พระราชพิธีบรมราชาภิเษก the Royal Coronation Ceremony

Total Page:16

File Type:pdf, Size:1020Kb

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก the Royal Coronation Ceremony พระราชพิธีบรมราชาภิเษก The Royal Coronation Ceremony 5 6 ทรงราชย์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระบรมชนกนาถ เสด็จสวรรคตในวันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ สมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในขณะที่ยังทรงด�ารงพระ อิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราช กุมาร เป็นพระรัชทายาทที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งไว้แล้วตามกฎมณเฑียร บาล จะได้สืบราชสมบัติ แต่ทรงขอผ่อนผัน ด้วยทรงเห็นว่ายังไม่สมควรด�าเนิน การใดที่แสดงถึงการมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ในระหว่างที่ประชาชนอยู่ ในภาวะทุกข์โศก ทรงขอเวลาร่วมทุกข์และท�าใจเช่นเดียวกับประชาชนจนกว่า การพระราชพิธีพระบรมศพจะผ่านพ้นไประยะหนึ่ง และมีพระราชด�าริให้ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้ส�าเร็จราชการแทนพระองค์ โดยต�าแหน่งไปก่อน 7 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ์ บดินทรเทพยวรางกูร ในฉลองพระองค์บรมราชภูษิตาภรณ์ หรือ ฉลองพระองค์ครุยมหาจักรี 8 ประกาศรัฐบาล เรื่อง แจ้งเรื่องการสถาปนาแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้แล้วตามกฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ Becoming King On October 13th, 2559 B.E., when His Majesty King Rama IX Bhumibol Adulyadej Borommanathbobitra passed away, Crown Prince Maha Vajiralongkorn became the new King, according to The Palace Law of Succession of 2467 B.E. (1924). However, Crown Prince Maha Vajiralongkorn decided to postpone His coronation—as He thought it was inappropriate to crown a new king when the Thai people were still deeply saddened by the death of King Bhumibol Adulyadej Also He shared His own grief with Thai people during His father’s Royal Cremation Ceremony. He appointed General Prem Tinsulanonda, President of the Privy Council, His regent. 9 10 At 7:16 pm on December 1st, 2559 B.E., Regent General Prem Tinsula- nonda, President of the National Legislative Assembly Pornpetch Wichitcholchai, Prime Minister General Prayut Chan-o-cha, and President of the Supreme Court Judge Veeraphol Tangsuwan had an audience with King Maha Vajiralongkorn Bodindradebayavarangkun at the Amphorn Sathan Residential Hall of Dusit Palace. The President of the National Legislative Assembly ประกาศราชกิจจานุเบกษาเฉลิมพระปรมาภิไธย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร Pornpetch Wichitcholchai invited King Maha Vajiralongkorn Bodindradebaya- จนกระทั่ง วันพฤหัสบดีที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เวลา varangkun to be the next King of ๑๙.๑๖ น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ Thailand, in accordance with the สยามมกุฎราชกุมาร จึงพระราชทานพระราชวโรกาสให้ พลเอกเปรม Constitution of the Kingdom of ติณสูลานนท์ ผู้ส�าเร็จราชการแทนพระองค์ นายพรเพชร วิชิตชลชัย Thailand (Interim) of 2557 B.E. ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา (2014), Section 2, Clause 2, and the ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี Constitution of the Kingdom of ประมุขฝ่ายบริหาร และนายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา Thailand of B.E. 2550 (2007), Section ประมุขฝ่ายตุลาการ เข้าเฝ้าฯ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวัง 23, Clause 1. ดุสิต โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ได้กราบบังคมทูลอัญเชิญสมเด็จ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร องค์รัชทายาท เสด็จขึ้น ครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบราชสันตติวงศ์ตามบทบัญญัติ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) ๒๕๕๗ มาตรา ๒ วรรค ๒ ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒๕๕๐ มาตรา ๒๓ วรรค ๑ 11 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงตอบรับค�ากราบบังคมทูล เสด็จขึ้นทรงราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๑๐ แห่งราชวงศ์จักรี 12 