เครื่องประดับที่ไดรับแรงบันดาลใจจากเห็ด “ดัชนีแหงความอุดมสมบูรณ”
กั หอสม ุดกลา สำน ง
โดย นางสาวปภาดา เรืองรุง
ศิลปนิพนธนี้เปนสวนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาศิลปบัณฑิต ภาควิชาการออกแบบเครื่องประดับ คณะมัณฑนศิลป มหาวิทยาลัยศิลปากร ปการศึกษา 2557 JEWELRY DESIGN PROJECT INSPIRED BY MUSHROOM “THE INDICATOR OF PLENTIFUL”
กั หอสม ุดกลา สำน ง
By Miss Prapada Ruengrung
A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for the Degree Bachelor of Fine Arts Department of Jewelry Design, Faculty of Decorative Arts Silpakorn University 2014 คณะมัณฑนศิลป มหาวิทยาลัยศิลปากร อนุมัติใหศิลปนิพนธเรื่อง “เครื่องประดับที่ไดรับ แรงบันดาลใจจาก “เห็ดดัชนีแหงความอุดมสมบูรณ”” เสนอโดย นางสาวปภาดา เรืองรุง เปนสวน หนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาศิลปบัณฑิต
ลงชื่อ...... กั หอสมุดกล(ผูชาวยศาสตราจารยเอกพงษ ตรีตรง) สำน งคณบดีคณะมัณฑนศิลป
ลงชื่อ...... (อาจารยทัศนฐรสชง ศรีกุลกรณ) หัวหนาภาควิชาออกแบบเครื่องประดับ
ลงชื่อ...... (รองศาสตราจารย ดร. สุภาวี ศิรินคราภรณ) อาจารยที่ปรึกษาศิลปนิพนธ
คณะกรรมการตรวจและตัดสินศิลปนิพนธ ปการศึกษา 2557
1. อาจารยทัศนฐรสชง ศรีกุลกรณ ประธานกรรมการ 2. รองศาสตราจารย ดร. สุภาวี ศิรินคราภรณ กรรมการ 3. ผูชวยศาสตราจารย ดร. ภูวนาท รัตนรังสิกุล กรรมการ 4. ผูชวยศาสตราจารย ดร. วีรวัฒน สิริเวสมาศ กรรมการ 5. ผูชวยศาสตราจารย ดร. วรรณวิภา สุเนตตา กรรมการ 6. ผูชวยศาสตราจารยกั หดร. อเพ็ญสสิริ มุดชาตกินิยมล า กรรมการ 7. อาจารยสทวำีศักดิ์น มูลสวัสดิ์ ง กรรมการ 8. อาจารย วินิตา คงประดิษฐ กรรมการ 9. อาจารยภูษิต รัตนภานพ กรรมการ 10. อาจารยชาติชาย คันธิก กรรมการ 11. อาจารยศิดาลัย ฆโนทัย กรรมการ 12. อาจารย ดร. ปฐมาภรณ ประพิศพงศวานิช กรรมการและเลขานุการ
หัวขอโครงการ เครื่องประดับที่ไดรับแรงบันดาลใจจากเห็ด “ดัชนีแหงความอุดมสมบูรณ” ชื่อนักศึกษา นางสาวปภาดา เรืองรุง ภาควิชา ออกแบบเครื่องประดับ คณะ มัณฑนศิลป ปการศึกษา 2555 คําสําคัญ เครื่องประดับ ความอุดมสมบูรณ ธรรมชาติ
กั หอสมุดกลา สำน บทคัดยอ ง
โครงการศิลปนิพนธนี้มีจุดประสงคเพื่อนําเสนอแนวความคิดและทัศนคติของขาพเจาที่มีตอ “เห็ด” สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่สรางคุณประโยชนใหแกเรามากมาย ความงดงามของสิ่งมีชีวิตขนาด เล็กสามารถเติมเต็มความอุดมสมบูรณแกสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในวงกวางได ทั้งหมดนี้ขาพเจาจึงเกิดแรง บันดาลใจในการสรางสรรคผลงานเครื่องประดับ ซึ่งขาพเจาตองการใหผลงานเครื่องประดับเปน เสมือนตัวแทนในการถายทอดเรื่องงราวของเห็ดที่เปนดั่ง “ดั ชนีแหงความอุดมสมบูรณ” และ เครื่องประดับนั้นยังสามารถสรางเสริมจิตสํานึกดานการอนุรักษสิ่งแวดลอมในอนาคตแกผูสวมใสอีก ดวย
จ
Thesis Title Jewelry design project inspired by Mushroom “The indicator of plentiful” Name Miss Prapada Ruengrung Department Jewelry Design Faculty Decorative Arts Year 2014 Key Word Jewelry , Plentifully , Natural กั หอสมุดกลา สำน ง Abstract
The aim of this art-thesis is to present my perspective of “Mushroom”. For a period of time, mushroom had created the plentiful from all over the world. The magnificence of small living things that makes the world fulfills. According to this reason, I have been inspired to create pieces of jewelry that representation the invaluable and beautiful of “Mushroom” as the indicator of abundantly. In additional it could well strengthen the subconscious of preserving the nature.
ฉ
กิตติกรรมประกาศ
ศิลปนิพนธฉบับนี้เปนการรวบรวมประสบการณที่ไดรับการเรียนรูมาตลอดสี่ป กลั่นกรอง และขัดเกลาองคความรูทั้งทางดานกระบวนการคิดและการปฏิบัติใหเกิดความสมบูรณที่สุด ซึ่ง โครงการศิลปนิพนธของขาพเจาจะมิอาจสําเร็จลุลวงไปไดดวยดีเลย หากไมไดรั บความชวยเหลือเปน อยางดีจากหลายๆ ฝาย ขาพเจาจึงใครอยากขอกลาวขอบพระคุณไว ณ ที่นี้ ขอขอบพระคุณผูชวยศาสตราจารย ดร.สุภาวี ศิรินคราภรณ ผูใหคําปรึกษาและแนะนํา แนวทางในการดําเนินการสรางศกั ิลปนหิพนธอสฉบับนมี้จนเสรุดก็จสมบลาูรณ ตลอดจนคณาจารยทุกทานใน ภาควิชาออกแบบเครสื่องประดำนับ ที่ปร ะสิทธิ์ประสาทวิชาความรู อบรมสง ั่งสอน ชี้แนะใหคําปรึกษา ให มุมมองและแนวค ิดท ี่ดีแกขาพเจา จนสามารถทํางานสําเร็จลุลวงเสมอมา ขอขอบพระคุณอาจารยโกศล สุวรรณกูฎ ผูกอตั้งภาควิชาออกแบบเครื่องประดับ คณะ มัณฑนศิลป มหาวิทยาลัยศิลปกร และคณาจารยพิเศษทุกทาน รวมทั้งเจาหนาที่ ประจําภาควิชา ออกแบบเครื่องประดับดวย ขอขอบพระคุณบิดา มารดา และทุกๆคนในครอบครัว ที่คอยเปนกําลังใจ สนับสนุนขาพเจา คอยแนะนําตักเตือนสั่งสอนและสงเสริมใหทําในสิ่งที่ดีดีทุกเรื่องทั้งการเรื่องศึกษา และการดําเนินชีวิต ใหขาพเจาไดมีทุกวันนี้ ขอขอบพระคุณปา (อาจารยพิทยา) อาจารยที่ปรึกษาและอาจารยประจําวิชาศิลปะ โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห สิงหเสนี) ที่สอนใหขาพเจารูจักศิลปะ รักงานศิลปะ คอยใหคําปรึกษาและ ตักเตือนเสมอมา ขอขอบพระคุณพี่แตงที่สอนศิลปะแกขาพเจา ทําใหขาพเจาไดเรียนที่นี่ และใหคําปรึกษา คอยชวยเหลือและตักเตือน ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ และนองๆ อีกหลายคนท ี่ไมไดเอยนาม ขอบคุณที่คอยชวยเหลืองาน ตางๆ ใหคําปรึกษาและแนะนํา เปนกําลังใจใหเมื่อเหนื่อยลาและทอแทหมดกําลังใจ ทําใหงานศิลป นิพนธของขาพเจาผานไปไดดวยดี สุดทายนี้ขอบคุณทุกสิ่งทุกอยางที่ไดผานเขามาในชีวิ ตของขาพเจา ที่สรางความเข็มแข็ง หลอหลอมใหขาพเจาไดมีวันนี้ ใหพรอมเผชิญหนากับเปาหมายตอไปในชีวิต
ช
สารบัญ
หนา บทคัดยอภาษาไทย ...... จ บทคัดยอภาษาอังกฤษ ...... ฉ กิตติกรรมประกาศ ...... ช สารบัญ ...... สมด .... ซ สารบัญตาราง ...... นกั หอ ุ กลาง ญ สารบัญภาพ ...... สำ ฎ บทที่ 1 บทนํา ...... 1 1.1 ที่มาและความสําคัญของปญหา ...... 1 1.2 วัตถุประสงคของโครงงาน ...... 2 1.3 ขอบเขตการศึกษาของโครงงาน ...... 2 1.4 ประโยชนที่คาดวาจะไดรับ ...... 2 2 การรวบรวมและการศึกษาขอมูล ...... 3 2.1 เห็ดและความหมายของเห็ด ...... 3 2.2 บทบาทตอระบบนิเวศในปา ...... 3 2.3 เห็ดเอคโตไมคอรไรซา ...... 4 2.4 โครงสรางของดอกเห็ด ...... 30 2.5 วัฎจักรชีวิตของเห็ด ...... 31 2.6 กลุมของเห็ด ...... 32 2.7 การพิจารณาหาลักษณะทางกายภาพและลักษณะทางบริบทโดยรอบ ของเห็ดเอคโตไมคอรไรซา ...... 34 2.8 การวิเคราะหลักษณะทางกายภาพ ...... 44 2.9 การวิเคราะหลักษณะการเจริญเติบโตและบริบทโดยรอบ ...... 48 3 แนวทางการออกแบบและวิธีการทดลอง ...... 58 3.1 การพิจารณาทางดานวิทยาศาสตร ...... 58 3.2 การพิจารณาทางดานศิลปะ ...... 60 3.3 การรางแบบเพื่อหาทัศนธาตุของเห็ดที่มีความอุดมสมบูรณ ...... 86 3.4 การทดลองวัสดุ ...... 91 3.5 การวิเคราหพื้นที่สวมใสบนรางกาย ...... 96 3.6 แนวทางการออกแบบ ...... 98
ซ
บทที่ หนา 4 กระบวนการสรางสรรคความงาม ...... 105 4.1 สรุปแนวทางในการออกแบบ ...... 105 4.2 แบบราง 2 มิติ ...... 105 4.3 สรุปและเขียนแบบชิ้นงาน ...... 108 4.4 สรุปแบบเพื่อผลิตชิ้นงานจริง ...... 120 4.5 ขั้นตอนการผลิตชิ้นงาน ...... 126 5 ผลงานเครื่องประดับ ...... 141 6.1 ภาพผลงานในสหวนลํอาคอส ...... มุดก 141 6.2 ภาพผลงานในสำนกั วนแขน ...... ลาง 142 6.3 ส ภาพผลงานในสวนนิ้วมือ ...... 144 6 สรุปผลการทดลอง ...... 148 รายการอางอิง ...... 151 ภาคผนวก ...... 152 ภาคผนวก ก ใบเสนอหัวขอศิลปนิพนธ ...... 153 ภาคผนวก ขม ปาไ ที่สําคัญ ...... 159 ประวัติผูเขียน ...... 162
ฌ
สารบัญตาราง
ตารางที่ หนา 2.1 ขอมูลพื้นฐานของกลุมเห็ดเอคโตไมคอรไรซาใน Phylum Basidiomycota ...... 7 2.2 การสํารวจลักษณะทางกายภาพและการเจริญเติบโตของเห็ดเอคโตไมคอรไรซาใน กลุมเห็ดครีบ ...... 36 2.3 สรุปการสํารวจลักษณะทางกายภาพและการเจรสมด ิญเติบโตของเห็ดเอคโตไมคอรไรซา ในกลุมเห็ดครีบ ...... นกั หอ ุ กลาง 44 2.4 การพิจารณาร สำูปทรงของหมวกดอกเห็ด ...... 45 2.5 การพิ จารณาการเร ียงตัวของครีบใตหมวกดอกเห็ด ...... 46 2.6 การพิจารณาพื้นผิวของหมวกเห็ดและกาน ...... 47 2.7 การเจริญเติบโตของรากพืชที่มีและไมมีราเอคโตไมคอรไรซา ...... 51 2.8 การเจริญเติบโตและแผขยายของรากที่มีราเอคโตไมคอรไรซา ...... 52 2.9 ลักษณะรูปลักษณของเปลือกไมวงศยาง ...... 56 3.1 การพิจารณาทัศนธาตุและองคประกอบศิลปจากผลงานของศิลปนที่มีแนวคิดเรื่อง ความอุดมสมบูรณ ...... 75 3.2 การพิจารณาทัศนธาตุและองคประกอบศิลปจากผลงานเครื่องประดับของศิลปนที่ มีแนวคิดเรื่องความอุดมสมบูรณ ...... 78 3.3 การพิจารณาทัศนธาตุโดยละเอียดจากผลงานที่มีแนวคิดเรื่องความอุดมสมบูรณ . 80 3.4 การสรุปทัศนธาตุ ...... 85 3.5 การทดลองวัสดุ ...... 91 3.6 การพิจารณาวัสดุตางๆ ตามรูปแบบความรูสึกของทัศนธาตุ ...... 93 3.7 การทดลองว สดั ุแบบผสมผสาน ...... 94 3.8 การพิจารณาสัดสวนบนรางกาย ...... 96 3.9 การพิจารณาสัดสวนรางกายสวนตางๆโดยการรางแบบชิ้นงานติดตั้งบนรางกาย ... 97 3.10 การพิจารณาสัดสวนรางกายสวนตางๆโดยการรางแบบชิ้นงานติดตั้งบนรางกายควบ คูไปกับแนวทางการออกแบบ ...... 100 3.11 การพิจารณาวัสดุกับการติดตั้งบนรางกาย ...... 103
ญ
สารบัญภาพ
ภาพที่ หนา 2.1 ลักษณะดอกออนและลักษณะดอกที่สมบูรณเต็มที่ ...... 30 2.2 วัฎจักรชีวิตของเห็ด ...... 31 2.3 เห็ดระโงกเหลือง ...... 48 2.4 การเจริญเติบโตของเห็ดเอคโตไมคอรไรซา ...... 49 2.5 ตัวอยางลักษณะการเกิดไมคอรไรซาในรากของไมวงศยาง...... 49 2.6 รูปรางลักษณะภายในหรือกายวิภาค (Anatomy) ของรากเอคโตไมคอรไรซาโดย ใชกลองจุลทรรศน ...... กั หอสมุดกลา 50 2.7 กลุมโทนสีของรากเอคโตไมคอรสำน ไรซา ...... ง 50 2.8 ตนยางนา ...... 54 2.9 ขนาดความสูงของไมวงศยาง ...... 54 2.10 เปลือกไมวงศยาง ...... 55 2.11 กลุมโทนสีของเปล ือกไมวงศยาง ...... 55 3.1 Environmental Diamonds ...... 58 3.2 ดินและชั้นของดิน ...... 59 3.3 น้ํา ...... 59 3.4 อากาศ ...... 60 3.5 “Venus of WIilendorf” (ซาย),“Venus of Vestonice” (กลาง), “Venus of Lespugue” (ขวา) ...... 60 3.6 The symbol of life and energy, also associated with abundance and prosperity (5000 B.C.) (ซาย), “Hopi Pueblo” parrots symbolise the sun and abundance(14 century) (ขวา)...... 61 3.7 “Demeter” เทพีแหงความอุดมสมบูรณ เกษตรกรรม การเก็บเกี่ยว ...... 61 3.8 “symbol of peaceful, abundance and tenacity” Tibet (ซาย) “The Makara” India, Madhya Pradesh and Rajasthan (กลาง), “Zoomorphic anklet” India, Kerala (ขวา) ...... 61 3.9 “Symbol of life and fertility”, Central Asia (19th century)(ซาย), “Symbol of fertility”, Central Asia (13th century)(ขวา) ...... 62 3.10 Buffalo Represents: sacredness, life, abundance ...... 62 3.11 “กรวยแหงความอุดมสมบูรณ” กรวยจากคริสตศตวรรษที่ 1(ซาย), “กรวยแหง .. ความอุดมสมบูรณ” เทพพลูโตถือกรวย (ขวา) ...... 62 3.12 “กรวยแหงความอุดมสมบูรณ” ประติมากรรม จิโอวาน บัตติสตา คัชชินิ (ซาย), . “กรวยแหงความอุดมสมบูรณ” เทพีฟอรชูนาแบบกรวย (กลาง),“กรวยแหงความ อุดมสมบูรณ” โปสเตอรจากแคนาดา (ขวา) ...... 63
ฎ
ภาพที่ หนา 3.13 “กรวยแหงความอุดมสมบูรณ” ประติมากรรมตั้งโตะ(ซาย), “Horn of Plenty”, Susan M. ( 20th century)(ขวา) ...... 63 3.14 “Wealth And Prosperity” (ซาย) Abundantia (ขวา),doreen virtue ...... 63 3.15 Abundance and the four elements, Jan Brueghel D. Ä. (1568 - 1625) . (ซาย) Allegory of Abundance, Jan Brueghel the Younger (1601 - 1678) (กลาง)Abundance of Fruit, 1860. Severin Roesen (ca. 1815-ca. 1872)(ขวา) 64 3.16 “Harvest Moon” Abundance Blessing, Julia Watkins ...... 64 3.17 “Sunny Abundance”, Shirley Novak ...... 64 3.18 “Abundance Angelกั Artห andอ Prinสts”,ม Katherineุดกล Skaggsา (2004-2013)(ซาย), “Erzulie”ส prosperity,ำน abundance, and love, NMEZeroง (ขวา) ...... 65 3.19 The Garden Hamsa above evokes spring, abundance and the Garden of Eden (ซาย),The third of the Buddhist symbols is known as the great trea- sure vase. The great treasure vase provided the Buddha with long life and abundance of health.(กลาง), The second of the Buddhist symbols are two golden fish. They are symbolism of happiness, fertility, and abundance. (ขวา) ...... 65 3.20 “Abundance”, Jordan Schnitzer (2011)(ซาย) “Abundance”, Scott (2010) (ขวา) ...... 65 3.21 "Pomona the Fountain of Abundance", by Karl Bitter atop the Pulitzer 66 3.22 “Abundance” Jan Van Ek (ซาย), “Abundance” Anna Gillespie (2012)(ขวา) 66 3.23 “Guardian Mouse”, Otoyo-Jinja in Kyoto, the ball of water it carries represents an abundance of good health, luck, love and long life. (ซาย), “Abundance III”, Sun Yu Li (กลาง) “Abundance” Downtown Yakima (ขวา) 66 3.24 “Abundance” Ray Giddens ...... 67 3.25 symbolize the abundance of life, “an outward manifestation of a largeness of soul”, Nnamdi Okonkwo Okonkwo (ซาย), “abundance little feet”(ขวา) 67 3.26 "Abundance", Jeanne Brennan (ซาย), "The Coming of Abundance" Morgan Brig (2015) (ขวา) ...... 67 3.27 “Abundance: Shoes”, Claudia DeMonte (2011) (ซาย),"Abundance”, Jane Burton (ขวา) ...... 68 3.28 “Bronze Vitaleh Original Nude Fertility Goddess Modern Art Abstract Sculpture” United States ...... 68
ฏ
ภาพที่ หนา 3.29 “Obese statue of david” embodies the gluttony, and the abundance of obesity in modern times. (ซาย), “Voluptuous Nude Female Sculpture Statue Figurine/fertility Goddess” (กลาง), “Venus Enwombed”, Ann Zeleny (ซาย) ...... 68 3.30 “The enigma of abundance”, Paul Deans(ซาย), “Symbol Of Abudance”, “Fertility/abundance”, Norman Ridenour (กลาง), Leo Arcand (1991)(ขวา) 69 3.31 “Abundant and Fertility”, Lindy Lalwer ...... 69 3.32 "Goddess Series", a celebratory expression of ‘delightfully abundant’ Adam Schultz ...... กั หอสมุดกลา 70 3.33 “อุดม สมบสูรณำ” นนนทิวรรธน จันทนะผะลิน (ซาย) "รูปทรงแหง งวิถีชีวิตและความ อุดมสมบ ูรณของบานเรา" ศราวุธ แวงวรรณ (กลาง)“ความสมบูรณผลผลิตจาก ธรรมชาติ” อนุสรณ ทองรวย (ขวา) ...... 71 3.34 The Art Thesis “The Weaves and the Richness” (2550) สุกัลยา ไชยพิมพ 71 3.35 นิทรรศการประติมากรรม “ความอุดมสมบูรณแหงผืนดินไทย” (2557) นางสุธิดา มาออน ...... 72 3.36 “fecundity” Giovanni Corvaja (ซาย), “bolluk”(abundance) Sevan Bicakci (ขวา) ...... 72 3.37 “symbol of abundance” ...... 73 3.38 “Abundance Ring Gold” ...... 73 3.39 "Abundance Global Earrings" (ซาย), “Abundance Pendant Gold” (ขวา) 73 3.40 “Abundance” Love Jewelry (ซาย), “Satya Jewelry Abundance Bracelet” (ขวา) ...... 74 3.41 ภาพรางเสนสายความรูสึกของดิน น้ําและอากาศ ...... 86 3.42 ภาพรางรูปรางรูปทรงของทัศนธาตุที่ไดจากการคนหาผลงานโดยรวม ...... 86 3.43 ภาพรางรวมทัศนธาตุกับกายภาพของเห็ดในสวนของหมวก ...... 87 3.44 ภาพรางรวมทัศนธาตุกับกายภาพของเห็ดในสวนของกานและครีบ ...... 87 3.45 ภาพรางรวมทัศนธาตุกับกายภาพของเห็ดในสวนของหมวกครีบและหมวกครีบกาน 88 3.46 ภาพรางรวมการวิเคราะหทัศนธาตุจากขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ชุดที่ 1 ...... 88 3.47 ภาพรางรวมการวิเคราะหทัศนธาตุจากขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ชุดที่ 2 ...... 89 3.48 ภาพรางรวมการวิเคราะหทัศนธาตุจากขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ชุดที่ 3 ...... 89 3.49 My Mapping สรุปการสํารวจการคนหาความอุดมสมบูรณ ...... 90 4.1 แบบราง 2 มิติ ชุดที่ 1 ...... 105 4.2 แบบราง 2 มิติ ชุดที่ 2 และ 3 ...... 106 4.3 แบบราง 2 มิติ ชุดที่ 4 และ 5 ...... 106 4.4 แบบราง 2 มิติ ชุดที่ 6 และ 7 ...... 107
