รศ.ทว ี พรหมพฤกษ์ แต่ก็ขออย่าได้ประมาท มุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรกันต่อไป เพื่อที่บริษัท  ดร.สมนกึ ศริ สิ นทรุ จะได้ขายดิบขายดี มีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจมีกำไรสูงๆ และเป็น ผศ.ดร.ธนากร วาสนาเพยรพงศี ์ ส่วนช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้พุ่งทะยานไปไกลด้วยนะครับ . สำหรับเนื้อหาในวารสารฉบับที่ 35 นี้ ก็จะยังคงประกอบด้วย ผศ.เวนชิ สวรรณโมลุ ี ส่วนของความรู้วิชาการที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับวงการเซรามิกเช่นเคย ผศ.สาธร ชลชาตภิ ญโญิ รศ.สขุ มาลุ เลกสว็ สดั ์ิ โดยเฉพาะเรื่องร้อนๆ อย่างความปลอดภัยของสีสำหรับภาชนะเซรามิก รศ.วรวธุ สธุ วี ระขจรี ที่ใส่อาหาร มีการอธิบายเทคนิคแบบเจาะลึกกระบวนการบดย่อยวัตถุดิบ ผศ.ดร.ศริ ธิ นวั ์ เจยมศี ริ เลิ ศิ ดร.ชตุ มาิ เอยมโชต่ี ชวลิ ติ เซรามิก งานทดลองเรื่องเคลือบผลึก เคลือบจากขยะลำไย และเทคนิค ดร.ลดา พนธั ส์ ขุ มธนาุ ในการวาดลายบนเคลือบ การลอกลายภาพบนชิ้นงานเซรามิก และเทคนิค ดร.ศริ พริ ลาภเกยรตี ถาวริ ไพศาล กาญจนพบิ ลยู ์ การตกแต่งอย่าง Mocha ware มีบทความแนะนำศูนย์ฝึกอบรม ธงชยั วฒนศั กดากั ลุ และฝึกอาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับงานเซรามิก ภาพบรรยากาศควันหลงจากงาน สจุ ตราิ เดชสวรรณาชุ ยั ประชุมวิชาการระดับนานาชาติด้านเซรามิกที่เมืองโอซาก้าประเทศญี่ปุ่น ชนตริ น์ นทนั ์ ตาตะนนทนั ์ และน่าสนุกตื่นเต้นกับบทความเกี่ยวกับงานแสดงผลิตภัณฑ์ งานประกวด . สมาคมเซรามกสิ ไทย์ ภาควชาวิ สดั ศาสตรุ ์ เครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติ งานลำปางเซรามิกแฟร์ สำหรับผู้ที่พลาด คณะวทยาศาสตริ ์ จฬาลงกรณุ มหาว์ ทยาลิ ยั การเข้าชมงาน หวังว่าผู้อ่านทุกท่านคงจะชื่นชอบเนื้อหาต่างๆ ของวารสาร กรงเทพฯุ 10330 ฉบับนี้ และติดตามผลงานของเราในฉบับต่อๆ ไป หากมีข้อสงสัย โทร. 0 2218 5562 โทรสาร. 0 2218 5561 ประการใด ก็ติดต่อ มาให้ได้เสมอเช่นเดิมนะครับ  THE THAI CERAMIC SOCIETY Department of Materials Science, Faculty of Science,Chulalongkorn University Phayathai Rd, Bangkok 10330 Thailand บรรณาธิการ Tel. 0 2218 5562 Fax. 0 2218 5561 Website : thaiceramicsociety.or.th E-mail : [email protected] ธนากร วาสนาเพยรพงศี ์ : [email protected] [email protected] Facebook : สมาคมเซรามกสิ ไทย์ Facebook : สมาคมเซรามกสิ ไทย์ กรงเทพุ  บรษิ ทั แนวทางเศรษฐกจิ 2004 จำกดั 7 อาคารนพ-ณรงค ์ ชน้ั 7 ซอยลาดพราว้ 23 จนทรเกษมั จตจุ กรั กรงเทพฯุ 10900 โทร. 0 2938 3207-9 แฟกซ ์ 0 2938 3207 E-mail : [email protected] ⌫ SK กราฟฟิก Happy new Year 2011 ⌫ หจก.แคนนา กราฟฟคิ โทร. 024673554-5 วารสารเซรามิกส์ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการเผยแพร่วิชาความรู้ทางด้านเซรามิก และเป็นสื่อกลางระหว่างสมาชิกของสมาคมฯ ตลอดจนผู้สนใจ สมาชิกสมาคมฯประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องในวงการเซรามิก ทั้งด้านอุตสาหกรรมและแวดวงการศึกษา รวมทั้งผู้สนใจ ในกิจกรรมด้านนี้ ข้อคิดเห็นและบทความในวารสารเล่มนี้เป็นทัศนะอิสระของผู้เขียนแต่ละท่าน สมาคมเซรามิกส์ไทยไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป ⌫  ⌫      

 ☺  ☺    ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ C ONTE○○○○○○○○○○○○NTS 09... การออกแบบตกแตงภาชนะแบบ่ Mocha ware 14... Petalite & Cryolite 9 17... ประวัติความเป็นมาและวิวัฒนาการของ..แก้ว 23... การวาดลายบนเคลอบื ดอกกหลาบบนแผุ นกระเบ่ องกลม้ื 24... 24 งานอดเรกแบบิ ดนิ …ดนิ 28... การประกวดและการแสดงศิลปะเครองป่ื นด้ั นเผาแหิ งชาต่ ิ ครงท้ั ่ี 15 36... 28 เคลือบเซรามิก...จากขยะลำไยค้างสต๊อก 38... แนะนำ..ศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าเซรามิกและหัตถอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง 41... 38 เรื่องเล่าจาก...เตาฟืน ⌫  ⌫      

 ☺  ☺    ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ C ONTE○○○○○○○○○○○○NTS 46... การเลือกใช้สีที่ปลอดภัยสำหรับ...ภาชนะเซรามิกใส่อาหาร 49... Ball Mill : How to consider factors to its performance 46 ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการบดด้วยโม่บด 63... ประชมวุ ชาการเซรามิ กนานาชาติ คริ งท้ั ่ี 3 เมองโอซากื า้ ประเทศญป่ี นุ่ 69... การลอกลายภาพลงบนชิ้นงานเซรามิกเพื่อการตกแต่งเขียนลาย 71... จอกรองนำยางพารา้ โอกาสในวกฤติ เซรามิ กไทยิ 63 73... เที่ยวงาน..ลำปางเซรามิกแฟร์ 75... 73 งาน Creative IP Fair & CLEA 2010 78... เคลอบผลื กวึ ลลิ ไมทิ ์ (Willemite Crystal Glaze) 86... จากใจ...ของนกเรั ยนี Painting Class 87... 75 การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับสมาคมเซรามิกส์ผ่านเว็บบอร์ดและเฟสบุ๊ค สุขุมาล เล็กสวัสดิ์ Mocha ware

การออกแบบการออกแบบ “ ตกแตตกแต่งภาชนะแบบ่งภาชนะแบบ Mocha ware มตี นกำเน้ ดิ เมอศตวรรษท่ื ่ี 18 MochaMocha wareware ณ ประเทศองกฤษั ไดร้ บความนั ยมในิ องกฤษและยั โรปุ ตอมาเผยแพร่ ท่ ่ี อเมรกาและแคนาดาิ ในชวงต่ น้ ศตวรรษท ่ี 19 ”

Mocha ware is a type of pottery decorated with mosslike or treelike patterns resembling the markings on agate stone, originated from England in late 18 century. "Mocha" is presumably derived from the word "Mecca", the city in Saudi Arabia, or named after the Port of Mocha (el Mukha) in Yemen, which became well-known, particularly in England, for its agate that was known as moss agate or Mocha stone. The mosslike or treelike pattern on Mocha ware was originally made by applying mildly acidic solution from boiling tobacco or apple cider vinegar , coloured with oxides to a pot dipped with wet slip and the dendritic pattern spread out quickly on to the wet slip. This research aimed to study suitable situations for decorating on clay and will examine slips, materials, mixtures, forms and texture. It will provide alternative to ceramic development and a response to the demand for a process guided by the sufficient economy. The results showed that the best mixture is liquid underglaze colours from Amarin Ceramics Corporation Co.,Ltd on wet Compound clay slip and engobe recipes from Robbin Hopper and Ann Chamber

January - April 2011 CERAMICS Journal 9 การตกแต่งผลงาน โดยการหยดสีใต้เคลือบ

Mocha ware เปนล็ กษณะของั ตัวอย่างผลงาน จากการทดลองบนดินดิบ ภาชนะที่มีการตกแต่งลวดลายคล้ายมอส หรือใบเฟิร์น โดยมีต้นกำเนิดจากประเทศ องกฤษั ในสมยศตวรรษทั ่ี 18 ใชก้ บแกั ว้ Mug และเหยอกทื ทำไว่ี สำหร้ บใชั ในโรงเหล้ า้ เบยรี และภาชนะใช์ สอยในคร้ วเรั อนื ลวดลาย ทเก่ี ดขิ นน้ึ ต้ี งตามห้ั นควอทซิ อะราเบ์ ยนซี งร่ึ ู้ จกกั นในชั อของห่ื นิ Mocha ซงม่ึ ลายคลี าย้ มอส ใบเฟริ นหร์ อตื นไม้ ชน้ ดติ างๆ่ และยงั สนนั ษฐานวิ าอาจต่ งช้ั อตามท่ื าเร่ อื Mocha (el Mukha) ของประเทศเยเมน ซงส่ึ งออก่ หินมีค่าชนิดนี้ การสร้างลวดลายทำได้จาก การหยดส่วนผสมของน้ำใบยาสูบซึ่งเคี่ยว ผสมกับออกไซด์สี หรือหยดน้ำส้มสายชู แอปเปิลไซเดอร์ที่ผสมกับออกไซด์สีบน ภาชนะที่จุ่มสลิปไว้แล้ว ลวดลายจะกระจาย ออกมาอยางรวดเร่ วในขณะท็ สล่ี ปยิ งเปั ยกี อย ู่ Mocha ware ไดร้ บความนั ยมทิ วไปใน่ั ประเทศอังกฤษและยุโรป และเผยแพร่ไปที่ อเมริกาและแคนาดาช่วงต้นศตวรรษที่19 นับเป็นการตกแต่งที่ควรพัฒนามาใช้ให้ แพร่หลาย

10 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 การเคลือบ

ผลงานที่เสร็จสมบูรณ์จากการเคลือบแล้ว

การทดลองหาสภาวะทเหมาะสมในการตกแต่ี ง่ ภาชนะแบบ Mocha ware โดยใชต้ นท้ นการผลุ ตติ ำแต่ คงไว่ ซ้ งประส่ึ ทธิ ผลทิ ด่ี หรี อดื กวี าเด่ มิ มขี นตอนการปฏ้ั บิ ตั งานดิ งนั ้ี

1. ขนร้ึ ปภาชนะโดยการใชู แป้ นหม้ นุ การคลงดึ นแผิ น่ หรอกรื พุ มพิ ์ แลวท้ งภาชนะให้ิ หมาด้ 2. นำภาชนะมาจมสลุ่ ปหริ อเอนโกบหรื อใชื ว้ ธิ ทาี 3. ใชพ้ กู่ นจั มสุ่ วนผสมท่ ทำให่ี เก้ ดลายิ หยดบนสลปทิ ย่ี งเปั ยกอยี ู่ สวนผสมท่ เล่ี อกใชื ้ มดี งนั ้ี 3.1 นำต้ มใบยาส้ บหรู อยาเสื น้ 100 กรมั เตมนิ ำ้ 1 ถวยต้ มให้ เด้ อดื เคยว่ี 20 นาทที งให้ิ เย้ น็ กรองแลวผสมเหล้ กออกไซด็ ์ 30 กรมั 3.2 นำส้ มสายช้ แอปเปู ลไซเดอริ ์ 100 กรมั ผสมเหลกออกไซด็ ์ 30 กรมั 3.3 นำส้ มสายช้ กลู น่ั 100 กรมั ผสมเหลกออกไซด็ ์ 30 กรมั 3.4 สใตี เคล้ อบื ผสมนำให้ ค้ อนข่ างใส้ หากตองการลายต้ นไม้ ้ ใหทาหร้ อจื มสลุ่ ปเพิ ยงี 2 ใน 3 ของภาชนะ แลวหยดส้ วนผสมตรงรอยต่ อ่ ของสลปขณะทิ เอ่ี ยงภาชนะี ลายจะแผกระจายเป่ นร็ ปตู นไม้ ้ แตถ่ าหยดตรงๆ้ บนพนระนาบลาย้ื จะกระจายเปนวงกลม็ 4. ทงภาชนะไว้ิ ให้ หมาดแล้ วตกแต้ งเพ่ มเต่ิ มโดยขิ ดขู ดใหี เป้ นลายหร็ อใชื ส้ ใตี เคล้ อบแตื มเพ้ มเต่ิ มิ 5. เผาดบทิ อ่ี ณหภุ มู ิ 800-950 องศาเซลเซยสี เคลอบใสทื บแลั วเผาเคล้ อบทื อ่ี ณหภุ มู ิ 1250 องศาเซลเซยสี หรอแลื วแต้ ชน่ ดของดิ นิ หากไมต่ องการผ้ วมิ นสามารถเผาครั งเด้ั ยวไดี ้

January - April 2011 CERAMICS Journal 11 การออกแบบตกแตงเคร่ องป่ื น้ั ดนเผาแบบิ Mocha ware ไดผลสร้ ปุ ในสภาวะตางๆ่ ดงนั ้ี 1. เนอด้ื นปิ น้ั สามารถใชเน้ อด้ื นไดิ ท้ กชนุ ดทิ งด้ั นิ สโตนแวร์ซึ่งในการทดลองนี้ใช้ดินแม่ริม เทอราคอตตา และดินคอมพาวด์ ภาชนะ ควรอยู่ในสภาพของดินหมาด ไม่แห้งจน ผิวดินเปลี่ยนสีจนเป็นฝ้าขาวเนื่องจากมี ผลต่อสลิปจะทำให้สลิปติดดี ไม่แห้งไว จนเกินไปไม่ต้องจุ่มหรือทาหลายครั้งและ ภาชนะจะไมม่ ปี ญหาเรั องการหดต่ื วและรั าวแตกเม้ อแห่ื ง้ ความหนาของภาชนะไมม่ ผลตี อการจ่ มสลุ่ ปเพิ อการตกแต่ื ง่ 2. สลปและเอนโกบิ สลิปและเอนโกบที่ได้ผลดีที่สุดในการใช้บนเนื้อดินปั้นทุกชนิดและให้ผลดีกับการกระจายของส่วนผสมทุกชนิด คือ สลปดิ นคอมพาวดิ และเอนโกบ์ 2 สตรู คอื สตรของู Robin Hopper สตรของู Anne Chambers บอลเคลย์ 75 บอลเคลย์ 50 เกาลนิ 10 เกาลนิ 50 ฟลนท้ิ ์ 10 เบนโทไนต์ 2 เฟลดสปาร์ ์ 5 เอนโกบทั้ง 2 สูตรนี้ ให้ผลดีกับการกระจายตัวของน้ำยาสูบ น้ำส้มสายชูแอปเปิลไซเดอร์และสีใต้เคลือบ แตส่ ของเอนโกบไมี ขาวจ่ ดและแหั งต้ วเรั วทำให็ ต้ องร้ บตกแตี งผลงาน่ สวนสล่ ปดิ นคอมพาวดิ ให์ ผลด้ กี บสั วนผสมท่ กชนุ ดเชิ นก่ นั ให้ลวดลายชัดเจนแต่ความละเอียดของลวดลายที่กระจายตัวจะน้อยกว่าการใช้เอนโกบ แต่มีช่วงแห้งตัวช้า ทำให้มีเวลา ในการตกแตงได่ ด้ ี สวนสล่ ปดิ นเทอราคอตตาซิ งหยดด่ึ วยส้ ใตี เคล้ อบสื อี อนน่ น้ั จะเหนลวดลายช็ ดเจนเฉพาะกั อนการเผาเคล่ อบื เมอเผา่ื เคลอบแลื วลวดลายจะจมลงไปก้ บเนั อด้ื นิ แกไขได้ โดยการไม้ เคล่ อบทื บั ความข้นของสลิปและเอนโกบมีผลต่อการกระจายของลาย หากข้นมากไปลายจะไม่ค่อยกระจาย หากเหลวไป ลายจะกระจายอยางรวดเร่ วและไม็ หย่ ดุ ทำใหจางและเห้ นไม็ ช่ ดเจนั ความขนท้ พอด่ี มี ลี กษณะเปั นคร็ มขี น้ เทลงมาจะไหลเปน็ สายอยางต่ อเน่ องและไม่ื เป่ นก็ อน้ ความขนของสล้ ปนิ ส้ี มพั นธั ก์ บความขั นของส้ วนผสมท่ นำมาหยดด่ี วย้ เพราะสวนผสมต่ อง้ มความขี นท้ พอด่ี เชี นก่ นั สลปและเอนโกบแติ ละชน่ ดมิ การแหี งต้ วทั เร่ี ว็ ชา้ ตางก่ นั สลปดิ นคอมพาวดิ จะแห์ งต้ วพอดั ี ไมเร่ วหร็ อชื าจนเก้ นไปิ เอนโกบทงสองส้ั ตรนู ้ี มการแหี งต้ วคั อนข่ างเร้ วแต็ ก่ สามารถตกแต็ งได่ ท้ นั เมอนำภาชนะจ่ื มสลุ่ ปแลิ ว้ รอประมาณ 5-10 วนาทิ ี จงคึ อยหยดส่ วนผสม่ จะทำใหลายกระจายต้ วดั ีและมเสี นคมช้ ดั สวนสล่ ปดิ นเทอราคอตตาิ มการแหี งต้ วชั ามาก้ ตองท้ งภาชนะ้ิ ทจ่ี มสลุ่ ปแลิ วประมาณ้ 1 นาท ี กอนหยดส่ วนผสมเพ่ อให่ื น้ ำท้ เย่ี มด้ิ านบนซ้ มลงไปบึ าง้ สลปและเอนโกบนิ สามารถผสมสเตนส้ี ี เพอให่ื ม้ สี ที หลากหลายออกไปก่ี อนนำภาชนะไปจ่ มแลุ่ วหยดส้ วนผสม่ 3. สวนผสม่ สวนผสมท่ ให่ี ผลด้ ที ส่ี ดุ คอื สใตี เคล้ อบื ใชได้ ก้ บสลั ปและเอนโกบทิ กสุ ตรู การกระจายตวคมชั ดมั เสี นละเอ้ ยดี และแต่ ละสกี ม็ ลี กษณะการกระจายตั วไมั เหม่ อนกื นั ซงทำให่ึ เก้ ดความนิ าสนใจ่ สใตี เคล้ อบทื ใช่ี แล้ วได้ ผลด้ ที ส่ี ดคุ อสื นี ำตาลและ้ นำเง้ นิ เขยวเขี ม้ จากบรษิ ทอั มรั นทริ เซราม์ คสิ ์คอรปอเรช์ น่ั เปนส็ ที ม่ี การกระจายในที ศทางทิ ควบค่ี มไดุ ้หยดสตกแตี งเพ่ มได่ิ ้ลายคมชดั หลงการเผาเคลั อบและมื มี ติ ของสิ ที น่ี าสนใจค่ อื มความเหลี อบของสื ที เข่ี มและอ้ อน่ นอกจากนนหล้ั งการเผาดั บยิ งไมั เก่ ดปิ ญหาั ลายจางหายจากการนำไปลางน้ ำหร้ อทำความสะอาดเพื อเตร่ื ยมเคลี อบื

12 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 นำส้ มสายช้ แอปเปู ลไซเดอริ ์ใชได้ ด้ กี บเอนโกบทั งสองส้ั ตรู ใหลายท้ ช่ี ดเจนละเอั ยดกวี าการหยดบน่ สลปดิ นคอมพาวดิ ์ และยงผสมงั ายไม่ ซ่ บซั อน้ ราคาไมแพงเม่ อเท่ื ยบกี บปรั มาณิ ควรใชแบบธรรมดาไม้ ใช่ แบบออร่ แกน์ คิ เพราะราคาถกกวู าและ่ ส่วนผสมไม่ตกตะกอน ส่วนน้ำส้มสายชูกลั่นละลายเข้ากับออกไซด์ได้ดีแต่การกระจายตัวของลายจะคมชัดน้อยกว่าน้ำส้ม สายชแอปเปู ลไซเดอร้ิ ์ สวนผสมยาส่ บู ใชได้ ผลด้ กี บสลั ปดิ นคอมพาวดิ และเอนโกบ์ ลวดลายทกระจายต่ี วละเอั ยดไมี เท่ าก่ บสั วนผสมน่ ำส้ ม้ สายชแอปเปู ลไซเดอร้ิ ์ และลายอาจลบเลอนหากเชื ดทำความสะอาดหล็ งเผาดั บและและลายจางลงหลิ งเผาเคลั อบื นอกจาก นนย้ั งมั กรรมวี ธิ การผลี ตทิ ซ่ี บซั อนและใช้ เวลานานกว้ า่ 4. สสี นของลวดลายั สที เก่ี ดขิ นจากการหยดส้ึ วนผสมน่ น้ั การใชส้ ใตี เคล้ อบนื บวั าประสบความสำเร่ จด็ ที ส่ี ดุ เนองจากสามารถใช่ื ได้ ท้ กสุ ี แตอาจม่ ความชี ดเจนของลายทั ต่ี างก่ นั สวนน่ ำยาส้ บและสู วนผสมแอปเป่ ลไซเดอริ ์ ใช ้ เหลกออกไซด็ ์ ผสมตามสตรดู งเด้ั มจิ งึ ใหแต้ ส่ นี ำตาลซ้ งเผาแล่ึ วส้ จะเขี มข้ น้ึ ทงน้ั ้ีอาจลองเปลยนออกไซด่ี เป์ นชน็ ดอิ นก่ื ได็ แต้ ควรเป่ นออกไซด็ ท์ ม่ี นี ำหน้ กเบาั สวนผสม่ จะไดไม้ ตกตะกอน่ 5. นำเคล้ อบื น้ำเคลือบที่ให้ผลดีที่สุด คือ น้ำเคลือบสำเร็จรูปของบริษัทเซอร์นิค และเคลือบใสสูตรจากกรมวิทยาศาสตร์บริการ ใหผ้ วทิ ใส่ี มนวาวั เรยบลี น่ื ใชเคล้ อบเพื ยงบางๆี กให็ ผลด้ ี มองเหนลวดลายช็ ดเจนั มความคมชี ดั สามารถใชเคล้ อบบนผื วิ ภาชนะทตกแต่ี งด่ วยส้ วนผสมท่ กชนุ ดไดิ ้ 6. รปแบบของภาชนะู ลวดลายจะใหผลด้ กี บภาชนะทั ม่ี พี นผ้ื วเริ ยบี ลวดลายกระจายดไมี ม่ การสะดี ดุ สามารถใชได้ บนภาชนะผ้ วโคิ ง้ ผวเวิ าได้ ้ ใชได้ ท้ งแนวนอนและแนวต้ั ง้ั ขนอย้ึ กู่ บลวดลายทั ต่ี องการหยดลงไป้ การขนร้ึ ปทู เหมาะสมก่ี บการขั นร้ึ ปดู วยแป้ นหม้ นและการคลุ งึ ดนแผิ น่ เนองจากทำให่ื ม้ ผี วเริ ยบี และสามารถใชว้ ธิ อี นได่ื ้ เชน่ การอดพั มพิ ์ การหลอ่ 7. รปทรงของภาชนะู รปทรงทู ออกแบบใหม่ี และใช่ ได้ ผลด้ กี บการตกแตั ง่ Mocha ware คอื ทรงอสระิ (Free form) ทรงเรขาคณติ และทรงทเป่ี น็ ธรรมชาตจากลิ กษณะของดั นิ นอกจากนนการทำร้ั ปทรงเปู ดิ เชน่ ถาด ทำใหช้ วยเน่ นลวดลายให้ เด้ นข่ นได้ึ เน้ องจากม่ื พี นท้ื มาก่ี ในการตกแตง่ 8. ประโยชนใช์ สอยของภาชนะ้ สามารถทำภาชนะทม่ี ประโยชนี ใช์ สอยเพ้ มเต่ิ มจากริ ปแบบเดู มของภาชนะิ Mocha ware ได ้ คอื จานแบน ถาด ทใส่ี ่ สบ ู่ แจกนั เชงเทิ ยนี จห้ี อยคอ้ เปนต็ น้ 9. การตกแตงเพ่ มเต่ิ มิ ในสวนของลวดลาย่ สามารถใชการตกแต้ งว่ ธิ อี นเพ่ื มเต่ิ มไดิ ้เชน่ การขดขู ดใหี เก้ ดลายิ หลงจากการหยดสั วนผสมและ่ สหมาดแลี ว้ สามารถขดใหู เป้ นลายเพ็ อให่ื เห้ นส็ ดี นชิ นล้ั าง่ หรอหยดสื ซี อนหลายส้ ไดี ้นอกจากนนย้ั งตกแตั งเพ่ มเต่ิ มหลิ งเผาดั บไดิ ้ เชน่ การใชส้ ใตี เคล้ อบแตื ม้ ระบาย เปนต็ น้

หมายเหต ุ บทความนสร้ี ปจากผลการวุ จิ ยโครงการวั จิ ยการออกแบบตกแตั งภาชนะแบบ่ Mocha ware ซงอย่ึ ภายใตู่ โครงการ้ ในแผนพฒนาวั ชาการจิ ฬาลงกรณุ มหาว์ ทยาลิ ยั (จฬาฯุ 100 ป)ี บรรณานุกรม Ashworth, Gavin and Rickard, Jonathan. Mocha and Related Dipped Wares. 1770-1939. Hanover and London: University Press of New England, 2006. Connell, Jo. The Potter's Guide to Ceramic Surfaces. [n.p.]: Krause Publications, 2002. Rock, Hugh. Pub Beer Mugs and . Buckinghamshire: Shire Publications, 2006. Hopper, Robin. "Questions and Answers: Mocha Diffusion." Ceramics Monthly (2009): 12-13. Bailey, Mike. "Mocha Decoration." Ceramic Review no. 240 (November/December 2009): 68.

January - April 2011 CERAMICS Journal 13 ดร.คชินท์ สายอินทวงศ์ PetalitePetalite && CryoliteCryolite ในบทความนี้จะขอแนะนำแร่ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในงานเซรามิกเพิ่มอีกสองตัว ที่มีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้างแต่ก็มีความแตกต่างกันในรายละเอียด ทั้งคู่ไม่ได้มีการใช้กันอย่างแพร่หลายนักในอุตสาหกรรมเซรามิก แต่มีการใช้สำหรับบางกรณีที่ต้องการคุณสมบัติจากมันจริงๆ ลองมาทำความรู้จักกับ Petalite และ Cryolite กันครับ

Petalite มาจากภาษากรกี คอคำวื า่ Petalon ซงแปลว่ึ าใบไม่ ้ มชี อเร่ื ยกอี กชี อว่ื า่ Castorite

เป็นแร่ ลิเทียมเฟลด์สปาร์ (Li2OAl2O38SiO2) มีผลึกเป็นรูป Monoclinic มีสีตั้งแต่สีเทา เหลือง เหลองอมเทาื จนกระทงส่ั ขาวี การเกิดแร่ Petalite นั้น ส่วนใหญ่จะเกิดในหิน Pegmatite ซึ่งมักจะเกิดร่วมกันกับ Spodumene, Lepidolite และ Tourmaline พบมากทประเทศสว่ี เดนี อตาลิ ี ฟนแลนดิ ์ อเมรกาิ ซมบิ บเวั บราซลิ แคนาดา และญป่ี นุ่ ความแขงของแร็ ่ Petalite เทาก่ บั 6-6.5 Mohs scale มคี า่ Refractive index 1.5 มคี าความถ่ วงจำเพาะของแร่ เท่ าก่ บั 2.42 มจี ดหลอมตุ วทั ่ี 1350 OC มคี า่ COE 0.15x10-6 O 1/ C องคประกอบทางเคม์ ี ไดแก้ ่ Li2O 4.5% Al2O3 16.5% SiO2 78% LOI<1%

14 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 ปญหาทั สำค่ี ญสำหรั บเนั อด้ื นทิ ม่ี คี า่ COE ตำมากๆ่ กค็ อื เคลอบทื วไปไม่ั สามารถใช่ ค้ กู่ บเนั อด้ื นนิ ได้ี เพราะว้ าจะ่ เกดปิ ญหาการรานตั วอยั างมาก่ ดงนั นจ้ั งตึ องทำเคล้ อบใหื ม้ ี คา่ COE ตำกว่ าเน่ อด้ื นอิ กี ซง่ึ Petalite ยงนั ยมใชิ ในเคล้ อบื เพอเป่ื นเคล็ อบทื ม่ี คี า่ COE ตำ่ บางครงจะใช้ั ค้ กู่ บั Spodumene

(Li2OAl2O34SiO2) เพอช่ื วยปร่ บปรั งเรุ องค่ื าความสว่ างและ่ ความมันของเคลือบ สูตรเคลือบที่แนะนำ สำหรบเปั นเคล็ อบื Silky matt Petalite 76% Talcum 14% CaCO3 3.5% Kaolin 6.5% Petalite เปนแร็ ท่ ให่ี ้ Li ทไม่ี ละลายน่ ำ้ เนองจากว่ื า่ เผาท ่ี SK 9-12 COE 0.8x10-6 1/ OC

ปกตนิ น้ั Li2CO3 จะมการละลายนี ำได้ บางส้ วน่ และมคี า่ Li2O: Spodumene และ Lepidolite สามารถใช้แทน

Al2O3 Ratio ทส่ี งมากเมู อเท่ื ยบกี บแรั ท่ ม่ี ลี เทิ ยมตี วอั นๆ่ื Petalite Petalite ได้ แต่ Petalite จะค่อนข้างทนไฟกว่า Lepidolite เปน็ Flux ทร่ี นแรงและมุ คี าส่ มประสั ทธิ การขยายต์ิ วเนั องจาก่ื ส่วน Spodumene ก็จะทนไฟกว่า Petalite ดังนั้นถ้าเราไม่ ความรอนต้ ำ่ ในเคลอบมื การใสี ลงไปร่ วมก่ บั CuO และ CoO สามารถหา Petalite มาใชงานได้ ้ ใหทดลองนำเอา้ K-feldspar จะทำให้สีของเคลือบนั้นมีสีที่แตกต่างไปจาก Flux ตัวอื่นๆ ผสมกับ Spodumene แทนได้ในสัดส่วน K-feldspar 25% โดยเฉพาะกบั CuO จะทำใหเก้ ดสิ ฟี าเทอร้ คอยซ์ ์ทสวยงามมาก่ี Spodumene 75% Petalite เปนแร็ ท่ สำค่ี ญมากเมั อต่ื องการค้ ณสมบุ ตั ิ ดานความทนทานต้ อการเปล่ ยนแปลงอ่ี ณหภุ มู โดยเฉิ ยบพลี นั (Thermal shock resistance) เนองจากม่ื คี า่ COE ทต่ี ำมาก่ โดยมีการขยายตัวน้อยมากเมื่ออุณหภูมิสูงกว่า 700OC เนอด้ื นทิ ม่ี สี วนประกอบของ่ Petalite >60% สามารถทนทาน ตอเปลวไฟโดยตรงได่ ด้ ีและสามารถเยนต็ วในนั ำอย้ างรวดเร่ ว็ ไดโดยไม้ แตกร่ าว้ ในการขนร้ึ ปผลู ตภิ ณฑั สามารถใช์ ้ Petalite รวมกบดั นเหนิ ยวี สวนการหล่ อแบบจะใช่ ร้ วมก่ บดั นขาวไดิ ด้ วย้ Cryolite เพอช่ื วยให่ อ้ ตราการหลั อแบบด่ ขี น้ึ สำหรบถั าต้ องการเพ้ ม่ิ % Cryolite เป็นคำที่มาจากภาษากรีกคือ Kryos ซึ่ง Petalite ขนไปอ้ึ กกี อาจใช็ ้ Bentonite เตมลงไปเพิ อช่ื วยเพ่ ม่ิ แปลวาเย่ นถ็ งจึ ดเยุ อกแขื ง็ กบคำวั า่ Lithos ทแปลว่ี า่ หนิ มสี ตรู ความเหนยวและเพี มความแข่ิ งแรงด็ บของชิ นงาน้ิ โครงสรางทางเคม้ คี อื Na3AlF6 เรยกชี อทางเคม่ื วี า่ Sodium สตรเนู อด้ื นสำหริ บผลั ตภิ ณฑั ์ hexafluoride aluminate มชี อเร่ื ยกอี กชี อว่ื า่ Ice spar เนองจาก่ื ททนต่ี อการเปล่ ยนแปลงอ่ี ณหภุ มู ไดิ ด้ ี แรชน่ ดนิ ม้ี ลี กษณะผลั กใสคลึ ายก้ บนั ำแข้ ง็ และยงพบเปั นคร็ ง้ั Petalite 45% แรกทเกาะกร่ี นแลนดี ซ์ งเป่ึ นด็ นแดนนิ ำแข้ งของข็ วโลกเหน้ั อในื Ball clay แมทาน่ 30% ปคศี . 1799 นอกจากนเน้ี องจาก่ื Cryolite มคี า่ Refractive ดนขาวระนองิ 15% index ตำใกล่ เค้ ยงกี บนั ำ้ ดงนั นเม้ั อใส่ื แร่ น่ ลงไปในน้ี ำจะด้ คลู าย้ Spodumene 10% กบกั อนน้ ำแข้ งท็ ลอยอย่ี ในนู่ ำ้ Cryolite จงถึ กเรู ยกวี า่ Ice spar เผาทอ่ี ณหภุ มู ิ 1250-1280 OC นอกจากนก้ี ย็ งมั ชี อว่ื า่ Kryolith, Kryocide

January - April 2011 CERAMICS Journal 15 Cryolite นั้นพบมากที่กรีนแลนด์ อเมริกา (รัฐโคโล ราโด) แคนาดา รสเซั ยี องคประกอบทางเคม์ จะประกอบไปดี วย้ Na 30-34% Al 12-15% F 53% (Minimum) LOI 0.5% จดุ หลอมตวอยั ทู่ ่ี900 OC ลกษณะผลั กเปึ นคล็ ายแก้ ว้ มสี ขาวี เทา แดง ปนไดบ้ าง้ โครงสรางผล้ กเปึ นแบบ็ Monoclinic คาความ่ แขงอย็ ทู่ ่ี 2.5-3 ตาม Mohs scale คาความถ่ วงจำเพาะ่ 2.9-3.0 The Cryolite Soda Process มคี า่ COE 0.2x10-6 1/ OC 1) Na3AlF6 + 3 CaC03 =NaAI02 +Na20 + 3 CaF2+ 3 CO2

การใชงานในอ้ ตสาหกรรมเซรามุ กิ 2) NaAl02 + Na20 = Na3Al03.