จากนั้นพระองค์มีพระราชด�ารัสตอบรับการขึ้นทรงราชย์ ความว่า “ตามที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา ได้กล่าวในนามของปวงชนชาวไทย เชิญข้าพเจ้าขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ ว่าเป็นไปตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น ข้าพเจ้าขอตอบรับเพื่อสนองพระราชปณิธานและเพื่อประโยชน์ของ ประชาชนชาวไทยทั้งปวง” ทั้งนี้ ในทางนิตินัยถือว่าได้ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ตั้งแต่วันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้เป็น ไปตามโบราณราชประเพณีโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย และสอดคล้องกับคตินิยมของนานาประเทศที่ราชอาณาจักรย่อม ไม่ว่างเว้นขาดตอนจากการมีพระมหากษัตริย์ โดยโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระปรมาภิไธยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร Crown Prince Maha Vajiralongkorn accepted the invitation. “As President of the National Legislative Assembly Pornpetch Wichitcholchai, on behalf of Thai people, invited me to ascend the throne, in accordance with The Palace Law of Succession of 2467 B.E. (1924), and as King Bhumibol Adulyadej would wish, I would like to accept the invitation in order to fulfil His wishes for the benefit of the Thai People.” However, according to Thai law, Crown Prince Maha Vajiralongkorn had been King since October 13th, 2559 B.E. This accords with Thai protocols and international practice asserting that a kingdom should always have King. King Rama X was named “King Maha Vajiralongkorn Bodindradebayavarangkun.” 13 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 14 พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ ความเป็นมาของพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นราชประเพณีคู่สังคมไทยมายาวนาน โดยได้รับอิทธิพลจากคติอินเดีย มีหลักฐาน ปรากฏตั้งแต่สมัยสุโขทัยในศิลาจารึกหลักที่ ๒ หรือจารึกวัดศรีชุม แต่ลักษณะการพระราชพิธีแต่เดิมมีแบบแผน รายละเอียดเป็นอย่างไรไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แม้แต่การเรียกชื่อพิธีก็แตกต่างกันออกไปในแต่ละสมัย ครั้นถึงสมัยรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๖ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดให้ข้าราชการ ผู้รู้ครั้งกรุงเก่า มีเจ้าพระยาเพชรพิชัยเป็นประธาน ประชุมปรึกษาหารือกับสมเด็จพระสังฆราชและพระราชาคณะ ผู้ใหญ่ ท�าการสอบสวนร่วมกันตรวจสอบต�าราว่าด้วยการราชาภิเษกในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร แล้วแต่ง เรียบเรียงขึ้นไว้เป็นต�ารา เรียกว่า ต�าราราชาภิเษกครั้งกรุงศรีอยุธยาส�าหรับหอหลวง เป็นต�าราที่เกี่ยวกับการราชาภิเษก ที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่พบหลักฐานในประเทศไทย และโปรดให้สร้างเครื่องประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก แบบแผน การราชาภิเษกดังกล่าวได้ยึดถือปฏิบัติเป็นแบบอย่างสืบมาจนปัจจุบัน The 2019 Royal Coronation Ceremony Background The Royal Coronation Ceremony is a traditional practice to complete the procedure of the enthronement of the King. Some of the procedures resemble Hindu rituals. The Thai people have held coronation ceremonies since the Sukhothai Period, as told in Sukhothai Inscription No.2 or the Si Chum Temple Inscription. However, the inscriptions did not explain the coronation ceremony in detail and they even called it by a different Thai name. In 2326 B.E. of the Rattanakosin Kingdom, King Phra Buddha Yotfa Chulalok (King Rama I) had Chao Phraya Phet Phichai work with the Supreme Patriarch of Thai Buddhism and other high-ranking officials to revise the Coronation Manual, which was written in the reign of King Uthumphon (2243-2339 B.E.). The team edited the Coronation Manual and renamed it The Ayutthaya Coronation Manual for the Royal Library. This manual is the oldest coronation manual ever found in Thailand. King Rama I also had Royal court officers create the Royal Regalia to be used in the coronation ceremony. The Ayutthaya Coronation Manual for the Royal Library is still in use as a reference book for the coronation ceremony today. 15.
