Colletotrichum Gloeosporioides

Total Page:16

File Type:pdf, Size:1020Kb

Colletotrichum Gloeosporioides ผลของการใชส้ ารสกดั จากพืชสมุนไพรและน้า มนั หอมระเหยบริสุทธ์ิร่วมกบั ยสี ตป์ ฏิปักษ์ Issatchenkia orientalis VCU24 ในการควบคุมโรคแอนแทรคโนสในมะมว่ งพนั ธุ์น้า ดอกไม ้ PHOUTTHAPHONE XAYAVONGSA วทิ ยานิพนธ์น้ีเป็นส่วนหน่ึงของการศึกษาตามหลกั สูตรวทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา สิงหาคม 2560 ลิขสิทธ์ิเป็นของมหาวทิ ยาลยั บูรพา กิตติกรรมประกาศ วทิ ยานิพนธ์ฉบบั น้ีสา เร็จไปได ้ ดว้ ยความกรุณาและเมตตาเป็นอยา่ งสูงจากทา่ นอาจารย์ ผชู้ ่วยศาสตราจารย ์ ดร.อนุเทพ ภาสุระ กรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ที่ใหค้ า ปรึกษา ขอ้ ช้ีแนะที่ เป็นประโยชน์ต่อการทา งานวจิ ยั เรื่อยมา ตลอดจนการดูแลความกา้ วหนา้ ของการดา เนินงานตา่ ง ๆ และใหค้ วามช่วยเหลือในการแกไ้ ขขอ้ บกพร่องในวทิ ยานิพนธ์ของขา้ พเจา้ จนกระทง่ั ลุล่วงไปได้ ดว้ ยดี ขา้ พเจา้ มีความรู้สึกซาบซ้ึงในความเมตตากรุณาและความทุม่ เทของอาจารย ์ จึงขอกราบ ขอบพระคุณอาจารยเ์ ป็นอยา่ งสูงไว ้ณ ที่น้ี ข้าพเจ้าขอกราบขอบพระคุณผู้ช่วยศาสตราจารย ์ ดร.ธิดา เดชฮวบ ประธานกรรรมการ วิทยานิพนธ์ ผชู้ ่วยศาสตราจารย ์ ดร.อภิรดี ปิลันธนภาคย์ และ ผชู้ ่วยศาสตราจารย ์ ดร.สุดารัตน์ สวนจิตร กรรมการสอบวทิ ยานิพนธ์ ที่กรุณาใหค้ า แนะนา เพื่อแกไ้ ขว้ ทิ ยานิพนธ์ส่วนบกพร่อง เพื่อใหว้ ทิ ยานิพนธ์เล่มน้ีสมบูรณ์ยง่ิ ข้ึน ขอกราบขอบพระคุณคณาจารยผ์ ทู้ รงคุณวฒุ ิทุกทา่ นที่ไดป้ ระสิทธิประสาทวชิ าความรู้ ฝึกฝนทกั ษะ กระบวนการคิดและการทา งาน ตลอดระยะเวลาการศึกษามหาบณั ฑิตคร้ังน้ีแก่ ข้าพเจ้า ขอขอบคุณบุคลากรประจาโครงการบัณฑิตศึกษา และภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ทุกทา่ นที่คอยช่วยเหลือและอา นวยความสะดวกในการ ประสานงาน เพื่อขอความอนุเคราะห์การใชเ้ ครื่องมือและสารเคมีตา่ ง ๆ ในการทา งานวจิ ยั ขอขอบคุณกลั ยาณมิตรทุกทา่ นที่ไดใ้ หค้ วามช่วยเหลือและเป็นกา ลงั ใจใหข้ า้ พเจา้ ตลอดมา ขอขอบคุณพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ นิสิต ในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา ทุกทา่ นที่เป็นกา ลงั ใจและช่วยเหลือเก้ือกลู ในการเรียนและ การทา งานวทิ ยานิพนธ์น้ี สุดทา้ ยน้ี ขา้ พเจา้ ขอกราบขอบพระคุณ คุณพอ่ คา สะหมอง และคุณแมบ่ ุณลดั ชยั วงสา ที่ ทา่ นช่วยสนบั สนุนในดา้ นการศึกษาแก่ขา้ พเจา้ มาต้งั แตว่ ยั เยาว ์ ใหค้ วามรักและความเขา้ ใจตลอดมา ขอขอบคุณครอบครัวที่เป็นเปรียบเหมือนแรงกายและแรงใจที่สา คญั ซ่ึงทา ใหว้ ทิ ยานิพนธ์ฉบบั น้ี สา เร็จลุล่วงลงได ้ โดยหากวิทยานิพนธ์ฉบบั น้ีมีประโยชน์และคุณคา่ ทางการศึกษาตอ่ ผอู้ า่ น ขา้ พเจา้ ขอยกความดีท้งั หมดแด่ทา่ นอาจารย ์ ผชู้ ่วยศาสตราจารย ์ ดร.อนุเทพ ภาสุระ และกรรมการสอบ วทิ ยานิพนธ์ทุกทา่ น รวมท้งั กราบเป็นกตเวทิตาแก่บิดา มารดา คณาจารยแ์ ละผมู้ ีพระคุณที่ไดอ้ บรม เล้ียงดู ใหค้ วามรู้ ความเมตตา แก่ขา้ พเจา้ แต่หากวทิ ยานิพนธ์ฉบบั น้ีมีความบกพร่องประการใด ผู้เขียนขอนอ้ มรับความผิดพลาดไวแ้ ตเ่ พียงผเู้ดียว Phoutthaphone Xayavongsa ง 55910185: สาขาวิชา: วิทยาศาสตร์ชีวภาพ; วท.ม. (วิทยาศาสตร์ชีวภาพ) คาส าคัญ : ตะไคร้/ ข่า/ เปลือกมังคุด/ สารสกดั หยาบ/สารสกดั บริสุทธ์ิ/ โรคแอนแทรคโนส/ เช้ือรา Colletotrichum gloeosporioides พุทธพร ชัยวงสา: ผลของการใชส้ ารสกดั จากพืชสมุนไพรและน้า มนั หอมระเหยบริสุทธ์ิร่วมกบั ยีสต์ปฏิปักษ์ Issatchenkia orientalis VCU24 ในการควบคุมโรคแอนแทรคโนสในมะมว่ งพนั ธุ์น้า ดอกไม ้ (EFFECTS OF MEDICINAL PLANT CRUDE EXTRACTS, PURE VOLATILE OILS IN COMBINATION WITH ANTAGONISTIC YEAST Issatchenkia orientalis VCU24 IN CONTROLLING ANTRACNOSE OF MANGO CV. NAM DOK MAI) คณะกรรมการควบคุม วิทยานิพนธ์: อนุเทพ ภาสุระ, Ph.D., 130 หน้า. ปี พ.