รายงานการวิจัย เรื่อง การพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของมัคคุเทศก์ ในจังหวัดมหาสารคามเพื่อรองรับการเข้าส่ประชาคมอาเซียนโดยบู ูรณาการแนวคิด ของการเรียนการสอนภาษา 3 รูปแบบ และเน้นการใช้ภาษาอังกฤษ ในสถานการณ์จริง English Language Competency Development of Tour Guides in in Preparation for the ASEAN Community by Integrating Three Concept-Centered Instructional Models and Using English in Actual Situations

ณรงค์ฤทธิ์ โสภา พูลศักดิ์ ศิริโสม เกตน์สิรี จาปีหอม

มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 2559 ลิขสิทธิ์ของ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม (งานวิจัยนี้ได้รับทุนอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดิน ปีงบประมาณ 2559)

รายงานการวิจัย

เรื่อง

การพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของมัคคุเทศก ์ ในจังหวัดมหาสารคามเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนโดยบูรณาการแนวคิด ของการเรียนการสอนภาษา 3 รูปแบบ และเน้นการใช้ภาษาอังกฤษ ในสถานการณ์จริง English Language Competency Development of Tour Guides in Maha Sarakham Province in Preparation for the ASEAN Community by Integrating Three Concept-Centered Instructional Models and Using English in Actual Situations

ณรงค์ฤทธิ์ โสภา พูลศักดิ์ ศิริโสม เกตน์สิรี จาปีหอม

มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 2559 ลิขสิทธิ์ของ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม (งานวิจัยนี้ได้รับทุนอุดหนุนจากงบประมาณแผนดิน่ ปีงบประมาณ 2559)

กิตติกรรมประกาศ

งานวิจัย เรื่องการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของมัคคุเทศกในจังหวัด์ มหาสารคามเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนโดยบูรณาการแนวคิดของการเรียนการสอนภาษา 3 รูปแบบและเน้นการใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริง สาเร็จลงได้ด้วยดี เพราะได้รับการสนับสนุน ด้านงบประมาณจากสภาวิจัยแห่งชาติ (วช) มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และได้รับความร่วมมือ อยางดียิ่ งในการตอบแบบสอบถามของ่ นักศึกษาปีที่ 3 หลักสูตรสาขาวิชาภาษาอังกฤษ สาขาวิชา ภาษาอังกฤษธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และ สาขาวิชาการโรงแรมและการทองเที่ยว่ คณะวิทยาการจัด มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ผู้วิจัยขอขอบพระคุณ ผศ. ดร. สมเกียรติ ภูพัฒนวิบูลณ์่ อาจารย์ประจาหลักสูตรภาษาตะวันตก มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผศ. ดร. ลดาวัลย์ วัฒนบุตร ผู้อานวยการส านักวิเทศสัมพันธ์และการจัด การศึกษานานาชาติ ดร. สุขศิลป์ ประสงค์สุข อาจารย์เกตน์สิรี จาปีหอม อาจารย์ประจาหลักสูตร ภาษาอังกฤษ คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ และ ดร. กชธมน วงศ์คา อาจารย์ประจาหลักสูตร การโรงแรมและการทองเที่ยว่ คณะวิทยาการจัดการ และ Mr. Ross Niswanger อาจารย์ประจา สานัก วิเทศสัมพันธ์และการจัดการศึกษานานาชาติมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม สาหรับค าแนะ เกี่ยวกบั ความเหมาะสมและความถูกต้องทางภาษาและเนื้อหา ขอขอบพระคุณ ผศ. ดร. พูลศักดิ์ ศิริโสม อาจารย์ประจา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม สาหรับค าแนะน า เกี่ยวกบั สถิติที่ใช้สาหรับงานวิจัย และขอขอบคุณนายสุระศักดิ์ สุตะภักดิ์ และนายจิรวัฒน์ สุราสา ที่ให้ความ อนุเคราะห์เกี่ยวกบการออกแบบและจัดรูปเลั ่ม ประโยชน์ของงานวิจัยเล่มนี้ ขอมอบเป็นเครื่องบูชา พระคุณบิดามารดาที่ให้ชีวิต น้องๆ ที่ให้ กาลังใจ ครู อาจารย์ ที่ให้ความรู้ และคาแนะน า ตลอดจนเพื่อนร่วมงานที่ให้ความช่วยเหลือทั้งกาลังใจ และกาลังกาย แก่ผู้วิจัยจนประสบผลสาเร็จ

คณะผู้วิจัย 2559 ข

ชื่อเรื่อง การพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของมัคคุเทศกในจังหวัดมหาสารคาม์ เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนโดยบูรณาการแนวคิดของการเรียนการสอน ภาษา 3 รูปแบบและเน้นการใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริง ผ้วิจัยู รศ. ดร. ณรงค์ฤทธิ์ โสภา หัวหน้าโครงการวิจัย ผศ. ดร. พูนศักด์ศักดิ์ ศิริโสม ผู้ร่วมวิจัย อาจารย์เกต น์สิรี จาปีหอม ผู้ร่วมวิจัย หน่วยงาน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ปีที่ได้รับทุน 2559 ปีที่แล้วเสร็จ 2559

บทคัดย่อ

งานวิจัย เรื่อง การพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของมัคคุเทศกในจังหวัด์ มหาสารคามเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนโดยบูรณาการแนวคิดของการเรียนการสอนภาษา 3 รูปแบบและเน้นการใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริง ได้แบงออกเป็น่ 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การสร้าง และพัฒนาหลักสูตร (2559) ระยะที่ 2 การใช้หลักสูตรกบกลุั ่มเป้าหมาย (2561) ผู้วิจัยได้รายงาน ผลการวิจัยระยะที่ 1 เทานั่ ้น วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้ เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการสาหรับ การพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของนักศึกษาและบุคคลากรที่ทางานในสถานที่ท องเที่ยว่ ในจังหวัดมหาสารคาม และเพื่อสร้างและพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมภาษาอังกฤษโดยการบูรณา แนวคิดของการเรียนรู้ 3 รูปแบบ คือ การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร และ Teaching –Learning Cycle สาหรับนักศึกษาและบุคคลากรที่ท างานในสถานที่ท องเที่ยวที่เข้าร่ ่วม โครงการพัฒนาอาชีพทางด้านมัคคุเทศก์ ที่มีประสิทธิภาพ กลุ่มประชากรเป้าหมายระยะที่ 1 ประกอบด้วย 2 กลุ่ม คือ นักศึกษาระดับปริญญาตรีภาคปกติชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาภาษาอังกฤษ และภาษา อังกิจธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และ นักศึกษาสาชาวิชาการโรงแรมและการทองเที่ยว่ คณะวิทยาการจัดการ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ปีการศึกษา 2558 จานวน 5 ห้อง รวม 171 คน และผู้เชี่ยวชาญจานวน 5 ทาน่ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบประเมินตนเอง แบบสอบถาม และแบบประเมินหลักสูตร สถิติที่ใช้ในงานวิจัยได้แก่ คาร้อยละ่ คาความถี่่ คาเฉลี่ย่ และ คาเบี่ยงเบนมาตรฐาน่

ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการประเมินความรู้และความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ใน์ จังหวัดมหาสารคาม ของนักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ และสาขาวิชาการ ทองเที่ยวและการโรงแรม่ โดยภาพรวม คาคะแนนเฉลี่ย่ อยูในระดับดี่ (X= 3.66) พิจารณารายด้าน พบวา่ มีสามด้านที่มีคาเฉลี่ยอยู่ ในระดับดี่ ได้แก่ การจัดการเกี่ยวกบการทั องเที่ยว่ ความรู้เกี่ยวกบั สถานที่ทองเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ คาเฉลี่ยอยู่ ในระดับดี่ เทาก่ บั 3.76 3.63 และ 3.62 ตามลาดับ ส่วนความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับการเป็นมัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ คาเฉลี่ยอยู่ ในระดับปานกลาง่ เทาก่ บั 3.43 2. ผลการสารวจ ความต้องการพัฒนาความสามารถการในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับ มัคคุเทศกในจังหวัดมหาสารคาม์ ของนักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ และ สาขาวิชาการโรงแรม และการทองเที่ยว่ โดยภาพรวม คาคะแนนเฉลี่ย่ อยูในระดับมาก่ 4.07พิจารณา รายด้าน พบวา่ นักศึกษาต้องการพัฒนาทั้ง แปด ด้าน มีคาเฉลี่ยอยู่ ในระดับมาก่ ประกอบด้วย การ ประเมินผลการเรียนรู้ อาจารย์สอน ตระหนักและความสาคัญในการพัฒนาภาษาอังกฤษ รูปแบบการ อบรม ประโยชน์ของการพัฒนา ระยะเวลาในการอบรม ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ และ ความรู้ เกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหมาสารคาม่ คาเฉลี่ยเท่ าก่ บั 4.39 4.31 4.27 4.25 4.23 3.98 3.63 และ 3.54 ตามลาดับ 3. ผลการประเมินหาคาดรรชนีความสอดคล้องของหลักสูตร่ โดยผู้เชี่ยวชาญ 5 ทาน่ พบวา่ คาเฉลี่ยดรรชนีความสอดคล้องของหลักสูตร่ อยูในระดับมาก่ คาเฉลี่ยเท่ าก่ บั .82และคาเฉลี่ยของความ่ ถูกต้องและความเหมาะสมของหลักสูตร มีคาเฉลี่ยอยู่ ในระดับมากที่สุด่ เทาก่ บั 4.66 พิจารณารายด้าน พบวา่ ผู้เชี่ยวชาญ ประเมินคาความถูกต้องและความเหมาะสมของหลักสูตร่ อยูในระดับสูง่ ทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ ระยะเวลาอบรม 60 ชัวโมง่ สถานที่อบรม สานักวิเทศสัมพันธ์และสถานที่ท องเที่ยวจริงใน่ จังหวัดมหาสารคาม ชื่อหลักสูตร คาอธิบายของหลักสูตร จุดประสงค์การเรียนรู้ของหลักสูตร และ วิทยากร สรุปวา่ หลักสูตรภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก มีคุณภาพมาก์ เหมาะสมสาหรับการน าไปใช้ เพื่อพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ทางด้านโบราณคดี์ วัฒนธรรม นิเวศน์ และเกษตรในจังหวัดมหาสารคาม สาหรับนักศึกษาและบุคคลทั วไปที่มีความสนใจ่ สาหรับการวิจัยครั ้ง ตอไป่ ควรพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาตางประเทศอื่น่ ด้วยรูปแบบที่หลากหลาย เช่น บทเรียน ออนไลน์ หรือ หนังสืออิเล็กโทรนิกส์

Title English Language Competency Development of Tour Guides in Maha Sarakham Province in Preparation for the ASEAN Community by Integrating Three Concept-Centered Instructional Models and Using English in Actual Situations Researchers Associate Professor Dr. Narongrit Sopa Head Assistant Professor Dr. Poolsak Sirisom Co-researcher Mrs. Ketsiri Jampeehom Co-researcher Faculty Humanities and Social Sciences, Rajabhat Maha Sarakham University Academic Year 2016 Complete Year 2016

ABSTRACT

The research on “English Language Competency Development of Tour Guides in Maha Sarakham Province in Preparation for the ASEAN Community by Integrating Three Concept- Centered Instructional Models and Using English in Actual Situations” was divided into two Phases: 1) Curriculum Design and Development, and 2 Curriculum Implementation. The objectives of the first phase were to analyze problems and needs of students for English language competency development of tour guides and to design and develop an English training curriculum by integrating three concept- centered instructional models and using English in actual situations. The target population was divided into two groups. The first group was 171 third year students of the English Program, Business English Program, and Hotel and Tourism Program of Rajabhat Maha Sarakham University in 2015. The second group was five experts in English, curriculum and instruction and tourism. The instrument was two sets of an assessment form and a questionnaire. The statistics used were the percentage, frequency, mean and standard deviation.

1. The research findings showed that the average English competency of the students in English for tour guides was at a high level. Three high rated items of the competency were tourism management, knowledge of the tourist attractions in Maha Sarakham, and English competency (X = 3.76, 3.63 and 3.62. One moderate rated item of the competency was English of the tourist attractions in Maha Sarakham province (X = 3.43). 2. The findings indicated that the overall needs of the students for English competency development was at a high level (X = 4.07). Eight high rated items of the needs were learning assessment, trainer, importance of English competency development, training method, expected outcome, training period and knowledge of tourist attractions in Maha Sarakham (X = 4.39 4.31 4.27 4.25 4.23 3.98 3.63 and 3.54) respectively. 3. Regarding the curriculum design and development, the findings revealed that the IOC index of the curriculum was .82. The overall level of the accuracy and appropriateness of the curriculum was at the highest level (X = 4.66). Six high rated items of the curriculum was training period, training place, title of curriculum, training course description, learning objectives and trainer. In conclusion, the study asserts that the English curriculum is practical and appropriate for English competency development of tour guides in archeology, culture, ecology and agro-tourism in Maha Sarakham. The further study should focus on other foreign language development through various instructional models such as online learning program, electronic book and so on.

สารบัญ เรื่อง หน้า กิตติกรรมประกาศ...... ก บทคัดย่อ...... ข Abstract...... ง สารบัญ...... ฉ สารบัญตาราง...... ฌ บัญชีภาพประกอบ...... ญ บัญชีแผนภูมิ...... ฏ

บทที่ 1 บทน า ...... 1 วัตถุประสงค์การวิจัย...... 6 ขอบเขตการวิจัย...... 7 สมมุติฐานการวิจัย...... 8 กรอบแนวคิดการวิจัย...... 9

บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง...... 12 สถานการณ์การทองเที่ยวโลก่ ประเทศไทย และประเทศใน ภูมิภาคลุ่มน้าโขง ...... 13 หน่วยงานภาครัฐและนโยบายส่งเสริมการทองเที่ยวของ่ ประเทศไทย...... 13 โครงการแผนการดาเนินงานทางด้านการท องเที่ยวภาค่ ตะวันออกเฉียงเหนือ 2552...... 18 แหล่งทองเที่ยวในประเทศไทย่ ...... 19 แหล่งทองเที่ยวทางด้านโบราณคดี่ วัฒนธรรม เมืองและชุมชน นิเวศน์ และเชิงเกษตรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ...... 22 มัคคุเทศก ์ (Tourist Guides)...... 55 การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์...... 58 กระบวนการสร้างและพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมภาษาอังกฤษ ช

สาหรับมัคคุเทศก ...... ์ 62 ทฤษฎีและแนวคิดเกี่ยวกบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษั สาหรับผู้ใหญ ่...... 76 หลักสูตรสาขาวิชาภาษาอังกฤษ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ และสาขาวิชาการโรงแรม และการทองเที่ยว่ ...... 93 กฎบัตรอาเซียน...... 110 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง...... 112 การสังเคราะห์แนวคิดเกี่ยวกบการเรียนการสอนภาษาั 3 รูปแบบ...... 115 กรอบแนวคิดการวิจัย...... 128

บทที่ 3 วิธีด าเนินการวิจัย...... 130 ประชากรกลุ่มเป้าหมาย...... 130 ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย...... 131 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย...... 131 การสร้างและหาคุณภาพเครื่องมือ...... 131 การเกบรวบรวมข้อมูลจากกลุ็ ่มเป้าหมาย...... 137 วิเคราะห์ข้อมูล และอภิปรายผล...... 137 สถิติที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้...... 138 ระยะเวลาทาการวิจัย และแผนการดาเนินงานตลอดโครงการวิจัย ...... 139 สถานที่ในการทาวิจัย ...... 141 แสดงความคาดหมายศักยภาพและวิธีการหรือแนวทางที่จะนาผล การวิจัยไปใช้ประโยชน์...... 141

บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล...... 143 ประเมินความรู้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ...... 144 ความต้องของนักศึกษาในการพัฒนาความสามารถการใช้ ภาษาอังกฤษ...... 152 การสร้างและพัฒนาหลักสูตรภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์...... 170

บทที่ 5 สรุปผลการวิจัย อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ...... 173 วัตถุประสงค์การวิจัย...... 173 สมมุติฐานการวิจัย...... 174 ขอบเขตการวิจัย...... 174 สรุปผลวิจัย...... 177 อภิปรายผลการวิจัย...... 179 ข้อเสนอแนะ...... 182

บรรณานุกรม...... 184 ภาคผนวก...... 190 แบบประเมินความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ...... ์ 191 แบบสอบถามความต้องการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ สาหรับมัคคุเทศก ...... ์ 193 แบบประเมินหาคาดรรชนีความสอดคล้องของหลักสูตร่ ...... 197 แบบประเมินความถูกต้องและความเหมาะสมของหลักสูตร...... 198 หลักสูตรภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ ...... 199

