P26-60-T2.Pdf

Total Page:16

File Type:pdf, Size:1020Kb

P26-60-T2.Pdf คํานํา สํานักวิจัยการอนุรักษปาไมและพันธุพืช ไดมอบหมายให กลุมงานวิชาการ สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษที่ 9 (อุบลราชธานี) ดําเนินการจัดทําโครงการสํารวจความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ปาอนุรักษ ภายใตกิจกรรม บริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อสํารวจและรวบรวมขอมูลพืช แมลง และเห็ดรา ในปาเบญจพรรณ พื้นที่อุทยานแหงชาติผาแตม จังหวัดอุบลราชธานี ขอมูลที่ไดจากการสํารวจและวิเคราะหจะนําไปจัดทําเปน ฐานขอมูลความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ปาอนุรักษ เพื่อใชเปนประโยชนดานการบริหารจัดการความ หลากหลายทางชีวภาพในภาพรวมของกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช โดยทําการสํารวจตั้งแตเดือน ตุลาคม พ.ศ. 2559 – เดือนกันยายน พ.ศ. 2560 รายงานนี้ประกอบดวยขอมูลพรรณไม แมลง และเห็ดราที่ไดจากการวางแปลงสํารวจในปาเบญจพรรณใน อุทยานแหงชาติผาแตม จํานวน 4 แปลงแลวนํามาวิเคราะหสรุปประเมินผลใหเห็นภาพรวมความหลากหลาย ของทรัพยากร ผูจัดทําหวังเปนอยางยิ่งวาขอมูลทั้งหมดสามารถใชเปนฐานขอมูลในการวางแผนการจัดการใน ดานการวิจัยความหลากหลากหลายทางชีวภาพ การอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่อุทยานแหงชาติ รวมทั้งเปนประโยชนสําหรับผูสนใจทั่วไป ผูจัดทํา สารบัญ หนา บทที่ 1 ขอมูลทั่วไปของพื้นที่ดําเนินการ 1 บทที่ 2 ทบทวนวรรณกรรม 13 บทที่ 3 อุปกรณ และวิธีการสํารวจ 14 บทที่ 4 ผลการศึกษา 22 ผลการสํารวจความหลากหลายของพรรณไม 22 ผลการสํารวจความหลากหลายของแมลง 39 ผลการสํารวจความหลากหลายของเห็ด 53 บทที่ 5 สรุปและวิจารณผลการศึกษา 57 เอกสารอางอิง 58 ภาคผนวก 60 สารบัญตาราง หนา ตารางที่ 1 บัญชีรายชื่อพรรณไมที่สํารวจพบในปาเบญจพรรณ อุทยานแหงชาติผาแตม 27 ตารางที่ 2 คา IV และรายชื่อพรรณไมของสังคมพืชปาเบญจพรรณในอุทยานแหงชาติผาแตม 33 ตารางที่ 3 สรุปลักษณะทางนิเวศวิทยาของแตละแปลง 37 ตารางที่ 4 ผีเสื้อกลางวันจําแนกตามรายแปลงและฤดูกาลที่สํารวจพบ 43 ตารางที่ 5 บัญชีรายชื่อผีเสื้อกลางวันในปาเบญจพรรณอุทยานแหงชาติผาแตม 46 ตารางที่ 6 บัญชีรายชื่อผีเสื้อกลางคืนและดวงที่สํารวจพบในปาเบญจพรรณ ในอุทยานแหงชาติผาแตม 51 ตารางที่ 7 บัญชีรายชื่อเห็ดที่สํารวจพบในอุทยานแหงชาติผาแตม 55 สารบัญภาพ หนา ภาพที่ 1 แผนที่อําเภอที่ครอบคลุมอุทยานแหงชาติผาแตม 4 ภาพที่ 2 แผนที่แสดงแนวเขตอุทยานแหงชาติผาแตม 5 ภาพที่ 3 ภาพเขียนสีกอนประวัติศาสตร 7 ภาพที่ 4 เสาเฉลียง 8 ภาพที่ 5 เสาเฉลียงใหญ 9 ภาพที่ 6 น้ําตกแสงจันทร 9 ภาพที่ 7 น้ําตกสรอยสวรรค 10 ภาพที่ 8 น้ําตกหวยพอก 10 ภาพที่ 9 ผาชะนะได 11 ภาพที่ 10 ทุงดอกไมปา 11 ภาพที่ 11 สมเด็จพระนางเจาสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จทอดพระเนตรศึกษาพันธุดอกไมปา 12 ภาพที่ 12 แนวสํารวจผีเสื้อกลางวัน 17 ภาพที่ 13 แผนผัง Venn diagram 18 ภาพที่ 14 จุดวางแปลงตัวอยางสํารวจพรรณไมในปาเบญจพรรณ อุทยานแหงชาติผาแตม จังหวัดอุบลราชธานี 23 ภาพที่ 15 แปลงตัวอยางสํารวจพรรณไมปาเบญจพรรณ แปลงที่ 1 ในอุทยานแหงชาติผาแตม 24 ภาพที่ 16 แปลงตัวอยางสํารวจพรรณไมปาเบญจพรรณ แปลงที่ 2 ในอุทยานแหงชาติผาแตม 24 ภาพที่ 17 แปลงตัวอยางสํารวจพรรณไมปาเบญจพรรณ แปลงที่ 3 ในอุทยานแหงชาติผาแตม 25 ภาพที่ 18 แปลงตัวอยางสํารวจพรรณไมปาเบญจพรรณ แปลงที่ 4 ในอุทยานแหงชาติผาแตม 25 ภาพที่ 19 ตัวอยางพรรณไมที่สํารวจพบในเขตอุทยานแหงชาติผาแตม จ.