ฐ
ภาพที่ หนา 4.5 แบบราง 2 มิติ ชุดที่ 8 และ 9 ...... 107 4.6 เขียนแบบเครื่องประดับสวนสวนคอ ชุดที่ 1 ...... 108 4.7 เขียนแบบเครื่องประดับสวนสวนคอ ชุดที่ 2 ...... 109 4.8 เขียนแบบเครื่องประดับสวนแขน ชุดที่ 1 ...... 110 4.9 เขียนแบบเครื่องประดับสวนแขน ชุดที่ 2 ...... 111 4.10 เขียนแบบเครื่องประดับสวนแขน ชุดที่ 3 ...... 112 4.11 เขียนแบบเครื่องประดับสวนนิ้วมือ ชุดที่ 1 ...... 113 4.12 เขียนแบบเครื่องประด ับสวนนิ้วมือ ชุดที่ 2 ...... 114 4.13 เขียนแบบเครื่องประดกั ับสวนนิ้วมือหอส ชุดทมี่ 3ุด ...... กลา 115 4.14 เขียนแบบเครสำื่องประดน ับสวนนิ้วมือ ชุดที่ 4 ...... ง 116 4.15 เขียนแบบเคร ื่องประดับสวนนิ้วมือ ชุดที่ 5 ...... 117 4.16 เขียนแบบเครื่องประดับสวนนิ้วมือ ชุดที่ 6 ...... 118 4.17 เขียนแบบเครื่องประดับสวนนิ้วมือ ชุดที่ 7 ...... 119 4.18 แบบจําลองเครื่องประดับสวนลําคอ ชิ้นที่ 1 ...... 120 4.19 แบบจําลองเครื่องประดับสวนลําคอ ชิ้นที่ 2 ...... 120 4.20 แบบจําลองเครื่องประดับสวนแขน ชิ้นที่ 1 ...... 121 4.21 แบบจําลองเครื่องประดับสวนแขน ชิ้นที่ 2 ...... 121 4.22 แบบจําลองเครื่องประดับสวนแขน ชิ้นที่ 3 ...... 122 4.23 แบบจําลองเครื่องประดับสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 1 ...... 122 4.24 แบบจําลองเครื่องประดับสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 2 ...... 123 4.25 แบบจําลองเครื่องประดับสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 3 ...... 123 4.26 แบบจําลองเครื่องประดับสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 4 ...... 124 4.27 แบบจําลองเครื่องประดับสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 5 ...... 124 4.28 แบบจําลองเครื่องประดับสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 6 ...... 125 4.29 แบบจําลองเครื่องประดับสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 7 ...... 125 4.30 เข็มจิ้มใยขนแกะ ...... 126 4.31 ฐานรองเข็ม...... 126 4.32 ใยขนแกะ Felting Wool ...... 127 4.33 การขึ้นรูปโครงสรางสวนลําคอ ชิ้นที่ 1 ...... 127 4.34 การขึ้นรูปโครงสรางสวนลําคอ ชิ้นที่ 2 ...... 128 4.35 การขึ้นรูปโครงสรางสวนแขน ชิ้นที่ 1 ...... 129 4.36 การขึ้นรูปโครงสรางสวนแขน ชิ้นที่ 2 ...... 130 4.37 การขึ้นรูปโครงสรางสวนแขน ชิ้นที่ 3 ...... 130 4.38 การขึ้นร ูปโครงสรางสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 1 ...... 131 4.39 การขึ้นรูปโครงสรางสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 2 ...... 131
ฑ
ภาพที่ หนา 4.40 การขึ้นรูปโครงสรางสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 3 ...... 132 4.41 การขึ้นรูปโครงสรางสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 4 ...... 132 4.42 การขึ้นรูปโครงสรางสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 5 ...... 133 4.43 การขึ้นรูปโครงสรางสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 6 ...... 133 4.44 การขึ้นรูปโครงสรางสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 7 ...... 133 4.45 การตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปดในสวนลําคอ ชิ้นที่ 1 ...... 134 4.46 การตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปดในสล วน ําคอ ชิ้นที่ 2 ...... 134 4.47 การตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปดในสวนแขน ชิ้นที่ 1 ...... 135 4.48 การตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงกั หอิน และลูกปสมดในสุดกวนแขนลา ชิ้นที่ 2 ...... 136 4.49 การตกแตงชสิ้นงานดำนวยโลหะเงิน และลูกปดในสวนแขน ชิ้นทงี่ 3 ...... 137 4.50 การตกแต งชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปดในสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 1 ...... 137 4.51 การตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปดในสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 2 ...... 138 4.52 การตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปส ดใน วนนิ้วมือ ชิ้นที่ 3 ...... 138 4.53 การตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปดในสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 4 ...... 139 4.54 การตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปดในสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 5 ...... 139 4.55 การตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปดในสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 6 ...... 139 4.56 การตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปดในสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 7 ...... 140 5.1 ภาพผลงานสวนลําคอ ชิ้นที่ 1...... 141 5.2 ภาพผลงานสวนลําคอ ชิ้นที่ 2...... 142 5.3 ภาพผลงานส วนแขน ชิ้นที่ 1 ...... 142 5.4 ภาพผลงานสวนแขน ชิ้นที่ 2 ...... 143 5.5 ภาพผลงานสวนแขน ชิ้นที่ 3 ...... 143 5.6 ภาพผลงานสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 1 ...... 144 5.7 ภาพผลงานสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 2 ...... 144 5.8 ภาพผลงานสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 3 ...... 145 5.9 ภาพผลงานสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 4 ...... 145 5.10 ภาพผลงานสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 5 ...... 146 5.11 ภาพผลงานสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 6 ...... 146 5.12 ภาพผลงานสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 7 ...... 147 6.1 เห็ดและสิ่งมีชีวิต ...... 148 6.2 ลักษณะทางกายภาพของเห็ดและบริบทโดยรอบ ...... 149 6.3 ผลงานที่เกี่ยวของกับเห็ดและความอุดมสมบูรณ ...... 149
ฒ
บทที่ 1
บทนํา
1.1 ที่มาและความสําคัญของปญหา
‘ปาไม’ มีความสําคัญตอมวลมนุษยและสิ่งมีชีวิตนอยใหญทั้งหลาย ทั้งสัตวและพืชในผืนปา กวางใหญลวนมีความจําเปนจะตกั องพึ่หงพาอาศอสัยกัมนอยุดางเกกื้อกูลล แมาขาดสิ่งมีชีวิตเล็กๆเพียงสิ่งเดียวก็ไม อาจสรางความอุดมสมบสำูรณนอันยิ่งใหญได วัฎจัปกรของสิ่งมีชีวิตใน งาทําใหขาพเจาไดรับทราบขอมูล ของพืชชนิดหน ึ่ง ซึ่งแมเปนเพียงพืชขนาดเล็กแตใหคุณประโยชนกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆอยางอเนก อนันต พืชดังกลาวคือ “เห็ด” ปจจุบันเห็ดจัดเป นพืชเศรษฐกิจ เปนอาหารสุขภาพสามารถทดแทน โปรตีนจากเนื้อสัตวได นอกเหนือจากสิ่งที่กลาวมาแลวนั้น เห็ดยังเปนปจจัยหลักในการสงเสริมระบบ ชีววิทยาและมีสวนสําคัญในการสรางใหวัฏจักรชีวิตในผืนปาเกิดความสมดุล เห็ดเปนราชั้นสูงกลุมหนึ่งในอาณาจักรฟงไจมีประโยชนในการเอื้อใหดินเกิดความชุมชื้น ยอย สลายจุลินทรียเสมือนเปนตัวเชื่อมโยงผูผลิตและผูบริโภคใหเก ิดการพึ่งพาซึ่งกันและกัน ชวยเพิ่มความ หลากหลายทางชีวภาพ เสริมสรางใหทรัพยากรธรรมชาติฟนตัวกลับคืนมา ทําใหหวงโซอาหารของพืช และสัตวครบวงจร และเติมเต็มความสมบูรณแกระบบนิเวศ อนึ่ง การที่เห็ดจะเกิดขึ้นและเจริญเติบโต ไดดีในธรรมชาตินั้น จําเปนตองอาศัยปจจัยตางๆมากมาย ที่เห็นไดชัดคือ ความอุดมสมบูรณที่มาจาก จํ านวนของตนไมในปาธรรมชาติ ดังนั้น เห็ดจึงเปนทั้งผูใหและผูรับ ถือวาเปน ”ดัชนีชี้วัดความอุดม สมบูรณ” ดังคํากลาวที่วา “ที่ไหนมีปาที่นั้นมีเห็ด” ดังนั้น เห็ดสอนใหขาพเจาเขาใจไดวา ความงดงามของสิ่งมีชีวิ ตขนาดเล็กสามารถเติมเต็ม ความอุดมสมบูรณแกสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในวงกวางได ทั้งหมดนี้ขาพเจาในฐานะนักออกแบบจึงเกิดแรง บันดาลใจในการสรางสรรคผลงานเครื่องประดับ ซึ่งขาพเจาตองการใหผลงานเครื่องประดับของ ขาพเจาเปนเสมือนตัวแทนในการถายทอดเรื่องราวและสาระความสําคัญของเห็ดกับความอุดม สมบูรณ ดวยหวังเปนอย างยิ่งวา นอกจากเห็ดจะสรางแรงบันดาลใจในการออกแบบผลงานเครื่อง ประดับที่มีความสวยงามแลว ยังสามารถสงเสริมจิตสํานึกดานการอนุรักษทรัพยากรในอนาคตแกผู สวมใสอีกดวยดังพระราชดํารัสของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวฯซึ่งทรงกลาวไววา “เราควรปลูก ตนไมลงในใจเสียกอนแลวคนเหลานั้นก็จะพากันปลูกตนไมลงแผนดินและรักษาตนไมดวยตนเอง”
1 2
1.2 วัตถุประสงคของโครงงาน
1.2.1 ตองการออกแบบเครื่องประดับที่เปนเสมือนตัวแทนในการถายทอดเรื่องราวของเห็ดที่เปน ดั่ง "ดัชนีแหงความอุดมสมบูรณ” 1.2.2 ตองการออกแบบเครื่องประดับสามารถสรางเสริมจิตสํานึกดานการอนุรักษสิ่งแวดลอม
1.3 ขอบเขตการศึกษาของโครงงาน
1.3.1 ศึกษาที่มาความสําคัญของปาไมในประเทศไทย ระบบนิเวศวิทยาของผืนปา 1.3.2 ศึกษาขอมูลของเห็ดชนกั ิดตหางๆซอึ่งเปสนดมัชนุดีวัดความอกลุดมสมบา ูรณในผืนปาตางๆเฉพาะอยาง ยิ่งปาสําคัญ ปาตนน้ําในประเทสำนศไทย เปนตน ง 1.3.3 ศึกษาหาท ัศนธาตุและการจัดองคประกอบศิลปที่สามารถถายทอดภาพความอุดมสมบูรณ และความสําคัญของสิ่งมีชีวิตที่ตองพึ่งพาอาศัยอยางเกื้อกูลกัน
1.4 ประโยชนที่คาดวาจะไดรับ
1.4.1 ผลงานเครื่องประดับที่เปนเสมือนตัวแทนในการถายทอดเรื่องราวของเห็ด“ดัชนีแหงความ อุดมสมบูรณ” 1.4.2 ผลงานเครื่องประดับสรางเสริมจิตสํานึกเรื่องการอนุรักษสิ่งแวดลอม
บทท ี่ 2
การรวบรวมและการศึกษาขอมูล
ในประเทศไทยนั้นอุทยานแหงชาติเขาใหญนับวาเปนปาตนน้ําที่หลอเลี้ยงจังหวัดตางๆของ ประเทศและเปนแหลงกําเนิดชีวิตที่สําคัญมากมาย พื้นที่ปาที่มีเนื้อที่กวางขวางและยังคงความอุดม สมบูรณของปาเอาไวอยางสมบปูรณ ซึ่งถือวาเ นมรดกทางธรรมชาติแหงแรกของประเทศไทย มีความ หลากหลายทางธรรมชาติ ดังนกั ั้นขหาพเจอาจึงไดสสนใจในเหมุดก็ดทลี่เปานดั่งดัชนีแหงความสมบูรณ ซึ่งเปน สิ่งมีชีวิตที่มีความสําคสัญกำับปนาตนน้ํานี้อีกดวย ง ปจจุบั นเห ็ดเปนพืชเศรษฐกิจ ใหประโยชนแกมนุษยในดานตางๆมากมาย ปอีกทั้งยังเ น อาหารสุขภาพสามารถทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตวได ซึ่งนอกเหนือจากที่กลาวมาแลวนั้น เห็ดยังเปน ปจจัยหลักในการสงเสริมระบบชีววิทยาและมีสวนสําคัญในการสรางใหวัฏจักรชีวิตในผืนปาเกิดความ สมดุล ไมวาจะเปนการเกื้อกูลพืชพรรณและสัตวตางๆทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ หรือการที่เปนผูชวยยอยสลายอินทรียวัตถุ ทั้งซากพืชและซากสัตว
2.1 เห็ดและความหมายของเห็ด
เห็ดเปนเห็ดเปนฟงไจชั้นสูงที่มีขนาดใหญซึ่งไมจัดเปนพืชหรือสัตว ไมมีสารสีเขียว(chlorop- hyll)เหมือนพืชจึงไมสามารถปรุงอาหารกินเองได ไมมีระบบประสาทหรืออวัยวะและไมสามารถเคลื่- อนที่ไดเชนสัตว การเจริญเติบโตของเห็ดมีลักษณะเปนเสนใยรวมกัน
2.2 บทบาทตอระบบนิเวศในปา
2.2.1 เห็ดผูยอยสลายอินทรียวัตถุ (Saprophytic Mushroom) เห็ดกลุมนี้จะพบไดตามซากอินทรียวัตถุที่ตายแลว (Dead organic matters) เชน ใบไม หญา กิ่งกาน ไมซุง ตอไม ผลไม เหม็ดไม หรือ มูลสัตว เปนตน เห็ดกลุมนี้ทําหนาที่ยอยสลายซาก เทานั้น โดยอาศัยก ารปลอยน้ํายอยออกไปเพื่อยอยสลายโครงสรางที่แข็งแรงของสิ่งที่ดอกเห็ดขึ้นอยู ทําใหซากอินทรียวัตถุนั้นๆ คอยๆ ผุพัง และกลายเปนแรธาตุ สวนหนึ่งกลับคืนสูดินเพื่อเปนวัฎจักร หมุนเวียนธาตุอาหาร และอีกสวนหนึ่งจะถูกเสนใยของดอกเห็ดดูดและน ําไปใชประโยชนตอไป สําหรับเห็ดกลุมนี้สามารถสํารวจพบไดบอยเพราะมีเปนจํานวนมาก อาจจะพบดอกเห็ดทั้งที่ออนนุม เหนียว แข็ง และพบไดเกือบทุกฤดูกาลโดยเฉพาะบริเวณที่มีความชื้นสูง เปนตน
3 2.2.2 เห็ดที่เปนสาเหตุของโรค (Parasitic Mushroom) เห็ดกลุมนี้เปนกลุมที่เขาทําลายตนไมขณะยืนตนและยังมีชีวิตอยู หรือเขาทําลายสัตวขนาด เล็กจําพวกแมลงและแมงมุม โดยเชื้อเห็ดจะเขาไปแยงน้ําและอาหาร ทําใหเซลลและเนื้อเยื่อของ สิ่งมีชีวิตที่ดอกเห็ดขึ้นอยูคอยๆ ทรุดโทรมและตายลงไปในที่สุด 2.2.3 เห็ดที่มีความสัมพันธกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น (Symbiosis Mushroom) เห็ดกลุมนี้สามารถแบงตามชนิดของสิ่งมีชีวิตที่มีความสัมพันธดวยได 2 กลุมคือ 2.2.3.1 เห็ดเอคโตไมคอรไรซา (Ectomycorrhizal Mushroom) เห็ดกลุมนี้เปน เห็ดที่สรางดอกเห็ดอยูตามบริเวณใตรมไม 2.2.3.2 เห็ดโคนปลวก (Termite Mushroom หรือ Termitomyces spp.) เห็ดใน กลุมนี้การเจริญของเสนใยที่กรวมตกั ัวเหิดเปอนดอกเหสม็ดจุดําเปกนตลองมาีสารบางชนิดที่ปลวกสรางขึ้นจึงจะ เกิดเปนโครงสรางดอกเหสำ็ดอยนางที่เราพบเห็นได ง
2.3 เห็ดเอคโตไมคอรไรซา
2.3.1 ความนํา ไมคอรไรซา (mycorrhiza) เปนชื่อเรียกความสัมพันธแบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันระหวาง รากของพืชชั้นสูงที่มีชีวิตกับรา ไมคอรไรซาแบงออกเปนหลายประเภท โดยการแบงนั้นพ ิจารณาจาก ชนิดของพืช ชนิดของรา และลักษณะการเขาไปอาศัยอยูในรากพืชของรา สําหรับราในกลุมเห็ดมัก พบวามีความสัมพันธแบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันกับรากของไมปาเปนสวนใหญ และเปนประเภทที่ เรียกวา เอคโตไมคอรไรซา (ectomycorrhiza) โดยเสนใยของเห็ดจะพันกันเปนชั้นหอหุมรากของไม ปา และมีเสนใยบางสวนแทงผานผ ิวรากเขาไปเจริญในระหวางเซลลผิวและเซลลชั้นคอรเท็กซ (cortex) ของราก สงผลใหรากแตกแขนงและมีขนาดใหญมากขึ้น รวมทั้งมีสีที่ตางไปจากเดิมดวย เชน สีขาว สีเหลือง สีดํา เปนตน ลักษณะเหลานี้สามารถมองเห็นดวยตาเปลาไดอยางชัดเจน เห็ดที่อยู รวมกับรากพืชด ังที่กลาวมาเรียกวา เห็ดเอคโตไมคอรไรซา (ectomycorrhiza mushroom) สวนราก พืชเรียกวา รากเอคโตไมคอรไรซา (ectomycorrhiza root)
2.3.2 ลักษณะที่สําคัญของเห็ดเอคโตไมคอรไรซา การอยูรวมกันแบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันระหวางเห็ดเอคโตไมคอรไรซาและพืช เปนไปใน ลักษณะที่เห็ดไดรับอาหารที่มาจากการสังเคราะหแสงของพืชที่เห็ดนั้นอาศัยอยูสวนพืชไดรับแรธาตุ ตางๆ และน้ําจากดินเพิ่มขึ้นจากที่รากพืชดูดเองได โดยมีเสนใยของเห็ดที่แผกระจายอยูในดินชวยใน การดูดซึม แลวสงตอไปใหพืชโดยผานทางราก ทําใหพืชสามารถสังเคราะหอาหารไดมากขึ้นและ เติบโตแข็งแรงมากกวาปกติ อาหารที่พืชสังเคราะหขึ้นนี้บางสวนถูกสงมาเลี้ยงและสะสมไวที่ราก ซึ่ง รากจะสงอาหารตอไปใหเสนใยของเห็ด ทําใหเสนใยของเห็ดเจริญสมบูรณและสามารถสรางดอกเห็ด ขึ้นมาบนพื้นดิน เสนใยของเห็ดที่พันอยูรอบๆราก ทําหนาที่เหมือนเกราะปองกันรากจากการเขาทําลายของ เชื้อโรคพืชตางๆ จึงทําใหพืชมีความตานทานตอโรคที่รากมากขึ้น และเสนใยของเห็ดที่แผกระจาย ออกไปอยางกวางขวางในดินไดไกลกวาที่รากพืชไปถึง ชวยดูดน้ําและแรธาตุใหแกพืชมากขึ้น จึงทําให พืชเติบโตเร็วขึ้นและมีความทนทานตอสภาพแวดลอมที่แหงแลงเพิ่มขึ้นดวย เห็ดเอคโตไมคอรไรซาบางชนิด เปนอาหารของคนและสัตว มีคุณสมบัติเปนยารักษาโรค และ ชวยเพิ่มคุณคาทางการทองเที่ยว เนื่องจากดอกเห็ดที่ขึ้นอยูตามธรรมชาติมีรูปรางและสีที่ สวยงาม การที่บนพื้นปามีดอกเห็ดหลากชนิดขึ้นอยูเปนจํานวนมาก เปนสิ่งที่บงชี้วาปานั้นมีระบบนิเวศที่ดี มี ความชื้นและอาหารที่เหมาะสมตอการเจริญของเห็ด
2.3.3 ประโยชนของเห็ดเอคโตไมคอรไรซา 2.3.3.1 ชวยเพิ่มพื้นที่ผิวและปริมาณของรากพืชและตนไม 2.3.3.2 ชวยเพิ่กั มความแขหอ็งแรงใหสมแกุดระบบรากของตกลา นไม 2.3.3.3สำ ชวยเพิ่น มความสามารถในการดูดซับน้ํา อางหาร และแรธาตุใหแกตนไม เชน ฟอสฟอรัส ไนโตรเจน (P) ไนโตรเจน (N) โปรแตสเซียม (K) แคลเซียม (Ca) และธาตุอื่นๆ ซึ่งธาตุ เหลานี้เชื้อราจะดูดซับไวและสะสมในรากและซึมซับขึ้นสวนตางๆของตนไม ชวยในการสังเคราะหแสง (Photosynthesis) ของพืชเปนตน 2.3.3.4 ชวยสลายและดูดซับอาหารจากหินแรในดินที่สลายตัวยาก และพวกอินทรีย สารตางๆ ที่ยั งสลายตัวไมหมดใหพืชสามารถนําไปใชประโยชนได 2.3.3.5 ชวยเพิ่มอายุใหแกระบบรากของพืชและตนไม 2.3.3.6 ชวยปองกันโรคที่จะเกิดกับระบบรากพืชหรือตนไม 2.3.3.7 ชวยใหตนไมมีความแข็งแรง ทนทานตอสภาพพื้นที่ที่แหงแลง ทนทานตอ ความเปนพิษของดิน และทนทานตอความเปนกรด-ดางของดิน ชวยปรับความเปนกรด-ดางของดินให เหมาะสมตอการเจริญเติบโตของตนไม 2.3.3.8 ชวยเพิ่มพูนความเจริญเติบโตของตนไม 1-7 เทาจากอัตราปกติ 2.3.3.9 ดอกเห็ดไมคอรไรซาสามารถใชเปนอาหารรับประทานได และเปนเห็ด สมุนไพร 2.3.3.10 ชวยใหมีการยอยสลายของซากพืชและแรธาตุที่ไมเปนประโยชนใหกลับ กลายเปนธาตุอาหารที่มีประโยชนตอตนไม ดังนั้น เห็ดเอคโตไมคอรไรซาจึงชวยเสริมสรางระบบนิเวศป าไมใหมีความอุดมสมบูรณมาก ขึ้นและทําใหปามีความอุดมสมบูรณ