สารบัญตาราง

ตารางที่ หน้า 1 โครงสร้างหลักสูตรสาขาวิชาภาษาอังกฤษ ตาม มคอ. 2 ฉบับปรับปรุง ปีการศึกษา 2556...... 93 2 โครงสร้างหลักสูตรสาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ ตาม มคอ. 2 ฉบับปรับปรุง ปีการศึกษา 2556...... 99 3 โครงสร้างหลักสูตรสาขาวิชาการโรงแรม และการทองเที่ยว่ ...... 105 4 แผนการดาเนินงานวิจัย ระยะที่ 1 (ตุลาคม 2558-กนยายนั 2559)...... 139 5 แผนการถ่านทอดเทคโนโลยี หรือผลวิจัยสู่กลุ่มเป้าหมาย...... 141 6 การประเมินความรู้ และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ สาหรับ มัคคุเทศกของนักศึกษาทั์ ้งหมด...... 144 7 การประเมินความรู้ และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับ มัคคุเทศกของนักศึกษาสาขาวิชาภาอังกฤษ์ ...... 146 8 การประเมินความรู้ และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ สาหรับ มัคคุเทศกของนักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรก์ ิจ...... 148 9 การประเมินความรู้ และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับ มัคคุเทศกของนักศึกษาสาขาวิชาการท์ องเที่ยวและการโรงแรม่ ...... 150 10 ความต้องการพัฒนาความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับ มัคคุเทศกของนักศึกษาทั์ ้งหมด...... 152 11 ความต้องการพัฒนาความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับ มัคคุเทศกของนักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษ์ ...... 157 12 ความต้องการพัฒนาความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับ มัคคุเทศกของนักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรก์ ิจ...... 161 13 ความต้องการพัฒนาความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับ มัคคุเทศกของนักศึกษาสาขาวิชาการท์ องเที่ยวและการโรงแรม่ ...... 166 14 การประเมินหาคาดรรชนีความสอดคล้องของหลังสูตร่ กบั คาอธิบายและ วัตถุประสงค์ของหลักสูตร โดย ผู้เชี่ยวชาญ 5 ทาน่ ...... 170 15 การประเมินความถูกต้องและความเหมาะสมของหลักสูตร โดยผู้เชี่ยวชาญ 5 ทาน่ ...... 1 ญ

บัญชีภาพประกอบ ภาพประกอบที่ หน้า 1 เส้นทางเศรษฐกิจแนวจะวันออก-ตะวันตก(East-West Economic Corridor)...... 14 2 แหล่งทองเที่ยวทางโบราณคดี่ วัฒนธรรม เมืองและชุมชน เชิงนิเวศ และเกษตรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ...... 22 3 แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง...... 22 4 เมืองฟ้าแดดสงยาง...... 23 5 อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง (ปราสาทหินพนมรุ้ง)...... 24 6 อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย...... 25 7 พระธาตุก่องข้าวน้อย...... 26 8 พระธาตุนาดูน...... 27 9 พระธาตุนารายณ์เจงเวง...... 28 10 พระธาตุหนองสามหมื่น...... 28 11 พระธาตุพนมวรมหาวิหาร...... 29 12 พระธาตุศรีสองรัก...... 30 13 พระธาตุยาคู...... 31 14 โบราณสถานภูผายา...... 32 15 ปรางค์กู่ หรือ ปราสาทหนองกู่...... 32 16 ปราสาทบ้านเบญ...... 33 17 ปราสาทบ้านปราสาท...... 34 18 ปราสาทหินบ้านพลวง...... 34 19 ปราสาทเมืองต่า ...... 35 20 ปราสาทเปือยน้อย...... 36 21 ปราสาทหินวัดสระกาแพงน้อย ...... 37 22 แผนที่ประเทศไทย และจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ...... 38 23 แผนที่ท่ องเ่ ที่ยวจังหวัดมหาสารคาม...... 39 24 กู่มหาธาตุ (ปรางค์กู่บ้านเขวา)...... 41 25 พระธาตุนาดูน พุทธมณฑลแห่งอีสาน...... 41 26 กู่สันตรัตน์...... 42 ฎ

27 พระพุทธรูปยืนมงคล...... 43 28 สถาบันวิจัยศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยมหาสารคาม...... 45 29 พิพิธภัณฑ์นครจัมปาศรี...... 45 30 สถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช...... 46 31 หมูบ้านหัตถกรรมบ้านหนองเขื่อนช้าง่ ...... 47 32 เสื่อกกบ้านแพง...... 47 33 เขตห้ามล่าสัตว์ป่าดูนลาพัน ...... 48 34 วนอุทยานโกสัมพี...... 49 35 วังมัจฉาโขงกุดหวาย ...... 50 36 สหกรณ์โคนมโคกก่อ ศูนย์เรียนรู้บริหารธุรกิจแบบครบวงจร...... 52 37 ทางเข้า บ้านดอนมัน จ. มหาสารคาม...... 54 38 ผลไม้พื้นบ้านในสวน และศูนย์การเรียนรู้ของหมูบ้าน่ ...... 55

บัญชีแผนภูมิ แผนภูมิที่ หน้า

1 ขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตร ของ Taba...... 67 2 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของเซเลอร์...... 68 3 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของโอลิว...... 69 4 รูปแบบการจัดอบรมมัคคุเทศกอย์ างยั่ งยืน่ ของไวเลอร์ และฮาร์น...... 73 5 กรอบแนวคิดของการวิจัย ระยะที่ 1...... 128 6 กรอบการวิจัย การพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ สาหรับมัคคุเทศก ของนักศึกษาและบุคลากร์ ...... 129

English for Tour Guides

Course Description

English for Tour Guides in Archeological and Cultural Tourism, Ecotourism and Agrotourim is designed for university students, high school students, tour guides, and also tourism officers in Maha Sarakham Province, whose English is at an intermediate level, who want to improve the English language in Archeological and Cultural Tourism, Ecotourism and Agrotourim. It is used for a 60-hour-training course. The text is based on Archeological and Cultural Attractions, Communities Attractions, Ecotourism Attractions, and Agrotourism Attractions in Maha Sarakham Province, and English for Tour Guide of the English Language Competency Development Center, the Commission for Higher Education (2006). The curriculum focuses on improving listening, speaking, reading and writing skills. It is divided into 3 main parts: Social Interaction, Giving Information and Visiting Archeological and Cultural Attractions, Ecotourism Attractions, and Agrotourism Attractions in Maha Sarakham Province, and it consists of 16 units: Meeting Tourists, Introducing People, Making Small Talk, Giving Opinions, Accepting Praise & Criticism, Dealing with Complaints, Coping with Emergencies, Bidding Farewell; Talking about Days, Dates and Time, Talking about Distance, Area, and Length of Time, Talking about an Itinerary; and Visiting Archeological and Cultural Attractions, Communities Attractions, Ecotourism Attractions, and Agrotourism Attractions in Maha Sarakham Province. The learning activities are designed based on the concept of three instructional models: Teaching Language for Communication, Student-Centered Instruction and the Teaching-Learning Cycle Model. The methodology focuses on learning process to improve English skills: listening, speaking, reading and writing.

Learning Objectives: By the end of the course, trainees should be able to: 1. Understand vocabulary, phrases, and grammar related to the tourism focusing on Archeological and Cultural Tourism, Ecotourism and Agrotourim in Maha Sarakham Province 2. Improve listening, speaking, and reading skills in Archeological and Cultural Tourism, Ecotourism and Agrotourim in Maha Sarakham Province

2

3. Communicate English language skills in realistic situations correctly and appropriately.

Outline of Lesson Plan Day Topics Activities Trainers 1 Opening Ceremony, Introducing a training curriculum RMU President Training Orientation and doing pretest Assoc. Prof. Dr. and Pretest Narongrit Sopa and Training Staff Social Interaction: 2 Meeting Tourists -Presenting word power, grammar Assoc. Dr. focus, communicative practice Narongrit Sopa activities, fluency exercises- these pair, and Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities 3 Introducing People -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. focus, communicative practice Narongrit Sopa activities, fluency exercises- these pair, and Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities 4 Making Small Talk -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. focus, communicative practice Narongrit Sopa activities, fluency exercises- these pair, and Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities 5 Giving Opinions -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. focus, communicative practice Narongrit Sopa activities, fluency exercises- these pair, and Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities 3

6 Accepting Praise & -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. Criticism focus, communicative practice Narongrit Sopa activities, fluency exercises- these pair, and Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities 7 Dealing with Complaints -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. focus, communicative practice Narongrit Sopa activities, fluency exercises- these pair, and Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities 8 Coping with Emergencies -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. focus, communicative practice Narongrit Sopa activities, fluency exercises- these pair, and Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities 9 Bidding Farewell -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. focus, communicative practice Narongrit Sopa activities, fluency exercises- these pair, and Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities

Giving Information: 10 Talking about Days and -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. Dates and Time focus, communicative practice Narongrit Sopa activities, fluency exercises- these pair, and Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities 11 Talking about Distance, -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. Area, and Length of Time focus, communicative practice Narongrit Sopa activities, fluency exercises- these pair, and Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities 4

12 Talking about an Itinerary -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. focus, communicative practice Narongrit Sopa activities, fluency exercises- these pair, and Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities Visiting Archeological and Cultural Attractions, Communities Attractions, Ecotourism Attractions, and Agrotourism Attractions in Maha Sarakham: 13 Visiting Pramahathat Na -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. Dun, Ku Ban Khwao, and focus, communicative practice Narongrit Sopa Ku Santarat activities, fluency exercises- these pair, and Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities and using English in the realistic situations 14 Visiting Isan Cultural -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. Museum, Walai Rukhavej focus, communicative practice Narongrit Sopa Botanical Research activities, fluency exercises- these pair, and Training Staff Institute, Isan House and group, whole class; or role-play Cart Traditional Museum, activities and listening activities and and Ming Mueang using English in the realistic situations. Standing Buddha Image

15 Visiting Nong Khuean -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. Chang Handicraft focus, communicative practice Narongrit Sopa Community, Ban Phaeng activities, fluency exercises- these pair, and Training Staff Slender Sedge Mat group, whole class; or role-play Handicraft Community activities and listening activities and 5

using English in the realistic situations 16 Visiting Wang Macha Fish -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. Sanctuary, Dun Lamphan focus, communicative practice Narongrit Sopa No-Hunting Area, activities, fluency exercises- these pair, and Training Staff Kosumphisai Forest Park group, whole class; or role-play activities and listening activities and using English in the realistic situations 17 Visiting Khok Ko Diary -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. Farm, and Don Mun Self- focus, communicative practice Narongrit Sopa Sufficiency Economy activities, fluency exercises- these pair, and Training Staff Village group, whole class; or role-play activities and listening activities and using English in the realistic situations 18 Closing Ceremony Posttest and Certificate Presentation RMU President and IRIE Training Staff

Teaching Methodology 1. Testing English language abilities in listening, speaking and reading skills for Archeological and Cultural Attractions, Town and Community Attractions, Ecotourism Attractions, and Agrotourism before training 2. Introducing new vocabulary and grammar relating to Archeological and Cultural Attractions, Town and Community Attractions, Ecotourism Attractions, and Agrotourism Attractions in Maha Sarakham 3. Practicing language skills for listening, speaking and reading relating to the new vocabulary and grammar 4. Using English language for both listening and speaking skills through communicative activities and the realistic situations. 5. Testing English language abilities in listening, speaking and reading skills for 6

Archeological and Cultural Attractions, Towns and Communities Attractions, Ecotourism Attractions, and Agrotourism before training

Teaching Materials 1. English for Tour Guides in Archeological and Cultural Attractions, Towns and Communities Attractions, Ecotourism Attractions, and Agrotourism Attractions 2. Lesson Plans 3. An English proficiency test 4. A speaking assessment form 5. A questionnaire 6. CD player Evaluation Listening Test 30% Speaking Test 40% English Language Proficiency Test 30% Total 100% Grading 80—100 Excellent 70-79 Good 60-69 Fair 50-59 Poor 0-49 Very Poor

7

Part I Social Interaction Unit 1: Meeting Tourists

A. Word Power – Meeting and Greeting

Match the letter of the following customs for meeting and greeting with the correct country. Country Greeting

1.

a) a handshake

2. China

b) a bow

3. Japan

c) a kiss on the cheek

4. Chile

d) a kow tow 8

5. The United States

e) a pat on the back

6. The Philippines

f) a wai

B. Saying Hello Formal Informal/Friendly Good morning. Hi. Good afternoon. Hello. Good evening.

C. Are the following formal or informal, polite or impolite? Put an ( X ) in the correct boxes below.  No. Greetings Formal Informal Polite Impolite 1 Good morning, sir.

2 Hello, Bill. How are you today?

3 Hey you! Do you want a taxi?

9

4 How do you do?

5 You! Please sit down.

6 Good evening, Miss Smith.

D. Listen to self-introduction and repeat. Good morning, ladies and gentlemen. I’m Wijitra from the Maha Sarakham Travel Company. You can call me Taen. I’ll be your tour guide for today’s tour.

E. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation

Good morning. ใช้ทักทายในตอนเช้า ladies and gentlemen ใช้เรียกนักทองเที่ยวทั่ ้งกลุ่ม I’m…….(name)….from...(company)… ใช้แนะนาตัวเอง You can call me…….(nickname/ ให้นักทองเที่ยวเรียกชื่อเล่ ่น หรือชื่อสั้นๆได้ short name).. I’ll be your tour guide for today. บอกหน้าที่และความรับผิดชอบของตน

F. Task: You are a tour guide, prepare a self-introduction to present to the tourists including: your name, your company, your nickname, and your job. Start like this: Good morning, I’m ……………………………………….

G. Read the following note and check the following statements, if it is true, write “T”, and if it is false, write “F”. To Wijitra 10

We have a 1-day, private Archeological Tour to Ku Ban Khao in Mueang District and Ku Santarat in Nadun District on Saturday -8.00-16.00. The tourists are Miss Catherine Hoffman and Miss Mary Smith. Please take care of them. I have reserved their room at the Takasila Hotel in Maha Sarakham. Collect the money for food, gasoline and entrance fees from my office. Lakhana, my secretary, will meet you at my shop at 7.30 am on Saturday, and you can pick them up at the Takasila Hotel at 8.00 am. ……1. It is a private Geological Tour to Ku Ban Khao in Mueang District and Ku Santarat in Nadun District. …....2. It is a 1-day tour. ……3. Miss Hoffman and Miss Smith are staying in the Takasila Hotel. ……4. Wijitra must pick the tourists up at the hotel at 8.30 am.

H. Complete the conversations. a. Welcome to Maha Sarakham, Takasila Nakhon, the education center in the northeastern region of Thailand b. Good morning c. I’m sorry d. Are you Miss Katherine Hoffman e. a tour guide

1. The tour guide sees two ladies in the Reception. She approaches the first woman.

Guide: ………………a……………… , Madam. Are you Miss Katherine Hoffman? Woman 1: No, I’m not. Guide: Oh, ……….b…………………….

2. The tour guide approaches the second woman.

Guide: Excuse me, Madam. ….c …..Are you Miss Katherine Hoffman? Woman 2: Yes, I am. Guide: Good morning. I’m Wijitra.……..d. …….from the Maha Sarakham Travel Company. Woman 2: Hello, Wijitra. Nice to meet you. Guide: Nice to meet you too. ………………..e……………….. Woman 2: Thank you. 11

I. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation

Excuse me. เรียกร้องความสนใจอยางสุภาพ่ I’m sorry. ใช้ขอโทษ Madam ใช้เรียกนักทองเที่ยวหญิง่ Nice to meet you. แสดงความยินดีที่ได้รู้จักหรือได้พบ Welcome to …(place)……. ใช้กล่าวต้อนรับ Thank you. ใช้กล่าวขอบคุณ

J. Listen and practice these additional expressions.

Expression Explanation

Sir ใช้เรียกนักทองเที่ยวชาย่ Miss, Ms, Madam ใช้เรียกนักทองเที่ยวหญิง่ Good afternoon ใช้ทักทายในตอนบาย่ Good evening ใช้ทักทายในตอนเย็นและตอนกลางคืน Goodbye ใช้กล่าวลา Good night ใช้กล่าวลาตอนกลางคืน

Language Focus

Mr. John F Kennedy

title first name middle initial family name

12

K. Role-play 1. A: You are a tour guide. B: You are a tourist. Use the conversation in H and the expressions in I and J to greet each other at your first meeting. 2. B: Role-play in pairs again, but this time change roles and also use different greetings and different names.

Tips: When meeting tourists for the first time, it is recommended that you ‚wai‛ them first to show the Thai way of greeting. Handshakes can also be used after that. You could give the tourists the explanation below: A ‚wai‚ is used when meeting, thanking and bidding farewell to people of the same or higher status. A ‚wai‚ is usually accompanied by bowing or stooping. The level of bowing or stooping depends on the status or seniority of both parties. Thai people do not ‚wai‚ younger people or those giving service, waiters etc.. Pictures from ‘Thai Social Etiquette’ ‚Wai‚ parents, teachers, senior relatives and the elderly.

‚Wai‚ monks.

‚Wai‚ people of the same status.