ใชในอ้ ตสาหกรรมแกุ ว้ โลหะเคลอบื (Enamel) โดยใช้ 3) 2 Na3Al03 +3 H20 + 3 CO2 = 3 Na2C03 + 2 Al(OH)3 เปนต็ วลดจั ดยุ เทคตู กในแกิ ว้ และใชเป้ นต็ วั Opacifier ใน กระบวนการผลตเริ มต่ิ นจากการนำ้ Cryolite มาบด ละเอยดจนเปี นผงและผสมรวมก็ บหั นปิ นบดละเอู ยดี นำไปเผา ใชในเคล้ อบเซรามื กเพิ อช่ื วยให่ เก้ ดความทิ บแสงและึ ในเตา Rotary kiln พวกกาซคาร๊ บอนไดออกไซด์ จะสลายต์ วั

ทำหนาท้ เป่ี น็ Flux ทร่ี นแรงมากุ โดยปกตจะใสิ ในเคล่ อบไดื ใน้ ออกไปเหลอเปื น็ sodium aluminates และ CaF2 นำสวนผสม่ ชวง่ 5-15% เนองจากเป่ื นแหล็ งให่ ้ Fluoride ทค่ี อนข่ างเสถ้ ยรี นไปกวนในน้ี ำก้ จะได็ สารละลายของ้ sodium aluminates และ

เพราะมปรี มาณิ Al ซงจะเปล่ึ ยนไปเป่ี น็ Al2O3 ประกอบอยดู่ วย้ ตะกอนของ CaF2 แลวจ้ งนำสารละลายึ sodium aluminates

Cryolite ถอวื าเป่ นแหล็ งท่ ให่ี ้Al2O3 ทม่ี อี ณหภุ มู ในการหลอมติ วั ไปผานก่ าซคาร๊ บอนไดออกไซด์ ์กจะได็ ้aluminum hydroxide

ต่ำมาก ในเคลือบที่มี Fluoride อยู่ในปริมาณไม่สูงมากนัก ตกตะกอนออกมา สวน่ Na2CO3 จะยงเปั นสารละลายอย็ จู่ งึ จะชวยทำให่ เคล้ อบมื ความหนี ดทื อ่ี ณหภุ มู สิ งมู คี าต่ ำลงซ่ งจะ่ึ ตองนำไปอบให้ แห้ งเพ้ อให่ื น้ ำระเหยออกไป้ กจะได็ โซดาแอช้ ชวยทำให่ ฟองอากาศท้ อย่ี ภายในชู่ นเคล้ั อบเคลื อนต่ื วออกไปั ตามทต่ี องการ้ สวน่ By product ไดแก้ ่ aluminum hydroxide

ดานบนได้ ด้ ขี น้ึ สำหรบพวกั Shino glaze จะใส ่ Cryorite ลง นนจะนำไปใช้ั ทำสารส้ ม้ และ CaF2 นำไปใชในอ้ ตสาหกรรมแกุ ว้ ไปดวย้ เพราะ Fluoride จะชวยทำให่ เหล้ กท็ อย่ี ในเนู่ อด้ื นของิ สำหรบอั ตสาหกรรมโลหะุ มการนำี Cryolite ไปใช้ Shino ware เคลอนข่ื นมาอย้ึ ทู่ ผ่ี วเคลิ อบในขณะทื เคล่ี อบเรื ม่ิ เปน็ Solvent กบแรั ่ Bauxite และแยกเอาอลมู เนิ ยมออกมาี หลอมตวั สำหรบในกระเบั องม้ื การเตี มิ Cryolite ลงไปในเอนโกบ โดยวธิ ี electrolysis เนองจาก่ื Cryolite มจี ดหลอมเหลวตุ ำ่ 0.5-2% เพอปร่ื บคั า่ COE ซงจะช่ึ วยทำให่ แก้ ไขป้ ญหากระเบั อง้ื ประมาณ 1000 OC ทำให ้Cryolite ทหลอมในเตาหลอมจะกลาย่ี โกงหล่ งเผาไดั ้ แตถ่ าใส้ มากเก่ นไปจะมิ ปี ญหาเรั องการรานต่ื วไดั ้ เปนต็ วนำไฟฟั าท้ ด่ี สำหรี บปฏั กิ ริ ยาิ electrolysis อลมู เนิ ยมที ่ี แตข่ อเส้ ยที ต่ี องควรระว้ งสำหรั บการใชั ้Cryolite ในเคลอบหรื อื ได้จากกระบวนการนี้จะมีความบริสุทธิ์สูงมากถึง 99.99% เอนโกบก็คือกาซฟลูออรีนที่อาจไปรวมตัวกับไอน้ำแล้วกลาย เลยทเดี ยวี เปน็ HF ทม่ี ฤทธี ในการก์ิ ดผนั งเตาไดั เป้ นอย็ างด่ ี จะเห็นได้ว่าวัตถุดิบทั้งสองชนิดนั้นสามารถใช้ นอกจากน ้ี Cryolite ยงเปั นว็ ตถั ดุ บติ งต้ั นในการผล้ ติ ประโยชนในอ์ ตสาหกรรมเซรามุ กไดิ โดยอาศ้ ยคั ณสมบุ ตั ิ

โซดาแอช (Na2CO3) ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้หลากหลายทั้งใน ทแตกต่ี างจากว่ ตถั ดุ บติ วอั นๆท่ื น่ี ยมใชิ ก้ นทั วไป่ั แลวจะ้ เซรามิกและแก้ว โดยเรียกกระบวนการผลิตโซดาแอชจาก เขียนถึงวัตถุดิบตัวอื่นๆที่มาช่วยปรับปรุงคุณสมบัติที่ Cryolite วา่ Cryolite Soda Process หลากหลายของเซรามกคริ บั

16 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 อาจารย ์ ดร. วรพงษ ์ เทยมสอนี สาขาวิทยาศาสตร์ซิลิเกตและเทคโนโลยี ภาควชาเคมิ อี ตสาหกรรมุ คณะวทยาศาสตริ ์ มหาวทยาลิ ยเชั ยงใหมี ่

ประวัติความเป็นมาและววิ ฒนาการั ของ..แกว้

จากอดีตจนถึงปัจจุบัน แก้ว (Glass) ถูกนำมาใช้ประโยชน์ ในชีวิตประจำวันอย่างกว้างขวาง เช่น อุปกรณ์ตกแต่งตามโบสถ์ หรือวัด อุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือน ภาชนะบรรจุน้ำและอาหาร กระจก รวมถึง ชิ้นส่วนต่างๆ ในเครื่องมือทางการแพทย์ ยานยนต์ โครงสร้างอาคาร เป็นต้น เหตุผลหลักที่แก้วถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง เนื่องจากแก้วเป็นวัสดุที่โปร่งใส (Transparence) มีความแข็งแกร่ง (Hardness) และเฉื่อยต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี (Chemical resistance) ทำให้แก้วมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้งานได้ตามต้องการ จนถึงปัจจุบันและในอนาคต

January - April 2011 CERAMICS Journal 17 History of

Glass ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ 1.1 ประวตั ของแกิ ว้ [1,2,3] (History of glasses) งานดานต้ างๆ่ มากยงข่ิ น้ึ โดยเฉพาะการนำไปประยกตุ ใช์ ก้ บั แกวตามธรรมชาต้ เกิ ดขิ นด้ึ วยการเย้ นต็ วอยั างรวดเร่ ว็ สงปล่ิ กสรู างต้ างๆ่ นำไปตดตามหนิ าต้ างของโบสถ่ ใหญ์ ๆ่ ใน ของหินหลอมเหลวอุณหภูมิสูงที่มาจากของเหลวใต้พิภพ ประเทศแถบยุโรปตะวันตก เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน การพุ่งชนของอุกกาบาต หรือเกิดจากการเปลวไฟ โดยใน ประเทศอิตาลี ณ เมืองเวนิส ซึ่งได้กลายเป็นศูนย์กลางของ ธรรมชาต ิ"แรออบช่ เดี ยนี (Obsidian)" ถอไดื ว้ าเป่ นแก็ วตาม้ อุตสาหกรรมการผลิตแก้วที่ยิ่งใหญ่ในประเทศแถบตะวันตก ธรรมชาตทิ พบบร่ี เวณภิ เขาไฟทู เก่ี ดจากลาวาทิ เย่ี นต็ วอยั างรวดเร่ ว็ ตงแต้ั ่ ค.ศ. 1300 เปนต็ นมา้ แก้วในสมัยอียิปต์โบราณถือได้ว่าเป็นวัสดุมีค่าที่เห็นได้จาก ก่อนคริสตศักราชประมาณ 20 ปี ได้มีการทำแก้ว หลกฐานทางประวั ตั ศาสตริ ของล์ กปู ดแกั วท้ ถ่ี กนำมาใชู ตกแต้ ง่ สำหรบใชั เป้ นเคร็ องประด่ื บั ของมคี า่ และภาชนะบรรจอาหารุ หลมศพหรุ อหนื ากากทองของฟาโรห้ อ์ ยี ปติ โบราณ์ นอกจาก ดวยว้ ธิ การเปี าแก่ วด้ วยการเป้ าลมผ่ านเข่ าปลายด้ านหน้ งของ่ึ ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ นนย้ั งพบวั าในสม่ ยกั อนมน่ ษยุ ถ์ ำได้ นำช้ นแก้ิ วท้ แตกต่ี วมาจากั ท่อโลหะกลวง (Blowing pipe) โดยปลายอีกด้านหนึ่งเป็น หนออบชิ เดี ยนมาประยี กตุ เป์ นเคร็ องม่ื ออื ปกรณุ ในการดำรงช์ พี กอนของแก้ วเหลวท้ ผ่ี เปู้ าแก่ วต้ องอาศ้ ยความชำนาญสำหรั บั และอาวธตุ างๆ่ เชน่ มดี ขวาน เครองข่ื ดู และปลายหอกหรอื กำหนดและควบคมใหุ ได้ ขนาด้ -รปรู าง่ ตามตองการ้ ปลายลกธนู ู เปนต็ น้ สวนการผล่ ตแกิ วโดยมน้ ษยุ น์ น้ั พบมา ต้นศตวรรษที่ 11 ถึงปลายศตวรรษที่ 13 การผลิต ตั้งแต่สมัยอิยิปต์-ซีเรียประมาณ 5000 ปีก่อนคริสตศักราช แกวแผ้ น่ (Sheet glass) ไดม้ การพี ฒนาอยั างมาก่ โดยชาง่ ดวยการทำเป้ นล็ กปู ดแกั ว้ (Glass beads) และภาชนะรปทรงู เทคนคชาวเยอรมิ นและชาวอั ตาลิ ีทใช่ี เทคน้ คการเปิ าแก่ วแบบ้ กระเปาะ (Pots) เปนต็ น้ Cylinder process และ Crown process โดยวธิ ี Cylinder เมอประมาณ่ื 3500 ปกี อนคร่ สตศิ กราชั ไดพบล้ กปู ดั process เปนการเป็ าแก่ วให้ เป้ นกระเปาะกลวงและหม็ นตามุ แก้วทึบแสงในอียิปต์โบราณ และเมโสโปเตเมียตะวันตก แนวดิ่งโดยอาศัยแรงโน้มถ่วงจนกลายเป็นทรงกระบอก (Eastern Mesopotamia) ทคาดว่ี าเก่ ดจากความบิ งเอั ญของิ จากนนทำการต้ั ดแกั วขณะท้ ย่ี งอั อนต่ วอยั ใหู่ แก้ วแผ้ เป่ นแผ็ น่ การหลอมรวมกันระหว่างทรายและโซเดียม โดยสมัยอียิปต์ ดังแสดงในรูปที่ 1 สำหรับวิธี Crown process ทำได้โดย โบราณในประเทศแถบทะเลเมดเตอริ เรเน์ ยนี (Mediterranean) เปาแก่ วให้ เป้ นทรงกลม็ จากนนเหว้ั ยงด่ี วยความเร้ วส็ งใหู แก้ ว้ เลาต่ อก่ นมาวั าหล่ งจากมั การจี ดกองไฟแถวชายหาดุ เมอด่ื บั เกดการแผิ เป่ นแผ็ นตามแรงเหว่ ยงน่ี น้ั ดงแสดงในรั ปทู ่ี 2 ไฟแลวพบแก้ วหลงเหล้ ออยื ใตู่ กองไฟ้ ซงน่ึ าจะเก่ ดจากการหลอมิ ตวของทรายรวมกั บเกลั อทะเลหรื อเถื ากระด้ กู ทงน้ั ทรายบร้ี สิ ทธุ ์ิ หรอซื ลิ กอนไดออกไซดิ ม์ จี ดหลอมเหลวสุ งถู งประมาณึ 1723 องศาเซลเซยสี ดงนั นเกล้ั อทะเลและกระดื กู นาจะช่ วยลดจ่ ดุ หลอมเหลวใหต้ ำพอท่ จะหลอมต่ี วในธรรมชาตั ไดิ ้ เมอประมาณ่ื 1500 ปกี อนคร่ สตศิ กราชั ชาวอยี ปติ ์ ได้เรียนรู้การทำภาชนะแก้วกลวง (Hollow glasspots) จน สามารถผลตขวดในยิ คแรกๆุ ได ้ โดยวธิ การผลี ตขวดแกิ วใน้ ยุคนั้นได้นำน้ำแก้วหลอมที่ถูกดึงให้เป็นริบบิ้นมาพันรอบๆ รูป 1 การผลิตแก้วแผ่นด้วยวิธี Cylinder process[3] (1) การเปาแก่ วเป้ นทรงกระบอกตามแนวด็ ง่ิ แม่พิมพ์รูปขวดที่ทำจากทรายที่ถูกอัดให้แน่น หลังจากแก้ว (2) ตัดปลายแก้วทั้งสองด้าน

(3) ผาคร่ งทรงกระบอกแก่ึ ว้ (4) แผแผ่ นแก่ ว้ ○○○○○○○ เย็นตัวแล้วทรายก็ถูกคว้านออกกลายเป็นภาชนะกลวงรูป ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ ขวดที่มีผิวขรุขระ (Rough) โปร่งแสง (Translucence) ได้ ในชวงศตวรรษท่ ่ี 14-16 ไดม้ การผลี ตแกิ วอย้ างแพร่ ่ เมอประมาณช่ื วงศตวรรษแรกก่ อนคร่ สตศิ กราชั ไดม้ การคี น้ หลายจนกลายเปนอ็ ตสาหกรรมโดยมุ ศี นยู กลางอย์ ทู่ เวน่ี สิ และ พบวธิ การเปี าแก่ ว้ (Glass blowing) และการทำเปนแผ็ นแก่ ว้ หมเกาะมู่ ลาโนู ประเทศอตาลิ ี ซงม่ึ การถี ายทอดเทคน่ คการิ ใสไดเป้ นคร็ งแรกในสม้ั ยโรมั นั รวมถงการทำใหึ แก้ วม้ สี ตี างๆ่ ผลิตแก้วชนิดต่างๆจากรุ่นสู่รุ่นภายในครอบครัว จนกระทั่ง () ทำให้สามารถผลิตแก้วเพื่อประยุกต์ใช้ใน กลายเปนอ็ ตสาหกรรมแกุ วขนาดใหญ้ ในป่ จจั บุ นั

18 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○

รปู 3 การผลตแกิ วแผ้ นด่ วยว้ ธิ ี Table rolling process[3]

○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ 1.2 ววิ ฒนาการการผลั ตแกิ วอ้ ตสาหกรรมุ การพัฒนากระบวนการผลิตแก้วจากงานฝีมือเป็น งานอตสาหกรรมไดุ เร้ มต่ิ นในกลางศตวรรษท้ ่ี 17 โดยเทคโน โลยการผลี ตยิ งคงไมั เปล่ ยนแปลงมากน่ี กั แตได่ ม้ การพี ฒนาั ทางดานควบค้ มคุ ณภาพของผลุ ตภิ ณฑั แก์ ว้ เชน่ การใชว้ ตถั ุ รูป 2 การผลิตแก้วแผ่นด้วยวิธี Crown process[3] (1) เปาแก่ วเป้ นกระเปาะด็ วยท้ อเป่ า่ (2) ตอท่ อเหว่ ยง่ี ดบทิ ม่ี ความบรี สิ ทธุ ์ิการหาความสมพั นธั ระหว์ างองค่ ประกอบ์ และตัดแก้วออกจากท่อเป่า (3) หมุนท่อเหวี่ยงให้ยึดแน่นกับแก้ว เคมและสมบี ตั ของแกิ ว้ การควบคมสุ ของแกี วด้ วยการควบค้ มุ

(4) หมนทุ อเหว่ ยงด่ี วยความเร้ วส็ งู (5) นำแกวแผ้ นเข่ าเตาอบ้ ○○○○○○ ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ อออนใหิ ส้ ในแกี วเหลว้ เชน่ ปรมาณอิ ออนของเหลิ ก็ แมงกานสี ในชวงศตวรรษท่ ่ี16 ไดม้ การคี ดคิ นแก้ วชน้ ดใหมิ ข่ นมา้ึ โคบอลต ์ โครเมยมี เปนต็ น้ รวมถงการควบคึ มใหุ แก้ วใสไม้ ม่ สี ี โดยชางทำแก่ วชาวอ้ งกฤษั (George Ravenscroft ; 1618- เชน่ การออกซไดซิ ์Fe2+ ใหกลายเป้ น็ Fe3+ หรอการเตื มสารฟอกสิ ี 1681) เพื่อทดแทนการใช้แก้วจากหมู่เกาะมูราโน โดยในปี (Blanching agent) เปนต็ น้ นอกจากนย้ี งมั การทำใหี แก้ วม้ สี ี 1674 George Ravenscroft ไดทำแก้ วตะก้ ว่ั (Lead glass) จากการแขวนลอยของโลหะ เชน่ แคดเมยมี คอปเปอร ์ทองคำ ทใช่ี ตะก้ วปร่ั มาณสิ งแทนโปแตสเซู ยมี ซงได่ึ แก้ วท้ ม่ี ความใสี ซลี เนิ ยมี เปนต็ น้ มันวาว มีค่าดัชนีหักเหสูง สามารถตัดและแกะสลักให้เกิด จดพลุ กผิ นของอั ตสาหกรรมแกุ วสม้ ยใหมั เร่ มต่ิ นใน้ ลวดลายตามตองการได้ ้ ชวงต่ นศตวรรษท้ ่ี 19 โดยนกวั ทยาศาสตริ ชาวเยอรม์ นั (Otto ต่อมาในปี 1688 ที่ประเทศฝรั่งเศส ได้พัฒนาการ Schott ; 1851-1935) รวมก่ บศาสตราจารยั ของมหาว์ ทยาลิ ยั ผลตแกิ วแผ้ นเพ่ อนำไปทำเป่ื นกระจกท็ ม่ี ความสมบี ตั ดิ านแสง้ Jena (Ernst Abbe ; 1840-1905) ดงรั ปทู ่ี4 ทใช่ี หล้ กการทางั ทด่ี โดยวี ธิ ี Table rolling process ในรปทู ่ี 3 การทำแกวแผ้ น่ วทยาศาสตริ จากการศ์ กษาผลของธาตึ แตุ ละชน่ ดในองคิ ประกอบ์ วิธีนี้จะเทแก้วเหลวลงบนโต๊ะจากนั้นใช้ลูกกลิ้งโลหะกลิ้งบน แก้วมาใช้ในการควบคุมสมบัติทางแสงและทางความร้อน แกวเหลวน้ นให้ั แผ้ เป่ นแผ็ น่ เมอแก่ื วแผ้ นเย่ นต็ วจะทำการขั ดั ในส่วนของสมบัติด้านแสงได้จัดตั้งบริษัทในชื่อ Carl Zeiss ผิวด้วยจานเหล็กผิวเรียบตามด้วยทรายละเอียด และขัดเงา Firm เพอพ่ื ฒนาเลนสั แก์ วให้ ม้ คี าด่ ชนั หี กเหและการกระจายั ด้วยแผ่นสักหลาด ทำให้ได้แก้วที่มีการส่องผ่านของแสงสูง แสงสงในการประยู กตุ ใช์ ก้ บกลั องจ้ ลทรรศนุ รวมถ์ งการพึ ฒนาั เมอทำการเคล่ื อบผื วดิ านใดด้ านหน้ งด่ึ วยโลหะจะได้ กระจกเงา้ เทคโนโลยแกี ว้ ซงถ่ึ อไดื ว้ าเป่ นจ็ ดเรุ มต่ิ นของอ้ ตสาหกรรมแกุ ว้ คณภาพสุ งู ใชงานด้ านต้ างๆ่ ในปจจั บุ นั

January - April 2011 CERAMICS Journal 19 History of Glass ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ ในชวงป่ ีค.ศ. 1905-1914 ไดม้ นวี ตกรรมผลั ตแกิ วแผ้ น่ (Flat glass) แบบตอเน่ องด่ื วยระบบ้ Fourcault process ทค่ี ดิ คนคร้ งแรกโดยชาวเบลเย้ั ยมี (Emile Fourcault ; 1862-1919) โดยการดงแกึ วเหลวในแนวด้ ง่ิ (Vertical drawing) จากถงั หลอมผาน่ Nozzle ขนไปด้ึ านบนผ้ านวงล่ อ้ ดงแสดงในรั ปทู ่ี5 ซงสามารถควบค่ึ มความหนาและความกวุ างของแก้ วแผ้ นได่ จน้ สามารถขยายเปนการผล็ ตแกิ วแผ้ นทางการค่ าได้ ในป้ ี 1914 จนถงปึ จจั บุ นั ในป ีค.ศ. 1910 นกวั ทยาศาสตริ ชาวฝร์ งเศส่ั (Edouard รปู 4 Otto Schott (1851-1935) และ Ernst Abbe (1840-1905) Benedictus ; 1878-1930) ได้พัฒนาต่อยอดจากการผลิต

ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแก้ว[4] ○○○○○○ ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ แกวแผ้ นให่ ม้ ความแขี งแรงมากข็ นด้ึ วยกระบวนการนำแก้ ว้ 2 ในช่วงปี ค.ศ. 1900-1925 นักวิศวกรชาวอเมริกัน แผนประกบก่ นั โดยมวี สดั เซลลุ ลอยดู ์(Celluloid materials) บางๆ เป็นสารเชื่อม เรียกแก้วชนิดนี้ว่าแก้วลามิเนต (Laminated (Michael Owens ; 1859-1923) ไดสร้ างเคร้ องเป่ื าแก่ วระบบ้ ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ อัตโนมัติสำหรับผลิตขวดแก้วด้วยการสนับสนุนของ E.D.L. safety glass) และพฒนาตั อเน่ องกลายเป่ื นแก็ วน้ รภิ ยในชั อ่ื Libbey ในนามของบรษิ ทั Libbey Glass ทได่ี ม้ การพี ฒนาั ของ Triplex ภายใตบร้ ษิ ทั British Triplex Safety Glass จำกดั เครองจ่ื กรสำหรั บเปั าแก่ วแบบต้ อเน่ อง่ื จนไดช้ อว่ื าเป่ นต็ นแบบ้ จากนั้นได้มีการพัฒนาสารเชื่อมมาเป็นพอลิไวนิล บิวทีรอล ของบรษิ ทผลั ตเคริ องจ่ื กรรายอั นๆ่ื ในยโรปุ เชน่ O'Neill, Miller (Polyvinyl Butyral ; PVB) เพอเพ่ื มความคงทนและใช่ิ งานได้ ้ and Lynch เปนต็ น้ ตอมาในป่ ี ค.ศ. 1923 ไดม้ การพี ฒนาั นานขนจนถ้ึ งปึ จจั บุ นั ระบบปอนน้ ำแก้ ว้ (Gob feeder) ทสามารถควบค่ี มขนาดของุ การผลตขวดแกิ วได้ อย้ างแม่ นยำ่ และในป ีค.ศ. 1925 ไดม้ การี พฒนาเครั องจ่ื กรระบบั IS (Individual section) เพอนำมาเช่ื อม่ื ตอก่ บระบบปั อนน้ ำแก้ ว้ (Gob feeder-IS machine) ทำให้ สามารถผลตขวดแกิ วได้ อย้ างต่ อเน่ องและรวดเร่ื ว็ ซงระบบน่ึ ้ี ยงคงเปั นพ็ นฐานของกระบวนการผล้ื ตแกิ วบรรจ้ ภุ ณฑั แบบ์ อตโนมั ตั จนถิ งปึ จจั บุ นนั ้ี

รปู 6 การผลตแกิ วแผ้ นด่ วยว้ ธิ ี Libbey-Owens process[3] รูป 5 การผลิตแก้ว (1) ลูกกลิ้งป้องกันแก้วหดตัว แผ่นด้วยวิธี [3] (2) หัวพ่นไฟป้องกันไม่ให้ขอบของแผ่นแก้วเย็นตัวเร็ว

Fourcault Process (3) แก้วแผ่นที่ถูกดึงบนลูกกลิ้ง

○○○○○○○ (1) ท่อหล่อเย็น ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ (2) หองด้ งแกึ ว้ (3) ลูกกลิ้ง ในปี ค.ศ. 1917 วิศวกรชาวอเมริกัน (Irving W.

สำหรับดึงแก้ว ○○○○○ ○○○○○○ Colburn; 1861-1917) ไดพ้ ฒนากระบวนการดั งแกึ วแผ้ นในแนว่ ดงแต่ิ ไม่ ผ่ าน่ Nozzle เรยกกระบวนการนี ว้ี า่ Libbey-Owens process ดงแสดงในรั ปทู ่ี 6 โดยสามารถผลตแกิ วแผ้ นได่ ้ ทความหนา่ี 0.8-20 มลลิ เมตริ

20 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 ในชวงปลายของสงครามโลกคร่ งท้ั ่ี1 (ค.ศ. 1919) ไดม้ ี ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ วศวกรชาวเยอรมิ นั (Max Bicheroux ; 1876 - 1932 และ Lambert Reis ; 1884-1955) พฒนาการผลั ตแกิ วแผ้ นโดย่ การเทแก้วเหลวจากเบ้าหลอมผ่านเข้าไปในช่องว่างระหว่าง ลอกล้ ง้ิ 2 ลอ้ (Two rollers) เรยกกระบวนนี ว้ี า่ Bicheroux process ดังแสดงในรูปที่ 7 ซึ่งสามารถผลิตแก้วแผ่นที่มี ความหนามากๆ ไดและย้ งเปั นกระบวนการผล็ ตแกิ วท้ ม่ี ความี กวางได้ ถ้ งึ 4.5 เมตร หลงสงครามโลกครั งท้ั ่ี2 (ค.ศ. 1952) ไดม้ การพี ฒนาั กระบวนการผลตแกิ วแผ้ นด่ วยว้ ธิ ีFloat process โดยชาวองกฤษั (Alastair Pilkington ; 1920-1995) ในชอบร่ื ษิ ทั Pilkington Brothers จำกดั โดยทำการเทแกวเหลวลงบนอ้ างด่ บี กหลอมุ เหลว (Molten Tin) ดงแสดงในรั ปทู ่ี 8 ซงแก่ึ วแผ้ นท่ ผล่ี ตไดิ ้ จาก Float process มผี วเริ ยบี สามารถควบคมความหนาไดุ ้ แมในป้ จจั บุ นั Float process ยงเปั นท็ น่ี ยมผลิ ตแกิ วแผ้ นเพ่ อ่ื นำไปใชในงานก้ อสร่ าง้ ยานยนต ์ และทำกระจก เปนต็ น้ รปทู ่ี 8 การผลตแกิ วแผ้ นด่ วยว้ ธิ ี Float process[3] (1) ขอบปลายที่แก้วสัมผัสกับดีบุกเหลว (2) ดีบุกเหลว (3) ขดลวดให้ความร้อน

(4) หองข้ นร้ึ ปทู ม่ี การควบคี มบรรยากาศแบบรุ ดี กชั นั ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○

1.3 การพฒนาแกั วในป้ จจั บุ นั [3] ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จนถึงปัจจุบัน ได้มีการ คดคิ นเทคโนโลย้ ใหมี ๆ่ ทำใหสามารถผล้ ตแกิ วไปประย้ กตุ ใน์ ดานต้ างๆ่ มากขน้ึ ประกอบดวย้ การคดคิ นส้ วนผสมแก่ วใหม้ ๆ่ เชน่ แกวบอโรซ้ ลิ เกติ (Borosilicate glass) แกวอะล้ มู โนซิ ลิ เกติ (Aluminosilicate glass) ที่สามารถทนทานต่อความร้อนและสารเคมีได้สูง แกวคร้ สติ ลั (Crystal glass) ทม่ี สี วนผสมของตะก่ วทำให่ั แก้ ว้

○○○○○○○○○○○○ มความแวววาวสวยงามมากกวี าแก่ วท้ วไป่ั จนเปนท็ น่ี ยมกิ นั มากสำหรบวงการเครั องประด่ื บั หรอเครื องแก่ื วท้ เน่ี นความหร้ ู หรา เชน่ แกวไวน้ ์โคมไฟ เปนต็ น้ หรอการคื ดคิ นส้ วนผสมแก่ ว้ ชนดแกิ วบอเรต้ () แกวฟอสเฟต้ () สำหรบใชั ในงานเฉพาะทาง้ เชน่ การแพทย ์ การโทร

รูป 7 การผลิตแก้วแผ่นด้วยวิธี Bicheroux process[3] ○○○○○○○ ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ คมนาคม เปนต็ น้

January - April 2011 CERAMICS Journal 21 History of การผลGlassตแกิ วเพ้ อใช่ื งานเฉพาะด้ าน้ เชน่ การผลตแกิ ว้ ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ หลอดสุญญากาศ (Glass vacuum tube) หลอดแก้วรังสี เอกซเรย็ ์(X-ray glass tube) แผนแก่ วอ้ เลิ กทรอน็ กสิ สม์ ยใหมั ่ ตางๆ่ เชน่ จอโทรทศนั หร์ อคอมพื วเตอริ ์ เปนต็ น้ เมอไม่ื นาน่ มานได้ี ม้ การคี นพบการผล้ ตเสิ นใยนำแสง้ (Fiber optic) ซงก่ึ อ่ ให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมอย่างรวดเร็ว ซึ่งเส้นใยนำแสงนี้ได้ถูกนำมาใช้แทนสายไฟที่ทำจากโลหะ ทองแดง ทำใหสามารถขยายประส้ ทธิ ภาพของการสิ งถ่ ายข่ อ้ การพฒนาแกั วเพ้ อใช่ื ในงานโครงสร้ าง้ (Structural มลอยู างม่ ประสี ทธิ ภาพสิ งู (Flaw-freedata) ไดท้ วโลก่ั glass) เชน่ การเคลอบผื วใหิ ม้ สี สี นสวยงามั การทำลวดลาย การพฒนาแกั วแผ้ นให่ ม้ สมบี ตั บางอยิ างด่ ขี น้ึ เพอเพ่ื ม่ิ บนผวแกิ ว้ (Embossing หรอื Ablation techniques) การดดั ประสทธิ ภาพการใชิ งาน้ เชน่ การเพมความแข่ิ ง็ (Strengthening) รปรู างให่ ม้ รี ปทรงใหมู ๆ่ (Sag bending หรอื Press bending ดวยกระบวนการอบแข้ ง็ (Tempering process) หรอการทำื processes) การเชอมต่ื อระหว่ างแก่ วก้ บโลหะเพั อใช่ื ในงาน้ เปนแก็ วลาม้ เนติ (Lamination process) ทำใหแผ้ นแก่ วม้ ความี สถาปัตยกรรม () การพัฒนาแก้วให้มี แข็งแรงเพิ่มขึ้น 5-7 เท่า โดยนำไปทำเป็นแผ่นแก้วนิรภัย ความแขงแรงส็ งสำหรู บงานปั พู น้ื สะพาน รวมถงอึ ตสาหกรรมุ (Safety glass) การทำใหแก้ วม้ ความคงทนตี อสารเคม่ ไดี ส้ งขู น้ึ ยานยนต ์ (Automotive glass) เปนต็ น้ (Chemically strengthened glass) ดวยกระบวนการแลกเปล้ ยน่ี จากที่กล่าวมา ทำให้เห็นได้ว่าแก้วเป็นวัสดุที่ อิออนที่ผิว การทำให้แก้วมีความทนไฟสูง (Fire resistant ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ ใช้กันมานานและยังต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง glass) ด้วยการปรับองค์ประกอบเคมีของแก้วโดยใช้แก้วใน เพื่อให้ประยุกต์ใช้กับงานด้านอื่นๆ รวมถึงสามารถ กลมของบอโรซุ่ ลิ เกตและอะลิ มู โนซิ ลิ เกติ เปนต็ น้ ประยตกุ ให์ สอดคล้ องก้ บอั ตสาหกรรมอุ นๆ่ื ทม่ี การเตี บิ การพฒนาผั วแกิ วด้ วยกระบวนการเคล้ อบื (Functional โตอย่างรวดเร็ว เช่น อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ กล้อง coating) เพอให่ื ม้ สมบี ตั เฉพาะตามติ องการโดยไม้ ม่ การเปลี ยน่ี ถายภาพ่ ยานยนต ์โทรคมนาคม การขนสง่ พลงงานและั องคประกอบเคม์ ี เชน่ การเคลอบผื วกระจกเงาิ (Mirror) ดวย้ สงแวดล่ิ อม้ เปนต็ น้ โลหะดบี กหรุ อเงื นิ ใหม้ การสะที อนแสงได้ ส้ งขู น้ึ สามารถประยกตุ ์ ใชทำเป้ น็ Solar thermal power glass การเคลอบดื วยอะล้ มู ิ เอกสารอางอ้ งิ เนยมเพี อใช่ื ทำ้ Telescope mirror หรอการเคลื อบดื วยโครเม้ ยมี เพอลดการสะท่ื อนแสงสำหร้ บทำกระจกรถยนตั ์การเคลอบเพื อ่ื [1] Glass Online Available: http:// ทำเปนแก็ วฉนวนความร้ อนและแก้ วควบค้ มพลุ งงานแสงอาทั ตยิ ์ www.glassonline.com/infoserv/history.html (Thermal insulation glass and solar control glass) การเคลอบื (March, 26, 2010) ผิวเพื่อไม่ให้เกิดการสะท้อนแสง (Anti-reflective glass) [2] Smart Glass Available:http:// การเคลอบดื วย้ Indium tin (6%) oxide (ITO layers) เพอทำ่ื www.smartglassinc.com/glasshistory.html ใหแก้ วสามารถนำไฟฟ้ าได้ ้ (Electrically conductive glass) (March, 26, 2010) การเคลอบดื วยซ้ ลเวอริ คลอไรด์ ์ (AgCl) ชวยลดการส่ องผ่ าน่ [3] Margareta Benz-Zauner and Helmut ของแสงอลตราไวโอเลตั (Photochromic glass) สำหรบทำั A. Schaeffer, Glass Technology, Deutsches เป็นแว่นตากันแดดหรือกระจกรถยนต์ การเคลือบด้วยสาร Museum, 2007. ที่มีประสิทธิภาพทำลายสิ่งสกปรกเมื่อถูกกระตุ้นด้วยแสง [4] Vogel W., Chemistry of Glasses, (Photocatalytic coating) เพอใช่ื ทำเป้ นแก็ วท้ ทำความสะอาด่ี The American Ceramic Society Inc., Ohio, ไดเอง้ (Self-cleaning glass) การเคลอบผื วดิ วย้ Thin film 1985. solar cells เพอประย่ื กตุ ใช์ ในงาน้ Photovoltaics เปนต็ น้

22 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 อังสนา เคลมพิน

การวาดลาย บนเคลอบื ดอกกหลาบุ บนแผน่ กระเบื้องกลม

กระเบองกลมแผ้ื นใหญ่ น่ ม้ี ขนาดโตถี งึ 50 cm สามารถใชประกอบเป้ นหน็ าโต้ ะได๊ อย้ างสวยงาม่ ทนทั ที ด่ี ฉิ นไดั เห้ นแผ็ นกระเบ่ องน้ื ้ี โดนใจดฉิ นทั นทั ี เพราะชอบวาดบนแผนใหญ่ ่ ทสามารถใส่ี ดอก่ ได้หลากหลายลีลา และส่วนประกอบมากมาย ดิฉันปรารถนาจะวาดดอกกุหลาบลงบนชิ้นนี้ ซงดอกก่ึ หลาบเปุ นดอกท็ ท่ี าทายสำหร้ บนั กวาดกระเบั องเสมอ้ื ดฉิ นเรั มไฟแรก่ิ จากการวาดแยกชนของกล้ั บกี หลาบในดอกทุ บานมาก่ี และบานปานกลาง ยงไมั ใส่ ใบหร่ อรายละเอื ยดอี นๆ่ื หลงจากเสรั จต็ วดอกั ดฉิ นใสั ่ back ground ดวยส้ ี blue, yellow และ light green โดยไมใช่ ส้ ที เข่ี มเก้ นไปิ เพราะจะทำใหด้ สกปรกู เสรจแล็ วเผาท้ ี 780 oC สำหรับไฟที่สอง อย่างแรกคือใส่ใบ บางใบชอนอยู่ใต้ดอก ให้ดูมีมิติและเป็นธรรมชาติ แลววาดดอกต้ มู ดอกบานมากบางน้ อยบ้ าง้ การใสดอกต่ มในไฟนู ้ี มขี อด้ คี อสามารถเหื นถ็ งชึ องว่ าง่ และจงหวะทั จะใส่ี ได่ ด้ ขี นหล้ึ งจากเราวาดใบลงไปแลั ว้ ไฟทสาม่ี หลงจากเผาไฟทั สองแล่ี วเราจะเห้ นองค็ ประกอบท์ งหมด้ั สามารถเตมสิ ใหี เข้ มข้ น้ึ สำหรบั ดอก ใบ และ back ground ไดตามชอบใจค้ ะ่

January - April 2011 CERAMICS Journal 23 เรื่องและภาพ โดยกองบรรณาธิการ

อาจารยฉลอง์ ศริ มาตยิ ์

งานอดเรกแบบิ ดนิ …ดนิ น้อยคนนักที่จะรู้ว่าในกรุงเทพฯ จะมีศูนย์เรียนรู้การปั้นเซรามิก แบบไม่ต้องเสียเงิน หลังจากที่ดิฉันได้รับทราบมาว่า มีการสอนฟรีที่ศูนย์ ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร จตุจักร 2 มีนบุรี โดย อาจารย์ฉลอง ศิริมาตย์ ก็ติดต่อกันอยู่เป็นปีกว่าจะได้มีเวลาลงตัวพบเจอหน้ากัน วันที่เราไปถึงศูนย์ฯ ยังงง..งงกับสถานที่อยู่ เพราะไม่คุ้นกับแถวนั้น และคนก็พลุกพล่านมาก อ.ฉลอง.บอกว่าวิ่งผ่านสวนจตุจักรที่มีขายของเยอะๆ เขาไป้ จะเหนต็ กึ 4 ชน้ั ..."ออ้ ....เหนแล็ วค้ ะ่ แลวไปไงต้ อคะ่ " "แลวเลาะมาข้ าง้ ตึกมีชายคา และซอกเล็กๆ มองแล้วก็จะรู้เลยครับ" ...... โอ๊ะ..โอ๋ สถานทเร่ี ยนทำไดี ้amazing จรงๆคิ ะ่ ทำดวย้ จนตนาการของศิ ลปิ นสิ ดๆุ ทำใหด้ ฉิ นั คดถิ งคำวึ า่ "ศลปะิ ไมม่ ขอบเขตกี น้ั " ชองเล่ กๆท็ เต่ี มไปด็ วยหน้ มสาวุ่ เดนเขิ าเด้ นิ ออก อย ู่20-30 คน ตกแตงหน่ าบ้ านด้ วยแผ้ นป่ ายเซราม้ กริ ปแบบตู างๆ่ ฝมี อลื กศู ษยิ ์ ทำใหเราทราบว้ า่ ไมผ่ ดทิ แน่ี ่ หลงจากแทรกตั วเขั าไปท้ กทายกั บอาจารยั ์ กน็ งค่ั ยกุ นตรงสถานทั ทำงาน่ี นนเลย่ั ไดเห้ นบรรยากาศรอบๆ็ อยางคร่ กครึ น้ื ขะมกเขมั น้ สลบกั บการเบั ยงต่ี วหลบั คนบาง้ เซรามกริ อนๆ้ บาง้ ถาจะว้ าท่ น่ี ด่ี ู "อบอนดุ่ "ี กว็ าได่ นะคะ้

24 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 อาจารยฉลอง์ ดหนู มกวุ่ าว่ ยั 53 อยางท่ เป่ี นแฝงด็ วยแววตาแบบย้ งมั ไฟแรงี กลาอย้ ู่ อาจารยเล์ าว่ าหล่ งจากจบจากั เพาะชาง่ แลวก้ ไปเร็ ยนตี อท่ ่ีวทยาลิ ยครั ู พระนคร ในวชาิ Product Design จาก นนไปสอนว้ั ชาศิ ลปะทิ ่ีรร.ปานะพนธั ์ใน พระบรมราชปถู มปั ์ แลวไปสอนต้ อท่ ่ีรร. ปากเกรด็ ดานว้ ชาเซรามิ กสิ ์ไดส้ งเด่ กเข็ า้ รวมออกร่ านในงานต้ างๆและเข่ าแข้ งข่ นั การประกวดทวประเทศอาจารย่ั มาเร์ มสอน่ิ ที่ศูนย์นี้ในวิชาเซรามิกส์เป็นคนแรก เมอเก่ื อบื 10 ปที แล่ี ว้ จะวาเป่ นผ็ เรู้ มก่ิ อต่ ง้ั วชาเซรามิ กสิ ท์ น่ี เลยก่ี ว็ าได่ ้ แถมยงเปั น็ เพียงศูนย์เดียวในจำนวนศูนย์ฝึกทั้ง 9 ศูนย์ของ กทม.ที่เปิดสอนสาขาวิชานี้ อปกรณุ การเร์ ยนการสอนกี ประกอบด็ วย้ หงวางของ้ิ โตะ๊ เกาอ้ ้ีเตาไฟฟาขนาด้ 45" x 45" สองลูก เดิมสอนวันจันทร์-ศุกร์ แตเน่ องจากล่ื กศู ษยิ ท์ มาเร่ี ยนสี วนใหญ่ ม่ ี งานประจำ จึงเปลี่ยนมาสอนวันเสาร์- อาทตยิ ์เวลา 9:00-15:00 เรมต่ิ นจากล้ กู ศษยิ ์5 คน จนปจจั บุ นบางั class ถงึ 20 คน ลกศู ษยิ ต์ งแต้ั อาย่ ุ9 ขวบถงหลึ งเกษั ยณี อาจารยต์ องการให้ ล้ กศู ษยิ ทำด์ วยความ้ รกและตั งใจ้ั ไมเก่ ยวเร่ี องอาย่ื ุ ขอใหมา้ เรยนไหวกี พอ็

January - April 2011 CERAMICS Journal 25 แตเน่ องจากภาคร่ื ฐไมั ได่ สน้ บั สนนงบประมาณในเรุ องของว่ื ตถั ดุ บและิ อปกรณุ ์ เครองม่ื อเครื องใช่ื ้ อาจารยจ์ งึ ต้องเป็นธุระในการจัดหาให้ลูกศิษย์ ณ ปจจั บุ นั ลกศู ษยิ ท์ เร่ี ยนี แตละหล่ กสั ตรู (80 ชม.ในระยะเวลา 2 เดอนื ) จะเฉลยก่ี นั จายประมาณคนละ่ 600 บาท เพอเป่ื นค็ า่ ปูนปลาสเตอร์สำหรับทำพิมพ์ เนื้อดิน Earthen ware และเคลอบสื เขี ยวแกี ่เผาท่ี 1200 องศาเซลเซยสี ซงได่ึ ร้ บความอนั ุ เคราะหอย์ างด่ จากบรี ษิ ทั คอมพาวด ์เคลย์ ทกร่ี ณาแบุ งขายและส่ งให่ ท้ งท้ั ปร่ี มาณิ นอยน้ ดิ โดยวธิ นี ้ีลกศู ษยิ ท์ กคนจะมุ วี ตถั ุ ดบทิ เป่ี นของต็ วเองั ใชได้ อย้ างสบายใจ่ เนื่องจากอาจารย์ชำนาญใน ดานการออกแบบ้ จงไมึ เน่ นให้ ล้ กศู ษยิ ์ ใช้ดินและสีที่หลากหลายและซับซ้อน แตจะเน่ นเร้ องการออกแบบเพ่ื อใช่ื งานได้ จร้ งิ และผสมดวยจ้ ตนาการของแติ ละคนซ่ ง่ึ เปนเจ็ าของงาน้ โดยจะเนนเร้ องการสร่ื าง้ texture บนชนงาน้ิ ซงสามารถทำได่ึ จากว้ สดั ทุ หาได่ี ง้ ายรอบๆต่ วั เชน่ ใบไม ้ผาล้ กไมู ้ ไมเส้ ยบลี กชู น้ิ ขวด และแกว้ ฝาตางๆ่ หรออื นๆท่ื สามารถหามาด่ี ดแปลงใชั งานได้ ้ จนผทู้ อย่ี ในสายการผลู่ ตในโรงงานอยิ างพวกเราถ่ งกึ บั อง้ึ ....ตนตา่ื ตนใจ่ื .....คดไดิ ้ ไงเนย่ี ทกอยุ างเป่ นของใกล็ ต้ วั และใชเทคน้ คในการิ กด รดี มวน้ และทบดุ ฉิ นเหั น็ ชนงานร้ิ ปใบตองสู เขี ยวี รายละเอยดของเสี นใบสวยงามมาก้ จงแอบถามวึ าใช่ อะไร้ กรีดเส้น ลูกศิษย์สาวตอบว่า "นิ้วค่ะ ถ้าอยากได้ร่องใหญ่ก็ยืมนิ้วเพื่อน" เออ....ดเนอะี เขาใจแล้ วถ้ งความสนึ กของการเรุ ยนเปี นกล็ มุ่ ระหว่างคุยกับอาจารย์ก็ได้ยิน อาจารย์หันไปตะโกนบอกลูกศิษย์ว่า "ชิ้นไหนไม่ดี ทุบทิ้งเลยนะ ไม่ให้เอา" มิน่าเล่าแต่ละคนขะมักเขม้นกันมาก บางคนตั้งโต๊ะใต้เวทีแอโรบิคเลย เนื่องจากสถานที่ไม่พอ แต่อยากเรียนเหลือเกิน ทำใหเราน้ บถั อความตื งใจของหน้ั มคนนุ่ นมาก้ั สกพั กกั จะย็ นเสิ ยงสาวๆี "ออกมาแลว้ มาดกู นเรั ว็ " แลวท้ กคนกุ จะฮ็ อกื นไปดั ชู นงานท้ิ ออกจากเตาร่ี อนๆ้ หลงจากวั จารณิ ์ ของเพอนเสร่ื จก็ จะหย็ บชิ นงานของต้ิ วเองมานำเสนอกั บเราั วาช่ นน้ิ เป้ี นป็ ายหน้ าบ้ าน้ ทำตดบิ านค้ ณตาุ -คณยายุ อกคนี ตดบิ าน้ อากง-อามา่ สรปแลุ ว้ มญาตี กิ คนทำไป่ี ตดหมดเลยคิ ะ่ บางคนทำเปนของขว็ ญใหั เพ้ อน่ื หลงจากตั สนี ทลิ กศู ษยิ แล์ ว้ ไดทราบ้ วาบางท่ านม่ งานการที ค่ี อนข่ างม้ นคง่ั บางทานเป่ นเจ็ าของห้ างร้ าน้ บางทานก่ ย็ งั ตกงาน มาเรยนเพี อค่ื ดวิ าจะเป่ นอาช็ พไดี ในอนาคต้ แตท่ น่ี าท่ งค่ึ อื ลกศู ษยิ มาจาก์ ทกสารทุ ศิ ตางจ่ งหวั ดไกลๆกั ย็ งมาแคั เร่ ยนเสารี -์ อาทตยิ ์ ไดคำตอบว้ า่ เรยนแลี ว้ หายเครียด สบายใจ มีเพื่อน อาจารย์น่ารัก และที่สำคัญ ภูมิใจในชิ้นงานที่ทำ สวยไมสวย่ เรากว็ าของเราสวย่ ไดสน้ กทุ ได่ี ล้ นทุ้ กครุ งท้ั รอช่ี นงานออกจากเตา้ิ