2.3.4 เห็ดเอคโตไมคอรไรซาชนิดตางๆ ศึกษาเห็ดเอคโตไมคอรไรซาชนิดตางๆ จาก Phylum Basidiomycota (ตารางที่ 2.1) เนื่องจากเปนกลุมที่จัดวามีวิวัฒนาการสูงที่สุดและสามารถศึกษาไดดวยตาเปลา โดยมีเห็ดเอคโตไม คอรไรซาดังนี้ - Order Agaricales (ทั้งหมด 33 ชนิด) ประกอบด วย Family Bolbitiaceae(1), Family Cortinariaceae(2), Family Hydnangiaceae(2), Family Pluteaceae(25), Family Tricholomatacea(3) - Order Boletales (ทั้งหมด 51 ชนิด) ประกอบด วย Family Boletaceae(41), Family Scleodermataceae(4), Family Suillaceae(6) - Order Cantharellales (ทั้งหมด 2 ชนิด) ประกอบดวย Family Cantharellaceae(2) - Order Russulales (ทั้งหมด 27 ชนิด) ประกอบดวย Family Russulaceae(27)
กั หอสมุดกลา สำน ง
2.4 โครงสรางของดอกเห็ด (Structure of mushroom) (ภาพที่ 2.1)
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 2.1 ลักษณะดอกออนและลักษณะดอกที่สมบูรณเต็มที่ (ที่มา : http://www0.tint.or.th/nkc/nkc53/content/nstkc53-067.html)
ประกอบดวยสวนตางๆ (ภาพที่ 2.1) ดังนี้ 2.4.1. หมวก (Cap or pilleus) เปนสวนที่อยูดานบนสุด มีรูปรางตาง ๆ กันเชน โคงนูน รูปกรวยรูปปากแตร รูประฆัง พื้นผิว บนหมวกตางกัน เชน ผิวเรียบ ขรุขระ มีขนเกล็ด มีสีแตกตางกันและอาจมีการเปลี่ยนแปลงได 2.4.2. ครีบ (Gill or lamelta) อาจเปนแผนหรือซี่บาง ๆอยูใตหมวกเรียงเปนรัศมี หรือเปนรู (Pores) ครีบเปนที่เกิดของ สปอร 2.4.3. กาน (Dtalk or stipe) ปลายขางหนึ่งของกานยึดติดกับดอก หรือหมวกเห็ด มีขนาด รูปราง สี ตางกันในแตละชนิด บางชนิดไมมีกาน เชนเห็ดหูหนู เห็ดเผาะ 2.4.4. วงแหวน (Ring or annulus) เปนสวนที่เกิดจากเยื่อบาง ๆ ที่ยึดขอบหมวก กับกานดอกที่ขาดออกจากหมวกเห็ดบาน 2.4.5. เปลือกหรือเยื่อหุมดอก (Vova outer veil) เปนสวนนอกสุดที่หุมหมวก และกานไวภายในขณะที่ยังเปนดอกออน จะแตกออกเมื่อดอก เริ่มบาน สวนของเปลือกหุมจะยังอยูที่โคน 2.4.6. เนื้อ (Context) เนื้อภายในหมวกหรือกานอาจจะสั้น เหนียวนุม เปราะ เปนเสนใย
2.5 วัฎจักรชีวิตของเห็ด (ภาพที่ 2.2)
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 2.2 วัฏจักรชีวิตของเห็ด (ที่มา : http://www0.tint.or.th/nkc/nkc53/content/nstkc53-067.html และ https://www.gotoknow.org/posts/224707)
ดอกเห็ดมีระยะทางการเจริญเติบโต 6 ระยะดวยกัน (ภาพที่ 2.2) คือ 2.5.1. ระยะหัวเข็มหมุด ระยะนี้เสนใยจะรวมตัวกันเห็นเปนจุดสีขาวเล็ก ๆ บนวัสดุที่เห็ด ฟางใชในการเจริบเติบโต 2.5.2. ระยะกระดุมเล็ก เปนระยะที่ดอกเห็ดโตขึ้นมีขนาดเทากับเม็ดกระดุมขนาดเล็ก 2.5.3. ระยะกระดุม เปนระยะที่เสนใยของเห็ดมีการเปลี่ยนแปลงและขยายตัวในความกวาง ของดอกเต็มที่ สวนของหมวกและกานดอกยังเล็กอยู เหมาะที่จะเก็บขยายในระยะนี้ 2.5.4. ระยะรูปไข ในระยะนี้ดอกเห็ดจะมีการเจริญดานความยาวบริเวณกานดอกและความ กวางบริเวณหมวกดอก 2.5.5. ระยะยืดตัว หลังจากเปลือกที่หุมปริออก กานดอกเห็ดเริ่มจะชูดอกโต ในระยะแรก หมวกดอกจะยังไมบาน ในระยะนี้สามารถมองเห็นหมวกดอก ครีบดอก กานดอก เนื้อเยื่อหุมโคนดอก ไดชัดเจน 2.5.6. ระยะดอกบานเต็มที่ห ดอกเ ็ดสวนที่บานเต็มที่ตรงสวนครีบดอกจะมีสปอรอยูภายใน ครีบเปนจํานวนมาก 2.6 กลุมของเห็ด
เห็ดถูกแบงออกเปนกลุมยอยหลายกลุมโดยใชรูปรางลักษณะของดอกเห็ดและรูปรางของ สวนที่เปนที่อยูของเบสิเดียมเปนหลัก สามารถแบงเห็ดออกเปนกลุมยอยๆ ไดดังตอไปนี้
กลุมที่ 1 กลุมเห็ดมีครีบ (Agarics or Gilled mushrooms) ดอกเห็ดมีหมวก อาจจะมีกานหรือไมมีกาน ดานลางของหมวกมีลักษณะเปนคร ีบและเปนที่ เกิดของสปอร ดอกเห็ดขึ้นบนดิน หรือบนทอนไม ใบไมผุ หรือบนมูลสัตว
กลุมที่ 2 กลุมเห็ดมันปกู ั (Chanterellesหอส)ม ุดกลา ดอกเห็ดมีหมวกสำ และกน าน รูปรางคลายแตรหรือแจกันปากบานง ผนังดานนอกของกรวย อาจจะเรียบหร ือหยักย นและเปนรองตื้นๆ สปอรเกิดอยูบนผนังดานนี้ ดอกเห็ดขึ้นบนดิน
กลุมที่ 3 กลุมเห็ดตับเตา (Boletes) ดอกเห็ดมีหมวกและกาน มีเนื้อออนนิ่ม ดานลางของหมวกมีลักษณะคลายฟองน้ําที่มีรูพรุน ชั้นที่มีรูนี้ถูกดึงแยกออกจากหมวกไดโดยงาย สปอรเกิดอยูภายในรู ตามปกติดอกเห็ดขึ้นอยูบนดิน
กลุมที่ 4 กลุมเห็ดหิ้ง (Polypores and Bracket Fungi) ดอกเห็ดมีรูปรางคลายชั้นหรือหิ้งหรือคลายเครื่องหมายวงเล็บหรืลอค ายพัด ไมมีกานหรือมี กานที่อยูเยื้องไปทางดานใดดานหนึ่งของหมวก หรือติดอยูทางดานขางของหมวก สวนใหญเนื้อเหนียว และแข็งคลายเนื้อไม ดานลางหรือดานหลังของหมวกมีรูขนาดเล็กเรียงกันแนนและภายในรูเปนที่เกิด ของสปอร ชั้นที่เปนรูไมสามารถแยกออกมาจากสวนหมวกได ตามปกติขึ้นอยูบนไม แตอาจพบบนดิน ได
กลุมที่ 5 กลุมเห็ดแผนหนัง (Leather-bracket Fungi) ดอกเห็ดรูปรางคลายเครื่องหมายวงเล็บหรือคลายพัด ไมมีกาน มีลักษณะเปนแผนบางเหนียว และมักเรียงซอนกันหรือขึ้นอยูติดๆกัน ดานบนของหมวกมีสีออนสลับกันเปนวง และบนผิวหมวก อาจมขนสั้นๆ ดานตรงขามซึ่งเปนที่เกิดของสปอรมีลักษณะเรียบ หรือเปนรอยนูนขึ้นลง บางชนิดขึ้น บนดิน บางชนิดขึ้นบนไม
กลุมที่ 6 กลุมเห็ดหูหนู (Jelly Fungi) ดอกเห็ดมีรูปรางหลายแบบ อาจเหมือนใบหู เนื้อบางคลายแผนยาง นิ่มและเปนเมือก สปอร เกิดอยูทางดานที่มีรอยยนหรือมีรอยเสนแตกแขนง ขึ้นบนไมผุในที่ชื้น
กลุมที่ 7 กลุมเห็ดที่เปนแผนแบนราบไปกับทอนไม (Crust and Parchment Fungi) ดอกเห็ดเปนแผนแข็งติดบนไม หรือมีขอบดอกโคงออกจากทอนไมคลายหิ้ง เนื้อเหนียวและ ไมเปนเมือก ดานที่อยูตรงขามกับทอนไมคือที่เกิดของสปอร อาจมีลักษณะเรียบ ยน เปนเสนคดเคี้ยว หรือนูนเปนปุม
กลุมที่ 8 กลุมเห็ดฟนเลื่อย (Tooth Fungi) ดอกเห็ดอาจมีหมวกและกาน หรือไมมีกานก็ได ดานลางของหมวกมีลักษณะคลายซี่เลื่อย หรือหนาม ทิ่มลงหาพื้นดิน สปอรที่เกิดอยูที่ซี่เลื่อยหรือหนามนี้ ดอกเห็ดอาจขึ้นจากดินหรือขึ้นบนไม
กลุมที่ 9 กลุมเห็ดปะการกั ัง หและเหอ็ดกระบองสมุด (Coralก ลandา Club Fungi) ดอกเห็ดตั้งตรงส ำอาจแตกแขนงเปน นกิ่งกานเล็กๆ หรือตั้ งตรงและพองออกตอนปลายง ดูคลาย กับกระบอง อย ูเด ี่ยวๆหร ือเปนกลุม สปอรเกิดบนผนังดานนอกของกระบองและตามกิ่งแขนง ขึ้นบน ดินหรือไม
กลุมที่ 10 กลุมเห็ดรูปรมหุบ (Gastroid Agarics) ดอกเห็ดมีรูปรางคลายรมหุบ คือมีหมวกและมีกานอยูตรงกลางหมวก และหมวกอยูใน ลักษณะคุม ไมกางออก เนื่องจากขอบหมวกติดอย ูกับกาน ภายใตหมวกมีแผนเนื้อเยื่อที่แตกเปนรอง แยกออกหลายแขนง มองดูคลายกับครีบที่บิดเบี้ยว เนื้อเยื่อสวนนี้คือที่เกิดของสปอร ซึ่งจะเปลี่ยนไป เปนฝุนผงทั้งหมดเมื่อดอกเห็ดแกสปอรออกสูภายนอกไดตอเมื่อหมวกฉีกขาด จากรูปจะเห็นไดวากาน ดอกผานสวนที่เปนที่เกิดของสปอร จนถึงยอดหมวก มักพบเห็ดชนิดดนี้บน ินในที่รอนและแหง ใน ทะเลทราย และบนภูเขาสูง
กลุมที่ 11 กลุมเห็ดลูกฝุนและดาวดิน (Puffballs and Earthstars) ดอกเห็ดเปนรูปทรงกลมรูปไขหรือรูปคลายผลสาลี่ บางชนิดเมื่อดอกแก ผนังชั้นนอกแตก และบานออกคลายกลีบดอกไม สปอรเกิดอยูภายในสวนที่เปนทรงกลม เมื่อออนผาดูเนื้อขางในมี ลักษณะหยุนและออนนุม เมื่อมีลักษณะเปนฝุนผง ดอกเห็ดอาจเกิดบนดินหรือบนไม
กลุมที่ 12 กลุมเห็ดลูกฝุนกานยาว (Stalked Puffballs) ดอกเห็ดเปนรูปทรงกลมคลายกับกลุมเห็ดลูกฝุน แตมีกานยาวชัดเจน ปลายกานสิ้นสุดที่ฐาน ของรูปทรงกลม และสปอรมีลักษณะเปนฝุนผงเกิดอยูภายในรูปทรงกลม มักจะพบในทะเลทราย ใน ทราย หรือบนดินในที่รกราง
กลุมที่ 13 กลุมเห็ดรังนก (Bird’s nest Fungi) ดอกเห็ดมีขนาดเล็ก ตามปกติมีเสนผานศูนยกลางนอยกวา 1 ซม. รูปรางคลายรังนกและมีสิ่ง ที่มองแลวคลายไข รูปรางกลมแบนวางอยูในรัง ภายในเต็มไปดวยสปอร ดอกเห็ดนี้เมื่อยังออนดานบน ของรังมีเนื้อเยื่อปดหุม พบขึ้นบนไมผุ กลุมที่ 14 กลุมเห็ดเขาเหม็น (Stinkhorns) ดอกเห็ดเมื่อออนรูปรางคลายไข ตอมาสวนของกานคอยๆโผลดันเปลือกหุมจนแตกออก เปลือกไขสวนลางกลายเปนถุงหรือถวยหุมโคนดอก ดานบนสวนปลายกานอาจจะมีหมวกหรือไมมี และมีสปอรเปนเมือกสีเขมฉาบอยู สวนของกานมีลักษณะพรุนและนิ่มมาก อาจมีรางแหปกคล ุมกานที่ โผลออกมาจากเปลือกอาจจะแตกคลายหนวดปลาหมึก หรือพองเปนชองโปรงคลายลูกตะกรอ ดอก เห็ดมีกลิ่นเหม็นมาก ขึ้นบนดินที่มีซากพืชทับทมหนา
สรุป : - เมื่อพิจารณาขอมูลพื้นฐานของเห็ดเอคโตไมคอรไรซาจากตารางการสํารวจสามารถแบง ขอมูลออกไดเปนสองสกัวนคือห ลักษณะทางกายภาพของเหอสมุดกลา็ด และลักษณะทางบริบทโดยรอบ - นําขอมูลพื้นฐานทสำนี่หามาได นําไปเปรียบเทียบกล ับก ุมเห็ดในประเทศไทยง ซึ่งกลุมเห็ดจะ แบงเป นกล ุมยอยไว 14 กลุม โดยจะแบง กลุมโดยใชรูปรางลักษณะของดอกเห็ดและรูปราง ของสวนที่เปนที่อยูของเบสิเดียมเปนหลัก - พบวาเห็ดในกลุมที่ 1 กลุมเห็ดมีครีบ (Agarics or Gilled mushrooms) คือ Order Agaricales และ Order Russulales มีความหลากลายเชิงชนิดของเห็ดกลุมเอคโตไมคอรไร ซามากที่สุด และนอกจากนั้นยังมีจํานวนของเห็ดเอคโตไมคอรไรซามากที่สุดดวย - จากนั้นจึงนําลักษณะเหลานี้มาเปนหัวขอในการสํารวจ เพื่อศึกษาหาลักษณะเดน ซึ่งลักษณะ ทางกายภาพมีความหลากหลายในทางดานองคประกอบศิลปหรือทัศนธาตุมากมาย และก็ได แยกมาแลวดังนี้ คือ ลักษณะทางกายภาพศึกษาจาก หมวก ครีบ กาน สี พื้นผิว และขนาด ลักษณะของบริบทโดยรอบ ศึกษาจาก ลัรกษณะการเจ ิญเติบโตและบริเวณใกลเคียง
2.7 การพิจารณาหาลักษณะทางกายภาพและลักษณะทางบริบทโดยรอบของเห็ดเอคโตไมคอรไร ซา
ลักษณะทางกายภาพของกลุมเห็ดครีบ มีกายภาพซึ่งเปนลักษณะเดียวกัน โครงสรางโดยรวม เหมือนกัน ซึ่งอาจจะมีรายละเอียดที่แตกตางกันบาง ในเรื่องของขนาด และ เรื่องสีในบางจุด จึงนํามา แยกพิจารณาโดยจับกลุมของเห็ดชนิดที่มีความเหมือนกันไวในกลุมเดียวกัน เพื่อจะพิจารณาหาสิ่งที่มี ความแตกตางกันและสิ่งที่เหมือนกัน ซึ่งลักษณะทางกายภาพสามารถถายทอดลักษณะและจุดเดน ของความเปนเห็ดไดและยังเปนสวนสําคัญในการเขาถึงเนื้อหาความอุมดมสมบูรณดวย โดยสามารถ แบงออกเปนกลุมของเห็ดแปดกลุม ตามชนิดของเห็ดและความใกลเคียงกัน ดังนี้ 2.7.1 Order Agaricales : Family Bolbitiaceae (1 ชนิด) : เห็ดหัวผักกาด 2.7.2 Order Agaricales : Family Cortinariaceae ( 2 ชนิด ) : เห็ดชอมวงและเห็ดผมซี ซาร 2.7.3 Order Agaricales : Family Hydnangiaceae ( 2 ชนิด ) : กลุมเห็ดชงโค 2.7.4 Order Agaricales : Family Pluteaceae ( 25 ชนิด ) : กลุมเห็ดไขหรือเห็ดระโงก 2.7.5 Order Agaricales : Family Tricholomatacea ( 3 ชนิด ) : กลุมเห็ดเหลือง 2.7.6 Order Russulales : Family Russulales ( 7 ชนิด ) : กลุมเห็ดฟาน 2.7.7 Order Russulales : Family Russulales ( 14 ชนิด ) : กลุมเห็ดหลม 2.7.8 Order Russulales : Family Russulales ( 2 ชนิด ) : กลุมเห็ดถาน
นกั หอสมุดกลาง สำ
2.8 การวิเคราะหลักษณะทางกายภาพ
ลักษณะทางกายภาพสามารถถายทอดลักษณะและจุดเดนของความเปนเห็ดได และยังเปน สวนสําคัญในการเขาถึงเนื้อหาความอุดมสมบูรณอีกดวย ซึ่งจากการที่ไดวิเคราะหลักษณะจากตาราง การสํารวจพบวา เห็ดมีลักษณะเดนที่เหมือนกันอยางชัดเจน แตจะมีรายละเอียดปลีกยอยแตกตางกัน
ตารางที่ 2.3 สรุปการสํารวจลักษณะทางกายภาพและการเจริญเติบโตของเห็ดเอคโตไมคอรไรซาใน กลุมเห็ดครีบ
สวนตางๆ รูปแบบ ม พื้นผิว ำนกั หอส ุดกลาง ส หมวก
ภาพตัดหมวก
กาน
ครีบ
สี
ตารางที่ 2.3 (ตอ)
20*5 cm 20 cm 1.5*0.1 cm ขนาด 1 cm
สรุป : ลักษณะที่เปนคนาเฉลกั ี่ย และภาพโดยรวมของเหหอสมุดก็ดจะมลาีสวนประกอบตางๆ (ตารางที่ 2.3) ดังนี้ สำ ง - หมวก พบว าหมวกจะมีรูปรางเปนเสนโคงไปจนถึงแบนราบเมื่อโตเต็มที่ - ครีบ จะมีลักษณะของครีบที่แผ เรียงตัวกันโดยพุงออกมาจากกาน - พื้นผิว พบวาพื้นผิวบริเวณกานและพื้นผิวบริเวณหมวกมีลักษณะพื้นผิวที่เหมือนกัน คือ เมื่อ หมวกมีขน กานก็จะมีขน หรือ เมื่อหมวกมีเกล็ด กานก็จะมีเกล็ด หรือบางชนิดก็มีทั้งเกล็ด และขนเลยก็ได ซึ่งแตละชนิดจะมีความตื้น ลึก หนา หรือบางแตกตางกัน - สี สีของเห็ดโดยรวมจะอยูในโทนสีรอน ไลเรียงจากสีเฉดออนอยางสีขาว ลและสีเห ืองไป จนถึงเฉดสีเขมอยางสีน้ําตาล และดํา โดยเห็ดหนึ่งดอกจะมีเฉดสีโทนออน และโทนเขม หรือ อาจะมีทั้งสองเฉดรวมกันก็ได - ขนาด ขนาดของเห็ดสามารถใหญไดถึง 20 คูณ 5 เซนติเมตร เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่ และมี น้ําหนัก
ตารางที่ 2.4 การพิจารณารูปทรงของหมวกดอกเห็ด
โคง ตรง
คลายรูปไข ครึ่งวงกลม คลายรูปจานคว่ํา แผเปนแผนแบน
สรุป : หมวกมีรูปรางเปนเสนโคงคลายรูปไขไปจนถึงแผเปนแผนแบนราบเมื่อโตเต็มที่ (ตารางที่ 2.4)
ตารางที่ 2.5 การพิจารณาการเรียงตัวของครีบใตหมวกดอกเห็ด
ลําดับ ครีบหยัก 1 ครีบหยัก 2 ครีบหยัก 3 ครีบหยัก 4 มาก
5 ี่
เรี ยงถ
4 ี่ เรี ยงถ หอสม ุดกล นกั า 3 ี่ ง สำ เรี ยงถ
2 ี่ เรี ยงถ
1 ี่ นอย เรี ยงถ
นอย มาก ขนาด บาง หนา ปานกลางป ปลายหนาป ตรงกลางบาง
สรุป : ลักษณะการเรียงตัวกันของครีบใตหมวกดอกเห็ดในแบบตางๆ ประกอบไปดวย การเรียงของ ครีบที่เรียงหางกันไปจนถึงเรียงถี่มาก และเสนของครีบที่เปนเสนตรงไปจนถึงเสนที่หยักมาก (ตารางที่ 2.5)
ตารางที่ 2.6 แสดงการพิจารณาพื้นผิวของหมวกเห็ดและกาน
พื้นผิว
ขน
ขนออน ขนหยาบ ขนเปนริ้ว ขนเปนกระจุก ขนเสนหนา
แผน สะเก็ด กั หอส มุดกล รอยจางำน แผนสะเก็ดบาง แผนสะเก็ด าแผงนสะเก็ด แผนสะเก็ด ส
เกล็ด แห งหยาบ ื่น
ยบล เรี เกล็ดสามเหลี่ยม เกล็ดสามเหลี่ยม เกล็ดชัดเจน รอยนูน รอยนูน
เสน ไหม
ตรง หนา คลื่น หยิก ริ้วหยิก
ริ้วนูน -
ผิวผสม -
สรุป : พื้นผิวบริเวณกานและพื้นผิวบริเวณหมวกมีลักษณะพื้นผิวที่เหมือนกัน ซึ่งแตละชนิดจะมีความ ตื้น ลึก หนา บาง และการเรียงตัวกันดังนี้ โดยเรียงจากพื้นผิวที่เรียบลื่นไปจนถึงพื้นผิวที่แหงหยาบ ประกอบไปดวยสวนที่เปน ขน เกล็ด และเสนริ้ว (ตารางที่ 2.6)
ตารางที่ 2.1 แสดงขอมูลพื้นฐานของกลุมเห็ดเอคโตไมคอรไรซาใน Phylum Basidiomycota1
NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Hebeloma radicosum (Bull.&Fr) Agaricales สมด นกัRick.ห อ ุ กลาง 1 สำ 5-10 5-8*1-1.5 พื้นดิน กินได Bolbitiaceae หัวผักกาด
Cortinarius traganus (Weinm. Agaricales Ex Fr.) Fr. 2 3-10 3-12*1-5 พื้นดิน - Cortinariaceae ชอมวง
Agaricales Inocybe caesariata (Fr.) Kar
3 2.5-3 1.5-4*0.2-0.4 พื้นดิน กินไมได Cortinariaceae ผมซีซาร
Laccaria amethystea (Bull.) Agaricales Murr. 4 1-6 4-10*0.2-0.5 พื้นดิน กินได Hydnangiaceae อัญชัญ
1อนงค จันทรศรีกุล และคนอื่นๆ. (2551). ความหลากหลายของเห็ดและราขนาดใหญในประเทศไทย. (กรุงเทพฯ:สํานักพิมพมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร,2551) ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Laccaria laccata (Scop. Ex Fr.) Agaricales Cke. อสมุดก 5 ำนกั ห 1-4ล าง 2.5-7.5*0.3-0.5 พื้นดิน กินได Hydnangiaceae ส หลายหนา
Agaricales Amanita caesarea (Fr.) Schw.
6 5-10 5-15*0.7-2 พื้นดิน ดอกเดี่ยว,กลุม กินได Pluteaceae ไขหานแดง/ระโงกแดงอมสม
Agaricales Amanita citrina (Schaeff.) S.F.G.
7 4-10 6-8*0.8-1.2 พื้นดิน ดอกเดี่ยว,กลุมเล็ก กินได Pluteaceae มันดิบ
Amanita cokeri (Gilb.&Kuhn.) Agaricales Gilb. 8 4.5-11.5 11.5-13*1-1.5 พื้นดิน - Pluteaceae ลูกยอ
Amanita fuliginea Agaricales Hongo 9 3-6 6-8*0.4-0.8 พื้นดิน ดอกเดี่ยว - Pluteaceae ไขเนา
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Agaricales Amanita griseofarinosa Hongo
10 หอสมุดก5.5-15ล 5-7*1-2.5 พื้นดิน - Pluteaceae นดอกเลากั าง สำ
Amanita gymnopus Agaricales Cor. Ex Bas. 11 5-8 8-11*1.5-2 พื้นดิน - Pluteaceae เหม็นเบื่อ
Amanita hemibapha Agaricales (Bull. Ex Fr.) Vitt. 12 4-10 10-20*0.1-0.2 พื้นดิน ดอกเดี่ยว,กลุมเล็ก กินได Pluteaceae ไขสมแดง/ระโงกแดงอมสม
Amanita hemibapha (Berk.&Br.) Agaricales Sacc. 13 5-12 8-15*0.5-2 พื้นดิน กินได Pluteaceae ไขเหลือง/ระโงกเหลือง
Amanita longistriata Agaricales Imai 14 5.5-7 7.5-9*1-1.2 พื้นดิน ดอกเดี่ยว กินไมได Pluteaceae ไขครีบชมพ/ู ระโงกครีบชมพู
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Amanita mira Agaricales Cor.&Bas. อสมุดก 15 ำนกั ห 4-6ล าง 4-8*0.3-0.6 พื้นดิน ดอกเดี่ยว,กลุม - Pluteaceae ส ดอกสาน
Agaricales Amanita perpasta Cor.&Bas.