อุบลราชธานี 26 ภาพที่ 20 ลักษณะโปรไฟลโครงสรางปาเบญจพรรณของอุทยานแหงชาติผาแตม 38 ภาพที่ 21 การสํารวจผีเสื้อกลางวันในปาเบญจพรรณ อุทยานแหงชาติผาแตม 39 ภาพที่ 22 การสํารวจผีเสื้อกลางวันในปาเบญจพรรณ อุทยานแหงชาติผาแตม 40 สารบัญภาพ(ตอ) ภาพที่ 23 การบันทึกขอมูลและเก็บตัวอยางผีเสื้อกลางวันในปาเบญจพรรณ 40 ภาพที่ 24 การสํารวจผีเสื้อกลางวันในปาเบญจพรรณชวงฤดูแลง 41 ภาพที่ 25 การสํารวจผีเสื้อกลางวันในปาเบญจพรรณชวงฤดูแลง 41 ภาพที่ 26 การติดตั้งไฟลอแมลง 42 ภาพที่ 27 การสํารวจผีเสื้อกลางคืน 42 ภาพที่ 28 ผีเสื้อกลางวันที่สํารวจพบจําแนกตามวงศ 43 ภาพที่ 29 ผีเสื้อกลางวันที่สํารวจพบจําแนกตามรายแปลง 44 ภาพที่ 30 ผีเสื้อกลางวันที่สํารวจพบจําแนกตามฤดูกาล 45 ภาพที่ 31 แผนภาพ Venn diagram จํานวนชนิดผีเสื้อกลางวันพบในฤดูรอนและฤดูฝน 45 ภาพที่ 32 คาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพ(H/) และคาความสม่ําเสมอ(J/)ของผีเสื้อกลางวัน ที่พบในฤดูรอนและฤดูฝน และรวมทั้งสองฤดู 48 ภาพที่ 33 คาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพ(H/)และคาความสม่ําเสมอ (J/) ของผีเสื้อกลางวันที่พบจําแนกตามรายแปลง 49 ภาพที่ 34 ตัวอยางผีเสื้อกลางวันที่สํารวจพบในเขตอุทยานแหงชาติผาแตม 50 ภาพที่ 35 ตัวอยางผีเสื้อกลางคืนและดวงที่สํารวจพบในอุทยานแหงชาติผาแตม จังหวัดอุบลราชธานี 52 ภาพที่ 36 เห็ดที่พบในอุทยานแหงชาติผาแตม 53 ภาพที่ 37 เห็ดที่พบในอุทยานแหงชาติผาแตม 53 ภาพที่ 38 ตัวอยางเห็ดที่สํารวจพบในอุทยานแหงชาติผาแตม 54 สารบัญภาคผนวก หนา ตารางผนวกที่ 1 คา IV ของพรรณไมในสังคมพืชปาเบญจพรรณ แปลงที่ 1 ในอุทยานแหงชาติผาแตม 61 ตารางผนวกที่ 2 คา IV ของพรรณไมในสังคมพืชปาเบญจพรรณ แปลงที่ 2 ในอุทยานแหงชาติผาแตม 63 ตารางผนวกที่ 3 คา IV ของพรรณไมในสังคมพืชปาเบญจพรรณ แปลงที่ 3 ในอุทยานแหงชาติผาแตม 65 ตารางผนวกที่ 4 คา IV ของพรรณไมในสังคมพืชปาเบญจพรรณ แปลงที่ 4 ในอุทยานแหงชาติผาแตม 67 ตารางผนวกที่ 5 รายชื่อไมหนุมที่พบในอุทยานแหงชาติแกงตะนะ 68 ตารางผนวกที่ 6 รายชื่อลูกไมที่พบในอุทยานแหงชาติแกงตะนะ 69 บทที่ 1 ขอมูลทั่วไปของพื้นที่ดําเนินการ 1. ขอมูลพื้นฐาน ในอดีตชาวบานทองถิ่นทํากินในบริเวณใกลเคียงพื้นที่ปาภูผา นอยคนนักที่จะเดินทางเขาไป ในปาแหงนี้เนื่องจากมีความเชื่อวา “ผาแตมเปนเขตตองหาม ภูผาเหลานั้นมีความศักดิ์สิทธิ์นักเปนภูผาแหง ความตาย ใครลวงล้ําเขาไปมักมีอันเปนไปอาจเจ็บไขหรือเปนอันตรายถึงชีวิต” ปจจุบันพื้นที่ปาภูผาแตม ไดถูก เปดเผยจนเปนที่รูจักกันทั่วไปเมื่อคณะอาจารยและนักศึกษาจากภาควิชามานุษยวิทยามหาวิทยาลัยศิลปากร ไดมาทําการสํารวจคนพบภาพเขียนสีโบราณสมัยกอนประวัติศาสตรที่ผาแตม ทองที่บานกุมตําบลหวยไผอําเภอ โขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานีประกอบกับสภาพปาในบริเวณใกลเคียงยังอุดมสมบูรณอยู จึงไดทําหนังสือบันทึก จากภาควิชาฯลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2524 เสนอตอกองอุทยานแหงชาติกรมปาไมขอใหจัดตั้งปาภูผาใน บริเวณผาแตมเปนอุทยานแหงชาติกองอุทยานแหงชาติไดบันทึกสั่งการลงวันที่ 27พฤษภาคม 2524 ใหนาย เสงี่ยมจันทรแจมนักวิชาการปาไม 4 ปฏิบัติหนาที่หัวหนาอุทยานแหงชาติดงหินกอง (ตอมาไดเปลี่ยนชื่อเปนอุทยาน แหงชาติแกงตะนะ) ไปทําการสํารวจหาขอมูลเพิ่มเติม ผลการสํารวจปรากฏรายงานตามหนังสืออุทยานแหงชาติ ดงหินกองที่กส 0708 (ดก) /57 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2524 วา “พื้นที่บริเวณที่ภาควิชามานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยศิลปากร เสนอขอใหจัดตั้งเปนอุทยานแหงชาติอยูในบริเวณพื้นที่ปาภูผาปรากฏภาพเขียนสี โบราณ ซึ่งมีคุณคาทางประวัติศาสตรที่ผาแตมสภาพปาบริเวณใกลเคียงยังไมถูกทําลายและมีจุดเดนตาม