Çòçà¤Ã×Íá´§ (Butea Superba Roxb

Total Page:16

File Type:pdf, Size:1020Kb

Çòçà¤Ã×Íá´§ (Butea Superba Roxb การศึกษาเปรียบเทียบผลของกวาวเครือแดง (Butea superba Roxb.) ที่พบในพื้นที่ที่แตก ตางกันสองพื้นที่ตออวัยวะสืบพันธุ พฤติกรรมการสืบพันธุ และการแข็งตัว ของอวัยวะเพศในหนูขาวเพศผู (Rattus norvegicus) นาย สิทธิศักดิ์ ปนมงคลกุล วิทยานิพนธนี้เปนสวนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชา ชีววิทยาสิ่งแวดลอม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ปการศึกษา 2544 ISBN 974 – 533 – 022 - 1 COMPARISON OF THE EFFECTS OF RED KWAO KREUR (BUTEA SUPERBA ROXB.) FROM TWO DIFFERENT AREAS ON REPRODUCTIVE ORGANS, REPRODUCTIVE BEHAVIOR AND ERECTION IN MALE ALBINO RAT (RATTUS NORVEGICUS) Mr. Sitthisak Pinmongkholgul A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for the Degree of Master of Science in Environmental Biology Suranaree University of Technology Academic Year 2001 ISBN 974 – 533 – 022 - 1 การศึกษาเปรียบเทียบผลของกวาวเครือแดง (Butea superba Roxb.) ที่พบในพื้นที่ที่แตกตางกันสอง พื้นที่ตออวัยวะสืบพันธุ พฤติกรรมการสืบพันธุ และการแข็งตัว ของอวัยวะเพศในหนูขาวเพศผู (Rattus norvegicus) สภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี อนุมัติใหนับวิทยานิพนธฉบับนี้เปน สวนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญามหาบัณฑิต คณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ ……………………………………….. ( รศ.ดร.สมพงษ ธรรมถาวร ) ประธานกรรมการ ……………………………………….. ( ดร. วารี วิดจายา ) อาจารยที่ปรึกษา ……………………………………….. ( รศ. ยุทธนา สมิตะสิริ ) กรรมการ ……………………………………….. ( รศ.น.สพ.ดร. เทอด เทศประทีป ) กรรมการ ………………………………………… …………………………………….…. ( รศ.ดร. ทวิช จิตรสมบูรณ ) ( รศ.ดร.ประสาท สืบคา ) รองอธิการบดีฝายวิชาการ คณบดีสํ านักวิชาวิทยาศาสตร สิทธิศักดิ์ ปนมงคลกุล : การศึกษาเปรียบเทียบผลของกวาวเครือแดง (Butea superba Roxb.) ที่พบในพื้นที่ที่แตกตางกันสองพื้นที่ตออวัยวะสืบพันธุ พฤติกรรมการสืบพันธุ และการแข็งตัวของอวัยวะเพศในหนูขาวเพศผู (Rattus norvegicus) (COMPARISON OF THE EFFECTS OF RED KWAO KREUR (BUTEA SUPERBA ROXB.) FROM TWO DIFFERENT AREAS ON REPRODUCTIVE ORGANS, REPRODUCTIVE BEHAVIOR AND ERECTION IN MALE ALBINO RAT (RATTUS NORVEGICUS)) อ.ที่ปรึกษา : ดร.วารี วิดจายา, 159 หนา. ISBN 974 – 533 – 022 - 1 การศึกษาเปรียบเทียบผลของกวาวเครือแดง (Butea superba Roxb.) ที่พบในพื้นที่ อ.วังนํ้ า เขียว จ.นครราชสีมา และ อ.สูงเมน จ.แพร ในรูปผงปนและสารสกัดโดยปอนใหหนูขาวเพศผูดวย ปริมาณ 0.25 , 0.5 และ 5 มก./มล./ครั้ง/วัน เปนระยะเวลา 21 วัน และ 42 วันตามลํ าดับ วัตถุประสงค เพื่อศึกษาผลของผงปนและสารสกัดจากกวาวเครือแดงที่มีผลตออวัยวะระบบสืบพันธุ พฤติ กรรมการสืบพันธุและการแข็งตัวของอวัยวะเพศในหนูขาวเพศผู และความสมบูรณของดินในพื้นที่ ที่ใชกวาวเครือแดงในการศึกษา ผลการทดลองพบวา ที่ระยะ 21 วัน ผงปนและสารสกัดกวาวเครือแดงขนาด 0.25 มก./มล. ครั้ง/วัน ทํ าใหนํ้ าหนักตัวลดลงอยางมีนัยสํ าคัญทางสถิติ ในขณะที่ผงปนขนาด 0.5 และ 5 มก./มล./ ครั้ง/วัน จากทั้ง 2 พื้นที่ ทํ าใหนํ้ าหนักตัวของหนูและปริมาณอสุจิเพิ่มขึ้นอยางมีนัยสํ าคัญทางสถิติ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุมควบคุม ในสวนของสารสกัดขนาด 5 มก./มล./ครั้ง/วัน ที่ระยะ 21 วัน นั้น นํ้ าหนักสัมพัทธของ seminal vesicles ตอมลูกหมากและความยาวขององคชาตเพิ่มขึ้น ซึ่งผลทาง จุลกายวิภาคพบวา seminal fluids , mucous ในตอมลูกหมากมีปริมาณเพิ่มขึ้นตามลํ าดับดวย แตนํ้ า หนักสัมพัทธของอัณฑะลดลง และที่ระยะ 42 วัน นํ้ าหนักสัมพัทธของ seminal vesicles และความ ยาวขององคชาตลดลง นอกจากนี้ที่ระยะ 21 วัน และ 42 วันยังพบวา การแสดงออกของพฤติกรรม และขนาดขององคชาตขณะเกิดการแข็งตัวเพิ่มมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับกลุมควบคุมทั้ง 2 พื้นที่ ตามลํ าดับ ซึ่งนาจะมีผลมาจากสารประกอบสเตอรอยดและฟลาโวนอยดไกลโคไซดที่มีอยูในหัว กวาวเครือแดงไปมีผลตอเทสโทสเตอโรนและการขยายตัวของหลอดเลือด สวนสภาพดิน พบวา ดิน ที่พบกวาวเครือแดงจากพื้นที่ อ.