L. Listen to the following conversation and answer the questions. Room 419: Hello? Guide: Is that Mr. William Savage? Room 419: Speaking. Guide: This is your tour guide, Wijitra from the Maha Sarakham Travel Company. You booked a tour to Isarn Buddhism Park, Isarn House Museum, Botanical Garden and Ku Santarat for today. 13

Are you ready to leave, Sir? Room 419: Yes, sorry to keep you waiting. I overslept. I’ll be down in a minute. Guide: That’s fine. See you in a minute, Sir. Room 419: Thanks, ‘Bye.

1. Why does Wijitra, the tour guide, call Mr. Savage? …………………………………………………….. 2. What is the problem with Mr. Savage? ……………………………………………………… 3. Will Mr. Werner join the tour? ……………………………………………………… M. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation

This is your tour guide, (name), แนะนาตัวทางโทรศัพท์ from (company). Are you ready to leave, Sir? ถามความพร้อมของนักทองเที่ยว่ That’s fine. ตอบรับคาขอโทษ See you in a minute, Sir. ใช้กล่าวเพื่อยืนยันการนัดหมาย

N. Role-play A: You are a tour guide picking up tourists at a hotel for a city tour. One tourist is missing. Call the tourist in his/her room. B: You are a tourist who does not appear at the meeting point. You receive a telephone call from the tour guide in your hotel room. Give a reason for missing the appointment.

Tips: When talking to tourists in person, or on the phone, be sure to speak clearly. Do not speak too fast. Tourists might have difficulties in understanding you.

14

Script D. Listen to the self-introduction and repeat.

Good morning, ladies and gentlemen. I’m Wijitra from the Maha Sarakham Travel Company. You can call me Taen. I’ll be your tour guide for today’s tour.

F. Task Good morning, ladies and gentlemen. I’m Wijitra from the Maha Sarakham Travel Company. You can call me Taen. I’ll be your tour guide for today’s tour.

H. Read the note. Listen to the questions and answer. To Wijitra We have a 1-day, private Archeological Tour to Ku Ban Khao in Mueang District and Ku Santarat in Nadun District on Saturday -8.00-16.00. The tourists are Miss. Catherine Hoffman and Miss Mary Smith. Please take care of them. I have reserved their room at the Takasila Hotel in Maha Sarakham. Collect the money for food, gasoline and entrance fees from my office. Lakhana, my secretary, will meet you at my shop at 7.30 am on Saturday, and you can pick them up at the Takasila Hotel at 8.00 am. ……1. It is a private Geological Tour to Ku Ban Khao in Mueang District and Ku Santarat in Nadun District. …....2. It is a 1-day tour. ……3. Mr. Savage and Miss Smith are staying in the Takasila Hotel. ……4. Wijitra must pick the tourists up at the hotel at 8.30 am.

H. Complete the conversations. 1. The tour guide sees two ladies in the Reception. He approaches the first woman.

15

Guide: Excuse me, Madam. Are you Miss Laura Smith? Woman 1: No, I’m not. Guide: Oh, I’m sorry.

2. The tour guide approaches the second woman. Guide: Excuse me, Madam. Are you Miss Laura Smith? Woman 2: Yes, I am. Guide: Good morning. I’m Wijitra. I’m your guide from the Maha Sarakham Travel Company. Woman 2: Hello, Wijitra. Nice to meet you. Guide: Nice to meet you too. Welcome to Thailand. Woman 2: Thank you.

L. Listen to the following conversation and answer the questions. Room 419: Hello? Guide: Is that Mr Franz Werner? Room 419: Speaking. Guide: This is your tour guide, Wijitra, from the Maha Sarakham Travel Company. You booked a tour to Isarn Buddhism Park, Isarn House Museum, Botanical Garden and Ku Santarat for today. Are you ready to leave, Sir? Room 419: Yes, sorry to keep you waiting. I overslept. I’ll be down in a minute. Guide: That’s fine. See you in a minute, Sir. Room 419: Thanks, ‘Bye. 1. Why does Wijitra, the tour guide, call Mr. Savage? He did not show up at the meeting point. 2. What is the problem with Mr. Werner? He overslept. 3. Will Mr. Werner join the tour? Yes, he will. 4. Where are the tourists visiting today? 16

They are visiting Isarn Buddhism Park, Isarn House Museum, Botanical Garden and Ku Santarat

Unit 2: Introducing People

Introducing Yourself and Others

A. Match the number of the questions with the correct responses.

Question Response

1. How do you pronounce your last name? a) C-L-I-N-T-O-N 2. Excuse me, what’s your first name b) It’s Clinton, with the accent again? on ‚Clin‛. 3. How do you spell your last name? c) Well, everyone calls me Bill. 4. What do people call you? d) Oh, it’s William. 5. Could you introduce yourself? e) I’m William Clinton.

B. Listen to the following conversations and complete the blanks with the correct and appropriate words or phrases.

1. The tour guide meets Mr. William Savage in reception and introduces him to Ms Laura Smith, another tourist.

Tour Guide: Good morning, Sir. I’m Wijitra. I’m your guide for the tour to archeological attractions in Maha Sarakham Mr. Savage: Hello, Wijitra. Nice to meet you. Tour Guide: ………1………….... Miss Laura Smith who will also be joining us on the tour to the archeological attractions. 17

Mr. Savage: Hello, Ms Smith, ………………2…………………………………………. .

2. The tour guide introduces the driver.

Tour Guide: If you will both follow me, we’ll head for the mini-bus. Mr. Savage: Fine. Tour Guide: This is Mr. Songsak, our driver for the tour. Miss Smith: I’m sorry, . …………3……………… Driver: It’s Songsak, but ……………4……………… Pong. Mr. Savage: Pleased to meet you, Pong.

C. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation

This is (name of third person), who will be joining us on the tour. This is (name of third person), our ใช้แนะนาบุคคลที่ 3 driver for the tour. You can call me (nickname/short name). ให้นักทองเที่ยวเรียกชื่อเล่ ่น หรือ ชื่อสั้นๆได้

Expressions Tourists may use Explanation

I’m sorry. I didn’t catch your name. ขอให้พูดชื่ออีกครั้ง Nice to meet you. แสดงความยินดีที่ได้รู้จัก Pleased to meet you. แสดงความยินดีที่ได้รู้จัก

Tips: When addressing your tourists use their title (Mr. Mrs., Miss, Ms.) followed by their last name: 18

e.g. Mr. (William) Savage Miss (Laura) Smith If they give you permission, you may address your tourists by their first names later. e.g ‚Savage‛ ‚Laura‛ Do not address the tourists using terms for relatives, e.g. ‚Auntie‛, ‚Uncle‛, Grandpa‛, ‚Daddy‛ ‚Sister‛. D. Role-play In groups of 3 or 4, take turns with one person acting as a tour guide, introducing the other 2 or 3 tourists to each other.

Script B. Listen to the following conversations and fill in the blanks. 1. The tour guide meets Mr. William Savage in Reception and introduces him to Ms Laura Smith Marie , another tourist.

Tour Guide: Good morning, Sir. I’m Wijitra. I’m your guide for the tour to archeological attractions in Maha Sarakham. Mr. Savage: Hello, Wijitra. Nice to meet you. Tour Guide: Hello, Mr. Savage. Nice to meet you too. This is Ms Laura Smith who will also be joining us on the tour to the archeological attractions Mr. Savage: Hello Ms Smith, Nice to meet you, too.

2. The tour guide introduces the driver.

Tour Guide: If you will both follow me, we’ll head for the mini-bus. Mr. Savage: Fine. Tour Guide: This is Mr. Songsak, our driver for the tour. Miss Smith: I’m sorry, I didn’t catch your name. Driver: It’s Songsak, but you can call me Pong. Mr. Savage: Pleased to meet you, Pong.

19

Unit 3: Making Small Talk

1. Talking about Country and Nationality

A. Word Power – Nationalities Match the picture with the correct country by drawing the line.

20

B. Match the letter of the nationality with the correct country.

Country Nationality 1. The United States Of America a) English 2. Korea b) Hungarian 3. Canada c) Indian 4. Hungary d) Japanese 5. Brazil e) Chinese 6. China f) Korean 7. Japan g) Italian 8. England h) Canadian 9. Italy i) Brazilian 10. India j) American

C. Complete the conversations with the correct countries or nationalities. Then practice them.

1. A: Are you ? B: Yes, I'm from Seoul, Korea. 2. A: Are you Canadian? B: No, I’m not from . I’m from America. 3. A: Is your friend Chinese? B: Yes, he’s from . 4. A: Is your newspaper in Japanese? 21

B: No, it’s not from , it’s from China. 5. A: Are you from ? B: Yes, I’m Brazilian.

D. Fill in the missing words in the blanks below. Country Nationality 1) Ross’s from the USA. He’s A………………………… 2) Maria’s from F……………..……… She’s French. 3) Kay’s from Sweden. He’s S………………………... 4) I’m from T………………………. I’m Thai. 5) Katachi and Saki are from Japan. They’re J…………..……. 6) Maryna’s from I…………………… She’s Israeli. 7) We’re from Italy. We’re……………………….… 8) Kate’s from the U.K. She’s B………………………… 9) Lopez’ s from S………… He is Spanish. 10) Karsten is from Germany. He is ……………….

E. Listen to the conversation and fill in the information. Tour Guide: So, Ms Laura Smith, are you from ………1….……..? Miss Smith: No, I’m from ………..2…………... I’m Australian. Tour Guide: Oh really! Where do you live in Australia? Miss Smith: In ….3………….. Tour Guide: How about you, Mr. Savage? Mr. Savage: I’m …….4…………. I’m from a town called Terre Haute in Indiana State, the United States of America.

F. Listen to the following expressions and repeat. Expression Explanation Are you from …(country)…?/ ใช้ถามนักทองเที่ยวว่ ามาจากประเทศไหน่ What country are you from? ใช้ถามนักทองเที่ยวว่ ามาจากประเทศไหน่ Where do you live in __(country เจาะจงถามชื่อเมืองที่นักทองเที่ยวอยู่ ่ 22

How about you? คาถามเดิมก บนักทั องเที่ยวอีกคนหนึ่ง่

Tips: You can ask tourists questions about nationality or hometown, but do not ask personal questions, such as questions about religion, age, and marital status (unless the tourist asks you first). 2. Talking about Occupations. A. Word Power – Jobs

Identify the occupation of the people in the pictures, using these words below.

a teacher an operator a musician a singer a receptionist a doctor a cook (chef) a pilot a waiter an engineer a nurse a flight a police a waitress a secretary a soldier attendant officer an architect a security a lawyer a salesclerk guard

1. 2. 3. 4.

5. 6. 7. 8.

9. 10. 11. 12. 23

13. 14. 15. 16.

17. 18. 19. 20.

B. Grammar-Focus What do you do? I’m a nurse. What does Mr. Savage do? He is an engineer. What do your parents do? They are primary school teachers.

24

C. Who works in the places below? Choose occupations from Word Power activity.

in a hospital in an office in a store in a hotel in a school

in a court on a plane in a restaurant in a music studio

D. Listen to the following conversations, and fill in the missing words. Guide: Miss Smith, ______a______a teacher? Miss Smith: I am! How did you know that? Guide: ______b______from the way you ask questions. Miss Smith: I didn’t realize it was that obvious. Yes, I teach geography. 25

Guide: I think you must be a very good teacher. Miss Smith: Thank you. Guide: ______c______, Mr. Savage. What do you ______d______? Mr. Savage: I’m a retired army officer, and I’m now exploring the world. Guide: How wonderful! E. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation

Are you a/an …...(occupation)? ถามอาชีพ Is he/she a/an ....(occupation)? ถามอาชีพ Are they ……(occupation)s? ถามอาชีพ What do you do for a living? ถามอาชีพ

Tips: Never ask about the income of a tourist.

3. Talking about City and Climate

A. Word Power – Tourist Attractions

Match the number of the tourist attraction with the country where it is located.

Tourist Attraction Country

a) Japan

1. Big Ben

b) The United States

26

2. Sphinx

Tourist Attraction Country

c) Australia

3. Mona Lisa

d) Cambodia

4. Emerald Buddha Temple

e) England

5. Chin Chi Hong Tae Museum

f) Egypt 27

6. Neuschwanstein Castle

g) France

7. Opera House

j) Thailand

8. Golden Gate

k) China

9. Fuji Yama Mountain

l) Germany 28

10. Angkor Wat

B. Grammar-Focus Ask and answer the questions about the tourist attractions above.

What is that? It’s Big Ben

Where is it? It’s in London, the United Kingdom.

C. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation

What is (place) like? ถามเพื่อให้บรรยายสถานที่ It’s a great city. บรรยายสถานที่ It’s a nice, peaceful town. บรรยายสถานที่ What is the climate like? ถามลักษณะภูมิอากาศ We have three seasons: summer, ให้ข้อมูลเกี่ยวกบภูมิอากาศั rainy season and cold season. Our summer is very hot.

D. Match the questions with the letter of the correct answers.

Questions Answers

29

1. What’s the weather like in Maha Sarakham? a) It’s beautiful and it’s very clean. It has a great harbor and beautiful beaches. 2. What is the nightlife like in Maha b) It is a Bayon style building, an Sarakham? archeological attraction in Nadun District. c) It’s a colorful and exciting city at night. 3. What’s Sydney like? d) It’s too hot in summer, cold in winter, and very wet in rainy season. 4. What is Ku Santarat like? E. Listen to check your answers and repeat. You are a tour guide. Choose the most appropriate responses from the list below to answer the questions. Some questions can have more than one response.

Responses: 1) No, there isn’t. Thailand is a tropical country. 2) There are various places to visit, such as cultural tourism attractions, archeological attractions and local handicraft villages. 3) It’s very peaceful and welcoming. 4) It’s a plain-area town on the Korat Plateau. 5) No. It’s about 6 hour’s drive from Maha Saram to the most beautiful beaches in Pataya, Thailand. Questions: a-e a) What’s Maha Sarakham like? b) Is Maha Sarakham near the sea? c) Does it have any mountains? d) Is there any snow in Thailand? e) Are there many tourist attractions in Maha Sarakham?

F. Prepare a talk about a town or city to present to a tourist. INCLUDE: name, location (north, south, east, west), scenery, local tourist attractions, and climate

Start like this:- 30

Let me tell you about ……...

Script 1.Talking about Country and Nationality

D. Fill in the missing words in the blanks below. 1) He’s American. 2) Maria’s from France. 3) He’s Swedish. 4) I’m from Thailand. 5) They’re Japanese. 6) Maryna’s from Israel. 7) We’re Italian. 8) Kate’s British. 9) Lopez’s from Spain. 10) He’s from Germany.

D. Listen to the conversation and fill in the information.

Tour Guide: So, Ms Laura Smith, are you from Switzerland? Miss Smith: No, I’m from Australia. I’m Australian. Tour Guide: Oh really! Where do you live in Australia? Miss Smith: In Sydney. Tour Guide: How about you, Mr. Savage? Mr. Savage: I’m American. I’m from a town called Terre Haute in Indiana State, the United State of America. 31

2. Talking about Occupations

A. Listen to the answers and repeat. 1. He’s a lawyer. 11. He’s a pilot. 2. She’s a waitress. 12. He’s a musician. 3. He’s a soldier. 13. She’s a singer. 4. He’s a policeman. 14. He’s a chef. 5. She’s an operator. 15. She’s a nurse. 6. She’s an architect. 16. She’s a doctor. 7. She is a flight attendant. 17. He’s a security guard. 8. He’s a salesclerk. 18. She’s a teacher. 9. He’s a waiter. 19. They’re engineers. 10. She’s a receptionist. 20. She’s a secretary.

B. Listen to the following conversations, and fill in the missing words. Guide: Miss Smith, are you a teacher? Miss Smith: I am! How did you know that? Guide: I just guessed from the way you ask questions. Miss Smith: I didn’t realize it was that obvious. Yes, I teach geography. Guide: I think you must be a very good teacher. Miss Smith: Thank you. ……………………………… Guide: How about you, Mr. Savage? What do you do for a living? Mr. Savage: I’m a retired army officer, and I’m now exploring the world. Guide: How wonderful!

3. Talking about City and Climate

A. Match the pictures with the correct statements. 32

a. It’s sunny. b. It’s raining. c. It is cloudy. d. It’s windy e. It’s snowing. 1 2 3

4 5 B. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation It’s bright and sunny. It’s cloudy. It’s chilly. It’s windy. It’s raining. บรรยายลักษณะอากาศแบบตางๆ่ It’s raining ‘cats and dogs’. (= It’s raining heavily and continuously.) It’s snowing. It’s blowing a gale. (= A strong wind is blowing.) It’s a bit overcast.

C. Additional Vocabulary/ Expression

Vocabulary/Expression Meaning fog หมอก thunderstorm พายุฟ้าคะนอง frost น้าค้างแข็ง hail ลูกเห็บ humid ชื้น It’s misty. ทัศนวิสัยไมดี่ 33

It’s hazy. ทัศนวิสัยไมดี่

D. Listen to the following weather forecast. Listen to the following weather forecast. Tick (/) the correct information, and cross (X) the wrong information. Good morning and here is your weather forecast for the weekend. There are some heavy rain clouds heading our way, so on Friday we’ll see lots of thunderstorms and the temperature can go down to 27o Celsius. But on Saturday we will have a lot of sunshine and the temperature can go up to 35o C. It will continue to be sunny on Sunday morning, but we expect the afternoon to be cloudy and windy. ------1) There might be thunderstorms on Friday. ------2) The lowest temperature is below 30 C. ------3) Saturday will be hot and sunny. ------4) It will be sunny on Sunday afternoon. ------5) It will be windy on Sunday.