Recommended publications
  • Thailand's Moment of Truth — Royal Succession After the King Passes Away.” - U.S
    THAILAND’S MOMENT OF TRUTH A SECRET HISTORY OF 21ST CENTURY SIAM #THAISTORY | VERSION 1.0 | 241011 ANDREW MACGREGOR MARSHALL MAIL | TWITTER | BLOG | FACEBOOK | GOOGLE+ This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-ShareAlike 3.0 Unported License. This story is dedicated to the people of Thailand and to the memory of my colleague Hiroyuki Muramoto, killed in Bangkok on April 10, 2010. Many people provided wonderful support and inspiration as I wrote it. In particular I would like to thank three whose faith and love made all the difference: my father and mother, and the brave girl who got banned from Burma. ABOUT ME I’m a freelance journalist based in Asia and writing mainly about Asian politics, human rights, political risk and media ethics. For 17 years I worked for Reuters, including long spells as correspondent in Jakarta in 1998-2000, deputy bureau chief in Bangkok in 2000-2002, Baghdad bureau chief in 2003-2005, and managing editor for the Middle East in 2006-2008. In 2008 I moved to Singapore as chief correspondent for political risk, and in late 2010 I became deputy editor for emerging and frontier Asia. I resigned in June 2011, over this story. I’ve reported from more than three dozen countries, on every continent except South America. I’ve covered conflicts in Iraq, Afghanistan, Pakistan, Lebanon, the Palestinian Territories and East Timor; and political upheaval in Israel, Indonesia, Cambodia, Thailand and Burma. Of all the leading world figures I’ve interviewed, the three I most enjoyed talking to were Aung San Suu Kyi, Xanana Gusmao, and the Dalai Lama.
    [Show full text]
  • A History of Thailand Chris Baker and Pasuk Phongpaichit Index More Information
    Cambridge University Press 0521816157 - A History of Thailand Chris Baker and Pasuk Phongpaichit Index More information Index 1885 memorial 76–7 Bamrung Kayota 217 1912 plot 111, 114 Ban Phitsanulok advisory team 241 1932 revolution 116–21, 132, 177, 236 bandits 48–9, 54, 61, 171 Bang Rajan 7, 128, 257 Abeel, David 40 Bangkok 1, 27, 29, 31, 36, 37, 40, 47, 81, 89–90, absolutism 71, 109–12, 118, 132, 141 92, 93, 95, 138, 149–50, 162, 199, 201, 204, AcceleratedRural Development programme 184, 214, 235, 236 223 Bangkok Bank 152, 202, 258 agriculture 82–4, 86, 156–8, 159–61, 204, Bangrak quarter 101 212–14 Banharn Silpa-archa 239, 242, 244, 249, 252, 258, air strikes 149 280 Akanya Sutta 21 Bank of Agriculture andAgricultural Akat Damkoeng 108 Cooperatives (BAAC) 161, 213 Akha 156 Bank of Asia 153 Akorn Teng 93, 94, 96 Bank of Thailand 151, 205 Amon Chantharasombun 252 banking 92, 143, 152, 153, 154, 203, 205, 234, 253, AnandPanyarachun 154, 243, 244, 245, 246, 252, 254, 255 257, 258, 280 Bao