สูงเมน จะมีความสมบูรณสูงกวาดินในเขต อ.วังนํ้ าเขียว เล็กนอย สาขาวิชา ชีววิทยา ลายมือชื่อนักศึกษา ปการศึกษา 2544 ลายมืออาจารยที่ปรึกษา ลายมืออาจารยที่ปรึกษารวม ลายมืออาจารยที่ปรึกษารวม SITTHISAK PINMONGKHOLGUL : COMPARISON OF THE EFFECTS OF RED KWAO KREUR FROM THE TWO DIFFERENT AREAS ON REPRODUCTIVE ORGANS, REPRODUCTIVE BEHAVIOR AND ERECTION IN MALE ALBINO RAT (RATTUS NORVEGICUS) : WAREE WIDJAJA, Ph.D. 159 PP. ISBN 974 – 533 – 022 - 1 BUTEA SUPERBA ROXB./ REPRODUCTIVE ORGANS/ REPRODUCTIVE BEHAVIOR/ ERECTION/ MALE ALBINO RAT Comparison of the effects of powder and ethanolic extract of the Red Kwao Kreur (Butea superba Roxb.) from Wang Nam Khiao District Nakhon Rachasima Province and Sung Men District Phrae Province on the reproductive organs , reproductive behavior and erection in male albino rats were performed. The fertility of soil from these two areas were also studied. Two groups of the rats were given the powder and ethanolic extract of Red Kwao Kreur by using a gastric intubation at a dose of 0.25 , 0.5 and 5 mg./ml./time/day for 21 and 42 days, respectively. As for the 21 days of treatment, the result showed that the weight of the rats from the group given 0.25 mg./ml./time/day of powder and ethanolic extract of Red Kwao Kreur decreased significantly when compared with the control group. While the weight and the sperm count from the group given 0.5 and 5 mg./ml./time/day of powder increased significantly. Moreover, the ethanolic extract of 5 mg./ml./time/day also increased the relative weight of the seminal vesicle , prostate gland , and also the length of penis. After 42 days, the relative weight of seminal vesicles and the length of penis decreased. Furthermore, the two groups of rats showed the significant increase of libido and the size of penile erection. These result showed that the steroids and the flavonoid glycoside in the extraction of Red Kwao Kreur effected the testosterone and vasodilation cavernous vein. The soil from Sung Men District has more fertility than that from Wang Nam Khiao District. สาขาวิชา ชีววิทยา ลายมือชื่อนักศึกษา ปการศึกษา 2544 ลายมืออาจารยที่ปรึกษา ลายมืออาจารยที่ปรึกษารวม ลายมืออาจารยที่ปรึกษารวม กิตติกรรมประกาศ ขาพเจาขอขอบพระคุณอาจารย ดร.วารี วิดจายา อาจารยที่ปรึกษาวิทยานิพนธ ที่ ใหขอเสนอแนะที่เปนประโยชน ตลอดจนใหการชวยเหลือดูแลในการทํ าการทดลองและเขียนวิทยา นิพนธ ขอขอบพระคุณรองศาสตราจารย ยุทธนา สมิตะสิริ สํ านักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยแมฟาหลวง ที่ใหแนวทาง ขอมูล ตลอดจนคํ าชี้แนะทางดานวิชาการในการทํ าวิทยา นิพนธใหบรรลุและประสบผลสํ าเร็จไดดวยดี ขอขอบพระคุณรองศาสตราจารย นายสัตวแพทย ดร. เทอด เทศประทีป คณะสัตวแพทย มหาวิทยาลัยเชียงใหม ที่กรุณาชวยเหลือใหคํ าปรึกษาและ แนะนํ าเกี่ยวกับเทคนิคการตัดชิ้นเนื้อ ชวยเหลือในการสงตรวจชิ้นเนื้อที่ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะ แพทยศาสตร โรงพยาบาลมหาราช จ.เชียงใหม และการแปลผลทางจุลกายวิภาค ขอขอบคุณ พี่วัชระ วงควิริยะ เจาหนาที่อาคารสัตวทดลองที่ใหคํ าแนะนํ าและความชวยเหลือในการเลี้ยงหนูทดลอง ขอ ขอบคุณเจาหนาที่ประจํ าหองปฎิบัติการชีววิทยาและเคมีที่ใหความชวยเหลือในดานเครื่องมือ อุปกรณและสารเคมีที่ใชในการทดลอง ขอขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ และนอง ๆ ที่รวมเรียนระดับ ปริญญาโทที่ใหกํ าลังใจและใหคํ าปรึกษามาโดยตลอด ขอขอบคุณมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีที่ ใหทุนสนับสนุนในการทํ าวิจัย ทายนี้ ขอกราบขอบพระคุณ คุณพอเฉลิม และคุณแมมณฑา ปน มงคลกุล ที่เลี้ยงดูอบรม สนับสนุนและสงเสริมการศึกษาเปนอยางดีตลอดมา จนทํ าใหผูวิจัยประสบ ความสํ าเร็จในชีวิตอยางดียิ่ง สิทธิศักดิ์ ปนมงคลกุล สารบัญ หนา บทคัดยอ (ภาษาไทย)……………………………………………………………………………… ก บทคัดยอ (ภาษาอังกฤษ)…………………………………………………………………………... ข กิตติกรรมประกาศ………………………………………………………………………………….