26 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 เปนท็ น่ี าเส่ ยดายวี า่ หลายศนยู ์ ฝกอาชึ พของกทมี .มการซี อเตาไว้ื แต้ ขาด่ แคลนอาจารยท์ จะไปสอนจ่ี งทำใหึ ท้ น่ี เป่ี น็ แหงเด่ ยวที สอน่ี และยงมั ผี ทู้ ไม่ี ร่ เรู้ องน่ื อ้ี กี มาก เพราะไมค่ อยม่ การประชาสี มพั นธั ์ เมอถามถ่ื งอนาคตึ อาจารยบอกเราว์ า่ "ใครทำดานน้ แล้ี วก้ หลงม็ นทั กคนแหละครุ บั ผมกไม็ ค่ ดิ ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ งานอดเรกของบางทิ านก่ ทำโน็ น่ ทำน ่ีเยอะแยะนะคะ จะเปลยนไปทำอย่ี างอ่ น่ื แคน่ ผมก้ี ม็ ความสี ขแลุ ว้ บางที แตท่ เราเห่ี นได็ ส้ มผั สไดั จากท้ ศ่ี นยู ฯภายใต์ การสอนของอาจารย้ ์ เหนม็ คนมาสี งให่ั ทำอะไรท้ ต่ี องการ้ แลวทำให้ ล้ กศู ษยิ ได์ ้ ฉลอง น ้ี คอความสื ขุ ทได่ี เล้ นแบบ่ ดนิ ...ดนิ คะ่ ประโยชนได์ รายได้ ้ผมกย็ นดิ แลี ว้ " ทน่ี จ่ี งเปรึ ยบเสมี อนแหลื ง่ ปจจั บุ นั ศนยู ฝ์ กอาชึ พกรี งเทพมหานครุ จตจุ กรั สงทำหร่ั อแมื แต้ สามารถควบค่ มการผลุ ตไดิ เองสำหร้ บผั ทู้ ร่ี จู้ กั 2 มนบี รุ ี มคี ณณพนารุ ตนั ์ สารการิ นทริ ์ เปนห็ วหนั าศ้ นยู ์ หรอผื านไปผ่ านมา่ แตความฝ่ นของอาจารยั ฉลองค์ อื "อยากได้ ทานท่ สนใจจะเข่ี าร้ บการฝั กอบรมในสาขาวึ ชาเซรามิ กสิ ์ พนท้ื ท่ี สามารถให่ี ล้ กศู ษยิ ได์ จ้ ดจำหนั ายงานท่ ทำออกมา่ี หรือสาขาวิชาอื่นๆ ก็สามารถติดต่อได้โดยตรงที่ศูนย์ เพราะเราไมม่ เงี นทิ นทุ จะไปเช่ี าท่ เพ่ี อการขาย่ื อกที งไม้ั ต่ อง้ หมายเลขโทรศพทั ์ 0-2540-4375-6 ทกวุ นและเวลาราชั การใหต้ งราคาขายแพง้ั หากภาครฐไมั ม่ โครงการทางดี าน้ การ มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้ จะมีการ น ้ีกหว็ งวั าส่ กวั นคงมั ภาคเอกชนที สนใจจะอน่ี เคราะหุ ์ได"้ เปดริ บเปั นร็ นๆุ่ ทกุ 2 เดอนื เบอร์โทรศัพท์ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร ชอศ่ื นยู ฝ์ กอาชึ พี ทอย่ี ู่ เบอรโทร์ ศนยู ฝ์ กอาชึ พกรี งเทพมหานครุ (สวนลมพุ นิ ี ณ บอนไก่ )่ ร.ร.บอนไก่ ่ โทร. 0-2251-5849 ศนยู ฝ์ กอาชึ พกรี งเทพมหานครุ (วดวรจรรยาวาสั ) เจรญกริ งุ โทร. 0-2292-0194 ศนยู ฝ์ กอาชึ พกรี งเทพมหานครุ (วดธรรมมงคลั ) สขุ มวุ ทิ 101 โทร. 0-2331-7573-4 ศนยู ฝ์ กอาชึ พกรี งเทพมหานครุ (บางพลดั ) จรญั 79 โทร. 0-2423-0225-6 ศนยู ฝ์ กอาชึ พกรี งเทพมหานครุ (มนบี รุ )ี จตจุ กรั 2 โทร. 0-2540-4375-6 ศนยู ฝ์ กอาชึ พกรี งเทพมหานครุ (รามคำแหง) ตกสึ โขทุ ยั โทร. 0-2369-2823-4 ศนยู ฝ์ กอาชึ พกรี งเทพมหานครุ (จตจุ กรั ) เขตจตจุ กรั โทร. 0-2272-4741 ศนยู ฝ์ กอาชึ พกรี งเทพมหานครุ (วดสั ธาวาสุ ) บางกอกนอย้ โทร. 0-2412-4611-2 ศนยู ฝ์ กอาชึ พกรี งเทพมหานครุ (สญจรั ตลาดสคนธสวุ สดั )์ิ โทร. 0-2727-6527 กด 3

January - April 2011 CERAMICS Journal 27 ชนิตร์นันทน์ ตาตะนันทน์

การประกวดและการแสดงศิลปะ... เครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติ ครงท้ั ่ี 15 ประจำป ี 2553

มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกรม ส่งเสริมการส่งออก โดยการสนับสนุนของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุต สาหกรรม บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กำหนดจัดการแสดงผลงานศิลปะเครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติ ครั้งที่ 15 ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2553 - 30 มกราคม 2554 ณ หอศิลป์สนามจันทร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดการแสดงและพระ ราชทานเกียรติบัตรและรางวัลในครั้งนี้ ในวันพุธที่ 1 ธันวาคม 2553 เวลา 15.00 น. ณ หอศิลป์สนามจันทร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จงหวั ดนครปฐมั และพระราชทานผลงานฝพระหี ตถั ์ เขาร้ วมแสดง่

28 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการผลิตเครื่องปั้นดินเผาประเภทต่างๆ ทั้งในด้านการสร้างสรรค์ การอนุรักษ์ การพัฒนารูปแบบและเทคโนโลยีในการผลิต และเพื่อเป็นการเผยแพร่ผลงานทางด้านศิลปะเครื่องปั้นดินเผา ทแสดงถ่ี งฝึ มี อและศื ลปะของคนไทยไปสิ ผู่ ทู้ สนใจท่ี วไป่ั โดยแบงผลงานออกเป่ น็ 4 ประเภท คอื

1. เครองป่ื นด้ั นเผาประเภทศิ ลปกรรมิ 2. เครองป่ื นด้ั นเผาประเภทศิ ลปะหิ ตถกรรมั 3. เครองป่ื นด้ั นเผาประเภทผลิ ตภิ ณฑั ต์ นแบบงานอ้ ตสาหกรรมุ 4. ผประกอบการอู้ ตสาหกรรมเครุ องป่ื นด้ั นเผาและนวิ ตกรรมใหมั ่

ผลการตัดสินรางวัลยอดเยี่ยม ประเภทศลปกรรมิ

ศลปิ นิ สรศุ กดั ์ิ แสนโหนง่ SurasukSannong ชื่อผลงาน สขุ อบอนุ่ Title of work Happy - Warm เทคนิค สร้างรูปด้วยมือ Technique Hand Forming Temperature 800 and 900 oC ชนิดดิน บานหม้ อ้ จ. มหาสารคาม Clay Ban Mor Clay Maha Sarakham Size 90 x 150 x 60 cm

แนวความคดสริ างสรรค้ ์ (Creative Concepts) การดำเนนชิ วี ตทิ เก่ี ยวพ่ี นกั บธรรมชาตั ิ เรยบงี าย่ สมถะ สขสงบุ และพอเพยงี อนมั ไดิ หมายถ้ งึ ชีวิตที่หยุดนิ่ง แต่เป็นชีวิตที่ยังดำเนินต่อไปบนวิถีของความดี ความงาม และความจริงที่จะนำมาซึ่ง สันติสุขของมวลมนุษย์ Living in harmony with nature is a simple, peaceful and self-sufficient. It does not bring life to a stall but it rather leads to living on the path of goodness, virtue and truth which will eventually bring peace to humanity.

January - April 2011 CERAMICS Journal 29 รางวัลดีเด่น รางวัลดีเด่น ประเภทศลปกรรมิ ประเภทศลปกรรมิ

ศลปิ นิ จำลอง สวรรณชาตุ ิ ศลปิ นิ บรุ นทริ ์ อนทะแสนิ Jarmlong Suwanchat Burin Intasaen ชื่อผลงาน อำนาจ พนธนาการชั วี ติ ชื่อผลงาน อนจตาิ Title of work Power-Life Confinement Title of work The Impermanence เทคนิค ขึ้นรูปด้วยมือ เทคนิค ขึ้นรูปอิสระด้วยมือ Technique Hand Forming Technique Hand Forming Temperature 1,100 oC Temperature 700-900 oC Clay Stoneware Clay ชนิดดิน ดนราชบิ รุ ี ชนิดเคลือบ เฟลดสปาร์ ,์ นำด้ นสิ ี Clay Ratchaburi Clay Glazed Feldspar, Color Slip ชนิดเคลือบ ฟรติ Size 70 x 130 x 178 cm Glazed Flit Size 60x110x175 cm (1 Set 2 Pices) แนวความคิดสร้างสรรค์ แนวความคิดสร้างสรรค์ (Creative Concepts) (Creative Concepts) ตำแหน่งหรือสถานะความเป็นผู้นำ แฝงเร้น ข้าพเจ้าสนใจเรื่องราวความรักของชีวิตคู่ ด้วยพลังอำนาจ บารมี ยั่วยวนให้เกิดความลุ่มหลง ระหวางชายและหญ่ งิ ซงเป่ึ นธรรมชาต็ อยิ างหน่ งท่ึ ปรากฎ่ี ยดตึ ดิ นำพาชวี ตใหิ ตกอย้ ภายใตู่ สภาวะของการเป้ น็ อยู่ภายใต้กฎการเปลี่ยนแปลงและดำเนินไป ข้าพเจ้า ผนำู้ ขาดอสระเสริ ในการดำเนี นชิ วี ตจากการถิ กจำกู ดั เลงเห็ นความสำค็ ญั ซงสอดคล่ึ องเก้ ยวก่ี บความเชั อทาง่ื ด้วยข้อกำหนดของตำแหน่งนั้นๆ โดยข้าพเจ้าใช้เก้า พระพทธศาสนากลุ าวถ่ งแตึ ละช่ วี ตในโลกลิ วนม้ การเกี ดิ และดับ ดังนั้นผลงานของข้าพเจ้ามีจุดมุ่งหมายเพื่อ อแทนความหมายของตำแหน้ี งผ่ นำู้ แสดงสจธรรมของความไมั เท่ ยงแท่ี แห้ งช่ วี ติ Power and influence inherent in a I am interested in the course and position or status of leadership make one desire development of love between a woman and a man; to cling to his post. As a consequent he has no a nature exists under the rule of change and freedom to live a normal life because he has to proceeding. Realizing that each life has its confine to the regulations of each position; Thus, beginning and its end, I expressed the truth of I used a chair to symbolize the post of leadership. uncertainty relevant to Buddhist belief through this sculpture.

30 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 รางวัลดีเด่น รางวลยอดเยั ยม่ี ประเภทศลปกรรมิ ประเภทศลปะหิ ตถกรรมั

ศลปิ นิ ศรบรรณาี ไชยสทธิ ์ิ ศลปิ นิ สรุ ยาิ วงบอนั Sribunna Chaiyasit Suriya Wangbon ชื่อผลงาน วนรั บบาปั ชื่อผลงาน ผล ิ (ชวี ตใหมิ )่ Title of work Retribution Day Title of work To Blossom (New Life) เทคนิค เอนโกบ็ , เขยนสี ใตี เคล้ อบื , เคลอบื เทคนิค ขึ้นรูปด้วยมือ Technique Engobe, Under Glaze, Glaze Technique Hand Forming Temperature 1,080 oC Temperture 1,245 oC Clay Stoneware Clay ชนิดดิน ดนพิ นบ้ื าน้ บางกลำ่ จ.สงขลา ชนิดเคลือบ เคลือบไฟต่ำ Clay Local Clay Bangklum Clay Glazed Low Temperature ชนิดเคลือบ เคลือบขี้เถ้าไม้ยางพารา Size 180x200x 40 cm (1 Set 11 Pices) Glaze Rubberwood Ash Glaze Size 5x6.5x8 cm, 5x7x6.5 cm, 8.5x แนวความคิดสร้างสรรค์ 8.5x6 cm, 5x8.5x9.5 cm, 8x (Creative Concepts) 18.5x15.5 cm, 7.5x 20x15.5 เปนการกล็ าวถ่ งึ ผทู้ ต่ี องร้ บเคราะหั กรรมแทน์ cm, 7x20x15.5 cm, 16x42 ผอู้ นจากความผ่ื ดทิ ตนเองม่ี ไดิ เป้ นผ็ กู้ อ่ โดยการจำลอง x40 cm (1Set 8 Pieces) ภาพเหตการณุ จากว์ นทั ถ่ี กพู พากษาิ โดยไดแรงบ้ นดาลั ใจจากภาพขาวจากหน่ งสั อพื มพิ ์ใชส้ ตวั และการสวมหน์ า้ แนวความคิดสร้างสรรค์ กากของสตวั ตามบทบาทท์ ได่ี ร้ บมาเปั นต็ วสั อในผลงาน่ื (Creative Concepts) This sculpture depicts the scene of court ความสมบูรณ์ของธรรมชาติก่อเกิดความ judgment when an innocent person took someone's place in adversity because he was being งามของชีวิต sentenced for someone else's guilt. Inspired by The abundance of nature creates news photographs, the artist used animals beauty of life. wearing masks as medium of communication.

January - April 2011 CERAMICS Journal 31 รางวัลดีเด่น รางวัลดีเด่น ประเภทหตถกรรมั ประเภทศลปะหิ ตถกรรมั

ศลปิ นิ นท ี อนนทะประดั ษฐิ ์ ศลปิ นิ มหาวทยาลิ ยราชภั ฏวไลยั Natee Anantapradid อลงกรณ ์ ในพระบรมราชปถู มภั ์ ชื่อผลงาน กงกะหลิ า่ โดย กฤตยชญ ์ คำมง่ิ Title of work Kingkahla 's Dance Valaya Alongkorn Rajabhat เทคนิค ขึ้นรูปด้วยมือ University By Kridtayot Technique Hand Forming Khumming Temperture 1,250 oC ชื่อผลงาน ไหล 53 ชนิดดิน ดนดำแมิ ร่ นิ Title of work Flowing 53 Clay Mairim Clay Technique Thowing Temperture 1,200 oC แนวความคิดสร้างสรรค์ Clay VRU Clay (Creative Concepts) Glaze เคลอบไหลื ผลงานชุดนี้มีแรงบันดาลใจมาจากการฟ้อน Glaze High Temperature กงกะหลิ าเป่ นประเพณ็ ที ด่ี งามของลี านนา้ ซงจะฟ่ึ อนก้ นั Size 37x40 cm / 50x55 cm / เพอเฉล่ื มฉลองในเทศการออกพรรษาิ ซงปฎ่ึ บิ ตั สิ บทอดื 57x52 cm (1 Set 3 Pieces) กนมาเปั นเวลายาวนาน็ มที วงท่ าการร่ ายรำและเคร่ อง่ื แต่งกายที่สวยงาม จึงได้นำมาประยุกต์ขึ้นใหม่ในรูป แนวความคิดสร้างสรรค์ แบบของงานที่มีการผสมผสานระหว่างลายไทยและ (Creative Concepts) ลวดลายลานนาให้ เก้ ดความลงติ วและสวยงามั ประทบใจในการไหลของเคลั อบื ทสามารถ่ี Inspired by captivated movement and นำมาประสานกบเนั อด้ื นไดิ อย้ างลงต่ วั eye-catching costumes of northern Lanna's king The glaze flow which fits perfectly with kala dance, the artist combined Thai and Lanna clay body results in an impressive appearance. motifs to form and perfect this sculpture. Traditionally, the dance is performed to celebrate the end of three-month-Buddhist Lent in the north.

32 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 รางวัลดีเด่น รางวัลดีเด่น ประเภทหตถกรรมั ประเภทอตสาหกรรมุ

ศลปิ นิ มหาวทยาลิ ยราชภั ฏวไลยั ศลปิ นิ ขนษฏาิ อดมโชคุ อลงกรณ ์ ในพระบรมราชปถู มภั ์ Kanitta Udomchoke โดย เศกพร ตนศรั ประภาศี ริ ิ ชื่อผลงาน โคมไฟแรงบันดาลใจจากผลึก Valaya Alongkorn Rajabhat Title of work Crystal Lamp University By Sekporn Technique Slip Casting Tansripraparsiri Temperature 1,250 oC ชื่อผลงาน ไหของฉนั Clay Porcelain Title of work My Earthen Jars ชนิดเคลือบ เคลอบใสไฟสื งู Technique Throwing Glazed Crystal Glaze High Temperture 1,230 oC Temperature ชนิดดิน VRU Clay Size 30 cm (1 Set 2 Pices) Glaze Red/Black Guyabe with Flowing Glaze แนวความคิดสร้างสรรค์ Size Diameter 48x38 cm (Creative Concepts) (1 Set 3 Pieces) รปเหลู ยมของผล่ี กทึ ถ่ี ายทอดผ่ านทฤษฎ่ ทางี แนวความคิดสร้างสรรค์ การซ้ำทางศิลปะ สื่อออกมาในรูปแบบของโคมไฟ (Creative Concepts) โดยใชเน้ อด้ื นทิ โปร่ี งแสง่ เพอแสดงถ่ื งลึ กษณะพั เศษของิ ประทับใจในความงามของเคลือบไหลที่ เนอด้ื นซิ งเป่ึ นจ็ ดเดุ นอ่ กดี านหน้ งของงานเซราม่ึ กิ ปรากฏบนผิวของภาชนะ Repetition of crystal shapes and translucent The effect of glaze coating adds beauty clay were used to accentuate another outstanding to this ware. feature of ceramic.

January - April 2011 CERAMICS Journal 33 ศลปิ นิ ชานนท ์ ตนประวั ตั ิ Chanon Tunprawat รางวัลดีเด่น Title of work Ceramic Block ประเภท Technique Slip Casting อตสาหกรรมุ Temperature 1,200 oC Clay Stoneware Clay Glazed Color Glazed Size 10x10x10 cm (1 Set 15 Pices) แนวความคดสริ างสรรค้ ์ (Creative Concepts) ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์เซรามิก ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการก่อผนัง โดยมีลักษณะกลวงภายใน และ มีน้ำเคลือบทั้ง 2 ด้าน ลดขั้นตอนในการก่อผนังแบบปกติรวดเรว็ เหมาะสำหรบอาคารชั ดหรุ อในสื วนท่ ต่ี องการประด้ บั ตกแตงผน่ งั ถาใช้ เป้ นผน็ งดั านนอกอาคารจะช้ วยลดความร่ อนจากภายนอกอาคารได้ ้ เพราะมชี องว่ างอากาศตรงกลาง่ ชวยเป่ นฉนวนก็ นความรั อน้ และถาใช้ ก้ บอาคารทั ต่ี ดติ งเคร้ั องปร่ื บอากาศจะชั วยประหย่ ดพลั งงานในการปรั บอากาศไดั ้ เพราะนอกจากจะสามารถช่วยลดความร้อนจากภายนอกอาคารแลว้ ยงชั วยในการป่ องก้ นความชั นเพราะม้ื นี ำเคล้ อบื ทำใหน้ ำไม้ สามารถซ่ มผึ านผน่ งไดั ้ Ceramic blocks developed for use as wall building material. Designed to be hollow and glazed on two sides, these newly developed ceramic blocks reduce time and materials used in construction because there is no need for brick laying process normal required before wall tiling. They are also suitable for use in condominium or wall decoration. When used as external wall the hollow space acts as heat insulation resulting in air-conditioning energy saving. Apart from thermal reduction, the glaze also prevents occurrences of water seepage through the wall.

รางวัลดีเด่น ประเภทอตสาหกรรมุ

ศลปิ นิ ณฏฐพงศั ์ พรหมพงศธร Nuttapong Prompongsaton ชื่อผลงาน เครองดนตร่ื ประเภทเครี องเคาะ่ื : UDU Title of work Percussion design : UDU เทคนิค หลอน่ ำด้ นิ , เอนโกบ, กนเคล้ั อบื แนวความคิดสร้างสรรค์ Technique Slip Casting, Engobe, Partial Glaze (Creative Concepts) Temperature 1,050 oC นำลวดลายเครื่องปั้นดินเผาโบราณบ้านเชียง Clay Stoneware Clay มาใชในการตกแต้ งเคร่ องดนตร่ื ี อดู ู (UDU) ซงจ่ึ ดเปั นเคร็ อง่ื ชนิดเคลือบ เคลือบไฟต่ำ ดนตรประเภที Word Music Glazed Low Temperature Motifs of Ban Chiang pottery have been used Size 30x60 (1 Set 6 Pices) in decorating the Udu, a world class music instrument.

34 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 ศลปิ นิ ถนตนนทั ขำพรหมราช Thanatnoond Kumprommarat ชื่อผลงาน หมาลาย เทคนิค ดนสิ ใตี เคล้ อบื Temperature 1,080 oC รางวลดั เดี น่ ชนิดเคลือบ เคลอบใสไฟตื ำ่ ประเภท Title of work Texture's Dogs อตสาหกรรมุ Technique Under Glazed Clay Stoneware Clay แนวความคดสริ างสรรค้ ์ (Creative Concepts) Glazed Crystal Glaze Low Temperature เปนเก็ าอ้ น้ี งเล่ั นภายในสวน่ (1 Set 8 Pices) Garden chairs.

ศลปิ นิ มหาวทยาลิ ยบั รพาู โดย นำท้ พยิ ์ เตกมงคล้ Burapha University By Namthip Teghonkon ชื่อผลงาน ปะการัง เทคนิค เจาะฉล ุ บนดนพอสเลนซิ ์ รางวลดั เดี น่ Temperature 1,230 oC ประเภท ชนิดเคลือบ เคลอบใสื อตสาหกรรมุ Title of work Coral Technique Hollows On Porcelain Clay แนวความคดสริ างสรรค้ ์ (Creative Concepts) Clay Porcelain ได้รับแนวความคิดจากความงามของธรรมชาติ Glazed Crystal Glazed จากทองทะเล้ มาสรรสรางเป้ นผลงาน็ Size 40x30 cm (1 Set 4 Pices) The artist was inspired by the beauty of the sea.

รางวลยอดเยั ยม่ี ผประกอบการอู้ ตสาหกรรมุ ขอเชิญผู้สนใจ.. เครองป่ื นด้ั นเผาและนวิ ตกรรมใหมั ่ ชมการแสดงผลงานศิลปะ ่ เครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติ ครั้งที่ 15 • บรษิ ทั สนพงศธริ จำกดั กรงเทพมหานครุ • ระหวางว่ นทั ่ี1 ธนวาคมั 2553 - 30 มกราคม 2554 ผลงานชอ่ื ณ หอศลปิ สนามจ์ นทรั ์ (อาคารใหม)่ มหาวทยาลิ ยศั ลปากริ "กระเบื้องว่าวและกระเบื้องลายโบราณ" วทยาเขตพระราชวิ งสนามจั นทรั ์ จงหวั ดนครปฐมั (ผู้ประกอบการนวัตกรรมใหม่และพัฒนา • จดแสดงในงานั Bangkok International Gift and กระเบื้องโบราณให้ใช้กับบ้านสมัยใหม่ได้) Houseware ในเดอนเมษายนื 2554 โดยกรมสงเสร่ มการสิ งออก่ • "เถาฮงไถ้ "่ จงหวั ดราชบั รุ ี ณ ศูนย์แสดงสินค้า และการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี ผลงานชอ่ื "โองม่ งกรั " กรงเทพฯุ (ผประกอบการทู้ ร่ี กษาภั มู ปิ ญญาไทยั • จัดแสดงในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยของการ และได้ต่อยอดผลงานมาสู่วิถีชีวิตปัจจุบัน) ทองเท่ ยวแห่ี งประเทศไทย่ ในเดอนมื ถิ นายนุ 2554

January - April 2011 CERAMICS Journal 35 ลดา พันธ์สุขุมธนา อินทิรา มาฆพัฒนสิน เคลือบเซรามิก ...จากขยะลำไยค้างสต๊อก

เพอ่ื การแกไขป้ ญหาการทำลายลำไยอบแหั งค้ างสต้ อกป๊ ี 2546-2547 จำนวน 46,828.17 ตนั ดวยว้ ธิ การบดแลี วนำไปเผา้ กระทรวงวทยาศาสตริ ได์ ้ เสนอแนวคิดในแก้ปัญหามลพิษจากการทำลายลำไยและสนับสนุนให้เกิด การสร้างงานให้ชาวบ้านในพื้นที่ โดยการเสนอวิธีการนำกลับมาใช้ลำไย ทงหมดเป้ั นแท็ งช่ วมวลี และเพอให่ื การแก้ ป้ ญหาครบวงจรจั งไดึ เสนอให้ นำ้ เถาช้ วมวลกลี บมาใชั เป้ นว็ ตถั ดุ บในการผลิ ตเซรามิ กิ สตรการผลู ตแทิ งช่ วมวลหลากหลายี ขอม้ ลจากหนู วยงานท่ เก่ี ยวข่ี องแจ้ งว้ า่ นอกจากลำไยอบแหงแล้ วจะม้ สี วนผสมอ่ น่ื เชน่ ถงุ ขเล้ี อย่ื เนอไม้ื พ้ เศษิ ซงล่ึ วนม้ ผลี ทำใหองค้ ประกอบเคม์ ของเถี าแตกต้ างก่ นั การเผาลำไยลวนพบว้ าจะเก่ ดเถิ าร้ อยละ้ 4.35 ประมาณไดว้ าเถ่ าจากลำไยอบแห้ งค้ างสต้ อกจะม๊ ประมาณี 2,037 ตนั ซงโรง่ึ งานเซรามกสามารถนำมาใชิ เป้ นว็ ตถั ดุ บไดิ ้ กรมวทยาศาสตริ บร์ การไดิ ทดลองเตร้ ยมเคลี อบขื เถ้ี า้ จากเถาลำไยอบค้ าง้ สตอกโดยแปรเปล๊ ยนว่ี ตถั ดุ บทิ ใช่ี ในงานเซราม้ กและวิ สดั เหลุ อทื งท้ิ หาได่ี ท้ วไป่ั ไดแก้ ่ หนปิ นู แรฟ่ นมั า้ เศษหนแกรนิ ติ เปลอกหอยแครงื พบวาเคล่ อบสื กตุ วทั ่ี 1200 องศา เซลเซยสี มลี กษณะมั นวาวแตกลายงาั และพพองุ มลี กษณะเหมาะสำหรั บการพั ฒนาั ผลตภิ ณฑั เซราม์ กประเภทงานศิ ลปะิ

องคประกอบเคม์ *ี ตวอยั างเถ่ าลำไย้ 1 (รอยละ้ ) ตวอยั างเถ่ าลำไย้ 2 (รอยละ้ ) นำหน้ กทั ส่ี ญหายู 13.3 7.5 ซิลิกา 16.4 18.5 อะลูมินา 6.1 12.0 เฟอร์ริกออกไซด์ 1.0 2.7 แคลเซียมออกไซด์ 37.9 31.2 แมกนีเซียมออกไซด์ 8.6 5.5 โซเดียมออกไซด์ 0.8 1.3 โพแทสเซยมออกไซดี ์ 8.2 12.2 ฟอสฟอรัสออกไซด์ 6.6 7.9 ซลเฟอรั ไตรออกไซด์ ์ 0.5 0.4 *ผลวเคราะหิ จากโครงการเคม์ ี กรมวทยาศาสตริ บร์ การิ

36 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 สตรเคลู อบื วัตถุดิบ ACF 18 WG24 WG26 WGC 23 ขี้เถ้าลำไย 40 40 30 50 หินปูน 30 - - - หินฟันม้า 30 - - - เศษหนแกรนิ ติ - 40 50 16 เปลือกหอยแครง - 20 20 17 ขเถ้ี าแกลบ้ - - - 17 ลกษณะเคลั อบทื ได่ี ้ มนไหลเปั นทาง็ มนไหลเปั นทาง็ พรนคลุ ายปะการ้ งั มนไหลเปั นทาง็

ACF 18

ACF 18-1 ACF 18-2 ACF 18-3 ACF 18-4

กิตติกรรมประกาศ WG 24 ขอบขอบคุณสำนักส่งเสริม และถายทอดเทคโนโลย่ ี สำนกงานปลั ดกระทรวงวั ทยาศาสตริ ์ WG 24-1 WG 24-2 และเทคโนโลยี ผศ.ดร.วรชี ยั อาจหาญ มหาวทยาลิ ยเทคโนโลยั สี รนารุ ี และ บ.ไทยไดนามกสิ ์ มาสเตอร ์ จำกดั WG 26 ทให่ี ความอน้ เคราะหุ ์ เถาจากลำไยอบแห้ งค้ างสต้ อก๊

WG 26-1

WGC 23

WGC 23-1 WGC 23-2 WGC 23-3 WGC 23-4

January - April 2011 CERAMICS Journal 37 ชนิตร์นันทน์ ตาตะนันทน์

แนะนำ.. »π¬Ÿ · ¥ß·≈–®”Àπè “¬ ã 𧑠“‡´√“¡å °‘ ·≈–Àμ∂Õ— μ “À°√√¡®ÿ ßÀ«— ¥≈”ª“ß—

เลขที่ 411 หมู่ที่ 3 ถนนพหลโยธิน ตำบลศาลา 1. ความเปนมา็ อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง สบเนื องจากอ่ื ตสาหกรรมเซรามุ กของจิ งหวั ดลำปางั มประวี ตั ศาสตริ การผล์ ตทิ ่ี โทร. 0-5428-4316, ยาวนานกวา่ 50 ป ีตงแต้ั ม่ ผี คู้ นพบว้ ตถั ดุ บทิ เป่ี นด็ นขาวเหมาะแกิ การนำมาข่ นร้ึ ปเปู นผล็ ติ 0-5428-4318, 0-5428-4334, ภณฑั ถ์ วยชามตราไก้ ่ จวบจนกระทงป่ั จจั บุ นมั การพี ฒนาใหั สามารถนำเอาด้ นขาวลำปางิ 0-5428-4393, ไปผสมกบวั ตถั ดุ บแหลิ งอ่ นๆ่ื เพอให่ื สามารถผล้ ตสิ นคิ าในร้ ปแบบทู หลากหลายมากย่ี งข่ิ น้ึ 0-5428-4403 เชน่ ผลตภิ ณฑั เคร์ องใช่ื บนโต้ ะอาหาร๊ ของประดบของชำรั วยและของตกแต่ ง่ เปนต็ น้

38 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 จากเรมต่ิ นจนถ้ งปึ จจั บุ นพบวั าการเจร่ ญเติ บโตของอิ ตสาหกรรมเซรามุ กิ จงหวั ดลำปางมั การขยายตี วเพั มข่ิ น้ึ สามารถผลตสิ นคิ าได้ หลายประเภท้ และหลาก หลายรปแบบู มการเพี มข่ิ นของจำนวนโรงงานจากเด้ึ มทิ ม่ี เพี ยงไมี ก่ โรงงาน่ี จนปจจั บุ นั มโรงงานที ต่ี งอย้ั ในจู่ งหวั ดลำปางประมาณกวั า่ 200 โรงงาน สามารถจางแรงงานใน้ ทองถ้ นได่ิ มากถ้ งกวึ า่ 11,000 คน มการผลี ตเพิ อการบร่ื โภคทิ งภายในประเทศ้ั และ รวมไปถงการผลึ ตเพิ อส่ื งออกไปจำหน่ ายย่ งตั างประเทศ่ นำรายไดเข้ าประเทศและ้ ทองถ้ น่ิ อกที งอ้ั ตสาหกรรมเซรามุ กของจิ งหวั ดลำปางั เปนอ็ ตสาหกรรมทุ จ่ี ดอยั ในู่ ลกษณะอั ตสาหกรรมทุ สร่ี างม้ ลคู าเพ่ ม่ิ (Value added Industry) เพราะเปนการแปรร็ ปวู ตถั ดุ บในทิ องถ้ นให่ิ เป้ นผล็ ตภิ ณฑั ท์ ม่ี ี มลคู าเพ่ ม่ิ ซงเป่ึ นข็ อได้ เปร้ ยบของอี ตสาหกรรมเซรามุ กจิ งหวั ดลำปางั นอกจากน ้ี ยงพบวั าส่ นคิ าเซราม้ กจิ งหวั ดลำปางั มมี ลคู า่ การสงออกกว่ า่ 2,000 ลานบาท้ ตอเน่ องมาแล่ื วหลายป้ ี

ดงนั นเพ้ั อเป่ื นการยกระด็ บของอั ตสาหกรรมุ เซรามกและหิ ตถอั ตสาหกรรมเซรามุ กของจิ งหวั ดลำปางั ให้มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในระดับสากลมากยิ่งขึ้น มีจุดจำหน่ายและแสดงผลิตภัณฑ์เซรามิกที่มั่นคง ถาวรและครบวงจร รวมทงเป้ั นศ็ นยู แสดง์ จำหนาย่ และ สาธิตสินค้าหัตถอุตสาหกรรมและสินค้าของกลุ่ม SMEs ของจังหวัดลำปาง ทั้งยังสามารถใช้เป็นศูนย์ กลางการเจรจาธุรกิจทางการค้าของกลุ่มผู้ประกอบ การ องคกรต์ างๆ่

January - April 2011 CERAMICS Journal 39 ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ 2. เพอเป่ื นศ็ นยู กลางของการเจรจาการค์ า้ (Business Center) โดยทำหนาท้ เป่ี นจ็ ดเชุ อมโยงระหว่ื างผ่ ผลู้ ตและผิ ซู้ อ้ื ในอุตสาหกรรมเซรามิกและหัตถอุตสาหกรรม ของจังหวัด ลำปาง 3. เพอเป่ื นศ็ นยู กลางการส์ งเสร่ มการตลาดทิ งในระด้ั บั ประเทศและระดบตั างประเทศ่ สำหรบอั ตสาหกรรมเซรามุ กของิ จงหวั ดลำปางซั งเป่ึ นศ็ นยู กลางของการผล์ ติ การคา้ -การลงทนุ และการสงออกผล่ ตภิ ณฑั เซราม์ กของประเทศิ 4. เพอเป่ื นแหล็ งบร่ การขิ อม้ ลู ขาวสาร่ และองคความ์ จังหวัดลำปางและ รู้ต่างๆ ทั้งด้านการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม การบริหารจัดการไว้บริการในลักษณะศูนย์บริการธุรกิจ จงไดึ ร้ วมก่ บหนั วยงานภาคร่ ฐั (Business Opportunity Center: BOC) และองคกรเอกชนของจ์ งหวั ดั 5. เพอใช่ื เป้ นประต็ สำหรู บการเผยแพรั ช่ อเส่ื ยงกลี มุ่ ลำปาง จัดทำรายละเอียด อตสาหกรรมของจุ งหวั ดลำปางใหั เป้ นท็ ร่ี จู้ กั และเปนท็ ยอมร่ี บั ข้อเสนอโครงการ “การก่อสร้างศูนย์แสดงและจำหน่าย อยางกว่ างขวาง้ สินค้าเซรามิกและหัตถอุตสาหกรรม จังหวัดลำปาง” ยื่นเสนอต่อรัฐบาลและได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ 3. สงก่ิ อสร่ าง้ สามารถดำเนนการไดิ ้ เมอป่ื ี 2547 ตอมาได่ ดำเน้ นการศิ กษาึ ศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าเซรามิกและหัตถ ความคมคุ้ าของการลงท่ นุ ผลกระทบ การจดทำแผนธั รกุ จรวมถิ งึ ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ อตสาหกรรมุ จ.ลำปาง ประกอบดวยอาคารและส้ งก่ิ อสร่ างด้ งนั ้ี การศึกษาพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับโครงการ ซึ่งผลการศึกษา อาคารแสดงนทรรศการิ อาการแสดงสนคิ า้ อาคาร OTOP อาคาร พบวาพ่ นท้ื ราชพ่ี สดั ุแปลง อ.ลป.1 ตำบลศาลา อำเภอเกาะคา พพิ ธภิ ณฑั ์สำนกงานั ศนยู อาหาร์ ลานจอดรถ และสงก่ิ อสร่ างท้ ่ี จงหวั ดลำปางั เนอท้ื ่ี 19-3-41.9 ไร ่ ตงอย้ั บนถนนทางหลวงู่ แสดงถงรึ ปแบบของสถาปู ตยกรรมทั องถ้ น่ิ เชน่ ซมประตุ้ โขงู ฯลฯ แผนด่ นหมายเลขิ 1 (ถนนพหลโยธนิ ) มความเหมาะสมี จากนน้ั ระหวางป่ งบประมาณี 2550 – 2551 กรมสงเสร่ มอิ ตสาหกรรมุ 4. บทบาทหนาท้ ่ี และกจกรรมของิ ได้จัดสรรงบประมาณในวงเงินในวงเงิน 145,339,000 บาท ศนยู แสดงและจำหน์ ายส่ นคิ าเซราม้ กิ สำหรับการก่อสร้างต่างๆ อันประกอบไปด้วยอาคารแสดง และหตถอั ตสาหกรรมุ จงหวั ดลำปางั นทรรศการิ อาคารแสดงสนคิ า้ อาคาร OTOP อาคารพพิ ธภิ ณฑั ์ 1. เป็นสถานที่จัดแสดงและจำหน่ายสินค้าเซรามิก สำนกงานและศั นยู อาหาร์ เปนต็ น้ และหตถอั ตสาหกรรมุ ตลอดจน อาหาร ของฝากตางๆ่ และ ซึ่งการดำเนินการก่อสร้างได้เริ่มต้นตั้งแต่เดือน ชมงานนิทรรศการเกี่ยวกับเซรามิก อาทิเช่น ประวัติเซรามิก ตุลาคม 2550 และการก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือน กันยายน เตาเผาเซรามกแบบติ างๆ่ ผลงานของศลปิ นิ เปนต็ น้ เปดจำหนิ าย่ 2551 โดยมบรี ษิ ทแอคซั สกรี ปุ๊ จำกดั เปนผ็ ออกแบบู้ และกจการิ ทกวุ นตั งแต้ั เวลา่ 09.00-18.00 น. ปจจั บุ นมั มากกวี า่ 30 รานค้ า้ รวมค่ าเช้ ยงใหมี ร่ มดอยิ -ศลปิ โยธาเป์ นผ็ ดำเนู้ นการกิ อสร่ าง้ 2. เป็นสถานที่ให้บริการข้อมูลข่าวสารสารสนเทศ ดานสภาวการณ้ เซราม์ กิ เศรษฐกจิ การลงทนุ องคความร์ เกู้ ยว่ี 2. วตถั ประสงคุ ์ กบเซรามั กิ ตลอดจนความรทู้ วไป่ั บรการอิ นเตอริ เน์ ต็ Wi-Fi 1. เพอจ่ื ดสรั างอาคารศ้ นยู แสดงและจำหน์ ายส่ นคิ า้ 3. เปนสถานท็ ่ีเจราจาการคาระหว้ างผ่ ผลู้ ตและผิ ซู้ อ้ื เซรามกิ และสนคิ าห้ ตถอั ตสาหกรรมุ ของจงหวั ดลำปางทั ครบ่ี ในอตสาหกรรมเซรามุ กและหิ ตถอั ตสาหกรรมของจุ งหวั ดลำปางั วงจร 4. เป็นสถานที่จัดการประชุมสัมมนาตั้งแต่ 30 - 2,500 คน