ศ. 2560. การวิจยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อศึกษาผลของสารสกดั หยาบจากพืชสมุนไพร และน้า มนั หอม ระเหยบริสุทธ์ิ 3 ชนิด ไดแ้ ก่ ตะไคร้หอม ข่า และเปลือกมังคุด น้า มนั หอมระเหยบริสุทธ์ิ Citronellal Eugenol และ Xanthones โดยใช้วิธี Poisoned food technique รวมท้งั การศึกษาการประยกุ ตใ์ ชย้ ีสต์ ปฏิปักษ์ Issatchenkia orientalis VCU24 ร่วมกบั น้า มนั หอมระเหยบางชนิด ในการควบคุมเช้ือรา Colletotrichum gloeosporioides สาเหตุของโรคแอนแทรคโนสในมะม่วงพนั ธุ์น้า ดอกไม ้ ผลการศึกษา พบวา่ สารสกดั หยาบจากตะไคร้หอม และข่า สามารถยบั ย้งั การเจริญของเสน้ ใยเช้ือรา C. gloeosporioides ได้ 100% ที่ความเข้มข้น 0.25% (v/v) และ 0.5% (v/v) ตามลาดับ ในขณะที่ สารสกดั หยาบจากเปลือก มังคุดที่ระดับความเข้มข้น 12% (v/v) สามารถยบั ย้งั การเจริญของเสน้ ใยเช้ือราที่ก่อโรคได ้ 89.9±0.37% สา หรับน้า มนั หอมระเหยบริสุทธ์ิ พบวา่ Eugenol ที่ความเข้มข้น 0.062% (v/v) และ Citronellal ที่ความเข้มข้น 0.5% (v/v) สามารถยบั ย้งั การเจริญของเสน้ ใยเช้ือราได ้98.8±0.00% และ 100% ตามลาดับ ในขณะที่ Xanthones ที่ความเข้มข้น 8.0% (v/v) สามารถยบั ย้งั การเจริญของเสน้ ใยเช้ือราไดดีที่สุด้ 72.6±0.00% ส่วนการใชน้ ้า มนั หอมระเหย Citronellal ความเข้มข้น 0.062% (v/v) ร่วมกบั ยีสตป์ ฏิปักษ ์ I. orientalis VCU24 และชุดทดสอบที่ใช้ Citronellal ความเข้มข้น 0.062% (v/v) เพียงอยา่ งเดียว พบวา่ สามารถลดการเกิดโรคแอนแทรคโนสบนผลมะมว่ งพนั ธุ์น้า ดอกไมไ้ ด ้ เท่ากบั 81.73±2.71% และ 30.13±17.24% ตามลาดับ ในขณะที่ การใช้สารกา จดั เช้ือรา Carbendazim มีประสิทธิภาพในการลดการ เกิดโรคแอนแทรคโนสบนผลมะมว่ งพนั ธุ์น้า ดอกไมได้้ 92.10±1.38% การศึกษาปริมาณเช้ือยีสตป์ ฏิปักษ ์ I. orientalis VCU24 ในรอยแผลบนผลมะมว่ งพนั ธ์น้า ดอกไมใ้ นชุดทดสอบที่แตกต่างกนั พบวา่ ในชุด ควบคุมที่ใส่ยีสตอ์ ยา่ งเดียว ชุดทดสอบที่ใส่น้า มนั หอมระเหย Citronellal ที่ความเข้มข้น 0.062% (v/v) ร่วมกบั ยีสตปฏิปักษ์์ พบวา่ ยีสต ์ I. orientalis VCU24 มีปริมาณเชลล์ยีสต์ไมแ่ ตกต่างกนั ทางสถิติ (p < 0.05) โดยสามารถนับจานวนได้ 8.85±0.52 และ 8.78±0.04 Log10CFU/ wound ตามลาดั บ จ 55910185: MAJOR: BIOLOGICAL SCIENCE; M.Sc. (BIOLOGICAL SCIENCE) KEYWORDS: CITRONELLA GRASS/ GALANGA/ MANGOSTEEN PERICARP/ CRUDE EXTRACT/ ESSENTIAL OIL/ ANTHRACNOSE/ Colletotrichum gloeosporioides PHOUTTHAPHONE XAYAVONGSA: EFFECTS OF MEDICINAL PLANT CRUDE EXTRACTS, PURE VOLATILE OILS IN COMBINATION WITH ANTAGONISTIC YEAST Issatchenkia orientalis VCU24 IN CONTROLLING ANTRACNOSE OF MANGO CV. NAM DOK MAI. ADVISORY COMMITTEE: ANUTHEP PASURA, Ph.D. 130 P. 2017. The objective of this study was to examine the efficacy of medicinal plant crudes from Cymbopogon nardus, Alpinia galangal and Garcinia mangostana, their pure volatile oils; citronellal, eugenol and xanthones using poisoned food technique and application of antagonistic yeast Issatchenkia orientalis VCU24 combined with some volatile oils to control antracnose of mango cv. Nam Dok Mai caused by Colletotrichum gloeosporioides. The results showed that the mycelial growth of C. gloeosporioides was completely inhibited by citronellal grass and galangal crude extracts at 0.25% (v/v) and 0.5% (v/v), respectively. In contrast, mangosteen crude extract at 12% (v/v) concentration inhibited the mycelial growth of C. gloeosporioides by 89.9±0.37%. The effects of pure volatile oils, eugenol and citronellal, inhibited 98.8±0.00% and 100% mycelial