ค สารบัญ……………………………………………………………………………………………..ง สารบัญตาราง……………………………………………………………………………………………………ซ สารบัญภาพ……………………………………………………………………………………...…ฐ คํ าอธิบายสัญลักษณและคํ ายอ……………………………………………………………………...ต บทที่ 1! บทนํ า……………………………………………………………………………………...1 1.1! วัตถุประสงคของการวิจัย………………..…………………………………………...2 1.2! สมมติฐานของการวิจัย……………………………………………………………….2 1.3! ขอบเขตการวิจัย……………………………………………………………………...3 1.4! ประโยชนที่คาดวาจะไดรับ……………………..……………………………………3 2! ปริทัศนวรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวของ……………………………………...……… 5 1.1! ลักษณะทั่วไปของกวาวเครือแดง…………………………………………………….5 1.2! การนํ ากวาวเครือแดงมาใชเปนยาสมุนไพร…………………………………………10 1.3! องคประกอบทางเคมีในหัวกวาวเครือแดง………………………………………….10 1.4! ลักษณะพื้นที่และภูมิอากาศที่พบกวาวเครือแดง อ.สูงเมน จ.แพร…………………..10 1.5! ลักษณะพื้นที่และภูมิอากาศที่พบกวาวเครือแดง อ.วังนํ้ าเขียว จ.นครราชสีมา……...11 1.6! การเปรียบเทียบลักษณะพื้นที่และภูมิอากาศที่พบกวาวเครือแดงจาก ทั้งสองพื้นที่…………………………………………………………………………11 1.7! ยาและผลิตภัณฑธรรมชาติที่แสดงฤทธิ์ตอระบบสืบพันธุเพศชาย………………….17 1.8! กลไกการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย………………………………………………...17 สารบัญ (ตอ) หนา 2.9 ฟลาโวนอยดตอการแข็งตัวขององคชาต………………………………...……..…….18 2.10 การใชหนูขาวเพศผูเปนรูปแบบในการศึกษาการแข็งตัวขององคชาต……..…………19 3 วิธีดํ าเนินการวิจัย…………………………………………………………………………..21 3.1 กลุมตัวอยาง วัสดุ อุปกรณ และสารเคมี…...……………………………..…….……..21 3.2 วิธีการวิจัย…………………………………………………..…………………….…...27 3.2.1 การเตรียมผงปนกวาวเครือแดงและสารสกัด……………………...……….27 3.2.2 การเตรียมสารและปอนสารใหกับหนู …………………………...…..…....28 3.2.3 การศึกษาผงปนแหงและสารสกัดจากกวาวเครือแดง…………...……..…..29 3.3 วิธีการทดลอง………………………………………………………………………....32 3.3.1 การทดลองที่ 1……………………………………………………....……..32 3.3.2 การทดลองที่ 2……………………………………………………………..41 3.3.3 การทดลองที่ 3……………………………………………….…...………..42 3.3.4 การทดลองที่ 4……………………………………….………...…………..43 3.3.5 การทดลองที่ 5……………………………………………...….…………..45 3.3.6 การทดลองที่ 6………………………………………...……….…………..46 4 ผลการวิเคราะหขอมูลและอภิปรายผล…………………………………………………..49 4.1 ผลการทดลองในชวงเวลา 21 วัน…………………………………………………..49 4.1.1 ผลตอนํ้ าหนักตัวเฉลี่ยและนํ้ าหนักตัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นตอวัน…………………..49 4.1.2 ผลตอจํ านวนอสุจิ…………………………………………………………..49 4.1.3! ผลตอนํ้ าหนักสัมพัทธเฉลี่ยของอัณฑะในหนูขาวเพศผู……...…………….50 4.1.4! ผลตอนํ้ าหนักสัมพัทธเฉลี่ยของ Seminal vesiclesในหนูขาวเพศผู……..…..51 4.1.5! ผลตอนํ้ าหนักสัมพัทธเฉลี่ยของตอมลูกหมากในหนูขาวเพศผู……………..51 4.1.6! ผลตอความยาวขององคชาตของหนูขาวเพศผู……………………………...52 4.1.7! ผลตอการแข็งตัวขององคชาตในหนูขาวเพศผู……………………………...52 4.1.8! ผลตอพฤติกรรมการสืบพันธุในหนูขาวเพศผู………………………………53 สารบัญ (ตอ) หนา 4.1.9! ผลทางจุลกายวิภาคของ อัณฑะ Seminal vesicles ตอมลูกหมาก และองคชาต………………………………………………………………...54
Recommended publications
  • 192-208 (2011) Ewsletter Parashar and Dhamija