Dai, Emperor 144 Ananda Mahidol (Rama VIII), King 121, 141, beauty contests 124, 171, 207, 243 142, 175, 176 Bhumibol Adulyadej (Rama IX), King 142, 143, Anek Laothamatas 250 176, 186, 188, 191, 194, 214, 233, 235–8, 244, Angkor 3, 11, 15, 49 245, 251, 259, 280 angyi 48, 66, 94, 95, 130 Black May (1992) 244, 245 anti-communism legislation 118, 120, 145, Boardof Investment 151 181 Boonchu Rojanastian 202, 259, 280 Anu, Jao 28 Boonrawdfamily 94, 95, 108 Anuman Rajadhon, Phya 178, 258, 280 Border Patrol Police 149, 193, 194 Aphaiwanit, Luang 35, 97 Borneo
    [Show full text]
  • König Bhumibol Erneuerer Seines Landes
    KöNIG BHUMIBOL ERNEUERER SEINES LANDES (1) KöNIG BHUMIBOL - Erneuerer seines Landes KING BHUMIBOL : Strength of the Land 3XEOLVKHGE\WKH1DWLRQDO,GHQWLW\2I¿FH 7KH2I¿FHRIWKH3HUPDQHQW6HFUHWDU\ 2I¿FHRIWKH3ULPH0LQLVWHU5R\DO7KDL*RYHUQPHQW )LUVWSXEOLVKHG&RSLHV *HUPDQ(GLWLRQ &RS\ULJKWE\WKH2I¿FHRIWKH3HUPDQHQW6HFUHWDU\ $OOULJKWVUHVHUYHG ,6%1 6XSSRUWHGE\ 7KDL$LUZD\V,QWHUQDWLRQDO3XEOLF&RPSDQ\/LPLWHG 3ULQWHGE\ $PDULQ3ULQWLQJDQG3XEOLVKLQJ&RPSDQ\/LPLWHG 7HO )D[ (PDLOLQIR#DPDULQFRWK+RPHSDJHKWWSZZZDPDULQFRWK :LWK&RPSOLPHQWVRIWKH2I¿FHRIWKH3ULPH0LQLVWHU (2) Seine Majestät König Bhumibol Adulyadej (3) (4) 'DV.|QLJOLFKH=HUHPRQLDO(PEOHP ]XP*HGHQNHQDQGLH )HLHUOLFKNHLWHQDXV$QODGHU 6HFK]LJVWHQ:LHGHUNHKUYRQ 6HLQHU0DMHVWlWGHV.|QLJV7KURQEHVWHLJXQJ 'DV N|QLJOLFKH (PEOHP JLEW GDV 0RQRJUDPP 6HLQHU 0DMHVWlWGHV.|QLJVZLHGHULQJROGJHOEHU)DUEHGHU)DUEHGHV :RFKHQWDJHVDQZHOFKHP6HLQH0DMHVWlWJHERUHQZXUGH(VLVW JROGHQJHUlQGHUWXQGHUKDEHQJHVWDOWHWDXIEODXHP+LQWHUJUXQG GHU )DUEH GHU 0RQDUFKLH XPULQJW YRQ YLHUXQGVLHE]LJ NOHLQHQ HUOHVHQHQ'LDPDQWHQZHOFKHVLHEHQXQGGUHLLJJURHNRVWEDUVWH 'LDPDQWHQEHLGVHLWLJXPUDQGHQ'LHVHV\PEROLVLHUHQZHLVH0lQ QHU KHUDXVUDJHQGH +RÀLWHUDWHQ ZHLWKLQ EHNDQQWH .XQVWKDQG ZHUNHU EHGHXWHQGH (OHIDQWHQ OLHEHQVZUGLJH 'DPHQ WDSIHUH 6ROGDWHQXQG+|ÀLQJH'LHVHUK|FKVWJHVFKlW]WHXQGHLQ]LJDUWLJ HKUHQKDIWH.UHLVLQN|QLJOLFKHQ'LHQVWHQLVWNRVWEDUHUDOV(GHO VWHLQHZHVKDOEGHVVHQ/HEHZHVHQPLW'LDPDQWHQJOHLFK]XVHW]HQ VLQG6HLQHU0DMHVWlWQDKHXQGLKP]X(KUHQK|FKVWVHOEVWNRVW EDUHUGHQQDOOGLHHGOHQ'LDPDQWHQ'HU.|QLJLVWGHUDOOHUNRVW EDUVWH 'LDPDQW JHERUJHQ LQ GHU +HU]HQ GHU 0HQVFKHQ GHUHQ /HLGHQHUOLQGHUWXQGGHUHQ*OFNVHOLJNHLWHUVFKDIIW(ULVWGHU
    [Show full text]
  • A History of Thailand Chris Baker and Pasuk Phongpaichit Frontmatter More Information
    Cambridge University Press 0521016479 - A History of Thailand Chris Baker and Pasuk Phongpaichit Frontmatter More information A HISTORY OF THAILAND This lively, accessible book is the first new history of Thailandin English for two decades. Drawing on new Thai-language research, it ranges widely over political, economic, social, and cultural themes. Chris Baker andPasuk Phongpaichit reveal how a worldof mandarinnobles andunfree labour evolvedinto a rural society of smallholder peasants and