E. Task You are a tour guide. Tell the tourists about the weather. Use the expressions studied. INCLUDE: this morning, this afternoon, this evening and/or tomorrow Start like this:- Good morning, let me tell you about the weather.

F. Listen to the conversation and answer the following questions. Guide: What is Sydney like, Miss Smith? Miss Smith: Oh, it’s a great city, with lots to do and see. Have you heard of the Opera House? Guide: Of course, it is famous. Miss Smith: Well, that is just one of the many wonderful buildings you can see in Sydney. We also have superb restaurants and a great nightlife. Guide: What’s the climate like? Miss Smith: We have four seasons: spring, summer, autumn and winter. Spring is mild, summer is warm and it’s quite cold in autumn and winter. Do you have four 34

seasons in Thailand? Guide: No. That’s quite different from Thailand. We only have three seasons: summer, which is very hot, the rainy season, which is very wet, and the cold season, which is not really very cold. What is the Unites State of America like, Mr. Savage? Mr. Savage: Well, I live in Terre Haute which is a small town in Indiana State. The scenery is really beautiful there. We have the same seasons as the rest of Europe, but it is very cold in the winter and there is a lot of snow on the mountains. It’s a nice, peaceful town.

1. What is Sydney famous for? ………………………………………………………………….. 2. How many seasons are there in Australia? ………………………………………………………………… 3. What state is Mr. Savage from? ……………………………………………………………….. 4. What is Terre Haute like? ……………………………………………………………….. 5. How many seasons are there in Terre Haute? ……………………………………………………………….

G. Speaking Test Talk about a town or city to a tourist including name, location, scenery, local tourist attractions and weather.

35

Lesson 4: Giving Opinions

Word power: Geography and Problem A. Match the pictures with the correct words or phrases. Geography

1. National Park

a.

2. Mountain

b.

3. Forest

c.

4. Beach

d.

5. Waterfall 36

e.

6. River

f.

Problem

1. Economic

a.

2. Crime

b.

3. Sound

c.

4. Water

d.

5. Air 37

e.

6. Traffic

f.

B. Listen to the conversation, write the correct suggestion for their governments 1) Needs Improvement 2) Good Suggestions

Miss Smith………………………………….. Guide………………………………………

Miss Smith: Our countries have something in common. We are both democratic and we elect our own governments. What do you think of your government? Guide: Hmm, that’s a very good question, but I am not sure how to answer it. Some of their policies are good because they are efficient, but I’m still not sure about the effectiveness of some policies. What about you? Do you think the government in Australia is good for your country? Miss Smith: Well, I think that my government should have some new policies to support industry and create more jobs for the people. Guide: Yes, I agree that it is important for people to have jobs. I also think my government should do more to support the tourist industry in Thailand.

C. Listen to these expressions and repeat. Expression Explanation What do you think of/about …………? ใช้ถามความคิดเห็น That’s a very good question, but I am not sure how to answer it. ใช้พูดเพื่อถ่วงเวลาขณะที่คิดคาตอบ Do you think ………… ใช้ถามความคิดเห็น Well, I think ………… ใช้กล่าวนาความคิดเห็น 38

Yes, I agree ………… ใช้แสดงความคิดเห็นด้วย I also think ……(should)…… ใช้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

D. Mark the following opinions with P for positive and N for negative. ………… it’s not a problem. ………… it’s a big problem. ………… it’s getting worse. ………… it’s improving.

E. Task: Interview some classmates to find out their opinions on subjects that tourists might ask them about. Start like this:- Opinions

What do you think of/about …….? Well, I think ……/ I’m not sure..

……… the increase of beer bars and prostitution in Thailand ……… the traffic problems in big cities in Thailand ……… the current economy in Thailand ……… the security policy for tourists in Thailand ……….the tourist attractions in your city. ………. the most interesting place in your city? ………..the best time of year to visit? ………..the most beautiful place in your city?

Script Listen to the following conversation. Write the correct suggestion for their governments.

Miss Smith: Our countries have something in common. We are both democratic and we elect our own governments. What do you think of your government? 39

Guide: Hmm, that’s a very good question, but I am not sure how to answer it. Some of their policies are good because they are efficient, but I’m still not sure about the effectiveness of some policies. What about you? Do you think the government in Australia is good for your country? Miss Smith: Well, I think that my government should have some new policies to support industry and create more jobs for the people. Guide: Yes, I agree that it is important for people to have jobs. I also think my government should do more to support the tourist industry in Thailand. Lesson 5: Accepting Praise & Criticism

A. Match the words in column A with the appropriate meanings in column B.

A B

1. discourage a) to ask someone to come somewhere 2. congratulate b) to say nice things about someone 3. invite c) feel grateful for 4. encourage ……….. d) to show gladness for someone’s success 5. complain e) to prevent someone from doing something 6. terrible f) very bad 7. terrific g) to say something unsatisfactory 8. compliment h) to give hope for someone about something 9. appreciate ……… i) say sorry 10. apologize j) very good

B. Complete the following sentences with the correct words - invited, appreciated, apologized, congratulated, encouraged and complained.

1. Sak has got a serious problem with his English studies and he to his teacher. 40

2. Jim Jack for his kindness because Jack lent him some money. 3. My parents gave me a birthday party and they all my classmates. 4. I bumped the old man accidentally yesterday and then I ……….. to him. 5. Nanthana finished a Bachelor's Degree in Arts and we to her on her success. 6. I usually Samai because he is unemployed and takes care of four kids.

C. Listen to the conversation and answer the questions. Mr Savage: So, Wijitra, are you from Maha Sarakham? Guide: No, I was born in Kalasin, but I work here. Miss Smith: How long have you worked for the Maha Sarakham Travel Agency? Guide: For almost 4 years. Mr Savage: Your English is very good. Guide: Thank you. I have studied hard, but I still make mistakes sometimes. Miss Smith: No, really – you have excellent pronunciation. Guide: It’s very kind of you to say so. 1. How long has Wijitra worked for the Maha Sarakham Travel Agency? ………………………………………………. 2. What do the tourists say about Wijitra’s English? ……………………………………………….. 3. Do the tourists criticize or praise Wijitra? ………………………………………………

D. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation

Thank you. ตอบรับคาชม It is very kind of you to say so. ตอบรับคาชม Thank you very much. ตอบรับคาชม 41

Oh, that’s very kind of you. ตอบรับคาชม Thank you very much for . ตอบรับคาชม Many thanks. ตอบรับคาชม That was really kind of you. ตอบรับคาชม I’m glad you think so. ตอบรับคาชม

E. The following are criticisms and praises. Mark “P” for Praise and “C” for Criticism. 1. You are very helpful. 2. I can’t understand what you are saying. 3. Why do you keep taking us around old temples? 4. This journey is taking ages. 5. I really enjoyed seeing the modern museum. 6. It’s too hot in the bus. 7. I’d like to give you a tip.

Now choose one of the responses below and match to the sentences above. Write your answer in the space provided. a. Thank you very much. b. I’m sorry. I’ll turn the air-conditioning up. c. You’re welcome. d. I’m sorry. It won’t be long now. e. I’m so glad to hear that. f. I’m sorry. I will try to speak more clearly. g. I’m sorry if you are not enjoying it, but much of Thai culture is based on Buddhism, and these historical temples are part of the tour.

F. Practice the criticisms or praises to the correct responses.

Tips: 42

When a tourist gives you a compliment, you must show your gratitude by thanking, not just smiling. You must not criticize your tourists

F. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation Thank you very much. ใช้ตอบรับคาชม You’re welcome. ใช้ตอบรับคาชม I’m so glad to hear that. ใช้ตอบรับคาชม I’m sorry. Action to be taken. ใช้ตอบรับคาวิจารณ์ พร้อมบอกสิ่งที่ จะทาเพื่อแก ไข้ e.g. I’m sorry. I’ll turn the music down. I’m sorry if + problem and explanation. ใช้ตอบรับคาวิจารณ์ หรือขอโทษ สาหรับสิ ่งที่ทาให้ไม พอใจ่ พร้อมให้ คาอธิบายเพิ ่มเติม e.g. I’m sorry if I’m boring you, but I think it will help you enjoy the show more.

G. Role-play Take turns acting as a tour guide and a tourist giving praise and criticism, and responding appropriately.

Script Listen to the conversation and answer the questions.

Mr. Savage: So, Wijitra, are you from Maha Sarakham? Guide: No, I was born in Kalasin, but I work here. Miss Smith: How long have you worked for the Maha Sarakham Travel Agency? Guide: For almost 4 years. Mr. Savage: Your English is very good. Guide: Thank you. I have studied hard, but I still make mistakes sometimes. Miss Smith: No, really – you have excellent pronunciation. Guide: It’s very kind of you to say so. 43

1. How long has Wijitra worked for the Maha Sarakham Travel Agency? Four years 2. What do Miss Smith say about Wijitra’s English? Excellent pronunciation 3. Does Mr. Savage criticize or praise Wijitra? Praise

Now listen to the correct responses and repeat. 1) You are very helpful c) You’re welcome. 2) I can’t understand what you are saying. f) I’m sorry. I will try to speak more clearly. 3) Why do you keep taking us around old temples? g) I’m sorry if you are not enjoying it, but much of Thai culture is based on Buddhism, and these historical temples are part of the tour. 4) This journey is taking ages. d) I’m sorry. It won’t be long now. 5) I really enjoyed seeing the lovely gardens. e) I’m so glad to hear that. 6) It’s too hot in this bus. b) I’m sorry. I’ll turn the air-conditioning up. 7) I’d like to give you a tip. a) Thank you very much.

44

Lesson 6: Dealing with Complaints

Word Power - Types of Rooms in a hotel Match the pictures with the correct rooms in a hotel.

1. Bathroom a.

2. Meeting Room b.

3. Restaurant c.

4. Music Room d .

5. Hotel Lobby e.

f. 45

6. Bedroom 46

Word Power - Pictures of Furniture

a) a bed b) a table c) a mirror d) a lamp

e) a chair f) a piano g) a sofa h) a television

i) a table cloth j) a refrigerator k) towel l) a stereo

B. Choose some pieces of the furniture above to make a list for each room.

Hotel Lobby Restaurant Music Room Bedroom

47

C. Listen to the following conversation, and complete the conversation with the correct and appropriate words or phrases.

Guide: Good morning, Mr. Savage, Miss Smith. We will check out of the hotel this morning, and then start our day by visiting some local handicraft communities. Did you have a pleasant evening? Miss Smith: Well actually no. I have to ______1______about the hotel. Guide: Why? ______2______with the hotel? Miss Smith: Well, my first complaint is that I asked for a non-smoking room, but when they showed me to my room it smelt strongly of smoke. Guide: Oh dear, ______3______. Did you complain to the hotel staff? Miss Smith: Yes, I did, and they apologized and moved me to another room. Guide: So ______4______? Miss Smith: No, it wasn’t. I have another complaint. The room they moved me to was quite dirty and had no towels in the bathroom. So I had to complain again. Guide: So ______5______? Miss Smith: They sent someone to clean the room and bring fresh towels. Guide: Well, ______6______. I will speak to them myself and ______7______Ms Smith: Good, because they need to improve their service.

D. Listen to these expressions and repeat. Expression Explanation What is wrong (with ___.)? ใช้ถามเพื่อขอทราบข้อมูลที่ทาให้ไม ่ พอใจ I’m sorry to hear that. ใช้แสดงความรู้สึกเสียใจที่มีปัญหา เกิดขึ้น So that was okay then? ใช้ถามเพื่อตรวจสอบวาปัญหาที่่ เกิดขึ้นได้รับการแกไขหรือยัง้ What happened? ถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้น

48

I’m really sorry you have had ใช้กล่าวขอโทษกบนักทั องเที่ยวต้อง่ this experience. เผชิญกบปัญหาั I will make sure it doesn’t ยืนยันหรือรับประกนวั าจะไม่ ให้เก่ ิด happen again. ปัญหาเช่นนี้อีก

E. Role-play Work with a partner. You are a tour guide and your partner is a tourist. Take turns dealing with the complaints in the following situations. Use the expressions studied appropriately.

1. The driver of the bus plays the music too loud and he also drives in a dangerous way. 2. The tourist has had fried chicken and rice three times in different restaurants chosen by the tour guide and wants something different to eat. He/she also doesn’t want to pay for a bottle of water and thinks a glass of water should be free with the meal.

Tips: Do not smile when a tourist makes a complaint. He will think you are not taking him seriously enough, and will get more upset

Script A. Listen to the following conversation, and fill in the missing words. Guide: Good morning, Mr. Savage, Miss Smith. We will check out of the hotel this morning, and then start our day by visiting some local handicraft communities. Did you have a pleasant evening? Miss Smith: Well actually no. I have to make a complaint about the hotel. Guide: Why? What’s wrong with the hotel? Miss Smith: Well, my first complaint is that I asked for a non-smoking room, but when they showed me to my room it smelt strongly of smoke. Guide: Oh dear, I’m sorry to hear that. Did you complain to the hotel staff? Miss Smith: Yes, I did, and they apologized and moved me to another room. Guide: So that was okay then? Miss Smith: No, it wasn’t. I have another complaint. The room they moved me to was quite dirty and it had no towels in the bathroom. So I had to complain again. 49

Guide: So what happened? Miss Smith: They sent someone to clean the room and bring fresh towels. Guide: Well, I’m really sorry you have had this bad experience. I will speak to them myself and I will make sure it doesn’t happen again. Miss Smith: Good, because they need to improve their service

50

Lesson 7: Coping with Emergencies

A. Match the pictures below with the correct sentences describing the symptoms. 1. He has an itchy neck. 2. She has a stomachache. a. f. 3. He is vomiting. 4. He has a mosquito bite. 5. She has a sore throat. b. 6. She is feeling dizzy. g. 7. He has a broken bone in his leg. 8. She has a headache. 9. He has diarrhea. c. 10. He is unconscious. h.

d. i.

e. j.

51

B. Listen to the conversation and complete the blank with the correct word. unconscious sick tissues dizzy worse

Man: Come quickly! My wife needs help Guide: What happened? Is she…………….? Man: We were just sitting talking when she went pale and collapsed. Guide: Is she still …………….? Man: No, she is moaning and says she feels sick and wants to vomit Guide: I will get you some water and ………..… and a plastic bag to vomit in. Here you are. Woman: Thank you. Guide: How do you feel now? Woman: I feel a little ………… and still nauseous. Guide: Do you want us to take you to the hospital? Woman: No, it’s OK, I think I will be alright. It was probably just a touch of heat stroke; it has been very hot in the sun today. Guide: Well, if you feel any …………., you must let me know. Woman: Yes, I will. Thank you.

Tips: Show great concern and eagerness to help when a tourist is sick. Remember to ask what the tourist needs first. After the tourist has recovered, show your concern by asking how he/she is feeling.

C. Study the following vocabulary and the meaning. Then practice pronouncing them. Vocabulary Meaning sick ไมสบาย่ pale หน้าซีด to collapse ล้ม หรือทรุดลง unconscious หมดสติ moaning ร้องครวญคราง to vomit อาเจียน 52

dizzy วิงเวียน nauseous คลื่นไส้ a touch of heat stroke หน้ามืดเพราะอากาศร้อน a headache ปวดหัว a backache ปวดหลัง sore muscles ปวดกล้ามเนื้อ a stomachache ปวดท้อง a cold เป็นหวัด a cough ไอ the flu เป็นไข้หวัดใหญ ่ insomnia อาการนอนไมหลับ่ a toothache ปวดฟัน a fever เป็นไข้

D. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation What happened? ใช้ถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้น Is he/she + adjective? ใช้ถามอาการ I will get you ……… ใช้บอกสิ่งที่จะกระทาเพื่อช ่วยเหลือ How do you feel now? ใช้ถามแสดงความห่วงใย Do you want me to ………? ใช้เสนอความช่วยเหลือเพิ่มเติม If you feel any worse, you ใช้แสดงความห่วงใย และ เสนอความ must let me know. ช่วยเหลือเพิ่มเติม

Additional Expression

Expression Explanation Can/ May I help you? ใช้เสนอความช่วยเหลือ What can I do for you? ใช้เสนอความช่วยเหลือ Is there anything (else) I can do for you? ใช้เสนอความช่วยเหลือ Can I get you…? ใช้เสนอความช่วยเหลือ

53

E. Match the problems with the correct solutions. Problem 1. I asked for vegetarian food and they have given me meat. 2. Ouch! That dog just bit me. Is it dangerous? 3. A man on a motorcycle just stole my handbag and my money and passport are in it. 4. Come quickly. There is a snake in my room. 5. Oh no! I’ve lost my camera. Have you seen it anywhere?