    Pharmacologyonline 3: 192-208 (2011) ewsletter Parashar and Dhamija BOTAICAL, PHYTOCHEMICAL AD BIOLOGICAL IVESTIGATIO OF BUTEA MOOAPERMA (LAM.) KUTZE Bharat Parashar, Hitesh Kumar Dhamija* Department of Pharmacy Manav Bharti University, Solan, H.P. (India) Corresponding Author: - Hitesh Kumar Dhamija Assistant Professor, Department of Pharmay Manav Bharti University, Village - Laddo, P.O. : - Sultanpur (Kumhar Hatti), Tehsil & Distt. Solan -173229 Himachal Pardesh (India) Contact No. 8894434403 E-Mail:- [email protected] [email protected] Summary In the last few decades there has been an exponential growth in the field of herbal medicine. It is getting popularized in developing and developed countries owing to its natural origin and lesser side effects. One such medicinal plant is Butea monosperma (Lam.) Kuntze ( Fabaceae ), which is commonly used as palas. It is a medium sized deciduous tree which is mainly found in ascending of Himalayas up to 900 m height and in peninsular India up to 1200 m height. All parts of plant are important viz . Bark, leaves, flowers, seed etc. This plant is used ethanobotanically in Ayurveda, Unani, Homeopathic and Allopathic system of medicines as astringent, aphrodisiac, antifertility, analgesic, burning sensation, diuretics, diarrhea, dysentery, depurative, filariasis, gout, helminthiasis, leprosy, night blindness, piles, skin diseases, sore throat, snake bite, tumours, ulcer etc. The plant is reported to possess anthelmintic, anti convulsion, anti diarrheal, anti fungal, anti diabetic, hypoglycemic, anti hyperlipidaemic, anti inflammatory, anti oxidant, wound healing, anti fertility and hepatoprotective Activity. All these uses are due to the present of certain phytoconstituent in the plant. The major phytoconstituent reported in this plant are Isobutrin, butrin, butin, butein, chalcones, aurones, isobutyine, palasitrin, 3',4',7- trihydroxyflavone, palsitrin, Coreopsin, isocoreopsin, sulphurein, monospermoside, isomonospermoside, quercetin, prunetin, Lupenone, lupeol.
    [Show full text]
  • Floristic and Phytoclimatic Study of an Indigenous Small Scale Natural Landscape Vegetation of Jhargram District, West Bengal, India
    DOI: https://doi.org/10.31357/jtfe.v10i1.4686 Sen and Bhakat/ Journal of Tropical Forestry and Environment Vol. 10 No. 01 (2020) 17-39 Floristic and Phytoclimatic Study of an Indigenous Small Scale Natural Landscape Vegetation of Jhargram District, West Bengal, India U.K. Sen* and R.K. Bhakat Ecology and Taxonomy Laboratory, Department of Botany and Forestry, Vidyasagar University, West Bengal, India Date Received: 29-09-2019 Date Accepted: 28-06-2020 Abstract Sacred groves are distinctive examples of biotic components as genetic resources being preserved in situ and serve as secure heavens for many endangered and endemic taxa. From this point of view, the biological spectrum, leaf spectrum and conservation status of the current sacred grove vegetation, SBT (Swarga Bauri Than) in Jhargram district of West Bengal, India, have been studied. The area's floristic study revealed that SBT‟s angiosperms were varied and consisted of 307 species belonging to 249 genera, distributed under 79 families of 36 orders as per APG IV. Fabales (12.05%) and Fabaceae (11.73%) are the dominant order and family in terms of species wealth. Biological spectrum indicates that the region enjoys “thero-chamae-cryptophytic” type of phytoclimate. With respect to the spectrum of the leaf size, mesophyll (14.05%) was found to be high followed by notophyll (7.84%), microphyll (7.19%), macrophyll (7.84%), nanophyll (6.86%), leptophyll (6.21%), and megaphyll (2.29%). The study area, being a sacred grove, it has a comparatively undisturbed status, and the protection of germplasm in the grove is based on traditional belief in the social system.