an urban society populated mainly by migrants from southern China. They trace how a Buddhist cos- mography adapted to new ideas of time and space, and a traditional polity was transformedinto a new nation-state undera strengthened monarchy. The authors cover the contests between urban nationalists, ambitious generals, communist rebels, business politicians, and social movements to control the nation-state andredefineits purpose. They describe the dramatic changes wrought by a booming economy, globalization, andthe evolution of mass society. Finally, they show how Thailand’s path is still being contested by those who believe in change from above andthose who fight for democracyandliberal values. Chris Baker taught Asian history at Cambridge University, and has lived in Thailand for over twenty years. He is now an independent writer, researcher, andtranslator. Pasuk Phongpaichit is Professor of Economics at Chulalongkorn University, Bangkok. She has writ- ten widely in Thai and English on the Thai economy, sex industry, corruption, illegal economy, andsocial
    [Show full text]
  • Maha Sura Singhanat
    Maha Sura Singhanat Somdet Phra Bawornrajchao Maha Sura Singhanat (Thai: สมเด็จพระบวรราช Maha Sura Singhanat เจามหาสุรสิงหนาท; RTGS: Somdet Phra Boworaratchao Mahasurasinghanat) (1744–1803) was the younger brother of Phutthayotfa Chulalok, the first monarch of มหาสุรสิงหนาท the Chakri dynasty of Siam. As an Ayutthayan general, he fought alongside his brother in various campaigns against Burmese invaders and the local warlords. When his brother crowned himself as the king of Siam at Bangkok in 1781, he was appointed the Front Palace or Maha Uparaj, the title of the heir. During the reign of his brother, he was known for his important role in the campaigns against Bodawpaya of Burma. Contents 1 Early life 2 Campaigns against the Burmese Monument of Maha Surasinghanat 3 The Front Palace at Wat Mahathat 4 Death Viceroy of Siam 5 References Tenure 1782 – 3 November 1803 Early life Appointed Phutthayotfa Chulalok (Rama I) Bunma was born in 1744 to Thongdee and Daoreung. His father Thongdee was the Predecessor Creation for the new Royal Secretary of Northern Siam and Keeper of Royal Seal. As a son of aristocrat, he entered the palace and began his aristocratic life as a royal page. Thongdee was a dynasty, previously descendant of Kosa Pan, the leader of Siamese mission to France in the seventeenth Krom Khun Pornpinit century. Bunma had four other siblings and two other half-siblings. Bunma himself Successor Isarasundhorn (later was the youngest born to Daoreung. Rama II) Born 1 November 1744 Campaigns against the Burmese Ayutthaya, Kingdom In 1767, Ayutthaya was about to fall. Bunma fled the city with a small carrack to of Ayutthaya join the rest of his family at Amphawa, Samut Songkram.