40 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 อ.เศกพร ตนศรั ประภาศี ริ ิ E-mail: [email protected]

ประมาณปลายเดือนกันยายน เรื่องเล่าจาก... พวกเราชาวม.ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ก็ถึงคิวเผางานเครื่องปั้นดินเผาจากเตาฟืน เตาฟืน นับเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน ในวิชาเตาและการเผา ของหลักสูตรเทคโนโลยีเซรามิกส์ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม โดยปกติแล้วพวกเราจะเผาเตาฟืนกัน โดยเฉลี่ยปีละครั้งถึงสองครั้ง เพราะการเผาเตาฟืนแต่ละครั้งจะต้องใช้เวลาในการเผา ตลอดจนทรัพยากรไม่ว่าจะเป็นคน และงบประมาณค่อนข้างสูง

January - April 2011 CERAMICS Journal 41 เตาฟนทื พวกเราใช่ี เผาน้ นเป้ั นเตาเผาท็ เราก่ี อข่ นก้ึ นั ตางจากเน่ อด้ื นเดิ มอิ นเนั องมาจากข่ื เถ้ี าของเส้ นฟางจะทำให้ เก้ ดิ เองตงแต้ั เม่ อป่ื ี2547 เรยกวี า่ “เตามงกรั ” เปนเตาเผาแบบเด็ ยวี รอยสสี มอมแดงบนผ้ วดิ นิ หรอเราสามารถนำเทคนื คดิ นทนไฟิ กับที่ใช้เผาโอ่งมังกร จ.ราชบุรี เพียงแต่ย่อขนาดลงมาเหลือ มาปดบิ งผั วของภาชนะเพิ อให่ื เก้ ดลวดลายจากเปลวไฟและไอิ ประมาณ 8 เมตร หรอื 5 ตา (ชองเผา่ ) นนเอง่ั การเผาภาชนะ เคลอบขื เถ้ี าท้ ไม่ี สม่ ำเสมอก่ ได็ ้จากนนเราต้ั องเตร้ ยมดี นทนไฟิ เครองป่ื นด้ั นเผาโดยเฉพาะเตาฟิ นนื น้ั ภาชนะจะทำปฏกริ ยาิ เพอใช่ื ต้ ดติ ง้ั (setting) ระหวางภาชนะก่ บแผั นรองเผา่ หรอระหวื าง่ กบขั เถ้ี าของไม้ ฟ้ นในระหวื างทำการเผา่ ทำใหเก้ ดเปิ นลวดลาย็ ภาชนะกบภาชนะั มสมบี ตั ทนไฟสิ งและภายหลู งจากการเผาั ตามธรรมชาต ิ ถอเปื นเสน็ ห่ อ์ นเฉพาะตั วของเครั องป่ื นด้ั นเผาิ ตองสามารถแยกช้ นงานออกจากแผ้ิ นรองเผาได่ โดยไม้ ต่ ดเคลิ อบื จากเตาฟนื ลวดลายซงเก่ึ ดขิ นจากการเผาน้ึ บางคร้ี งก้ั ไม็ ได่ เป้ น็ ขเถ้ี าธรรมชาต้ ิ (Natural ash) จากไมฟ้ นดื วย้ โดยมสี วนผสม่ ไปตามความคาดหมายแต่ช่างปั้นจะต้องปล่อยให้ธรรมชาติ ของดนทนไฟิ ดนขาวิ อลมู นิ าและทรายหยาบ่ เปนผ็ ตู้ ดสั นและธรรมชาติ นิ นบางท้ั กี อย็ เหนู่ ออำนาจการตกแตื ง่ ของมนษยุ ์

การตกแตงภาชนะก่ อนนำเข่ าเตาเผาโดยว้ ธิ เอนโกบและใชี ฟางข้ าว้

เปลวไฟกำลังเริ่มเผาไหม้

ทำให้เกิดลวดลายและสีสันบนผิวภาชนะ

○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ กระบวนการเผาเตาฟืนนั้นเราสามารถแบ่งขั้นตอน ออกเปน็ 3 ขนตอนง้ั ายๆ่ คอื ขนตอนแรกในการเตร้ั ยมเตาเผาี และนำภาชนะเขาเตาเผา้ (Loading) สองขนตอนในการเผาและ้ั ขนตอนส้ั ดทุ ายค้ อการนำภาชนะออกจากเตาเผาื (Unloading) ดงนั นเรามาเร้ั มท่ิ ข่ี นตอนแรกก้ั นั เรมท่ิ เราจะต่ี องทำ้ ความสะอาดบริเวณภายในและภายนอกของเตาทุกครั้ง โดยภายในจะตองกำจ้ ดคราบและเศษวั สดั ทุ เหล่ี อจากการเผาื ครงก้ั อนและใช่ ทรายแม้ น่ ำทำการปร้ บพั นภายในเตาตามความ้ื เมื่อวัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมแล้ว เราจึงเริ่มนำ ลาดชนของพั นเตา้ื สวนภายนอกทำความสะอาดรอบๆ่ เตาเผา ภาชนะเขาเตาเผา้ (Loading) โดยเรมนำงานต่ิ ดติ ง้ั ตงแต้ั ห่ อง้ และปรบภั มู ทิ ศนั ต์ างๆ่ เพออำนวยความสะดวกในระหว่ื างดำ่ เผาตาแรกไลเร่ ยงไปจนถี งตาสึ ดทุ าย้ โดยปกตแลิ วช้ างป่ นจะนำ้ั เนนการเผาิ สวนภาชนะท่ ทำการเผาน่ี นเราสามารถนำมาตก้ั ภาชนะที่ต้องการให้สัมผัสเคลือบขี้เถ้าธรรมชาติอย่างรุนแรง แต่งลวดลายก่อนนำเข้าเตาเผา อาจใช้น้ำดินสีมาเอนโกบ จะตองต้ ดติ งงานไว้ั ท้ บร่ี เวณคอเตาหริ อหื องเผาตาแรกเพราะ้ (Engobe)โดยใชแปรงทาหร้ อใชื ว้ ธิ การพี นก่ ได็ ้ และอาจจะใช้ บรเวณนิ เม้ี อทำการเผาจะเป่ื นบร็ เวณทิ ให่ี ความร้ อนส้ งสู ดและุ ฟางขาวมาพ้ นรอบภาชนะเพั อให่ื เก้ ดลวดลายและสิ สี นทั แตก่ี รองรบปรั มาณของขิ เถ้ี าจากห้ วเตามากทั ส่ี ดุ

42 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554

การนำภาชนะเรียงเข้าภายในเตาเผาต้องใช้ดินทนไฟหรือเปลือกหอยแครงช่วยเวลาติดตั้งงาน

○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○

เมื่อบรรจุภาชนะเข้าเตาเผาจนครบทุกห้องเผาแล้ว เราจึงนำอิฐทนไฟมาก่อปิดด้านประตูเตาจากนั้นนำโคลนผสม ทรายมาฉาบปดผิ วทิ ประต่ี เตาอู กครี ง้ั เปนอ็ นเสรั จข็ นตอนแรก้ั ซงเราสามารถเร่ึ มการเผาในข่ิ นตอนต้ั อไปได่ เลย้ โดยปกตแลิ วก้ อนเร่ มการเผาท่ิ กครุ งจะต้ั องม้ การเซี นไหว่ เตาซ้ งเป่ึ นธรรมเน็ ยมของชี างป่ นไม้ั ว่ าจะเป่ นเตาไทย็ จนี หรอื ญป่ี นเพุ่ อท่ื ให่ี ประสบความสำเร้ จในการเผาและได็ ภาชนะท้ ม่ี ความงดงามี ขนตอน้ั ใ นการเผาเราจะเรมจากการส่ิ มหุ วเตาโดยใชั ้ ไมฟ้ นื 2-3 ทอนขนาดพอด่ กี บชั องเผา่ จดฟุ นใหื ต้ ดดิ านปลายแล้ วค้ อยๆ่ แหยท่ ช่ี องเผาด่ านล้ าง่ ลมรอนจากฟ้ นจะถื กดู ดออกไปู ทางปลองเตา่ เปนการอ็ นเตาเผาและเผาภาชนะสุ่ วนหน่ งท่ึ ย่ี งไมั ผ่ านการเผาด่ บิ ใชเวลาส้ มหุ วเตาประมาณหนั งค่ึ นกื บหนั งว่ึ นั ซงในเวลาว่ึ างพวกเราก่ ต็ องใช้ เวลาในการต้ ดฟั นใหื ขนาดพอด้ กี บชั องเผา่ หลงจากนั นก้ั เป็ ดชิ องเผาด่ านบน้ เรมแหย่ิ ฟ่ นโดยใชื ฟ้ นื จำนวนใกลเค้ ยงกี บชั องเผาด่ านล้ าง่ โดยใหปลายฟ้ นตื ดไฟแลิ วค้ อยๆ่ แหยไปจนใกล่ หมดท้ อน่ จงนำฟึ นทื อนใหม่ แหย่ ต่ อก่ นไปั ไมให่ ขาดตอน้

เราแหยฟ่ นทื ห่ี วเตาดั านบนจน้ บรรยากาศภายในเตาเรมม่ิ สี แดงี จงปึ ดิ ชองเผาด่ านล้ างพร่ อมก้ บนำปั มหอยโข๊ั ง่ มาชวยพ่ นน่ ำม้ นเขั าช้ องเผาด่ านบน้ เพอ่ื ชวยประหย่ ดฟั นในการเผาื โดยเรานำนำ้ มันเครื่องใช้แล้วมาช่วยในการเผาไหม้ ทำใหประหย้ ดตั นท้ นและเวลาในการเผาุ เพราะนำม้ นทั ใช่ี เป้ นเช็ อเพล้ื งในการเผาิ จะใหความร้ อนส้ งและใชู เวลาในการเผา้ น้อยกว่าเมื่อเทียบกับการเผาแบบฟืน อยางเด่ ยวี โดยใชเวลาประมาณหน้ งว่ึ นั

การสุมหัวเตาบริเวณช่องเผาด้านล่างและการตัดฟืนให้พร้อมสำหรับการเผา

○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○

January - April 2011 CERAMICS Journal 43 พนน่ ำม้ นจนบรรยากาศภายในเตาเผาเรั มเปล่ิ ยนจาก่ี สแดงมาเปี นส็ สี ม้ เราจงเรึ มโยนฟ่ิ นทื อนเล่ กๆ็ ผสมกบการพั น่ นำม้ นไปดั วย้ เมอภายในเตาเผาเปล่ื ยนเป่ี นส็ สี มอมเหล้ องเราื จงหยึ ดการพุ นน่ ำม้ นั แลวแหย้ แต่ ฟ่ นอยื างเด่ ยวจนภายในเตาี เปลยนเป่ี นส็ เหลี องหรื อสื งเกตเหั นข็ เถ้ิ าภายในเตาเผาเร้ มหลอม่ิ ตัวเป็นเคลือบฉาบบนผิวของภาชนะ เผาแช่ไว้อีกประมาณ ครงว่ึ นเพั อให่ื เคล้ อบหลอมตื วดั จี งปึ ดชิ องเผาในส่ วนห่ วเตาั กอนท่ จะป่ี ดชิ องเผาประมาณ่ 2-3 ชวโมง่ั เราจะเรม่ิ เผาในหองเผาท้ สองต่ี อไป่ ซงเราเร่ึ ยกวี า่ “การแหยตา่ ” โดยจะ แหย่ฟืนลงในช่องเผาด้านข้างของตัวเตาเผาทั้งสองข้าง

ปั๊มหอยโข่งขณะพ่นน้ำมันเข้าช่องเผาด้านบน ○○○○○○○ ไล่เรียงจากตาสอง ไปจนถึงตาสุดท้ายคือตาที่ห้า แล้วจึงทำ ○○○○○○○○○○○○○ การปิดช่องแหย่ตาสุดท้ายเป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนในการเผาส่วนเวลาที่ใช้ในการแหย่ตาแต่ละห้องเผานั้น เราต้องสังเกต จากสไฟและการหลอมตี วของเคลั อบขื เถ้ี าจากไม้ ฟ้ นื โดยเฉลยห่ี องเผาละประมาณ้ 4-5 ชวโมง่ั

เปลวไฟทพวยพ่ี งออกทางปลุ่ องเตาขณะทำการแหย่ ตาในยามค่ ำค่ นื บรรยากาศภายในเตาเผากอนนำภาชนะต่ างๆ่ ออกจากเตา

○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○

○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ เราใชเวลารอให้ เตาเผาเย้ นลงจนสามารถนำผลงานออกมาได็ ประมาณสามว้ นั ซงข่ึ นตอนส้ั ดทุ ายค้ อการนำภาชนะื ออกจากเตาเผา พวกเราใชพ้ นท้ื ข่ี างเตาเผาเป้ นท็ จ่ี ดวางภาชนะทั จะนำออกจากเตา่ี ตอจากน่ นใช้ั ขวาน้ พราหร้ อชะแลงเปื ดิ ประตูเตาเผาด้านข้าง และค่อยลำเลียงภาชนะออกจากเตาเผานำมาจัดวางให้ใกล้เคียงกับการจัดวางภาชนะก่อนการเผา เพื่อทำการวิเคราะห์ผลของ การเผาตอไป่ เพราะตำแหนง่ ในการจัดวางภาชนะต่างๆ ภายในเตาเผามีผลต่อ ลวดลาย พนผ้ื วิ สและเคลี อบื ทปรากฎบนภาชนะ่ี

เปรียบเทียบภาพภาชนะก่อน-หลังการเผา

44 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 รูปปั้นพระคเณศวรที่อยู่ด้านท้ายเตา คณาจารย ์ นกศั กษาและสมาชึ กิ

ซึ่งขี้เถ้ายังไม่หลอมทำให้เกิดพื้นผิวด้าน ที่ร่วมกิจกรรมเผาเตากำลังวิเคราะห์และชื่นชมผลงานของตน

○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○

เคลือบสีส้มในภาชนะ

เกิดจากไอเกลือของเปลือกหอยแครง ○○○○○ ○○○○○○○○○○○○○ ผลงานของคณสุ ธารุ กษั ์ แสงเทศ ไดร้ บคั ดเลั อกื

เขาร้ วมแสดงงานศ่ ลปะเคริ องป่ื นด้ั นเผาแหิ งชาต่ คริ งท้ั ่ี 15

○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○

กจกรรมการเผาเตาฟิ นนื นนอกจากน้ั กศั กษาและสมาชึ กทิ เข่ี าร้ วม่ การเผาจะได ้ ความรและประสบการณู้ ในการเผาแล์ ว้ ยงเปั นการฝ็ กสมาธึ ิ ความอดทนและการทำงานเปนท็ มตลอดจนกี อเก่ ดความสามิ คคั ใหี ก้ บหมั ู่ คณะ ซงพวกเราชาววไลยอลงกรณ่ึ กำล์ งรอคอยใหั ท้ านผ่ อู้ านท่ สนใจมาร่ี วม่ สมผั สบรรยากาศกั จกรรมเผาเตาฟิ นกื บพวกเราในการเผาเตาฟั นครื งต้ั อไป่

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่... หลกสั ตรเทคโนโลยู เซรามี กสิ ์ คณะเทคโนโลยอี ตสาหกรรมุ ม.ราชภฏวไลยอลงกรณั ์ ในพระบรมราชปถู มภั ์ จ.ปทมธานุ ี โทร. 0-2529-3829 และ 0-2909-3048 รอยเคลือบไหลที่อยู่บนผิวภาชนะ

เกดจากขิ เถ้ี าโดนความร้ อนระหว้ างท่ กำล่ี งเผาั

○○○○○○○○○○○○○○○○○○○

January - April 2011 CERAMICS Journal 45 ปิยะดา เจียรพินิจนันท์

¡ÒÃàÅÍ¡ãª× ÊŒ Õ ·»ÅÍ´ÀèÕ ÂÊÓËÃÑ º...Ñ

ÀÒª¹Ðà«ÃÒÁ¡ãÊÔ ÍÒËÒË ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○

สงเกตไดั ว้ าเม่ อม่ื การตรวจสอบเรี องโลหะหน่ื กในภาชนะั เซรามกสำหริ บใสั อาหาร่ กม็ กจะมั ขี าวในเช่ งลบออกมาวิ าพบ่ สารตะกว่ั แคดเมยมี เจอปนอยื ในสู่ ที ใช่ี ตกแต้ งภาชนะในปร่ มาณิ คอนข่ างส้ งู โดยทไม่ี ม่ การนำเสนอรายละเอี ยดที สมบ่ี รณู จาก์ หนวยงานท่ เก่ี ยวข่ี อง้ สงผลให่ ประชาชนเป้ นจำนวนมากท็ อ่ี าน่ ขาวสารน่ นแล้ั ว้ เกดความติ นตกใจจนไม่ื กล่ าท้ จะซ่ี อจานชาม้ื ทม่ี การตกแตี งลวดลายด่ วยส้ ไปเลยี ซงก่ึ อให่ เก้ ดผลกระทบติ อ่ ผผลู้ ตเซรามิ กในไทยโดยรวมิ ทงๆ้ั ทส่ี นคิ าท้ ผล่ี ตภายในประเทศิ สวนใหญ่ ่เปนส็ นคิ าค้ ณภาพสุ งู ผานการร่ บรองจากประเทศตั างๆ่ ทงในย้ั โรปุ และอเมรกาิ เมื่อพิจารณาข้อมูลข่าวสารด้วยความเป็นกลาง จะพบว่า ยังมีข้อเท็จจริงอีกหลายประเด็นที่ไม่ถูกกล่าวถึง อาทเชิ น่ • จาน ชามดงกลั าว่ เปนส็ นคิ าท้ ผล่ี ตในประเทศไทยิ หรอนำเขื าจากต้ างประเทศ่ • สที ใช่ี ในการตกแต้ งบนจานชามเป่ นส็ ประเภทใดี • วธิ การที ใช่ี ตรวจสอบค้ าโลหะหน่ กนั นเป้ั นไปตาม็ มาตรฐานอะไร ในความเปนจร็ งแลิ ว้ กระบวนการตรวจสอบคณภาพุ • อางอ้ งคิ าการละลายของโลหะหน่ กจากมาตรฐานั สนคิ าต้ างๆท่ วางขายอย่ี ทู่ วไป่ั เปนเร็ องท่ื ควรกระทำอย่ี างสม่ ำ่ ใด และมขี อกำหนดอย้ างไร่ (เพราะไมม่ มาตรฐานใดที ระบ่ี ใหุ ้ เสมอโดยหนวยงานราชการ่ ทงน้ั เพ้ี อค่ื มครองความปลอดภุ้ ยั คาตะก่ วและแคดเม่ั ยมเปี นศ็ นยู )์ แกผ่ บรู้ โภคิ และเปนเร็ องท่ื ส่ี อควรนำเสนอให่ื ประชาชนร้ บทราบั ซึ่งในประเด็นที่เกี่ยวกับผู้ผลิตสินค้าไม่ได้มาตรฐาน อยางท่ วถ่ั งดึ วยเช้ นก่ นั อยางไรก่ ตาม็ การนำเสนอควรกระทำ นน้ั ควรไดร้ บการตรวจสอบจากหนั วยงานท่ เก่ี ยวข่ี อง้ และระบุ อยางช่ ดเจนและมั ใจความสำคี ญครบถั วน้ หากเลอกนำเสนอื ออกมาใหช้ ดเจนั เพราะจะชวยให่ ผ้ ผลู้ ติ หรอผื นำเขู้ าส้ นคิ าน้ น้ั ข้อมูลแต่ด้านลบโดยขาดข้อเท็จจริง หรือขาดรายละเอียดที่ เพมความระม่ิ ดระวั งในการเลั อกใชื ส้ ี โดยคำนงถึ งความปลอดึ สำคญไปั กอาจก็ อให่ เก้ ดความเสิ ยหายกี บบั คคลบางกลุ มไดุ่ ้ ภยของผั บรู้ โภคมากขิ น้ึ อกที งย้ั งชั วยให่ ผ้ ประกอบการทู้ ผล่ี ติ ดังเช่นปัญหาที่เกิดกับอุตสาหกรรมเซรามิกในระยะหลังๆ นี้ สนคิ าได้ มาตรฐาน้ ไมต่ องร้ บความเสั ยหายจากขี าวสารน่ ไปด้ี วย้

46 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 ในฐานะท ่ี บรษิ ทั เฟอรโร์ เซอรเดค์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้แทนจำหน่ายสีเซรามิกคุณภาพสูงจากประเทศ เยอรมัน และเป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมเซรามิกของไทย มาเปนระยะเวลานาน็ จงขอนำเสนอขึ อม้ ลเกู ยวก่ี บสั และมาตรี ฐานของโลหะหนกั เพอให่ื เก้ ดความเขิ าใจท้ ถ่ี กตู องตรงก้ นในั ทกๆฝุ าย่ โดยหวงวั าข่ อม้ ลดู งกลั าว่ จะชวยส่ งเสร่ มมาตรการิ ปองก้ นปั ญหาเรั องตะก่ื วและแคดเม่ั ยมในอนาคตไดี ้ สตกแตี งท่ ทางเฟอร่ี โร์ เซอรเดคฯ์ จดจำหนั ายให่ ก้ บผั ู้ ผลตภาชนะเซรามิ กในประเทศไทยิ มดี งตั อไปน่ ้ี • สบนเคลี อบชนื ดทิ ปล่ี อยค่ าโลหะหน่ กตั ำ่ (Low metal release onglaze colors) - การปล่อยโละหนักหลังการเผาเป็นไปตามมาตร ฐาน DIN EN 1388.1-2 และ Council Directive 84/500/EEC • สีบนเคลือบชนิดไร้สารตะกั่ว (Unleaded onglaze colors) - การปล่อยโละหนักหลังการเผาเป็นไปตามมาตร ขอเสนอแนะอ้ กประการหนี งค่ึ อื ผผลู้ ตภาชนะเซรามิ กิ ฐาน DIN EN 1388.1-2 และ Council Directive 84/500/EEC จะทำอยางไรให่ ผ้ ซู้ อท้ื เป่ี นประชาชนท็ วไปทราบว่ั า่ สนคิ าของ้ - ค่าการปนเปื้อนของโลหะหนักในเนื้อสีและการ ตนนนปลอดภ้ั ยตั อการใช่ งาน้ เพราะใชส้ คี ณภาพดุ ีมกระบวนี ปล่อยโลหะหนักหลังเผาเป็นไปตามมาตรฐาน California การผลตทิ ได่ี มาตรฐาน้ และมการตรวจสอบคี ณภาพสุ นคิ าอย้ าง่ Proposition 65 และ FDA เขมงวด้ เปนไปได็ หร้ อไมื ท่ จะใช่ี ส้ ญญลั กษณั ง์ ายๆ่ คลายก้ บั • สในเคลี อบชนื ดไริ สารตะก้ ว่ั (Unladed inglaze เครองหมายประหย่ื ดไฟเบอรั ์ 5 บนเครองใช่ื ไฟฟ้ า้ เพยงแคี ่ colors) ประชาชนพลกดิ ทู ก่ี นภาชนะและเห้ นส็ ญญลั กษณั น์ ้ีกสามารถ็ - การปล่อยโละหนักหลังการเผาเป็นไปตามมาตร ซอส้ื นคิ าได้ อย้ างม่ นใจ่ั นอกจากนนควรต้ั องม้ การระบี ชุ อผ่ื ผลู้ ติ ฐาน DIN EN 1388.1-2 และ Council Directive 84/500/EEC ใหช้ ดเจนดั วย้ เพอให่ื ง้ ายต่ อการตรวจสอบ่ อกที งย้ั งชั วยป่ องก้ นั - ค่าการปนเปื้อนของโลหะหนักในเนื้อสีและการ การแอบอางจากผ้ ทู้ หว่ี งผลประโยชนั จากการใช์ ส้ ญญลั กษณั ์ ปล่อยโลหะหนักหลังเผาเป็นไปตามมาตรฐาน California นด้ี วย้ Proposition 65 และ FDA      หลกการั นำตวอยั างช่ นงานเซราม้ิ กทิ ต่ี องการทดสอบจ้ มลงในุ่ สารละลายกรดอะซติ กิ เขมข้ น้ 40 มลลิ ลิ ตริ /ลตริ เปนเวลา็ 24 ชวโมง่ั ทอ่ี ณหภุ มู ิ 22 องศาเซลเซยสี เพอให่ื สารตะก้ วและ่ั แคดเมยมละลายออกมาี จากนนนำสารละลายน้ั ไปหาค้ี าตะก่ วและ่ั แคดเมยมดี วย้ "Flame atomic absorption spectrometry (FAAS)" คาการละลายท่ ยอมร่ี บไดั ตามมาตรฐาน้ Council Directive 84-500-EEC (Permissible limits) ตะกั่ว แคดเมียม Flatware ไมเก่ นิ 0.8 mg/dm2 ไมเก่ นิ 0.07 mg/dm2 Holloware ไมเก่ นิ 4.0 mg/l ไมเก่ นิ 0.3 mg/l Cooking ware ไมเก่ นิ 1.5 mg/l ไมเก่ นิ 0.1 mg/l คำนยามิ Flatware หมายถงึ ผลตภิ ณฑั ์ ทม่ี ความลี กไมึ เก่ นิ 25 มลลิ เมตริ Holloware หมายถงึ ผลตภิ ณฑั ท์ ม่ี ความลี กเกึ นิ 25 มลลิ เมตริ Cookingware หมายถงึ ภาชนะใสอาหารท่ ต่ี องส้ มผั สกั บความรั อนในข้ นตอนการเตร้ั ยมอาหารี ไมว่ าจะเป่ น็ การอบ การนง่ึ การตม้ การตนุ๋ การยาง่ การเคยว่ี หรอการใหื ความร้ อนด้ วยไมโครเวฟ้

January - April 2011 CERAMICS Journal 47   1. การละลายของตะกวและแคดเม่ั ยมดี านในภาชนะ้ ประเภทของภาชนะ ค่าตะกั่วต้องไม่เกิน ค่าแคดเมียมต้องไม่เกิน Flatware (plates-จาน, ความลกไมึ เก่ นิ 25 มม.) 3.0 ppm 0.5 ppm Small Holloware (bowls-ชาม, ความจนุ อยกว้ า่ 1.1 ลตริ ) 2.0 ppm 0.5 ppm Large Holloware (serving dishes-ชามเสริ พอาหาร์ ) 1.0 ppm 0.25 ppm ความจมากกวุ า่ 1.1 ลตริ Cups or Mugs (ถวยกาแฟ้ -แกวม้ กั ) 0.5 ppm 0.25 ppm Large pitchers/Jugs (เหยอกนื ำ้ ) 0.5 ppm 0.25 ppm 2. การละลายของตะกวและแคดเม่ั ยมบรี เวณิ Lip & Rim (บรเวณทิ อย่ี หู่ างจากจากขอบบนส่ ดของภาชนะุ ไมเก่ นิ 20 มลลิ เมตริ ) คาตะก่ วไม่ั เก่ นิ 4.00 ppm ค่าแคดเมียมไม่เกิน 0.40 ppm

    ทดสอบเซรามกใสิ อาหารและเคร่ องด่ื มท่ื ม่ี การตกแตี งส่ ดี านนอกภาชนะ้ วธิ การทดสอบี (เลอกเพื ยงี 1 วธิ )ี พื้นที่ๆมีการตกแต่งทั้งหมด เฉพาะบรเวณิ Lip & Rim Material content คาตะก่ ว่ั < 0.06 % (600 ppm) คาตะก่ ว่ั < 0.02 % (200 ppm) EPA Test Method 3050B คาแคดเม่ ยมี < 0.48% (4800 ppm) คาแคดเม่ ยมี < 0.08% (800 ppm) Performance คาตะก่ ว่ั < 1.0 μg/wipe NIOSH 9100 คาแคดเม่ ยมี < 8.0 μg/wipe ไม่มี Leaching คาตะก่ ว่ั < 0.99 ppm คาตะก่ ว่ั < 0.5 ppm คาแคดเม่ ยมี < 7.92 ppm คาแคดเม่ ยมี < 4.0 ppm Total Acetic Acid Immersion test ASTM C-927 Lip & Rim test หมายเหตุ • อางอ้ งตามิ "California Proposition 65 August 18, 2005 Settlement Glass & Ceramicware" • Material content test หมายถงการตรวจหาปรึ มาณของตะกิ วและแคดเม่ั ยมที ผสมอย่ี ในสู่ ี ดวยการย้ อยสลายส่ ี ซงสามารถทำได่ึ ท้ งก้ั อนเผาและหล่ งเผาั • Performance test หมายถงการทดสอบหาคึ าตะก่ วและแคดเม่ั ยมที หล่ี ดออกมาจากการขุ ดถั บรู เวณทิ ม่ี การตกแตี ง่ ทงหมด้ั (เปนการทดสอบส็ หลี งเผาั ) • Leaching test หมายถงการทดสอบหาคึ าตะก่ วและแคดเม่ั ยมที ละลายออกมาใน่ี 4% กรดอะซติ กเปิ นเวลา็ 24 ชวโมง่ั (เปนการทดสอบส็ หลี งเผาั ) • บรเวณิ Lip & Rim หมายถงบรึ เวณทิ อย่ี หู่ างจากจากขอบบนส่ ดของภาชนะไมุ เก่ นิ 20 มลลิ เมตริ • ภาชนะสำหรบเดั กห็ ามม้ การตกแตี งในบร่ เวณิ Lip & Rim

จากขอม้ ลขู างต้ น้ อาจประเมนไดิ ว้ าถ่ าผ้ ผลู้ ตภาชนะเซรามิ กเลิ อกใชื ส้ ที ม่ี คี ณภาพสุ งู โอกาสทจะพบการละลายออก่ี มาของสารตะกวและแคดเม่ั ยมในปรี มาณทิ เก่ี นมาตรฐานนิ นแทบจะเป้ั นไปไม็ ได่ เลย้ และในปจจั บุ นนั ้ีผผลู้ ตรายใหญิ ๆในไทย่ ตางก่ ห็ นมาใชั ส้ ประเภทไรี สารตะก้ วก่ั นเกั อบทื งส้ั น้ิ สวนงานของทางจ่ งหวั ดลำปางเองั ถงแมึ จะม้ ลวดลายมากมายี สสี นฉั ดฉาดู แตส่ วนใหญ่ ก่ เป็ นงานส็ ใตี เคล้ อบื เผาไฟสงู จงนึ าจะต่ ดปั ญหาการละลายออกมาของโลหะหนั กออกไดั เช้ นก่ นั สรุปได้ว่า หากผู้ผลิตเซรามิกในไทยเลือกใช้วัตถุดิบรวมทั้งสีตกแต่งที่มีคุณภาพสูง ผ่านมาตรฐาน สวนผ่ นำเขู้ าส้ นคิ าม้ มาตรการในการคี ดกรองสั นคิ าต้ งแต้ั ต่ นทาง้ กจะช็ วยให่ ประชาชนชาวไทยม้ ความมี นใจในการ่ั ซอภาชนะเซราม้ื กมากขิ น้ึ และทแน่ี ๆ่ ... ปลอดภยไรั ก้ งวลกั นทั กฝุ าย่ ทงผ้ั ผลู้ ตและผิ บรู้ โภคิ

48 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 Ball Mill : How to consider factors to its performance ปจจั ยทั ส่ี งผลต่ อประส่ ทธิ ภาพการบดดิ วยโม้ บด่ โดย วริ ชั เลศพรมิ วศ.บ. (วศวกรรมเซรามิ กิ ) มหาวทยาลิ ยเทคโนโลยั สี รนารุ ี วศวกรประจำแผนกเตริ ยมวี ตถั ดุ บิ บรษิ ทั สยามซานทาริ แวร่ี ์ อนดิ สทรั สี ์ จำกดั

1. บทนำ ในกระบวนการผลตผลิ ตภิ ณฑั ในอ์ ตสาหกรรมเซรามุ กหริ ออื ตสาหกรรมุ อนๆท่ื ม่ี ความตี องการลดขนาดอน้ ภาคของวุ ตถั ดุ บลงจากวิ ตถั ดุ บติ งต้ั นขนาด้ 5 - 250 มลลิ เมตริ [11] โดยใหม้ ขนาดเลี กอย็ ในระดู่ บไมโครเมตรั กคงหล็ กเลี ยง่ี ไมได่ ท้ จะต่ี องใช้ กระบวนการบดย้ อยด่ วย้ "Ball Mill" หรอื โมบดเน่ องจากเป่ื น็ เครองจ่ื กรทั ประด่ี ษฐิ ข์ นได้ึ ง้ าย่ มการใชี งานท้ ไม่ี ย่ งยากซุ่ บซั อน้ อกที งย้ั งคั มคุ้ า่ แกการลงท่ นุ โดยทวไป่ั โมบดสามารถบดว่ ตถั ดุ บใหิ ม้ ขนาดเลี กได็ ในระด้ บั 10 - 300 ไมครอน[1], [11]

หลกการโดยทั วไปของการบดย่ั อยว่ ตถั ดุ บดิ วยโม้ บดน่ นค้ั อื การใหว้ ตถั ดุ บถิ กกระแทกู (Cataracting/Impact grinding force) และ/หรอขื ดสั ี (Abrasion/Attrition grinding force) ดวยล้ กบดจนเกู ดการแตกและสลายติ วเลั กลงจนได็ ขนาดตามท้ ต่ี องการ้ อยางไรก่ ตามด็ วยการ้ พฒนาทางวั ทยาศาสตริ และเทคโนโลย์ สมี ยใหมั ่ ทำใหการลดขนาดว้ ตถั ดุ บดิ วยโม้ บดน่ นกำล้ั งั จะหมดไป โดยเทคโนโลยที ว่ี าน่ ได้ี แก้ ่ BARMAC และ MAXMILL[2] หากแตโรงงานเซราม่ กในิ ประเทศไดลงท้ นในการสรุ างโม้ บดไว่ แล้ ว้ ครนจะให้ั เปล้ ยนไปลงท่ี นในเทคโนโลยุ ใหมี ่ ๆ เหนว็ า่ จะเปนเร็ องท่ื เป่ี นไปได็ ยากเน้ องจากสภาวะเศรษฐก่ื จปิ จจั บุ นั ทไม่ี เอ่ อต้ื อการลงท่ นตุ ดติ งเคร้ั อง่ื จกรใหมั ่ ๆ ดงนั น้ั หากเราเปนผ็ ใชู้ งานโม้ บดอย่ ู่ แตอยากทราบว่ าโม่ บดท่ ม่ี อยี นู่ นถ้ั กควบคู มใหุ ้ ทำงานไดอย้ างเต่ มประส็ ทธิ ภาพหริ อไมื ่ในบทความนอาจเป้ี นส็ วนหน่ งท่ึ จะช่ี วยท่ านผ่ อู้ านได่ แนว้ ทางในการศกษาโมึ บดและทำให่ โม้ บดน่ นสามารถทำงานได้ั อย้ างม่ ประสี ทธิ ภาพบทความนิ จะ้ี กลาวถ่ งตึ วแปรตั างๆ่ ทม่ี ผลตี อการบด่ เพอเป่ื นแนวทางท็ สามารถปร่ี บปรั งกระบวนการบดไดุ ้ อยางไรก่ ตามข็ อม้ ลทู งหมดน้ั ได้ี ถ้ กรวบรวมและเรู ยบเรี ยงขี นจากบทความหลาย้ึ ๆ บทความ อกที ง้ั จากประสบการณการทดลองโดยตรงของผ์ เขู้ ยนี ซงอาจไม่ึ ครอบคล่ มทุ งหมดของรายละเอ้ั ยดี แตก่ เพ็ ยงพอที จะเป่ี นแนวทางในการนำไปปร็ บปรั งพุ ฒนากระบวนการบดใหั ด้ ขี นได้ึ ้

January - April 2011 CERAMICS Journal 49 2. ตัวแปรหลักในการพิจารณาถึงประสิทธิภาพของโม่บด โดยทวไปโม่ั บดสามารถทำการบดได่ ใน้ 2 ลกษณะคั อื การบดแบบเปยกี (Wet grinding) และการบด แบบแหง้ (Dry grinding) โดยในบทความนจะนำเสนอในรายละเอ้ี ยดของการบดแบบเปี ยกมากกวี าการบด่ แบบแหงเน้ องจากอ่ื ตสาหกรรมเซรามุ กสิ วนใหญ่ จะเป่ นการบดแบบน็ ้ีและการบดแบบเปยกนี นม้ั รายละเอี ยดี ปลกยี อยมากกว่ าการบดแบบแห่ ง้

ขนแรกของการพ้ั จารณาถิ งประสึ ทธิ ภาพของโมิ บดน่ นต้ั องทราบว้ า่ ดวยปร้ มาตรทิ งหมดของโม้ั สามารถใส่ ล่ กบดไดู ้ ประมาณรอยละ้ 50 โดยภายในลกบดนู จะส้ี งผลใหู เก้ ดชิ องว่ างหร่ อื Void Fraction โดยอตโนมั ตั ประมาณริ อยละ้ 40 ดังนั้นกจะเหล็ อพื นท้ื ในการใส่ี ว่ ตถั ดุ บและนิ ำอ้ กประมาณรี อยละ้ 30 [11] ในบทความนไม้ี ขอกล่ าวถ่ งอึ ทธิ พลของลิ กบดู เนองจากอ่ื ตสาหุ กรรมเซรามกสิ วนใหญ่ จะใช่ ล้ กบดอะลู มู นิ าอย่ แลู่ ว้ (Hi-Density Alumina Grinding Media) ซงเป่ึ นล็ กู บดทให่ี ประส้ ทธิ ภาพการบดดิ โดยปกตี ลิ กบดอะลู มู นิ าจะม่ ความหนาแนี นประมาณ่ 3.55 กรมั /ลกบาศกู เซนต์ เมตรและิ มการขี นร้ึ ปอยู ู่ 2 ลกษณะคั อื 1) การขนร้ึ ปแบบกลู ง้ิ (Rolling Forming) และ 2) การขนร้ึ ปแบบอู ดั (Pressed forming) ซงความสามารถในการบดเหม่ึ อนกื นั แตแตกต่ างก่ นในเรั องอ่ื ตราการสั กหรอของลึ กบดทู การข่ี นร้ึ ปแบบกลู งจะม้ิ อี ตราั การสกหรอทึ ต่ี ำกว่ า่ แตในขณะเด่ ยวกี นกั ม็ ราคาตี อหน่ วยลงท่ นทุ ส่ี งกวู าเช่ นก่ นั [2]