Solution a. First, make a report to the police, and then you must contact your embassy or consulate as soon as possible. b. Why don’t you check in the bus first and, if you can’t find it, you should report its loss to the police for your insurance records. c. It could be. You must go to the hospital to have a rabies shot as soon as possible. d. I am very sorry. I will get it changed immediately. e. Don’t panic; we will try to chase it away.

F. Role-play Work with a partner. You are a tour guide. Give some advice on the following situations. A: Your partner is a tourist. His/her luggage was on the roof of the truck and has fallen off during the journey and has been lost. B: Your partner is a tourist and has twisted his/her ankle on a trek and can’t walk very well.

G. Listen to the following conversation. Check your understanding by choosing the correct explanation. Guide: Excuse me, Ladies and Gentlemen. I have an important announcement to make. I’m afraid there needs to be a change of plan. Woman: Why? What happened? Guide: Well, as you know, we were planning to visit a famous temple this morning, but we have just been told that there has been a mob of demonstrators around the area, and for safety reasons we were advised not to take tourists there. 54

Woman: Oh no! I was really looking forward to seeing that temple and taking some photos. My friend told me it is really something. Guide: Well, I’m really sorry about this, but the situation is beyond our control. So we are going to take you to another beautiful temple instead, which has some very interesting murals and a lovely view of the city. I think you will be able to get some good photographs there as well. Woman: I suppose so.

Check (/) for your understanding by choosing the correct explanation. 1. ( ) The tourists cannot visit the famous temple today. 2. ( ) The famous temple is closed because it is a public holiday. 3. ( )The tourists are going to see a mob. 4. ( ) The guide is taking the tourists to an alternative temple.

H. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation I have an important announcement ใช้พูดก่อนแจ้งข้อมูลสาคัญ to make. I’m afraid there needs to be a ใช้แจ้งการเปลี่ยนแปลงแผนหรือ change of plan. กาหนดการเดิม We were planning to …., but ….. ใช้อ้างกาหนดการเดิม และสาเหตุที่ ต้องเปลี่ยน I am really sorry about this. ใช้ขอโทษสาหรับการเปลี่ยนแปลง The situation is beyond our ใช้อธิบายวาเป็นสาเหตุสุดวิสัย่ control.

I. Role-play Work with a partner. You are a tour guide, prepare an announcement to present to the tourists. A: plans an announcement for situation 1. B: plans an announcement for situation 2. 55

Situation 1: A car has crashed into the tour bus – the bus is damaged and cannot be driven anymore. Tell your passengers that you have telephoned for a replacement to come but it will take 2 hours to get there. Offer some drinks while they wait for the new bus. ………………………………………………………………………………………. Situation 2: You have just arrived at the Night Safari. The police have told you that there was a fire and the staff are busy cleaning the place. Therefore, the Night Safari is closed today. Tell your tourists the bad news and suggest an alternative. ……………………………………………………………………………………….

Script

B. Listen to the conversation and complete the blank with the correct word. Man: Come quickly! My wife needs help! Guide: What happened? Is she sick? Man: We were just sitting talking when she went pale and collapsed. Guide: Is she still unconscious? Man: No, she is moaning and says she feels sick and wants to vomit. Guide: I will get you some water and tissues and a plastic bag to vomit in. Here you are. Woman: Thank you. Guide: How do you feel now? Woman: I feel a little dizzy and still nauseous. Guide: Do you want us to take you to the hospital? Woman: No, it’s OK, I think I will be alright. It was probably just a touch of heat stroke; it has been very hot in the sun today. Guide: Well, if you feel any worse, you must let me know. Woman: Yes, I will. Thank you.

56

G. Listen to the following conversation. Check your understanding by choosing the correct explanation. Guide: Excuse me, Ladies and Gentlemen. I have an important announcement to make. I’m afraid there needs to be a change of plan. Woman: Why? What happened? Guide: Well, as you know, we were planning to visit a famous temple this morning, but we have just been told that there has been a mob of demonstrators around the area, and for safety reasons we were advised not to take tourists there. Woman: Oh no! I was really looking forward to seeing that temple and taking some photos. My friend told me it is really something. Guide: Well, I’m really sorry about this, but the situation is beyond our control. So we are going to take you to another beautiful temple instead, which has some very interesting murals and a lovely view of the city. I think you will be able to get some good photographs there as well. Woman: I suppose so.

57

Lesson 8: Bidding Farewell

A. Match the tour guide’s response to the tourist’s speech. There is more than one suitable response for each speech.

Tourist’s speech Tour guide’s response 1. Thank you so much for a. Thanks. I’m glad you like it. helping me. 2. That’s a nice shirt you are b. Goodbye. Have a safe trip. wearing. 3. You’ve really taken care c. It was my pleasure. Goodbye. of us. 4. I think we have to say d. It was no problem at all. That’s my job. goodbye. It’s time to board the plane. 5. Well, thanks again. I hope e. No problem. You’re welcome. to see you again in the near future.

B. Listen to the conversation between a tour guide and the tourists at the end of the tour. Then complete the conversation. Tour guide: Well, it has been a great pleasure to serve you these past few days. . ……1… Tourist 1: Oh, you have done a wonderful job. We really enjoyed the trip and have learned many new things. Tour guide: ...... 2...... But if you have suffered any inconvenience or disappointment, I do apologize...... 3 ...... Tourist 2: Don ‘t blame yourself. I think you are an excellent guide. You’ve really taken good care of us. We’ll definitely recommend you to our friends. Tour guide: Thank you very much. Here’s my card, in case ...... 4...... Tourist 2: Thanks. Tour guide: ...... 5...... Hope to see you again in the future. Tourist 1: Thanks. Bye. 58

Tips: If you are taking your tourists to the airport or railway station, stay with them until they have finished checking in or buying their ticket, in case there are any problems you can assist with.

C. Listen and repeat.

Expression Explanation It has been a great pleasure to + verb ใช้แสดงความเต็มใจที่ได้ทาบางสิ ่งบางอยาง่ I hope you had a very good time here. ใช้เพื่อแสดงความใส่ใจตอสิ่ ่งที่นักทองเที่ยว่ ควรได้รับ It’s very kind of you to say so. ใช้แสดงความขอบคุณและตอบรับคาชม If you have suffered any inconvenience ใช้กล่าวขอโทษสาหรับข้อบกพร ่องที่เกิดขึ้น or disappointment, I do apologize. I am willing to accept the blame. ใช้แสดงความรับผิดชอบตอความผิด่ Here’s my card in case there is anything ใช้แสดงความเต็มใจที่จะให้บริการอีกใน I can do for you. อนาคต Have a safe trip home. ใช้กล่าวลาเมื่อสิ้นสุดการเดินทาง และแสดง ความปรารถนาให้เดินทางกลับโดยปลอดภัย Hope to see you again in the future. ใช้แสดงความหวังที่จะได้พบ และให้บริการอีก ในอนาคต Note: -ในการกล่าวลาหลังเสร็จการทองเที่ยวในแต่ ละวัน่ ใช้ Goodbye หรือ Bye (เมื่อไมเป็น่ ทางการ) นอกจากนั้นอาจใช้ See you. / See you, soon. / See you tomorrow. -ถ้ากล่าวลาตอนกลางคืนใช้ Good night. -หากกล่าวลาเมื่อสิ้นสุดการทองเที่ยว่ จะกล่าว Goodbye และตามด้วย Hope to see you again in the future. หรือ Have a safe trip back home. -ในการตอบรับคาชม นอกจากจะตอบด้วย It’s (very) kind of you to say so. แล้ว อาจจะ ตอบวา่ Do you really think so? Thank you so much. -หากได้รับคาชมจากนักท องเที่ยวว่ าบริการดี่ ตอบวา่ Thank you. I’m glad you liked/enjoyed it.

59

D. Role-play Work in pairs. A is a tour guide. B is a tourist.

Script B. Listen to the conversation between a tour guide and the tourists at the end of the tour. Then complete the conversation. Tour guide: Well, it has been a great pleasure to serve you these past few days. I hope you had a very good time here. Tourist 1: Oh, you have done a wonderful job. We really enjoyed the trip and have learned many new things. Tour guide: It’s very kind of you to say so. But if you have suffered any inconvenience or disappointment, I do apologize. I am willing to accept the blame. Tourist 2: Don ‘t blame yourself. I think you are an excellent guide. You’ve really taken good care of us. We’ll definitely recommend you to our friends. Tour guide: Thank you very much. Here’s my card, in case, there is anything I can do for you. Tourist 2: Thanks. Tour guide: Have a safe trip home. . Hope to see you again in the future. Tourist 1: Thanks. Bye.

60

Part 2 Giving Information Lesson 9: Talking about Days and Dates

Calendar

61

1. Talking about Days

A. Listen to the conversation and fill in the missing words. Guide: Hello? Tourist: Hello, are you the Tour Guide from Maha Sarakham Travel Agency? Guide: Yes, that’s right. Tourist: You gave us your card on the Ku Santarat Archeological tour on …a……………… Guide: Oh yes? Tourist: We’d like to arrange a private tour with you. Is that possible? Guide: Where would you like to go? Tourist: It is our wedding anniversary. We’d like you to arrange a special romantic day for us. Guide: No problem. I’ll arrange a candle-lit dinner a resort with a wonderful scenery for you. When would you like to go? Tourist: Well, our anniversary is on ………b……….. , but we fly back to Bangkok on that day, so we have to celebrate earlier. Is ………c………… possible? Guide: I’m really sorry but I have a large tour group on ………d………... . What about …e… ? I’ll be free then. Tourist: ………f……… is fine. Guide: Great. Then I’ll meet you in your hotel reception at 5 o’clock on ………g……

B. Fill in the missing letters in the names of the Days of the Week. Practice the correct pronunciation of the days. a) S…nday b) M……..day c) T……day d) W……….day e) Th……day f) F …….day g) Sat…..day

62

C. Study these expressions.

Expression Explanation When would you like to …_(verb)_..? ถามวันที่ต้องการทาสิ ่งใดสิ่งหนึ่ง What about _..(day)_.. ? เสนอวันที่เหมาะสม How about _..(day)_.. ? เสนอวันที่เหมาะสม I’ll meet you on …(day) ยืนยันวันนัดหมาย

Rotary Club International Convention 2006 Convention Program Morning Afternoon Evening Sunday Check-in Cocktail Party Monday Opening ceremony City and Temple Tour Convention dinner Tuesday Visit to Pottery Village Talks Free Wednesday Talks Spa and Shopping Dinner at Chinese Restaurant and Visit to Simon’s Cabaret Thursday Talks Free Palaeng Dinner & Cultural Dancing at I-sarn Cultural Musuem, Maha Sarakham Friday Talks Closing ceremony Goodbye Party Saturday Check-out Transfer to airport Friday Talks

D. In pairs, study the convention program of the delegates above and take turns asking and answering the questions. Question1: When is the convention dinner? Answer 1: It’s on Monday evening. Question2: When is the City and Temple Tour? 63

Answer 2: It’s on ……………………..……. Question3: When is the Palaeng Dinner? Answer 3:It’s on …………………….…….. Question 4: When is the closing ceremony? Answer 4: It’s on …………………….…….. Question5: When is the goodbye party? Answer 5: It’s on …………………….…….. Question6: When are the delegates free? Answer 6: They’re free on ……………… Question7: When is the visit to the pottery village? Answer 7: It’s on …………………

2. Talking about Dates

A. Listen to the following statements and choose the correct date, month and year you hear in each statement. a. _ July 9th _ One night in July b. _ 1817 _ 1870 c. _ 20/12/2005 _ 28/12/2005 d. _ B.E. 2325 _ B.E. 2352 e. _ 4th Tuesday of October _ 4th Thursday of November

B. Practice pronouncing “th” in the following words. a. think three third fourth birthday thirteen thirteenth Thursday b. the 1st the 2nd the 3 rd the 4th the 5 th the 6th the 7th the 8th the 9th the 10th the 11th the 12th the 20th the 30th the 31st 64

c. ‚Thursday the thirteenth is my brother’s thirtieth birthday.‛ d. January February March April May June July August September October November December

C. Practice saying the following dates. a. 1/1/2006 b. Monday 19/9/1972 c. Wednesday 12/2/2000 d. 28/8/1753 e. 31/3/1845

Tips: When telling tourists the year, use A.D. (Year of Christ or Western Year) instead of B.E. (Buddhist Era). Subtract 543 years from B.E. to get A.D., e.g. B.E. 2549 = 2549 – 543 = A.D. 2006. At present, C.E. (Common Era) can replace A.D. which refers to only one religion. C.E. is considered less interculturally sensitive. Warning: ALWAYS write the month as a word since numbers can create confusion. For example 5/1/06 could mean ‘the fifth of January’ OR ‘May the first.

Tips: The British write date/month/year (30/11/2005) The Americans write month/date/year (11/30/2005)

C. Role-play In pairs, take turns with one person acting as a tour guide, and the other as the tourist. Ask questions and give answers about dates:

For example: 1. When is the King’s Birthday in Thailand? 2. What year was the Millennium year? 3. What month?

65

For example: 1. When is the King’s Birthday in Thailand? 2. What year was the Millennium year? 3. What month is …………… festival?

Script A. Listen to the conversation and fill in the missing words. Guide: Hello? Tourist: Hello, are you the Tour Guide from Maha Sarakham Travel Agency? Guide: Yes that’s right. Tourist: You gave us your card on Ku Santarat Archeological tour on Monday. Guide: Oh yes? Tourist: We’d like to arrange a private tour with you. Is that possible? Guide: Where would you like to go? Tourist: It is our wedding anniversary. We’d like you to arrange a special romantic day for us. Guide: No problem. I’ll arrange a candle-lit dinner at a resort with a wonderful scenery for you. When would you like to go? Tourist: Well, our anniversary is on Sunday, but we fly back to Bangkok on that day, so we have to celebrate earlier. Is Saturday possible? Guide: I’m really sorry but I have a large tour group on Saturday. What about Friday? I’ll be free then. Tourist: Friday is fine. Guide: Great. Then I’ll meet you in your hotel reception at 5 o’clock on Friday.

B. Listen to the following statements and choose the correct date, month and year you hear in each statement. a. Mr. Brown will arrive at the airport on July the ninth. b. The monument was built in 1870. c. The passport was issued on December the twentieth, two thousand and five. d. The kingdom was established in twenty-three, twenty-five B.E. e. The festival is celebrated every fourth Thursday of the eleventh month. 66

C. Practice saying the following dates. a. the first of January, two thousand and six or January the first, two thousand and six b. Monday the nineteenth of September, nineteen seventy-two c. Wednesday, the twelfth of February, two thousand or Wednesday, December the second, two thousand d. the twenty-eighth of August, seventeen fifty-three e. the thirty-first of March, eighteen forty-five

D. Listen to the answers and repeat. 1. It’s on Monday evening. 2. It’s on Monday afternoon. 3. It’s on Thursday evening. 4. It’s on Friday afternoon. 5. It’s on Friday evening. 6. They’re free on Tuesday evening and Thursday afternoon. 7. It’s on Tuesday morning.

67

Lesson 10: Talking about Time

A. Fill in the missing words. What is the time? How many different ways can you say these times?

a. It’s midnight. b. It’s twelve o’clock in the afternoon. 1. c………………….. d. It’s at twelve noon.

2. a. It’s six o’clock in the…….. /in the evening. b. It’s six a.m./ It’s six p.m.

a. It’s one thirty a.m./……………………… 3. b. It’s half past one in the morning/…………………….

4. a. It’s fifteen a.m./………. b. It’s……………..past five in the morning/in the afternoon

5. a. It’s eleven twenty ………../ p.m. b. It’s…………………..eleven in the morning/evening.

B. Listen and draw the time on the clock.

68

C. Practice using different ways to tell the time, e.g. half-past eleven in the morning, or eleven-thirty a.m. 1. Tourist: Are we leaving soon? Guide: We are leaving at …………………………….. 2. Tourist: What time are we going to have lunch? Guide: At about ………………………….…………………… 3. Tourist: When will the train arrive? Guide: It should arrive at …………………………….. 4. Tourist: What time does the fitness centre open? Guide: It opens at ………………………………… 5. Tourist: When does the beauty salon close? Guide: It closes at …………………………………

D. Study the information below. Then answer the questions you hear.

Museums and Places of Interest in Maha Sarakham OPEN CLOSE DAYS OF THE WEEK Isarn Cultural Museum 9:00 am 4:30 pm Open Daily Isarn Buddhism Park 9.00 am 5.30 pm Open Daily Dun Rampan No Hunting Area 8.30 am 16.00 pm Open daily Nong Kheuanchang Handicraft 8.30 am 9.00 pm Open daily Village 1. It opens at ……………. 2. It closes at …………………. 3. It is open from……….. to …………. 4. It opens from…………… to…………. . 5. It closes ………………. 6. It closes………………. .

69

E. Listen and check your answers.

F. Listen to these expressions and repeat. Expression Explanation What time ……….? ใช้ถามเวลา When …….? ใช้ถามเวลา It opens/closes/starts at……….. ใช้ตอบคาถามเก ี่ยวกบเวลาั or At ………… It is open from ……… to …….. ใช้ตอบคาถามเก ี่ยวกบเวลาั

Tips: When telling the time, use a.m. and p.m. A.M. is used from 00:01 to 12:00 noon. P.M. is used from 12:01 to 12:00 midnight. Avoid using the twenty-four hour clock in telling the time as it might be confusing.