    [Show full text]
  • Die Chakri Dynastie
    Die Könige von Thailand im Porträt - Von Rama I. bis Rama IX. mit freundlicher Genehmigung von www.FARANG.de übernommen. Autor: Dr. Volker Wangemann Die Chakri Dynastie Rama IV. Rama I. Rama II. Rama III. Phra Chomklao Chaoyuhua Boromma Thammikarat Prinz Isarasundhorn von Siam Phra Nangklao Chaoyahua KÖNIG MONGKUT Rama V. Rama VI. Rama VII. Rama VIII. Krom Meun Pikanesuarn Phra Mongkut Klao Somdej Chao Fah Prajadhipok Mom Chao Ananda Mahidol Surasangkat Chaoyahua Sakdidej Mahidol Rama IX. MAHA BHUMIBOL ADULYADEJ MAHITALADHIBET RAMADHIBODI CHAKRINARUBODRINDARA SAYAMINDARARADHIRAJ BOROMANATBOPHIT, KÖNIG BHUMIBOL ADULYADEJ ODER RAMA IX., DER GROSSE 1 Die 9 Könige der Chakri-Dynastie. RAMA I. Der spätere König Rama I. wurde am 20. März 1737 in Ayutthaya wäh- rend der Regierungszeit des damaligen Königs Borammakot oder auch Borommarachathirat III. als Thong Duang in eine sehr wohlhabende Familie hineingeboren. Der sehr schwermütige Name Borammakot be- deutet übrigens "Der König in der goldenen Urne / in der Erwartung seiner Einäscherung", während er unter dem Namen Boromma Thammikarat (wörtlich: Der gerechte König, auch "Song Tham") ge- krönt wurde. Sein Vater war Thong Dee, später Somdet Phra Prathorn Borom Maha Rajchanok genannt, ein mittlerer Beamter im Mahatthai, dem Ministeri- um für die Nordprovinzen. Er erhielt später den Titel "Phra Aksorn Sundornsat" (Königlicher Sekretär des nördlichen Siam, Bewahrer des königlichen Siegels), während seine Mutter Daoreung die Tochter aus einer sehr reichen chinesischen Familie war und noch weitere sechs Kinder hatte. Laut Originalzitat von König Mongkut - Rama IV. zu John Bowring, einem englischen Staatsmann, Reisenden und Schriftsteller: "a beautiful daughter of a Chinese richest family" (eine schöne Tochter von einer der reichsten Chinesenfamilien).
    [Show full text]
  • Picturing Femininity: Portraits of the Early Modern Siamese Women Eksuda Singhalampong
    Picturing Femininity: Portraits of the Early Modern Siamese Women Eksuda Singhalampong Southeast of Now: Directions in Contemporary and Modern Art in Asia, Volume 3, Number 1, March 2019, pp. 49-75 (Article) Published by NUS Press Pte Ltd DOI: https://doi.org/10.1353/sen.2019.0003 For additional information about this article https://muse.jhu.edu/article/721045 [ Access provided at 25 Sep 2021 00:54 GMT with no institutional affiliation ] Picturing Femininity: 1 Portraits of the Early Modern Siamese Women EKSUDA SINGHALAMPONG Abstract This paper aims to analyse the construction of modern femininity through portraits of women in Thailand’s patriarchal culture on the eve of the modern period. Prior to the mid-19th century, there were restrictions on the representation of royal indi- viduals, especially women in the Siamese royal court, who were confined to their residence, hence avoiding the public gaze. The imported medium of portraiture eventually liberated the restricted condition of women in the royal court. This study will explain how portraiture presents and represents images of femininity and the gender roles of Siamese female nobility, especially Queen Saovabha Phongsri (hereafter referred to as Queen Saovabha), queen consort of King Chulalongkorn. The study will also suggest that portraiture allows us to explore Siamese modern femininity, as opposed to Siamese men’s construction of masculinity. Portraits of women also show cross-cultural fashions associated with modern outdoor activities, reminiscent of the feminist ideal of the New Woman. Hence this paper also seeks to understand the mechanism of cross-cultural fashions, which suggests a form of empowerment by which the Siamese female elite began to establish their position in a changing world.