    [Show full text]
  • Butea Monosperma
    Available online on www.ijpcr.com International Journal of Pharmaceutical and Clinical Research 2010,2(2), 90-94 Review Article ISSN 0975 1556 PLANT REVIEW: Butea monosperma Sindhia V.R.1, Bairwa R.2 1Institute of Pharmacy, Bundelkhand University Jhansi (U.P.),India 2School of Pharmaceutical Sciences, Jaipur National University, Jaipur, India ABSTRACT Butea monosperma (Lam.) Kuntze (Syn. Butea frondosa; Family Fabaceae) , This is a moderate sized deciduous tree which is widely distributed throughout India , Burma and Ceylon, popularly known as 'dhak' or 'palas', commonly known as ‘Flame of forest’. The family Fabaceae compromises of 630 genera and 18,000 species. The crude extracts of various parts and pure isolates of Butea monosperma was reported to possess antibacterial, antifungal, hypoglycemic, anti-inflammatory activities. Butea monosperma have been found to possess tonic, astringent, aphrodisiac and diuretics properties. The widespread uses of Butea monosperma in traditional systems of medicine have resulted in their extensive chemical analysis for their bio-active principles. This article briefly reviews the botany, chemistry and pharmacology of Butea monosperma (Lam) Kuntze. Keywords: Butea monosperma, fabacear, dhak, palas. INTRODUCTION It is one of the most beautiful tree has been put to some It is evident that without nature human being life is useful purpose. Butea monosperma is extensibly used in impossible. There are three basic necessity of humans is Ayurveda, Unani and Homeopathic medicine and has food, clothes and shelter and now the fourth one is good become a cynosure of modern medicine. The plants of health, which provided by plant kingdom. Nature stands this genus are well known for their colouring matters.
    [Show full text]
  • Flemingia </I> Subgenus <I> Rhynchosioides</I>
    Blumea 64, 2019: 253–271 www.ingentaconnect.com/content/nhn/blumea RESEARCH ARTICLE https://doi.org/10.3767/blumea.2019.64.03.06 Taxonomic revision and molecular phylogeny of Flemingia subgenus Rhynchosioides (Leguminosae) S.K. Gavade1†, S. Surveswaran2†, L.J.G. van der Maesen3, M.M. Lekhak1* Key words Abstract A taxonomic revision of Flemingia subg. Rhynchosioides based on morphology and molecular information (matK and ITS) is presented. The subgenus comprises six herbaceous taxa (F. gracilis, F. mukerjeeana, F. nilgherien­ Cajaninae sis, F. rollae, F. tuberosa and F. vestita). All species except F. vestita are endemic to India. Morphological evidence endemism and molecular phylogeny revealed that the subgenus is monophyletic. Nevertheless, the systematic position of lateritic plateaus F. tuberosa remains unclear on account of its unique ecology and inflorescence. A new species, F. mukerjeeana, is molecular phylogeny described and four binomials, namely F. gracilis, F. nilgheriensis, F. tuberosa and F. vestita have been lectotypified. taxonomy Furthermore, all species have been described, illustrated and their ecology discussed. A taxonomic key including tuber crops the recently described species from Thailand, F. sirindhorniae, is also provided for easy identification. Published on 31 October 2019 INTRODUCTION scription by mentioning that the flowers are in corymbs or in long-peduncled heads. Baker (1876) included three taxa, Flemingia Roxb. ex W.T.Aiton (Leguminosae Juss., Papilio­ namely F. tuberosa Dalzell, F. vestita and F. vestita var. nilghe­ noideae DC.) is an old world genus. It is one of the members of riensis Baker (now F. nilgheriensis (Baker) Wight ex Cooke). the quaternary gene pool of Cajanus cajan (L.) Millsp.
    [Show full text]
  • Butea Superba Roxb
    ISSN 0100-879X Volume 43 (9) 812-913 September 2010 BIOMEDICAL SCIENCES AND www.bjournal.com.br CLINICAL INVESTIGATION Braz J Med Biol Res, September 2010, Volume 43(9) 843-852 doi: 10.1590/S0100-879X2010007500076 Luteinizing hormone reduction by the male potency herb, Butea superba Roxb. S. Malaivijitnond, A. Ketsuwan, G. Watanabe, K. Taya and W. Cherdshewasart The Brazilian Journal of Medical and Biological Research is partially financed by Institutional Sponsors Hotsite of proteomics metabolomics developped by: Campus Ribeirão Preto Faculdade de Medicina de Ribeirão Preto analiticaweb.com.br S C I E N T I F I C Brazilian Journal of Medical and Biological Research (2010) 43: 843-852 ISSN 0100-879X Luteinizing hormone reduction by the male potency herb, Butea superba Roxb. S. Malaivijitnond1, A. Ketsuwan1,2, G. Watanabe3,4, K. Taya3,4 and W. Cherdshewasart1 1Primate Research Unit, Department of Biology, Faculty of Science, Chulalongkorn University, Bangkok, Thailand 2Interdisciplinary Program in Physiology, Graduate School, Chulalongkorn University, Bangkok, Thailand 3Laboratory of Veterinary Physiology, Tokyo University of Agriculture and Technology, Tokyo, Japan 4Department of Basic Veterinary Science, the United Graduate School of Veterinary Science, Gifu University, Gifu, Japan Abstract To determine if Butea superba Roxb., a traditional Thai male potency herb, has androgenic activity in 60-day-old male Wistar rats, we measured its effects on the pituitary-testicular axis and sex organs. Intact and orchidectomized adult male rats were subdivided into five groups (10 rats/group): distilled water, Butea superba (BS)-10, BS-50, BS-250, and testosterone propi- onate (TP). They received 0, 10, 50, and 250 mg·kg body weight-1·day-1 BS in distilled water by gavage and 6 mg·kg body weight-1·day-1 TP sc, respectively, during the 30-day treatment period.