growth of C. gloeosporioides at 0.062% (v/v) and 0.5% (v/v), respectively. However, xanthone at the highest concentration tested at 8.0% (v/v) inhibited the mycelial growth of C. gloeosporioides by 72.6±0.00%. Combined use of 0.062% (v/v) citronellal and I. orientalis VCU24 and 0.062% (v/v) citronellal alone showed the antracnose disease reduction by 81.73±2.71% and 30.13±17.24% on mango cv. Nam Dok Mai, respectively. Whereas, the use of carbendazim showed the antracnose disease reduction at 92.10±1.38%. Viable cell numbers of I. orientalis VCU24 were examined in wounded mango. It was found that control group (yeast only) and treatment group, 0.062% (v/v) of citronellal combined with yeast (I. orientalis VCU24), showed that the cell numbers of yeast I. orientalis VCU24 in the wounds were not significantly different (p < 0.05), and yeast cell numbers were approximately 8.85±0.52 and 8.78±0.04 log10CFU/wound, respectively. สารบัญ หน้า บทคดั ยอ่ ภาษาไทย..................................................................................................................... ง บทคดั ยอ่ ภาษาองั กฤษ................................................................................................................ จ สารบัญ....................................................................................................................................... ฉ สารบัญตาราง............................................................................................................................. ฌ สารบัญภาพ................................................................................................................................ ญ บทที่ 1 บทนา....................................... .......................................................................................... 1 ความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา.................................................... .................... 1 วัตถุประสงค์ของการศึกษา............................................................................................ 4 สมมติฐานการวิจัย......................................................................................................... 4 ขอบเขตการศึกษา.......................................................................................................... 4 ประโยชน์ที่คาดวา่ จะไดร้ ับ............................................................................................ 5 2 เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ ง.......................................................................................... 5 มะมว่ ง (Mango) ............................................................................................................ 6 โรคแอนแทรคโนส (Anthracnose disease).................................................................... 8 การจัดการและควบคุมโรคแอนแทรคโนส (Management & Controlling of 14 Anthracnose disease)..................................................................................................... พืชสุมนไพรที่ใช้ในการวิจัย 20 3 วิธีดาเนินการวิจัย........................................................................................................ ........ 38 พืชสมุนไพร..................................................................................................................