16 4-12 5-12*0.7-1.6 พื้นดิน - Pluteaceae สับปะรด
Agaricales Amanita princeps Cor.&Bas.
17 9.4-20 10-20*1.2-2.5 พื้นดิน ดอกเดี่ยว,กลุม กินได Pluteaceae ไขหานขาว/ระโงกขาว
Amanita pseudoporphyria Agaricales Hongo 18 4-10 5-10*0.6-1.8 พื้นดิน ดอกเดี่ยว,กลุมเล็ก กินไมได Pluteaceae ไขพอกขาว/ระโงกพอกขาว
Amanita rubrovolvata Agaricales Imai 19 2.5-3.5 3-8*0.4-0.6 พื้นดิน ดอกเดี่ยว,กลุมเล็ก - Pluteaceae ตีนแดง
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Agaricales Amanita rufoferruginea Hongo
20 หอสมุดก5-10ล 8-12*0.4-0.6 พื้นดิน ดอกเดี่ยว,กลุมเล็ก - Pluteaceae ขี้ไคลสนกั ีน้ําตาลแดง าง สำ
Agaricales Amanita sculpta Cor. And Bas.
21 10-12 12-14*1.2-3 พื้นดิน ดอกเดี่ยว,กลุมเล็ก - Pluteaceae หนามทุเรียน
Amanita soiltaria (Bull. Ex Fr.) Agaricales Karst. 22 5-10 5-8*1-1.5 พื้นดิน - Pluteaceae หัวมะกรูด
Amanita spissacea Agaricales Imai 23 4-8 8-10*1.5-2.0 พื้นดิน ดอกเดี่ยว กินไมได Pluteaceae ไขกระ
Amanita vaginata Agaricales (fr.) Vitt. 24 4-6 8-13*0.8-1 พื้นดิน ดอกเดี่ยว กินไมได Pluteaceae ไขกานเกล็ดงู
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Amanita vanigata Agaricales var. อสมุดก 25 ำนกั ห 4-10ล าง 4-12*1-2 พื้นดิน ดอกเดี่ยว,กลุม กินได Pluteaceae ส ไขเยี่ยวมา
Amanita verna Agaricales (Bull. Ex Fr.) Vitt. 26 5-12 5-14*1-2 พื้นดิน กินไมได Pluteaceae ไขตายซาก/ระโงกหิน
Amanita verginea Agaricales Mass. 27 8-16 6-10*1.5-2.5 พื้นดิน - Pluteaceae ดอกกระถิน
Amanita virginioides Agaricales Bas. 28 8-20 10-20*1.5-2.5 พื้นดิน - Pluteaceae ขาวตอกตั้ง
Amanita virosa Agaricales (Fr.) Bertellon 29 6-11 10-20*1-2 พื้นดิน กินไมได Pluteaceae ระโงกหินกานขน
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Amanita volvata Agaricales (Pk.) Martinอ สมุดก 30 ำนกั ห 3-6ล าง 4-10*0.5-1.5 พื้นดิน - Pluteaceae ไขสเปลือกหนา/ระโงกเปลือกหนา
Tricholoma auratum (Paul. Ex Agaricales Fr.) Quel. 31 4-10 4-8*1.2-2 ดินปนทราย กินได Tricholomatacea เหลืองอมเขียว
Tricholoma flavovirens Agaricales (Pers.&Fr.)Lund. 32 3-7.5 2.5-5*1-2 พื้นดิน กินได Tricholomatacea เหลืองนกขมิ้น
Tricholoma sulphureum Agaricales (Bull.&Fr.) Kum. 33 2-6 2-8*0.5-1 พื้นดิน กินไมได Tricholomatacea เหลืองกํามะถัน
Aureoboletus thibetanus (Pat.) Boletales Hongo&Nagasawa 34 4-7.5 5-8*0.2-0.4 พื้นดิน กินได Boletaceae ตาทิพย/ตับเตาทิเบต
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Austroboletus subflavidus Boletales (Murr.)Wolfeอ สมุดก 35 ำนกั ห 3-10ล าง 4-10*0.7-3 พื้นดิน กินได Boletaceae ส กระบองเพชรยาว
Boletellus ananus Boletales Curt. 36 5.5-6 6-10*0.5-1.2 พื้นดิน กินได Boletaceae ฝกบัวแหง
Boletellus chrysenteroides Boletales (Snell) Sing. 37 3-6 2-4*6-10(mm) ไมผุ,โคนตนไม กินได Boletaceae ตับเตาน้ําตาลลายกระ
Boletellus elatus Boletales Nagasawa 38 3-10 8-20*0.6-1.2 พื้นดิน - Boletaceae -
Boletellus emodensis (Berk.) Boletales Sing. 39 4-8 5-10*0.5-1 พื้นดิน กินได Boletaceae ตับเตาเกล็ดแดงคล้ํา
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Boletales Boletellus russellii (Frost) Gilb.
40 หอสมุดก3-10ล 6-12*1-2 พื้นดิน กินได Boletaceae กระบองเพชรเหลนกั ือง าง สำ
Boletus appendiculatus Boletales (Schaeff.) Secr. 41 6-20 5-10*2-6 พื้นดิน กินได Boletaceae ตับเตาสีเนย
Boletus aureissimus var. Boletales castaneus Murr. 42 4-20 5-10*1-3 พื้นดิน กินได Boletaceae ตับเตาสีทอง
Boletus auripes Boletales Peck 43 3-10 5-10*2-3 พื้นดิน กินได Boletaceae ตับเตาทองแดง
Boletus bicolor Boletales Peck 44 2-12 5-10*1-3 พื้นดิน กินได Boletaceae ตับเตาสองสี
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Boletus edulis Boletales Bull. Ex Fr. อสมุดก 45 ำนกั ห 8-20ล าง 10-20*2-6 พื้นดิน ดอกเดี่ยว,กลุมเล็ก กินได Boletaceae ส ตับเตาราชา
Boletus firmus Boletales Frost 46 4.5-10 5-10*1-2 พื้นดิน กินได Boletaceae ผึ้งรูแดงอมสม
Boletus fraternus Boletales Peck 47 1.2-2.5 2.5-0.15-0.3 พื้นดิน กินได Boletaceae เตาแดง
Boletus griseipurpureus Boletales Cor. 48 3-10 3-10*1-1.5 พื้นดิน กินได Boletaceae เสม็ด
Boletus griseus Boletales Frost. 49 3.5-10.4 3.5-9*1-2 พื้นดิน กินได Boletaceae ตับเตาเทาดํา
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Boletus laetissimus Boletales Hongo อสมุดก 50 ำนกั ห 4-10ล าง 5-7*1.2-1.5 พื้นดิน - Boletaceae ส -
Boletus nobilis Boletales Peck 51 5-12 5-12*2-3 พื้นดิน กินได Boletaceae ผึ้งภูหลวง/ตับเตาภูหลวง
Boletus pallidus Boletales Frost. 52 4-8 8-9*2-2.5 พื้นดิน กินได Boletaceae ผึ้งขาว/ผึ้งไข/ตับเตาขาว
Boletus reticulatus Boletales Schaeff. 53 7-10 5-15*3-3.5 พื้นดิน กินได Boletaceae ตับเตานองตาขาย
Boletus rufo-aureus Boletales Mass. 54 6-10 4-10*1-2 พื้นดิน - Boletaceae ตับเตาสีเพลิง
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Boletus tenex A.H. Boletales Smith&thiersอ สมุดก 55 ำนกั ห 4-12ล าง 3-10*1-3 พื้นดิน - Boletaceae ส ตับเตานองลาย
Boletus umbriniporus Boletales Hongo 56 4-9 4.5-8*0.7-2 พื้นดิน - Boletaceae ตับเตาน้ําตาลแดง
Chalciporus piperatus Boletales Bull. Ex Fr. 57 1.5-2 2-3*0.3-1 พื้นดิน กินได Boletaceae เชอรี่
Heimiella japonica Boletales Hongo 58 5-6 6-13*0.7-1.2 พื้นดิน กินได Boletaceae ปอดมาตาขายแดง
Heimiella mandarina Boletales Ces. 59 6-12 8-15*0.7-1.5 พื้นดิน กินได Boletaceae ปอดมาปากรูแดงอมสม
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Heimiella retispora (Pat.&Bak.) Boletales Boedijn. อสมุดก 60 ำนกั ห 4.5-8ล าง 7-10*0.7-1 พื้นดิน กินได Boletaceae ส ปอดมา
Leccinum holopus var. Boletales holopus (Rostk.) Wati. 61 3-7 5-10*0.5-1.5 พื้นดิน กินได Boletaceae ตับเตาขาวปนเปอนสีเขียว
Leccinum intusrubens (Cor.) Boletales Hongo 62 5-8 5-8*1-1.7 พื้นดิน กินได Boletaceae ตะไบหัวน้ําตาลอมเหลือง
Boletales Phylloporus bellus (Mass.) Cor.
63 2-6 2.45*0.4-0.7 พื้นดิน กินได Boletaceae กรวยทองเหลือง
Phylloporus orientalis Cor. Var. Boletales brevisporus Cor. 64 3-7 3-4*0.3-0.5 พื้นดิน กินได Boletaceae กรวยบูรพา
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Pulveroboletus ravenelii Boletales (Berk.&Curt.) Murr.อ สมุดก 65 ำนกั ห 2-10ล าง 4-10*0.5-1.5 พื้นดิน กินได Boletaceae ส แทงกํามะถัน
Strobilomyces floccopus (Vahl Boletales ex Fr.) Karst. 66 4-15 3-10*1.5-2.5 พื้นดิน กินได Boletaceae ตาเฒา
Strobilomyces seminudus Boletales Hongo 67 2-5 4-6*0.7-1 พื้นดิน กินได Boletaceae ปอดดํา
Boletales Tylopilus ballouii (Peck) Sing.
68 2.6-6 2.5-7*1-2.5 พื้นดิน กินได Boletaceae ตับเตาสีสมไหมไฟ
Tylopilus eximius Boletales Peck 69 3.5-6 3-4.5*1-3 พื้นดิน กินได Boletaceae ตับเตาน้ําตาลปนมวง
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Tylopilus nigerrimus (Heim) Boletales Hongo&Endoอ สมุดก 70 ำนกั ห 4.5-10ล าง 7-10*0.8-1.2 พื้นดิน กินได Boletaceae ส เปยกปูน
Tylopilus nigropurpureus Boletales (Corner) Hongo 71 3-8 3-7*0.5-1.5 พื้นดิน กินได Boletaceae -
Tylopilus otsuensis Boletales Hongo 72 3-8 7-10*1.5-2 พื้นดิน กินได Boletaceae ตับไกโตง
Tylopilus vinosobrunneus Boletales Hongo 73 4.5-6 8*1-1.2 พื้นดิน กินได Boletaceae ตับเตาสีเปลือกมังคุด
Boletales Tylopilus virens (Chiu) Hongo
74 4-6 5-6*7-11 พื้นดิน กินได Boletaceae -
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Astraeus hygrometrics (Pers.) Boletales Morg. อสมุดก 75 ำนกั ห 1-5ล าง - ดินทราย กินได Sclerodermataceae ส ถอง/เหียง/เผาะ
Pisolithus tinctorius (Per.) Boletales Coker&Couch 76 5-10*5-20 - ดินทราย/ปาไมเนื้อแข็ง กินไมได Sclerodermataceae เห็ดเขากอนกรวด
Scleroderma citrinum Boletales Pers. ดอกเดี่ยว,หลาย พื้น 77 2-4 - กินไมได ใกลตอไม,ใกล ขอนไม Sclerodermataceae -
Boletales Scleroderma verrucosum Pers.
78 5-10 - พื้นดิน,เปนกลุม กินได Sclerodermataceae -
Boletinus cavipes (Opat.) Boletales Kalchb. 79 2.7-5 2-4*1.5-2 พื้นดิน กินได Suillaceae ปอดนกขมิ้น
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Suillus bovinus (L. ex Fr.) Boletales Kuntze อสมุดก 80 ำนกั ห 4-10ล าง 4-6*1-1.5 พื้นดิน กินได Suillaceae ส ตับเตาสมอมชมพู
Suillus granulatus Boletales (L. ex Fr.) Kuntze 81 4-10 4-10*1-2 พื้นดิน กินได Sclerodermataceae ตับเตาน้ํานม
Suillus intermedius Boletales (Smith&Thiers) 82 3-8 4-6*0.6-1.2 พื้นดิน กินได Sclerodermataceae ตับเตาเนื้อเปรี้ยว
Suillus luteus Boletales (L.&Fr.) S.F.Gray 83 4-6 3-5*0.7-1 พื้นดิน กินได Sclerodermataceae ตับเตาสีน้ําตาลอมเหลือง/ตับไก
Suillus pictus Boletales (Peck) Kuntze 84 5-7.5 2-4*0.5-2 พื้นดิน กินได Suillaceae ตับเตาเกล็ดปลา
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Cantharellus cibarius Cantharellales Fr. อสมุดก 85 ำนกั ห 1-1.5ล าง 2-5*0.5-2 พื้นดิน กินได Cantharellaceae ส มันปูใหญ/ ขมิ้นใหญ
Cantharellus aureus Cantharellales Berk.&Curt. 86 0.5-3*2-4 2-4 พื้นดิน กินได Cantharellaceae ขมิ้นนอย
Arcangeliella beccarii (Pet.) Russulales Dodge.&Zell. 87 1.5-2 - พื้นดิน,ปาไผ - Russulaceae กอนกรวดยางสีเหลือง
Lactarius affinis var. viridilatis Russulales (Kauff.) Hes.&Sm. 88 5-10 3-8*1.2-1.5 พื้นดิน กินได Russulaceae ไพล
Lactarius corrugis Russulales Peck 89 5-10 5-10*1-2 พื้นดิน กินได Russulaceae ฟานสีแดงคล้ํา/ฟานหมวกยน
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Lactarius deliciosus (L.&Fr.) Russulales S.F.G. อสมุดก 90 ำนกั ห 3-10ล าง 3-6*1.5-2 พื้นดิน กินได Russulaceae ส ฟานสีสม
Lactarius gerardii Russulales Peck 91 3-5 2-4*0.8-1 พื้นดิน กินได Russulaceae เห็ดกรวยน้ําตาลดํา
Lactarius hygrophoroides Berk. Russulales And Curt. 92 3-10 3-5*0.4-1.5 พื้นดิน กินได Russulaceae ฟานสีเหลืองทอง
Lactarius luteolus Russulales Peck 93 3-8 2-6*1-1.5 พื้นดิน กินได Russulaceae ฟานสีเหลืองออน
Lactarius piperatus (Scop ex Russulales Fr.) S.F.G. 94 4-10 2-8*1-2.5 พื้นดิน กินได Russulaceae ขิง
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Lactarius subvellereus Russulales Peck อสมุดก 95 ำนกั ห 6-12ล าง 3-4*2-2.3 พื้นดิน - Russulaceae ส หิรัญญิกายางขาว
Lactarius uvidus Russulales (Fr.) Fr. 96 3-8 3-5*1-1.5 พื้นดิน กินได Russulaceae ฟานน้ํายาสีมวง
Lactarius volemus Russulales (Fr.) Fr. 97 5-10 4-10*1-2 พื้นดิน กินได Russulaceae ฟานน้ําตาลแดง
Russula alboareolata Russulales Hongo 98 5-10 2-6*1.5-2 พื้นดิน กินได Russulaceae น้ําแปง
Russulales Russula densifolia (Secr.) Gill.
99 2.7 2-8*0.6-3 พื้นดิน กินได Russulaceae ถานเล็ก
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Russula emetica (Schaeff.&Fr.) Russulales S.F.Gray. อสมุดก 100 ำนกั ห 3-10ล าง 5-10*1-2 พื้นดิน กินได Russulaceae ส แดงน้ําหมาก
Russulales Russula flavida Frost ex Peck
101 3-8 3-8*1-2 พื้นดิน กินได Russulaceae หลมเหลือง
Russula Japonica Russulales Hongo 102 6-10 3-6*1.5-2 พื้นดิน กินได Russulaceae หลมญี่ปุน
Russula laurocerasi Russulales Melzer 103 4-7 5-8*0.8-1.2 พื้นดิน กินได Russulaceae หลมกลิ่นอัลมอนด
Russula mairei Russulales Sing. 104 3-8 2.5-4*1-2 พื้นดิน กินได Russulaceae สีแดงอมชมพ ู
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Russula nigricans Russulales (Bull.) Fr. อสมุดก 105 ำนกั ห 5-20ล าง 3-8*1-3 พื้นดิน กินได Russulaceae ส ถานใหญ
Russula olivacea Russulales (Schaeff.) Fr. 106 5-11 4-7*1-2.5 พื้นดิน กินได Russulaceae หลมสีแดงอมสีมะกอก
Ruaaula rosacea Russulales (Pers.) S.F.G. 107 5-18 2.5-12*1-2.5 พื้นดิน กินได Russulaceae หลมสีกุหลาบ
Russula sardonia Russulales Fr. 108 4-10 4-10*1-2.5 พื้นดิน - Russulaceae หลมสีครีบเหลืองอมเขียว
Russula senecis Russulales Imai. 109 5-10 5-10*0.1-0.15 พื้นดิน กินได Russulaceae หลมพุงลาย
ตารางที่ 2.1 (ตอ) NAME SIZE NO. PICTURE ORDER/FAMILY HABITAT EDIBILITY ENGLISH/THAI CAP (cm) STALK (cm) Russula sp. Russulales อสมุดก 110 ำนกั ห 2-6ล าง 3-6*0.4-1 พื้นดิน - Russulaceae ส -
Russula vesca. Russulales Fr. 111 3-10 2-5*1-1.5 พื้นดิน กินได Russulaceae หลมหมวกปร ิ
Russula vinosa Russulales Lindbl. 112 4-10 4-6*1.5-2 พื้นดิน กินได Russulaceae หลมสีมวงน้ําแปง
Russulales Russula virescens (Schaeff.) Fr.