ธรรมชาติที่สวยงาม การคมนาคมสะดวกเหมาะที่ตั้งอุทยานแหงชาติ โดยเห็นควรผนวกบริเวณดังกลาวเขา เปนสวนหนึ่งของ อุทยานแหงชาติดงหินกอง ” กรมปาไมจึงมีคําสั่งกรมปาไม ที่ 1162/2524 ลงวันที่ 13 กันยายน 2524 ใหนายเสงี่ยม จันทรแจม นักวิชาการปาไม 4 หัวหนาอุทยานแหงชาติแกงตะนะ (อุทยานแหงชาติดงหินกองเดิม) ไป ดําเนินการควบคุมดูแลรักษาปาภูผาโดยใหพิจารณาผนวกเขากับ อุทยานแหงชาติแกงตะนะทั้งนี้บริเวณภูผา ดังกลาวไดถูกประกาศรวมกับบริเวณปาใกลเคียง ใหเปนปาสงวนแหงชาติดงภูโหลนตามกฎกระทรวงฉบับที่ 603 (พ.ศ.2516) ลงวันที่24 ตุลาคม 2516ตอมากรมปาไมไดพิจารณาเห็นวาพื้นที่บริเวณดังกลาวเปนพื้นที่คน ละสวน และอยูหางไกลกับอุทยานแหงชาติแกงตะนะ ตลอดจนมีอาณาเขตกวางขวางเกรงวาอุทยานแหงชาติ แกงตะนะ จะดูแลไมทั่วถึง และเพื่อเปนการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลตามโครงการอีสานเขียว กระทรวง เกษตรและสหกรณ ในการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและปาไม เพื่อพัฒนาใหเปนแหลงทองเที่ยว และ การศึกษาหาความรูทางวิชาการ จึงมีคําสั่งกรมปาไมที่ 991/2532 ลงวันที่ 28 มิถุนายน2532 ใหนายวรพล รัตนสุวรรณ นักวิชาการปาไม 5 กองอุทยานแหงชาติ ไปดําเนินการสํารวจเพื่อจัดตั้งพื้นที่ปาสงวน แหงชาติปาดงภูโหลนทองที่ อําเภอโขงเจียม อําเภอศรีเมืองใหม และอําเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี เนื้อที่ 340 ตารางกิโลเมตร หรือ 212,500 ไร เปนอุทยานแหงชาติผาแตม และทําหนาที่หัวหนาอุทยานแหงชาติแหง นี้ดวย กรมปาไมโดยกองอุทยานแหงชาติไดนําเรื่องราวดังกลาวนี้ เสนอตอคณะกรรมการอุทยานแหงชาติ 2 ซึ่งไดมติเห็นชอบในการประชุมครั้งที่ 3/2432 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2532 ผานมติเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2534 และไดรับประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษหนา 90 – 92 เลมที่ 108 ตอนที่ 245 ลงวันที่ 31ธันวาคม 2534 ใหเปนอุทยานแหงชาติผาแตม ตามพระราชบัญญัติอุทยานแหงชาติ พ.ศ.2504 นับเปนอุทยานแหงชาติลําดับที่ 74 ของประเทศไทยปจจุบันนายนครินทร สุทัตโต ตําแหนง นักวิชาการปาไมชํานาญการทําหนาที่หัวหนาอุทยานแหงชาติผาแตม 2. อํานาจหนาที่ - อนุรักษคุมครอง ดูแล รักษาทรัพยากรปาไม สัตวปา และพันธุพืช ใหสมบูรณ และสมดุล ตามธรรมชาติ โดยใหมีทรัพยากรธรรมชาติอยางยั่งยืน และเกิดประโยชนสูงสุด - ฟนฟู แกไข ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอมปองกันไฟปา อันจะ เกิดความเสียหายตอระบบนิเวศในพื้นที่ปาไม - ควบคุม กํากับ ดูแล ปองกัน การบุกรุก ทําลายปา และการกระทําผิดกฎหมายเกี่ยวกับปา ไม และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวของ - ศึกษา วิจัย และพัฒนาอุทยานแหงชาติ - บริหารจัดการและการใชประโยชนจากทรัพยากรโดยชุมชนมีสวนรวม - บริหารจัดการดานนันทนาการและสื่อความหมาย - ปฏิบัติงานอื่นใดตามที่กําหนดใหเปนอํานาจหนาที่ หรือตามที่กรมฯ มอบหมาย 3. สถานที่ตั้ง อุทยานแหงชาติผาแตม เปนอุทยานแหงชาติที่ตั้งอยูทางตะวันออกสุดของประเทศไทย เขต พิกัดทางภูมิศาสตร ละติจูด ที่ 15 23.