Recommended publications
  • COMPLEXOS DE ESPÉCIES DE Colletotrichum ASSOCIADOS AOS CITROS E a OUTRAS FRUTÍFERAS NO BRASIL
    UNIVERSIDADE ESTADUAL PAULISTA JÚLIO DE MESQUITA FILHO FACULDADE DE CIENCIAS AGRÁRIAS E VETERINÁRIAS DE JABOTICABAL COMPLEXOS DE ESPÉCIES DE Colletotrichum ASSOCIADOS AOS CITROS E A OUTRAS FRUTÍFERAS NO BRASIL Roberta Cristina Delphino Carboni Engenheira Agrônoma 2018 T E S E / C A R B O N I R. C. D. 2 0 1 8 UNIVERSIDADE ESTADUAL PAULISTA JÚLIO DE MESQUITA FILHO FACULDADE DE CIENCIAS AGRÁRIAS E VETERINÁRIAS DE JABOTICABAL COMPLEXOS DE ESPÉCIES DE Colletotrichum ASSOCIADOS AOS CITROS E A OUTRAS FRUTÍFERAS NO BRASIL Roberta Cristina Delphino Carboni Orientador: Prof. Dr. Antonio de Goes Co-orientadora: Dra. Andressa de Souza Pollo Tese apresentada à Faculdade de Ciências Agrárias e Veterinárias – Unesp, Câmpus de Jaboticabal, como parte das exigências para a obtenção do título de Doutora em Agronomia (Genética e Melhoramento de Plantas) 2018 Carboni, Roberta Cristina Delphino C264d Complexos de espécies de Colletotrichum associados aos citros e a outras frutíferas no Brasil / Roberta Cristina Delphino Carboni. – – Jaboticabal, 2018 x, 107 p.: il.; 29 cm Tese (doutorado) - Universidade Estadual Paulista, Faculdade de Ciências Agrárias e Veterinárias, 2018 Orientador: Antonio de Goes Co-orientadora: Dra. Andressa de Souza Pollo Banca examinadora: Kátia Cristina Kupper, Rita de Cássia Panizzi, Juliana Altafin Galli, Marcos Tulio de Oliveira Bibliografia 1. Citrus spp., Colletotrichum spp. 2. Análise polifásica. 3. marcadores ISSR. I. Título. II. Jaboticabal-Faculdade de Ciências Agrárias e Veterinárias. CDU 634.3:632.4 Ficha catalográfica elaborada pela Seção Técnica de Aquisição e Tratamento da Informação – Diretoria Técnica de Biblioteca e Documentação - UNESP, Câmpus de Jaboticabal. DADOS CURRICULARES DO AUTOR ROBERTA CRISTINA DELPHINO CARBONI - nascida em 03 de novembro de 1987, em Jaboticabal-SP, é Engenheira Agrônoma formada pela Faculdade de Ciências Agrárias e Veterinárias (FCAV), Universidade Estadual Paulista ‘Júlio de Mesquita Filho’ (UNESP), Câmpus de Jaboticabal-SP, em fevereiro de 2012.
    [Show full text]
  • Investigation on the Role of Plant Defensin Proteins in Regulating Plant-Verticillium Longisporum Interactions in Arabidopsis Thaliana
    Aus dem Institut für Phytopathologie der Christian-Albrechts-Universität zu Kiel Investigation on the role of plant defensin proteins in regulating plant-Verticillium longisporum interactions in Arabidopsis thaliana Dissertation zur Erlangung des Doktorgrades der Agrar- und Ernährungswissenschaftlichen Fakultät der Christian-Albrechts-Universität zu Kiel vorgelegt von M.Sc. Shailja Singh aus Lucknow, India Kiel, 2020 Dekan/in: Professor Dr. Dr. Christian Henning 1. Berichterstatter: Prof. Dr. Daguang Cai 2. Berichterstatter: Prof. Dr. Professor Joseph-Alexander Verreet Tag der mündlichen Prüfung: 17.06.2020 Schriftenreihe des Instituts für Phytopathologie der Christian-Albrechts-Universität zu Kiel; Heft 7, 2020 ISSN: 2197-554X Gedruckt mit Genehmigung der Agrar- und Ernährungswissenschaftlichen Fakultät der Christian-Albrechts-Universität zu Kiel Table of Contents Table of Contents Table of Contents ........................................................................................................... I List of Figures ................................................................................................................ V List of Tables ............................................................................................................... VII List of Abbreviations .................................................................................................. VIII Chapter I: General Introduction .................................................................................... 1 1 Induced plant defense responses
    [Show full text]
  • Molecular Detection of the Seed-Borne Pathogen Colletotrichum Lupini Targeting the Hyper-Variable IGS Region of the Ribosomal Cluster
    plants Article Molecular Detection of the Seed-Borne Pathogen Colletotrichum lupini Targeting the Hyper-Variable IGS Region of the Ribosomal Cluster Susanna Pecchia 1,* , Benedetta Caggiano 1, Daniele Da Lio 2, Giovanni Cafà 3 , Gaetan Le Floch 2 and Riccardo Baroncelli 4,* 1 Department of Agriculture, Food and Environment, University of Pisa, Via del Borghetto 80, 56124 Pisa, Italy 2 Laboratoire Universitaire de Biodiversité et Ecologie Microbienne, EA 3882, IBSAM, ESIAB, Université de Brest, Technopôle Brest-Iroise, 29280 Plouzané, France 3 CABI Europe-UK, Bakeham Lane, Egham, Surrey TW20 9TY, UK 4 Instituto Hispano-Luso de Investigaciones Agrarias (CIALE), University of Salamanca, Calle del Duero 12, 37185 Villamayor (Salamanca), Spain * Correspondence: [email protected] (S.P.); [email protected] (R.B.) Received: 20 June 2019; Accepted: 12 July 2019; Published: 14 July 2019 Abstract: Lupins anthracnose is a destructive seed and airborne disease caused by Colletotrichum lupini, affecting stems and pods. Primary seed infections as low as 0.01–0.1% can cause very severe yield losses. One of the most effective management strategies is the development of a robust and sensitive seed detection assay to screen seed lots before planting. PCR-based detection systems exhibit higher levels of sensitivity than conventional techniques, but when applied to seed tests they require the extraction of PCR-quality DNA from target organisms in backgrounds of saprophytic organisms and inhibitory seed-derived compounds. To overcome these limitations, a new detection protocol for C. lupini based on a biological enrichment step followed by a PCR assay was developed. Several enrichment protocols were compared with Yeast Malt Broth amended with ampicillin, streptomycin, and lactic acid were the most efficient.