    [Show full text]
  • สถาปตยกรรมยุคเปลี่ยนผานในสมัยรัชกาลที่ 7 Transitiona
    สถาปตยกรรมยุคเปลี่ยนผานในสมัยรัชกาลที่ 7 T ansitional A chitectu e of .ing 0ama 2II E a Chaipat Igambutsabongsophin and Sidh Sintusingha Selbourne School of Design, the University of Selbourne, Victoria, 3010, australia บทคัดยอ สถาปตยกรรมในสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 7 ถูกใชในการแบงงานสถาปตยกรรมของยุครัชกาลที่ 6 กอนหนา และ สถาปตยกรรมในยุคถัดไปอยางสถาปตยกรรมของคณะราษฎร อยางไรก็ดี นอกเหนือจากการศึกษาเชิงการเมือง บริบททางสถาปตยกรรมหลายดานของ ยุครัชกาลที่ 7 นี้ถูกละเลยไป ซึ่งในการอานสถาปตยกรรมนั้นตัวสถาปตยกรรม สามารถที่จะบงบอกไดถึงประเด็นที่สำคัญ และสามารถบอกขอมูลเชิงลึกถึง แนวทางการเคลื่อนไหวที่เกี่ยวของในยุคนั้น บทความนี้ศึกษาสถาปตยกรรม บางสวนที่แสดงถึงยุคสมัยรัชกาลที่ 7 อันไดแก อาคารที่สรางขึ้นในจุฬาลงกรณ5 มหาวิทยาลัย คืออาคารคณะวิทยาศาสตร5และอาคารจักรพงษ5 ที่เป6นตัวสะทอน การเปลี่ยนผานรูปแบบสถาปตยกรรมและการปฏิบัติวิชาชีพสถาปนิก รวมถึง Opposite page: สถาปตยกรรมที่เกี่ยวของและใกลชิดกับพระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว The monument คือศาลาเฉลิมกรุง, วังไกลกังวล, พระปฐมบรมราชานุสรณ5 และสะพานพระพุทธ- of cing dama e ยอดฟ?าจุฬาโลก บทความนี้สรุปถึงภาพสะทอนและรองรอยความเชื่อมตอ Source: fle cent ของงานสถาปตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 7 ในงานสถาปตยกรรมคณะราษฎร และ cinguantihme การกลับมาใชรูปแบบงานประเพณีในยุคหลัง anniversaire de la dynastie siamoise,i คำสำคัญ : พระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว, สถาปตยกรรมยุคเปลี่ยนผาน, 56I557ST0ATION 7 สยาม, อาคารคณะวิทยาศาสตร5, อาคารจักรพงษ5, พระปฐมบรมราชานุสรณ5 (Say 193lm: lno และสะพานพระพุทธยอดฟ?าจุฬาโลก, วังไกลกังวล, ศาลาเฉลิมกรุง หนาจั่ว ฉo 1n, 1 lp64 r 7 Abst act The architecture of the cing sratadhipou
    [Show full text]
  • Pattani, Thailand; Library Mahidol University Thailand, and Jamia Millia Islamia, New Delhi
    A STUDY OF MUSLIM CULTURE IN SOUTHERN THAILAND ABSTRACT OF THESIS SUBMITTED FOR THE AWARD OF THE DEGREE OF mortor of l3btlo~opb!' IN ISLAMIC STUDIES BY ZULKIFLEE MASAE Under the Supervision of DR. ABDUL HAMID FAZILI DEPARTMENT OF ISLAMIC STUDIES AliGARH MUSLIM UNIVERSITY AliGARH (INDIA) 2016 DEPARTMENT OF ISLAMIC STUDIES AUGARH MUSUM UNIVERSI1Y AUGARH-202002. U.P.• INDIA Phones: Ext. 0571·2701131 InL 1365. 1366 Fax: 0571·2700528 Email: [email protected] CERTIFICATE This is to certify that the thesis entitled "A Study of Muslim Culture in Southern Thailand" is in an original work done by Mr. Zulkiflee Masae under my supervision. The thesis is fit for submission for the award of the degree of Ph.D. in lslamic Studies. (Dr.~J~amidu~ct1tli~ZiiI 7 Supervisor ACKNOWLEDGEMENT First of all, I would like to thank Almighty Allah, the most merciful, the most benevolent, and without His blessing, the completion of this thesis was not possible. This thesis has been an exciting and challenging experience for me and I have been accompanied by a great number of people whose contributions are worth to mention. This thesis would not have been completed without the support, encouragement, and valuable and timely help of many individuals and institutions. I would like to express my heartiest thanks and sincere gratitude to my supervisor Dr. Abdul Hamid Fazili, Department of Islamic Studies, Aligarh Muslim University, (AMU) Aligarh, for his benevolent guidance, inspiring attitude, sympathetic behavior, keen interest and devotion throughout the tenure of this work. Without his whole hearted cooperation, it would have been rather impossible to complete the present work.