- 15 46. เหนือ และลองจิจูดที่ 105 38. ตะวันออก สามารถรับชม พระอาทิตยขึ้นไดเปนจุดแรกของประเทศไทยที่ผาชะนะได เขตพื้นที่อุทยานแหงชาติผาแตม มีเนื้อที่ครอบคลุม ทองที่อําเภอโขงเจียม อําเภอศรีเมืองใหมและอําเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี เปนอุทยานแหงชาติแหงแรก ในประเทศไทยที่มีแมน้ําโขงซึ่งเปนเสนกั้นพรมแดนระหวางประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว เปนแนวเขตอุทยานแหงชาติที่ยาวที่สุดถึง 63 กิโลเมตรทําใหสามารถมองเห็นทิวทัศนปาเขาทาง ฝงสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ไดเปนอยางดี ที่ทําการอุทยานแหงชาติผาแตม ตั้งอยูที่บริเวณบาน หนองผือนอย ตําบลหวยไผ อําเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี หางจากตัวเมืองจังหวัดอุบลราชธานี ประมาณ 95 กิโลเมตร 3 4. พื้นที่รับผิดชอบ อุทยานแหงชาติผาแตม เปนหนวยงานสังกัดสวนอุทยานแหงชาติ สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ ที่ 9 (อุบลราชธานี) มีพื้นที่รับผิดชอบ 212,500 ไร หรือ 340 ตารางกิโลเมตร ปรากฏอยูในแผนที่สภาพภูมิ ประเทศ หมายเลขระวาง L 7017 แผนที่ 6039 I , 6139 IV , 6040 I , 6040 II , 6140 III และ 6140 IV อยู ในพื้นที่ลุมน้ําชายแดนไทย – ลาว แบงพื้นที่รับผิดชอบออกเปน 4 หนวยพิทักษ 1 ฐานปฏิบัติการ 1 จุดสกัด ดังนี้ 4.1 หนวยพิทักษอุทยานแหงชาติ หนวยที่ 1 (สรอยสวรรค) 4.2 หนวยพิทักษอุทยานแหงชาติ หนวยที่ 2 (หุงหลวง) 4.3 หนวยพิทักษอุทยานแหงชาติ หนวยที่ 3 (คันทาเกวียน) 4.4 หนวยพิทักษอุทยานแหงชาติ หนวยที่ 4 (หวยทราย) 4.5 ฐานปฏิบัติการดงนาทาม 4.6 จุดสกัดดงนา 4 ภาพที่ 1 แผนที่อําเภอที่ครอบคลุมอุทยานแหงชาติผาแตม 5 ภาพที่ 2 แผนที่แสดงแนวเขตอุทยานแหงชาติผาแตม 5. กรอบแนวทางในการดําเนินงาน ภาพที่ 2 แผนที่แสดงแนวเขตอุทยานแหงชาติผาแตม
Recommended publications
  • Development and Climate Change in the Mekong Region Case Studies
    Development and Climate Change in the Mekong Region Case Studies edited by Chayanis Kri�asudthacheewa Hap Navy Bui Duc Tinh Saykham Voladet Contents i Development and Climate Change in the Mekong Region ii Development and Climate Change in the Mekong Region Stockholm Environment Institute (SEI) SEI is an international non-profit research and policy organization that tackles environment and development challenges. SEI connects science and decision- making to develop solutions for a sustainable future for all. SEI’s approach is highly collaborative: stakeholder involvement is at the heart of our efforts to build capacity, strengthen institutions and equip partners for the long-term. SEI promotes debate and shares knowledge by convening decision-makers, academics and practitioners, and engaging with policy processes, development action and business practice throughout the world. The Asia Centre of SEI, based in Bangkok, focuses on gender and social equity, climate adaptation, reducing disaster risk, water insecurity and integrated water resources management, urbanization, and renewable energy. SEI is an affiliate of Chulalongkorn University, Thailand. SUMERNET Launched in 2005, the Sustainable Mekong Research Network (SUMERNET) brings together a network of research partners working on sustainable development in the countries of the Mekong Region: Cambodia, China, Lao PDR, Myanmar, Thailand and Vietnam. The network aims to bridge science and policy in the Mekong Region and pursues an evolving agenda in response to environmental issues that arise in the region. In the present phase of its program (2019–27), SUMERNET 4 All, the network is focusing on reducing water insecurity for all, in particular for the poor, marginalized and socially vulnerable groups of women and men in the Mekong Region.