113 5-10 4-6*1-2 พื้นดิน กินได Russulaceae -
ตารางที่ 2.2 การสํารวจลักษณะทางกายภาพและการเจริญเติบโตของเห็ดเอคโตไมคอรไรซาในกลุมเห็ดครีบ Order Agaricales : Family Bolbitiaceae (1 ชนิด) : เห็ดหัวผักกาด
ลักษณะทางกายภาพ กั หอสมุดกลา ลักษณะการเจริญเติบโต บริบทรอบขาง โครงสรางสวนตางๆ รูปแบบ ขนาด cm สพื้ำนผนิว สี ง
เล็กสุด ใหญสุด ชนิดของพืชอาศัย : หมวก ตนไมในวงศไมยาง
นูนแลวแบน 5 10 เกล็ดสีน้ําตาล ครีม-น้ําตาลออน อมเหลือง 1 2 เล็กสุด ใหญสุด ลักษณะของดิน : ครีบ ครีบ เจริญเติบโตไดดีในสภาพ 2 5 10 ดินทุกชนิด/ดินรวนปนทราย ติดกาน แคบ เรียงถี่ ขาวอมเหลือง- 1 เจริญบนรากพืช น้ําตาล ดอกเดี่ยว ขึ้นเหนือพื้นดิน
เล็กสุด ใหญสุด ประเภทของปา : กาน ปาไมผลัดใบ ลายตามยาว ออนกวาหมวก ขาว ทรงกระบอก บางๆ 5*1 8*1.5 อมเหลือง วงแหวนบาง
1 angelp. 2558. Mushrooms vector. (ออนไลน). แหลงท ี่มา : http://www.vectorstock.com 2 cla78. 2558. Root vector. (ออนไลน). แหลงที่มา : http://www.shutterstock.com ตารางที่ 2.2 (ตอ) Order Agaricales : Family Cortinariaceae ( 2 ชนิด ) : เห็ดชอมวงและเห็ดผมซีซาร
ลักษณะทางกายภาพ ลักษณะการเจริญเติบโต บริบทรอบขาง โครงสรางสวนตางๆ รูปแบบ ขนาด พื้นผิว หอสมสี ุดก กั ล ำน าง เล็กสุด ใหญสุด ส ชนิดของพืชอาศัย : หมวก ตนไมในวงศไมยาง 1. มีขนและเกล็ด สีมวง นูนแลวแบน 2.5 10 2.มีขนและเกล็ด 1.ชมพูอมมวง สีน้ําตาลอมเหลือง 2.ขาวอมเหลือง
เล็กสุด ใหญสุด ลักษณะของดิน : ครีบ ครีบ เจริญเติบโตไดดีในสภาพ
2.5 10 1.น้ําตาลแดง ดินทุกชนิด/ดินรวนปนทราย เรียงถี่ หาง เจริญบนรากพืช 2.เหลืองอมน้ําตาล ติดกาน กวาง ดอกเดี่ยว ขึ้นเหนือพื้นดิน
เล็กสุด ใหญสุด
ประเภทของปา : กาน ปาไมผลัดใบ 1.มวงออน 2.เหลืองอม ทรงกระบอก มีขนและเกล็ด 1.5*0.2 12*5 น้ําตาล วงแหวนบาง
ตารางที่ 2.2 (ตอ) Order Agaricales : Family Hydnangiaceae ( 2 ชนิด ) : กลุมเห็ดชงโค
ลักษณะทางกายภาพ ลักษณะการเจริญเติบโต บริบทรอบขาง โครงสรางสวนตางๆ รูปแบบ ขนาด พื้นผิว หอสมสี ุดก กั ล เล็กสุด ใหญสุด ำน าง ส ชนิดของพืชอาศัย : หมวก ตนไมในวงศไมยาง มีขนออน 1.มวงสดถึงมวงเขม นูน กลางหมวกเปนแอง ขอบเปนคลื่น 1 6 2.น้ําตาลออนอมชมพู
เล็กสุด ใหญสุด ลักษณะของดิน : ครีบ ครีบ เจริญเติบโตไดดีในสภาพ
1 6 1.มวงสดถึงมวงเขม ดินทุกชนิด/ดินรวนปนทราย ติดกาน กวาง เรียงหาง 2.น้ําตาลออนอมชมพู เจริญบนรากพืช
ดอกเดี่ยว ขึ้นเหนือพื้นดิน เล็กสุด ใหญสุด
ประเภทของปา : กาน ปาไมผลัดใบ มีขนออนสีขาว 1.มวงสดถึงมวงเขม ทรงกระบอก 2.5*0.2 10*0.5 เปนเสนหยาบ 2.น้ําตาลออนอมชมพู บิดเปนเกลียว
ตารางที่ 2.2 (ตอ) Order Agaricales : Family Pluteaceae ( 25 ชนิด ) : กลุมเห็ดไขหรือเห็ดระโงก
ลักษณะทางกายภาพ ลักษณะการเจริญเติบโต บริบทรอบขาง โครงสรางสวนตางๆ รูปแบบ ขนาด พื้นผิว กั หอสสี มุดกล ำน าง ส 1. ขอบเป นริ้ว เล็กสุด ใหญสุด ชนิดของพืชอาศัย : หมวก ตนไมในวงศไมยาง
2.มีเกล็ดหรือปุมนูน 2.5 20
รูปไขแลวแบน
3.มีเกล็ดรูปสามเหลี่ยม ขาว-เหลือง-แดง-ดํา
เล็กสุด ใหญสุด ลักษณะของดิน :
ครีบ ครีบ เจริญเติบโตไดดีในสภาพ
ดินทุกชนิด/ดินรวนปนทราย 2.5 20 เจริญบนรากพืช ไมติดกาน กวาง เรียงถ ี่ ขึ้นเหนือพื้นดิน ขาว-เหลือง-น้ําตาล ดอกเดี่ยว,กลุมเล็ก
เล็กสุด ใหญสุด
ประเภทของปา : กาน ทรงกระบอก วงแหวน 1.เรียบ ปาไมผลัดใบ บาง 2.มีเกล็ดเปนปุย 3*0.1 20*2.5 เปลือกหุมดอกออนรูป 3.มีขน ขาว-เหลือง-น้ําตาล ถวย
ตารางที่ 2.2 (ตอ) Order Agaricales : Family Tricholomatacea ( 3 ชนิด ) : กลุมเห็ดเหลือง
ลักษณะทางกายภาพ ลักษณะการเจริญเติบโต บริบทรอบขาง โครงสรางสวนตางๆ รูปแบบ ขนาด พื้นผิว อสมสี ุดก กั ห ลา สำน ง เล็กสุด ใหญสุด ชนิดของพืชอาศัย : เหลืองออน-เหลือง หมวก ตนไมในวงศไมยาง
นูนแลวแบน เรียบ 2 10 น้ําตาลอมเหลือง น้ําตาลแดง
เล็กสุด ใหญสุด ลักษณะของดิน :
ครีบ ครีบ เจริญบนรากพืช เจริญเติบโตไดดีในสภาพ
ขึ้นเหนือพื้นดิน ดินทุกชนิด/ดินรวนปนทราย 2 10 เหลือง ดอกเดี่ยว ติดกาน กวาง เรียงถ ี่ สีออนกวาหมวก
เล็กสุด ใหญสุด ประเภทของปา : กาน ปาไมผลัดใบ
ทรงกระบอก 2*0.5 8*2 เรียบและมีขนบางๆ เหลืองออน เทากันตลอดกาน
ตารางที่ 2.2 (ตอ) Order Russulales : Family Russulales ( 7 ชนิด ) : กลุมเห็ดฟาน
ลักษณะทางกายภาพ ลักษณะการเจริญเติบโต บริบทรอบขาง โครงสรางสวนตางๆ รูปแบบ ขนาด พื้นผิว หอสมสี ุดกล สำนกั าง เล็กสุด ใหญสุด ชนิดของพืชอาศัย : นูน กลางหมวกเปนแอง หมวก เหลือง-สม ตนไมในวงศไมยาง
มีขนออน 3 10
ขอบเปนลอน มวง-แดง-ชมพู
เล็กสุด ใหญสุด ลักษณะของดิน : ครีบ ครีบ เจริญเติบโตไดดีในสภาพ
ดินทุกชนิด/ดินรวนปนทราย เรียวลงไปติดกาน 3 10 เจริญบนรากพืช ขึ้นเหนือพื้นดิน เรียงถี่ ขาว-ครีม-สม-น้ําตาล
ดอกเดี่ยว,กระจาย,กลุมเล็ก เล็กสุด ใหญสุด ประเภทของปา : กาน ขาว-เหลือง-สม ปาไมผลัดใบ ทรงกระบอก โคนสอบเล็กนอย 2*0.4 10*2.5 เรียบหรือมีขนออน
มวง-แดง--น้ําตาล
ตารางที่ 2.2 (ตอ) Order Russulales : Family Russulales ( 14 ชนิด ) : กลุมเห็ดหลม
ลักษณะทางกายภาพ ลักษณะการเจริญเติบโต บริบทรอบขาง โครงสรางสวนตางๆ รูปแบบ ขนาด พื้นผิว อสมสี ุดก กั ห ลา สำน ง เล็กสุด ใหญสุด ชนิดของพืชอาศัย :
หมวก ลื่นเรียบ ขอบมีริ้ว ขาว-เหลือง-สม-แดง ตนไมในวงศไมยาง
2 11 แหง ผิวปริแตก นูน กลางหมวกเปนแอง ขอบปริแตก ชมพู-มวง-น้ําตาล
เล็กสุด ใหญสุด ลักษณะของดิน : ครีบ ครีบ เจริญเติบโตไดดีในสภาพ
2 11 เจริญบนรากพืช ดินทุกชนิด/ดินรวนปนทราย ติดกาน แคบ เรียงถ ี่ ขาว-ครีม ดอกเดี่ยว ขึ้นเหนือพื้นดิน
เล็กสุด ใหญสุด ประเภทของปา : กาน ขาว-ครีม ปาไมผลัดใบ
ทรงกระบอก 2.5*0.1 10*3 เรียบ
ชมพู-แดง-มวง
ตารางที่ 2.2 (ตอ) Order Russulales : Family Russulales ( 2 ชนิด ) : กลุมเห็ดถาน ลักษณะทางกายภาพ กั หอสมุดกล ลักษณะการเจริญเติบโต บริบทรอบขาง โครงสรางสวนตางๆ รูปแบบ ขนาด พื้ำนผนิว สี าง ส เล็กสุด ใหญสุด ชนิดของพืชอาศัย :
หมวก ตนไมในวงศไมยาง นูน กลางหมวกเปนแอง 2.7 5 เรียบ ขาวหมน น้ําตาล-ดํา
เล็กสุด ใหญสุด ลักษณะของดิน : เรียวลงไปติดกาน ถี่ เจริญบนรากพืช ครีบ ครีบ เจริญเติบโตไดดีในสภาพ ดอกเดี่ยว ขึ้นเหนือพื้นดิน 2.7 5 ขาวหมน ดินทุกชนิด/ดินรวนปนทราย น้ําตาล-ดํา ติดกาน หนา หาง เล็กสุด ใหญสุด ประเภทของปา : ปาไมผลัดใบ/ปาดงดิบ กาน ตามที่ชุมชื้นใกลแมน้ํา ทรงกระบอก ขาวหมน ลําธารทั่วไป 2*0.6 8*3 เรียบ น้ําตาล-ดํา
48
2.9 การวิเคราะหลักษณะการเจริญเติบโตและบริบทโดยรอบ
การศึกษาหาขอมูลของลักษณะการเจริญเติบโตและบริบทโดยรอบของเห็ด ทําใหเรารูถึง ลักษณะการดํารงชีวิตของมัน นอกเหนือจากนั้น เรายังรูอีกดวยวาสิ่งที่มีชีวิตโดยรอบๆนั้น มีการ เจริญเติบโตและดํารงชีวิตเปนอยางไร จากตารางการสํารวจจะเห็นไดชัดเลยวา เห็ดทั้งหมดขึ้นโดยตรงจากพื้นดิน ในบริเวณใกล โคนตนไม เพราะประกอบไปดวยสวนสําคัญสองสวนคือ ลักษณะการเจริญเติบโตและพืชอาศัย (ภาพ ที่ 2.3) ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 2.3 เห็ดระโงกเหลือง (ที่มา : http://www.spkphusing.com/index.php?option=com_content&view=article&id= 89&It emid=179) 49
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส ภาพที่ 2.4 การเจริญเติบโตของเห็ดเอคโตไมอรไรซา (ที่มา : http://anonbiotec.gratis-foros.com/t1184-topic)
2.9.1 ลักษณะการเจริญเติบโต จากการสํารวจพบวาลักษณะที่สําคัญมากของเห็ดเอคโตไมคอรไรซา คือ ขึ้นโดยตรงจากดิน และอยูใกล หรือภายใตทรงพุมของพืชที่เปนพืชอาศัยหรือโฮสท (host) ของเห็ด (ภาพที่ 2.4) อาศัย อยูบริเวณเซลลผิว ของรากภายนอกของพืชหรือตนไม เสนใยของเชื้อราจะประสานจับตัวกันแนน ภายนอกผิวราก คลายรากฝอยมีสีตางๆ เชน สีขาว สีทอง สีเหลือง สีน้ําตาล สีแดง สีดํา ฯลฯ (ภาพที่ 2.5) สําหรับรากพืชที่มีเอคโตไมคอรไรซาจะมีการแตกแขนงของรากมาก และเมื่อตัดตามขวาง ของรากใหเปนชิ้นบางๆ แลวตรวจดูดวยกลองจุลทรรศนจะพบวารอบผิวรากและระหวางเซลลของ epidermis และ cortex มีเสนใยของราเจริญอยู (ภาพที่ 2.6)
ภาพที่ 2.5 ตัวอยางลักษณะการเกิดไมคอรไรซาในรากของไมวงศยาง (ที่มา : http://biology.ipst.ac.th/?p=903)
50
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 2.6 รูปรางลักษณะภายในหรือกายวิภาค (Anatomy) ของรากเอคโตไมคอรไรซาโดยใชกลอง จุลทรรศน (ที่มา : http://morganplaysinthedirt.blogspot.com/2011/06/mycorrhizae.html)
รากของตนไมหนึ่งรากอาจมีราเอคโตไมคอรไรซาไดหลายชนิด ทั้งนี้ทราบจากสีของราก ซึ่ง รากเอคโตไมคอรไรซาอาจมีสีน้ําตาล เหลือง ขาว เขียว ดํา น้ําเงิน ทอง เปนตน โดยขึ้นอยูกับชนิด ของราเอคโตไมคอรไรซาที่เขาไปอาศัยอยูรวมกับรากพืช สีของรากเอคโตไมคอรไรซาอาจไมเกิดจาก รา แตเกิดจากสีของเซลลชั้นแทนนิน เนื่องจากรับอิทธิพลของความเปนกรดดางของดินบริเวณนั้น (ภาพที่ 2.7)
ภาพที่ 2.7 กลุมโทนสีของรากเอคโตไมคอรไรซา 51
ตารางที่ 2.7 การเจริญเติบโตของรากพืชที่มีและไมมีราเอคโตไมคอรไรซา
เปรียบเทียบการเจริญเติบโตของพืช (ภาพจริง)
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ไมมีเอคโตไมคอรไรซา มีเอคโตไมคอรไรซา เปรียบเทียบการเจริญเติบโตของพืช (ภาพจําลอง)
ไมมีเอคโตไมคอรไรซา มีเอคโตไมคอรไรซา
รากเอคโตไมคอรไรซามีการเปลี่ยนแปลงจากรากปกติ คือ มีการแตกแขนงเพิ่ม และมีขนาด ของรากใหญขึ้น เปนการเพิ่มพื้นที่ผิวของราก โดยเสนใยของเห็ดจะพันอยูรอบๆราก (ตารางที่ 2.7- 2.8)
52
ตารางที่ 2.8 การเจริญเติบโตและแผขยายของรากที่มีราเอคโตไมคอรไรซา
1 รากยังไมมี ราเอคโตไมคอรไรซา
ขั้นที่
นกั หอสมุดกลาง 2 ำ ส รากเมื่อมีราเอคโตไมคอรไรซา มีขนาดของรากที่ใหญมากขึ้น ขั้นที่
รากมีการแผขยายในรัศมี
3 ที่กวางกวาเดิมและมีการแตก แขนงมากขึ้น โดยสวนปลายมี
ขั้นที่ ลักษณเปน รากฝอยขยายเปนวงกวาง
4 ขั้นที่
53
2.9.2 พืชอาศัย โดยตนไมที่เปนพืชอาศัย (host) ของเห็ด คือตนไมในวงศไมยางทั้งหลาย เชน ยาง นา ยาง แดง เหียง กราด พลวง ตะเคียนทอง ตะเคียนหิน สยาแดง เต็ง รัง พะยอม เคี่ยมคะนอง พันจํา จันทนกะพอ พนอง กระบาก กระบก ยางคลอง ยางมันหมู ยางเสียน ยางคาย ยางขน ยางวาด ยาง ปาย ยางกลอง ยางยูง เปนตน (ภาพที่ 2.8) วงศยางนา หรือ วงศไมยาง หรือ Dipterocarpaceae เปนวงศของไมยืนตนมีสมาชิก 17 สกุลและประมาณ 500 สปชีส สวนใหญเปนพืชเขตรอน ในปาฝนเขตรอนระดับลาง ชื่อของวงศนี้มา จากสกุล Dipterocarpus ซึ่งมาจากภาษากรีก (di = สอง, pteron = ปก karpos =ผล) หมายถึงผล ที่มีสองปก สกุลขนาดใหญ ในวงศนี้ ไดแก Shorea (196 สปชีส), Hopea (104 สปชีส), Dipterocarpus (70 สปชีส), และกั Vaticaหอ (65ส สปมชีสุด) สกวนใหญลเปานไมยืนตนขนาดใหญ สูงประมาณ 40–70 เมตร บางชน สิดมาำนกกวา 80 เมตร (ในสกุล Dryobalanops,Hopeaง และ Shorea),ซึ่งพบ ตัวอยาง (Shorea faguetiana) ที่สูงที่สุดถึง 88.3 เมตร สวนมากเปนไมตนขนาดใหญ และมีคุณคาทางเศรษฐกิจ มากอีกวงศหนึ่ง ลําตนมักมีชัน หรือ น้ํายางมีกลิ่นเฉพาะตัว พบกระจายอยูทั่วไปในประเทศ เชน ปาเต็งรัง ปาเบญจพรรณ ปาดิบแลง ปา ดิบชื้น ฯลฯ
ลักษณะทางกายภาพทั่วไปของไมวงศยาง
ใบ เดี่ยวออกสลับเสนแขนงใบมักขนานกันเปนระเบียบ และมีเสนขนานเล็ก ๆ เชื่อมระหวางเสน แขนงคลายขั้นบันได ยกเวนในสกุลพันจํา (Vatica)
ดอก สมบูรณเพศ มีกลิ่นหอม กลีบรองดอก 5 กลีบ และมักจะพัฒนาตอไปเปนปกผล กลีบ ดอก 5 กลีบ โคนกลีบมักเชื่อมติดกัน มักบิดและขอบของกลีบเรียงเกยซอนกันคลายกังหัน ลม เกสรเพศผูมีมาก อาจเรียงกัน 1-2-3 ชั้น รังไขจมอยูในฐานของดอกเพี ยง เล็กนอย มี 3 ชอง แตละชองมีไขออน 2 หนวย กานชูเกสรเพศเมีย 1-3 กาน
ผล ชนิดแหง แข็ง และไมแตก โดยมากมักมีปก
ลําตน มีความสูง 30-40 เมตร ความสูงถึงกิ่งสดกิ่งแรกประมาณ 20 เมตร ลําตน เปลาตรง เปลือก เรียบหนา สีเทาปนขาว โคนตนมักเปนพูพอน เรือนยอดเปนพุมกลมหนา เนื้อไมสีน้ําตาลแดง มีความ มั่นคงแข็งแรง (ภาพที่ 2.9)
54
นกั หอสมุดกลา สำ ง ภาพที่ 2.8 ตนยางนา (ที่มา : http://www.takuyak.com/articles/264221)
30-40 m
20 m
ภาพที่ 2.9 ขนาดความสูงของไมวงศยาง (ที่มา : http://www.takuyak.com/articles/264221)
55
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 2.10เปลือกไมวงศยาง (ที่มา : http://www.shutterstock.com)
เปลือกไม (ภาพที่ 2.10) เปลือกเรียบหนา สีเทาออน และเทาเขมปนขาว เห็นเนื้อไมสีน้ําตาลแดง ปะปนอยูเล็กนอย (ภาพที่ 2.11)
ภาพที่ 2.11 กลุมโทนสีของเปลือกไมวงศยาง 56
ตารางที่ 2.9 ลักษณะรูปลักษณของเปลือกไมวงศยาง
ลําดับ รอยลึกของเปลือก 1 รอยลึกของเปลือก 2 รอยลึกของเปลือก 3 รอยลึกของเปลือก 4 การสังเกต
1
ิว มีเสนรอยแตก บางๆขึ้นบางสวน มีรอยลึกเกิดขึ้น เพียงเล็กนอย รอยแตกบร ิ เวณผ
ิว 2 มีเสนรอยแตก กั หอสมุดกล บางๆกระจายอยู ำน าง มีรอยลึกเกิดขึ้น ส เล็กนอย รอยแตกบร ิ เวณผ
ิว 3 มีเสนรอยแตก บางๆกระจายอยู โดยรอบ มีรอยลึก เกิดขึ้น เล็กนอย รอยแตกบร ิ เวณผ มีเสนรอยแตก ิว 4 เห็นชัดเจน กระจายอยู โดยรอบ มีรอยลึก
รอยแตกบร ิ เวณผ เกิดขึ้น โดยรอบ
ิว 5
รอยแตกบร ิ เวณผ
สรุป : (ตารางที่ 2.9) - ลักษณะการเจริญเติบโต เห็ดจะมีการเจริญเติบโตแบบพึ่งพา โดยจะอาศัยรากของสิ่งมีชีวิตอื่นอยาง พืช เพราะเห็ดไมมีสารสีเขียว เหมือนพืชจึงไมสามารถปรุงอาหารกินเองได โดยจะเจริญเติบโตอยู บนราก ซึ่งรากที่เสนใยของเห็ดเขาไปพัน จะไดรับประโยชนอยางมากมาย เชน เปนเกราะปองกัน รากจากการเขาทําลายของเชื้อโรคพืชตางๆ จึงทําใหพืชเติบโตเร็วขึ้นและมีความทนทานตอ สภาพแวดลอมที่แหงแลงเพิ่มขึ้นดวย จากตารางแสดงการเจิญเติบโตของรากพืชที่มีและไมมีราเอค โตไมคอรไรซาพบวารากที่มีเห็ดเอคโตไมคอรไรซาไปอาศัยอยูจะมีการเจริญเติบโตที่แตกตางไปจาก รากที่ไมมีเห็ดไปอาศัยอยางเห็นไดชัด เสนใยของเชื้อราจะประสานจับตัวกันแนน ภายนอกผิวราก คลายกับรากฝอยมีสีตางๆ เชน สีขาว สีทอง สีเหลือง สีน้ําตาล สีแดง สีดํา ฯลฯ โดยไดทําการสเก็ต 57
เพื่อสํารวจลักษณะการเจริญเติบโตของรากในระยะตางๆ จากตารางแสดงการเจริญเติบโตและแผ ขยายของรากที่มีราเอคโตไมคอรไรซาพบวารากมีขนาดที่ใหญ อวบขี้น และมีการแตกแขนงของ รากออกแผเปนวงกวาง โดยเฉพาะการแผออกไปทางดานขาง - บริเวณใกลเคียง อยางบริเวณพื้นดินใกลโคนตนไมที่เห็ดไปเจริญอยู คือบริเวณในสวนที่เปนที่อยู ของพืชวงศยาง ซึ่งมีบทบาทเปนพืชอาศัยของเห็ด มีลักษณะที่สําคัญคือ เปนตนไมที่มีขนาดใหญ มี ลําตนที่แข็งแรง ตั้งตรง งและมั่นค - ลักษณะทางบริบทโดยรอบประกอบไปดวยสองสวนที่สําคัญ คือรากและลําตน
หอสม ุดกล ำนกั าง ส
บทที่ 3 แนวทางการออกแบบและวิธีการทดลอง 3.1 การพิจารณาทางดานวิทยาศาสตร พิจารณาจากการหาคาดัชนีความอุดมสมบูรณในทางวิทยาศาสตรสามารถหาไดโดยวิธีการหา คาดัชนีจาก Environmental Diamondsหอ ส(ภาพทมี่ ุด3.1)ก ซึ่งในที่นี้จะนํามาเปนกรณีศึกษา การจัดทํา ดัชนีและตัวบงชี้คุณภาพสำิ่งแวดลนกั อมมีความสําคัญทั้งในดานการเมืลาองและสง ิ่งแวดลอม เพราะดัชนีและ ตัวบงชี้ดานคุณภาพเหล สานี้จะชวยในการประเมินขนาดของความสมบูรณของสิ่งแวดลอม อากาศ น้ํา
ระบบนิเวศ ดิน
ภาพที่ 3.1 Environmental Diamonds Environmental Diamonds เปทนดัชนีผสม ี่แสดงแงมุมตางๆของปญหาสิ่งแวดลอม โดย พิจารณาตัวบงชี้จาก 4 ปจจัยหลัก คือ ดานอากาศ ดานน้ํา ดานดิน และดานระบบนิเวศ Environmental Diamonds นี้ใหความสําคัญแตละองคประกอบเทากัน ซึ่งผลการคํานวณคาดัชนี ตางๆ จะถูกนํามาแสดงในร ูปของกราฟที่มีลักษณะรูปทรงสี่เหลี่ยมขาวหลามตัด ซึ่งเมื่อพิจารณาจาก รูปกราฟจะพบวา พื้นที่ขาวหลามตัดที่แรเงาซึ่งเปนคาดัชนีบงบอกสภาวะปจจัยสิ่งแวดลอมนั้นๆ จะตองมีคาเทากันทั้ง 4 ปจจัย ยิ่งคากราฟมีสัดสวนทั้ง 4 ปจจัยอย ูในกราฟและเทากันมาก แสดงวา สภาวะดานสิ่งแวดลอมของสถานที่นั้นมีความอุดมสมบูรณมาก สรุป : แมวาสิ่งแวดลอมจะมีองคประกอบหลายๆสวน แตสวนที่มีความสําคัญและมีผลตอการดําเนิน ชีวิตของมนุษยนั้นสามารถสรุปรวบยอดไดวา คือ ดิน น้ํา อากาศ ระบบนิเวศ โดยดินนั้นหมายรวมถึง ทรัพยากรสินแร พลังงานตางๆที่รวมอยูในดินทั้งหมด น้ําครอบคลุมทั้งระบบนิเวศในน้ําจืดและน้ําเค็ม ในอากาศก็มีกาซตางๆ และสิ่งมีชีวิตในปาก็คือระบบนิเวศ (ซึ่งในที่นี้หมายความถึงเห็ด)
58 59
3.1.1 พิจารณาทัศนธาตุของดิน น้ํา อากาศ 3.1.1.1 ดิน
นกั หอสมุดกลาง สำ
ภาพที่ 3.2 ดินและชั้นของดิน (ที่มา : http://www.factmonster.com/dk/encyclopedia/soil.html)
ลักษณะ : แนน แข็ง (ภาพที่ 3.2)
3.1.1.2 น้ํา
ภาพที่ 3.3 น้ํา (ที่มา : https://www.pinterest.com/search/pins/?q=water&term_meta%5B%5D=water%7Ctyp ed&remove_refine=wate%7Ctyped)
ลักษณะ : พลิ้วไหว ออนโยน นุมนวล คลื่น (ภาพที่ 3.3)
60
3.1.1.3 อากาศ
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 3.4 อากาศ, ลม, ฟองอากาศ (ที่มา : https://www.pinterest.com/search/pins/?q=air&term_meta%5B%5D=air%7Ctyped&re move_refine=water%7Ctyped)
ลักษณะ : มีชองวาง วางเปลา ทะลุผาน (ภาพที่ 3.4)
3.2 การพิจารณาทางดานศิลปะ
พิจารณาจากผลงานของศิลปนจากที่ตางๆ ตั้งแตยุคสมัยกอนประวัติศาสตรจนถึงปจจุบัน โดยนําเอาผลงานของศิลปนที่มีแนวความคิดเรื่องความอุดมสมบูรณมาเปนกรณีศึกษา (ภาพที่ 3.5- 3.40)
ภาพที่ 3.5 “Venus of WIilendorf” (ซาย),“Venus of Vestonice” (กลาง), “Venus of Lespugue” (ขวา) (ที่มา : http://www.ipesk.ac.th/ipesk/VISUALART/lesson410.html (ซาย),https://www.gotoknow.org/posts/436918 (กลาง), https://www.mysticconvergence.com (ขวา)) 61
ภาพที่ 3.6 The symbol of life and energy, also associated with abundance and prosperity (5000 B.C.) (ซาย), “Hopi Pueblo” parrots symbolise the sun and abundance(14อสม century)ุดก (ขวา) ำนกั (หที่มา : www.pinterest.comลา) ง ส
ภาพที่ 3.7 “Demeter” เทพีแหงความอุดมสมบูรณ เกษตรกรรม การเก็บเกี่ยว (ที่มา : http://theappleindy.blogspot.com/2012/12/blog-post.html)
ภาพที่ 3.8 “symbol of peaceful, abundance and tenacity” Tibet (ซาย) “The Makara” India, Madhya Pradesh and Rajasthan (กลาง), “Zoomorphic anklet” India, Kerala (ขวา) (ที่มา : A World of Bracelets, Mauro Magliani, Lawrence Jenkens, Lynn Levenberg. (2002) p.237(ซาย) p.207(กลาง) p.179(ขวา))
62
ภาพที่ 3.9 “Symbol of life and fertility”, Central Asia (19th century)(ซาย), “Symbol of fertility”, Central Asia (13th century)(ขวา) (ที่มา : A World of Bracelets, Mauroอ สMaglianมุดi, Lawrenceก Jenkens, Lynn Levenberg. ำนกั (2002)ห p.155 (ซาย) p.154ล (ขวาา))ง ส
ภาพที่ 3.10 Buffalo Represents: sacredness, life, abundance (ที่มา : www.pinterest.com)
ภาพที่ 3.11 “กรวยแหงความอุดมสมบูรณ” กรวยจากคริสตศตวรรษที่ 1(ซาย), “กรวยแหงความ อุดมสมบูรณ” เทพพลูโตถือกรวย (ขวา) (ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/กรวยแหงความอุดมสมบูรณ)
63
ภาพที่ 3.12 “กรวยแหงความอุดมสมบูรณ” ประติมากรรม จิโอวาน บัตติสตา คัชชินิ (ซาย), “กรวย แหงความอุดมสมบูรณ” เทพีฟอรชูนาแบบกรวย (กลาง),“กรวยแหงความอุดมสมบูรณ” โปสเตอร อจากแคนาดาสมุด (ขวาก) (ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/ำนกั ห กรวยแหลางความอุง ดมสมบูรณ) ส
ภาพที่ 3.13 “กรวยแหงความอุดมสมบูรณ” ประติมากรรมตั้งโตะ(ซาย), “Horn of Plenty”, Susan M. ( 20th century)(ขวา) (ที่มา : www.pinterest.com (ซาย), Art Jewelry Today. Dona Z. Meilaach (2003)(ขวา))
ภาพที่ 3.14 “Wealth And Prosperity” (ซาย) Abundantia (ขวา),doreen virtue (ที่มา : www.pinterest.com)
64
ภาพที่ 3.15 Abundance and the four elements, Jan Brueghel D. Ä. (1568 - 1625) (ซาย) Allegory of Abundance, Jan Brueghel the Younger (1601 - 1678) (กลาง) Abundance of Fruit, 1860.อ Severinสม ุดRoesen (ca. 1815-ca. 1872)(ขวา) นกั ห (ที่มา : กลาง http://www.fineartprintsondemand.c สำ om/artists/brueghel_the_younger/allegory_ of_abundance.htm, http://www.art-prints-on-demand.com/a/jan-brueghel-the elder/ abundance-and-the-four-el.html (กลาง),https://nbmaa.wordpress.com/2013/07/03/an- abundant-nation(ขวา))
ภาพที่ 3.16 “Harvest Moon” Abundance Blessing, Julia Watkins (ที่มา : http://www.energyartistjulia.bigcartel.com/product/harvest-moon-abundance- blessing)
ภาพที่ 3.17 “Sunny Abundance”, Shirley Novak (ที่มา : http://www.allposters.com/-sp/Sunny-Abundance-Posters_i8276_.htm)
65