    [Show full text]
  • CARACTERIZAÇÃO E EPIDEMIOLOGIA COMPARATIVA DE ESPÉCIES DE Colletotrichum EM ANONÁCEAS NO ESTADO DE ALAGOAS
    1 UNIVERSIDADE FEDERAL DE ALAGOAS CENTRO DE CIÊNCIAS AGRÁRIAS PÓS-GRADUAÇÃO EM PROTEÇÃO DE PLANTAS JAQUELINE FIGUEREDO DE OLIVEIRA COSTA CARACTERIZAÇÃO E EPIDEMIOLOGIA COMPARATIVA DE ESPÉCIES DE Colletotrichum EM ANONÁCEAS NO ESTADO DE ALAGOAS RIO LARGO 2014 2 JAQUELINE FIGUEREDO DE OLIVEIRA COSTA CARACTERIZAÇÃO E EPIDEMIOLOGIA COMPARATIVA DE ESPÉCIES DE Colletotrichum EM ANONÁCEAS NO ESTADO DE ALAGOAS Tese apresentada ao Programa de Pós-Graduação em Proteção de Plantas da Universidade Federal de Alagoas, como parte dos requisitos para obtenção do título de Doutor em Proteção de Plantas. COMITÊ DE ORIENTAÇÃO: Profa. Dra. Iraildes Pereira Assunção Profa. Dra. Kamila Correia Câmara Prof. Dr. Gaus Silvestre de Andrade Lima RIO LARGO 2014 3 Catalogação na fonte Universidade Federal de Alagoas Biblioteca Central Divisão de Tratamento Técnico Bibliotecário Responsável: Valter dos Santos Andrade C837c Costa, Jaqueline Figueredo de Oliveira. Caracterização e epidemiologia comparativa de espécies de Colletotrichum em anonáceas no estado de Alagoas / Jaqueline Figueredo de Oliveira Costa. – 2014. 110 f. : il. Orientadora: Iraildes Pereira Assunção. Coorientadores: Kamila Câmara Corrêia, Gaus Silvestre de Andrade Lima. Tese (Doutorado em Proteção de plantas) – Universidade Federal de Alagoas. Centro de Ciências Agrárias. Rio Largo, 2014. Inclui bibliografia. 1. Fungicidas. 2. Ácido salicilhidroxâmico. 3. Annona squamosa. 4. Multilocus. 5. Pinhas. 6. Graviola – Doenças e pragas I. Título. CDU: 632.4:634.41 4 Folha de Aprovação JAQUELINE FIGUEREDO DE OLIVEIRA COSTA CARACTERIZAÇÃO E EPIDEMIOLOGIA COMPARATIVA DE ESPÉCIES DE Colletotrichum EM ANONÁCEAS NO ESTADO DE ALAGOAS Tese submetida ao corpo docente do Programa de Pós- Graduação em Proteção de Plantas da Universidade Federal de Alagoas e Aprovada em 18 de dezembro de 2014.
    [Show full text]
  • Characterising Plant Pathogen Communities and Their Environmental Drivers at a National Scale
    Lincoln University Digital Thesis Copyright Statement The digital copy of this thesis is protected by the Copyright Act 1994 (New Zealand). This thesis may be consulted by you, provided you comply with the provisions of the Act and the following conditions of use: you will use the copy only for the purposes of research or private study you will recognise the author's right to be identified as the author of the thesis and due acknowledgement will be made to the author where appropriate you will obtain the author's permission before publishing any material from the thesis. Characterising plant pathogen communities and their environmental drivers at a national scale A thesis submitted in partial fulfilment of the requirements for the Degree of Doctor of Philosophy at Lincoln University by Andreas Makiola Lincoln University, New Zealand 2019 General abstract Plant pathogens play a critical role for global food security, conservation of natural ecosystems and future resilience and sustainability of ecosystem services in general. Thus, it is crucial to understand the large-scale processes that shape plant pathogen communities. The recent drop in DNA sequencing costs offers, for the first time, the opportunity to study multiple plant pathogens simultaneously in their naturally occurring environment effectively at large scale. In this thesis, my aims were (1) to employ next-generation sequencing (NGS) based metabarcoding for the detection and identification of plant pathogens at the ecosystem scale in New Zealand, (2) to characterise plant pathogen communities, and (3) to determine the environmental drivers of these communities. First, I investigated the suitability of NGS for the detection, identification and quantification of plant pathogens using rust fungi as a model system.