G. Role-play Study the program below and role-play being a tour guide and a tourist asking for and giving information.

Museums and Places of Interest in Khon Kaen OPEN CLOSE DAYS OF THE WEEK Phu Wiang National park 9:00 am 4:30 pm Open Daily Buffalo Conservation Village 8.30 am 9.00 pm Open on Saturday and Sunday Nam Phong National Park 8.00 am 4.30 pm Open daily King Cobra Village 8.30 am 9.00 pm Open daily Hong Mun Mang or Khon Kaen City Museum 12 (noon) 8.00 pm Open daily

70

Script B. Listen and draw the time on the clock. 1. It’s five forty-five pm. 2. It’s ten past three in the afternoon. 3. It’s half-past ten. 4. It’s a quarter past eleven. 5. It’s twenty to noon. 6. It’s eight o’clock.

D. Answer the questions you hear. Question 1: What time does the National Museum open? Question 2: What time does the National Museum close? Question 3: Between what time/ when does the Tribal Museum open? Question 4: When does Chiang Mai Zoo open? Question 5: When does the Tribal Museum close? Question 6: When does the Museum of World Insects close?

E. Listen and check your answers. Answer 1: It opens at nine o’clock in the morning. Answer 2: It closes at four thirty in the afternoon. Answer 3: It opens from nine a.m. to five p.m. Answer 4: It opens from eight thirty in the morning to five o’clock in the afternoon. Answer 5: It closes at five in the afternoon. Answer 6: It closes at seven p.m. / at seven o’clock in the evening.

71

Unit 11: Talking about Distance, Area, and Length of Time Maha Sarakham

Map of Thailand

Map of the Northeastern Region of Thailand

72

73

A. Listen to a tour guide giving you the information about Maha Sarakham, and write “T” if the statement is true and write “F: if the statement is false. Maha Sarakham is situated in the heart of the northeastern region (Isan) of Thailand. Maha Sarakham is 475 kilometers away from Bangkok. Maha Sarakham is a province with no mountain and only the Chi River running the province. Maha Sarakham is a city of education, another name is Takasila Nakhon. Maha Sarakham occupies an approximate area of 5,291 square kilometers or 3.31. million rai, located on the Korat plateau. The administration is divided into 13 districts: Mueang Maha Sarakham, Kantharawichai, Kosum phisai, Wapi Prathum, Borabue, Phayakkhaphum phisai, Na Chueak, Chiang Yuen. Na Dun, Kae Dam, Yang Srisurat, Kut Rang and Chuen Chom.

True or False ………….1. Maha Sarakham is in the heart of the north of Thailand. ………….2. The distance is 475 kilometers away from Bangkok. …………3. The Moon River runs through Maha Sarakham Province. ………….4. Maha Sarakham is a center of Isan Culture ………….5. The area of Maha Sarakham is approximately 5291 square kilometers. ………….6. There are thirteen districts in Maha Sarakham Province.

Tourist Attractions in Maha Sarakham

Archeological Sites: Pramahathat Na Dun, Ku Ban Khwao, Ku Santarat, Ku Ban Daeng Cultural Attractions: Isan Cultural Museum, Isarm House and Cart Traditional Museum, and Ming Mueang Standing Buddha Image Communities Attractions: Nong Khuean Chang Handicraft Community, Ban Phaen Slender Sedge Mat Nong Handicraft Community, Chiang Hian Pottery Community and Kantarawichai Ceramic Communities Ecotourism Attractions: Wang Macha Fish Sanctuary, Walai Rukhavej Botanical Research Institute, Dun Lamphan No-Hunting Area, and Kosumphisai Forest Park Agrotourism Attractions: Khok Ko Diary Farm, and Don Mun Self-Sufficiency Economy Village 74

B. Listen to a tour guide giving you the information about the tourist attractions in Maha Sarakham, and write down the tourist attractions in the correct district.

75

Script1 Maha Sarakham is situated in the heart of the northeastern region (Isan) of Thailand. Maha Sarakham is 475 kilometers away from Bangkok. Maha Sarakham is a province with no mountain and only the Chi River running the province. Maha Sarakham is a city of education, another name is Takasila Nakhon. Maha Sarakham occupies an approximate area of 5,291 square kilometers or 3.31. million rai, located on the Korat plateau. The administration is divided into 13 districts: Mueang Maha Sarakham, Kantharawichai, Kosum phisai, Wapi Prathum, Borabue, Phayakkhaphum phisai, Na Chueak, Chiang Yuen. Na Dun, Kae Dam, Yang Srisurat, Kut Rang and Chuen Chom.

Script 2

Tourist Attractions in Maha Sarakham

Archeological Sites are Pramahathat Na Dun and Ku Santarat in , Ku Ban Khwao in Mueang Maha Sarakham District, and Ku Ban Daeng in Wapi Prathum District Cultural Attractions are Isarn Cultural Museum at Rajabhat Maha Sarakham University in Mueang Maha Sarakham Distirct, Isarm House and Cart Traditional Museum in Na Dun District, and Ming Mueang Standing Buddha Image in Kantrarawichai Dististrict Communities Attractions are Nong Khuean and Chang Handicraft Chiang Hian Pottery Communities in Mueang Maha Sarakham District, Ban Phaeng Slender Sedge Mat Nong Handicraft Community in Kosumpisai District, and Kantarawichai Ceramic Communities in Kantarawichai District Ecotourism Attractions are Wang Macha Fish Sanctuary in Mueang Maha Sarakham Distirct, Walai Rukhavej Botanical Research Institute in Na Dun District, Dun Lamphan No- Hunting Area in Na Chueak District, Kosumphisai Forest Park in Kosumphisai District Agrotourism Attractions are Khok Ko Diary Farm in , and Don Mun Self- Sufficiency Economy Village in Kantarawichai District

76

Unit 12: Talking about an Itinerary

Six Tour Programs of the Maha Sarakham Travel Company

Tour Program 1: Visiting Pra That Na Dun, Isam House and Cart Traditional Museum, Walai Rukhavej Botanical Research Institute, and Ku Santarat, Tour Program 2: Visiting Isarn Cultural Museum, Ku Ban Khwao and Chiang Hian Pottery Community Tour program 3: Visiting Nong Khuean Chang Handicraft Village, Ban Phaen Slender Sedge Mat Nong Handicraft Village, and Kosumphisai Forest Park Tour Program 4: Visiting Wang Macha Fish Sanctuary, Ming Mueang Standing Buddha Image and Kantarawichai Ceramic Community Tour Program 5: Visiting Khok Ko Diary Farm, Dun Lamphan No-Hunting Area, and Ku Ban Daeng Tour Program 6: Donmun Self-Sufficiency Economy Village

A. Listen to a tour guide giving tourists about the tour program 1 and complete the missing information in the itinerary with the correct and appropriate words or phrases provided.

1. Walai Rukavej Research Institute 2. relics 3. return 4. botanical 5.Taksila Nakhon 6. flora 7. Meet 8. Phra That Na Dun Pagoda 9. Leave 10. Isan Cart Traditional

08:00 ……1………… in the hotel lobby. 08:30 ……2…………the hotel. 09:30 Before we leave the hotel, let me tell you briefly what we are going to do today. Maha Sarakham, a small province in the heart of the Northeastern region of Thailand is considered to be the regional education centre, named ……3……………….". 10.00 Visit Phra That Na Dun in Isarn Buddhism Park. It is located in Na Dun District 60 kilometers away to the south. It is a stupa which housed lord Buddha’s ……4……., kept in gold, silver and bronze boxes, presumably dating back to 13th century- 15th 77

century during the Dvaravati period. As a result, the government decided to set up ……………5……… on a 909 rai ( or 1,443 square kilometers) space, surrounded by religious, cultural museums, ………6…….. garden, and herbal garden. 11.00 Then, spend 1 one hour on visiting Isarn House and ……7………Museum, 150 meters to the east of Phra That Na Dun, another interesting place that shows the way of life of Isarn people It comprises model houses of the various tribes in the region and there are exhibitions displaying household items. 12.00 Have Isan traditional food at the local Isarn restaurant in Na Dun District. 13.00 leave for …………8……………, located the east of Phra That Na Dun, the institute makes research on conserving, improving, and distributing ……9………… of the region. It has bamboo terrain, herbal garden. 14.00 After that, visit Ku Santarat in Ku Santarat sub-district, Nadun District. A stone ruined building during the reign of king Jayavanraman Vll. Ku Santarat is the Bayon style rectangular laterite block house with lintels and nicely carved door arches. 16.00 Finally, we’ll ……10…….. to the hotel by 6 pm.

B. Listen to these expressions and repeat.

Expression to meet in the hotel lobby to arrive at the Isarn Traditional House Museum to return to the hotel to leave the hotel to have lunch at the Isarn Traditional Restaurant to spend an hour on touring Isan house traditional museum to visit Walai Rukavej Research Institute

C. Study these time expressions.

Time Expression Explanation before + noun / subject + verb 78

e.g. ‚before noon‛ ใช้ในการบรรยายรายการเดินทาง e.g. ‚before we leave the hotel‛ ใช้ time expressions เพื่อบอกเวลาในการทา กิจกรรมตางๆ่ ในระหวางการเดินทาง่

about + specific time / period of time e.g. ‚about 10:30‛ e.g. ‚about two hours‛

after + noun / subject + verb e.g. ‚after lunch‛ e.g. ‚after we have lunch‛

by + specific time e.g. ‚by six pm‛. first / then / after that / next / finally + subject + verb. e.g. First, we will take a boat.

D. Tips: When describing an itinerary, apart from mentioning activities and approximate times, include a short description of the place so that tourists will get the overall picture of the trip. However, do not overwhelm the tourists with too much information in advance. Keep it for later.

Role-play You are a tour guide giving one of the tour programs to the tourists for today’s tour. The itinerary includes: time, tourist attractions with brief information. You may start with Good morning ladies and gentlemen. Before we leave the hotel,………………………. …………………………………………………………………………………………………..

79

Script A. Listen to a tour guide giving tourists about the tour program 1 and complete the missing information in the itinerary with the correct and appropriate words or phrases provided.

1. Walai Rukavej Research Institute 2. relics 3. return 4. botanical 5.Taksila Nakhon 6. flora 7. meet 8. Phra That Na Dun Pagoda 9. Leave 10. Isan Cart Traditional

08:00 Meet in the hotel lobby. 08:30 Leave the hotel. 09:30 Before we leave the hotel, let me tell you briefly what we are going to do today. Maha Sarakham, a small province in the heart of the Northeastern region of Thailand is considered to be the regional education centre, named " Taksila Nakhon” 10.00 Visit Phra That Na Dun in Isarn Buddhism Park. It is located in Na Dun District 60 kilometers away to the south. It is a stupa which housed lord Buddha’s relics kept in gold, silver and bronze boxes, presumably dating back to 13th century- 15th century during the Dvaravati period. As a result, the government decided to set up Phra That Na Dun Pagoda on a 909 rai ( or 1,443 square kilometers) space, surrounded by religious, cultural museums, botanical garden, and herbal garden. 11.00 Then, spend 1 one hour on visiting Isan House and Cart Traditional Museum, 150 meters to the east of Phra That Na Dun, another interesting place that shows the way of life of Isarn people It comprises model houses of the various tribes in the region and there are exhibitions displaying household items. 12.00 Have Isan traditional food at the local Isarn restaurant in Na Dun District. 13.00 Leave for Walai Rukavej Research Institute, located the east of Phra That Na Dun, the institute makes research on conserving, improving, and distributing flora of the region. It has bamboo terrain, herbal garden. 14.00 After that, visit Ku Santarat in Ku Santarat sub-district, Na Dun District. A stone ruined building during the reign of king Jayavanraman Vll. Ku Santarat is the Bayon style rectangular laterite block house with lintels and nicely carved door arches. 16.00 Finally, we’ll return to the hotel by 6 pm.

80

Part 3 Visiting Archeological and Cultural Attractions, Town and Community Attractions, Ecotourism Attractions, and Agrotourism Attractions in Maha Sarakham Unit 13: Visiting Archeological and Cultural Attractions

1……………………………………………………………………….

2………………………………………………………………………

81

3……………………………………………………………………………..

4………………………………………………………………………..

A. Read the description of the archeological attractions below and put the correct name of the tourist attractions in the blank provided.

Isarn Buddhism Park or Isarn Buddhism Boundarty Isarn Buddhism Park is located in Na Dun Village, Na Dun District, Maha Sarakham Province, where a lot of archeological artifacts representing the flourishing in older days have been found. It is also where Champasi City used to be. All artifacts found are now kept in Khon Kaen museum. The most impressive item found was a stupa which housed lord Buddha’s relics, kept in gold, silver and bronze boxes, presumably dating back to 13th – 15th century during the Dvaravati period. 82

Pra That Na Dun Pra That Na Dun is located in Isarn Buddhism Park in Na Dun Village, Na Dun District, Maha Sarakham Province. The pagoda is housed lord Buddha’s relics, kept in gold, silver and bronze boxes, presumably dating back to 13th – 15th Century during the Dvaravati period. The government decided to set up Phra That Na Dun on a 909 rai ( or 1,443 square kilometers) space, surrounded by religious and cultural museums, botanical garden, and herbal garden.

Ku Ban Khwao Ku Ban Khwao is located in khwao Village, Khwao Sub- district, Mueang District, Maha Sarakham Province. Ku Mahathat is an 18th century historical site built from rectangular laterite blocks. The ruin has 2 earthen godly figurines, surrounded by laterite walls. The door on the east is the only entrance to the inside while 3 center doors are fake. Its lintels and arched doors have been centered by the fine arts department.

Ku Santarat, The ruin is located in Ku Santarat sub-district, Na Dun district, Maha Sarakham province. Ku Santarat is of Bayon style aged between BE 1157-1207. A stone ruin was built during the reign of king Jayavanraman Vll. It was built from rectangular laterite blocks with lintels and nicely carved door arches.

B. Listen to a tour guide giving the tourists information of four archeological attractions in Maha Sarakham. Then answer the following questions.

1. Where is Ku Santara located in? …………………………………………………. 2. What is Ku Satarat like? …………………………………………………. 3. Where is Ku Ban Khwao located in? …………………………………………………. 4. What is Ku Ban Khwao like? ………………………………………………….

83

5. Where is Pra That Na Dun located in? …………………………………………………. 6. What is kept inside Pra That Na Dun? …………………………………………………. 7. Where is Isarn Buddhism Park in? …………………………………………………. 8. What are in Isarn Buddhism Park? ………………………………………………….

C. Practice speaking skills: You are a tour guide giving the brief description of the archeological attractions in Maha Sarakham to the tourists.

The description includes: location, distance, transportation and special features. You may start with: Good morning ladies and Gentlemen, may I give you the brief information of ………… …………………………………………………………………………………………………….

84

Unit 14: Cultural Attractions Visiting Isan Cultural Museum, Isam House and Cart Traditional Museum, and Ming Mueang Standing Buddha Image

1……………………………………………………………

2………………………………………………………………………

85

3………………………………………………………………….

4……………………………………………………………..

A. Read the description of the cultural attractions below and put the correct name of the tourist attractions in the blank provided.

Isarn Cultural Museum Isan Cultural Museum is located in Maha Sarakham University. It exhibits Isan arts and handicraft such as weaving, clothes patterns. The museum also exhibits literature scripture on palm leaves rarely left. Presentation slides also on Isarn culture and customs are displayed.

86

Champaosi City Museum Champaosi City Museum is located to the south of Phra That Na Dun. It exhibits discovered Buddha’s relic. The relic is housed in a bronze stupa where an earthen Dvaravati-style Buddha image is also contained.

Isarm House and Cart Traditional Museum Isam House and Cart Traditional Museum is located in Walai Rukhavej Botanical Research Institute to the east of Phra That Na Dun ,where it conducts research on conserving, improving and distributing flora in the region. Inside, there are a bamboo terrain nature museum.

Ming Mueang Standing Buddha Image Ming Mueang Standing Buddha Image is located in Suwannawas Temple, Khok Phra Sub-district, Kantarawichai district, Maha Sarakham province. The Buddha image was carved in red sandstones during the Dvaravati period.

B. Listen to a tour guide giving the tourists information about four cultural attractions in Maha Sarakham. Write T if the statement is true and write “F” if the statement is false.

------1. Isarn Cultural Museum is in Rajabhat Maha Sarakham University. ………2. Isarn Cultural Museum exhibits only Isarn arts and handicraft. ………3. Champaosi City Museum is in Na Dun District. ………4. Buddha’s relic is kept in Champaosi City Museum. ………5. Ming Mueang Standing Buddha Image is in Kantarawichai District. ………6. Ming Mueang Standing Buddha Image was made of sandstones. ………7. Isarn House and Cart Traditional Museum is in Walai Rukhavej Botanical Research Institute ……….8. Walai Rukhavej Botanical Research Institute is in Maha Sarakham University

87

C. Practice speaking skills: You are a tour guide giving the brief description of the cultural attractions in Maha Sarakham to the tourists.