ภาพที่ 3.18 “Abundance Angel Art and Prints”, Katherine Skaggs (2004-2013)(ซาย), “Erzulie” prosperity, abundance, and love, NMEZero (ขวา) (ที่มา : http://katherineskaggs.com/shop/art-and-อสมุดprints/abundance-aก ngel-art-and-prints ำนกั (ซายห), www.pinterest.comล (ขวาา)ง) ส
ภาพที่ 3.19 The Garden Hamsa above evokes spring, abundance and the Garden of Eden (ซาย),The third of the Buddhist symbols is known as the great treasure vase. The great treasure vase provided the Buddha with long life and an abundance of health.(กลาง), The second of the Buddhist symbols are two golden fish. They are symbolism of happiness, fertility, and abundance.(ขวา) (ที่มา : www.pinterest.com)
ภาพที่ 3.20 “Abundance”, Jordan Schnitzer (2011)(ซาย) “Abundance”, Scott (2010) (ขวา) (ที่มา : http://mjandersonsculpture.com/pages/prints_1.php (ซาย) http://www.deepcraft.org/deep/archives/date/2010/05 (ขวา)) 66
ภาพที่ 3.21 "Pomona the Fountain of Abundance", by Karl Bitter atop the Pulitzer. (ที่มา : http://www.centralparknyc.org/things-to-see-and-do/attractions/pulitzer- อfountain.htmlสมุดก) ำนกั ห ลาง ส
ภาพที่ 3.22 “Abundance” Jan Van Ek (ซาย), “Abundance” Anna Gillespie (2012)(ขวา) (ที่มา : http://www.janvanek.com/page33/page33.html (ซาย), http://www.mymodernmet.com/profiles/blogs/anna-gillespie-nature-infused-statues (ขวา))
ภาพที่ 3.23 “Guardian Mouse”, Otoyo-Jinja in Kyoto, the ball of water it carries represents an abundance of good health, luck, love and long life. (ซาย), “Abundance III”, Sun Yu Li (กลาง) “Abundance” Downtown Yakima (ขวา) (ที่มา : www.pinterest.com/pin/477944579176940446(ซาย), http://comesingapore.com/travel-guide/article/554/the-sculpture-trail(กลาง), http://www.yakimawa.gov/media/photo-of-the-week/photo-of-the-week-6-13-13-art- architecture (ขวา))
67
ภาพที่ 3.24 “Abundance” Ray Giddens (ที่มา : http://raygiddenssculpture.com/gallery2.shtml) ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 3.25 symbolize the abundance of life, “an outward manifestation of a largeness of soul”, Nnamdi Okonkwo Okonkwo (ซาย), “abundance little feet”(ขวา) (ที่มา : http://www.aliexpress.com/store/product/Package-mail-authentic-yixing- recommended-tea-pet-furnishing-articles-sculpture-handicraft-abundance-little- feet/1078401_1575696716.html)
ภาพที่ 3.26 "Abundance", Jeanne Brennan (ซาย), "The Coming of Abundance" Morgan Brig (2015) (ขวา) (ที่มา : http://www.thefrasergallery.com/Compelled2006.html (ซาย), www.pinterest.com (ขวา)) 68
ภาพที่ 3.27 “Abundance: Shoes”, Claudia DeMonte (2011) (ซาย),"Abundance”, Jane อBurtonสม (ุดขวา) (ที่มา : http://writingwithoutpaper.blogspot.cนกั ห om/2012/03/all-art-friday_23.htmlกลาง (ซาย), สhttp://contemporaryfineaำ rtsgallery.com (ขวา))
ภาพที่ 3.28 “Bronze Vitaleh Original Nude Fertility Goddess Modern Art Abstract Sculpture” United States (ที่มา : http://www.ebay.ie/sch/sis.html?_nkw=Vasudhara%20Beautiful%20Cast%20 Bronze%20Buddhist%20Sculpture%20abundance%20fertility%20Goddess&_itemId=2 61410714784)
ภาพที่ 3.29 “Obese statue of david” embodies the gluttony, and the abundance of obesity in modern times. (ซาย), “Voluptuous Nude Female Sculpture Statue Figurine/fertility Goddess” (กลาง), “Venus Enwombed”, Ann Zeleny (ซาย) (ที่มา : http://www.ebay.ie/itm/) 69
ภาพที่ 3.30 “The enigma of abundance”, Paul Deans(ซาย), “Symbol Of Abudance”, “Fertility/abundance”,กั หNormanอส Ridenourมุด ก(กลางล), Leo Arcand (1991) (ขวา) (ที่มา : http://www.sculpture.org/portfoliำน o/sculpture_info.php?sculpture_id=1011329าง (ซาย )ส, http://clicks.robertgenn.com/keep-moving.php (กลาง), http://bearclawgallery.com/artists/leo-arcand (ขวา))
ภาพที่ 3.31 “Abundant and Fertility”, Lindy Lalwer (ที่มา : http://lindividual.myshopify.com)
70
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 3.32 "Goddess Series", a celebratory expression of ‘delightfully abundant’ Adam Schultz (ที่มา : http://www.adamsculpture.com/albums/album_image/8086828/7495342.htmtm)
71
ภาพที่ 3.33 “อุดม สมบูรณ” นนทิวรรธน จันทนะผะลิน (ซาย) "รูปทรงแหงวิถีชีวิตและความอุดมสมบูรณของบานเรา" ศราวุธ แวงวรรณ (กลาง) “ความสมบูรณผลผลอิตจากธรรมชาตสมุดิ” อนุสรณ ทองรวย (ขวา) (ที่มา : http://www.arthousegroups.com/artshow.php?art_showcase_id=373นกั ห กลาง (ซาย) , http://www.bloggang.com/viewdiar สำ y.php?id=haiku&month=052014&date=20&group=2 &gblog=94 (กลาง) , http://www.portfolios.net/forum/topics/look-at-this 1?xg_browser=iphone#ixzz3QN6PKs66 (ขวา))
ภาพที่ 3.34 The Art Thesis “The Weaves and the Richness” (2550) สุกัลยา ไชยพิมพ (ที่มา : http://designinnovathai.com/th/designdata/detail/991)
72
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 3.35 นิทรรศการประติมากรรม “ความอุดมสมบูรณแหงผืนดินไทย” (2557) นางสุธิดา มา ออน (ที่มา : http://www.nuks.nu.ac.th/mscsv2/index.php?name=news&file=readnews&i)
ภาพที่ 3.36 “fecundity” Giovanni Corvaja (ซาย), “bolluk”(abundance) Sevan Bicakci (ขวา) (ที่มา : Collect contemporary jewelry by Joanna Hardy (2012))
73
นกั หอสมุดกลาง สำ
ภาพที่ 3.37 “symbol of abundance” (ที่มา : www.pinterest.com)
ภาพที่ 3.38 “Abundance Ring Gold” (ที่มา : http://www.ka-gold-jewelry.com/p-categories/abundance-jewelry.php 2015-01- 31)
ภาพที่ 3.39 "Abundance Global Earrings" (ซาย), “Abundance Pendant Gold” (ขวา) (ที่มา : http://www.stilljewellery.com/earrings/israeli-coin-earrings-handmade-jewelry- abundance-global-by-noatam.htm (ซาย),http://www.ka-gold-jewelry.com/p- categories/abundance-jewelry.php 2015-01-31 (ขวา)) 74
ภาพที่ 3.40 “Abundance” Love Jewelry (ซาย), “Satya Jewelryอ สAbundanceมุด Bracelet” (ขวา) (ที่มา : http://www.loveprayjewนกั หelry.com/products/abundกลางance-goldstone-copper- african-trade-beads-and-t สำ ree-of-life-mala-bracelet (ซาย), http://www.shoebuy.com/satya-jewelr y-abundance-bracelet/588951 (ขวา))
75
ตารางที่ 3.1 การพิจารณาทัศนธาตุและองคประกอบศิลปจากผลงานของศิลปนที่มีแนวคิดเรื่องความ อุดมสมบูรณ
ป ภาพผลงาน สรุป สวนที่ 1 ภาพผลงานสวนมากใชทัศน- ธาตุที่มีความอวบอิ่ม มีฟอรม
15000-10000 B.C. ที่ใหญโตเกินความ ------จริง และมีปริมาตรมาก จะ หอสมุดกล เห็นไดชัดวาแนวความคิด ำนกั าง เรื่องฟอรมและปริมาตรไดใช ส มาตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบัน รวมทั้งศิลปนชาวไทยดวย century century th -20 th 19
76
ตารางที่ 3.1 (ตอ)
ป ภาพผลงาน สรุป
THAILAND 2007-2014 กั หอสมุดกลา ำน ง ส สวนที่ 2 century
th ผลงานมีการใชการซ้ําและมี ความเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน แสดงภาพของจํานวนที่เพิ่ม
5000 B.C.-14 ------พูนขึ้นเรื่อยๆ อยางไมมีที่ สิ้นสุด century century th -20 th
------2007-2014 19 2007-2014 THAILAND
77
ตารางที่ 3.1 (ตอ)
ป ภาพผลงาน สรุป สวนที่ 3 ผลงานมีการใชความหลาก หลายของทัศนธาตุเขามา ชวย ทั้งทางดานความหลาก ------หลายทางองคประกอบ และสี สัน century 500 B.C. B.C. 500 century th
-18 สม th กั หอ ุดกล ำน าง 15 ------ส century th -20 th 18
สรุป : จากการพิจารณาทัศนธาตุและองคประกอบศิลปจากผลงานของศิลปนที่มีแนวคิดเรื่องความ อุดมสมบูรณ (ตารางที่ 3.1) พบวาทัศนธาตุและองคประกอบศิลปที่พบ แบงออกเปน 3 สวนดังน ี้ สวนที่ 1 ใชทัศนธาตุที่มีความอวบอิ่ม พอง แนน มีปริมาตรและมวลมาก อีกทั้งยังมีขนาดที่ใหญเกิน จริง สวนที่ 2 ใชการซ้ํา และความเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน สวนที่ 3 ใชความหลากหลาย ทั้งขนาด รูปราง รูปทรง และสีสัน โดยในสวนที่ 1 นั้นพบวามีศิลปนนํามาใชมากที่สุด จะเห็นไดชัดวามีการนําทัศนธาตุนี้มาใช ตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบันนี้ รวมถึงศิลปนชาวไทยดวย 78
ตารางที่ 3.2 การพิจารณาทัศนธาตุและองคประกอบศิลปจากผลงานเครื่องประดับของศิลปนที่มีแนว คิดเรื่องความอุดมสมบูรณ ป ภาพผลงานเครื่องประดับ สรุป สวนที่ 1 ยังคงใชทัศนธาตุทีมีความโคง century century th มนอยูบางเล็กนอยแตยังมีการ ใชความแนน ตึงอยู ผลงาน century-19 th เครื่องประดับสวน กั หอสมุดกลา มากเปนการนําเรื่องราวความ ำน งเชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณของ ส แตละพื้นที่มาเลาอยูในตัวเครื่อง ประดับ century 13 century th century-20 th 19
สวนที่ 2 century century th 20 สรุป : จากการพิจารณาทัศนธาตุและองคประกอบศิลปจากผลงานเครื่องประดับของศิลปนที่มีแนวคิด เรื่องความอุดมสมบูรณ (ตารางที่ 3.2) พบวาทัศนธาตุและองคประกอบศิลปที่พบ แบงออกเปน 2 สวนดังน ี้ สวนที่ 1 ความแนน ความเต็ม สวนที่ 2 ความอวบอิ่ม พอง และการซ้ํา 79
โดยในสวนที่ 1 นั้นเปนการนําเรื่องราวความเชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณของแตละพื้นที่มาเลา อยูในตัวเครื่องประดับ ซึ่งในทีนี้ จะนําเอาความเชื่อตามแนวคิดของขาพเจาซึ่งก็คือเห็ดที่เปรียบ เสมือนดั่งดัชนีแหงความอุดมสมบูรณมาเปนตัวกลางในการเลาเรื่อง
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส 80
ตารางที่ 3.3 การพิจารณาทัศนธาตุโดยละเอียดจากผลงานทั้งหมดที่มีแนวคิดเรื่องความอุดมสมบูรณ
ลําดับ ผลงาน ทัศนธาตุและปริมาตรที่พบ ภาพรางลายเสน สรุป เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 1 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 2 มีมวล มีสวนที่ใหญ อ สม ุด เกินจริง นกั ห กลาง เสนโคง ครึ่งวงกลม 3 ำ อวบ แนน ส มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 4 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 5 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ 6 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 7 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 8 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 9 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 10 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง
81
ตารางที่ 3.3 (ตอ)
ลําดับ ผลงาน ทัศนธาตุและปริมาตรที่พบ ภาพรางลายเสน สรุป เสนโคง ครึ่งวงกลม มนกลม ยาว 11 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 12 มีมวล มีสวนที่ใหญ อส มุด เกินจริง นกั ห กลาง เสนโคง ครึ่งวงกลม 13 สำ อวบ แนน มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 14 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 15 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 16 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 17 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 18 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 19 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 20 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง
82
ตารางที่ 3.3 (ตอ)
ลําดับ ผลงาน ทัศนธาตุและปริมาตรที่พบ ภาพรางลายเสน สรุป เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 21 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 22 มีมวล มีสวนที่ใหญ ห อส มุด ก เกินจริง ำนกั ลาง เสนโคง ครึ่งวงกลม 23 ส อวบ แนน มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 24 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 25 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 26 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 27 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 28 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 29 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 30 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง
83
ตารางที่ 3.3 (ตอ)
ลําดับ ผลงาน ทัศนธาตุและปริมาตรที่พบ ภาพรางลายเสน สรุป เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 31 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 32 มีมวล มีสวนที่ใหญ อ สม ุด เกินจริง นกั ห กลาง เสนโคง ครึ่งวงกลม 33 สำ อวบ แนน มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 34 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 35 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 36 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 37 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 38 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 39 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 40 กลวง มีสวนที่ใหญ เกินจริง
84
ตารางที่ 3.3 (ตอ)
ลําดับ ผลงาน ทัศนธาตุและปริมาตรที่พบ ภาพรางลายเสน สรุป เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 41 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 42 มีมวล มีสวนที่ใหญ อส มุด เกินจริง นกั ห กลาง เสนโคง ครึ่งวงกลม 43 สำ อวบ แนน มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 44 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 45 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 46 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง
เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 47 ไมมีมวล กลวง มี สวนที่ใหญเกินจริง
85
ตารางที่ 3.3 (ตอ)
ลําดับ ผลงาน ทัศนธาตุและปริมาตรที่พบ ภาพรางลายเสน สรุป เสนโคง ครึ่งวงกลม อวบ แนน 48 มีมวล มีสวนที่ใหญ เกินจริง
สรุป : จากการพิจารณาทัศนธาตุโดยละเอียดจากผลงานทั้งหมดที่มีแนวคิดเรื่องความอุดมสมบูรณ (ตาราง ที่ 3.3) สามารถสรุปไดวารูปรางรูปทรงที่พบมีสวนของความเปนเสนโคง อวบนูนอยางเห็นไดชัด นกั หอสมุดกลา ตารางที่ 3.4 การสรุปทัศนธาตสำุ ง
ทัศนธาตุที่พบ
เสนโคง เสนโคงซอนกัน
ลักษณะ : อวบ นูน พอง มวล ปริมาตร : แนน พื้นผิว : เรียบ ตึง ขนาด : ใหญเกินจริง
สรุป : (ตารางที่ 3.4) ดังนั้น รูปรางรูปทรงของทัศนธาตุที่นํามาใช คือ เสนโคงที่มีลักษณะอวบ นูน พอง มี ปริมาตรมีแนน พื้นผิวเรียบตึง และมีขนาดที่ใหญเกินความเปนจริง 86
3.3 การรางแบบเพื่อหาทัศนธาตุของเห็ดที่มีความอุดมสมบูรณ
ทัศนธาตุของเห็ดที่มีความอุดมสมบูรณคือรูปรางรูปทรงที่เปนจุดเดนของเห็ดที่เจริญเติบโต จากสภาพแวดลอมและปจจัยตางๆโดยรอบ ซึ่งใหความรูสึกถึงความอุดมสมบูรณ และเติมเต็ม
ขั้นที่ 1 ทัศนธาตุที่ไดจากการวิเคราะหดานวิทยาศาสตร (ภาพที่ 3.41)
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 3.41 ภาพรางเสนสายความรูสึกของดิน น้ํา และอากาศ
ขั้นที่ 2 ทัศนธาตุที่ไดจากการวิเคราะหดานศิลปะ (ภาพที่ 3.42) 2.1 จากผลงานโดยรวม
ภาพที่ 3.42 แสดงภาพรางรูปรางรูปทรงของทัศนธาตุที่ไดจากการคนหาผลงานโดยรวม
87
2.2 จากผลงานโดยรวม วิเคราะหรวมกับลักษณะทางกายภาพโดยทั่วไปของเห็ดจากขอมูล จริงในบทที่ 2 (ภาพที่ 3.43-3.45)
กั หอสมุดกลา สำน ง
ภาพที่ 3.43 แสดงภาพรางรวมทัศนธาตุกับกายภาพของเห็ดในสวนของหมวก
ภาพที่ 3.44 แสดงภาพรางรวมทัศนธาตุกับกายภาพของเห็ดในสวนของกานและครีบ 88
กั หอสมุดกลา สำน ง
ภาพที่ 3.45 แสดงภาพรางรวมการวิเคราะหทัศนธาตุจากผลงานโดยรวมกับกายภาพของเห็ดในสวน ของหมวกครีบ และหมวกครีบกาน
ขั้นที่ 3 ทัศนธาตุที่ไดจากการรวมกันของทัศนธาตุจากขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 (ภาพที่ 3.46-3.48)
ภาพที่ 3.46 แสดงภาพรางรวมการวิเคราะหทัศนธาตุจากขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ชุดที่ 1 89
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 3.47 แสดงภาพรางรวมการวิเคราะหทัศนธาตุจากขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ชุดที่ 2
ภาพที่ 3.48 แสดงภาพรางรวมการวิเคราะหทัศนธาตุจากขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ชุดที่ 3
90
คนหาความอุดมสมบูรณ
ทางศิลปะ ทางวิทยาศาสตร
การหาคาดาดััชนีความอี ุดุดมม ผลงานโดยรวมผลงานโดย นกั หอสมุดกลางสมบูรณของสของสิ่งแวดล่ิ อมอม อวบอว นูน พอง แนน : เรี ยบส ตึงำ : ใหญเกินจริง
ระบบนิเวศ อากาศ ดิน น้ํา
เฉพาะผลงานเครเ ื่องประดับ ความแข็ง : ความออนนิ่ม : ความพริ้วไหว : ชองวาง แนน : ลักษณะของเห็ด (เรื่องราวอันเปน ของสัญลักษณะความอุดมสมบูรณ)
SKETCH ELEMENT ขั้นที่ 1
SKETCH ELEMENT ขั้นที่ 2 SKETCH ELEMENT ขั้นที่ 3
วัสดุ
ภาพที่ 3.49 My mapping สรุปการสํารวจการคนหาความอุดมสมบูรณ
สรุป : (ภาพที่3.49) คนหาลักษณะของความอุดมสมบูรณโดยการแบงการวิเคราะหออกเปน 2 สวน คือ การวิเคราะหทางศิลปะและการวิเคราะหทางวิทยาศาสตร จากนั้นนําสรุปการคนหามารางแบบ 2 มิติ ควบคูกับลักษณะทางกายภาพของเห็ดจริงเพื่อวิเคราะห คนหาทัศนธาตุและแบบรางที่เหมาะสม จากนั้นจ ึงนําไปพิจารณาควบคูกับการทดลองวัสดุตอไป 91
3.4 การทดลองวัสดุ
จากการวิเคราะหขอมูลเพื่อหาความอุดมสมบูรณทั้งในดานวิทยาศาสตรและดานศิลปะพบวา รูปราง รูปทรงของเห็ดที่มีความอุดมสมบูรณนั้นมีหัวใจหลักคือความอวบอิ่ม นูน พอง แนน และ ตึง แนน ดังนั้นในขนตั้ น จึงทดลองวัสดุเพื่อหาวัสดุหลักในการขึ้นรูปตามแบบทัศนธาตุที่หามา
ตารางที่ 3.5 การทดลองวัสดุ
วัสดุ การทดลอง 1. ผา นกั หอสมุดกลา สามารถขึ้นรูปราง รูปทรงตาม สำ งทัศนธาตุที่หามา ได แตควบคุมรูปทรงคอนขาง ยาก
สามารถขึ้นรูปราง รูปทรงตาม ทัศนธาตุที่หามา ไดยาก ผามีความหนาและ เหนียวมาก
สามารถขึ้นรูปราง รูปทรงตาม ทัศนธาตุที่หามา ไดยาก ผามีความหนาและ เหนียวมาก
สามารถขึ้นรูปราง รูปทรงตาม ทัศนธาตุที่หามา ไดยาก ผามีความหนาและ เหนียวมาก
92
ตารางที่ 3.5 (ตอ)
วัสดุ การทดลอง 2. ไหมพรม สามารถขึ้นรูปราง รูปทรงตาม ทัศนธาตุที่หามา ได แตมีรูปแบบลวดลายที่เปน การซ้ํากัน ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
3. ใยขนแกะ สามารถขึ้นรูปราง รูปทรงตาม ทัศนธาตุที่หามา ไดดี
4. ฟองน้ําอัด สามารถขึ้นรูปราง รูปทรงตาม ทัศนธาตุที่หามา ไดดี
สามารถขึ้นรูปราง รูปทรงตาม ทัศนธาตุที่หามา ไดดี
93
ตารางที่ 3.5 (ตอ)
วัสดุ การทดลอง 5. ไม สามารถขึ้นรูปราง รูปทรงตาม ทัศนธาตุที่หามา ไดดี
6. โลหะ กั หอสมุดกลา สามารถขึ้นรูปราง รูปทรงตาม สำน งทัศนธาตุที่หามา ไดดี
สรุป : (ตารางที่ 3.5) วัสดุทุกชนิดสามารถขึ้นรูปใหเกิดรูปทรงได แตมีความยากงายของการขึ้นรูปที่ แตกตางกัน และรูปแบบที่เกิดขึ้นก็มีความแตกตางกัน ดังนนจั้ ึงเกิดการพิจารณาความรูสึกของวัสดุ ตามทัศนธาตุที่ตองการในลําดับถัดไป
ตารางที่ 3.6 การพิจารณาวัสดุตางๆ ตามรูปแบบความรูสึกของทัศนธาตุ
ความรูสึกจากทัศนธาตุ รูปทรง วัสดุ นูน ออน ออแก อวบอิ่ม แนน ตึง ชุมฉ่ํา แข็ง พอง นิ่ม นิค 1. ผา / / / / / / 2. ไหมพรม / / 3. ใยขนแกะ / / / / / / 4. ฟองน้ํา / / / / / / / 5. ไม / / / / / / 6. โลหะ / / / / / /
สรุป : (ตารางที่ 3.6) ในวัสดุทุกชนิดยังขาดความรูสึกของความแข็ง หรือ ออนนิ่มอยู ดังนั้น จึงจะนํา วัสดุมาผสมผสานกัน เพื่อใหไดชิ้นงานที่มีองคประกอบของทัศนธาตุครบถวน
94
ตารางที่ 3.7 การทดลองวัสดแบบผสมผสานุ
วัสดุ การทดลอง 1. ไม + ไหมพรม สามารถขึ้นรูปราง รูปทรงตาม ทัศนธาตุที่หามา ไดดี แตมีรูปแบบลวดลายที่ เปน การซ้ํากัน หอสมุดกล สำนกั าง
2. ไม + ใยขนแกะ สามารถขึ้นรูปราง รูปทรงตาม ทัศนธาตุที่หามา ไดดี
3. โลหะ + ใยขนแกะ สามารถขึ้นรูปราง รูปทรงตาม ทัศนธาตุที่หามา ไดดี
95
ตารางที่ 3.7 (ตอ)
วัสดุ การทดลอง 4. โลหะ + ฟองน้ําอัด สามารถขึ้นรูปราง รูปทรงตาม ทัศนธาตุที่หามา ไดดี หอสมุดก ำนกั ลาง 5. ไม + ไหมพรม + ส สามารถขึ้นรูปราง รูปทรงตาม ฟองน้ําอัด ทัศนธาตุที่หามา ไดดี
6. ไม + ใยขนแกะ + สามารถขึ้นรูปราง รูปทรงตาม ฟองน้ําอัด ทัศนธาตุที่หามา ไดดี
สรุป : (ตารางที่ 3.7) การผสมผสานวัสดุสามารถแสดงองคประกอบศิลปที่มีทัศนธาตุครบถวนไดดี
96
3.5 พื้นที่สวมใสบนรางกาย