    [Show full text]
  • Chakrit Tiebtienrat
    Film Media and Nationalism in Thailand: Comparative studies of film media propaganda in Thailand and its influence on Thai nationalism, political ideology, and class structure since the enactment of the Thai Constitution of 1997 A thesis submitted in fulfilment of requirements for the Degree of Master of Arts in Political Science in the University of Canterbury by Chakrit Tiebtienrat University of Canterbury 2004 Contents Abstract. ........................................................................................................................ .i Acknowledgements ...................................................................................................... .ii A note on transliteration, abbreviation, and usage ................................................. ,iv Chapter 1 Introduction .................................................................................................................. 1 1.1 Definition of concepts ............................................................................................. 5 1.2 Research and data collection .................................................................................... 9 1. 3 Method of analysis ................................................................................................. 10 1.4 The Case Studies .................................................................................................... 12 1.5 End Notes ............................................................................................................... 15 Chapter 2
    [Show full text]
  • The Rama Story in the Thai Cultural Tradition S
    THE RAMA STORY IN THE THAI CULTURAL TRADITION S. SINGARAVELU* The Rania story in Thai cultural tradition is represented in folklore as well as in various forms of artistic expression such as shadow-play, dance-drama, sculpture, painting, and literature. 1. The Rima Story and Thai Folklore The Thai people since the ancient times have believed that the Rima story was set on Thai soil, and consequently some of the cities, towns, villages, mountains, and lakes have been popularly associated with the legend.' Thus, for example, the new city founded by the Thai king U Thong in 1350 A.D., was called Ayutbayi after the name of Ayodbyi, the capital city of king Dasaratha and his successor Rima. It is also noteworthy that the name Ayutbayi still forms part of the official name of Bangkok, which is the present-day capital of Thailand.2 A town, situated north of Ayuthayi in Thailand, is called Lopburi (Lavapuri) and it is associated with Rima's son Lava. The same town has also been given a nickname, that is, Nophburi (Navapuri), which is c~>nnected with Hanumin. According to the Thai tradition, Rima shot an arrow in the air, and Nophburi as a new city of Hanumin was built where Rama's arrow fell. It is also believed that the beat from Rima's arrow turned the ground around the town white hot and therefore the ground has remained white and fertile to the present. Moreover, as a proof of the town's relationship with Hanumin, the local authorities are said to have founded a colony of monkeys on a rock near the centre of the town.
    [Show full text]
  • JSS 011 2B Princedamrong S
    THE STORY OF THE RECORDS OF SIAMESE HISTORY. • • • [NoTE.-Subjoined is a translation of the first part of the introduction written by H. H. H. Prince Dam rung for th e History now being edited by him. It if; published in the first volume.-0. FRANKFURTER.] The history of Siam may proper·ly be eli videcl into three periods, namely, (1) the period when Sakhothai was the capital, (2) the period when Ayuddhya was the capital, and (3) the period since Bangkok ( H.atanakosindr) has been the capital. It is rather difHcult to obtain definite, accurate knowledge about the Sukhothai period. But stone inscriptions and ancient manus­ cripts do exist in sufficient number to enable us to institute a com­ parisOJl that affords us some knowledge. Of such stone inscriptions and ancient manuscripts I have found eleven examples having re­ ference to that period. These are :- I. The stone inscription of Khun Ham Khamheng·, who was the thit·d King of Sukhothai in the dynasty founded by Phra Huang. 'rhis inscription dates from the yeat· B. E. 1835 (A. D. 1492), and was the first in whicit Siamese characters were employed. It relates the history of Sukhothai from the time King Khun Sri Indradit occupied the throne up to the reign of King Khun Ram Khamheng. 2. A stone inscription of Pht·a Maha Dhammarajalithai, the fifth King of the dynasty of Phra Ruang. This inscription was made at Muang Nakhon Pu (near the present Kamphengphet) and is dated B. E. 1900 (A. D. 1557). It gives the story of certain relics brought from Ceylon.
    [Show full text]