The description includes: location, distance, transportation and special features. You may start with: Good morning ladies and Gentlemen, may I give you the brief information of ………… …………………………………………………………………………………………………….

88

Unit 16: Communities Attractions Visiting Nong Khuean Chang Handicraft Community Ban Phaen Slender Sedge Mat Handicraft Community

1………………………………………………......

2……………………………………………………………………………………………….

A. Read the description of the community attractions in Maha Sarakham below and put the correct name of the tourist attractions in the blank provided

Nong Khuean Chang Handicraft Community Nong Khuean Chang Handicraft Community is a cultural attraction located in Tha Song Khon Sub – district, Ban Nong Khuean Chang Handicraft village is famous for silk and cotton weaving products with excellent quality yet reasonably priced products for sale. The products include silk, cotton, scarves, shoulder cloths, cotton shirts, Chinese three- quarter length trousers, khit pillows, wallets, shawls, etc. This community is truly Maha Sarakham’s handicraft center. Ban Phaen Slender Sedge Mat Handicraft Community 89

Ban Phaen Slender Sedge Mat Handicraft Community is located in Ban Phaeng village, Ban Phaeng Sub-district, Kosumpisai District, Maha Sarakham Province. The local villagers earn extra living by weaving mats from slender sedge. The community is 9 kilometers from or about 38 kilometers from the city.

B. Listen to a tour guide giving the tourists information about two community attractions in Maha Sarakham. Complete the description of the communities with the correct words or phrase provided.

cultural famous handicraft quality scarves

Nong Khuean Chang Handicraft Community Nong Khuean Chang Handicraft Community is a……1………. attraction located in Tha Song Khon Sub – district, Ban Nong Khuean Chang Handicraft village is……2………. for silk and cotton weaving products with excellent……3..….. yet reasonably priced products for sale. The products include silk, cotton,……4…….. , shoulder cloths, cotton shirts, Chinese three- quarter length trousers, khit pillows, wallets, shoulder bags, etc. This community is truly Maha Sarakham’s …….5…….center.

villagers mats thirty eight village Ban Phaen Slender Sedge Mat Handicraft Community Ban Phaen Slender Sedge Mat Handicraft Community is located in Ban Phaeng……1..……, Ban Phaeng Sub-district, Kosumpisai District, Maha Sarakham Province. The local……2……… earn extra living by weaving……3…….. from slender sedge. The community is 9 kilometers from Kosum Phisai District or about……4..……. kilometers from the city.

C. Practice speaking skills: You are a tour guide giving the brief description of community attractions to the tourists.

The description includes: location, distance, transportation and special features. You may start with: Good morning ladies and Gentlemen, may I give you the brief information of ………… ……………………………………………………………………………………………………. 90

Unit 15: Ecotourism Attractions Visiting Wang Macha Fish Sanctuary, Dun Lamphan No-Hunting Area, Kosumphisai Forest Park

A. Match the ecotourism attractions in Maha Sarakham with the correct pictures …….1. Dun Lamphan No-Hunting Area …….2. Kosumphisai Forest Park ……..3. Wang Macha Fish Sanctuary

A

B

91

C

B. Listen to a tour guide giving the tourists information about the ecotourism attractions in Maha Sarakham. Complete the description of with the correct words or phrases.

Kosumphisai Forest Park Kosumphisai Forest Park is located in Hua Khwang Sub-district on the bank of ……1…….. Kosumpisai District, Maha Sarakham Proovince. It occupies approximately 125 rai (200 square kilometers). It was established on 1 October……2…….. The forest park is home of large trees such as giant Siamese gurjun, Tabak and Anthocephalus chinensis. The forest also is an ideal home of birds and hundreds of gold macaques, ……3………….

Dun Lamphan No-Hunting Area It is an ecotourism attraction where streams constantly flow in exclusive spots, which is called otherwise absorbing forest. Home to endemic …4………. and fauna, it has rare species of Lamphun trees, nostoc commune voucher, striped snake- head fish, footed vipers and pu thunkramom or mealy crab- Thaipotamon Chulabhon Naiyanetr. The ……5…… is the most majestic freshwater crab, slightly bigger than a paddy-field crab and quite …6………..-in purple, orange, yellow and white and be found only at dun Lamphan forest.

Wang Macha Fish Sanctuary Wang Macha Fish Sanctuary, or Khong Kud Wai Fish Sanctuary is an ………7..…. attraction located in Mueang District 10 kilometers to the northeast from the city. The fish sanctuary was established officially to be the tourist attraction in ……8……. The fish sanctuary aims at raising variety of aquatic animals such as Ompok bimaculatus fish, cat fish and etc. 92

C. Practice speaking skills: You are a tour guide giving the brief description of ecotourism attractions in Maha Sarakham to the tourists.

The description includes: location, distance, transportation and special features. You may start with: Good morning ladies and Gentlemen, may I give you the brief information of ………… …………………………………………………………………………………………………….

93

Unit 16: Agrotourism Attractions Visiting Khok Ko Diary Farm, and Don Mun Self-Sufficiency Economy Village

A. Match the agrotourism attractions in Maha Sarakham with the correct pictures

……………..1 Khok Ko Diary Farm …………….2. Don Mun Self-Sufficiency Economy Community

A

B

B. Listen to a tour guide giving the tourists information about the agrotourism attractions in Maha Sarakham. Complete the description of the attractions with the correct words or phrases.

Khok Ko Diary Farm 94

Khok Ko Diary Farm is a cooperative for diary farm located in ……1………, Maha Sarakham Province. Khok Ko Diary farm emphasizes using ……2……… for environmental preservation. The ………3…… cell system has been used to produce electricity on the farm. Wind power has been used to spin water supplies using on the farm. ……4………. from cow dung has been used for producing plastic bottles.

Don Mun Self-Sufficiency Economy Village Don Mun Self-Sufficiency Economy Village is a small village with approximately 43 families in Kham Riang Sub-district, ………5……., Maha Sarakham Province. The philosophy of the sufficiency economy has been implemented to improve the ……6……. of life of people in Don Mun village. The excellent community was rewarded by the Department of Health in 2005. The villagers earn their ………7……. by raising beef cattle, fish, frog, cricket, domestic chicken and using biofertilizer

C. Practice speaking skills: You are a tour guide giving the brief description of agrotourism attractions in Maha Sarakham to the tourists.

The description includes: location, distance, transportation and special features. You may start with: Good morning ladies and Gentlemen, may I give you the brief information of ………… …………………………………………………………………………………………………….

Bibliography

สานักงานการท องเที่ยวและก่ ีฬาจังหวัดมหาสารคาม. (2555) เปิดประตูส่พู ุทธมณฑลอีสาน. มหาสารคาม สานักงานจังหวัดมหาสารคาม . Beresova, J. and Rok, S. Testing Speaking Skills: Marking Criteria. [online]. Available: http://www.infovek.sk/predmety/anglictina/olympiada/dokomenty/testing. Doc. 2006. [6/4/2008]. Burns, A. (1996). Course Readings: Program Planning, Monitoring and Evaluation. School of English and Linguistics, Macquarie University. Sydney. Australia.. 95

Darling-Hammond, L. (1995). Authentic Assessment in Action: Studies of schools and students at work. New York: Teachers College Press. Freed, J. E. (2000). Learner-Centered Assessment on College Campuses: Shifting the focus from teaching to learning. Boston: Allyn and Bacon. Harding, K. (1999). Going International: English for Tourism. New York: Oxford University Press. Harding, K. And Henderson, P. (2000). High Season: English for Hotel and Tourist Industry. New York: Oxford University Press. Heaton, J. B. (1990). Classroom Testing. London: Longman. Hughes, A. (1989). Testing for language Teachers. Cambridge: Cambridge University Press. Nunan, D. (1991). Language Teaching Methodology: A textbook for teachers. Sydney: Prentice Hall. Nunan, D. (1988). The leaner-Centered Curriculum. ; A study in second language teaching. Sydney: Cambridge University Press. Richards, J. (1994). Interchange English for International Communication: Intro student's book. New York: Cambridge University Press. Richards, C. J. (1997). New Interchange English for International communication Cambridge: Cambridge University Press. Sermsongswad, U. and et. Al (2006). English for Tour Guides. Chiang Mai: Chaing Mai University. Sopa, N. (2004). English for Communication. Maha Sarakham: Rajabhat Maha Sarakham University. Terrance, H. (1995). Evaluating Authentic Assessment. Buckingham: Open University Press.

96

Tourism Thailand. (2009). [Online]. Available:http://www.tourismthailand.org/ attraction/kalasin-40-1.html. [2009, April 4] Tourism Thailand. (2009). [Online]. Available:http://www.tourismthailand.org/ attraction/khonkaen-40-1.html. [2009, April 4] Underhill, N. (1988). Testing Spoken language: A handbook of oral testing techniques Cambridge: Cambridge University Press. Utawanit, K. (1997). Communicative English for Tourism. Bangkok: Thammasat University Press.

1

บทที่ 1

บทน า

ยุทธศาสตร์ประเทศไทย เน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการแขงขัน่ คนไทยอยูดีก่ ินดี มี ความเสมอภาคและเป็นธรรม โดยการตอยอดจากรากฐานเดิม่ สร้างรายได้จากโอกาสใหม ่ เพื่อความ สมดุลและการพัฒนาอยางยั่ งยืน่ ประเด็นหลักสาหรับหรับการเพิ ่มขีดความสามารถในการแขงขัน่ ประกอบด้วย ด้านการเกษตร ด้านอุตสาหกรรม การทองเที่ยวและบริการ่ โครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน การเชื่อมโยงเศรษฐกิจในภูมิภาค การพัฒนาขีดความสามารถในการแขงขัน่ การวิจัยและพัฒนา ตลอดจนการพัฒนาพื้นที่และเมืองเพื่อเชื่อมโยงโอกาสจากอาเซียน (สานักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2557) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ฉบับที่ 11 (สานักงานคณะกรรมการพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2549) ให้ความสาคัญก บการพัฒนาคนั คนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา เพราะวา่ การเสริมสร้างและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความสามารถและมีความรู้ทันตอเหตุการณ์่ เพื่อการพัฒนาประเทศอยางยั่ งยืนและมั่ นคง่ เดลาเฮย์ (Delahaye, 2548) ได้กล่าววาการพัฒนา่ ทรัพยากรมนุษย์ เป็นกระบวนการพัฒนาอยางต่ อเนื่องเพื่อให้บุคลากรในองค์กรมีความรู้่ ทักษะและ ความสามารถทันตอเหตุการณ์อยู่ เสมอ่ สอดคล้องกบั อาชัญญา รัตนอุบล (2554) ได้กล่าววา่ การ อบรมเป็นกระบวนการพัฒนาความรู้ (knowledge) ทักษะ(skill) และทัศนคติ(attitude)ของทรัพยากร มนุษย์ในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถปฏิบัติหน้าที่อยูในความ่ รับผิดชอบได้ดียิงขึ่ ้น ถ้าพิจารณาการพัฒนาคนกบการพัฒนาประเทศั น่าจะกล่าวได้วา่ การอบรมเป็น เครื่องมือเบื้องต้นสาหรับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อนาไปสู ่ความสาเร็จก บการพัฒนาท้องถิั ่น และประเทศ คนที่มีคุณภาพของประเทศเป็นหัวใจสาคัญส าหรับการพัฒนาประเทศที่มั นคง่ อุตสาหกรรมการทองเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่ก่ าลังเติบโตและสร้างรายได้อย างมากมาย่ ให้กบประเทศไทยั ในปี 2550 รายได้จากอุตสาหกรรมการทองเที่ยวมีมูลค่ ามากที่สุด่ ประมาณ 43 พันล้านบาท (Thailand Executive Diary, 2551 อ้างจาก สานักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐก ิจและ สังคมแห่งชาติ, 2551) ซึ่งการทองเที่ยวแห่ ่งประเทศไทยร่วมกบหนั ่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ช่วยกนดั าเนินโครงการส ่งเสริมการทองเที่ยวในประเทศ่ เนื่องจากอุตสาหกรรมการทองเที่ยวมี่ ความสาคัญอย างยิ่ งต่ อการพัฒนาประเทศทั่ ้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ในแง่เศรษฐกิจนั้น การ ทองเที่ยวก่ ่อให้เกิดรายได้ ในรูปเงินตราตางประเทศ่ การทองเที่ยวในระดับท้องถิ่ ่นยังก่อให้เกิดการ กระจายตัวของนักทองเที่ยวไปยังพื่ ้นที่ตาง่ ๆ เกิดการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนและท้องถิ่น สอดคล้องกบนโยบายของประเทศไทยั ที่ให้การทองเที่ยวเป็นเครื่องมือส่ าคัญในการแก ไขปัญหา้ ทางด้านเศรษฐกิจ 2

เป็นการสร้างงานให้กบประชาชนและเพิั ่มรายได้ให้กบประเทศั ตลอดจนต้องการพัฒนาตลาดการ ทองเที่ยวให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่ องเที่ยวในภูมิภาค่ การทองเที่ยวแห่ ่งประเทศไทย ปี 2550 – 2554 ได้กาหนด นโยบายที่สาคัญข้อหนึ่ง คือ การ ส่งเสริมการทองเที่ยวให้กระจายตัวสู่ ่แหล่งทองเที่ยวรองมากขึ่ ้น เพื่อสร้างสมดุลระหวางพื่ ้นที่ทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการทองเที่ยวเชื่อมโยงระหว่ างกลุ่ ่มจังหวัดและข้ามภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้าโขง ซึ่งประกอบด้วย จีน พมา่ เวียดนาม ลาว กมพูชาั และ ไทย ซึ่งรัฐบาลของประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้าโขง ได้ร่วมมือกนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพืั ้นฐานด้าน คมนาคมสาหรับการขนส ่ง ระหวางประเทศในอนุภูมิภาคลุ่ ่มน้าโขง ที่เรียกวา่ เส้นทางเศรษฐกิจแนว ตะวันออก- ตก (East - West Economic Corridor: EWEC) โดยเริ่มจาก เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม สู่ แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สู่ มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น เพชรบูรณ์ พิษณุโลก และ ตาก สู่ เมืองเมาะละแหมง่ ประเทศพมา่ ( Loei Rajabhat University. 2006 : 1-2) มีผลโดยตรงตอการพัฒนาเศรษฐก่ ิจของประเทศในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะรายได้ที่ได้จากการ ทองเที่ยว่ เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีจุดเด่นมากมายเกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวทางด้านประวัติศาสตร์่ และโบราณคดี ศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนทางธรรมชาติ เพื่อเป็นการสนองตอบนโยบายดังกล่าว การทองเที่ยวแห่ ่งประเทศไทย ได้กาหนดเป้าหมายทางด้านยุทธศาสตร์ของการท องเที่ยวในภาค่ ตะวันออกเฉียงเหนือ คือการพัฒนาการทองเที่ยวให้อยู่ ในระดับมาตรฐานการท่ องเที่ยวสากล่ โดย รักษาเอกลักษณ์ของตนเอาไว้และส่งเสริมให้เป็นจุดเด่นสาหรับการท องเที่ยว่ โดยมุงเน้นการท่ าตลาด เชิงรุกตอนักท่ องเที่ยวชาวต่ างชาติให้มาเยือนอีสานมากขึ่ ้น การทองเที่ยวแห่ ่งประเทศไทย จึงได้วาง นโยบายส่งเสริมการทองเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ่ ปี 2550-2553 โดยกาหนดโครงการ ส่งเสริมการทองเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ่ ได้แก่ Amazing Isan Mega Fam Trip โครงการ ส่งเสริมการขายตลาดสิงคโปร์ โครงการเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ปี 2552 โครงการส่งเสริมนักทองเที่ยว่ เฉพาะกลุ่ม เช่น เส้นทางไดโนเสาร์ เส้นทางอารยธรรมขอม เส้นทางอารยธรรมโบราณ เส้นทางเลียบ ฝั่งโขง และมหัศจรรย์แดนศาสนา : เส้นทางตามรอยพระพุทธเจ้า เส้นทางตามรอยบูรพาจารย์ เส้นทางตามรอยอาจารย์ใหญสายวิปัสนา่ เส้นทางเยือนถิ่นคาทอลิก 2 สานักงานการท องเที่ยวแห่ ่งประเทศไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 3ได้ชูจุดขายเกี่ยวกบั การทองเที่ยวใน่ กลุ่ม ร้อยแก่นสารสินธุ์ ประกอบไปด้วย จังหวัดร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม และ กาฬสินธุ์ ซึ่งสอดคล้องกบแผนยุทธศาสตร์กลุั ่มจังหวัดอีสา นตอนกลาง ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 – 2555 ที่ต้องการยกระดับการผลิต เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจแบบเข้มแข็งและแขงขันได้่ และ การ พัฒนาทุนมนุษย์และสังคมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี การทองเที่ยวของกลุ่ ่มจังหวัดในอีสานตอนกลางนี้มี เอกลักษณ์เฉพาะตัว ได้แก่ มีแหล่งทองเที่ยวทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติที่โดดเด่ ่น เช่น พระธาตุ ขามแก่น ปราสาทเปือยน้อย พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติขอนแก่น (ขอนแก่น) พระธาตุนาดูน (มหาสารคาม) ปรางค์กู่ กู่กาสิงห์ พระมหาเจดีย์ชัยมงคล (ร้อยเอ็ด) พิพิธภัณฑ์ของดีเมืองกาฬสินธุ์ 3