    [Show full text]
  • Supporting Information for Comprehensive Mass Spectrometry
    Supporting Information for Comprehensive mass spectrometry-guided plant specialized metabolite phenotyping reveals metabolic diversity in the cosmopolitan plant family Rhamnaceae Kyo Bin Kang1,2,3,a,*, Madeleine Ernst1,a, Justin J. J. van der Hooft1,4,a, Ricardo R. da Silva1, Junha Park3, Marnix H. Medema4, Sang Hyun Sung3,b and Pieter C. Dorrestein1,* 1 Collaborative Mass Spectrometry Innovation Center, Skaggs School of Pharmacy and Pharmaceutical Sciences, University of California, San Diego, La Jolla, California 92093, United States 2 College of Pharmacy, Sookmyung Women’s University, Seoul 04310, Republic of Korea 3 College of Pharmacy and Research Institute of Pharmaceutical Sciences, Seoul National University, Seoul 08826, Republic of Korea 4 Bioinformatics Group, Wageningen University, 6708PB Wageningen, The Netherlands a K.B.K, M.E. and J.J.J.v.d.H contributed equally to this work. b Deceased July 24, 2018. * correspondence: e-mail: [email protected] (K.B.K.) and [email protected] (P.C.D.) Result S1. Inspection on putative annotation of molecular families C and E. Based on Mass2Motifs, two flavonoid aglycone substructures, quercetin and kaempferol, could be distinguished in C. Supplementary Figure 1(a) visualizes Mass2Motif-mapped molecular family C. Three Mass2Motifs 86, 130, and 149 were extracted from MS/MS spectra in C; these Mass2Motifs explained MS/MS features which are commonly observed in plant metabolomics dataset, so they could be easily annotated. Mass2Motif 130 was annotated as a kaempferol- related motif, while Mass2motif 86 as a quercetin-related motif. Mass2Motif 149 contained MS/MS fragments which are commonly observed in collision-induced dissociation (CID) fragmentation spectra of flavonol aglycones, such as quercetin or myricetin (Fabre et al., 2001).
    [Show full text]
  • Maejo International Journal of Science and Technology ISSN 1905-7873 Available Online At
    i Maejo Int. J. Sci. Technol. 2009, 3(01), i Maejo International Journal of Science and Technology ISSN 1905-7873 Available online at www.mijst.mju.ac.th Editor's Note The year B.E. 2552 (A.D. 2009) has brought about a number of changes in connection with this journal. First, it is now entering its 3rd year of activity since its conception with its first volume and first issue being launched 2 years ago. Second, it is now a 100% e-journal (no more hard copies), which means an article can be published anytime as soon as it is ready (as always being the case from the beginning, however.) Thirdly, our managing editor, Dr. Weerachai Phutdhawong, the technical and key founder of this journal, has reluctantly left us for a new academic position at Kasetsart University. Without him from the start, this journal would never have been as it is now. He and the webmasters of Maejo University have jointly created a website for a journal which is freely, fully, and easily accessible. And this is most probably one of the factors that contribute to its unexpected and continuing popularity from the beginning as well as to the increasing international recognition of the journal now.* Lastly, the editor sincerely hopes that, with a well-laid foundation in store and a strong editorial committee at present, and despite his failing health after two years in office, which may result in a new editor for the journal in the near future, this journal will continue on well towards serving submitters, both local and abroad, as well as improving on its standard further.
    [Show full text]
  • Patients' and Healthcare Providers' Perspectives of Diabetes
    Open access Original research BMJ Open: first published as 10.1136/bmjopen-2019-032578 on 21 November 2019. Downloaded from Patients’ and healthcare providers’ perspectives of diabetes management in Cambodia: a qualitative study Ei Ei Khaing Nang ,1 Chhavarath Dary,2 Li Yang Hsu,1 Sokrath Sor,3 Vonthanak Saphonn,2 Konstantin Evdokimov1 To cite: Nang EEK, Dary C, ABSTRACT Strengths and limitations of this study Hsu LY, et al. Patients’ Objective This study aimed to explore the challenges and healthcare providers’ encountered by patients and healthcare providers and ► Views of patients and healthcare providers from perspectives of diabetes opportunities for improvement in managing diabetes management in Cambodia: a both public and private healthcare sectors allowed mellitus (DM) in a low- and middle- income country (LMIC) qualitative study. BMJ Open the triangulation of the diverse perspectives on dia- facing a rise in DM prevalence. 2019;9:e032578. doi:10.1136/ betes management. Design Qualitative cross- sectional study. bmjopen-2019-032578 ► Different levels of healthcare system including na- Setting Urban, semiurban, and rural areas in Cambodia. tional, provincial, and district level were covered. ► Prepublication history and Participants Thirty health service providers and fifty- nine ► The study was conducted in diverse geographical additional material for this adult DM patients. paper are available online. To regions of Cambodia including the regions near the Results Most of the 59 DM patients reported having view these files, please visit border and geographically isolated areas. developed DM complications when they first sought the journal online (http:// dx. doi. ► Most of the patient participants were recruited at treatment.