    [Show full text]
  • Data Sheet on Glomerella Gossypii
    EPPO quarantine pest Prepared by CABI and EPPO for the EU under Contract 90/399003 Data Sheets on Quarantine Pests Glomerella gossypii IDENTITY Name: Glomerella gossypii Edgerton Anamorph: Colletotrichum gossypii Southworth Taxonomic position: Fungi: Ascomycetes: Phyllachorales Common names: Anthracnose, pink boll rot or seedling blight of cotton (English) Anthracnose du cotonnier (French) Anthraknose (German) Antracnosis del algodonero (Spanish) Bayer computer code: GLOMGO EPPO A2 list: No. 71 EU Annex designation: II/B HOSTS The only host is cotton. Gossypium barbadense and G. hirsutum cultivars are mostly susceptible, while G. arboreum, G. herbaceum and G. thurberi cultivars show some resistance (Bollenbacher & Fulton, 1971). In the EPPO region, cotton is grown in Mediterranean and Eastern European countries. GEOGRAPHICAL DISTRIBUTION G. gossypii, which is probably indigenous to America, now occurs in most cotton-growing areas throughout the world but tends to be localized in the higher rainfall areas. EPPO region: Locally established in Bulgaria and Romania; reported from but not established in Italy (Sicily), Spain, Tunisia. Asia: Afghanistan, Armenia, Azerbaijan, Bangladesh, Cambodia, China (widespread), Georgia, India (Bihar, Madhya Pradesh, Maharashtra), Indonesia, Japan (Honshu), Korea Democratic People's Republic, Korea Republic, Myanmar, Pakistan, Philippines, Taiwan, Thailand. Mostly absent from the Near East. Africa: Central African Republic, Côte d'Ivoire, Ethiopia, Ghana, Kenya, Madagascar, Mali, Malawi, Mozambique, Nigeria, Sudan, Senegal, Somalia, Tunisia, Uganda, South Africa, Zaire, Zimbabwe. Probably present in most sub-Saharan countries. North America: Bermuda, Mexico, USA (Alabama, Arkansas, Florida, Georgia, Louisiana, Mississippi, North Carolina, Oklahoma, South Carolina, Texas; also Hawaii, Kentucky, Missouri, Tennessee). Central America and Caribbean: Barbados, Costa Rica, Cuba, Dominican Republic (unconfirmed), Guatemala, Honduras, Haiti, Jamaica, Nicaragua, Puerto Rico, El Salvador, Trinidad and Tobago.
    [Show full text]
  • Fungi Associated with Houttuynia Cordata Thunb
    Dhaka Univ. J. Biol. Sci. 20(2): 139‐146, 2011 (July) FUNGAL DISEASES OF COTTON PLANT GOSSYPIUM HIRSUTUM L. IN BANGLADESH RAOZATUL JANNAT FERDOUS LUTFUNNESSA¹ AND SHAMIM SHAMSI* Department of Botany, University of Dhaka, Dhaka‐1000, Bangladesh Key words: Fungal diseases, Cotton plant, Gossypium hirsutum, Bangladesh Abstract Seven types of symptom were recorded in four varieties such as CB3, CB9, Hill cotton 1 (HC‐1) and 2 (HC‐2) of cotton (Gossypium hirsutum L.) during July, 2005 to June, 2008. The symptoms were Anthracnose, Alternnaria leaf spot, Boll rot, Cercospora leaf spot, Rust, Sclerotium rot and Wilting. Present study revealed that association of 30 species of fungi which belonged to 21 genera such as one one in Zygomycetes, one in Ascomycetes, one in Basidiomycetes, 18 in Deutermycetes and one in sterile fungus. The isolated fungi were Alternaria alternata (Fr.) Keissler, Arthrinium sp., Ascochyta sp., Aspergillus flavus, Link., Aspergillus niger Van Tiegh, Aspergillus sp., Botryodiplodia sp., Cercospora sp., Chaetomium sp., Chaetophoma sp., Cladosporium sp., Colletotrichun coffeanum Noack, z. f. Pflan zenko., Colletotrichum spp., Curvularia clavate Jain, Curvularia lunata (Wakker) Boedijn, Fusarium moniliforme, Wr. and Reink, Fusarium spp., Nigrospora sp., Pestalotia sp., Penicillium sp., Phoma sp., Pteroconium sp., Puccinia sp., Rhizopus stolonifer (Ehrenb. Ex. Fr) Lind, Sclerotium rolfsii Sacc., Trichoderma viride Pers. ex Fries. and one sterile fungus. Fusarium spp. and Colletotrichum spp. were frequently associated with all the four cotton varieties examined. Botryodiplodia sp. was associated with Hill Cotton 1 (HC‐1) and Hill Cotton 2 (HC‐2). Sclerotium rolfsii was found associated with CB‐3 cotton variety. Introduction Cotton plant (Gosypium sp.), belongs to Malvaceae.