    [Show full text]
  • 22 a Valuable Insight Into the Phytochemistry, Pharmacognosy
    International Journal of Pharmaceutical Science and Research International Journal of Pharmaceutical Science and Research ISSN: 2455-4685, Impact Factor: RJIF 5.28 www.pharmacyjournal.net Volume 1; Issue 6; September 2016; Page No. 22-32 A valuable insight into the phytochemistry, Pharmacognosy and pharmacology of Palash Anshul Chawla CT Institute of Pharmaceutical Sciences, Jalandhar, Punjab, India Abstract India has one of the largest medicinal garden consists of millions of plants and their species. Nowadays, applications of herbal medicines and their scope is far most important for researchers. In leu of this the present discussion is based on one of the most precious plant named as Palash. Here some pharmacognostics and phytochemical characteristics of the plant are discussed with their appropriate references. This study also opens the door for further research in this direction which would be of our kind interest. Keywords: phytochemistry, Pharmacognosy, pharmacology, Palash 1. Introduction Butea monosperma is a moderate sized deciduous tree which is 1.2 Local names widely distributed throughout India, Burma and Ceylon, Bengali- palas, kinaka, peras, polashi; English- flame-of-the- popularly known as 'palash', commonly known as ‘Flame of forest, bastard teak; Hindi- chichratesu, polak, tellamoduga, forest’. The family Fabaceae compromises of 630 genera and dhak, palas, desukajhad, khankrei, chalcha; Urdu- palash,papra; 18,000 species. Different Species Available of Genus Butea: Sanskrit- brahmopadapa, lakshataru, palasha [42] Butte acuminata, Butea affinis, Butea Africana, Butea apoensis, Butea balansae, Butea braamiana, Butea bracteolate, Butea 1.3 Biological source cuneiforms, Butea crass folia, Butea dubia, Butea ferruginous, It is obtained from whole tree of Butea monosperma.
    [Show full text]
  • Qualitative Analysis of Inorganic Acid, Basic Radicals, and Estimation of Biomolecules in the Flower Extract of Butea Superba Roxb
    Online - 2455-3891 Vol 11, Issue 10, 2018 Print - 0974-2441 Research Article QUALITATIVE ANALYSIS OF INORGANIC ACID, BASIC RADICALS, AND ESTIMATION OF BIOMOLECULES IN THE FLOWER EXTRACT OF BUTEA SUPERBA ROXB. SEETHALAKSHMI B1*, KAVITHA K2 1 Assistant Professor, Department of Humanities and Science, Mugavari Eye Hospital and Research Institute, Medavakkam, Chennai - 600 100, Tamil Nadu, India. 2Research Scholar, Department of Zoology, Guru Nanak College, Velachery, Chennai - 600 042, Tamil Nadu, India. Email: [email protected] Received: 03 May 2018, Revised and Accepted: 12 June 2018 ABSTRACT Objective: Medicinal plants have different chemicals in their roots, stem, leaves, flowers, and fruits. In human history, medicinal plants play a vital role in the traditional medicine because of herbal plants have a great nutritive value, and some of them are also used in medicine. The efficacy of medicinal plants is mainly allied with their components such as secondary metabolites and inorganic acid, and basic radicals considered that prolonged intake can cause health problems if the heavy metals such as mercury, cadmium, and other impurities are the threshold concentrations. Methods: In the present study, the flower extract of Butea superba was analyzed for the inorganic acid and basic radicals and the estimation of total saponins, terpenoids, and alkaloids. The above protocols were done using standard methods. Results: The flower extract of B. superba revealed that the inorganic acid radicals such as chromate, phosphate, and sulfate and the basic radicals such as lead, arsenic, and ferrous showed that positive results. The percentage of total saponins, terpenoids, and alkaloids were compared in the following order, saponins<terpenoids<alkaloids as 4.181±0.017%<79.833±0.351%<107.823±0.105%, respectively.