    [Show full text]
  • Lao Flora a Checklist of Plants Found in Lao PDR with Scientific and Vernacular Names
    Lao Flora A checklist of plants found in Lao PDR with scientific and vernacular names 2 L. Inthakoun and C. O. Delang Lao Flora A checklist of plants found in Lao PDR with scientific and vernacular names Lamphay Inthakoun Claudio O. Delang Lulu Press First published 2008 by Lulu Enterprises, Inc. 860 Aviation Parkway, Suite 300 Morrisville, NC 27560 The book can be purchased or downloaded from http://lulu.com/lao_flora. Contents Introduction 1 Lao Flora Listed by Lao Script 13-121 Lao Flora Listed by Genus and Species 123-238 Introduction This introduction1 provides a brief synopsis of the forest habitats and ecoregions found in Lao PDR, as well as an overview of the related research on plant taxonomy. This is followed by a description of the structure and contents of the present volume and a citation of sources used to compile the present checklist. 1. Forest habitats and ecoregions in Lao PDR 1.1. Forest habitats Forest classifications can be vegetation-related (which implies that the factors used to distinguish forests are the physiognomic or floristic characteristics of the vegetation), biophysically- and climate-related (where broad environmental or geographic characteristics become the distinguishing factors), or management- related (which involves utilizing combinations of vegetation and non-vegetation criteria). These modes of classification are scale-specific: while global-scale classifications are largely based on climatic criteria such as rainfall and temperature, classification systems used at country- or smaller regional-level scales emphasise floristic and physiognomic characteristics as well as physical site factors (Wong, Delang, Schmidt-Vogt, 2007). These latter variables were taken into account by the National Office of Forest Inventory and Planning (NOFIP) when it classified the forests of Lao PDR (Manivong and Sandewall, 1992).
    [Show full text]
  • Perennial Edible Fruits of the Tropics: an and Taxonomists Throughout the World Who Have Left Inventory
    United States Department of Agriculture Perennial Edible Fruits Agricultural Research Service of the Tropics Agriculture Handbook No. 642 An Inventory t Abstract Acknowledgments Martin, Franklin W., Carl W. Cannpbell, Ruth M. Puberté. We owe first thanks to the botanists, horticulturists 1987 Perennial Edible Fruits of the Tropics: An and taxonomists throughout the world who have left Inventory. U.S. Department of Agriculture, written records of the fruits they encountered. Agriculture Handbook No. 642, 252 p., illus. Second, we thank Richard A. Hamilton, who read and The edible fruits of the Tropics are nnany in number, criticized the major part of the manuscript. His help varied in form, and irregular in distribution. They can be was invaluable. categorized as major or minor. Only about 300 Tropical fruits can be considered great. These are outstanding We also thank the many individuals who read, criti- in one or more of the following: Size, beauty, flavor, and cized, or contributed to various parts of the book. In nutritional value. In contrast are the more than 3,000 alphabetical order, they are Susan Abraham (Indian fruits that can be considered minor, limited severely by fruits), Herbert Barrett (citrus fruits), Jose Calzada one or more defects, such as very small size, poor taste Benza (fruits of Peru), Clarkson (South African fruits), or appeal, limited adaptability, or limited distribution. William 0. Cooper (citrus fruits), Derek Cormack The major fruits are not all well known. Some excellent (arrangements for review in Africa), Milton de Albu- fruits which rival the commercialized greatest are still querque (Brazilian fruits), Enriquito D.
    [Show full text]
  • Environmentasia
    Available online at www.tshe.org/ea/index.html EnvironmentAsia AvailableEnvironmentAsia online at www.tshe.org/EA 10(1) (2017) 52-62 The international journal published by the Thai Society of Higher Education Institutes on Environment EnvironmentAsiaDOI 2 (2009) 50-54 Genotoxicity Assessment of Mercuric Chloride in the Marine Fish Therapon jaruba Plant Diversity in Dong Na Tard Provincial Protected Area, Lao People’s Democratic Republic Nagarajan Nagarani,(Lao PDR): Arumugam Species Kuppusamy Structure Kumaraguru, and Forest Velmurugan Zonation Janaki Devi and Chandrasekaran Archana Devi Somphong Chanthavonga and Inocencio E. Buot, Jrb Center for Marine and Coastal Studies, School of Energy, Environment and Natural Resources, a Faculty ofMadurai Agriculture Kamaraj and Environment, University, SavannakhetMadurai-625021, University, India Lao PDR b Institute of Biological Sciences, University of the Philippines Los Banos, and Faculty of Management and Development Studies, University of the Philippines Open University, Philippines Abstract AbstractThe aim of the present study was to standardize and to assess the predictive value of the cytogenetic analysis by Micronucleus (MN) test in fish erythrocytes as a biomarker for marine environmental contamination. Micronucleus frequency The spatial baseline distribution in erythrocytes of plant was diversity evaluated in Dong in and Na genotoxic Tard Provincial potential Protected of a common Area (PPA) chemical has not was been determined accurately inrecorded fish experimentally in previously publishedexposed in literature. aquarium This under study controlled was conducted conditions. to assess Fish and (Therapon evaluate plantjaruba species) were and exposed its correlation for 96 hrswith to environmental a single heavy variables. metal (mercuric Plot methods chloride). coupled Chromosomal with informal damage community was determinedfolk interviews as micronucleiwere done.