    [Show full text]
  • 7.5 X 11.5.Doubleline.P65
    Cambridge University Press 978-0-521-80739-5 - Introduction to Fungi, Third Edition John Webster and Roland Weber Index More information Index Page numbers with images are underlined, those with explanations of concepts are printed in bold. ABC transporters 280, 383, 439 Aegeritina tortuosa (teleom. alder, leaf blister 251 Absidia 183 Subulicystidium longisporum) 697 Aleuria 417–419 Absidia corymbifera 184 aequi-hymenial gills 522 Aleuria aurantia 243, 419, Pl. 6; Absidia glauca 172, 176, 185 aero-aquatic fungi 506, 696–701; mycorrhiza 419 Absidia spinosa 173, 176, 184 anamorph-teleomorph connections aleuriaxanthin 419 Acaulospora 221 697; ecophysiology 698–701 algal parasites 127 acervulus 231, 387 aethalium 50, Pl. 1 alkaloids 354, 364, 539, 541; Achlya 86–91; aplanetic forms 93; aflatoxins 304, 305, Pl. 4 biosynthesis 354; commercial asexual reproduction 87, 88; Agaricus 532–536 production 354; see Claviceps hyphae 80; relative sexuality 91; Agaricus arvensis 532 purpurea, Neotyphodium sex hormones 88–89, 90, 91; sexual Agaricus bisporus 15, 533; breeding allergens; see asthma reproduction 88–91 536; cultivation 525, 532–534; allyl amines 279, 280 Achlya ambisexualis 88, 89, 91 life cycle 535; mating system 506, Allomyces 155–160; Brachy-Allomyces 160; Achlya bisexualis 88 535; morphogenesis 534–535; var. Cystogenes 159; Eu-Allomyces 156; life Achlya colorata 69, 87–88 burnettii 536; var. eurotetrasporus 536 cycle 158; polyploidy 159; Achlya heterosexualis 88 Agaricus bitorquis 532 sex hormones (parisin and sirenin) Achlya klebsiana
    [Show full text]
  • Identifying and Naming Plant-Pathogenic Fungi: Past, Present, and Future
    PY53CH12-Crous ARI 24 July 2015 8:49 Identifying and Naming Plant-Pathogenic Fungi: Past, Present, and Future Pedro W. Crous,1,2,6 David L. Hawksworth,3,4,5 and Michael J. Wingfield6 1CBS-KNAW Fungal Biodiversity Centre, 3584 CT Utrecht, Netherlands; email: [email protected] 2WUR, Laboratory of Phytopathology, 6708 PB Wageningen, Netherlands 3Departamento de Biologıa´ Vegetal II, Facultad de Farmacia, Universidad Complutense de Madrid, Plaza Ramon´ y Cajal, Madrid 28040, Spain 4Department of Life Sciences, The Natural History Museum, Cromwell Road, London SW7 5BD, United Kingdom; email: [email protected] 5Mycology Section, Royal Botanic Gardens, Kew, Surrey TW9 3DS, United Kingdom 6Department of Microbiology and Plant Pathology, Forestry and Agricultural Biotechnology Institute (FABI), University of Pretoria, Pretoria 0002, South Africa; email: mike.wingfi[email protected] Annu. Rev. Phytopathol. 2015. 53:247–67 Keywords First published online as a Review in Advance on Code of Nomenclature, DNA barcoding, MycoBank, phylogeny, May 27, 2015 polyphasic identification, systematics The Annual Review of Phytopathology is online at phyto.annualreviews.org Abstract This article’s doi: Scientific names are crucial in communicating knowledge about fungi. In 10.1146/annurev-phyto-080614-120245 plant pathology, they link information regarding the biology, host range, Copyright c 2015 by Annual Reviews. distribution, and potential risk. Our understanding of fungal biodiversity Access provided by National Library of Medicine on 08/21/15. For personal use only. Annu. Rev. Phytopathol. 2015.53:247-267. Downloaded from www.annualreviews.org All rights reserved and fungal systematics has undergone an exponential leap, incorporating genomics, web-based systems, and DNA data for rapid identification to link species to metadata.
    [Show full text]
  • The Etiological Agent of Cotton Ramulosis Represents a Single Phylogenetic Lineage Within the Colletotrichum Gloeosporioides Species Complex
    Tropical Plant Pathology, vol. 39(5):357-367, 2014 Copyright by the Brazilian Phytopathological Society. www.sbfito.com.br RESEARCH ARTICLE The etiological agent of cotton ramulosis represents a single phylogenetic lineage within the Colletotrichum gloeosporioides species complex Maria Eloisa Salustiano, Marina Nunes Rondon, Lucas M. Abreu, Sarah da Silva Costa, José da Cruz Machado & Ludwig H. Pfenning Departamento de Fitopatologia, Universidade Federal de Lavras, Lavras MG, Brazil Author for correspondence: Ludwig H. Pfenning, e-mail: [email protected] ABSTRACT Ramulosis of cotton, caused by Colletotrichum gossypii var. cephalosporioides (CGC), is an important disease of cotton in Brazil. The main objective of this work was to test whether CGC is a phylogenetic species inside the Colletotrichum gloeosporioides species complex. A Bayesian inference phylogenetic analysis of a combined ITS and TUB2 dataset was conducted with 21 strains identified as CGC and five strains of Colletotrichum gossypii (CG), associated with cotton anthracnose, obtained from diseased plants from different regions of Brazil. All CGC strains formed a highly supported lineage inside the clade of Colletotrichum theobromicola, a member of the C. gloeosporioides species complex. CG strains formed another lineage in the same clade. These findings were supported by a second analysis conducted with three genes (ITS+TUB2+GAPDH) and a subset of five CGC and three CG strains. During pathogenicity tests, all five CGC strains tested induced typical symptoms of ramulosis on inoculated plants, including foliar necrosis, death of apical meristems and over sprouting. Plants inoculated with CG strains exhibited foliar necrotic spots two months after inoculation. These results give phylogenetic support for the placement of CGC in the C.