นอกจากขอม้ ลในขู างต้ นท้ กล่ี าวมาน่ ้ี ยงมั ตี วแปรอั กหลายตี วตั องนำมาพ้ จารณาิ เพอให่ื เก้ ดการบดไดิ อย้ างม่ ี ประสทธิ ภาพิ ตวแปรเหลั าน่ ประกอบด้ี วย้ 1. คณสมบุ ตั เฉพาะติ วของวั ตถั ดุ บิ (Raw Materials Characterization) เชน่ แหลงกำเน่ ดิ ขนาดและความ สามารถในการแตกตวั (Source Size and grindability) 2. ความเรวรอบโม็ บด่ (Mill Rotational Speed) 3. ปรมาณลิ กบดและการกระจายขนาดของลู กบดู (Grinding media charging quantity and their size distribution) 4. ขนาดของวตถั ดุ บติ อล่ กบดู (Raw Materials Size to grinding media size) 5. คาความหนาแน่ นและความหน่ ดของวื ตถั ดุ บทิ ใช่ี ในการบดสำหร้ บการบดแบบเปั ยกี (Raw materials slurry viscosity and concentration) 6. อตราสั วนระหว่ างว่ ตถั ดุ บในโมิ บด่ (Raw materials suspension ratio)

การปรบปรั งการบดตุ องพ้ จารณาในทิ กหุ วขั อประกอบก้ นั เพอให่ื ได้ ประส้ ทธิ ภาพทิ ส่ี งสู ดและตุ วแปรั ดงกลั าวไม่ ได่ เร้ ยงตามลำดี บความสำคั ญั ในความเหนของผ็ เขู้ ยนเหี นว็ า่ ตวแปรแตั ละต่ วสั งผลต่ อประส่ ทธิ ิภาพ การบดเทาก่ นั ไมม่ ตี วแปรใดทั สำค่ี ญทั ส่ี ดและไมุ ม่ ตี วแปรใดทั สำค่ี ญนั อยท้ ส่ี ดเชุ นก่ นดั งนั นจ้ั งตึ องนำท้ กๆุ ตวแปรมาพั จารณาริ วมก่ นั

50 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 3. การทำงานของโม่บด เมอโม่ื บดทำงาน่ จะทำใหเก้ ดกลไกติ าง่ ๆ ดงภาพทั ่ี 1

ภาพท1่ี ภาพแสดงกลไก การทดงานที่เกิดขึ้น ภายในโมบด่ (วริ ชั , 2550)

เมอโม่ื บดหม่ นจนไดุ รอบตามท้ กำหนดไว่ี ้ จะสามารถอธบายกลไกภายในโมิ บดได่ ด้ งนั กระบวนการบดท้ี เก่ี ดิ ขึ้นภายในประกอบด้วย 2 แรงกระทำคือ 1) การบดที่เกิดจากการตกกระทบของลูกบด (Cataracting Media) กบวั ตถั ดุ บปิ อนบร้ เวณิ Impact Zone 2) การบดทเก่ี ดจากแรงขิ ดสั ของลี กบดู (Cascading Media) กบวั ตถั ดุ บปิ อนบร้ เวณิ Abrasion Zone นอกจากนหากปราศจากต้ี วแปรอั น่ื ๆ เชน่ ความเขมข้ นของ้ Slurry และแรงตาง่ ๆ ทกระทำต่ี อล่ กบดแลู ว้ ในการบดครงหน้ั ง่ึ ๆ จะมสี วนท่ เป่ี นช็ องว่ างหร่ อื Dead Zone ซงเป่ึ นจ็ ดทุ ไม่ี เก่ ดการบดใดิ ๆ โดยอตโนมั ตั ิ ในสวนของ่ Empty Zone จะเกดขิ นเอง้ึ (เมอพ่ื จารณาทิ ความเร่ี วรอบ็ 60-80% ของความเรวว็ กฤติ )ิ จะมปรี มาณมากหริ อนื อยน้ น้ั

กข็ นอย้ึ กู่ บความเรั วรอบของโม็ บด่ เชน่ หากใหอ้ ตราสั วนความเร่ วรอบต็ อความเร่ วว็ กฤติ ิ(NOP/ NC) มากขนก้ึ จะทำให็ เก้ ดิ Empty Zone ไดน้ อยลง้ เนองจากล่ื กบดสามารถวู งข่ิ นไปได้ึ ส้ งกวู าเด่ มิ ในขณะเดยวกี นกั จะสามารถเพ็ ม่ิ Impact Zone ไดมากข้ นด้ึ วยเช้ นก่ นั

ภาพท ่ี 2 ภาพแสดงการเคลอนท่ื ของล่ี กบดภายในโมู บดท่ ม่ี ความเรี วรอบท็ แตกต่ี างก่ นั a. ความเรวรอบต็ ำ่ b. ความเรวรอบปานกลาง็ และ c. ความเรวรอบส็ งู (Cullen, 1947)

อยางไรก่ ตามว็ ตถั ดุ บบางชนิ ดไมิ ต่ องการ้ การบดแบบแรงตกกระทบ เนองจากข่ื นอย้ึ กู่ บขนาดตั งต้ั นของว้ ตถั ดุ บิ ปอนว้ าม่ ขนาดใหญี หร่ อเลื กเพ็ ยงใดี เพราะวตถั ดุ บทิ ม่ี ขนาดเลี กอาจใช็ การบดด้ วยแรงแบบข้ ดสั ี ซงจะให่ึ ประส้ ทธิ ภาพิ การบดทด่ี กวี า่ ดงนั นหากต้ั งคำถามว้ั า่ การบดทด่ี ตี องให้ เก้ ดการบดดิ วยแรงแบบใด้ ระหวางการบดใน่ Impact Zone หรอื Abrasion Zone สามารถอธบายในภาพกวิ างได้ ว้ าข่ นอย้ึ กู่ บขนาดของวั ตถั ดุ บปิ อนว้ าม่ ขนาดเที าใด่

January - April 2011 CERAMICS Journal 51 ในสวนของรายละเอ่ ยดของการบดที เก่ี ดขิ นด้ึ วยแรงข้ ดสั ี หากพจารณาในรายละเอิ ยดกี สามารถอธ็ บายเพิ ม่ิ เตมไดิ ว้ าการแตกต่ วของวั ตถั ดุ บประกอบกิ นดั วย้ 2 กลไกคอื Chipping และ Abrasion กลาวค่ อื Chipping เปนการบด็ ททำให่ี เก้ ดอนิ ภาคหยาบหลุ ดออกมาจากเมุ ดว็ ตถั ดุ บปิ อนขนาดใหญ้ ่ แต ่ Abrasion คอื การบดททำให่ี เก้ ดอนิ ภาคุ เลกๆ็ จากอนภาคหยาบอุ กตี อหน่ งหร่ึ ออาจกลื าวรวมก่ นไดั ว้ ากระบวนการบดด่ วยแรงข้ ดสั นี นรวมก้ั นเรั ยกวี า่ Attrition ในหวขั อต้ อไปจะกล่ าวถ่ งรายละเอึ ยดของที ง้ั 6 ปจจั ยทั ม่ี ผลตี อประส่ ทธิ ภาพการบดดิ วยโม้ บดว่ าม่ ที มาท่ี ไป่ี อยางไร่ โดยผเขู้ ยนไมี ได่ เร้ ยงตามลำดี บความสำคั ญของแตั ละห่ วขั อ้ ดงนั นผ้ั อู้ านเองสามารถเร่ มอ่ิ านจากห่ วขั อใดก้ อนก่ ได็ ้

1. คณสมบุ ตั เฉพาะติ วของวั ตถั ดุ บิ (Raw Materials Characterization) เชน่ แหลงกำเน่ ดิ ขนาดและความ สามารถในการแตกตวั (Source Size and grindability) ในหวขั อน้ จะอธ้ี บายถิ งผลของคึ ณลุ กษณะเฉพาะตั วของวั ตถั ดุ บแติ ละชน่ ดทิ ส่ี งผลตู อการบด่ เชน่ แหลงกำเน่ ดิ ขนาดกอนเข่ าบดของว้ ตถั ดุ บปิ อน้ (Feeding Size) และความสามารถในการแตกตวั (Grindability) แตจะไม่ ขอกล่ าวถ่ งึ รายละเอียดของแหล่งกำเนิดวัตถุดิบ เนื่องจากบางครั้งเราจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบแหล่งนั้น เพราะต้นทุนหรือเหตุผล อยางอ่ น่ื แตส่ งท่ิ สามารถหาคำตอบเพ่ี อปร่ื บปรั งกระบวนการบดไดุ ้คอื ขนาดของวตถั ดุ บปิ อนและความสามารถในการ้ แตกตวั โดยทั่วไปหากกล่าวถึงขนาดตั้งต้นของวัตถุดิบป้อนที่ต้องการบดด้วยโม่บดนั้น ควรมีขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร [4] หรือหากมีขนาดใหญ่กว่านี้ก็สามารถบดได้เช่นกัน แต่ต้องทำการปรับปรุงที่ตัวแปรอื่นๆ เช่น ขนาดของลกบดหรู อความเรื วรอบ็ เปนต็ น้ แตอาจส่ งผลกระทบต่ อประส่ ทธิ ภาพทิ อาจต่ี ำลง่ รายละเอยดของขนาดี วตถั ดุ บและลิ กบดทู เหมาะสมน่ี นจะขอกล้ั าวในห่ วขั อถ้ ดไปคั าความสามารถในการแตกต่ วของวั ตถั ดุ บิ สามารถหาได้ จากการทดสอบคา่ Grindability ของวตถั ดุ บแติ ละชน่ ดไดิ ้โดยอยในหนู่ วย่ g/revolution [5] หรออาจอยื ในรู่ ปของดู ชนั งานี (Working Index) ซงอย่ึ ในหนู่ วย่ kWh/Ton[6] คณสมบุ ตั เฉพาะของวิ ตถั ดุ บปิ อน้ ไดถ้ กอธู บายดิ วยทฤษฎ้ หลายทฤษฎี ี ซงกล่ึ าวถ่ งความสามารถในการบดในทึ น่ี ขอยกต้ี วอยั างในร่ ปแบบของู Working Index ไดแก้ ่Griffith's fracture theory, Bond's theory, Rittinger's theory, Kick's theory และ Hukki's theory ซงทฤษฎ่ึ ที แพร่ี หลายท่ ส่ี ดเหุ นจะเป็ น็ Bond Theory โดย Bond ไดเสนอสมการการหาค้ า่ Working Index ไวด้ งนั ้ี [6]

E = 100E 1 1 ------(1) เมื่อ E คอพลื งงานทั ใช่ี ในการบดว้ ตถั ดุ บิ i √ √ ()XP XF Ei คอื Bond Working Index

XP คอื ขนาดของวตถั ดุ บหลิ งจากการบดั ( m)

XF คอื ขนาดของวตถั ดุ บปิ อน้ ( m)

Ei = 2.59CS /ρS ------(2) เมื่อ CS คอื Impact Crushing Resistance (ft.lb/in)

ρS คือค่าความถ่วงจำเพาะของวัตถุดิบป้อน

52 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 โดย Working Index สามารถหาได้จากการบดในโม่บดขนาดทดลอง แต่ในบทความนี้จะไม่ขออธิบาย ในสวนของว่ ธิ การหาี Working Index แตได่ แสดงไว้ ในตารางด้ านล้ าง่ นอกจากนความส้ี มพั นธั ระหว์ าง่ Working Index กบั Grindability สามารถหาไดจากสมการด้ งตั อไปน่ ้ี

เมอ่ื W1 คอื Working Index

Pi คอื ขนาดของตะแกรงทพ่ี จารณาิ ( m) W = 4.45 ------(3) G คอื Grindability (g/rev.) 1 P 0.22 G0.8 (P-0.5 - F-0.5) i P คอื ขนาดของวตถั ดุ บทิ ผ่ี านการบด่ (80%) ( m) F คอื ขนาดของวตถั ดุ บปิ อน้ (80%) ( m)

อยางไรก่ ตามเม็ อพ่ื จารณาสมการทิ ่ี (2) จะเหนว็ า่ Working Index นนข้ั นอย้ึ กู่ บความถั วงจำเพาะ่ (Specific

Gravity, ρS) แตจากการว่ เคราะหิ ผลทางสถ์ ติ พบวิ า่ Working Index จะมคี าน่ อยลงเม้ อความถ่ื วงจำเพาะเพ่ มมากข่ิ น้ึ ทงน้ั เน้ี องจาก่ื เมอว่ื ตถั ดุ บปิ อนม้ ความถี วงจำเพาะส่ งกู จะสามารถแตกต็ วดั กวี าว่ ตถั ดุ บปิ อนท้ ม่ี ความถี วงจำเพาะต่ ำ่

กราฟท ่ี 1 กราฟแสดงความสมพั นธั ระหว์ าง่ Working Index และ Specific Gravity

January - April 2011 CERAMICS Journal 53 ตารางท ่ี 1 ตารางแสดงคา่ Working Index ของวตถั ดุ บชนิ ดติ างๆ่ [7] Material No. of tests Specific gravity Work index Material No. of tests Specific gravity Work index All materials tested 2088 - 13.81 Taconite 66 3.52 14.87 Andesite 6 2.84 22.13 Kyanite 4 3.23 18.87 Barite 11 4.28 6.24 Lead ore 22 3.44 11.40 Basalt 10 2.89 20.41 Lead-zinc ore 27 3.37 11.35 Bauxite 11 2.38 9.45 Limestone 119 2.69 11.61 Cement clinker 60 3.09 13.49 Limestone for cement 62 2.68 10.18 Cement raw material 87 2.67 10.57 Manganese ore 15 3.74 12.46 Chrome ore 4 4.06 9.60 Magnesite, dead burned 1 5.22 16.80 Clay 9 2.23 7.10 Mica 2 2.89 134.50 Clay, calcined 7 2.32 1.43 Molybdenum 6 2.70 12.97 Coal 10 1.63 11.37 Nickel ore 11 3.32 11.88 Coke 12 1.51 20.70 Oil shale 9 1.76 18.10 Coke, fluid petroleum 2 1.63 38.60 Phosphate fertilizer 3 2.65 13.03 Coke, petroleum 2 1.78 73.80 Phosphate rock 27 2.66 10.13 Copper ore 308 3.02 13.13 Potash ore 8 2.37 8.88 Coral 5 2.70 10.16 Potash salt 3 2.18 8.23 Diorite 6 2.78 19.40 Pumice 4 1.96 11.93 Dolomite 18 2.82 11.31 Pyrite ore 4 3.48 8.90 Emery 4 3.48 58.18 Pyrrhotite ore 3 4.04 9.57 Feldspar 8 2.59 11.67 Quartzite 16 2.71 12.18 Ferrochrome 18 6.75 8.87 Quartz 17 2.64 12.77 Ferromanganese 10 5.91 7.77 Rutile ore 5 2.84 12.12 Ferrosilicon 15 4.91 12.83 Sandstone 8 2.68 11.53 Flint 5 2.65 26.16 Shale 13 2.58 16.40 Fluorspar 8 2.98 9.76 Silica 7 2.71 13.53 Gabbro 4 2.83 18.45 Silica sand 17 2.65 16.46 Galena 7 5.39 10.19 Silicon carbide 7 2.73 26.17 Garnet 3 3.30 12.37 Silver ore 6 2.72 17.30 Glass 5 2.58 3.08 Sinter 9 3.00 8.77 Gneiss 3 2.71 20.13 Slag 12 2.93 15.76 Gold ore 209 2.86 14.83 Slag, iron blast furnace 6 2.39 12.16 Granite 74 2.68 14.39 Slate 5 2.48 13.83 Graphite 6 1.75 45.03 Sodium silicate 3 2.10 13.00 Gravel 42 2.70 25.17 Spodumene ore 7 2.75 13.70 Gypsum rock 5 2.69 8.16 Syenite 3 2.73 14.90 Ilmenite 7 4.27 13.11 Tile 3 2.59 15.53 Iron ore 8 3.96 15.44 Tin ore 9 3.94 10.81 Hematite 79 3.76 12.68 Titanium ore 16 4.23 11.88 Hematite-specular 74 3.29 15.40 Trap rock 49 2.86 21.10 Oolitic 6 3.32 11.33 Uranium ore 20 2.70 17.93 Limanite 2 2.53 8.45 Zinc ore 10 3.68 12.42 Magnetite 83 3.88 10.21 * Allis-Chalmers Corporation. Caution should be used in applying the average work index values listed here to specific installations, since individual variations between materials in any classification may be quite large.

54 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 2. ความเรวรอบโม็ บด่ (Mill Rotational Speed) ในโรงงานอตสาหกรรมโดยทุ ว่ั ไปไดให้ ความสำค้ ญในั เรองความเร่ื วรอบมากข็ น้ึ เพราะในปจจั บุ นสามารถปรั บหาความเรั วรอบท็ เหมาะสมได่ี ง้ าย่ ดวยว้ ธิ การใชี ้ Variable Speed Drive เขามาช้ วยทดสอบเพ่ อหาความเร่ื วท็ เหมาะสม่ี กอนการปร่ บระบบเชั งกลอยิ างอ่ น่ื อยางไรก่ ตามจากการ็ ศกษาพบวึ า่ การปรบเปลั ยนความเร่ี วรอบน็ นบางคร้ั งก้ั ไม็ ใช่ คำตอบเด่ ยวเสมอไปที จะทำให่ี การบดเก้ ดประสิ ทธิ ภาพสิ งสู ดุ เนองจากเหต่ื ผลทางดุ านการใช้ พล้ งงานหรั ออื ตราการสั กหรอของเครึ องจ่ื กรทั อาจเพ่ี มส่ิ งข่ น้ึ ในหวขั อน้ จะแสดงว้ี ธิ การี

คำนวณหาความเรวว็ กฤติ วิ าม่ ที ไปท่ี มาอย่ี างไรและเพราะเหต่ ใดจุ งตึ องใช้ ความเร้ วรอบหร็ อื NOP ท ่ี 65 - 80% ของ NC การคำนวณคาความเร่ วว็ กฤติ ิ ความเรวว็ กฤติ หมายถิ งึ ความเรวรอบท็ ทำให่ี ล้ กบอลถู กเหวู ยงต่ี ดไปกิ บผนั งั ตลอดเวลา ซึ่งจะทําให้ไม่เกิดการบดแบบ Cataracting/Impact force หรือเกิดน้อยมาก ซึ่งสภาพนี้เกิดจากการที่ ลกบดมู ความเรี วเท็ าก่ บความเรั วหน็ ศี นยู กลางหร์ อื Gravimetric / Centrifuging Speed ดงนั นจะเร้ั ยกความเรี วน็ ว้ี า่ ความเรวว็ กฤติ ิ (Critical Speed) ซงสามารถคำนวณได่ึ ด้ งนั ้ี

เมอกำหนดให่ื ้ R คอื เสนผ้ าศ่ นยู กลางของโม์ บด่ N คอื จำนวนรอบในการหมนุ P คอื จดทุ ล่ี กบดมู แรงกระทำจากแรงโนี ม้ ถวงเท่ าก่ บแรงหนั ศี นยู กลาง์ M คอื มวลของลกบดู

แรงกระทำเนองจากแรงโน่ื มถ้ วง่ P = Mg ------(1) แรงหนศี นยู กลาง์ 2 FC = MV /R ------(2) ภาพท ่ี 3 แสดงแรงทกระทำต่ี อล่ กบดู เมอล่ื กบดอยู ในสภาวะของความเรู่ วว็ กฤติ ิ คอื ขณะเกดิ Critical Speed แรงหนศี นยู กลาง์ เทาก่ บั แรงกระทำจากแรงโนมถ้ วง่ MV2 = MgCOS α ------(3) R ดงนั น้ั V = 2 R N/ 60 (m. /sec.) ------(4) แทนคา่ (4) ลงในสมการท ่ี (3) จะไดความส้ มพั นธั ์ COS α = 4 2 N2 R ------(5) 602g จากสมการท ่ี (5) สามารถหาคาคงท่ ได่ี ้ COSα = 0.0011 N2 R ------(6) แตเน่ องจากล่ื กบดกู ม็ รี ศมั ดี วยเช้ นก่ นดั งนั นจ้ั งตึ องนำร้ ศมั ของลี กบดมาคู ดดิ วย้ แตเพ่ อให่ื ง้ ายต่ อการคำนวณ่ จงคึ ดคิ า่ R จากเสนผ้ าศ่ นยู กลาง์ คอื R = D/2 แทนคา่ COS α = 0.0011 N2 (D-d) ------(7) 2 เมอ่ื D คอื เสนผ้ าศ่ นยู กลางของโม์ บด่ d คอื เสนผ้ าศ่ นยู กลางของล์ กบดู ทจ่ี ดความเรุ วว็ กฤติ ิ คอื ความเรวท็ ท่ี าใหํ ล้ กบอลตู ดผนิ งไปตลอดนั นค้ั อมื มุ α = 0 หรอื COS α = 1

และ N = NC ดงนั นเม้ั อทำการแทนค่ื าต่ าง่ ๆ ลงในสมการท ่ี (7) จะไดสมการความเร้ วว็ กฤติ ดิ งนั ้ี ความเรวว็ กฤติ ิ (N )= 42.3 C 1 (D-d) /2

January - April 2011 CERAMICS Journal 55 ในทางปฏิบัติแล้วความเร็วของโม่บด NOP จะอยู่ในช่วง 65 - 80 % NC ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่าผลของ Filling Degree, f หมายถงปรึ มาตรของลิ กบดตู อปร่ มาตรของโมิ บด่ ซงอ่ึ ตราสั วนด่ งกลั าวจะส่ งผลตู อกำล่ งงานั ของมอเตอรข์ บโดยมอเตอรั จะม์ แรงขี บเตั มประส็ ทธิ ภาพทิ ่ี f เทาก่ บั 40 - 45% [12]

ภาพท ่ี 4 ภาพแสดงความสมพั นธั ์ ระหวาง่ f และความเรวว็ กฤติ ิ (NC)

3. ขนาดของวตถั ดุ บติ อล่ กบดู (Raw Materials Size to grinding media size) ขนาดของวัตถุดิบ (Feeding Size, F) ก็มีส่งผลต่อการเลือกใช้ขนาดลูกบด ซึ่งจากการทดสอบและวิจัยพบว่า มความสี มพั นธั ก์ นดั งนั ้ี [7] 1/2 1/3 F SWi M = 1/2 ------(1) ( K) ( 100CsD )

เมื่อ M คือ ขนาดของลกบดทู ใหญ่ี ท่ ส่ี ดุ (Inch) F คือ ขนาดของวตถั ดุ บปิ อน้ (80 %) (Micron) K คือคาคงท่ ในการบด่ี (บดเปยกี 350, บดแหง้ 330) S คือ ความถ่วงจำเพาะของวัตถุดิบป้อน Wi คือคา่ Working Index ของวตถั ดุ บปิ อน้ (kWh/Ton) Cs คือสดสั วนของความเร่ วโม็ บดต่ อความเร่ วว็ กฤติ ิ (rpm) D คือเสนผ้ าศ่ นยู กลางของโม์ บด่ (ft)

จากสมการจะเหนว็ าขนาดล่ กบดทู ใหญ่ี ท่ ส่ี ดุ , M ขนอย้ึ กู่ บขนาดของวั ตถั ดุ บปิ อน้ ซงหากว่ึ ตถั ดุ บปิ อนม้ ขนาดใหญี ่

กสมควรท็ จะใช่ี ล้ กบดขนาดใหญู ่ อกที งความสามารถในการบด้ั , Wi หรอแมื ค้ าความถ่ วงจำเพาะและอ่ กหลายๆี ปจจั ยั

กม็ ผลดี วยเช้ นก่ นั ยกตวอยั างเช่ น่ การบดแร ่ Taconite ในโมบดขนาดเส่ นผ้ าศ่ นยู กลาง์ 13 ฟตุ ดวยความเร้ วรอบ็ , NOP

เทาก่ บั 68 % Nc โดยแรน่ ม้ี คี า่ Wi เทาก่ บั 12.2 kWh/Ton และมคี าความถ่ วงจำเพาะ่ 3.3 โดยมขนาดปี อนเท้ าก่ บั 5600 Micron จากขอม้ ลดู งกลั าวสามารถคำานวณหาขนาดล่ กบดทู ใหญ่ี ท่ ส่ี ดในการบดครุ งน้ั ้ี คอื 2.19 นว้ิ อยางไรก่ ตาม็ การใชล้ กบดขนาดใหญู น่ จะทำให้ี ้ เกดการบดทิ ด่ี ในชี วงแรกท่ เก่ี ดการบดจากแรงิ Cataracting เทาน่ น้ั แตหล่ งจากทั ว่ี ตถั ดุ บถิ กบดยู อยให่ ม้ ขนาดเลี กลง็ ลกบดขนาดใหญู ก่ จะลดบทบาทลงไป็ ดงนั น้ั นอกจากขนาด ลกบดทู ต่ี องนำมาพ้ จารณาแลิ ว้ สดสั วนของล่ กบดขนาดตู างๆ่ กต็ องนำมาพ้ จารณาดิ วยเช้ นก่ นั

56 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 4. ปรมาณลิ กบดและการกระจายขนาดของลู กบดู (Grinding media charging quantity and their size distribution) กระบวนการบดนั้นสามารถแบ่งออกเป็น 2 ช่วงการบดคือ ช่วงที่ 1 ลูกบดขนาดใหญ่มีความสำคัญ เพื่อให้ เกดการบดแบบิ Cataracting Grinding Force แตหล่ งจากทั ว่ี ตถั ดุ บถิ กตกกระทบจนมู ขนาดเลี กลงจนไม็ สามารถบด่ แบบ Cataracting Grinding Force ได ้ ซงจะทำให่ึ ว้ ตถั ดุ บดิ งกลั าวก่ จะเข็ าส้ ระยะการบดชู่ วงท่ 2่ี คอื จะเปนการบดแบบ็ Attrition/Abrasion Grinding Force โดยการทดลองนได้ี พ้ จารณาถิ งปึ จจั ยของจำนวนลั กบดทู ม่ี อยี ภายในโมู่ บดด่ วย้ ซงโม่ึ บดท่ งสองม้ั รายละเอี ยดตี างๆ่ ทใกล่ี ค้ ยงกี นและบดวั ตถั ดุ บชนิ ดเดิ ยวกี นั ภายในประกอบดวยล้ กบดอะลู มู นาขนาดิ ตาง่ ๆ ดงทั แสดงในตารางท่ี ่ี 2 ในโมบด่ B จะม ี จำนวนลกบดทู สามารถทำให่ี ้ เกดิ Contacting Point ไดมากกว้ า่ โมบด่ A เนองจากจำนวนของล่ื กบดทู ม่ี มากกวี า่ ดงนั นโอกาสท้ั ล่ี กบดกู บวั ตถั ดุ บจะชนกิ นจนเกั ดการสลายติ วกั ม็ มากกวี า่ สงท่ิ ต่ี องนำามาพ้ จารณาริ วมด่ วยค้ อื ขนาดอนภาคตุ งต้ั นของว้ ตถั ดุ บปิ อน้ ซงในการทดลองน่ึ ใช้ี ว้ ตถั ดุ บปิ อนท้ ม่ี ขนาดี 5 มลลิ เมตริ ทำใหต้ องใช้ ล้ กบดขนาดทู ใหญ่ี ท่ ส่ี ดคุ อื 13/4 นว้ิ

ภาพท ่ี 4 ภาพแสดงแรงทเก่ี ดขิ น้ึ ขณะเกิดการบดในแต่ละช่วง (วริ ชั , 2008) [8]

ตารางท ่ี 2 ตารางแสดงรายละเอยดเกี ยวก่ี บโมั บด่ Ball Mill No. Composition Ball Mill A Ball Mill B Inner Diameter, m 2.274 2.250 Total Volume, m3 9.240 9.380 Rotational Speed, rpm 16 15.5 Critical Rotational Speed, rpm 18 18 N/Nc 57.0 55.0 Number of grinding media Approx. 105,500 Approx. 133,500

January - April 2011 CERAMICS Journal 57 ตารางท ่ี 3 ตารางแสดงรายละเอยดลี กบดทู อย่ี ในโมู่ บด่ A และ B Media Size 3 1 1 3 Ball Mill /4 11/4 1 /2 1 /4 2 A - 7 23 23 47 - B - 20 35 25 20 -

กราฟที่ 2 แสดงให้เห็นว่าโม่บด A ได้รับอิทธิพลของลูกบดขนาด 13/4 ต่อการบดในช่วงแรกอย่างมาก ซงจะเห่ึ นได็ จาก้ % Residue ทลดลงได่ี มากกว้ าโม่ บด่ B แตโม่ บด่ A จะมอี ตราการลดลงของั % Residue จะมนี อยลง้ ในชวงการบดท่ ่ี2 (อตราการบดคั ดจากิ Slope = dy/dx) ทงน้ั เน้ี องจากว่ื ตถั ดุ บปิ อนขนาดใหญ้ ถ่ กบดจนมู ขนาดเลี กลงแล็ ว้ การบดที่เกิดขึ้นต่อจากนี้จะต้องอาศัยลูกบดขนาดเล็กที่ทำให้มี Bad Void น้อยที่สุด [10] เพื่อทำให้เกิดการบดแบบ Abrasion/Attrition Force มากขน้ึ ทฤษฎนี ้ีถกพู สิ จนู โดยโม์ บด่ B ทม่ี จำนวนลี ูกบดขนาดเลกมากกว็ า่ จะสามารถใหอ้ ตราั การบดในชวงท่ ี 2 ดกวี า่ นอกจากนี้ สิ่งหนึ่งที่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนคือ ค่าความเข้มข้นของ Slurry ที่บดออกมาจากช่วงเวลา ที่ต่างกัน กล่าวคือในการบดนั้นเป็นการนำวัตถุดิบและน้ำเข้าไปในโม่บด หลังจากบดไปทำให้วัตถุดิบแตกตัวออกมา จนทำใหเป้ น็ Slurry ทม่ี คี าความเข่ มข้ น้ ดงนั น้ั Slurry กจะม็ คี าความเข่ มข้ นเพ้ มส่ิ งขู น้ึ ตามอตราการแตกตั วของวั ตถั ดุ บิ ซงหากโม่ึ บดท่ สามารถทำให่ี ้ เกดการแตกติ วไดั ด้ ีกจะทำให็ ้คาความเข่ มข้ นได้ ้ตามทคำนวณได่ี อย้ างรวดเร่ วจากข็ อม้ ลของกราฟทู ่ี3 แสดงใหเห้ นถ็ งโมึ ่ บด A สามารถบดไดค้ าความเข่ มข้ นเร้ วกว็ าโม่ บด่ B เนองจากอ่ื ทธิ พลของลิ กบดขนาดใหญู ท่ สามารถทำให่ี ว้ ตถั ดุ บแตกติ วั ไดอย้ างรวดเร่ วน็ นเอง่ั

กราฟท ่ี 2 กราฟแสดงอตราั การลดลงของ % Residue ของโมบด่ A และ B (วริ ชั , 2008)

กราฟท ่ี 3 กราฟแสดงคา่ ความเขมข้ นของน้ ำ้ Slurry ที่ได้จากการบดเทียบกับช่วงเวลาต่างๆ (วริ ชั , 2008)

58 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 จากการทดลองนสามารถสร้ี ปไดุ ว้ าการบดในโม่ บด่ สามารถแบงออกเป่ น็ 2 ชวงของการบดและขนาดของล่ กู บดกเป็ นอ็ กหนี งป่ึ จจั ยทั ทำให่ี การบดในแต้ ละช่ วงเก่ ดขิ นได้ึ มากน้ อยเพ้ ยงใดี โดยสามารถกลาวโดยสร่ ปไดุ ด้ งนั ้ี 1. การบดทเก่ี ดขิ นในช้ึ วงแรก่ เมอว่ื ตถั ดุ บมิ ขนาดใหญี ่กระบวนการบดจะไดร้ บอั ทธิ พลจากลิ กบดขนาดใหญู ่ ทจะทำให่ี เก้ ดแรงบดแบบิ Cataracting Grinding Force ใน Impact Zone อยางไรก่ ตามต็ องนำความเร้ วรอบในการบด็ มาพจารณาดิ วย้ เพราะลกบดใหญู ข่ นจำเป้ึ นต็ องเพ้ มความเร่ิ วรอบด็ วยเช้ นก่ นั 2. การบดทเก่ี ดขิ นในช้ึ วงท่ ่ี 2 เมอว่ื ตถั ดุ บขนาดเลิ กลง็ ผลของจำนวนลกบดหรู อื Contacting Point จะมี อทธิ พลมากกวิ า่ เนองจากการบดในช่ื วงน่ จะอาศ้ี ยแรงบดแบบั Abrasion/Attrition Grinding Force

5. คาความเข่ มข้ นและความหน้ ดของื Slurry ท ่ี ใชในการบดสำหร้ บการบดแบบเปั ยกี (Raw materials slurry viscosity and concentration) เมอ่ื Slurry ทบดม่ี คี าความเข่ มข้ นหร้ อื Concentration สงู จะทำใหกระบวนการบดเก้ ดขิ นได้ึ ช้ า้ เนองจากม่ื ี จำนวนวตถั ดุ บติ อจำนวนล่ กบดมากู ทำใหค้ า่ Contacting Point ลดลง (High Feeding Fraction) อกที งความเข้ั มข้ น้ ยงเปั นต็ วแปรของความหนั ดอื กดี วย้ ซงก่ึ จะให็ ผลในทางเด้ ยวกี นคั อื เมอความหน่ื ดของื Slurry มากขนจะเป้ึ นผลให็ ล้ กู

บดเอาชนะแรงโนมถ้ วง่ (Gravimetric Force, FG) จากนำหน้ กของตั วลั กบดและแรงหนู วงอ่ นเนั องมาจากความหน่ื ดื [9] หรอทื เร่ี ยกวี า่ แรงสโตรก์ (Stoke Force, FS) อกดี วย้ จากแผนภาพดานล้ างแสดงให่ เห้ นถ็ งแรงทึ กระทำต่ี อล่ กบดู ในสภาวะการบดเปยกี เมอล่ื กบดเคลู อนท่ื ไปตามแนวแรง่ี V สงท่ิ ทำให่ี ล้ กบดขู นไปในตำแหน้ึ งท่ ส่ี งไดู ยาก้ ประกอบ ดวยแรงต้ าน้ 2 แรงคอื แรงโนมถ้ วงและแรงสโตร่ ก์ หากพจารณาสิ ตรคำนวณของแรงสโตรู กแล์ วพบว้ า่ สงท่ิ ม่ี ผลตี อการ่ เคลอนท่ื ของล่ี กบดในู Slurry คอื ความหนาแนนของต่ วกลางและความหนั ดของตื วกลางั

FA คอื แรงผยงตุ วั ( Buoyancy Force)

FG คอื แรงโนมถ้ วงกระทำต่ อล่ กบดู (Gravitational Force)

FC คอื แรงหนศี นยู กลาง์ (Centrifugal Force)

FS คอื แรงสโตรก์ (Stoke Force)

ภาพท ่ี 5 ภาพแสดงแรงทกระทำต่ี อล่ กบดขณะเกู ดการบดแบบเปิ ยกี [8]

1 ρ ρ 2 v = ( S - F)gd Stokes’ Law, 18 [ μ ] เมื่อ V คอื ความเรวท็ ว่ี ตถั ตกลงุ G คอื แรงโนมถ้ วง่ (9.80 m/s2) ρ ρS คอื ความหนาแนนของว่ ตถั ุ ρ ρF คอื ความหนาแนนของต่ วกลางั d คอื เสนผ้ าศ่ นยู กลางของว์ ตถั ุ μ คอื ความหนดของตื วกลางั

January - April 2011 CERAMICS Journal 59 นอกจากนี้ ในความเป็นจริงของการบดนั้นแรงต่าง ๆ ที่กระทำต่อลูกบดที่คำนวณได้จะอยู่ในรูปแบบการ ไหลตวแบบั Laminar Flow แตหากพ่ จารณาในละเอิ ยดี พบวาการบดภายในโม่ บดจะม่ การไหลตี วของั Slurry แบบ Turbulence ดงนั นส้ั งท่ิ ควรจะนำมาพ่ี จารณาติ อค่ อื ความเรวของล็ กบดู (V) ทจะเปล่ี ยนไป่ี โดยแสดงความสมพั นธั ์ ไดด้ งนั [8]้ี

d v ρF Re = μ

เมอกำหนดให่ื ้ Re คอื Reynolds Number สำหรบั Re, Laminar <500 และ Re, Turbulence > 500 จากกราฟที่ 4 แสดงถึงความสัมพันธ์ที่สามารถอธิบายได้ว่า เมื่อนำความเข้มข้น (Concentration) มาหาความสมพั นธั ก์ บั % Residue และ % PSD (คณสมบุ ตั หลิ กของั Slurry หลงการบดั ) ในสวนท่ ่ี (1) ของกราฟ จะพบวาเม่ อความหนาแน่ื นส่ งขู นก้ึ จะส็ งผลให่ ค้ า่ % Residue เพมข่ิ น้ึ (การเปรยบเที ยบนี ใช้ี เวลาในการบดเท้ าก่ นั ) ในสวนท่ ่ี(2) ของกราฟกให็ ผลออกมาในท้ ศทางเดิ ยวกี นคั อื เมอความหนาแน่ื นลดลงก่ จะส็ งผลให่ ค้ าความละเอ่ ยดี (% PSD) เพมส่ิ งขู นได้ึ ้ Matrix Plot of Concentration (g/200 ml), % Residue, % PSD on 1o Micron

กราฟท ่ี 4 กราฟแสดงความสมพั นธั ระหว์ างความเข่ มข้ น้ (Concentration) % RSD และ % PSDทม่ี ผลตี อกระบวนการบด่ (วริ ชั , 2009) ในทางปฏบิ ตั อาจไมิ จำเป่ นต็ องทำตามในท้ กรายละเอุ ยดี เนองจากย่ื งมั ปี จจั ยอั กมากมายซี งในทางปฏ่ึ บิ ตั นิ น้ั ควบคมไดุ ยาก้ แตส่ งท่ิ สามารถควบค่ี มไดุ ง้ ายและได่ ผลในทางปฏ้ บิ ตั คิ อื การควบคมคุ าความเข่ มข้ นของ้ Slurry ใหอย้ ู่ ในชวงท่ เหมาะสมเท่ี าน่ นก้ั เพ็ ยงพอี

6. อตราสั วนว่ ตถั ดุ บในโมิ บด่ (Raw materials suspension ratio) เมอกล่ื าวถ่ งอึ ตราสั วนของว่ ตถั ดุ บในโมิ บดท่ เหมาะสม่ี ไดถ้ กกลู าวถ่ งในหลายบทความึ วาม่ ผลตี อประส่ ทธิ ภาพิ การบดอยางมาก่ โดยทวไปอ่ั ตราสั วนท่ แนะนำไว่ี จะอย้ ทู่ ร่ี อยละ้ 20 - 25 ของปรมาตรโมิ บด่ ซงในความเห่ึ นของผ็ เขู้ ยนี เองเหนว็ า่ เหตทุ ต่ี องใส้ ว่ ตถั ดุ บริ อยละ้ 20 - 25 น ้ี เพราะวาม่ การกำหนดอี ตราสั วนล่ กบดไวู ท้ ประมาณร่ี อยละ้ 50 และ อตราชั องว่ างม่ อยี อู่ กรี อยละ้ 20 - 30 ทงน้ั ก้ี เพราะว็ าต่ องการให้ เก้ ดิ Contacting Point ระหวางล่ กบดและวู ตถั ดุ บใหิ มาก้ ทส่ี ดุ อยางไรก่ ตามได็ ม้ การศี กษาดึ วยว้ ธิ การจำลองทางคณี ตศาสตริ ์ (Mathematic Model) ถงผลของปรึ มาณวิ ตถั ดุ บิ ทใส่ี ลงในโม่ บด่ ซงม่ึ รายละเอี ยดดี งตั อไปน่ ้ี

60 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 ภาพท ่ี 6 ภาพแสดงจดตกของลุ กบดู (Cataracing grinding/contracting point) ทเป่ี นผลมาจากปร็ มาณของิ Slurry ในการบดแบบ Laminar Flow หรอื Suspension at Rest [8]