    [Show full text]
  • Cyclopeptide Alkaloids from Some Ziziphus Plants
    CYCLOPEPTIDE ALKALOIDS FROM SOME ZIZIPHUS PLANTS A THESIS BY NATTHAKALN LOMCHOEY Presented in Partial Fulfillment of the Requirements for the Master of Science Degree in Chemistry at Srinakharinwirot University May 2011 CYCLOPEPTIDE ALKALOIDS FROM SOME ZIZIPHUS PLANTS A THESIS BY NATTHAKALN LOMCHOEY Presented in Partial Fulfillment of the Requirements for the Master of Science Degree in Chemistry at Srinakharinwirot University May 2011 Copyright 2011 by Srinakharinwirot University CYCLOPEPTIDE ALKALOIDS FROM SOME ZIZIPHUS PLANTS AN ABSTRACT BY NATTHAKALN LOMCHOEY Presented in Partial Fulfillment of the Requirements for the Master of Science Degree in Chemistry at Srinakharinwirot University May 2011 Natthakaln Lomchoey. (2011). Cyclopeptide alkaloids from some ziziphus plants. Thesis, M.Sc. (Chemistry). Bangkok: Graduate School, Srinakharinwirot University. Advisor Committee: Assoc. Prof. Dr. Sunit Suksamrarn, Dr. Prasert Pattanaprateeb. Phytochemical studies have established the genus Ziziphus (Rhamnaceae family) to be a rich source of cyclopeptides. Investigation of selected Thai Ziziphus plants (Z. cambodiana root bark and Z. mauritiana stem bark), led to isolation of two new cyclopeptide alkaloids as 5(14)-scutianine A-type cyclopeptide alkaloid (cambodine) and 5(13)-zizyphine A-type cyclopeptide alkaloid (mauritine M), from Z. cambodiana and Z. mauritiana, respectively. Moreover, three known cyclopeptides, frangufoline and lotusanine B, as 4(14)-membered cyclopeptides were isolated from Z. cambodiana, and nummularine H as 5(13)-cyclopeptide was isolated from Z. mauritiana. Their structures and relative stereochemistry of the new compounds were elucidated mainly on the basis of extensive NMR and mass spectroscopic analysis. The stereochemical assignments were established by their CD spectra analysis 2D NMR experiments and by comparison with other related compounds of known stereochemistry.
    [Show full text]
  • CJNH 2016(2) December (2016).Indd
    Postpartum phytomedicine and its future in maternal healthcare in Prey Lang, Cambodia Grape, Victoria H. ; Turreira Garcia, Nerea; Schmidt, Lars Holger; Phourin, Chhang; Srisanga, Prachaya Published in: Cambodian Journal of Natural History Publication date: 2016 Document version Publisher's PDF, also known as Version of record Citation for published version (APA): Grape, V. H., Turreira Garcia, N., Schmidt, L. H., Phourin, C., & Srisanga, P. (2016). Postpartum phytomedicine and its future in maternal healthcare in Prey Lang, Cambodia. Cambodian Journal of Natural History, 2016(2), 119–133. Download date: 26. Sep. 2021 Cambodian Journal of Natural History Biodiversity and health Postpartum phytomedicine Podocarps on Bokor Mountain Hairy-nosed otter status and ecology Reproductive thresholds of dipterocarps New orchids, reptiles and range extensions December 2016 Vol. 2016 No. 2 Cambodian Journal of Natural History ISSN 2226–969X Editors Email: [email protected] • Dr Neil M. Furey, Chief Editor, Fauna & Flora International, Cambodia. • Dr Jenny C. Daltry, Senior Conservation Biologist, Fauna & Flora International, UK. • Dr Nicholas J. Souter, Mekong Case Study Manager, Conservation International, Cambodia. • Dr Ith Saveng, Project Manager, University Capacity Building Project, Fauna & Flora International, Cambodia. International Editorial Board • Dr Stephen J. Browne, Fauna & Flora International, • Dr Sovanmoly Hul, Muséum National d’Histoire Singapore. Naturelle, Paris, France. • Dr Martin Fisher, Editor of Oryx – The International • Dr Andy L. Maxwell, World Wide Fund for Nature, Journal of Conservation, Cambridge, U.K. Cambodia. • Dr L. Lee Grismer, La Sierra University, California, • Dr Brad Pett itt , Murdoch University, Australia. USA. • Dr Campbell O. Webb, Harvard University Herbaria, • Dr Knud E. Heller, Nykøbing Falster Zoo, Denmark.