    [Show full text]
  • Butea Monosperma
    Rai Geeta et al. IRJP 2 (7) 2011 98-108 INTERNATIONAL RESEARCH JOURNAL OF PHARMACY ISSN 2230 – 8407 Available online http://www.irjponline.com Review Article BUTEA MONOSPERMA (LAM.) KUNTZE: A REVIEW Rai Geeta*1, Rajak Prakash2, Sandhu Navgeet3, Vasudeva Neeru4, Jindal Sumit3 1United Institute of Pharmacy, Naini, Allahabad-211010, U.P., India 2Institute of Pharmacy and Emerging Sciences, Baddi University of Emerging Sciences and Technology, Makhnumajra, Baddi-173 205, H.P., India 3Institute of Pharmaceutical Sciences, Kurukshetra University, Kurukshetra – 13611, Haryana, India 4Department of Pharmaceutical Sciences, GJUS&T, Hissar-125001, Haryana, India Article Received on: 21/04/11 Revised on: 29/05/11 Approved for publication: 20/06/11 *Geeta Rai, United Institute of Pharmacy, Naini, Allahabad-211010, U.P., India ABSTRACT The traditional systems of medicine together with homoeopathy and folklore medicine continue to play a significant role largely in the health care system of the population. Butea monosperma (Palas) belonging to the family leguminaceae grown wildly in many parts of India. The plant is highly used by the rural and tribal people in curing various disorders. The present paper enumerates various traditional and medicinal utility of the plant and attempt was made to gather information about the chemical composition and pharmacological aspects of the plant. KEYWORDS: Butea monosperma, Palas, Phytochemistry, Medicinal uses INTRODUCTION on the wood, and forming very large racemose panicles Butea monosperma (Palas) is a medium-sized deciduous and two very small ones immediately beneath the tree belongs to family Leguminosae- Papilioneae. This flowers. Fruits are pods with a single seed in each. Pods tree is also called ‘Flame of the Forest’ and Bastard ripen in May-June.
    [Show full text]
  • Cambodian Journal of Natural History
    Cambodian Journal of Natural History New orchid records Ethnobotanical knowledge Carbon stocks and dynamics A homage to Pauline Dy Phon National Biodiversity Action Plan Movement of Siamese crocodiles Payments for Ecosystem Services Camera trapping of large mammals June 2017 Vol. 2017 No. 1 Cambodian Journal of Natural History Editors Email: [email protected] • Dr Neil M. Furey, Chief Editor, Fauna & Flora International, Cambodia. • Dr Jenny C. Daltry, Senior Conservation Biologist, Fauna & Flora International, UK. • Dr Nicholas J. Souter, Mekong Case Study Manager, Conservation International, Cambodia. • Dr Ith Saveng, Project Manager, University Capacity Building Project, Fauna & Flora International, Cambodia. International Editorial Board • Dr Stephen J. Browne, Fauna & Flora International, • Dr Sovanmoly Hul, Muséum National d’Histoire U.K. Naturelle, France. • Dr Martin Fisher, Editor of Oryx – The International • Dr Andy L. Maxwell, World Wide Fund for Nature, Journal of Conservation, U.K. Cambodia. • Dr L. Lee Grismer, La Sierra University, California, • Dr Brad Pett itt , Murdoch University, Australia. USA. • Dr Campbell O. Webb, Harvard University Herbaria, • Dr Knud E. Heller, Nykøbing Falster Zoo, Denmark. USA. Other peer reviewers • Prof. Henrik Balslev, Aarhus University, Denmark. • Dr Le Phat Quoi, Institute for Environment and Natural Resources, Ho Chi Minh National University, Vietnam. • Dr Chou Ly, Virginia Tech, USA. • Dr Benjamin Rawson, World Wide Fund For Nature, • Dr J.W. Duckworth, IUCN SSC Asian Species Action Vietnam. Partnership, UK. • Dr Sasaki Nophea, Asian Institute of Technology, • Jonathan Eames, BirdLife International Cambodia Thailand. Programme. • Dr André Schuiteman, Royal Botanic Gardens, Kew, • Dr Tracy Farrell, Conservation International, Cambodia. UK. • Paul Herbertson, Fauna & Flora International, UK.
    [Show full text]
  • PSYCHOACTIVE SUBSTANCES a Guide to Ethnobotanical Plants and Herbs, Synthetic Chemicals, Compounds and Products
    PSYCHOACTIVE SUBSTANCES A Guide to Ethnobotanical Plants and Herbs, Synthetic Chemicals, Compounds and Products. Acknowledgements: Acknowledgement: This Guide was compiled by Sinead O’Mahony Carey, Drug Education Officer, Substance Misuse Service South Tipperary. The Substance Misuse Service would like to thank Aine de Leastar, Anne-Marie Dunne and Karen O’Loughlin for their contribution and endless hours of research and referencing. Health Service Executive South Psychoactive Substances Manual (Edition 1.1) Compiled by: Sinead O’Mahony Carey Drug Education Officer Substance Misuse Service 11-12 Peter St., Clonmel. (052) 6177900 Graphic Design: Leo McCormack (Swift Design - 087 6499990) Introduction The ‘Guide to Ethnobotanical Plants and Herbs, Synthetic Chemicals, Compounds and Products’ available to the Irish Market has been collated and designed by the Drug Education Officer and team in the Substance Misuse Service HSE, South Tipperary. This edition is a follow on to ‘A Guide to Substance Misuse for Medical Professionals’ launched in November 2009. This Guide has been produced in response to requests from workers, users, medical professionals and academics for information on the emerging issue of legal herbal highs, plants and chemical alternatives available to buy in shops and online. Legal highs, legal alternatives and natural highs have become a world wide phenomenon in recent years both here in Ireland and on the International stage. The current concern for users, parents and professionals working with people using and misusing Psychoactive Substances is their after effects and how they can negatively impact on the body and mind. A Psychoactive Substance is a drug (any substance that changes the way a body and mind feels acts or thinks) that is not controlled under the Misuse of Drugs Act 1977-84 and is therefore legal to use and possess.