ภาพท ่ี6 เปนการจำลองการเคล็ อนท่ื ของล่ี กบดในโมู บดท่ ม่ี ความเรี วรอบเท็ าก่ นคั อื 22 rpm แตม่ การบรรจี ุSlurry ในปรมาณทิ ต่ี างก่ นั ภาพดานซ้ ายม้ อแสดงปรื มาณิ Slurry จำนวน 300 ลตริ สวนภาพขวาม่ อมื ปรี มาณิ Slurry 400 ลตริ จากภาพปรมาณิ Slurry จำนวน 300 ลตริ สงผลให่ เก้ ดจิ ดตกกระทบุ (Cataracting grinding/Contacting point) ไดกว้ างกว้ าภาพทางด่ านขวาม้ อื เนองจากได่ื ร้ บผลกระทบจากแรงสโตรั กน์ อยกว้ าทำให่ ล้ กบดสามารถขู นไปย้ึ งจั ดสุ งสู ดุ ตามการคำนวณความเรวรอบว็ กฤติ ไดิ ้ แตแบบจำลองน่ สร้ี างเพ้ ออธ่ื บายการบดทิ เก่ี ดขิ นก้ึ บั Slurry แบบ Laminar Flow เทาน่ น้ั สวนสองภาพด่ านล้ างเป่ นการอธ็ บายถิ งผลของการบดทึ แตกต่ี างก่ นั ในเรองปร่ื มาณของิ Slurry แตเป่ นการจำลอง็ การบดใน Slurry ทม่ี การเคลี อนท่ื แบบ่ี Turbulence ซงจากภาพด่ึ านขวาท้ ม่ี ปรี มาณิ Slurry 400 ลตริ จะใหจ้ ดตกกระทบุ (Cataracting grinding/Contacting point) กวางกว้ าโม่ ท่ บรรจ่ี ุ300 ลตริ ซงเป่ึ นผลท็ ตรงก่ี นขั ามก้ นแบบจำลองแบบแรกั เหตทุ เป่ี นเช็ นน่ เพราะว้ี าล่ กบดไดู ร้ บแรงกระทำจากการเคลั อนท่ื ของ่ี Slurry ทเคล่ี อนท่ื แบบ่ี Turbulence นนเอง่ั

ภาพท ่ี 7 ภาพแสดงจดตกของลุ กบดู (Cataracing Force) ทเป่ี นผลมาจากปร็ มาณของนิ ำ้ Slurry ในการบดแบบ Turbulence [8]

January - April 2011 CERAMICS Journal 61 ในบทสงท่ ายน้ ้ีการปรบปรั งประสุ ทธิ ภาพการบดิ ตองอาศ้ ยการศั กษาพฤตึ กรรมของโมิ บดแต่ ละ่ โม่ด้วย เนื่องจากบางครั้งมีการปรับตัวแปรทุกตัวในโม่บดหนึ่งและทำให้ได้ประสิทธิภาพการบดที่ดี แตอาจใช่ ไม้ ได่ ก้ บอั กโมี ่เนองจากล่ื กษณะเฉพาะของโมั บดน่ นๆ้ั แตกตางก่ นั ทงแง้ั ของความเร่ วรอบการ็ บำรงรุ กษาระบบเชั งกลิ เปนต็ น้ อยางไรก่ ตามจากต็ วแปรทั งหมดท้ั ได่ี นำเสนอในข้ างต้ น้ ไดร้ บการพั สิ จนู แล์ วว้ าสามารถช่ วยเพ่ มประส่ิ ทธิ ิ ภาพการบดใหด้ ขี นได้ึ ้ แตโจทย่ สำค์ ญของการปรั บปรั งกระบวนการบดตุ องให้ ช้ ดในรายละเอั ยดวี าต่ องการคำตอบ้ แบบใด เช่น โจทย์คือต้องการลดชั่วโมงในการบดลงหรือต้องการลดหน่วยการใช้พลังงานต่อการบดในแต่ละครั้ง ซงบางคร่ึ งอาจไม้ั สามารถตอบโจทย่ ได์ ท้ งหมด้ั เชน่ ตองการลดช้ วโมงการบดลง่ั โดยการปรบอั ตราเรั วรอบให็ เพ้ มส่ิ งู ขนหร้ึ อปรื บใชั ล้ กบดทู ม่ี ขนาดใหญี ข่ น้ึ แตอาจทำให่ การใช้ หน้ วยพล่ งงานเพั มส่ิ งขู นด้ึ วยเช้ นก่ นหรั ออาจทำใหื อ้ ตราการั สกหรอึ (Wearing Rate) ของวสดั กรุ โมุ และล่ กบดมู อี ตราเพั มส่ิ งขู น้ึ สดทุ ายผ้ เขู้ ยนหวี งเปั นอย็ างย่ งว่ิ าบทความน่ คงเป้ี นประโยชน็ แก์ ท่ านผ่ อู้ าน่ โดยเฉพาะ ทานผ่ อู้ านท่ อย่ี ในแวดวงเซรามู่ กและผิ ทู้ ม่ี หนี าท้ ในการด่ี แลกระบวนการบดไมู มากก่ น็ อย้

เอกสารอ้างอิง

1. Rodjana Phreamhom, Adisak Saleesri and Anantaya Srisang, "Construction of Large Ball mill and Efficiency Test Compared with Small Ball Mill" Department of Chemical Engineering, Faculty of Engineering, Khon Kaen University, 2003. 2. "Consider the following factors when selecting your grinding media", Union Process Inc., OH 44313-4896 3. EIRICH GmbH & Co KG, Posrfach 1160 74732 Germany 4. Dr. Ibrahim Ismail and Dr. Ahmed Sheriff, "Principle of Mechanical Unit OperationReport on Ball Mill", Chemical Engineering, Faculty of Engineering, Cairo University, 2008 5. ------, Grindability and Working Index Determination, Chemical Engineering, Mahidol University, p.7#5 6. Ross W. Smith, Ph. D, "Size Reduction: Handbook of Chemical Engineering", Department of Chemical and Metallurgical Engineering, University of Nevada at Reo, p.468 7. ------, Size Reduction of Particulate Material, Copyright ฉ 2003 Gordon Young, Licensed to ERPT, p.1 8. Bond, Trans. Am. Inst. Min. Metall. Pet. Eng., 193, 484 (1952) 9. Dynamics of Balls and Liquid in a Ball Mill , MODELING SEMINAR SUMMER TERM 2000, Department of Mathematics, University of Kaiserslautern. 10.Andrzej HEIM, Tomasz P. OLEJNIK, AGNIESZKA PAWLAK, "THE EFFECT OF THE NUMBER OF CONTACTPOINTS BE- TWEEN GRINDING ELEMENTS ON THE RATE OF GRINDING IN BALL MILLS Physicochemical Problems of MineralProcessing, 38 (2004) 147-155", Technical University of Lodz, Faculty of Process and Environmental Engineering, June 15, 2004 11. ดร.วระยี ทธุ ์ ลอประยรู , เอกสารประกอบการเรยนรายวี ชาิ Powder Technology, มหาวทยาลิ ยเทคโนโลยั สี รนารุ ,ี นครราชสมาี , 2546

62 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 ผศ.ดร.ธนากร วาสนาเพยรพงศี ์ ประชุมวิชาการ เซรามิกนานาชาติ ครั้งที่ 3 เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น

สมาคมเซรามกสิ แห์ งประเทศญ่ ป่ี นไดุ่ เป้ นเจ็ าภาพ้ หวขั อการประช้ มวุ ชาการแบิ งออกเป่ น็ 17 หวขั อหล้ กๆั จดงานประชั มวุ ชาการเซรามิ กนานาชาติ คริ งท้ั ่ี3 ขนท้ึ เม่ี องื ครอบคลมงานวุ จิ ยดั านว้ สดั เซรามุ กทิ งหมด้ั ไมว่ าจะเป่ นเซราม็ กิ โอซากา้ ประเทศญป่ี นุ่ เมอว่ื นทั ่ี 14-18 พฤศจกายนิ 2553 ดงเด้ั มิ วสดั กุ อสร่ าง้ คอนกรตและซี เมนตี ์ วสดั ทนไฟุ แกวและ้ ทผ่ี านมา่ ทงน้ั งานด้ี งกลั าวได่ จ้ ดขั นมาก้ึ อนหน่ าน้ แล้ี วโดย้ กระจก เซรามกสำหริ บงานดั านไฟฟ้ า้ แมเหล่ ก็ ซปเปอรุ คอน์ ครงแรกจ้ั ดขั นในป้ึ ี 2549 ทประเทศแคนาดา่ี และครงท้ั ่ี ดกเตอรั ์เซลลเช์ อเพล้ื งิ งานดานพล้ งงานนั วเคลิ ยรี ์ดานช้ วภาพี สองจดขั นในป้ึ ี 2551 ทประเทศอ่ี ตาลิ ี วสดั ทดแทนกระดุ กและฟู นั จนถงวึ สดั นาโนุ และวสดั เซรามุ กิ สำหรบงานอวกาศและงานในอนาคตั โดยการประชมในครุ งน้ั ้ี ทางสมาคมเซรามกสิ ไทย์ โดยนายกสมาคม ดร.สมนกึ มผี เขู้ าร้ วมกว่ า่ 2,000 คน มาจากประเทศตางๆ่ กวา่ 50 ประเทศ ศริ สิ นทรุ กได็ เข้ าร้ วมงานประช่ มดุ งกลั าวด่ วย้ พรอมด้ วยคณะ้ นำเสนอผลงานถึง 1,859 เรื่อง และมีบริษัทเอกชน องค์กร ทำงาน กรรมการบริหารสมาคม ผศ.ดร.ศิริธันว์ เจยมศี ริ เลิ ศิ สมาคมตางๆ่ มาเปดบิ ธจู ดแสดงสั นคิ า้ นวตกรรมั และผลงาน ดร.ธรรมรตนั ์ ปญญธรรมาภรณั ์และ ผศ.ดร.ธนากร วาสนาเพยรพงศี ์ วจิ ยอั กกวี า่ 50 บธู โดยรปแบบการจู ดงานมั ที งการนำเสนอผล้ั กไปร็ วมงานประช่ มดุ งกลั าวด่ วย้ แมจะไปด้ วยงบประมาณสน้ บั งานในรปแบบปากเปลู าจำนวน่ 1,041 เรอง่ื และโปสเตอรจำนวน์ สนนของแตุ ละหน่ วยงานท่ แต่ี ละท่ านส่ งกั ดอยั ู่แตก่ ได็ ร้ บความรั ู้ 818 เรอง่ื ทางคณะอาจารยและน์ สิ ตปริ ญญาตริ ี โท และเอก จากภาค ทราบสถานการณ์ความก้าวหน้าเทคโนโลยี ทางเซรามิกเป็น วชาวิ สดั ศาสตรุ ์ คณะวทยาศาสตริ ์ จฬาลงกรณุ มหาว์ ิทยาลัย ประสบการณความร์ ตู้ ดติ วกลั บมาดั วย้ กได็ ไปร้ วมก่ นนำเสนอผลงานวั จิ ยดั วยถ้ งึ 15 คน ดวยก้ นั

January - April 2011 CERAMICS Journal 63 หวขั อการบรรยายร้ บเชั ญโดยิ คณุ Akio Makishima ซงป่ึ จจั บุ นดำรงตำแหนั งประธานของสหพ่ นธั ์เซรามกระหวิ าง่ ประเทศ ICF (International Ceramic Federation) ไดบรรยาย้ เปนภาษาญ็ ป่ี นมุ่ ใจความวี า่ การพฒนาดั านเซราม้ กโดยเฉพาะิ ของญป่ี นนุ่ น้ั มมาเนี นนานน่ิ บแตั โบราณ่ ตงแต้ั พวกเคร่ องป่ื น้ั ดินเผาจนปัจจุบันนี้ก็ได้มีวัสดุเซรามิกขั้นสูงสำหรับงานด้าน เทคโนโลยีต่างๆ มากมาย ซึ่งมีส่วนสำคัญมากสำหรับการ พัฒนาของมวลมนุษยชาติ ทางสหพันธ์ก็มีพันธกิจที่จะเป็น ตัวกลางเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนวิจัยจากรัฐบาลญี่ปุ่น สู่หน่วย งานตางๆ่ เพอการพ่ื ฒนาอยั างเป่ นระบบ็ และมการใหี ท้ นวุ จิ ยั จากการเขาฟ้ งการบรรยายรั บเชั ญโดยิ คณุ Kazuo สสถานศู่ กษาึ สถาบนวั จิ ยั รวมทงเอกชนมากมายด้ั วย้ Inamori ผกู้ อต่ งและประธานผ้ั บรู้ หารบริ ษิ ทในเครั อื Kyocera นอกจากนี้ในงานก็ยังมีผลิตภัณฑ์ของบริษัทต่างๆ ซึ่งมาเล่าประสบการณ์ในการพัฒนาจากงานวิจัยมาเป็นผล มาจดแสดงโชวั นอกจากผล์ ตภิ ณฑั ซ์ ลิ คอนไนไตรดิ เน์ อส้ื ดำของี ผลิตทางอุตสาหกรรม ทางด้านอิเลคทรอนิกส์ ไมโครชิพ บรษิ ทั Kyocera แลวก้ ย็ งมั ผลี ตภิ ณฑั จากบร์ ษิ ทั Nikkato ไดแก้ ่ และปจจั บุ นยั งมั การผลี ตเซรามิ กกิ าวหน้ าอ้ กมากมายที ม่ี การี เบาเผา้ และทออะล่ มู นาขนาดติ างๆ่ มาจดแสดงั ในสวนของ่ จดจำหนั ายในท่ องตลาด้ ในงานนทางบร้ี ษิ ทั Kyocera ยงไดั ้ บรษิ ทั Denka กได็ นำผล้ ตภิ ณฑั จำพวกโบรอนไนไตรด์ ์ซลิ คอนิ นำแจกนทรงอั วนใบใหญ้ ประมาณ่ 1 ฟตุ ททำจากอะล่ี มู นาิ ไนไตรด ์และจากบรษิ ทอั นๆ่ื ทไม่ี อาจจะนำร่ ปมาใหู ชมได้ หมด้ ความบรสิ ทธุ ส์ิ งู ขนร้ึ ปดู วยการหล้ อแบบให่ ม้ ความหนาเพี ยงี กได็ มาจ้ ดแสดงดั วยเช้ นก่ นั ประมาณ 1-2 มลลิ เมตริ แลวเผาท้ อ่ี ณหภุ มู สิ งจนสู กตุ วโปรั ง่ แสง แลวนำไปเข้ ยนลายลงทองี แลวเผาอ้ กครี งหน้ั งจนได่ึ ช้ น้ิ งานทสวยงามมากอย่ี างท่ เห่ี น็ ดชู างทรงค่ ณคุ าจร่ งๆิ

64 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 สำหรับผมเองก็ได้นำเสนอผลงานวิจัยด้านเซรามิก จากการเข้าร่วมงานประชุมดังกล่าวได้ทราบว่ามี ดงเด้ั มิ เกยวก่ี บการแกั ป้ ญหาตำหนั คราบเกลิ อขาวบนผื วของิ ความกาวหน้ าในการทำว้ จิ ยทั เก่ี ยวข่ี องก้ บวั สดั เซรามุ กทางการิ เครื่องปั้นดินเผาเนื้อดินแดงที่ใช้ดินเหนียวจังหวัดราชบุรี แพทย ์ โดยมการทดสอบความเขี าก้ นไดั ก้ บเนั อเย้ื อ่ื ความทน โดยเฉพาะผลตภิ ณฑั พวกกระถางต์ นไม้ ้ โดยการเตมโซเดิ ยมี ทานในการใชงาน้ เนองจากม่ื วี สดั เซรามุ กบางชนิ ดิ ทเคยใช่ี งาน้ คาร์บอเนตลงไปในขั้นตอนการหมักดินก่อนทำการปั้นขึ้นรูป ไดด้ แตี เม่ อใช่ื งานในร้ างกายไปเป่ นระยะเวลานานมากกว็ า่ 5 ปี จากการทดลองพบว่าสามารถขจัดปัญหาคราบขาวที่ผิวได้ดี กจะเร็ มม่ิ การเสี อมสภาพ่ื ทำใหต้ องม้ การผี าต่ ดซั อมแซมทำให่ ้ เนอด้ื นมิ การสี กตุ วดั ขี นและย้ึ งมั ความแขี งแรงหล็ งเผาสั งกวู า่ เกดปิ ญหาสั ขภาพตุ อคนไข่ มาก้ จงตึ องม้ การศี กษาความเขึ า้ เนอด้ื นเดิ มอิ กดี วย้ โดยทขณะนำเสนอผลงานในร่ี ปแบบของู กนไดั ในระยะยาวด้ วย้ นอกจากนย้ี งไดั ทราบว้ ธิ การทดสอบการี โปสเตอร ์ กได็ ม้ ผี สนใจมาสอบถามและขอคำชู้ แนะประมาณ้ี เขาก้ นไดั ทางช้ วภาพี และวธิ การทดสอบลี กษณะเฉพาะตั างๆ่ 10 คน และไดร้ บคำแนะนำแนะทางในการทำการทดลองทั ม่ี ี อกดี วย้ ซงสามารถจะนำมาประย่ึ กตุ ใช์ ก้ บงานวั จิ ยของตั วเองั ขนาดใหญข่ น้ึ เพอเป่ื นการย็ นยื นผลการทดลองั เนองจากงาน่ื ไดในอนาคต้ วิจัยส่วนใหญ่ เมื่อนำไปทดลองใช้จริงในระดับอุตสาหกรรม สำหรับความร่วมมือนั้น จากการที่ได้ได้พูดคุยและ อาจจะได้ผลที่แตกต่างออกไป นอกจากนี้ยังมีผู้ร่วมงานใน แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นจนได้รับเชิญให้ทำวิจัยร่วมกับนักวิจัย โครงการวจิ ยเดั ยวกี นไดั ไปร้ วมนำเสนอผลงานห่ วขั ออ้ นๆ่ื ดวย้ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งชิบะ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการ ทงในเร้ั องของการพ่ื ฒนาวั สดั ฟุ นเทั ยมี วสดั กรองนุ ำด้ ดกลู น่ิ เตรยมวี สดั พรุ นจากอะลุ มู นาิ ซงผ่ึ ขอรู้ บทั นกำลุ งสนใจทำการั วสดั สำหรุ บการผลั ตภาชนะหิ งตุ มต้ งไฟโดยตรง้ั กได็ ร้ บคำชั แนะ้ี ทดลองเกยวก่ี บวั สดั สำหรุ บกรองนั ำท้ ม่ี ความพรี นตุ วสั งู และจะ จากผเขู้ าร้ วมฟ่ งการนำเสนอั เชนการแนะนำให่ ทดสอบความ้ ไดม้ การตี ดติ อความร่ วมม่ อเพื อขอข่ื อม้ ลู วสดั ตุ วอยั าง่ และการ เขาก้ นไดั ต้ อเน่ อเย้ื อในร่ื างกายสำหร่ บวั สดั ฟุ นเทั ยมี อกที งได้ั ้ วเคราะหิ ทดสอบต์ อไปในอนาคตด่ วย้ รบการเชั อเช้ื ญใหิ ลงต้ พี มพิ ์บทความในวารสารวชาการดิ วย้ ปัญหาส่วนใหญ่สำหรับการทำวิจัยในประเทศไทย กค็ อการขาดแคลนเครื องม่ื อวื เคราะหิ ทดสอบ์ และจากการตดิ ตอแลกเปล่ ยนความค่ี ดเหิ น็ กได็ ร้ บความรั วมม่ อและยื นดิ จะใหี ้ ความชวยเหล่ อดื านเคร้ องม่ื อวื เคราะหิ ทดสอบ์ หากตองการก้ ็ สามารถจะสงต่ วอยั าง่ หรอเดื นทางไปญิ ป่ี นุ่ เพอทำการว่ื เคราะหิ ์ สมบตั บางอยิ างท่ ต่ี องการและขาดแคลนอย้ ไดู่ ้จากการเดนทางิ ไปนำเสนอผลงาน และไดม้ นี กวั จิ ยจากสถาบั นตั างๆ่ ในญป่ี นุ่ กได็ ร้ บความสนใจทั จะให่ี ความช้ วยเหล่ อในดื านต้ างๆ่ ทงด้ั าน้ การวเคราะหิ ทดสอบ์ และยงยั นดิ ที จะร่ี วมทำการว่ จิ ยั หรอรื บั ไปทำวจิ ยระยะสั นท้ั ประเทศญ่ี ป่ี นในอนาคตตุ่ อไปด่ วย้

January - April 2011 CERAMICS Journal 65 นอกจากจะไปประชุมวิชาการแล้ว ทางทีมนักวิจัย อาจารย ์และนสิ ตทิ ร่ี วมเด่ นทางไปดิ วย้ กย็ งไดั ม้ โอกาสเที ยวชม่ี ความเจรญกิ าวหน้ าของบ้ านเม้ องื ทสามารถอย่ี ควบคู่ ไปกู่ บั ความเกาแก่ ของประว่ ตั ศาสตริ อ์ นยาวนานของประเทศญั ป่ี นุ่ ที่อยู่ด้วยกันได้อย่างกลมกลืนลงตัว ไม่ว่าจะเป็นย่านธุรกิจ นัมบะ ชินไซบาชิ อันโด่งดังของเมืองโอซาก้าที่มีสัญลักษณ์ กลุ โกะิ ทห่ี างออกไปไม่ ไกลน่ กกั จะม็ ปราสาทโอซากี า้ ทม่ี กำแพงี คูเมืองรอบรอบเป็นปราการป้องกันท่านโชกุนในสมัยโบราณ คณะของเรายังได้มีโอกาสไปทัศนศึกษาปราสาท ฮเมจิ ทิ จ่ี งหวั ดเฮั ยวโกะใกลี ๆ้ โอซากา้ ชมทวทิ ศนั ยามค์ ำท่ อ่ี าว่ โกเบ ชมวัดโตไดจิที่เมืองนาระและวัดคิโยมิสึที่เมืองเกียวโต อนเปั นเม็ องหลวงโบราณื และเกาแก่ ก่ อนจะมาเป่ นโตเก็ ยวในี ปจจั บุ นั ทเม่ี องเกื ยวโตี เรายงไดั เด้ นชมริ านค้ าเคร้ องป่ื นด้ั นเผาิ ทม่ี อยี มากมายตามทางเดู่ นอิ กดี วย้ จะเหนได็ ว้ าการไปงานประ่ ชมวุ ชาการกิ ทำให็ เราได้ ม้ โอกาสไดี ท้ องเท่ ยวท่ี ศนศั กษาไปดึ วย้ ในตวั เหมอนคำกลื าวท่ ว่ี า่ คอนเฟอเรนสหร์ องานประชื มวุ ชาิ การกค็ อกำไรชื วี ตของนิ กวั จิ ยอยั างพวกเรา่ แตเราก่ ไม็ ล่ มทื จะ่ี นำความรกลู้ บมาพั ฒนาประเทศกั นนะครั บั

66 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 นอกจากเขาร้ วมงานประช่ มวุ ชาการทิ เม่ี องโอซากื าแล้ ว้ ทางคณะอาจารยจากภาคว์ ชาวิ สดั ศาสตรุ ์คณะวทยาศาสตริ ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังได้ถือโอกาสไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยเมจิ ที่เมืองคะนากาว่า ติดๆกับเมืองหลวงโตเกียว เพอเช่ื อมความส่ื มพั นธั ์ และขอความรวมม่ อทางวื ชาการิ โดยเฉพาะในดานของว้ สดั เซรามุ กติ างๆ่ รวมทงแนวทางการทำงาน้ั วจิ ยและการแลกเปลั ยนน่ี สิ ตนิ กศั กษากึ นในอนาคตั

January - April 2011 CERAMICS Journal 67 บทสรปการประชุ มวุ ชาการเซรามิ กนานาชาติ ิ และทศนศั กษาดึ งานประเทศญู ป่ี นุ่ จากการได้มีโอกาสไปเข้าร่วมประชุมวิชาการเซรามิกระดับนานาชาติ ที่มีนักวิชาการ นักวิจัย นกอั ตสาหกรรมในวงการเซรามุ กมาจากทิ วโลกรวมต่ั วกั นอยั างมากมาย่ อกที งการได้ั ช้ มชมความเจร่ื ญกิ าว้ หนาบ้ านเม้ องทื เป่ี นระเบ็ ยบี ความเจรญดิ านว้ ตถั ุ อยควบคู่ ไปกู่ บศั ลปวิ ฒนธรรมเกั าแก่ ของประเทศญ่ ป่ี นุ่ ในครงน้ั ้ี ทำใหคณะท้ วรั หลายๆ์ คนคงจะไดเพล้ ดเพลิ นิ พรอมท้ งได้ั ร้ บความรั วู้ ทยาการิ การทำวจิ ยั เทคนคิ ในการผลตสิ นคิ าร้ ปแบบแปลกๆู ใหมๆ่ เพอนำมาพ่ื ฒนาวั ทยาการและอิ ตสาหกรรมเซรามุ กของประเทศิ ไทยไดบ้ างไม้ มากก่ น็ อย้

68 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 สมทรง ซิมาภรณ์ การลอกลายภาพลงบนชิ้นงานเซรามิก เพื่อการตกแต่งเขียนลาย

How to Transfer an Image onto Ceramic Ware for Decoration

ในอดตมนี ษยุ เร์ มผล่ิ ตเคริ องป่ื นด้ั นเผาในริ ปทรงภาชนะถู วยและชามไม้ เพ่ ยงเพี อประโยชน่ื ใช์ ้ สอยในชวี ตประจำวิ นเทั าน่ น้ั แตย่ งคำนั งถึ งความงามในการออกแบบเขึ ยนลวดลายบนเนี อด้ื นปิ นก้ั อน่ นำไปเผา ซงส่ึ งผลทางด่ านส้ นทรุ ยภาพอยี างเห่ นได็ ช้ ดั จากหลกฐานกั อนประว่ ตั ศาสตริ ์ในแถบประเทศ ยโรปุ อยี ปติ ์ เมโสโปเตเมยี และจนี แสดงใหเห้ นถ็ งรึ ปแบบและวู ธิ การวี า่ มการเขี ยนลวดลายมานานแลี ว้ กอนคร่ สตกาลิ 5000 ปี

การตกแต่งในยุคแรกๆส่วนใหญ่ จะเป็นการขูดขีด เป็นร่องลึก ด้วยเครื่องมือง่ายๆ เช่น เศษไม้แหลม มีดหิน ชนส้ิ วนกระด่ กู นอกจากนลวดลายย้ี งไดั จากการกดบนด้ นดิ วย้ วสดั ตุ างๆ่ เชน่ เชอกื เศษผาขนส้ ตวั ์ ซงพบมากจากหล่ึ กฐานั สำหรบการตกแตั งเช่ งจิ ตรกรรมิ โดยเฉพาะการตกแตง่ ทข่ี ดพบจากรุ องการข่ ดขู ดี มนษยุ เร์ ยนรี ทู้ จะใส่ี ส่ ตามรี องท่ ข่ี ดู เขยนลวดลายดี วยส้ ใตี เคล้ อบและื สบนเคลี อบื ปญหาอยั าง่ ลวดลาย ดวยด้ นสิ ตี างชน่ ดทำใหิ มน้ ษยุ พ์ ฒนาไปสั การเขู่ ยนี หนงท่ึ พบก่ี ค็ อื การลอกลวดลายหรอภาพลงบนพื นผ้ื วภาชนะิ ลวดลายดวยด้ นสิ ี ก่อนที่ลงสีใต้เคลือบหรือสีบนเคลือบ มีหลายวิธีที่ใช้กัน เช่น ปัจจุบันรูปแบบการตกแต่งบนเซรามิก แบ่งออกได้ รางภาพด่ วยด้ นสอดำิ ปรกระดาษไขใหุ เป้ นลวดลายแล็ วประคบ้ สองรปแบบใหญู ๆ่ คอื การตกแตงในเช่ งประติ มากรรมิ (Plastic ดวยผงถ้ าน่ ใชปากกาเมจ้ กริ างภาพสำหร่ บงานบนเคลั อบื และอกี decoration) และการตกแต่งในเชิงจิตรกรรม (Surface หลายวธิ ที ทำก่ี นสำหรั บการลอกภาพหรั อออกแบบลวดลายบนื decoration) พนผ้ื วงานเซรามิ กิ กอนจะระบายส่ ใตี เคล้ อบหรื อบนเคลื อบื การตกแต่งเชิงจิตรกรรม มีหลายวิธี เช่น การเขียน วิธีการนี้ได้จากความพยายามคิดแก้ปัญหาเพื่อลด ลวดลายดวยน้ ำสล้ ปิ (Slip painting) การเขยนลวดลายดี วยส้ ี ขนตอนการทำงาน้ั และบรรลเปุ าหมายตามท้ ต่ี องการและใช้ ้ ใตเคล้ อบื (Underglaze painting) การเขยนลวดลายดี วยเคล้ อบื เปนส็ อในการเร่ื ยนการสอนเกี ยวก่ี บการเขั ยนลายบนเซรามี กิ (Glaze painting) และการเขียนลวดลายด้วยสีบนเคลือบ ทงบนเคล้ั อบและใตื เคล้ อบื นอกจากนย้ี งชั วยลดเวลาและสะดวก่ (Overglaze painting) ตอการทำงานของน่ กศั กษาึ อกที งช้ั วยเสร่ มสริ างความค้ ดสริ าง้ สรรคในการออกแบบลายสำหร์ บผั ทู้ ด่ี อยท้ กษะทางศั ลปะและิ ผสนใจศู้ ลปะทิ วไป่ั

January - April 2011 CERAMICS Journal 69 สงท่ิ ต่ี องใช้ ้ ทนเนอริ ์ /สำลหรี อกระดาษทื ชชิ /ู ภาพหรอลวดลายทื ต่ี องการ้ / กรรไกร หรอื มดคี ทเตอรั ์

ขนตอนท้ั ่ี 1 นำภาพหรอลวดลายทื ต่ี องการ้ ผานการถ่ ายเอกสารเส่ ยกี อน่ โดยสามารถ เพมหร่ิ อลดขนาดภาพไดื ตามท้ ต่ี องการ้ เพอความเหมาะสมก่ื บพั นท้ื บนพ่ี นผ้ื วภาชนะิ เซรามกิ ภาพทได่ี ควรม้ ความเขี มของส้ มากี สไมี ซ่ ดี จาง มองเหนไม็ ช่ ดเจนั ขนอย้ึ ู่ เครองของร่ื านถ้ ายเอกสารท่ กำหนดค่ี าความเข่ มไว้ ้อยาล่ มวื า่ ภาพทนำมาใช่ี จะกล้ บั ซายเป้ นขวา็ โดยเฉพาะภาพทเป่ี นล็ กษณะตั วอั กษรทั านต่ องกล้ บภาพเสั ยกี อนโดย่ อาจจะทำในคอมพวเตอริ ก์ อนนำไปถ่ ายเอกสาร่ ภาพจงจะอึ านได่ ถ้ กตู อง้ สำหรบทั านท่ ไม่ี ม่ พี นฐานทางศ้ื ลปะกิ สามารถสร็ างผลงานให้ ด้ ไดี ้จากการ หาภาพตางๆจากเวบไซด่ ์ หรอื สงพ่ิ มพิ ์ วารสาร ทต่ี องการนำมาย้ อ่ ขยาย ใหได้ ส้ ดั สวนท่ ต่ี องการ้ แลวนำต้ ดแปะหรั อจื ดวางบนกระดาษขนาดั A4 จนพอใจกอนนำไป่ ถายเอกสารเป่ นภาพต็ นแบบ้

ขนตอนท้ั ่ี 2 นำภาพที่ได้จัดวางให้เหมาะสมกับพื้นที่บนพื้นผิวงาน เซรามกิ ตวภาพจะตั องอย้ ดู่ านล้ างต่ ดกิ บพั นผ้ื วเซรามิ กิ หลกการั การวางภาพใหยกต้ วภาพใหั ส้ งจากพู นผ้ื วพอสมควรเพิ อให่ื แสง้ ลอดผ่านเห็นตัวลายของภาพ ใช้กำหนดตำแหน่งที่ต้องการ จนท่านแน่ใจแล้วติดเทปกาวตามมุมกระดาษเพื่อป้องกันการ เคลอนของภาพจากตำแหน่ื งท่ วางไว่ี ้

ขนตอนท้ั ่ี 3 ใชสำล้ ี หรอื กระดาษทชชิ ู ชบทุ นเนอริ หมาดๆไม์ ควรช่ มมากุ่ เพราะจะทำ ใหภาพเลอะ้ ทาทนเนอริ ด์ านหล้ งภาพบนกระดาษั กดแรงพอควร กดเบาภาพจะตดิ ไมช่ ดั กดแรงเกนไปอาจทำใหิ กระดาษภาพขาด้ กดทาทนเนอริ ให์ ท้ วต่ั วภาพทั งหมด้ั ถาไม้ แน่ ใจว่ าภาพต่ ดหริ อไมื ่ ใหลองขย้ บยกกระดาษบางมั มขุ นด้ึ เลู กน็ อย้ และตอง้ มนใจว่ั า่ ภาพไมเล่ อนออกจากตำแหน่ื ง่ เมอภาพสมบ่ื รณู ด์ แลี ว้ จงลอกยกกระดาษึ ออก ถาไม้ พอใจผลงานไม่ ว่ าจะขณะลอกภาพหร่ อลอกภาพเสรื จส็ นแล้ิ ว้ กสามารถ็ ลบภาพทง้ิ แลวทำใหม้ ได่ โดยการใช้ ท้ นเนอริ เช์ ดและล็ างน้ ำสะอาด้ จากนนถ้ั าเป้ นช็ น้ิ งานบสกิ ติ กรอให็ น้ ำระเหยออกไปบ้ าง้ ประมาณ 30 นาท ีจงเรึ มข่ิ นตอนท้ั ่ี3 ใหมอ่ กี ครง้ั แตถ่ าเป้ นการลอกภาพบนช็ นงาน้ิ Overglaze กแค็ เช่ ดผลงานเซราม็ กิ ใหแห้ ง้ สนทิ แลวเร้ มลอกภาพใหม่ิ ได่ เลย้ ขนตอนน้ั ้ี ปญหาทั พบส่ี วนใหญ่ จะเก่ ยวก่ี บหมั กพึ มพิ ของร์ านถ้ ายเอกสาร่ ภาพจะชดั ตดหริ อไมื ต่ ดดิ ี กข็ นอย้ึ ความเขู่ มข้ นของหม้ กเปึ นสำค็ ญั ทานจ่ งตึ องลองถ้ ายเอกสารมาจากหลายๆร่ าน้ การถู กดทา บนกระดาษภาพ กป็ ญหาอั กสี วนหน่ งท่ึ พบ่ี คอการใชื ปร้ มาณทิ นเนอริ มากเก์ นไปทำใหิ ส้ เลอะี กระดาษฉกขาดงี าย่ เวลาถ ู ทนเนอริ น์ อยเก้ นไปภาพกิ ไม็ ต่ ดิ ถเบาไปภาพกู จาง็ สงเหล่ิ าเป่ นป็ ญหาทั ท่ี านต่ องศ้ กษาและสึ งเกตดั วู า่ ความพอดี อยตรงไหนู่ จากการลงมอปฎื บิ ตั เทิ าน่ น้ั ขอเสนอแนะ้ ทานสามารถทดลองใช่ ก้ บนั ำยาต้ างๆได่ ท้ ม่ี คี ณสมบุ ตั กิ ดสั ี เชนเด่ ยวกี นกั บทั นเนอริ ์ เชน่ นำยาล้ างเล้ บ็ กอาจใช็ งานได้ ในบางสถานการณ้ ์

70 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554

วรากร เพชรรักษ์ ○○○○○○○○○○○○○○○○ จอกรองน้ำยางพารา โอกาสในวิกฤติเซรามิกไทย ทามกลางสภาวะป่ ญหาทางเศรษฐกั จทิ งในและนอกประเทศท้ั เก่ี ดขิ นอย้ึ างต่ อเน่ องในป่ื จจั บุ นั สงผลกระ่ ทบตออ่ ตสาหกรรมการผลุ ตแทบทิ กประเภทุ มากนอยแตกต้ างก่ นไปั อตสาหกรรมผลุ ตเซรามิ กิ กได็ ร้ บผลกระทบั อยางร่ นแรงุ โดยโรงงานขนาดกลางและเลก็ ไดประสบก้ บปั ญหาตั างๆ่ มากมาย ซงส่ึ วนใหญ่ จะเป่ นป็ ญหาในเรั อง่ื การชลอตวหรั อลดลงของตลาดื ซงส่ึ งผลกระทบร่ ายแรงจนถ้ งขึ นป้ั ดกิ จการไปกิ ม็ ีแตในว่ กฤติ เชิ นน่ กล้ี บมั ความตี อง้ การสนคิ าเซราม้ กประเภทหนิ ง่ึ ซงแต่ึ เด่ มไมิ ม่ คนสนใจผลี ตมากนิ กั ไดเต้ บโตขิ นจนม้ึ ความตี องการใช้ งานอย้ างมาก่ และไดม้ การนำเขี าจากต้ างประเทศเข่ ามาจำหน้ ายแล่ วในบางส้ วน่ นนก่ั ค็ อื ถวยรองน้ ำยางพาราท้ ทำมาจากเซราม่ี กิ หรอื จอกรองนำยาง้ เซรามกิ นนเอง่ั ปจจั บุ นทางภาครั ฐมั การสี งเสร่ มการปลิ กยางพาราเปู นอย็ างมาก่ และสงเสร่ มติ อเน่ องมากว่ื า่ 10 ป ี จนขณะนม้ี การี พนท้ื ปล่ี กยางพาราไปเกู อบทื วประเทศ่ั ขอม้ ลจากู สำนกงานเศรษฐกั จการเกษตริ (2552) ระบวุ า่ ในป ี 2551 ประเทศไทยมพี น้ื ทปล่ี กยางทู งส้ั น้ิ 16,716,945ไร ่ (16 กวาล่ านไร้ )่ โดยมพี นท้ื การปล่ี กทู ให่ี ผลผล้ ตแลิ ว้ 11,371,407 ไร ่ ใน 60 จงหวั ดทั วประเทศ่ั โดยมรายละเอี ยดดี งนั ้ี พนท้ื ปล่ี กู จำนวนพื้นที่ปลูก พื้นที่ให้ผลผลิตแล้ว ทั่วประเทศ 16,716,945 11,371,407 ภาคเหนือ 600,578 14,771 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2,799,209 569,668 ภาคกลาง 1,977,460 1,272,792 ภาคใต้ 11,339,698 9,514,176

โดยทพ่ี นท้ื ปล่ี กู 1 ไรจะปล่ กตู นยางพาราได้ ประมาณ้ 70 ตน้ เมอคำนวณคร่ื าวๆ่ ดจะพบวู าม่ การปลี กตู นยางพารา้ ไปแลวกว้ า่ 1,170 ลานต้ น้ สามารถเกบเก็ ยวผลผล่ี ตแลิ วกว้ า่ 790 ลานต้ น้ และยงมั แนวโนี มส้ งขู นเร้ึ อยๆ่ื ทำใหเก้ ดความติ อง้ การใชจอกรองน้ ำยางมากมาย้ ตามจำนวนตนยางท้ ปล่ี กขู นมา้ึ (ใชจอกรองน้ ำยาง้ 1 ถวยก้ บตั นยาง้ 1 ตน้ ) แตน่ นเป่ั นเฉพาะ็ ความตองการใช้ ในประเทศเท้ าน่ น้ั และจากสถานะการยางใน ตลาดโลกทม่ี แนวโนี มค้ อนข่ างด้ ีจงทำใหึ ประเทศเพ้ อนบ่ื านเรา้ มการสี งเสร่ มการปลิ กตู นยางพาราเช้ นเด่ ยวกี นั นนก่ั หมายถ็ งึ - มความสามารถในการทนตี อการก่ ดกรั อนของกรด่ ความตองการใช้ จอกรองน้ ำยางย้ อมเพ่ มข่ิ นตามไปด้ึ วย้ ทต่ี องเต้ มลงไปเพิ อป่ื องก้ นนั ำยางแข้ งต็ วั ไดด้ กวี าพลาสต่ กมากิ ในอดีตจอกรองน้ำยางพาราเดิมทีใช้กะลามะพร้าว (พลาสตกจะเกิ ดการกรอบติ วั และแตกราวในท้ ส่ี ดเมุ อโดนกรด่ื แลวจ้ งพึ ฒนามาเปั นถ็ วยด้ นเผาแบบพิ นบ้ื าน้ และพลาสตกิ และยงไมั น่ บการทั โดนกรดก่ี ดผั วดิ านในจนผ้ วไมิ เร่ ยบทำนี ำยางเกาะ้ ในทส่ี ดุ ทำใหจอกรองน้ ำยางพารา้ ทม่ี ใชี ก้ นอยั ในปู่ จจั บุ นมั ี ตดผิ วถิ วย้ จะเกดเปิ นข็ ยาง้ี ซงขายได่ึ ราคาต้ ำกว่ าน่ ำยาง้ ) อยสองลู่ กษณะคั อื จอกรองนำยางท้ ทำจากเซราม่ี กิ และททำ่ี - มนี ำหน้ กมากกวั าพลาสต่ กิ ทำใหเวลาเก้ ดลมพายิ ุ มาจากพลาสตกิ แตความต่ องการใช้ จอกรองน้ ำยางท้ ทำจาก่ี จอกรองนำยางจะไม้ ปล่ วหายไปิ เซรามกิ (ดนเผาิ ) ยงคงมั อยี สู่ งมากู เนองจากม่ื ขี อด้ กวี าจอก่ - มีอายุการใช้งานที่นานกว่า ไม่มีการเสื่อมสภาพ รองนำยางแบบพลาสต้ กคิ อื นอกจากการตกแตกเทาน่ น้ั