วิเคราะหพื้นที่สวมใสจากลักษณะทางบริบทโดยรอบของเห็ดเอคโตไมคอรไรซา โดยแบง หัวขอการพิจารณาออกเปน 2 สวน 3.5.1 ลักษณะทางกายภาพ 3.5.2 ลักษณะบริบทโดยรอบ - การเจริญเติบโต : เจริญขึ้นโดยตรงจากราก : รากของพืชอาศัย : พึ่งพาสิ่งมีชีวิต - พึ่งพา : โดยเสนใยของเห็ดพันโดยรอบรากไม
กั หอสมุดกลา ตารางที่ 3.8 การพิจารณาสสำนัดสวนบนรางกาย ง
สัดสวนรางกายมนุษย สวนตางๆของรางกาย หัวและหัวไหล
แขน
มือ
ลําตัว
ขา
97
ตารางที่ 3.9 การพิจารณาสัดสวนรางกายสวนตางๆโดยการรางแบบชิ้นงานติดตั้งบนรางกาย
สัดสวนตางๆ ภาพ ลักษณะการเรียงตัว
หัวและหัวไหล ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
แขน
มือ
98
ตารางที่ 3.9 (ตอ)
สัดสวนตางๆ ภาพ ลักษณะการเรียงตัว
ลําตัว อสมุด ำนกั ห ก ลาง ส
ขา
สรุป : จากการพิจารณาสัดสวนบนรางกาย (ตารางที่ 3.8) และสัดสวนรางกายสวนตางๆโดยการราง แบบชิ้นงานติดตั้งบนรางกาย (ตารางที่ 3.9) สามารถแบงแนวทางการออกแบบเครื่องประดับออกเปน 2 แนวทาง คือ กลมกลืนกับรางกาย และงอกออกมาจากรางกาย
3.6 แนวทางการออกแบบ
แนวทางการออกแบบมีความสอดคลองกับการติดตั้งบนรางกายและแนวความคิดของความ อุดมสมบูรณ ซึ่งพื้นที่บนรางกายที่จะทําการสวมใสนั้น จะวิเคราะหจากการนําชิ้นงานไปติดตั้งบน รางกาย และสามารถสงเสริมใหชิ้นงานแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณไดมากขึ้น
3.6.1 แนวทางที่หนึ่ง : กลมกลืนกับรางกาย - มีสองสวน : แยกออกจากกันแลวชิ้นงานใหความรูสึกเหมือนไมไดแยกออกไป กลมกลืนเขากันกับรางกาย - มีสองสวน : แยกออกจากกันแลวชิ้นงานใหความรูสึกเหมือนขาดหาย เปรียบดั่ง การไมไดรับการเติมเต็ม ไมสมบูรณ 99
3.6.2 แนวทางที่สอง : งอกออกมาจากรางกาย - มีสวนเดียว : เครื่องประดับเสมือนงอกออกมาจากรางกาย เปนสวนเดียวกันและ กลมกลมกลืนกับรางกาย - มีสองสวน : เครื่องประดับเสมือนงอกออกมาจากรางกาย สามารถแยกสวนได ชิ้นงานทั้งสองสวนกลมกลืนเขากันได โดยแบงการรางแบบออกเปน 2 สวน คือ การเรียงตัวเปนกลุมเดียวและ การเรียงตัวอยาง กระจัดกระจาย
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส 100
ตารางที่ 3.10 การพิจารณาสัดสวนรางกายสวนตางๆโดยการรางแบบชิ้นงานติดตั้งบนรางกายควบคู ไปกับแนวทางการออกแบบ
สัดสวน/ เดี่ยว กลุม รูปแบบ
อสมุด หัวและ กั ห กล น าง หัวไหล สำ
แขน
101
ตารางที่ 3.10 (ตอ)
สัดสวน/ เดี่ยว กลุม รูปแบบ
ม ำนกั หอส ุดกลาง มือ ส
ลําตัว
102
ตารางที่ 3.10 (ตอ)
สัดสวน/ เดี่ยว กลุม รูปแบบ
อสมุดก นกั ห ลาง ขา สำ
สรุป : การพิจารณาสัดสวนรางกายสวนตางๆโดยการรางแบบชิ้นงานติดตั้งบนรางกายควบคูไปกับ แนวทางการออกแบบ (ตารางที่ 3.10) ยังไมคอยเห็นภาพชัดเจนมากนัก จึงนําไปพัฒนาตอควบคูกับ การใชวัสดุจริง ที่ขึ้นโครงเปนรูปรางรูปทรงตามทัศนธาตุที่หามาได ตารางที่ 3.11 การพิจารณาวัสดุกับการติดตั้งบนรางกาย
แนวทางที่ 1 แนวทางที่ 2 สัดสวนตางๆ/ แนวทาง เดี่ยว หกลุมอส มุดกล เดี่ยว กลุม สำนกั าง หัวและหัวไหล
แขน
มือ
ตารางที่ 3.11 (ตอ)
แนวทางที่ 1 แนวทางที่ 2 สัดสวนตางๆ/ แนวทาง เดี่ยว กลุม ม เดี่ยว กลุม ำนกั หอส ุดกลาง ส ลําตัว
ขา
สรุป : จากการพิจารณาวัสดุกับการติดตั้งบนรางกาย (ตารางที่ 3.11) พบวาพื้นที่สวมใสบนรางกายในสวนของบริเวณนิ้วมือ แขน ไปจนถึงหัวไหลและลําคอ นาสนใจและตอบสนองกับแนวความคิดที่สุด โดยเลือกพิจารณาแนวทางที่ 1 เพื่อนําไปพัฒนาเปนแบบรางเครื่องประดับ 2 มิติตอไป และเลือกใชวัสดุหลักเปนใย ขนแกะ เพราะใหความรูสึกถึงความเปนเสนใยและกลมกลืนไปกับรางกายที่สุด บทที่ 4
กระบวนการสรางสรรคความงาม
กระบวนการสรางสรรคความงามเปนกระบวนการที่ทําการกลั่นกรองและคัดเลือกทัศนธาตุที่ เหมาะสมกับแนวความคิด มาสรางเปนแบบราง เพื่อพัฒนาใหชิ้นงานสื่อถึงชีวิตที่มีความอุดมสมบูรณ อิ่มเอิบ และยิ่งใหญได โดยการรางแบบจากการนําผลการทดลอง แนวทางการออกแบบ และลักษณะ การสวมใสมาวิเคราะหรวมกัน กั หอสมุดกลา สำน ง 4.1 สรุปแนวทางในการออกแบบ
4.1.1 ผลการทดลองวัสดุ เลือกใชวัสดุใยขนแกะเปนวัสดุหลักของชิ้นงาน และเลือกใชโลหะลูกปดเปนวัสดุรอง โดยจะใชเปนตัวชวยเสริมรายละเอียดของชิ้นงาน 4.1.2 พื้นที่สวมใสบนรางกาย บริเวณนิ้วมือ แขน ไปจนถึงหัวไหลและลําคอ โดยชิ้นงานมีลักษณะพึ่งพงกิ ับรางกาย 4.1.3 แนวทางในการออกแบบ แนวทางการออกแบบแนวทางที่ 1 งอกออกมาจากรางกาย
4.2 แบบราง 2 มิติ
นําทัศนธาตุที่ไดทําการวิเคราะหมาจากบทที่ 3 มาผสมผสานกัน โดยแบบรางจะมีโครงสราง หลักที่ไดจากลักษณะทางกายภาพของเห็ดที่มีความอุดมสมบูรณ และมีรายละเอ ียดของเห็ดที่ให ความรูสึกถึงทัศนธาตุจากความอุดมสมบูรณของบริบทโดยรอบประกอบเขามาดวย 4.2.1 แบบราง 2 มิติ ครั้งที่ 1 (ภาพที่ 4.1)
ภาพที่ 4.1 แบบราง 2 มิติ ชุดที่ 1
105
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
105 106
4.2.2 แบบราง 2 มิติ ครั้งที่ 2 (ภาพที่ 4.2 และ 4.3)
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.2 แบบราง 2 มิติ ชุดที่ 2 และ 3
ภาพที่ 4.3 แบบราง 2 มิติ ชุดที่ 4 และ 5
107
4.2.3 แบบราง 2 มิติ ครั้งที่ 3 (ภาพที่ 4.4 และ 4.5)
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.4 แบบราง 2 มิติ ชุดที่ 6 และ 7
ภาพที่ 4.5 แบบราง 2 มิติ ชุดที่ 8 และ 9
4.3 สรุปและเขียนแบบชิ้นงาน
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.6 เขียนแบบเครื่องประดับส่วนลำคอชุดที่ 1 ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.7 เขียนแบบเครื่องประดับส่วนลำคอชุดที่ 2
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.8 เขียนแบบเครื่องประดับส่วนแขนชุดที่ 1 ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.9 เขียนแบบเครื่องประดับส่วนแขนชุดที่ 2
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.10 เขียนแบบเครื่องประดับส่วนแขนชุดที่ 3
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.11 เขียนแบบเครื่องประดับส่วนนิ้วมือชุดที่ 1
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.12 เขียนแบบเครื่องประดับส่วนนิ้วมือชุดที่ 2
กั หอ สมุดกล สำน าง
ภาพที่ 4.13 เขียนแบบเครื่องประดับส่วนนิ้วมือชุดที่ 3
กั หอ สมุดกล สำน าง
ภาพที่ 4.14 เขียนแบบเครื่องประดับส่วนนิ้วมือชุดที่ 4
กั หอ สมุดกล สำน าง
ภาพที่ 4.15 เขียนแบบเครื่องประดับส่วนนิ้วมือชุดที่ 5
กั หอ สมุดกล สำน าง
ภาพที่ 4.16 เขียนแบบเครื่องประดับส่วนนิ้วมือชุดที่ 6
กั หอ สมุดกล สำน าง
ภาพที่ 4.17 เขียนแบบเครื่องประดับส่วนนิ้วมือชุดที่ 7
120
4.4 สรุปแบบเพื่อผลิตชิ้นงานจริง
จากแบบราง 2 มิติ และโมเดล 3 มิติ สรุปไดวาผลงานที่จะนํามาผลิตจริงมีทั้งหมด 10 ชิ้น โดยแบงออกเปน 3 สวน ดังนี้
4.4.1 สวนลําคอ (ภาพที่ 4.18-4.19)
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.18 แบบจําลองเครื่องประดับสวนลําคอ ชิ้นที่ 1
ภาพที่ 4.19 แบบจําลองเครื่องประดับสวนลําคอ ชิ้นที่ 2
121
4.4.2 สวนแขน (ภาพที่ 4.20-4.22)
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.20 แบบจําลองเครื่องประดับสวนแขน ชิ้นที่ 1
ภาพที่ 4.21 แบบจําลองเครื่องประดับสวนแขน ชิ้นที่ 2
122
นกั หอสมุดกลาง สำ
ภาพที่ 4.22 แบบจําลองเครื่องประดับสวนแขน ชิ้นที่ 3
4.4.3 สวนนิ้วมือ (4.23-4.29)
ภาพที่ 4.23 แบบจําลองเครื่องประดับสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 1
123
นกั หอสมุดกลาง สำ
ภาพที่ 4.24 แบบจําลองเครื่องประดับสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 2
ภาพที่ 4.25 แบบจําลองเครื่องประดับสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 3
124
นกั หอสมุดกลาง สำ
ภาพที่ 4.26 แบบจําลองเครื่องประดับสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 4
ภาพที่ 4.27 แบบจําลองเครื่องประดับสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 5
125
นกั หอสมุดกลาง สำ
ภาพที่ 4.28 แบบจําลองเครื่องประดับสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 6
ภาพที่ 4.29 แบบจําลองเครื่องประดับสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 7
126
4.5 ขั้นตอนการผลิตชิ้นงาน
เครื่องประดับชุดนี้เปนเครื่องประดับที่มีสวนประกอบ 3 ชนิด คือ ใยขนแกะ โลหะเงิน และ ลูกปด โดยแบงขั้นตอนการผลิตชิ้นงานออกเปน 2 สวน คือสวนของการขึ้นรูปโครงสรางหลัก (ใยขน แกะ) และสวนของการตกแตงชิ้นงาน (โลหะเงิน และลูกปด)
4.5.1 ขั้นตอนการขึ้นรูปโครงสรางดวยใยขนแกะ อุปกรณ ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.30 เข็มจิ้มใยขนแกะ (ที่มา : http://owlcraftshop.com/hoot/get-to-know-needlefelting/)
ภาพที่ 4.31 ฐานรองเข็ม (ที่มา : http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=pakem&date=14-01- 2010&group=4&gblog=2) 127
ภาพที่ 4.32 ใยขนแกะ Felting Wool (ที่มา : http://www.taraeasystudio.com/category/54/pre-order-korea/ใยขนแกะเกาหลี/ใย ขนแกะเกาหลี-เกรดพรีเมี่ยม-50g) นกั หอสม ุดกลา วิธีการทํา - ขึ้นรูสำปโดยการใชเข็มสําหรับจิ้มใยขนแกะ (ภาพที่ง 4.30) แลวรองพื้นดวยฐานรอง เข็ม (ภาพท ี่ 4.31) ใชใยขนแกะสีที่เลือก(ภาพที่ 4.32) โดยการจับใยขนแกะสีที่ตองการใชให รวมกันเปนกลุมกอน ใชเข็มจิ้มขึ้นลงตรงๆ พรอมกับปนชิ้นงานไปดวย พิจารณาตามแบบที่ รางไวโดยในสวนที่ตองมีความหนาใหใชใยขนแกะมากและสวนที่มีความบางใชใยขนแกะนอย - จากนั้นใชเข็มจิ้มใยขนแกะใหเขารูปหากันจนแนน - ตกแตงลวดลายคลื่นเปนขั้นตอนสุดทาย
4.5.1.1 สวนลําคอ ชิ้นที่ 1
ภาพที่ 4.33 การขึ้นรูปโครงสรางสวนลําคอ ชิ้นที่ 1 128
4.5.1.2 สวนลําคอ ชิ้นที่ 2
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.34 การขึ้นรูปโครงสรางสวนลําคอ ชิ้นที่ 2
129
4.5.1.3 สวนแขน ชิ้นที่ 1
สม ำนกั หอ ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.35 การขึ้นรูปโครงสรางสวนแขน ชิ้นที่ 1
130
4.5.1.4 สวนแขน ชิ้นที่ 2
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.36 การขึ้นรูปโครงสรางสวนแขน ชิ้นที่ 2
4.5.1.5 สวนแขน ชิ้นที่ 3
ภาพที่ 4.37 การขึ้นรูปโครงสรางสวนแขน ชิ้นที่ 3 131
4.5.1.6 สวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 1
กั หอสมุดกล ำภาพที่น 4.38 การขึ้นรูปโครงสรางสวนนิ้วมือาง ชิ้นที่ 1 ส 4.5.1.7 สวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 2
ภาพที่ 4.39 การขึ้นรูปโครงสรางสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 2
132
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.40 การขึ้นรูปโครงสรางสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 3
ภาพที่ 4.41 การขึ้นรูปโครงสรางสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 4
133
ภาพที่ 4.42 การขึ้นรูปโครงสรางสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 5 ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.43 การขึ้นรูปโครงสรางสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 6
ภาพที่ 4.44 การขึ้นรูปโครงสรางสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 7
134
4.2.2 ขั้นตอนการตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปด (ภาพที่ 4.45-4.56) 4.2.2.1 สวนลําคอ ชิ้นที่ 1
กั หอสมุดกล ำน าง ภาพที่ 4.45ส การตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปดในสวนลําคอ ชิ้นที่ 1
4.2.2.2 สวนลําคอ ชิ้นที่ 2
ภาพที่ 4.46 การตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปดในสวนลําคอ ชิ้นที่ 2
135
4.2.2.3 สวนแขน ชิ้นที่ 1
สม ำนกั หอ ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.47 การตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปดในสวนแขน ชิ้นที่ 1
136
4.2.2.4 สวนแขน ชิ้นที่ 2
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.48 การตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปดในสวนแขน ชิ้นที่ 2
137
4.2.2.5 สวนแขน ชิ้นที่ 3
กั หอสมุดกล ภาพที่ 4.49ำ การตกแตน งชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปาดในสง วนแขน ชิ้นที่ 3 ส 4.2.2.6 สวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 1
ภาพที่ 4.50 การตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปดในสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 1
138
4.2.2.7 สวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 2
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 4.51 การตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปดในสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 2
4.2.2.8 สวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 3
ภาพที่ 4.52 การตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปดในสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 3
139
4.2.2.9 สวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 4
กั หอสมุดกล ภาพที่ 4.53ำ การตกแตน งชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปาดในสง วนนิ้วมือ ชิ้นที่ 4 ส 4.2.2.10 สวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 5
ภาพที่ 4.54 การตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปดในสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 5
4.2.2.11 สวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 6
ภาพที่ 4.55 การตกแตงชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปดในสวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 6
140
4.2.2.12 สวนนิ้วมือ ชิ้นที่ 7
กั หอสมุดกล ภาพที่ 4.56ำ การตกแตน งชิ้นงานดวยโลหะเงิน และลูกปาดในสง วนนิ้วมือ ชิ้นที่ 7 ส บทที่ 5
ผลงานเครื่องประดับ
ผลงานเครื่องประดับไดรับแรงบันดาลใจจากเห็ด ที่เปนดั่งดัชนีแหงความอุดมสมบูรณ
5.1 ภาพผลงานในสวนลําคอ (ภาพที่ 5.1-5.2) ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 5.1 ภาพผลงานสวนลําคอ ชิ้นที่ 1
141 142
กั หอสมุดกลา สำน ง
ภาพที่ 6.2 ภาพผลงานส่วนลําคอ ชิ้นที่ 2
6.2 ภาพผลงานในส่วนแขน (ภาพที่ 6.3-6.5)
ภาพที่ 6.3 ภาพผลงานส่วนแขน ชิ้นที่ 1
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 6.4 ภาพผลงานส่วนแขน ชิ้นที่ 2
ภาพที่ 6.5 ภาพผลงานส่วนแขน ชิ้นที่ 3
142 6.3 ภาพผลงานในส่วนนิ้วมือ (ภาพที่ 6.6-6.12)
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 6.6 ภาพผลงานส่วนนิ้วมือ ชิ้นที่ 1
ภาพที่ 6.7 ภาพผลงานส่วนนิ้วมือ ชิ้นที่ 2
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 6.8 ภาพผลงานส่วนนิ้วมือ ชิ้นที่ 3
ภาพที่ 6.9 ภาพผลงานส่วนนิ้วมือ ชิ้นที่ 4 142
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 6.10 ภาพผลงานส่วนนิ้วมือ ชิ้นที่ 5
ภาพที่ 6.11 ภาพผลงานส่วนนิ้วมือ ชิ้นที่ 6
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 6.12 ภาพผลงานส่วนนิ้วมือ ชิ้นที่ 7
บทที่ 6
สรุปผลการทดลอง
โครงการศิลปะนิพนธ์นี้เป็นการศึกษา รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากความงามและความพิเศษของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอย่างเห็ด ที่ให้คุณค่าและคุณประโยชน์แก่สิ่งมีชีวิตอื่นอย่างอเนกอนันต์ ซึ่งปัจจุบันเห็ดถูกจัดเป็นพืชเศรษฐกิจ เป็นอาหารสุขภาพ สามารถทดแทนเนกั หอสื้อสมัตวุด์ได้ กลานอกเหนือจากสิ่งที่กล่าวมาแล้วนั้น เห็ดยังเป็นปัจจัยหลักในการสสำน่งเสริมระบบชีววิทยาและมีส่วนสําคัญในการสรง ้างให้วัฏจักรชีวิตในผืนป่า เกิดความสมดุล จากการศึกษาข้อมูล เห็ดจะเกิดขึ้นและเจริญเติบโตได้ดีนั้นจําเป็นต้องอาศัยปัจจัยต่างๆมากมาย ที่เห็นได้ชัดก็คือความอุดมสมบูรณ์ที่มาจากจํานวนของต้นไม้ในพื้นที่นั้นๆ ดังนั้น เห็ดจึงเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ ถือว่าเป็น “ดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์” สําหรับข้าพเจ้านั้นเอง จากการสํารวจและวิเคราะห์ความงดงามและความสามารถของเห็ดให้แก่สิ่งมีชีวิตทั้งหลายทั้ งทางด้านรูปธรรม และนามธรรม ทําข้าพเจ้าสรุปได้ว่า การสร้างสรรค์ผลงานเครื่องประดับของข้าพเจ้าจะเป็นการสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อแสดงถึงความอุดมสมบูร ณ์โดยใช้เห็ดเป็นสื่อกลางการแสดงออกผ่านงานเครื่องประดับ เพื่อนําไปสู่การพัฒนาทางความคิดและจิตวิญญานด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อคงอยู่และรักษาความอุดมสมบูรณ์เอาไว้
ภาพที่ 6.1 เห็ดและสิ่งมีชีวิต (ที่มา : www.pinterest.com) จากการวิเคราะห์ลักษณะทางกายภาพของเห็ด และลักษณะทางบริบทโดยรอบ จากการทําตารางการสํารวจ โดยนําลักษณะของเห็ดชนิดต่างๆมาเปรียบเทียบกัน และสรุปเพื่อหาลักษณะเด่นออกมา
148 ทําให้ข้าพเจ้าทราบถึงรูปลักษณ์และสภาพแวดล้อมของบรรยากาศโดยรอบ ลักษณะการดํารงชีวิตที่เกี่ยวเนื่องกันกับสิ่งมีชีวิตข้างเคียง
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
148 149
ภาพที่ 6.2 ลักษณะทางกายภาพของเห็ดและบริบทโดยรอบ กั (หที่มาอ : www.pinterest.comสมุดกลา) สำน ง จากนั้นจ ึงน ํามาเปรียบเทียบกับการวิเคราะห์เพิ่มเติมทางด้านศิลปะและวิทยาศาสตร์ โดยการศึกษาหาผลงานและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์ โดยหาผลงานที่มีแนวคิดเกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์ วิเคราะห์จากการนําผลงานหลายรูปแบบจากศิลปินหลากหลายสุดท้ายจึงนําข้อมูลที่ได้มาสังเคราะห์แ ละวิเคราะห์ให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยการร่างแบบ 2 มิติ เพื่อค้นหารูปแบบที่ตรงกับแนวความคิดมากที่สุด
ภาพที่6.3 ผลงานที่เกี่ยวข้องกับเห็ดและความอุดมสมบูรณ์ (ที่มา :https://www.pinterest.com/pin/498210777504351913)
จากการค้นหารูปแบบเพื่อให้ตรงกับแนวความคิดเรื่องความอุดมสมบูรณ์ข้าพเจ้าจึงได้ทําการ ทดลองวัสดุ เพื่อค้นหาความเหมาะสมของการแสดงออกของชิ้นงานที่ละเอียดอ่อนมากยิ่งขึ้น 150 โดยการทดลองวัสดุที่ได้จากธรรมชาติและมีพื้นผิว ความรู้สึกตรงกับลักษณะความอุดมสมบูรณ์ของเห็ด ซึ่งได้เลือกใช้วัสดุใยขนแกะเป็นวัสดุหลัก โดยมีโลหะเป็นส่วนเสริม
ต่อมาข้าพเจ้าจึงได้ค้นหาแนวทางการออกแบบโดยการนําการทดลองวัสดุมาวิเคราะห์ร่วมกับ ร่างกาย โดยสร้างองค์ประกอบศิลป์เพื่อค้นหาตําแหน่งการสวมใส่ด้วยการร่างแบบ 2 มิติควบคู่กันไป และสามารถสรุปได้ว่าจะสร้างสรรค์ผลงานเครื่องประดับจํานวน 10 ชิ้น ประกอบด้วย ตําแหน่งบริเวณลําคอจํานวน 2 ชิ้น ตําแหน่งบริเวณแขนจํานวน 3 ชิ้น ตําแหน่งบริเวณนิ้วมือจกั ํานวนห อ7ส ชิ้นม ุดกลา ซึ่งผลงานที่ไดส้นั้นำ น ได้นําเสนอถึงความอง ุดมสมบูรณ์ที่ยิ่งใหญ่ของเห็ด โดยนําเสนอผ่านร ูปแบบขององค ์ประกอบที่มีขนาดใหญ่ เกินจริง แต่ว่ามีความเป็นธรรมชาติ ดูอวบอิ่ม เพื่อให้ผลงานเครื่องประดับชุดนี้เปรียบเสมือนตัวแทนในการถ่ายทอดเรื่องราวของเห็ดที่เป็นดั่ง “ดัชนีแห่งความอุดมสมบูรณ์” และนอกจากนั้นข้าพเจ้ายังคาดหวังว่าผลงานชุดนี้จะสามารถสร้างเสริมจิตสํานึกเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแ วดล้อมได้อีกด้วย ดังเช่นพระราชดํารัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯซึ่งทรงกล่าวไว้ว่า “เราควรปลูกต้นไม้ลงในใจเสียก่อนแล้วคนเหล่านั้นก็จะพากันปลูกต้นไม้ลงแผ่นดินและรักษาต้นไม้ด้ว ยตนเอง” รายการอางอิง
ดีพรอม ไชยวงศเกียรติ. การเพาะเห็ดและเห็ดบางชนิดในประเทศไทย. พิมพครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพอักษรสยาม, 2519. ราชบัณฑิตยสถาน. เห็ดในประเทศไทย. พิมพครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถานพิมพ, 2550. อนงค จันทรศรีกุล. เห็ดเมืองไทย เทคโนโลยีการเพาะเห็ด.กรุงเทพฯ: สํานักพิมพไทยวัฒนาพาณิช, 2544. อนงค จันทรศรีกุล. ความหลากหลายของเหกั หอส็ดและราขนาดใหญมุดกลาในประเทศไทย.กรุงเทพฯ: สํานสักพิมพำนมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร, 2551. ง
151
หอส มุดกล นกั าง สำ
ภาคผนวก
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาคผนวก ก
ใบเสนอหัวขอศิลปนิพนธ
ภาควิชาออกแบบเครื่องประดับ คณะมัณฑนศิลป มหาวิทยาลัยศิลปากร
ชื่อนักศึกษา นางสาว ปภาดา เรืองรุง รหัสประจําตัว 04540232 อาจารยที่ปรึกษาศิลปนิพนธ รองศาสตราจารย ดร. สุภาวี ศิรินคราภรณ วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557
แบบเสนอหัวขอศิลปนิพนธ กั หอสมุดกลา 1. ชื่อหัวขอศิลปนสิพนธำ น ง (ภาษาไทย ) เครื่องประดับที่ไดรับแรงบันดาลใจจากเห็ด “ดั ชนีแหงความอุดม สมบูรณ” (ภาษาอังกฤษ) Jewelry design project inspired by Mushroom “The indicator of plentiful”.