    [Show full text]
  • Research Journal of Pharmaceutical, Biological and Chemical Sciences
    ISSN: 0975-8585 Research Journal of Pharmaceutical, Biological and Chemical Sciences A Plant Review: Butea Monosperma (Lam.) Kuntze Ashish Mishra*, Saket Verma, , Abhinav Prasoon Mishra Advance Institute of Biotech and Paramedical Sciences, Kanpur, India. ABSTRACT Butea monosperma (Lam.) Kuntze (Syn. Butea frondosa; Family Fabaceae), This is a moderate sized deciduous tree which is widely distributed throughout India, Burma and Ceylon, popularly known as 'dhak' or 'palas', commonly known as ‘Flame of forest’. The family Fabaceae compromises of 630 genera and 18,000 species. It finds use both medicinally and commercially with each part of the plant having utility. This plant species has been found to display a wide variety of biological activities. The plant is traditionally reported to possess astringent, bitter, alterative, aphrodiasiac, anthelmintic, antibacterial and anti-asthamatic properties. Bark yields red juice known as ‘Butea gum’or‘Bengalkino’. Previous phytochemical examination of this plant indicated the presence of various constituents some of these are Cajanin and isoformononetin; Stigmasterol; Butin; two known flavonoids, isobutrin (3, 4, 2', 4'-tetrahydroxychalcone-3, 4'- diglucoside), and the less active butrin (7, 3', 4'- trihydroxyflavanone-7, 3'-diglucoside); free sugars and free amino acids and (-)-3-hydroxy-9- methoxypterocarpan (medicarpin) which were isolated from stem-bark extract; bark; seeds; flower; the petroleum ether extract of flowers and petroleum and ethyl acetate extract of stem bark. Its reported pharmacological properties include anthelmintic, anticonceptive, anticonvulsive, antidiabetic, antidiarrhoeal, antiestrogenic and antifertility, antiinflammatory, antimicrobial, antifungal, antibacterial, antistress, chemopreventive, haemaggultinating, hepatoprotective, radical scavenging, Thyroid inhibitory, antiperoxidative and hypoglycemic effects and wound healing activities. It is powerful astringent and is given in many forms of chronic diarrhoea.
    [Show full text]
  • Butea Monosperma (Lam.) Taub
    Journal of Applied Pharmaceutical Science Vol. 5 (09), pp. 159-166, September, 2015 Available online at http://www.japsonline.com DOI: 10.7324/JAPS.2015.50929 ISSN 2231-3354 A Comprehensive review on Pharmacological Profile of Butea monosperma (Lam.) Taub Brijesh Kantilal Sutariya, Madhusudan Natvarlal Saraf* Department of Pharmacology, Bombay College of Pharmacy, Kalina, Santacruz (East), Mumbai-400068, Maharashtra, India. ABSTRACT ARTICLE INFO Article history: Butea monosperma (Lam.) Taub belong to family Fabaceae, widely distributed in India and in all Asian Received on: 14/07/2015 hemispheres. It is a plant that has been electively used in traditional Asian medicines for centuries. It has been Revised on: 04/08/2015 used for the treatment of different ailments such as cancer, diabetes, diarrhoea, dysentery, fever and jaundice. Accepted on: 24/08/2015 Recent in vivo and in vitro studies have indicates its anti-diabetic, anti-cancer, anti-inflammatory, anti-asthmatic, Available online: 27/09/2015 anti-oxidant, anti-convulsant, anti-microbial, anti-viral and hepatoprotective properties. The aerial part of the plant contains a large number of phytochemicals mainly flavonoids, lactones, diterpenoids, diterpene glycosides Key words: and phytosterols. This review will discuss the recent findings on the mechanisms, traditional and folk medicinal Butea monosperma; uses and remarkable biological activity of Butea monosperma. traditional uses; anti-diabetic; anti-inflammatory. INTRODUCTION There are number of medicinal plants in Ayurveda that are recommended for the treatment of various disorders, one of Relationship between human and medicinal plants have them being Butea monosperma (Lam.) Taub commonly known is been emphasized by Ayurveda since the origin of mankind.
    [Show full text]