    [Show full text]
  • An Examination of Medicinal Ethnobotany and Biomedicine Use in Two Villages on the Phnom Kulen Plateau Taylor Walker Hollins University, [email protected]
    Hollins University Hollins Digital Commons Undergraduate Research Awards Student Scholarship and Creative Works 4-26-2017 An examination of medicinal ethnobotany and biomedicine use in two villages on the Phnom Kulen plateau Taylor Walker Hollins University, [email protected] Follow this and additional works at: https://digitalcommons.hollins.edu/researchawards Part of the Medicine and Health Sciences Commons Recommended Citation Walker, Taylor, "An examination of medicinal ethnobotany and biomedicine use in two villages on the Phnom Kulen plateau" (2017). Undergraduate Research Awards. 36. https://digitalcommons.hollins.edu/researchawards/36 This Article is brought to you for free and open access by the Student Scholarship and Creative Works at Hollins Digital Commons. It has been accepted for inclusion in Undergraduate Research Awards by an authorized administrator of Hollins Digital Commons. For more information, please contact [email protected], [email protected]. An examination of medicinal ethnobotany and biomedicine use in two villages on the Phnom Kulen plateau Taylor J. Walker Hollins University Roanoke, VA, United States Center for Mekong Studies, The School for Field Studies Siem Reap, Cambodia Research Advisor: Lisa Arensen, Ph.D. 5 May 2016 Contents Figures...................................................................................................................................... iii Tables ......................................................................................................................................
    [Show full text]
  • Chapter 10 Environmental Conditions
    CHAPTER 10 ENVIRONMENTAL CONDITIONS CHAPTER 10 ENVIRONMENTAL CONDITIONS 10.1 Outline of Environmental Conditions In the course of Feasibility Study on Improvement of Cambodian National Road No.1, environmental study was made. The summary of environmental conditions is outlined below. Meteorological conditions: The climate of Cambodia is tropical monsoon type, with a rainy season, brought from the southwest monsoon, lasting from May through November; dry season is pronounced during the rest of the year. Annual precipitation varies across the country as follows: more than 3,000 mm in the western coastal region, between 1,800 and 3,000 mm east of the Mekong, and between 1,200 and 1,500 mm in the central plain. The annual average temperature is 28℃, with a maximum average 38℃in April, and a minimum average of 17℃ in January. There are some variations from year to year. The average annual precipitation is about 1,372 mm in 2001. The monthly average relative humidity do not vary thorough a year, keeping high value of about 75%. Kampong Cham has slightly higher relative humidity than Phnom Penh. The monthly maximum wind speed at Phnom Penh in summer time is higher than that in other seasons. Recent data on maximum and minimum of temperature (1996-2001) at the Pochentong observation station is shown in Appendix Table H-1 and the rainfall record of Kandal province is summarized in Table H-2. Geographic and geological conditions: Cambodia is situated in Southeast Asia between latitudes 10º and 15º North and longitudes 102º and 108º east. The country extends 580 km from East to West and 450 km from North to South.
    [Show full text]
  • IJCS-19-36 Chanthavong.Pdf
    INTERNATIONAL JOURNAL OF CONSERVATION SCIENCE ISSN: 2067-533X Volume 10, Issue 2, April-June 2019: 393-402 www.ijcs.uaic.ro CONSERVATION STATUS OF PLANT DIVERSITY AT DONG NA TARD PROVINCIAL PROTECTED AREA, LAO PEOPLE’ DEMOCRATIC REPUBLIC Somphong CHANTHAVONG1*, Inocencio E. BUOT Jr 2 1Faculty of Agriculture and Environment, Savannakhet University, Lao PDR 2 Institute of Biological Sciences, University of the Philippines Los Baňos, Philippines Abstract The conservation status of plant diversity in Dong Na Tard Provincial Protected Area (PPA) is still relatively unknown. This paper aimed to categorize and assess the threatened plants at the local level for effective park management. The current use of plants was documented using Key Informant Interviews (KIIs). There were 70 species in 33 families that were assessed. The conservation status of plant species was perceived by local people as very high importance (14.29%), high importance (62.86%), moderate importance (20%), low importance (1.43%), and very low importance (1.42%). Based on this study, all plant species were categorized as critically endangered (5.71% - CR), endangered (32.86% - EN), vulnerable (44.29% - VU), near threatened (15.71% - NT), and least concern (1.43% - LC). Data suggested an immediate need for conservation planning. Strong support for conservation programs and strict enactment of laws are imperative to address the threats to plant diversity loss. Keywords: Dong Na Tard; Diversity; Utilization; Conservation status; Threatened species. Introduction Plant diversity is fundamental to the functioning of all human societies and to the operation of all ecosystems [1, 2]. Diversity is usually observed in protected areas [3] because they are protected by laws and regulations.
    [Show full text]