2. ที่มาและความสําคัญของปญหา ‘ปาไม’ มีความสําคัญตอมวลมนุษยและสิ่งมีชีวิตนอยใหญทั้งหลาย ทั้งสัตวและพืชในผืนปา กวางใหญลวนมีความจําเปนจะตองพึ่งพาอาศัยกันอยางเกื้อกูล แมขาดสิ่งมีชีวิตเล็กๆเพียงสิ่งเดียวก็ไม อาจสรางความอุดมสมบูรณ อันยิ่งใหญได วัฎจักรของสิ่งมีชีวิตในปาทําใหขาพเจาไดรับทราบขอมูล ของพืชชนิดหนึ่ง ซึ่งแมเปนเพียงพืชขนาดเล็กแตใหคุณประโยชนกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆอยางอเนก อนันต พืชดังกลาวคือ “หเห็ด” ปจจุบันเ ็ดจัดเปนพืชเศรษฐกิจ เปนอาหารสุขภาพสามารถทดแทน โปรตีนจากเนื้อสัตวได นอกเหนือจากสิ่งที่กลาวมาแลวนั้น เห็ดยังเปนปจจัยหลักในการสงเสริมระบบ ชีววิทยาและมีสวนสําคัญในการสรางใหวัฏจักรชีวิตในผืนปาเกิดความสมดุล เห็ดเปนราชั้นสูงกลุมหนึ่งในอาณาจักรฟงไจมีประโยชนในการเอื้อใหดินเก ิดความชุมชื้น ยอย สลายจุลินทรียเสมือนเปนตัวเชื่อมโยงผูผลิตและผูบริโภคใหเกิดการพึ่งพาซึ่งกันและกัน ชวยเพิ่มความ หลากหลายทางชีวภาพ เสริมสรางใหทรัพยากรธรรมชาติฟนตัวกลับคืนมา ทําใหหวงโซอาหารของพืช และสัตวครบวงจร และเติมเต็มความสมบูรณแกระบบนิเวศ อนึ่ง การที่เห็ดจะเกิดขึ้นและเจริญเติบโต ไดดีในธรรมชาตินั้น จําเปนต องอาศัยปจจัยตางๆมากมาย ที่เห็นไดชัดคือ ความอุดมสมบูรณที่มาจาก จํานวนของตนไมในปาธรรมชาติ ดังนั้น เห็ดจึงเปนทั้งผูใหและผูรับ ถือวาเปน ”ดัชนีชี้วัดความอุดม สมบูรณ” ดังคํากลาวที่วา “ที่ไหนมีปาที่นั้นมีเห็ด” ดังน ั้น เห็ดสอนใหขาพเจาเขาใจไดวา ความงดงามของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กสามารถเติมเต็มความ อุดมสมบูรณแกสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในวงกวางได ทั้งหมดนี้ ขาพเจาในฐานะนักออกแบบจึงเกิดแรง บันดาลใจในการสรางสรรคผลงานเครื่องประดับ ซึ่งขาพเจาตองการใหผลงานเครื่องประดับของ ขาพเจปาเ นเสมือนตัวแทนในการถายทอดเรื่องราวและสาระความสําคัญของเห็ดกับความอุดม
สมบูรณ ดวยหวังเปนอยางยิ่งวา นอกจากเห็ดจะสรางแรงบันดาลใจในการออกแบบผลงาน เครื่องประดับที่มีความสวยงามแลว ยังสามารถสงเสริมจิตสํานึกดานการอนุรักษทรัพยากรในอนาคต แกผูสวมใสอีกดวย ดังพระราชดํารัสของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวฯ ซึ่งทรงกลาวไววา “เราควร ปลูกตนไมลงในใจเสียกอนแล วคนเหลานั้นก็จะพากันปลูกตนไมลงแผนดินและรักษาตนไมดวย ตนเอง”
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 1 กลุมเห็ดที่เกิดขึ้นบริเวณปา(ซาย) ภาพกลุมเห็ดที่เกิดขึ้นบริเวณน้ําตกในปา(ขวา) (ที่มา : http://aquieterstorm.tumblr.com/page/31 (ซาย) , http://jakespain.deviantart.com/gallery/ (ขวา))
ภาพที่ 2 กลุมเห็ดเอคโตไมคอรไรซา (ectomycorrhizal mushroom) กลุมเห็ดที่มีความสัมพันธกับ สิ่งมีชีวิตชนิดอื่น (ที่มา : http://www.slideshare.net/influenzar/ss-15130441)
3. วัตถุประสงคของโครงงาน 3.1 ตองการออกแบบเครื่องประดับที่เปนเสมือนตัวแทนในการถายทอดเรื่องราวของเห็ดที่เปน ดั่ง "ดัชนีแหงความอุดมสมบูรณ” 3.2 ตองการออกแบบเครื่องประดับสามารถสรางเสริมจิตสํานึกดานการอนุรักษสิ่งแวดลอม
4. ขอบเขตการศึกษาของโครงงาน 4.1 ศึกษาที่มาความสําคัญของปาไมในประเทศไทย ระบบนิเวศวิทยาของผืนปา 4.2 ศึกษาขอมูลของเห็ดชนิดตางๆซึ่งเปนดัชนีวัดความอุดมสมบูรณในผืนปาตางๆเฉพาะอยางยิ่ง ปาสําคัญ ปาตนน้ําในประเทศไทย เปนตน 4.3 ศึกษาทัศนธาตุและการจกั หัดองคอประกอบศสมิลปุดที่สามารถถกลาายทอดภาพความอุดมสมบูรณและ ความสําคัญของสสิ่งมำีชีวิตที่ตองพึ่น งพาอาศัยอยางเกื้อกูลกัน ง
5. แนวทางการแกปญหา
ปญหา แนวทางการแกปญหา 5.1 ลักษณะทางกายภาพของเห็ด ธรรมชาติ 5.1 วิเคราะหทัศนธาตุ องคประกอบศิลป และ และศักยภาพของเห็ดในฐานะ ดัชนีแหงความ หลักการออกแบบตางๆ จากกระบวนการศึกษา อุดมสมบูรณ และวิเคราะหทางกายภาพ กระบวนการทํางาน และวัฏจักรของเห็ด 5.2 ผูคนในสังคมรวมสมัยละเลยการให 5.2 สรางความเขาใจโดยการถายทอดเรื่องราว ความสําคัญและสํานึกดานการอนุรักษ ที่สะทอนถึงสุนทรียภาพของความอุดมสมบูรณ สิ่งแวดลอม ของสิ่งแวดลอม
6. วิธีการศึกษา 6.1 สํารวจขอมูลวัฏจักรความอุดมสมบูรณของผืนปาและประเภทของพืชและสัตวในปาที่มี ในความสําคัญตางๆของประเทศไทย จากหนังสือ,วารสาร และเว็บไซดตางๆ 6.2 วิเคราะหวงจรชีวิตของเห็ดและธรรมชาติของเห็ดในฐานะปจจัยหลักของความสมดุลจาก หนังสือ วารสาร และเว็บไซดตางๆ 6.3 วิเคราะห และสังเคราะหทัศนธาตุตางๆที่สามารถสรางรูปแบบของเห็ดและภาพความ อุดมสมบูรณของสิ่งมีชีวิตได เชน รูปทรง พื้นผิว และความเปนเอกภาพ เปนตน
7. แผนการดําเนินงานและระยะเวลา
แผนการดําเนินงาน ระยะเวลา 7.1 ศึกษา รวบรวม วิเคราะหสังเคราะหขอมูลและแนวคิดในการ ออกแบบสรางสรรค -ศึกษา รวบรวมขอมูลวัฏจักรความอุดมสมบูรณของผืนปา 17 ธันวาคม - - ศึกษาวงจรชีวิตของเห็ดและธรรมชาติของเห็ดชนิดตางๆ 6 มกราคม 2558 - วิเคราะหสังเคราะหขอมูลที่มีความสอดคลองกับวัตถุประสงค การ สรางสรรคงาน 7.2 วิเคราะหขอมูล ทดลองวกั ัสดุ หเพื่อสรอุปแนวทางการออกแบบสมุดกล - ศึกษาทัศนธาตุ องคประกอบศน ิลปและหลักการออกแบบ าง สำ 10 มกราคม - - แบบรางความค ิด 2 มิติ และ/หรือ 3 มิติ 5 กุมภาพันธ 2558 - ทดลองวัสดุที่ใชในการสรางรูปรางรูปทรงของงานเครื่องประดับ เพื่อสงเสริมแนวความคิดในการออกแบบ 7.3 พัฒนาแบบราง สรุปแบบผลงานเครื่องประดับ - สรุปรูปแบบผลงานที่สอดคลองกับแนวความคิดและวัตถุประสงค ใน 11 กุมภาพันธ - การสรางสรรคงาน 9 มีนาคม 2558 - เขียนแบบ 2 มิติ และทําตัวอยาง 3 มิติ และ/หรือ ความสัมพันธกับรูปแบบ การสวมใสเครื่องประดับ 7.4 กระบวนการผลิตชิ้นงานเครื่องประดับ จัดทําบรรจุภัณฑและเตรียม 13 มีนาคม - อุปกรณการจัดแสดงผลงาน 23 เมษายน 2558 - จัดทําศิลปนิพนธฉบับราง 7.5 จัดทําศิลปนิพนธฉบับสมบูรณ 25 เมษายน - 21 พฤษภาคม 2558
8. ประโยชนที่คาดวาจะไดรับ 8.1 ผลงานเครื่องประดับที่เปนเสมือนตัวแทนในการถายทอดเรื่องราวของเห็ด “ดัชนีแหงความ อุดมสมบูรณ” 8.2 ผลงานเครื่องประดับสรางเสริมจิตสํานึกเรื่องการอนุรักษสิ่งแวดลอม
9. งบประมาณที่ใช 9.1 คาเอกสารขอมูล ประมาณ 8,000 บาท 9.2 คาวัสดุอุปกรณที่ใชในการสรางงาน ประมาณ 25,000 บาท เครื่องประดับ 9.3 คาบรรจุภัณฑและสื่อการนําเสนอผลงาน ประมาณ 10,000 บาท 9.4 คาจัดทําเอกสารรูปเลมรายงาน ประมาณ 3,000 บาท
9.5 คาใชจายในการเดินทาง ประมาณ 4,000 บาท รวมทั้งหมด 50,000 บาท
10. รายการอางอิง ดีพรอม ไชยวงศเกียรติ. การเพาะเห็ดและเห็ดบางชนิดในประเทศไทย. พิมพครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ:
สํานักพิมพอักษรสยาม, 2519. ราชบัณฑิตยสถาน. เห็ดในประเทศไทย. พิมพครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถานพิมพ, 2550. อนงค จันทรศรีกุล. เห็ดเมืองไทย เทคโนโลยหอสีการเพาะเหมุดก็ด.กรุลงเทพฯ: สํานักพิมพไทยวัฒนาพาณิช, สำนกั าง 2544. อนงค จันทรศรีกุล. ความหลากหลายของเห็ดและราขนาดใหญในประเทศไทย.กรุงเทพฯ:
สํานักพิมพมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร, 2551.
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาคผนวก ข ปาไมที่สําคัญ ปาไมที่สําคัญ อุทยานแหงชาติเขาใหญ
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 1 อุทยานแหงชาติเขาใหญ (ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/อุทยานแหงชาติเขาใหญ)
อุทยานแหงชาติเขาใหญ มีอาณาเขตคาบเกี่ยวติดตอกันถึง 11 อําเภอของ 4 จังหวัด คือ จังหวัด สระบุรี จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดนครนายก ไดรับสมญาวาเปน อุทยานมรดกของกลุมประเทศอาเซียน เปนปาผืนใหญในเทือกเขาพนมดงรัก ในส วนหนึ่งของดง พญาไฟหรือดงพญาเย็นในอดีต ประกอบดวยขุนเขานอยใหญสลับซับซอนหลายลูก เปน แหลงกําเนิดของตนน้ําลําธารที่สําคัญถึง 5 สาย เชน แมน้ํานครนายก แมน้ํามูล อุดมสมบูรณไปดวย พันธุไมและสัตวปานานาชนิด เชน ชางปา กวาง เกง กระทิง ตลอดจนมีเอกลักษณทางธรรมชาติที่ สวยงาม อุทยานแหงชาติเขาใหญมีเนื้อที่ 2,168.64 ตารางกิโลเมตร หรือ 1,355,396.96 ไร นับเปน อุทยานแหงชาติแหงที่ 1 ของประเทศ
1. ลักษณะภูมิประเทศ สภาพทั่ว ๆ ไปของอุทยานแหงชาติเขาใหญ ประกอบดวยเทือกเขาสลับซับซอนกันหลายลูก ไดแก เขารม ซึ่งเปนยอดเขาที่สูงที่สุด 1,351 เมตร เขาแหลมสูง 1,326 เมตร เขาเขียวสูง 1,292 เมตร เขาสามยอดสูง 1,142 เมตร เขาฟาผาสูง 1,078 เมตร เขากําแพงสูง 875 เมตร เขาสมอปูนสูง 805 เมตร และเขาแกวสูงร 802 เมต ซึ่งวัดความสูงจากระดับน้ําทะเลเปนเกณฑ และยัง ประกอบดวยทุงกวางสลับกับปาไมที่อุดมสมบูรณ ดานทิศเหนือและตะวันออกพื้นที่จะลาดลง ทางทิศ ใตและตะวันตกเปนที่สูงชันไปเรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังเปนแหลงกําเนิดตนน้ําลําธารที่สําคัญถึง 5 สาย ดังนี้ แมน้ําปราจีนบุรี แมน้ํานครนายก แมน้ําลําตะคอง แมน้ําหวยพระเพลิง และหวยมวกเหล็ก
160
2. จุดเดนที่นาสนใจ
ม ำนกั หอส ุดกลาง ส
ภาพที่ 2 น้ําตกเหวสุวัต ในอุทยานแหงชาติเขาใหญ (ที่มา : http://worldheritage.routes.travel/world-heritage-site/khao-yai-forest-complex/)
อุทยานแหงชาติเขาใหญ นับวาเปนแหลงกําเนิดของตนน้ําลําธารที่ทําใหเกิดปรากฏการณ ธรรมชาติ ที่เปนแหลงทองเที่ยวที่สําคัญนั้นก็คือ น้ําตกที่สวยงาม มีน้ําตกนอยใหญเกิดขึ้นหลายแหงใน พื้นที่อุทยานแหงชาติเขาใหญ ซึ่งสํารวจพบและทําเสนทางเดินเทาไปถึงแลวประมาณ 30 แหง ที่ มีความสวยงามแตกตางกันไปตามสภาพธรรมชาติของภูมิประเทศเปนที่รูจักกันดี เชน น้ําตกนางรอง, น้ําตกสาริกา,น้ําตกกองแกว,น้ําตกผากลวยไม,น้ําตกเหวสุวัต,น้ําตกเหวนรก,น้ําตกไมปลอง,น้ําตกวัง เหว,น้ําตกตะกรอ,น้ําตกสลัดได,น้ําตกสมปลอย,น้ําตกพันทิพย,น้ําตกแกงกฤษณา,น้ําตกเหวจั๊กจั่น, น้ําตกเหวอีอ่ํา,น้ําตกผาไทรคู,น้ําตกผากระชาย,น้ําตกแกงหินเพลิง,น้ําตกเหวไทร,น้ําตกเหวประทุน, น้ําตกมะนาว,น้ําตกตาดตาภู,น้ําตกตาดตาคง และกลุมน้ําตกผาตะแบก เปนตน
3. สัตวปา อุทยานแหงชาติเขาใหญเปนแหลงที่มีสัตวปาชุกชุมมาก สัตวปาที่สามารถพบไดบอย ๆ และ ตามโอกาสอํานวย ไดแก เกง กวาง ตามทุงหญาทั่ว ๆ ไป นอกจากนี้ยังพบ เสือโครง กระทิง เลียงผา หมี เมน ชะน ี พญากระรอก หรือ หมาไม ชะมดอีเห็น กระตายปา และนกชนิดตางๆ
161
ประวัติผูเขียน
ชื่อ - สกุล นางสาวปภาดา เรืองรุง วันเกิด 15 สิงหาคม พ.ศ. 2535 ที่อยู 549 หมูบานโชคชัยปญจทรัพย ซอยลาดพราว 80 ถนนลาดพราว เขตวัง ทองหลาง แขวงพลับพลา กรุงเทพฯ 10310 ประวัติการศึกษา พ.ศ. 2551 สําเร็จการศกั หึกษาระดอสับมมัธยมศุดกึกษาตอนตลา น โรงเรียนสารสาสนเอกตรา สกรุำงเทพมหานครน ง พ.ศ. 2554 สําเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห สิง หเสนี) จังหวัดกรุงเทพฯ พ.ศ. 2558 สําเร็จการศึกษาศิลปบัณฑิต สาขาวิชาการออกแบบเครื่องประดับ คณะมัณฑนศิลป มหาวิทยาลัยศิลปากร วังทาพระ กรุงเทพมหานคร
162