January - April 2011 CERAMICS Journal 71 แต่เนื่องด้วยราคาขายของจอกรองน้ำยางพลาสติก ทต่ี ำ่ ทำใหการผล้ ตจอกรองนิ ำยางเซราม้ กิ จากหลายๆ โรงงาน ไมสามารถท่ จะทำราคาเข่ี าไปแข้ งข่ นไดั ้ จงมึ ผี ผลู้ ตออกมานิ อย้ มาก ผทู้ ผล่ี ตจอกรองนิ ำยางเซราม้ กออกจำหนิ ายป่ จจั บุ นกั ม็ กั จะเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่างๆ ซึ่งมีเทคโนโลยีในการผลิต และความสามารถในการผลิตที่ต่ำยังคงอาศัยแรงงานฝีมือ และเชอเพล้ื งจากธรรมชาติ ตามฤดิ กาลในการเผาู ทำใหได้ ผล้ ผลตติ ำ่ และคณภาพไมุ สม่ ำเสมอ่ แตเน่ องจากต่ื นท้ นการผลุ ติ ทต่ี ำ่ (ไมได่ ทำเป้ นอาช็ พหลี กั ) จงทำใหึ สามารถผล้ ตออกมาขายิ ในราคาทสามารถแข่ี งข่ นกั บจอกรองนั ำยางพลาสต้ กไดิ ้ แตก่ ย็ งั จอกรองนำยางพารา้ เซรามกิ ไมสามารถตอบสนองก่ บปรั มาณความติ องการของตลาดได้ ้ ทำ ใหเก้ ดความติ องการจอกรองน้ ำยางเซราม้ กอยิ เปู่ นจำนวนมาก็

จากขอม้ ลทู กล่ี าวมาจะพบว่ าขณะน่ ม้ี ความตี องการใช้ ้ จอกรองนำยางพาราท้ ทำจากเซราม่ี กสิ งมากู แตป่ ญหาใหญั ของ่ ผผลู้ ตกิ ค็ อื ราคาขาย ทจะต่ี องไม้ ส่ งกวู าจอกรองน่ ำยางแบบท้ เป่ี น็ พลาสตกมากนิ กั ซงในอด่ึ ตราคาจอกรองนี ำยางพารา้ เซรามกิ ทผล่ี ตออกมาจำหนิ ายหน่ าโรงงานราคาก้ ย็ งสั งกวู าจอก่ รองนำ้ ยางแบบพลาสตกกวิ า่ 3-4 เทา่ (สวนใหญ่ ค่ ดติ นท้ นุ /ราคาขาย โดยอาศยพั นฐานการผล้ื ตของิ Table ware เปนฐานการค็ ดิ

จอกรองนำยาง้ พลาสตกิ ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ คำนวณ) ทำใหส้ ญเสู ยตลาดไปใหี ก้ บผลั ตภิ ณฑั พลาสต์ กอยิ าง่ ○○○○ นาเส่ ยดายี แตเม่ อเรากล่ื บไปพั จารณาถิ งผลึ ตภิ ณฑั จอกรอง์ ในวกฤติ เศรษฐกิ จขณะนิ ้ี จอกรองนำยางพารา้ นำยางเซราม้ กอยิ างถ่ องแท่ แล้ วในท้ กๆุ ดาน้ เราจะพบขอม้ ลู เซรามกิ จงเปึ นอ็ กทางออกหนี งสำหร่ึ บผั ประกอบการผลู้ ติ หลายอยางท่ จะนำไปส่ี การผลู่ ตทิ สามารถทำต่ี นท้ นทุ ต่ี ำ่ และ เซรามิก ที่จะหันมาผลิตสินค้าออกมาสนองความต้อง สามารถผลิตออกจำหน่ายได้ในราคาที่แข่งขันกับผลิตภัณฑ์ การใชงานท้ ม่ี อยี สู่ งมากในประเทศู แตท่ งน้ั ในการกระบวน้ี พลาสตกไดิ ้ ซงด่ึ วยประสบการณ้ การผล์ ตสิ นคิ าเซราม้ กของผิ ู้ การผลตเองกิ ย็ งคงมั ปี ญหาทั ท่ี าทายอย้ ู่ วาจะทำอย่ างไร่ ผลตบิ านเราท้ ส่ี งสมก่ั นมาั การทจะผล่ี ตและพิ ฒนารั ปแบบของู ถงจะสามารถไดึ กำไรส้ งสู ดจากราคาขายุ ทม่ี เพดานราคาี จอกรองนำยางพาราเซราม้ กใหิ ตรงก้ บความตั องการของผ้ ใชู้ งาน้ คอนข่ างแคบ้ เพราะมผลี ตภิ ณฑั จากพลาสต์ กเปิ นค็ แขู่ ง่ และมตี นท้ นการผลุ ตทิ ต่ี ำน่ นคงไม้ั ใช่ เร่ องยาก่ื อกที งย้ั งมั ความี สำคญั นอกเหนอจากกำลื งการผลั ตทิ จะตอบสนองความ่ี ต้องการของตลาดค่อนข้างสูงมาก (เฉพาะตลาดในประเทศ ตองการของตลาดได้ อย้ างเต่ มท็ ่ีรวมถงการวางแผนการึ ไมน่ บความตั องการของประเทศเพ้ อนบ่ื านเราท้ ก่ี ส็ งเสร่ มการิ ผลิตอย่างไรจึงจะสอดคล้องกับความต้องการใช้งานที่ ปลกยางพาราเชู นเด่ ยวกี นั ) จงอาจถึ อไดื ว้ าตลาดของจอกรอง่ เปนฤด็ กาลู เนองจากยางพาราไม่ื ได่ เก้ บเก็ ยวผลผล่ี ตตลอดิ น้ำยางพารา เป็นตลาดที่มีความน่าสนใจมากอีกตลาดหนึ่ง ทงป้ั ีตองม้ ชี วงเวลาในการพ่ กตั นสล้ บกั บการกรั ดยางสลี บั ในสภาวะการณป์ จจั บุ นั ซงในขณะเข่ึ ยนบทความนี ได้ี ม้ ผี ประู้ กันไป ทั้งนี้สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการปลูกยาง กอบการผลตเซรามิ กขนาดเลิ ก็ และกลาง หลายโรงงานไดเร้ ม่ิ พาราไดจากสำน้ กงานกองทั นสงเคราะหุ การทำสวนยาง์ มีการผลิตจอกรองน้ำยางพาราเซรามิกออกสู่ท้องตลาดแล้ว กรมวชาการเกษตริ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยแตละโรงงานจะม่ รี ปแบบของสู นคิ าท้ ใกล่ี เค้ ยงกี นั แตจะ่ แตกตางก่ นไปในเรั องของว่ื ตถั ดุ บิ กระบวนการผลติ และการ สรางม้ ลคู าเพ่ มของผล่ิ ตภิ ณฑั ์

72 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 อรวรรณ ปกแก้ว สมาคมเครองป่ื นด้ั นเผาลำปางิ เที่ยวงาน... ลำปางเซรามกแฟริ ์ 2553

ตนตาต่ื นใจก่ื บงานลำปางเซรามั กแฟริ ท์ จ่ี ดขั นเป้ึ นประจำท็ กปุ ี และถกบรรจู ในปฏุ ทิ นการทิ องเท่ ยวแห่ี ง่ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1-10 ธันวาคม แต่ในปี 2553 นี้เป็นการจัดงานครั้งที่ 23 ได้จัดขึ้นเป็นพิเศษ 12 วัน ระหวางว่ นทั ่ี 1-12 ธนวาคมั 2553 การจดงานในครั งน้ั ้ี มสไตลี การจ์ ดงานแบบลั านนา้ -จนี ภายในงานตกแตงด่ วย้ โคมไฟแบบจนี ผสมผสานกบตั งแบบลุ านนา้

มีผู้ร่วมออกบูธมากกว่า 300 บูธ มีทั้งสินค้าเซรามิกที่ได้มาตรฐานส่งออก แต่นำมาจำหน่ายในราคาโรงงาน สินค้าโอทอปติดดาว ขึ้นชื่อของจังหวัดลำปางและจากต่างจังหวัดที่นำของมาร่วมโชว์และจำหน่าย สินค้าอื่นๆ อีกมากมาย ใหผ้ เขู้ าร้ วมชมงานได่ เล้ อกซื อเล้ื อกชมื การออกบธภายในงานลำปางเซรามู กแฟริ ์ ครงท้ั ่ี 23 นผ้ี รู้ วมออกบ่ ธสู วนใหญ่ ่ จะเปนผ็ ู้ ประกอบการเซรามกและเปิ นสมาช็ กของสมาคมเคริ องป่ื นด้ั นเผาลำปางิ ผเขู้ ามาร้ วมชมงานก่ ม็ ที งชาวลำปางและผ้ั ทู้ เด่ี นทางิ มาจากต่างจังหวัด เนื่องจากงานลำปางเซรามิกแฟร์ จัดขึ้นช่วงระหว่างวันหยุดต่อเนื่อง จึงทำให้นักเดินทาง นักท่องเที่ยว ให้ความสนใจที่จะแวะเวียนมาชมเลือกซื้อเลือกหาสินค้าภายในงานอย่างแน่นหนา ซึ่งทางสมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง คณะผจู้ ดงานั กได็ เตร้ ยมการรองรี บแขกผั มาเยู้ อนเปื นอย็ างด่ ี

January - April 2011 CERAMICS Journal 73 คณะผู้จัดงานมีความตั้งใจที่จะนำเสนองานลำปาง สวนอาหารทม่ี ที งเคร้ั องด่ื ม่ื และอาหารหลากหลายให้ เซรามกแฟริ ์ และพยายามจดกั จกรรมติ างๆ่ เพอไม่ื ให่ ผ้ ทู้ ย่ี าง่ ได้เลือกทาน สนุกสนานกับดนตรีและกิจกรรมภายในงาน กาวเข้ ามาในงานร้ สู้ กไดึ ว้ า่ เขามาภายในงานแล้ ว้ จะมแตี ส่ นิ ไมว่ าจะเป่ น็ การประกวดหนนู อยคนเก้ ง่ ทได่ี มาแสดงความ้ คาเซราม้ กขายเทิ าน่ น้ั แตย่ งมั ี สนคิ าอ้ นๆ่ื อกมากมายหลายี สามารถกนบนเวทั ี ประกวดนางฟาจำแลง้ หรอสาวประเภทื แบบ รวมไปถงการจึ ดกั จกรรมนิ นทนาการั เพอสร่ื างเสร้ มความิ สองนนเอง่ั ซงในป่ึ นี ้ีทางสมาคมเครองป่ื นด้ั นเผาลำปางิ ไดเป้ ดิ สขสนุ กสนานแกุ ผ่ เขู้ าร้ วมชมงาน่ งานนต้ี องปรบม้ อใหื ก้ บทั าน่ โอกาสใหม้ การประกวดดี งกลั าวข่ นเป้ึ นคร็ งแรก้ั และจะจดขั น้ึ ผวู้ าราชการจ่ งหวั ดลำปางั นายอธคมิ สพรรณพงศุ ์ทเล่ี งเห็ น็ อกในที กๆปุ ี ยงไมั หมดเพ่ ยงเที าน่ ้ี การประกวดมสเซรามิ กแฟริ ์ ความสำคญของการจั ดงานลำปางเซรามั กแฟริ ์ ชวยด่ านการ้ ททางสมาคมจ่ี ดขั นเพ้ึ อหาสาวงามมาเป่ื นท็ ตเซรามู กประจำปิ ี ประชาสัมพันธ์การจัดงานให้โด่งดังไปทั่วประเทศ ขอบคุณ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก สำหรับผู้เข้าร่วมชมงาน นายกสมาคมเครองป่ื นด้ั นเผาลำปางิ นายธนโชต ิ วนาวฒนั ์ ทำใหบรรยากาศภายในงานด้ ครู กคร้ึ น้ื สนกสนานไปตามๆกุ นั หวเรั อใหญื ของการจ่ ดงานครั งน้ั ้ี คณะกรรมการสมาคมเครอง่ื ปนด้ั นเผาลำปางิ คณะทำงาน เจาหน้ าท้ สมาคมเคร่ี องป่ื นด้ั นิ อกไฮไลที หน์ งของงานลำปางเซราม่ึ กแฟริ ์ ครงท้ั ่ี 23 เผาลำปาง ทสละเวลา่ี อดทนตอป่ ญหาและอั ปสรรคทุ เก่ี ดขิ น้ึ โดย สมาคมเครองป่ื นด้ั นเผาลำปางิ รวมก่ บโรงพยาบาลลำปางั แตก่ ฝ็ าฟ่ นผั านพ่ นไปได้ ด้ วยด้ ีจนกอเก่ ดงานใหญิ ระด่ บประเทศั จดคอนเสั ริ ตการก์ ศลุ "เปดสวิ ทชิ ห์ วใจั " โดยไดร้ บเกั ยรตี จากิ อยาง่ งานลำปางเซรามกแฟริ ์ และเมอทำการสำรวจความพ่ื งึ ศลปิ นแหิ งชาต่ ิ ชรนทริ ์ นนทนาครั เพอหารายได่ื สบทบท้ นุ พอใจของผเขู้ าร้ วมชมงานและผ่ ทู้ ออกบ่ี ธจำหนู ายส่ นคิ า้ กอย็ ู่ ในการจัดซื้อเครื่องมือผ่าตัดหัวใจให้กับโรงพยาบาลลำปาง ในเกณฑท์ น่ี าพอใจ่ ทำใหคณะผ้ จู้ ดงานหายเหนั อยก่ื นไปเลยั ในวนอาทั ตยิ ท์ ่ี 12 ธนวาคมั 2553 เวลา 18.00 น. เปนต็ นไป้ ทเดี ยวี แตในด่ านของข้ อเสนอแนะทางสมาคมฯ้ กไม็ ได่ ละท้ ง้ิ ภายในงานลำปางเซรามกแฟริ ์ครงท้ั ่ี23 คนสื ดทุ าย้ จงขอขอบึ แตอย่ างใด่ จากปญหาและอั ปสรรคตุ างๆ่ ทเก่ี ดขิ น้ึ ทางสมาคมฯ คณทุ กทุ านท่ ร่ี วมชมคอนเส่ ริ ตในคร์ งน้ั เพ้ี อช่ื วยช่ วี ตคนลำปางิ ไดนำมาปร้ บปรั งแกุ ไขเป้ นท็ เร่ี ยบรี อยและจะนำไปปร้ บปรั งการุ และชาวภาคเหนอื จดงานลำปางเซรามั กแฟริ คร์ งต้ั อๆไป่ เพอให่ื แขกผ้ มู้ เยี อนเกื ดิ ความพงพอใจสึ งสู ดุ สมาคมเครองป่ื นด้ั นเผาลำปางิ ในนามตวแทนั ผประกอบการเซรามู้ กและชาวจิ งหวั ดลำปางั ขอเชญชวนิ ทุกท่านมาเที่ยวชมงานลำปางเซรามิกแฟร์ ซึ่งกำหนด จดงานในวั นทั ่ี 1-10 ธนวาคมของทั กปุ ี และในปตี อๆไป่ อยาล่ มนะคะื

74 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 โดย..นารูโตะ

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาสได้ไป เยี่ยมชมงาน Creative IP Fair & CLEA 2010 ทเคร่ี อขื ายการ่ ต์ นไทยู สร้างสรรค์สังคม และสมาคมร่วม สนบสนั นรวมุ 14 องคกร์ ซงได่ึ ร้ บการั สนับสนุนจาก กรมทรัพย์สินทาง ปัญญา กระทรวงพาณิชย์ งานมี ขนระหว้ึ างว่ นทั ่ี 3 - 5 กนยายนั 2553 ณ รอยลั พารากอน ฮอลล ์ ศนยู การค์ าสยามพารากอน้ โดยม ี นายสญญาั สถรบิ ตรุ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน วัตถุประสงค์ของงานจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะทรงเป็นอัจฉริยะแห่งทรัพย์สินทางปัญญา และเพื่อให้ประชาชนได้ชื่นชมพระ ปรีชาสามารถด้านทรัพย์สินทางปัญญาขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ "Creative King"

January - April 2011 CERAMICS Journal 75 อาทิเช่น นิทรรศการแสดงพระปรีชาสามารถด้านการคิดค้น นวัตกรรมใหม่ๆ เช่น โครงการฝนหลวงกังหันน้ำชัยพัฒนา โครงการแกลงด้ นิ การใชน้ ำม้ นปาลั มกล์ นบร่ั สิ ทธุ เป์ิ นน็ ำม้ นเชั อ้ื เพลงเคริ องยนต่ื ด์ เซลี เปนต็ น้ และเพอร่ื วมผล่ กดั นอั ตสาหกรรมุ ทเก่ี ยวเน่ี องก่ื บคาแรกเตอรั ในประเทศไทยให์ เต้ บโติ โดยการ นำภาพลกษณั ของคาแรกเตอร์ ไปใช์ ร้ วมก่ บสั นคิ าต้ างๆ่ อาทิ ของเลน่ ของตกแตง่ ของใชในบ้ านและส้ นคิ าไลฟ้ สไตล์ อ์ นๆ่ื นอกจากนภายในงานย้ี งมั กี จกรรมทิ น่ี าสนใจมากมาย่ อาทเชิ น่ • นทรรศการทริ พยั ส์ นทางปิ ญญาทั ม่ี ศี กยภาพั • คลนิ คใหิ คำปร้ กษาและบรึ การริ บคำขอจดทะเบั ยนี ทรพยั ส์ นทางปิ ญญาั • การจำหน่ายสินค้าทรัพย์สินทางปัญญาหลาก ไอเดยมากคี ณภาพในราคาพุ เศษิ • การสมมนาใหั ความร้ ดู้ านทร้ พยั ส์ นทางปิ ญญาั

ในงานนี้สมาคมเซรามิกส์ไทย ซึ่งเป็นองค์กรหนึ่งที่ ร่วมสนับสนุน ได้ไปร่วมออกบูทด้วย และที่เห็นยังมีสมาชิก ของสมาคมฯ ทได่ี ม้ โอกาสแวะเวี ยนเขี าไปท้ กทายั เลอกหาซื อ้ื สินค้า ได้แก่บริษัท ราชาโปรดักส์ จำกัด ซึ่งได้ซื้อลิขสิทธิ์ DISNEY / LOONEY TUNES จากประเทศสหรฐอเมรั กาิ , โรงงานดนปิ น้ั จากดานเกว่ ยนี (คณโสภุ ตาิ เปลยนกระโทก่ี ) เจาของผลงานออกแบบ้ /สนคิ า้ ซงม่ึ ความเกี ยวเน่ี องก่ื บคาแรคั เตอร ์ ชอ่ื สำรวย บอยกระโทก่ , บรษิ ทั คดิ เซรามคสิ ์ อตสาหุ กรรม จำกดั ไดขนเอาต้ กตาเซรามุ๊ กเลิ กๆ็ ของชำรวย่ , ของโชว์ ตกแตงบ่ าน้ มาใหได้ จ้ บจั ายซ่ อหาก้ื นั บรษิ ทั สริ นไทยิ เซรามคิ จำกัดได้นำตุ๊กตาไทยมาจำหน่ายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชุด การละเลนไทยได่ แก้ ่โขน การเชดหนิ งั ตกตาเดุ๊ กอ็ วน้ ตทำบู้ ญุ เลยงพระ้ี ฯลฯ และ ชางจาก้ บรษิ ทั เปรมประชา คอลเลคชน่ั จำกดั

76 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 ซงงานน่ึ ถ้ี อเปื นช็ องทางท่ ด่ี ที สร่ี างโอกาสให้ น้ กประั ดษฐิ ผ์ สรู้ างสรรค้ ์ และเจาของทร้ พยั ส์ นทางปิ ญญาั ไดพบปะ้ เจรจากบผั ประกอบการในการนำทรู้ พยั ส์ นทางปิ ญญาเหลั าน่ ้ี ไปพฒนาหรั อใชื ประโยชน้ ในเช์ งพาณิ ชยิ ต์ อไป่ อกที งย้ั งกระตั นุ้ ใหคนร้ นใหมุ่ เห่ นความสำค็ ญของการสรั างสรรค้ ์การคมครองุ้ และการใชประโยชน้ จากทร์ พยั ส์ นทางปิ ญญาอยั างเป่ นระบบ็ และครบวงจรดวยก้ จกรรมอิ นๆท่ื สร่ี างความสน้ กสนานใหุ แก้ ่ ผู้เข้าร่วมงานน่าจะเป็นมินิคอนเสิร์ตของศิลปินจาก GMM Grammy, RS และ TRUE Fantasia และยงมั นี ทรรศการแสดงิ ผลงานสร้างสรรค์ของเยาวชน ลุ้นสุดยอดผลงานสร้างสรรค์ ของเยาวชนในโครงการ Young Creative Award ใหเด้ กไทย็ สรางคาแรคเตอร้ ์ เพอนำความค่ื ดไทยไปสิ ระดู่ บโลกั

ผลการตดสั นการประกวดผลงานสริ างสรรค้ ์Young Creative Award มดี งนั ้ี รางวลชนะเลั ศในผลงานปากกาสิ สี นสดใสั ทม่ี ชี อว่ื า่ "มนตรา" นายสมประสงค์ ศรีปัญญา นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะศิลปะและการออกแบบ สาขาวิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ มหาวทยาลิ ยรั งสั ติ การออกแบบชดสุ นคิ าโดยใช้ คาแรคเตอร้ หน์ แจู วเป๋ น็ องคประกอบ์ ผชนะเลู้ ศิ ไดแก้ ่ วชิ ยยั ทธุ ชาญปรชาี ชนป้ั ี 1 คณะศลปกรรมิ สาขาออกแบบนเทศศิ ลปิ ์มหาวทยาลิ ยราชภั ฏั สวนสนุ นทาั กบผลงานการออกแบบรั มช่ อ่ื "Smile nu Jaew Umbrella การออกแบบคาแรคเตอร็ จากอ์ ตลั กษณั ของก์ ฬามวยี ไทย ผชนะเลู้ ศิ คอื ธนติ ธนทวราภรณั ์ชนป้ั ี4 คณะมณฑณศั ลปิ ์ มหาวทยาลิ ยศั ลปากริ กบผลงานั "อคคั สลาตี นั " การออกแบบและลงสลวดลายกราฟฟี กบนติ วการั ต์ นู CE (Creative Economy) ประเภทนกศั กษาึ ไดแก้ ่ สภุ ทรชั ยั เชอธรรมสอน่ื เจาของผลงาน้ "Fisheye" ตาปลา นกโทษกลั บใจั เปนน็ กศั กษาชึ นป้ั ี4 คณะสถาปตยกรรมศาสตรั ์มหาวทยาลิ ยั ศลปากริ ก่อนจะจากไปอยากจะฝากคำพูดเด็ดๆจากพี่ หมดุ -สดไผทุ ทฝากไว่ี ให้ ค้ ดกิ นั "การเปนน็ กสรั างสรรค้ ์ ที่ดีต้องทำตัวเป็นแก้วที่ว่างเปล่าที่จะซึมซับทุกสิ่งทุก อยางรอบต่ วั "

January - April 2011 CERAMICS Journal 77 สุธรรม ศรีหล่มสัก

เคลเคลือบผลือบผลึกวึกวิลลิลลิไมทิไมท์์ (Willemite(Willemite CrystalCrystal Glaze)Glaze)

บทนำ

เคลอบผลื กึ (Crystalline Glaze) เปนเคล็ อบชนื ดหนิ งท่ึ ม่ี ความสวยงามจากการเกี ดิ (nucleation) และเตบโติ (growth) ของผลกชนึ ดติ างๆ่ ในเคลอบื เปนท็ แน่ี ใจน่ กเซรามั กริ จู้ กั การทำเคลอบผลื กึ มาประมาณ 1000 ปมาแลี วเพราะว้ าม่ หลี กฐานการคั นพบเคร้ องป่ื นด้ั นเผาิ ราชวงศ ์ Song ซงอย่ึ ู่ ระหวางป่ ี ค.ศ. 960 ถงึ 1279 ทใช่ี เคล้ อบชนื ดนิ ้ี แบงกระบวนการตกผล่ กในเคลึ อบผลื กออกเปึ น็ 2 ขนตอน้ั 1 คอื การเกดนิ วเคลิ ยสี และการ เตบโตของผลิ กึ นวเคลิ ยสอาจจะเกี ดไดิ ้2 แบบ คอื 1) เกดขิ นเองและ้ึ 2) เกดจากการเติ มสารแปลกปลอมิ ทเร่ี ยกวี า่ ตวลั อผล่ กหรึ อื Seed ลงไปในเคลอบื นวเคลิ ยสที เก่ี ดขิ นเองเก้ึ ดจากการรวมติ วของกลั มอะตอมุ่ ที่มีการเคลื่อนไหวช้า เมื่ออะตอมเหล่านี้รวมกันจึงหยุดนิ่งกลายเป็นเป้าให้อะตอมอื่นๆ วิ่งมาชนและ เกาะกันเป็นนิวเคลียสของผลึกขึ้นมา ขณะที่กลุ่มอะตอมอื่นๆกลับสลายตัว เมื่อยืนไฟที่อุณหภูมิ ที่เหมาะสมในการเกิดนิวเคลียสนานพอจะมีจำนวนนิวเคลียสมากพอ แต่ถ้ายืนไฟไว้นานเกินไป นิวเคลียสที่เกิดขึ้นมาแล้วอาจจะละลายลดจำนวนลงไปก็ได้ เมื่อได้จำนวนนิวเคลียสมากพอจะต้อง ลดอุณหภูมิลงมาประมาณ 100-200๐C แล้วยืนไฟเอาไว้ที่อุณหภูมินั้นเพื่อให้นิวเคลียสเติบโตขึ้น ที่จุดนี้เคลือบบนผิวชิ้นงานจะมีความหนืดมากขึ้น นิวเคลียสซึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้จะหยุดเพิ่มจำนวน และจะมขนาดโตขี นจนเป้ึ นผล็ กึ เพราะอะตอมตางๆ่ ในระบบจะไปเกาะกบนั วเคลิ ยสมากขี นจ้ึ งกลายึ เป็นผลึกที่มีขนาดโตขึ้น ยิ่งยืนไฟนานที่อุณหภูมินี้นานขึ้นไปเท่าใดผลึกก็จะมีขนาดโตขึ้นไปเท่านั้น ปกติมักจะยืนไฟที่อุณหภูมินี้ 3-5 ชม. แต่อาจจะยืนไฟไว้นานถึง 12 ชั่วโมงก็ได้หากต้องการให้ผลึก มขนาดโตขี นมากๆ้ึ สวนน่ วเคลิ ยสที เก่ี ดแบบทิ ่ี 2 ซงเก่ึ ดจากการเติ มสิ วนผสมท่ ม่ี จี ดหลอมตุ วสั งมากๆู เขาไปในเคล้ อบื เชน่ rutile เขาไปในน้ ำเคล้ อบื 2 รปรู าง่ สสี นั และขนาดของผลกทึ ได่ี ในเคล้ อบผลื กขึ น้ึ กบปั จจั ยหลายประการั 3-4 เชน่ 1. ความสมำเสมอของว่ ตถั ดุ บทิ ใช่ี ้ 2. ความละเอยดของการบดนี ำเคล้ อบื 3. ความหนาแนนของน่ ำเคล้ อบื 4. ความหนดของเคลื อบทื อ่ี ณหภุ มู สิ งู 5. ความหนาของชนเคล้ั อบทื เคล่ี อบบนบื สกิ ทิ (biscuit) 6. สวนผสมของเน่ อด้ื นทิ ใช่ี ทำบ้ สกิ ทิ 7. อณหภุ มู ทิ ใช่ี ในการเผา้ 8. เวลาในชวงการย่ นไฟและการเลื ยงผล้ี กึ 9. ชนดของนิ วเคลิ ยสี 10. สมประสั ทธิ ในการแพร์ิ ่

78 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 ถงแมึ นจะม้ การศี กษาเกึ ยวก่ี บเคลั อบผลื กอยึ างเป่ นระบบ็ แตบางคร่ งก้ั ย็ งเปั นการยากท็ จะทำนายล่ี กษณะของผลั กึ ทเก่ี ดขิ นได้ึ ้เคลอบผลื กจึ งเปึ นงานท็ เป่ี นท็ งศาสตร้ั และศ์ ลปิ ์เนองจากการเผาเคล่ื อบผลื กตึ องควบค้ มการขุ นลงของอ้ึ ณหภุ มู ในเตาิ และต้องยนไฟเปื ็นเวลานานทำให้ไม่นิยมนำเคลือบผลึกไปใช้ในงานอุตสาหกรรมเพราะอุตสาหกรรมมักจะใช้เตาเผาจำพวก เผาเรว็ เชน่ Roller kiln หรอเตาอื โมงคุ ์ ทำใหไม้ สะดวกในการย่ นไฟตามทื กล่ี าวไปแล่ ว้ สวนใหญ่ แล่ วงานเคล้ อบผลื กจึ งมึ กจะั เผาในเตาไฟฟ้า จึงนิยมนำเคลือบผลึกไปใช้ในผลิตภัณฑ์ทางศิลปะมากกว่า แบ่งเคลือบผลึกตามชนิดของผลึกที่เกิดขึ้นใน เคลอบไดื เป้ น็ 7 ชนดิ ดงแสดงในตารางทั ่ี 15

ตารางท ่ี 1. สวนผสมและอ่ ณหภุ มู ทิ ใช่ี ในการเผาเคล้ อบผลื กชนึ ดติ างๆ่ (จาก Dakhai5) Mass content (%) Firing Glazes temperature ๐ SiO2 Al2O3 CaO MgO K2O Na2O ZnO BaO Fe2O3 TiO2 B2O3 P2O5 C Hematite 60.92 19.08 6.78 2.03 2.70 0.10 - - 6.50 0.62 - 1.27 1300-1350 61.88 18.05 7.47 2.10 3.22 0.10 - - 5.45 0.39 - 1.34 1300-1350 Anorthite 67.20 14.31 10.02 0.58 4.19 0.14 - - 1.20 0.07 - 0.19 1300-1350 68.95 13.92 8.67 0.66 4.42 0.14 - - 0.89 0.02 - 0.18 1300-1350 Pyroxene 62.30 12.90 10.30 2.01 2.90 1.00 - - 6.90 0.70 - 0.30 1270-1320 57.80 14.80 17.10 2.60 1.70 0.80 - - 3.20 0.70 - 1.00 1270-1320 Willemite 48.43 0.98 6.12 0.66 6.60 5.44 23.20 0.23 0.08 - 8.40 - 1150-1200 46.89 0.81 7.02 0.36 7.63 4.77 22.31 - 0.04 - 9.90 0.24 CoO 1150-1200

49.42 5.17 4.05 1.94 1.33 7.48 25.56 0.11 0.32 - 3.08 MnO2 0.02 1200-1280 55.17 3.79 3.98 2.56 1.75 7.44 24.92 - 0.29 0.03 1.00 NiO - 1250-1320 55.40 6.00 3.10 2.40 2.30 5.50 25.00 - 0.20 - - - 1250-1320 47.80 - - - 14.60 1.90 30.60 5.10 - - - - 1250-1300 49.10 9.20 3.50 - 5.60 1.90 19.80 8.30 - 2.60 - - 1150-1200 44.26 9.06 1.30 - 6.51 2.00 32.34 4.00 - 0.53 0.10 - 1250-1300 49.17 9.61 3.26 - 6.15 1.90 20.90 9.03 - - - - 1250-1300 Titanium 51.50 10.50 10.50 - 2.50 - - - - 5.50 19.50 - 950-1000 48.93 9.96 9.96 - 7.38 - - - - 5.24 18.53 - 950-100 53.74 - - - 2.32 9.91 - - - 16.58 17.44 4.53 F 800-850 44.92 12.28 3.30 1.36 3.74 2.92 11.36 - - 5.40 14.73 - 980-1040 50.17 9.32 3.45 1.39 1.84 2.42 10.62 - - 5.87 14.93 - 980-1040

Zirconium 48.90 12.42 6.55 2.64 1.37 1.45 8.01 - 0.34 - 14.89 3.42 ZrO2 950-1000

43.00 9.40 7.50 4.80 0.20 5.50 2.20 2.30 0.50 - 19.10 5.50 ZrO2 950-1000

39.50 9.00 7.30 4.50 0.20 5.90 6.90 2.30 0.50 - 17.40 5.50 ZrO2 950-1000 Aventurine 47.10 3.50 0.10 - 4.00 6.00 - 0.70 14.70 - 21.90 - 1000-1050 61.00 1.98 - - - 8.72 - - 16.75 - 11.70 - 1250-1300

Manganese 52.95 9.54 1.85 1.78 3.06 3.54 10.35 - - - 16.93MnO2 - 1250-1300

January - April 2011 CERAMICS Journal 79 1) Hematite crystalline glaze เปนเคล็ อบผลื กทึ ่ี พบเคลือบผลึกชนิดนี้ในโบราณวัตถุของจีนพวกเป็นของใช้ เกาแก่ ท่ ส่ี ดทุ ม่ี ประวี ตั การนำมาใชิ ้ พบเคลอบชนื ดนิ บนเคร้ี อง่ื บนโตะอาหารตามบ๊ านในศตวรรษท้ ่ี 13 ปนด้ั นเผาโบราณจำพวกิ จาน ชามและแจกนของจั กรพรรดั จิ นี 4) Willemite crystalline glaze เปนเคล็ อบทื เร่ี มม่ิ ี ในตนศตวรรษท้ ่ี12 เคลอบชนื ดนิ ม้ี องคี ประกอบเป์ นเปอร็ เซ์ นต็ ์ การศกษาในปึ ีค.ศ. 1847-1852 เคลอบผลื กชนึ ดนิ ได้ี ร้ บความั

โดยนำหน้ กเปั น็ 60-70% SiO2, 12-20% Al2O3, 5-8% Fe2O3, สนใจอยางมากท่ ส่ี ดุ เพราะวาเม่ อเผาแล่ื วจะได้ ผล้ กึ Willemite

5-10% CaO, <5% (Na2O + K2O), <3% MgO และม ีTiO2กบั (2ZnOSiO2 หรอื Zn2SiO4) ทม่ี ลี กษณะแผั ออกเป่ นวงกลมขนาด็ ๐ P2O5 เลกน็ อย้ เผาทอ่ี ณหภุ มู สิ งสู ดไดุ ไม้ เก่ นิ 1300 -1350 C ใหญ่ตั้งแต่หลายมิลลิเมตรจนถึงหลายเซนติเมตร จัดเคลือบ ชนดและขนาดของผลิ กในเคลึ อบชนื ดนิ ข้ี นก้ึ บบรรยากาศในการั ผลกชนึ ดนิ อย้ี ในระบบของู่ SiO2.ZnO.Al2O3.CaO (MgO).K2O

เผาอยางมาก่ กลาวค่ อื ถาบรรยากาศในการเผาเป้ นออกซ็ เดชิ นั (Na2O) ปกติแล้วจะเผาเคลือบผลึกชนิดนี้ 2 ช่วง ช่วงที่ 1 α ๐ จะไดผล้ กึ Hematite ( - Fe2O3) แตถ่ าเผาในบรรยากาศแบบ้ เผาจากอณหภุ มู หิ องข้ นไปถ้ึ งอึ ณหภุ มู ประมาณิ 1250-1350 C แลวย้ นไฟประมาณื 30 นาท ี เพอให่ื เก้ ดนิ วเคลิ ยสี ออกมาจำ รดี กชั นั จะไดผล้ กของึ Magnetite (Fe3O4) นอกจากนม้ี กจะั นวนมาก ชวงท่ สองจะลดอ่ี ณหภุ มู จากชิ วงแรกลงมาประมาณ่ พบผลกึ Anortite (CaO.Al2O3.2SiO2) ในเคลอบชนื ดนิ ด้ี วย้ 100 องศา แลวย้ นไฟไวื เพ้ อเล่ื ยงให้ี น้ วเคลิ ยสที เก่ี ดเติ บโตขิ น้ึ เนื่องจากมี Al2O3และ CaO ปนอยู่ในส่วนผสมจำนวนมาก อนงเน่ึ องจากผล่ื กของึ Hematite ทเก่ี ดในเคลิ อบผลื กชนึ ดนิ ้ี เปนผล็ กึ อนงจะต่ึ องเผาเคล้ อบชนื ดนิ ในบรรยากาศแบบออก้ี เปนผล็ กทึ โตพอมองเห่ี นได็ ด้ วยตาเปล้ าจ่ งจึ ดเคลั อบผลื กชนึ ดิ ซเดชิ นั เพราะถาเผาในบรรยากาศแบบร้ ดี กชั นั ZnO ในเคลอบื นเป้ี น็ macro crystalline glaze เกดการระเหยิ (evaporate) ออกไปทำใหเคล้ อบผลื กทึ ได่ี ไม้ ่ 2) Anortite crystalline glaze เปนเคล็ อบผลื กเกึ าแก่ ่ สวย มีงานวิจัยตีพิมพ์เกี่ยวกับเคลือบผลึกชนิดนี้หลายชิ้นที่ อีกตัวหนึ่งพบในภาชนะโบราณทำขึ้นในกลางศตวรรษที่ 13 สำคญคั อื งานวจิ ยของั Riddle และ ของ Norton ในป ี 1906 Riddle6 ศกษาเคลึ อบผลื กชนึ ดนิ ท้ี ม่ี สี วนผสมเป่ นร็ อยละโดย้ เคลือบชนิดนี้มีส่วนผสมโดยน้ำหนักเป็น 65-70% SiO2, น้ำหนักของน้ำหนักวัตถุดิบเป็น 27.389% ZnO, 7.382% 16-18% Al2O3 และ 10-14% CaO และม ีNa2O, K2O กบั MgO และ oxide ชนดอิ นๆปนอย่ื เลู่ กน็ อย้ หากตองการให้ ม้ สี อาจี KNO3, 13.770% borax, 7.200% Chalk, 4.466% Boric acid, 39.693% SiO และ 0.6% CuO ซงหากเปล่ึ ยนเป่ี นร็ อยละโดย้ จะเตมิ Fe2O3, CuO , CoO หรอื MnO2 ลงไปประมาณ 2wt% 2 ลงไปในสตรเคลู อบกื ได็ จะทำให้ ได้ เคล้ อบทื ม่ี สี ตี างๆก่ นั ผลกทึ ่ี นำหน้ กของั oxides จะไดเป้ น็ 2.6535%Na2O, 4.4773% K2O, 4.7839% CaO, 32.4767% ZnO, 47.0662% SiO และ พบในเคลือบชนิดนี้คือ ผลึก Anortite (CaO.Al2O3.2SiO2) 2 มรี ปรู างแบบเข่ ม็ (needle shape) เลกๆ็ ยาวไมเก่ นิ 1 micron 8.9424% B2O3 พบวา่ ลกษณะของผลั กึ Willemite ทได่ี ไม้ ข่ น้ึ

ซึ่งมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่าจึงจัดเคลือบผลึกชนิดนี้เป็น กบั oxide ใหส้ ี เชน่ Fe2O3, CoO และ MnO ทเต่ี มลงไปในิ microcrystalline glaze เคลอบื ขณะท ่ี Norton (1937)7 ศกษาเคลึ อบผลื กชนึ ดนิ ท้ี ม่ี ี