    [Show full text]
  • DIVERSIDADE DE Colletotrichum Spp. AGENTE ETIOLÓGICO DA SECA DOS FRUTOS DE AÇAIZEIRO NO ESTADO DO PARÁ, BRASIL
    UNIVERSIDADE FEDERAL RURAL DO SEMI-ÁRIDO PRÓ-REITORIA DE PESQUISA E PÓS-GRADUAÇÃO PROGRAMA DE PÓS-GRADUAÇÃO EM FITOTECNIA DOUTORADO EM FITOTECNIA KÉZIA FERREIRA ALVES DIVERSIDADE DE Colletotrichum spp. AGENTE ETIOLÓGICO DA SECA DOS FRUTOS DE AÇAIZEIRO NO ESTADO DO PARÁ, BRASIL MOSSORÓ Março/2017 KÉZIA FERREIRA ALVES DIVERSIDADE DE Colletotrichum spp. AGENTE ETIOLÓGICO DA SECA DOS FRUTOS DE AÇAIZEIRO NO ESTADO DO PARÁ, BRASIL Tese apresentada Programa de Pós-Graduação em Fitotecnia da Universidade Federal Rural do Semi-Árido como parte das exigências para obtenção do grau de Doutor em Ciências: Fitotecnia. Linha de Pesquisa: Proteção de Plantas Orientador: Prof. Dr. Rui Sales Júnior Co-orientador: Prof. Dr. Eudes de Arruda Carvalho MOSSORÓ Março/2017 © Todos os direitos estão reservados a Universidade Federal Rural do Semi-Árido. O conteúdo desta obra é de inteira responsabilidade do (a) autor (a), sendo o mesmo, passível de sanções administrativas ou penais, caso sejam infringidas as leis que regulamentam a Propriedade Intelectual, respectivamente, Patentes: Lei n° 9.279/1996 e Direitos Autorais: Lei n° 9.610/1998. O conteúdo desta obra tomar-se-á de domínio público após a data de defesa e homologação da sua respectiva ata. A mesma poderá servir de base literária para novas pesquisas, desde que a obra e seu (a) respectivo (a) autor (a) sejam devidamente citados e mencionados os seus créditos bibliográficos. F474d Ferreira Alves, Kezia. Diversidade de Colletotrichum spp. agente etiológico da seca dos frutos de açaizeiro no estado do Pará, Brasil. / Kezia Ferreira Alves. - 2017. 70 f.: il. Orientador: Rui Sales Júnior. Coorientador: Eudes de Arruda Carvalho.
    [Show full text]
  • Studies on the Pathology of Diplodia Boll Rot of Cotton (Gossypium Hirsutum L.) Caused by the Fungus Diplodia Gossypina Cke
    Louisiana State University LSU Digital Commons LSU Historical Dissertations and Theses Graduate School 1969 Studies on the Pathology of Diplodia Boll Rot of Cotton (Gossypium Hirsutum L.) Caused by the Fungus Diplodia Gossypina Cke. Jaime Delgado Louisiana State University and Agricultural & Mechanical College Follow this and additional works at: https://digitalcommons.lsu.edu/gradschool_disstheses Recommended Citation Delgado, Jaime, "Studies on the Pathology of Diplodia Boll Rot of Cotton (Gossypium Hirsutum L.) Caused by the Fungus Diplodia Gossypina Cke." (1969). LSU Historical Dissertations and Theses. 1536. https://digitalcommons.lsu.edu/gradschool_disstheses/1536 This Dissertation is brought to you for free and open access by the Graduate School at LSU Digital Commons. It has been accepted for inclusion in LSU Historical Dissertations and Theses by an authorized administrator of LSU Digital Commons. For more information, please contact [email protected]. This dissertation has been microfilmed exactly as received 69-17,100 DELGADO, Jaime, 1930- STUDIES ON THE PATHOLOGY OF DIPLOPIA BOLL ROT OF COTTON ( GOSSYPIUM HIRSUTUM L.) CAUSED BY THE FUNGUS DIPLOPIA GOSSYPINA CKE. I Louisiana State University and Agricultural and Mechanical College, Ph.D., 1969 Agriculture, plant pathology University Microfilms, Inc., Ann Arbor, Michigan STUDIES ON THE PATHOLOGY OF DIPLOPIA BOLL ROT OF COTTON (GOSSYPIUM HIRSUTUM L.) CAUSED BY THE FUNGUS DIPLOPIA GOSSYPINA CKE. A Dissertation Submitted to the Graduate Faculty of the Louisiana State University and Agricultural and Mechanical College in partial fulfillment of the requirements for the degree of Doctor of Philosophy in The Department of Botany and Plant Pathology by Jaime Delgado B.S., Escuela Nacional de Agricultura, Mexico, 195 M.S., Louisiana State University, 1966 January, 1969 ACKNOWLEDGMENTS The writer is indebted to Dr.
    [Show full text]