3) Pyroxene crystalline glaze เปนเคล็ อบผลื กทึ ม่ี ี สตรโมเลกู ลุ (Molecular formula) เปน็ 0.0513 Na2O, 0.2350 K O, 0.0880 CaO, 0.5750 ZnO, 0.0513 BaO, 0.1620 Al O , องคประกอบหล์ กเปั น็ CaO, MgO, Al2O3 และ SiO2 มสี ตรู Seger 2 2 3 1.700 SiO และ 0.2020 TiO ทเต่ี มิ CoO 0.25 wt% โดยเผา formula เปน็ 0.1 (K2O + Na2O), 0.38 MgO, 0.52 CaO, 2 2 เคลือบผลึกชนิดนี้ขึ้นไปที่อุณหภูมิที่หนึ่งซึ่งเท่ากับ 1270๐C xAl2O3 และ ySiO2 อาจจะเขยนสี ตรเคมู ของเคลี อบผลื กชนึ ดนิ ้ี แล้วยืนไฟ 30 นาที จากนั้นลดอุณหภูมิลงมาอย่างรวดเร็วที่ อกอยี างได่ เป้ น็ xy{Si2O6} เมอ่ื x เปนไอออนท็ ม่ี ี coordination number เทาก่ บั 8 เชน่ Ca2+, Mg2+, Fe2+, Mn2+, Na2+ และ Li+ อณหภุ มู ทิ สองซ่ี งม่ึ คี าต่ างๆ่ กนแลั วย้ นไฟทื อ่ี ณหภุ มู นิ น้ั 1 ชม. สวน่ y เปนไอออนท็ ม่ี ี coordination number เทาก่ บั 6 เชน่ แลวตรวจด้ ลู กษณะและขนาดของผลั กึ Willemite ทได่ี เขาพบ้ Mg2+, Fe2+, Mn2+ และ Al3+ อณหภุ มู ใชิ เผาเคล้ อบผลื กชนึ ดนิ ้ี ว่าอุณหภูมิที่สองมีผลสำคัญต่อขนาดและรูปร่างของผลึก อยในชู่ วง่ 1270-1310 ๐C เมอเผาแล่ื วจะได้ ผล้ กึ Pyroxene ซงม่ึ ี Willemite ที่ได้อย่างมาก นอกจากนี้เขายังพบว่าตัวช่วยลด อณหภุ มู ในการหลอมติ วของเคลั อบื เชน่ Na O และ CaO ฯลฯ สูตรเคมีเป็น (Ca, Mn, Al, Fe)Si2O6 รูปทรงเป็นดอกจันทร์ 2 ขนาด 0.5-1 มม. สีเหลืองอมเขียวหรือสีอื่นๆ เช่น บรอนซ์ มีผลต่อความหนืดของน้ำเคลือบขณะหลอมตัวอย่างมาก น้ำตาล และเขียวเข้มไปจนถึงดำ บนพื้นแก้วที่มีสีเขียวเข้ม การควบคมปรุ มาณติ วชั วยในการหลอมเหล่ าน่ จะช้ี วยควบค่ มุ บรรยากาศในการเผาไมค่ อยม่ ผลตี อล่ กษณะเคลั อบทื ได่ี มากน้ กั การตกผลกของเคลึ อบไดื ้

80 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 5-6) Titanium & Zirconium crystalline glazes 7) Aventurine crystalline glaze เคลอบชนื ดนิ ม้ี จี ดหลอมตุ วทั อ่ี ณหภุ มู ติ ำ่ ตองเผาท้ ่ี เปนเคล็ อบผลื กทึ ม่ี สี วนผสมเป่ นเปอร็ เซ์ นต็ โดยน์ ำหน้ กั O อณหภุ มู ไมิ เก่ นิ 950 –1100 C เมอเผาแล่ื วจะได้ เคล้ อบทื บทึ ม่ี ี เปน็ 61% SiO2 ,1.98% Al2O3 ,16.75% Fe2O3 ,11.70% B2O3 และ ผลกซึ งม่ึ ี Titanium และ Zirconium เปนองค็ ประกอบออกมา์ 8.72% Na O โดยท ่ี Fe O อาจจะ vary ไดในช้ วง่ 10 – 30% 2 2 3 α เหมาะสำหรบนำไปเคลั อบผลื ตภิ ณฑั จำพวกส์ ขภุ ณฑั ์ ของใช้ เมอเผาแล่ื วจะได้ ผล้ กึ Hematite ( - Fe2O3) ทม่ี รี ปรู างแบบ่

ภายในบาน้ และ Earthenware เคลอบผลื กึ Titanium ทม่ี ี TiO2 Rhombohedra มีสีแดงอ่อนไปจนถึงสีแดงเข้ม หรือน้ำตาล

ในสวนผสมน่ อยกว้ า่ 8% จะใหผล้ กึ sphene ซงเป่ึ น็ calcium แดงขนก้ึ บเปอรั เซ์ นต็ ของ์ Fe2O3 ในสวนผสม่ เคลอบผลื กชนึ ดนิ ้ี titanium silicate ทม่ี สี ขาวออกมาี แตสำหร่ บเคลั อบผลื กชนึ ดิ เปนประกายเป็ นม็ นวาวเพราะมั ดี ชนั หี กเหสั งู

นท้ี ม่ี ี TiO2 มากกวา่ 8% ในสวนผสมจะให่ ผล้ กของึ sphene เพื่อให้เห็นว่าส่วนผสมและสภาวะการเผามีผลต่อ และ rutile ทม่ี สี เหลี องออกมาื จำนวน ลกษณะและขนาดผลั กในเคลึ อบผลื กอยึ างไร่ จงทดึ

เคลอบผลื กึ Zirconium ทม่ี ี ZrO2 5 – 7 % จะใหผล้ กึ ลองโดยผสมเคลอบผลื กึ Willemite ขนมา้ึ 2 สตรู ทม่ี สี วนผสม่ สขาวของี Zircon กบั Ruffite ซึ่งคัดมาจากบทความของอาจารย์ไพจิตร8 และดร.คชินท์3-4 ดังแสดงในตารางที่ 2 แล้วเผาเคลือบทั้งสองสูตรที่สภาวะ ตางๆ่ กนั ตามรายละเอยดในวี ธิ ทดลองี

ตารางท ่ี 2 สวนผสมเคล่ อบผลื กึ Willemite ทงสองส้ั ตรู ทใช่ี ในการทดลองน้ ้ี คดลอกมาจากั อจ. ไพจตริ 8 และ ดร.คชนทิ 3-4์ สตรทู ่ี 1 สตรทู ่ี 2 วัตถุดิบ % wt วัตถุดิบ % wt Na - Feldspar 46 – 50 % K - Na Feldspar 31 % Dolomite 4.18 % Dolomite 12 % Barium carbonate 8.25 % Barium carbonate 5 % Zinc oxide 20.41 % Zinc oxide 23 % Kaolin 1.08 % Kaolin 7 % Silica 19.58 % Silica 22 % CoO (สารใหส้ )ี 0.40 % สตรทู ่ี 2.1) CuO (สารใหส้ )ี 3 %

สตรทู ่ี 2.2) MnO2 และ NiO (สารใหส้ )ี 3 %

January - April 2011 CERAMICS Journal 81 ตารางท ่ี 3 อณหภุ มู ิ T1, T2 และระยะเวลา X ทใช่ี ในการเผาเคล้ อบผลื กสึ ตรทู ่ี 1 O O สภาวะที่ T1 ( C) T2 ( C) X (hrs) 1 1130 1160 3 2 1130 1160 5 3 1140 1170 3 4 1140 1170 5 5 1110 1180 3 6 1110 1180 5

วธิ การทดลองี 1) สำหรบเคลั อบผลื กสึ ตรทู ่ี 1 มวี ธิ การทดลองดี งนั ้ี 1.1) ชงและบดส่ั วนผสมใน่ Ball mill บดผสม 6 ชวโมง่ั 1.2) รอนส่ วนผสมท่ บดได่ี ผ้ านตะแกรง่ 230 mesh 1.3) เตรยมกระเบี องทดสอบเคล้ื อบโดยใชื ด้ นิ Compound clay รดเปี นแผ็ นแล่ วต้ ดเปั นช็ นๆ้ิ ทม่ี ขนาดี ประมาณ 0.5 x 2 x 2 แลวตากให้ แห้ งและเผาบ้ สกิ ททิ ่ี 900OC 1.4) นำกระเบองทดสอบเคล้ื อบไปชื บเคลุ อบื 10 วนาทิ ี ใหได้ เคล้ อบหนาื 1 มลลิ เมตริ บนผวบิ สกิ ทิ 1.5) เผากระเบองทดสอบเคล้ื อบในขื อ้ 1.4 ในสภาวะการเผาทต่ี างก่ นั 6 สภาวะ โดยมขี นตอนด้ั งนั ้ี 1) เพมอ่ิ ณหภุ มู จากอิ ณหภุ มู หิ องข้ นไปท้ึ ่ี 1250OC ดวยอ้ ตราั 5OC/นาท ี แลวย้ นไฟื 30 นาที O 2) ลดอณหภุ มู ลงมาทิ อ่ี ณหภุ มู ิ T1 ตามทแสดงในตารางท่ี ่ี 3 (ดวยอ้ ตราั 5 C/นาท)ี O 3) รบเรี งเพ่ มอ่ิ ณหภุ มู ิ T1 ขนไปท้ึ อ่ี ณหภุ มู ิ T2 ตามทแสดงในตารางท่ี ่ี3 (ดวยอ้ ตราั 5 C/นาท)ี แลวย้ นื

ไฟ X ชวโมง่ั ตามทแสดงในตารางท่ี ่ี 3 อนงสาเหต่ึ ทุ ลดอ่ี ณหภุ มู ลงมาทิ อ่ี ณหภุ มู ิ T1 แลวจ้ งเพึ ม่ิ

อณหภุ มู ขิ นไปท้ึ ่ี T2 แทนทจะลงอ่ี ณหภุ มู ลงมาทิ ่ี T2 ทเดี ยวเลยเพราะตามประสบการณี ของอาจารย์ ์

ไพจตรพบวิ าการทำแบบน่ จะได้ี ผล้ กทึ สวยงามกว่ี า่ ตารางท ่ี3 แสดง T1, T2 และ X ในการเผาเคลอบื ผลกสึ ตรทู ่ี 1 ทง้ั 6 สภาวะ O 4) ลดอณหภุ มู จากิ T2 ลงมาทอ่ี ณหภุ มู หิ อง้ (ดวยอ้ ตราเรั ว็ 5 C/นาท)ี 1.6) ถายภาพช่ นต้ิ วอยั างท่ ได่ี แล้ วว้ เคราะหิ ผล์

2) สำหรบเคลั อบผลื กสึ ตรทู ่ี 2 มวี ธิ การทดลองดี งนั ี้ 2.1)–2.4) เหมอนขื อ้ 1.1) - 1.4) ของเคลอบสื ตรทู ่ี 1 ตางก่ นตรงทั ว่ี าหล่ งบดผสมแลั วร้ อนเคล่ อบสื ตรทู ่ี 2 ผานตะแกรงเบอร่ ์ 325 mesh 2.5) เผากระเบองทดสอบเคล้ื อบสื ตรทู ่ี 2.1 และสตรทู ่ี 2.2 ดวยสภาวะการเผาเหม้ อนกื นดั งนั ้ี 1) เพมอ่ิ ณหภุ มู จากหิ องข้ นไปท้ึ ่ี 1250OC ดวยอ้ ตราั 5OC/นาท ี แลวย้ นไฟื 30 นาที 2) ลดอณหภุ มู ลงมาทิ ่ี 1100OC แลวย้ นไฟเปื นเวลาต็ างๆ่ กนคั อื 2-3 หรอื 4 ชวโมง่ั 3) ลดอณหภุ มู จากิ 1100OC มายงอั ณหภุ มู หิ องด้ วยอ้ ตราเรั ว็ 5OC/นาที 2.6) ถายภาพช่ นต้ิ วอยั างส่ ตรทู ่ี 2.1 และสตรทู ่ี 2.2 ทเผาได่ี แล้ วว้ เคราะหิ ผล์

82 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 O O O O a) T1 = 1130 C T2 = 1160 C ยนไฟื 3 ชวโมง่ั b) T1 = 1130 C T2 = 1160 C ยนไฟื 5 ชวโมง่ั

O O O O c) T1 = 1140 C T2 = 1170 C ยนไฟื 3 ชวโมง่ั d) T1 = 1140 C T2 = 1170 C ยนไฟื 5 ชวโมง่ั

O O f) T = 1110OC T = 1180OC ยนไฟื 5 ชวโมง่ั e) T1 = 1110 C T2 = 1180 C ยนไฟื 3 ชวโมง่ั 1 2

รปทู ่ี 1 เคลอบผลื กสึ ตรทู ่ี 1เผาโดยใหตกผล้ กึ (nucleation) ท ่ี 1290OC 30 นาทเที าก่ นั

แตเล่ ยงผล้ี กโดยการลดอึ ณหภุ มลงมาทู ่ี T1 T2 และยนไฟทื อ่ี ณหภุ มู ิ T2เปนเวลาต็ างๆ่ กนั ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○

January - April 2011 CERAMICS Journal 83 ผลการทดลองและวเคราะหิ ผลการทดลอง์ รปทู ่ี 1a-1f แสดงชนต้ิ วอยั างส่ ตรทู ่ี 1 ซงเผาโดยให่ึ ตกผล้ กทึ อ่ี ณหภุ มู ิ 1290OC 30 นาทเที าก่ นั แตเล่ ยงผล้ี กใหึ โต้

ทอ่ี ณหภุ มู ิ T1 และ T2 และยนไฟทื อ่ี ณหภุ มู ิ T2 เปนเวลาต็ างๆ่ กนตามทั แสดงในตารางท่ี ่ี 3 เมอเปร่ื ยบเที ยบรี ปทู ่ี 1a กบรั ปทู ่ี 1b; รปทู ่ี 1c กบรั ปทู ่ี 1d; และรปทู ่ี 1e กบรั ปทู ่ี 1f จะเหนว็ าผล่ กในเคลึ อบทื เผาโดยการย่ี นไฟทื เวลา่ี 5 ชวโมงม่ั ขนาดโตและสมบี รณู ์ กวาผล่ กในเคลึ อบทื เผาโดยการย่ี นไฟื 3 ชวโมงอย่ั างเห่ นได็ ช้ ดั ซงเป่ึ นไปตามทฤษฎ็ ที ว่ี าการย่ นไฟนานขื นทำให้ึ ผล้ กมึ เวลาเตี บโติ มากขน้ึ

เมอเปร่ื ยบเที ยบรี ปทู ่ี 1a 1c และ 1e ซงเผาโดยการย่ึ นไฟทื ่ี 3 ชวโมงเท่ั าก่ นแตั เล่ ยงผล้ี กใหึ โตท้ อ่ี ณหภุ มู ิ T1 และ T2 ตางก่ นั จะเหนว็ าร่ ปทู ่ี 1a มผลี กจำนวนมากทึ ส่ี ดุ ในทางตรงกนขั ามร้ ปทู ่ี 1e มผลี กจำนวนนึ อยท้ ส่ี ดุ แสดงวาอ่ ณหภุ มู ทิ ใช่ี ใน้ O การเลยงผล้ี กึ (T2) มผลตี อจำนวนของผล่ กทึ ได่ี ้ การทผล่ี กทึ เล่ี ยงท้ี 1160่ี C มจำนวนมากที ส่ี ดอาจจะเปุ นเพราะว็ าอ่ ณหภุ มู ิ 1170OC และ 1180OC นนส้ั งเกู นไปจนทำใหิ น้ วเคลิ ยสที เก่ี ดขิ นมาในช้ึ วง่ nucleation บางสวนละลายกล่ บเขั าไปในเคล้ อบื เมอเปร่ื ยบเที ยบระหวี างผล่ กทึ เล่ี ยงโดยการย้ี นไฟื เปนเวลา็ 5 ชวโมงด่ั วยก้ นั จะเหนว็ าผล่ กในรึ ปทู ่ี 1b เตบโตไดิ ้ อยางสมบ่ รณู กว์ าผล่ กในรึ ปทู ่ี 1d อยางเห่ นได็ ช้ ดั สาเหตอาจจะอธุ บายไดิ ด้ วยเหต้ ผลทำนองเดุ ยวกี นกั บเหตั ผลทุ อธ่ี บายริ ปทู ่ี 1a 1c และ 1e ทกล่ี าวไปแล่ วข้ างต้ น้ อยางไรก่ ตามเม็ อเปร่ื ยบเที ยบระหวี างผล่ กในรึ ปทู ่ี 1d และผลกในรึ ปทู ่ี 1f จะเหนผล็ กึ ในรปทู ่ี 1f มความสมบี รณู กว์ าผล่ กในรึ ปทู ่ี 1d ซงย่ึ งไมั เป่ นท็ แน่ี ช่ ดวั าเหต่ ใดจุ งเปึ นเช็ นน่ น้ั แตม่ ขี อส้ งเกตวั าร่ ปทู ่ี 1d และ 1f

ใชอ้ ณหภุ มู ิ T1 ทต่ี างก่ นั ถงแมึ นว้ าไม่ ได่ ย้ นไฟทื อ่ี ณหภุ มู ิ T1 เลยกตาม็ แตอ่ ณหภุ มู นิ อาจจะม้ี ผลตี อการโตของผล่ กกึ ได็ ้ เพราะ O อณหภุ มู ิ T1 ในการเผาของเคลอบในรื ปทู ่ี 1d กบั 1f ตางก่ นถั งึ 30 C

a) ยนไฟื 2 ชวโมง่ั b) ยนไฟื 3 ชวโมง่ั

รปทู ่ี 2a-2c แสดงเคลอบสื ตรทู ่ี 2.1 ทเผาโดยให่ี ้ ตกผลึก (nucleation) ที่อุณหภูมิ 1250OC ยืนไฟ 30 นาที เท่ากัน เลี้ยงผลึกให้โตที่อุณหภูมิเดียวกันคือ 1100OC แต่ยืนไฟนานต่างกันคือ 2 3 และ 4 ชั่วโมง ตามลำดับ จากรูปจะเห็นว่าชิ้นงานบางชิ้นที่ยืนไฟเลี้ยงผลึก 2 ชั่วโมง (รปทู ่ี 2a) มผลี กทึ ย่ี งไมั สมบ่ รณู ์ สวนช่ นงานท้ิ เล่ี ยงผล้ี กเปึ น็ เวลานานขนค้ึ อทื ่ี 3 และ 4 ชวโมงจะม่ั ผลี กทึ สมบ่ี รณู เต์ มแผ็ น่ กระเบอง้ื แตช่ นงานท้ิ ย่ี นไฟทื ่ี 3 และ 4 ชวโมงม่ั ผลี กทึ ไม่ี ต่ าง่ c) ยนไฟื 4 ชวโมง่ั กนมากแสดงวั าการย่ นไฟื 3 ชวโมง่ั กเพ็ ยงพอที จะทำให่ี ผล้ กึ รปทู ่ี 2 เคลอบผลื กสึ ตรทู ่ี 2.1เผาโดยใหตกผล้ กึ โตจนเกือบจะสมบูรณ์แล้วจึงไม่จำเป็นต้องยืนไฟเลี้ยงผลึก (nucleation) ท ่ี 1250OC 30 นาท ี เทาก่ นั แลวลดอ้ ณหภุ มู ิ ของเคลอบสื ตรนู ้ี 4 ชวโมง่ั

ลงมาเลยงผล้ี กทึ ่ี 1100OC และยนไฟเปื นเวลาต็ างๆ่ กนั ○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○

84 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 a) ยนไฟื 2 ชวโมง่ั b) ยนไฟื 3 ชวโมง่ั c) ยนไฟื 4 ชวโมง่ั รปทู ่ี 3 เคลอบผลื กสึ ตรทู ่ี 2.2 เผาโดยใหตกผล้ กึ (nucleation) ท ่ี 1250OC 30 นาทเที าก่ นั

แลวลดอ้ ณหภุ มู ลงมาิ เลยงผล้ี กทึ ่ี 1100OC และยนไฟเปื นเวลาต็ างๆ่ กนั

○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○○ เคลอบสื ตรทู ่ี 2.2 ซงม่ึ สี วนผสมเก่ อบจะเหมื อนกื บเคลั อบสื ตรทู ่ี 2.1 (ดตารางทู ่ี 2) รปทู ่ี 3a-3c แสดงเคลอบสื ตรทู ่ี 2.2 ที่เผาในสภาวะการเผาเหมือนเคลือบสูตรที่ 2.1 ซึ่งแสดงในรูปที่ 2a-2c เมื่อเปรียบเทียบรูปที่ 3a-3c กับรูปที่ 2a-2c จะเหนว็ าเคล่ อบทื งสองส้ั ตรมู ลี กษณะแตกตั างก่ นมากทั งๆ้ั ทเคล่ี อบในรื ปทู งสองเผาท้ั สภาวะเหม่ี อนกื นั และมสี วนผสมท่ เก่ี อบื จะเหมอนกื นั (ตางก่ นเฉพาะทั สารให่ี ส้ เที าน่ น้ั ) แสดงวาล่ กษณะของเคลั อบผลื กเปลึ ยนไปตามส่ี วนผสมท่ อย่ี ในเคลู่ อบอยื างมาก่ กลาวค่ อเคลื อบสื ตรทู ่ี2.1 ทม่ี สารใหี ส้ เปี น็ CuO 3% มผลี กสึ เขี ยวอี อนจนถ่ งเขึ ยวแกี ขนาดใหญ่ มากจนเก่ อบเตื มกระเบ็ องทดสอบ้ื

เคลอบื สวนเคล่ อบสื ตรทู ่ี 2.2 ซงม่ึ สารใหี ส้ เปี น็ MnO2 และ NiO อยางละ่ 3% มผลี กในเคลึ อบเปื นผล็ กทึ แผ่ี ออกเป่ นวงกลม็ สฟี าปนเข้ ยวอยี บนพู่ นแก้ื ว้ สนี ำตาล้ เมอเปร่ื ยบเที ยบระหวี างร่ ปทู ่ี3a 3b และ 3c ทย่ี นไฟเปื นเวลา็ 2 3 และ 4 ชวโมงตามลำด่ั บั จะเหนได็ ช้ ดวั าช่ นต้ิ วอยั าง่ ทเผาโดยการย่ี นไฟทื ่ี 2 ชวโมงได่ั ผล้ กึ Willemite ทม่ี ขนาดเลี ก็ แตท่ เผาโดยย่ี นไฟื 3 – 4 ชวโมงจะม่ั ผลี กขนาดโตขึ นมาก้ึ อยางไรก่ ตามต็ วอยั างท่ ย่ี นไฟื 3 – 4 ชวโมงได่ั เคล้ อบผลื กทึ ม่ี ขนาดตี างก่ นไมั มากน่ กั แสดงวาท่ ช่ี วโมงท่ั ่ี 3 – 4 ผลกโตอาจจะึ โตชามาก้ การเพมเวลาให่ิ ผล้ กโตขึ นอ้ึ กี 1 ชวโมงจ่ั งแทบไมึ ม่ ผลตี อการทำให่ ได้ ผล้ กโตขึ นต้ึ างก่ นมากนั กั สรปุ จากการทดลองจะเหนได็ ว้ าจำนวน่ ขนาด และรปรู างของผล่ กึ Willemite ในเคลอบผลื กทึ งสองส้ั ตรของการทดลองนู ้ี เปลยนแปลงไปตามองค่ี ประกอบท์ เป่ี นส็ วนผสมของเคล่ อบื อณหภุ มู และเวลาทิ ใช่ี ในการย้ นไฟื อยางมาก่ การยนไฟทื อ่ี ณหภุ มู ิ ทเหมาะสมเป่ี นเวลานานข็ นจะทำให้ึ ได้ ผล้ กทึ ม่ี ขนาดโตขี น้ึ

เอกสารอางอ้ งิ 1) ปรดาี พมพิ ขาวขำ์ , "เซรามกสิ ,์ " หนา้ 155-156 พมพิ คร์ งท้ั ่ี 5 สำนกพั มพิ แห์ งจ่ ฬาลงกรณุ มหาว์ ทยาลิ ยั (2547). 2) ภาวณิ ี ทองใบ-เลยรี ,่ี "เคลอบผลื กึ , " วารสารเซรามกสิ ,์ ก.ย. - ธ.ค., หนา้ 45-47 (2546) 3) คชนทิ ์ สายอนทวงศิ ,์ "เคลอบผลื กึ , " download จาก http://www.thaiceramicsociety.com/pd_art_crystalglaze. php, เขาด้ เมู อ่ื เม. ย. 2553. 4) คชนทิ ์ สายอนทวงศิ ,์ " เคลอบผลื กึ , " วารสารเซรามกสิ ,์ ม.ค. - ม.ี ค., หนา้ 15 - 18 (2552). 5) Sun Dakhai, L. A. Orlova and N. Yu. Mikhailenko, "Types and Compositions of Crystalline Glazes, " Glass and Ceramics, 56 [5-6], 177-180 (1999). 6) F. H. Riddle, "A Few Facts Concerning the So-called Zinc. Silicate Crystals," Trans. Am. Ceram. Soc., 8, 336-52 (1906). 7) F. H. Norton, "The Control of Crystalline Glazes, " Journal of the American Ceramic Society, 20, 217-224 (1937). 8) ไพจตริ องศ่ิ ริ วิ ฒนั ,์ "เคลอบผลื กึ , " วารสารเซรามกสิ ,์ เม.ย. หนา้ 10-12 (2531).

กตติ กรรมประกาศิ ขอบคณนุ กศั กษาทึ ม่ี รายชี อต่ื อไปน่ ท้ี ช่ี วยทำการทดลอง่ นายจกรกฤษณั ์พบขื นทดุ , นางสาวศรญญาั แสนแวด, นายชลติ ศรทธาธรรมั , นางสาวธญนั ชุ ทนี วงษิ ,์ นายคมสนั บญฮุ อ่ , นางสาวอรวรรยา ขวญมั น่ั , นางสาวกตติ ยาิ แสนสะอาด, นางสาวอภญญาิ ชรู ตนั ,์ นายศภฤกษุ ์ ไพศาลพงศ,์ นายวรพงษี ์ พรรณา

January - April 2011 CERAMICS Journal 85 สุชาดา

ักเรียน จากใจ...ของน สวัสดีคPaintingPainting่ะ เพื่อนๆ และน้องๆ ทุกคน วClassันนClassี้..ชาดา อยากขอแบ่งปัน ประสบการณและความประท์ บใจของพวกเราในั Overglaze Ceramic Painting Class เรมจาก่ิ คุณครู สุจิตรา เดชสุวรรณาชัย ส่งรถมารับ-ส่งพวกเราจากบ้าน ไป-กลับโรงเรียน ซึ่งเป็นโรงงานเซรามิกที่มีวัสดุ อุปกรณ์พร้อม รวมทั้งพู่กันชั้นยอดจากเยอรมัน แถมมีเพลง ไพเราะใหฟ้ งทั งว้ั นั พวกเราเลอกเรื ยนในสี งท่ิ ตนเองสนใจ่ี ชาดา เลอกงานวาดภาพนกของื จนแบบโบราณตกแตี งด่ วยทอง้ โดยเรมจากฝ่ิ กึ Lay out จากนนเข้ั ยนลายเสี นด้ วยปากกา้ คอแร้ง ระบายสีโดยใช้พู่กัน เทคนิคการลงสีกันเปื้อน และตกแต่งสีพื้นด้วย การใช้ฟองน้ำ ลอกสกี นเปั อน้ื แตมจ้ ดสุ บนขอบี แลวส้ งให่ ล้ กนู องของคร้ นำไปเผาครู งท้ั 1่ี วนทั ่ี 2 เรมฝ่ิ กการใชึ พ้ กู่ นกั บสั มากกวี า่ 1 ส ี การตกแตงพ่ นด้ื วยน้ ำทองและปร้ บใหั ้ สวยดวยฟองน้ ำ้ เผาครงท้ั ่ี 2 … ในวนทั ่ี 3 เรยนเทคนี คการติ ดขอบเสั นด้ วยพ้ กู่ นและยางลบอยั างชน่ ดติ องให้ เน้ ยบ้ี แตขอบอกว่ าไม่ เคร่ ยดนะคะเพราะเวลาทำเจี งก๊ ร็ องหาค้ ณครุ ชู วย่ นำไปเผาครงท้ั ่ี 3 …. วนทั ่ี 4 ซอมส่ ทองเพี มเต่ิ มเลิ กน็ อยก้ อนนำไปเผาคร่ งท้ั 4่ี และเรยนเทคนี คการวาดิ กหลาบุ ตอนเหนค็ ณครุ วาดใหู ด้ เปู นต็ วอยั างร่ สู้ กงึ ายน่ ดเดิ ยวี (งายน่ ดเดิ ยวจรี งๆิ แตยากมาก่ ) คิดว่าคงต้องฝึกอีกสัก 100 ปี... แต่ได้เรียนรู้เทคนิคการวาดอันมีค่าจากประสบการณ์ตรง ของครมากมายู ตลอด 4 วนนั ้ี เวลาผานไปเหม่ อนตื ดปิ กเปี นช็ วงเวลาท่ ม่ี ความสี ขมากๆุ เหมอนไดื ้ กลบเปั นเด็ กอ็ กครี งท้ั ได่ี อย้ ในหู่ องเร้ ยนศี ลปะกิ บคั ณครุ ทู ใจด่ี และเมตตาี ทานล่ กมาคอยแนะนำุ แกไขงาน้ และคอยตอบคำถาม “ทำไม” “ทำไม” “ทำไม” ของพวกเราทงว้ั นั อยางไม่ ร่ จู้ กั เหนดเหน็ อย่ื ขอกราบขอบพระคณคุ ณครุ สู จุ ตราิ มา ณ ทน่ี ด้ี วย้ สำหรบั Class ตอๆ่ ไป พวกเราขอจองลวงหน่ าไว้ ท้ กุ Class เลย และขอขอบคณสมาคมทุ ได่ี จ้ ดั Class เรยนนี ้ี ซงเป่ึ น็ Class ทม่ี ประโยชนี และสน์ กสนานอยุ างย่ งด่ิ วยค้ ะ่ ...ชวยกร่ ณาจุ ดอั กนะคะี ...

86 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับสมาคมเซรามิกส์ ผ่านเว็บบอร์ดและเฟสบุ๊ค ปัจจุบัน นอกจากทาง สมาคมเซรามกสิ ไทยจะม์ เวี บบอร็ ด์ ไวสำหร้ บแลกเปลั ยนข่ี อม้ ลขู าวสาร่ กบทางสมาคมฯั ไดท้ ่ี http://www. thaiceramicsociety.or.th แลว้ ทาง สมาคมเซรามกสิ ไทยได์ เพ้ มช่ิ องทาง่ การแลกเปลยนข่ี อม้ ลขู าวสารก่ บทางั สมาคมเซรามิกส์ผ่านทางเฟสบุ๊ค (Facebook) ไว้อีกช่องทางหนึ่ง ซงในวารสารเซราม่ึ กฉบิ บทั ผ่ี านมา่ ทางสมาคมได้แนะนำเว็บไซต์ของ ภาพท ่ี 1. หนาบ้ านของสมาคมเซราม้ กสิ ไทย์ สมาคมไปแลว้ ดงภาพทั ่ี 1 ในฉบบนั ้ี ทางสมาคมฯ จงขอแนะนำการแลกเปลึ ยนข่ี อม้ ลขู าวสารก่ บทางสมาคมเซรามั กสิ ไทยผ์ านทาง่ เฟสบุ๊คของทางสมาคมฯ ซึ่งจะสร้างความสะดวก สบายในการติดต่อสื่อสารได้โดยผู้อ่านต้องทำการสมัครเป็น สมาชกเฟสบิ คใหุ๊ เร้ ยบรี อยก้ อน่ จากนนจ้ั งทำการคึ นหาและเพ้ มช่ิ อเพ่ื อนในเฟสบ่ื คุ๊ ดงภาพทั ่ี 2

ภาพท ่ี 2. การคนหาเฟสบ้ คของสมาคมเซรามุ๊ กสิ ไทย์

January - April 2011 CERAMICS Journal 87 จากนั้นผู้อ่านสามารถที่จะแบ่งปันหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับทางสมาคมเซรามิกส์ได้ ซึ่งขอยก ตัวอย่างการส่งข้อมูลถึงทางสมาคมเซรามิกส์สามารถทำได้โดยคลิกที่เมนูที่มีข้อความว่า "ส่งข้อความถึงทาง สมาคมเซรามกสิ "์ และนอกจากนผ้ี อู้ านย่ งสามารถสนทนากั บสมาชั กในสมาคมไดิ หากเห้ นว็ าสถานะห่ องสนทนา้ มผี เขู้ ามา้ สงเกตไดั จาก้ "สนทนา ( )" ดงภาพทั ่ี 3

ภาพท ่ี 3. การส่งข้อความ ถึงทาง สมาคม เซรามิกส์ไทย

ซึ่งผู้อ่านสามารถศึกษาวิธีการใช้งานเฟสบุ๊คเพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คไกด์ของกระปุก http://facebook. kapook.com/howto/index.php ดงภาพทั ่ี 4

ภาพท ่ี 4. เวบไซต็ แนะนำการใช์ เฟสบ้ คของกระปุ๊ กุ แล้วพบกับสมาคมเซรามิกส์ไทยได้ทางเฟสบุ๊คและเว็บบอร์ดของสมาคม และหากมีข้อมูล แนะนำเพมเต่ิ มสามารถติ ดติ อโดยตรงได่ ท้ ่ี [email protected] ครบั

88 วารสารเซรามกสิ ์ มกราคม - เมษายน 2554 ใบสมครสมาชั กสมาคมเซรามิ กสิ ไทย์ www.thaiceramicsociety.or.th E-mail : thaiceramicsociety.gmail.com

ขอม้ ลสมาชู กิ (กรณากรอกแบบฟอรุ มให์ ครบถ้ วนช้ ดเจนดั วยต้ วบรรจงั ) ประเภทของสมาชิกสมาคมเซรามิกส์ไทย ชื่อผู้สมัคร(ภาษาไทย)………………………………………….…นามสกุล…………………………………. ประเภทนิติบุคคล (ภาษาอังกฤษ)……………………………………………………………………………………... รายปี 2,000 บาท ตลอดชีพ 25,000 บาท อายุ………..ปี อาชีพ …………………………………….. ตำแหน่ง ……………………………………….. รับวารสาร 2 ชุด / ฉบับ, ส่วนลดการเข้าร่วมสัมมนาฟรี 1 คน ที่อยู่ …………………………………………………………………………………………………………… ประเภทบุคคลทั่วไป ……………………………………………………………………………..….... รหัสไปรษณีย์ …………… ตลอดชีพ 3,000 บาท โทรศัพท์………………………………………………………….. โทรสาร…………………………………... (รับวารสาร 10 ปี นับตั้งแต่การสมัครเข้าเป็นสมาชิก) ข้อมูลบริษัท/โรงงาน/หน่วยงาน (หากมีโบชัวร์หรือตัวอย่างผลิตภัณฑ์สามารถแนบมาได้) รายปี 300 บาท บริษัท/โรงงาน/หน่วยงาน…………………………………………………………ที่อยู่……………………… นิสิตนักศึกษา 200 บาท ……………………………………………………………………………………รหัสไปรษณีย์ …………… พร้อมกันนี้ได้ชำระเงินค่าสมาชิกจำนวน.……. บาท โทรศัพท์………………………………………………………….. โทรสาร…………………………………... (………………………………………..……………...) E-mail…………………………………………………… เว็บไซต์ ………………………………………….. เป็น เงินสด ธนาณัติ เช็คไปรษณีย์ ประเภท ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย หน่วยงานของรัฐ สถาบัน อื่นๆ …………………… เงินโอน วันที่ ………………………………… ประเภทผลิตภัณฑ์ กระเบื้อง สุขภัณฑ์ ลูกถ้วยไฟฟ้า ถ้วยชาม ต่ออายุสมาชิก สมัครเป็นสมาชิกใหม่ ของชำร่วยและเครื่องประดับ วัตถุดิบ อื่นๆ …………………………………………… ประเภทอุตสาหกรรม ขนาดเล็ก (OTOP) ขนาด กลาง (SME) ขนาด ใหญ่ (L) สิทธิของสมาชิกสมาคมเซรามิกส์ไทย ประเภทของตลาด ภายในประเทศ ……………….% ต่างประเทศ ………………% 1. สมาชกทิ กประเภทมุ สี ทธิ เสนอความคิ ดเหิ นหร็ อใหื ้ พื้นที่โรงงาน ……..………….จำนวนคนงาน ………….คน ปริมาณการผลิต ………………..ต่อเดือน คำแนะนำใดๆอันเป็นประโยชน์ที่เกี่ยวกับกิจการ ข้าพเจ้าขอรับรองว่า ข้าพเจ้าทราบข้อบังคับของสมาคมเซรามิกส์ไทยดีแล้ว และจะปฏิบัติตามข้อบังคับ หรอวื ตถั ประสงคุ ของสมาคมฯต์ อคณะกรรมการได่ ้ ของสมาคมเซรามิกส์ไทยทุกประการ โปรดส่งเอกสารและวารสารไปที่ บ้าน ที่ทำงาน 2. สมาชิกทุกประเภทมีสิทธิในการลงคะแนนในการ ประชุมได้คนละหนึ่งคะแนนเท่าเทียมกันหมด ลงชื่อ……………………………………………………..ผู้สมัคร 3. สมาชิกมีสิทธิได้รับการเลือกตั้งเป็นกรรมการ ………………./………………………../………………………. 4. ส่วนลดพิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรมของสมาคมฯ ธนาณตั สิ งจ่ั าย่ ณ. ททำการไปรษณ่ี ยี ์ จฬาลงกรณุ ์ 10332 หรอโอนเงื นเขิ าบ้ ญชั ออมทรี พยั ์ ธนาคารไทยพาณชยิ ์ สาขาสภากาชาดไทย ชอบ่ื ญชั สมาคมเซรามี กสิ ไทย์ เลขทบ่ี ญชั ี 045-2 07350-2 แฟกซสล์ ปการโอนเงิ นกลิ บมาทั ่ี 0-2218-5561 โทร.0-2218-5562 การสงซ่ั อวารสาร้ื วารสารเซรามกสิ ฉบ์ บั 1, 2, 3, 11, 18 หมด

ฉบับที่ 13 70- ฉบับที่ 14 70- ฉบับที่ 15 80- ฉบับที่ 16 80- ฉบับที่ 19 80- ฉบับที่ 20 80- ฉบับที่ 21 80- ฉบับที่ 17 80-

ฉบับที่ 22 90- ฉบับที่ 23 90- ฉบับที่ 24 90- ฉบับที่ 25 90- ฉบับที่ 26 90- ฉบับที่ 27 90- ฉบับที่ 28 90- ฉบับที่ 29 90- แบบฟอรมการส์ งซ่ั อวารสาร้ื ชอผ่ื ซู้ อ้ื ...... ทอย่ี ...... ู่ ฉบบทั ...... ่ี รวม...... ฉบบั รวมเปนเง็ นิ ...... ฉบับที่ 30 90- ฉบับที่ 31 90- ฉบับที่ 32 90- ฉบับที่ 33 90- ฉบับที่ 34 90- (...... ) ดวน่ ! Thai Ceramic Directory 2007-2009 หนงสั อทื รวบรวมข่ี อม้ ลอู ตสาหกรรมเซรามุ กิ ไมว่ าจะเป่ นข็ อม้ ลทางวู ตถั ดุ บิ , รายชอผ่ื ประกอบการอู้ ตสาหกรรมเซรามุ กิ , แกว้ และกระจก ฯลฯ มที งผ้ั ผลู้ ติ ผจู้ ดจำหนั าย่ ใหท้ านเล่ อกอยื างครบถ่ วน้ ในราคาเลมละ่ 500 บาท ตดติ อสอบถามข่ อม้ ลเพู มเต่ิ มไดิ ท้ ่ี : สมาคมเซรามกสิ ไทย์ ภาควชาวิ สดั ศาสตรุ ์ คณะวทยาศาสตริ ์ จฬาลงกรณุ มหาว์ ทยาลิ ยั 10330 โทร.0-2218-5562