พระพุทธรูปสถานภูปอ พระธาตุยาคู (กาฬสินธุ์) ส่วนแหล่งทองเที่ยวด้านธรรมชาติ่ ได้แก่ อุทยาน แห่งชาติภูผามาน่ อุทยานแห่งชาติภูเวียง เขื่อนอุบลรัตน์ บึงแก่นนคร (ขอนแก่น) วนอุทยานโกสัมพี ป่าดูนลาพัน (มหาสารคาม) บึงพลาญชัย วนอุทยานผาน้าย้อย (ร้อยเอ็ด) พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ศูนย์สิริ ธร เขื่อนลาปาว แหลมโนนวิเศษ(กาฬสินธุ์) มัคคุเทศกเป็นบุคคลากรที่ท์ างานเก ี่ยวกบการทั องเที่ยว่ ที่มีบทบาทสาคัญในการส ่งเสริม และพัฒนาการทองเที่ยวของประเทศ่ ซึ่งเป็นผู้ที่ให้ความรู้ ให้ความสนุกสนานและความประทับใจ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์แหล่งทองเที่ยวที่สวยงาม่ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของไทย ไปสู่ นักทองเที่ยวจากทั่ ้งในประเทศ และตางประเทศ่ ดังนั้นการพัฒนาความรู้ ทักษะการถ่ายทอด ตลอดจนการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาตางประเทศแก่ ่มัคคุเทศกจึงเป็นสิ์ ่งที่มีความสาคัญ มาก เพื่อรองรับอุตสาหกรรมทองเที่ยวและนักท่ องเที่ยวจากต่ างประเทศที่เข้ามาท่ องเที่ยวในประเทศ่ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต จากรายงานจานวนนักท องเที่ยวที่มาเที่ยวในประเทศไทย่ ปี 2549 พบวา่ จานวนนักท องที่มาจากทวีปยุโรป่ อเมริกา ออสเตรเลีย และ ประเทศอื่นๆ ที่ใช้ภาษาอังกฤษ มาเที่ยว ประเทศไทยมีจานวนมากที่สุด สานักทะเบียนธุรก ิจนาเที่ยวและมัคคุเทศก กรุงเทพมหานคร์ (การ ทองเที่ยวแห่ ่งประเทศไทย. 2551) ได้สรุปข้อมูลการจดทะเบียนธุรกิจนาเที่ยวและมัคคุเทศก ที่ได้รับ์ ใบอนุญาต จากวันที่ 19 พ.ย. 2535 - 30 พ.ย. 2550 วา่ จานวนมัคคุเทศก ที่ได้รับใบอนุญาต์ ทั้งหมด ทัว่ ประเทศ 31 ,548 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 1 ,122 คน คิดเป็นร้อยละ 3.55 ของประเทศ จาก ตารางข้อมูล แสดงให้เห็นวา่ จานวนมัคคุเทศก ทั์ ้งหมด 31 ,548 คน โดยเป็นมัคคุเทศกทั์ วไป่ และ มัคคุเทศกเฉพาะ์ จานวน 7094 คน มีมัคคุเทศกเฉพาะพื์ ้นที่ (ตางประเทศ่ )ที่พา นักทองเที่ยวชาว่ ตางประเทศไปเที่ยวเฉพาะ่ ที่ จานวน 4,224 คน ซึ่งเป็นจานวนของมัคคุเทศก เฉพาะพื์ ้น (ตางประเทศ่ ) ที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมทั้งสิ้น จานวน 165 คน คิดได้ ร้อยละ 3.90 ของจานวนมัคคุเทศก ์ เฉพาะพื้นที่ทั้งหมดในประเทศไทย ความสามารถในการแขงขันทั่ ้งในระดับภูมิภาคและ ระดับโลก ปัจจัยสาคัญประการหนึ่ง ที่จะทาให้ประเทศไทยสามารถแข งขันในเวทีโลกได้่ คือความสามารถในการใช้ภาษาตางประเทศของ่ บุคลากรในสาขาอาชีพตาง่ ได้แก่ ภาษาอังกฤษฝรั่งเศส เยอรมัน ภาษาจีน ญี่ปุ่น เนื่องจาก ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักที่ใช้สาหรับการสื่อสารก นทัั วโลก่ (international communication) ดังนั้น การเตรียมตัวเกี่ยวกบทักษะภาษาอังกฤษจึงเป็นสิั ่งที่จาเป็นอย างมาก่ โดยเฉพาะคนที่จะออกไป ประกอบอาชีพ พาราโดว์สกี (Paradowski, B. M. 2008 :93) กล่าววา่ ภาษาอังกฤษเป็น ภาษาตางประเทศที่ใช้ส่ าหรับการสื่อสารก นทัั วโลกมากที่สุด่ ภาษาหนึ่ง (international communication) เพื่อประโยชน์ทางด้าน การศึกษา เศรษฐกิจ สังคม และ การเมือง ในยุคโลกาภิวัตน์ ซึ่งเป็นยุคที่มีการติดตอสื่อก่ นได้อยั างรวดเร็วและสะดวกสบาย่ ไมว่ าจะอยู่ ในส่ ่วนใดของโลก ผลจาก ความกาวหน้าทาง้ เทคโนโลยีการสื่อสารจึงเป็นส่วนสาคัญที่ก ่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอยางมากของ่ สังคมโลกปัจจุบัน ซึ่งเป็นสังคมโลกที่มีการแขงขันก่ นสูงมากั ทั้งทางด้านการศึกษา การค้า 4

อุตสาหกรรม และ การเมือง สังคมที่มีทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพยอมจะน่ าพาสังคมนั ้นๆไปสู่ ความสาเร็จได้ ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งรายได้ของประชาชนในชาติ จะเป็นตัวบงชี่ ้ที่สาคัญ เกี่ยวกบความสั าเร็จของการพัฒนาประเทศและคุณภาพของคนในประเทศด้วย อาคม เติมพิทยาไพสิฐ (2554) ได้กล่าวถึง ความจาเป็นของการเตรียมความพร้อมทางด้านภาษาอังกฤษส าหรับบุคคลากรของ ประเทศสมาชิกในสมาคมอาเซียน เนื่องจากอาเซียนจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง ตลอดจนภาษา ท้องถิ่นในการประสานงาน ติดตอสื่อสาร่ อานวยความสะดวกต อประชาชนและนักท่ องเที่ยวของ่ ประเทศสมาชิก ภาษาอังกฤษเป็นภาษาตางประเทศภาษาหนึ่งที่มีการสอนอย่ างแพร่ ่หลายในสถาบันการศึกษา ของประเทศไทย ทั้งระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการเป็น ผู้กาหนดหลักสูตรวิชาภาษาอังกฤษส าหรับการศึกษาระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และการศึกษา ระดับอุดมศึกษาซึ่งสังกดอยูั ในกระทรวงศึกษาธิการ่ (กระทรวงศึกษาธิการ 2539) และมีปัจจัยหลาย อยางที่ส่ ่งผลตอการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทย่ ได้แก่ สื่อการสอน (Teaching Material) วิธีสอน (Methodology) เวลา (Time) และแรงจูงใจ (Motivation) หากพิจารณาเป้าหมาย สาคัญของการพัฒนาความรู้และทักษะพื ้นฐานภาษาอังกฤษ เป็นการเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อการศึกษา ที่สูงขึ้น เพื่อความกาวหน้าในอาชีพ้ และ เพื่อการติดตอสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ่ จากนโยบายการ ปฏิรูปการศึกษาของประเทศไทย ได้ปรับและส่งเสริมรูปแบบการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางโดย คานึงถึงการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นส าคัญและช ่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยวิธีการตางๆ่ มิใช่เพียง การถ่ายทอดความรู้เทานั่ ้น เช่น การให้ผู้เรียนได้เรียนรู้โดยการกระทา (learning by doing) อยางไรก่ ็ ตาม ครูไทยส่วนมากยังใช้รูปแบบการสอนโดยยึดครูเป็นศูนย์กลาง เป็นวิธีที่สะดวกและง่ายกวา่ รวมทั้งครูมีความเคยชินกบการปฏิบัติตามแบบเดิมั ประกอบกบไมั ได้รับการสนับสนุนส่ ่งเสริมให้ ปฏิบัติตามแนวคิดใหมอย่ างเพียงพอ่ การสอนโดยครูเป็นศูนย์กลางจึงยังใช้มาจนถึงปัจจุบัน ในทาง ปฏิบัติ มิได้มีการปฏิบัติกนตามความหมายและหลักการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางั ดังนั้นจึง จาเป็นที่จะต้องสร้างความเข้าใจในเรื่องการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางอีกครั ้งหนึ่ง (ก่ิง แกว้ รัชอินทร์. 2553) ดังนั้น การเรียนการสอนภาษาอังกฤษโดยยึดผู้เรียนเป็นสาคัญ (Learner-Centered Instruction) เป็นการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนมีบทบาทสาคัญในการเรียนรู้ภาษาและการประเมินตน โดยครูต้องการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลของผู้เรียน เพื่อ เตรียมกิจกรรมการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ (Well-Prepared Tasks) ได้แก่ภูมิหลังทางการศึกษาของผู้เรียน (Educational background) ความเชื่อ (Beliefs) รูปแบบการเรียนรู้ (Cognitive styles) กลยุทธการเรียน (Learning Strategies) แรงจูงใจ (Motivation) และ เจตคติ (Attitude) (Nunan, 1992) และ การจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็น ศูนย์กลาง ให้ผู้เรียนมีบทบาทหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้อยางตื่นตัวและผู้เรียนได้สร้าง่ ความหมายของสิ่งที่เรียนรู้จนเกิดความเข้าใจที่แท้จริงกถือได้ว็ าการสอนนั่ ้นๆ 5

เป้าหมายหลักของการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น แนวคิดเกี่ยวการ สอนภาษาเพื่อการสื่อสาร (Communicative Approach) จึงถูกนามาใช้การเรียนการสอนภาษา โดย มุงเน้นพัฒนาความรู้ทางภาษา่ ได้แก่ เสียง คาศัพท์ ไวยากรณ์ โครงสร้างประโยค และความหมาย ทักษะทางภาษา ได้แก่ ทักษะทั้ง 4 คือ ฟัง พูด อาน่ และเขียน และความสามารถในการสื่อสารของตัว ผู้เรียน เน้นใช้ภาษาให้เหมาะสมกบระดับบุคคลและกฎเกณฑ์ทางสังคมั ตามบทบาทและสถานภาพ ในสถานการณ์ที่เหมือนจริง โดยมีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายและเป็นระบบเพื่อให้ผู้เรียน สามารถนาความรู้ด้านภาษาไปใช้เพื่อการสื่อสารในสถานการณ์จริงได้ ประกอบด้วย ขั้นนาเข้าสู ่ บทเรียน (Warm up/Lead in) ขั้นนาเสนอ (Presentation) ขั้นฝึก (Practice) ขั้นการใช้ภาษา (Production) และขั้นสรุป (Wrap Up) การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาจะต้องเน้นที่กระบวนการเรียนรู้และการจัดกิจกรรม การเรียนที่ตอเนื่องและมีระบบ่ เพื่อพัฒนาทักษะภาษาทั้ง 4 ทักษะ อยางมีประสิทธิภาพ่ Teaching – Learning Cycle เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นการออกแบบบทเรียนและการจัดกิจกรรมการ เรียนการสอนที่มีระบบและตอเนื่อง่ ประกอบด้วย 1) การสร้างเนื้อหาและสร้างความคุ้นเคยกบหัวข้อั และเนื้อหา 2) การฝึกฝนศัพท์และโครงสร้างภาษาที่เกี่ยวข้อง 3) การนาไปใช้ และ 4) การสร้างเนื้อหา ด้วยตนเอง จุดเด่นของกระบวนการเรียนการสอนนี้จะช่วยพัฒนาทักษะภาษาของผู้เรียนทั้ง 4 ทักษะ โดยพัฒนาจากภาษาพูดไปสู่ภาษาเขียน (Burn ,A.:1995 adapted from Callaghan and Rothery:1988) ณรงค์ฤทธิ์ โสภา (2550)ได้สารวจความต้องการพัฒนาการใช้ภาษาอังกฤษของบุคลากรที่ ทางานการท องเที่ยว่ ในจังหวัด ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ และ ร้อยเอ็ด จานวน 148 คน พบว่า บุคลากรที่ทางานการท องเที่ยว่ ในจังหวัด ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และ กาฬสินธุ์ มีความ ต้องการพัฒนาการความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ อยูในระดับมากซึ่งเห็นว่ าภาษาอังกฤษมี่ ความจาเป็นส าหรับงานและหน้าที่ที่ท าอยู ทั่ ้งในปัจจุบันและอนาคต มากที่สุด ต้องการฝึกทักษะฟัง และพูด เน้นการใช้ภาษาสาหรับการมีปฏิสัมพันธ์ก บนักทั องเที่ยว่ (Social Interaction) การให้ข้อมูล แก่นักทองเที่ยว่ (Giving Information) และการพานักทองเที่ยวไปชมสถานที่ท่ องเที่ยว่ (Exploring and Visiting Tourist Attractions) ส่วนรูปแบบการเรียนต้องการเรียนกบทัั ้งอาจารย์ไทยและตางประเทศ่ เป็นกลุ่มยอย่ และ มีการปฏิบัติจริงด้วย สอดคล้องกบั ผาณิต บุญยะวรรธนะ (2542 : 7-12) ได้ศึกษา ความต้องการภาษาอังกฤษธุรกิจการทองเที่ยว่ ใน จังหวัดเชียงใหม ่ ภูเกต็ และ พัทยา พบวา่ บุคลากร ทางด้านการทองเที่ยว่ ร้อยละ 91.25 เห็นวาภาษาอังกฤษมีความจ่ าเป็นส าหรับธุรก ิจทองเที่ยว่ ทักษะ ฟังและทักษะพูดเป็นทักษะที่มีความสาคัญ และมีปัญหามากที่สุดสาหรับบุคคลากรที่ท างานเก ี่ยวกบั การทองเที่ยว่ นอกจากนี้ ณรงค์ฤทธิ์ โสภา (2557) ได้สารวจศักยภาพและความต้องการของบุคลากร ที่ทางานอยู ในฟาร์มโคนมโคกก่ ่อ สถานที่ทองเที่ยวเชิงนิเวศเกษตรในจังหวัดมหาสารคาม่ พบวา่ บุคลากรเหล่านี้มีความรู้เกี่ยวกบการทั องเที่ยวเชิงนิเวศน์เกษตร่ อยูในระดับ่ ปานกลาง ถึงต่า มีความ ต้องการที่จะพัฒนาความรู้ ทั้งทองเที่ยวเชิงนิเวศน์่ และการทองเที่ยวเชิงเกษตร่ อยูในระดับสูง่ 6

จากความเป็นมาและความสาคัญของปัญหาดังกล ่าว ตลอดจน เป็นการเตรียมความพร้อม ของบุคลากรเพื่อเข้าสู่ประเทศสมาชิกประชาคมอาเซียน ซึ่งภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการ ติดตอสื่อสารรวมถึงภาษาของประเทศสมาชิก่ ผู้วิจัยจึงเห็นความสาคัญการพัฒนาความสามารถใน การใช้ภาษาอังกฤษของนักศึกษาและบุคคลากรที่ทางานในสถานที่ท องเที่ยว่ เชิงนิเวสน์ และการ ทองเที่ยวเชิงเกษตร่ ในจังหวัดมหาสารคาม โดย บูรณาการแนวคิดของการเรียนการสอนภาษา 3 รูปแบบ และเน้นการใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริง เพื่อพัฒนามัคคุเทศกที่มีคุณภาพรองรับ์ นักทองเที่ยวทั่ ้งชาวไทยและชาวตางประเทศ่ ที่จะเข้ามาทองเที่ยวในประเทศไทย่ และประเทศในอนุ ภูมิภาคลุ่มน้าโขง การพัฒนามัคคุเทศกในครั์ ้งนี้ยังสอดคล้องกบนโยบายของรัฐบาลของประเทศไทยั ที่ต้องการยกระดับความสามารถในการใช้ภาษาตางประเทศ่ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ เพี่อรองรับการ พัฒนาและการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศและให้มีความพร้อมและมีศักยภาพเพื่อ การแขงขันในเวทีโลก่ ดังนั้นการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาตางประเทศของมัคคุเทศก่ จึงมี์ ความจาเป็นอย างมากโดยเฉพาะภาษาที่ต้องใช้ในการมีปฏิสัมพันธ์ก่ บนักทั องเที่ยว่ การให้ข้อมูลแก่ นักทองเที่ยว่ และการพานักทองเที่ยวไปชมสถานที่ท่ องเที่ยว่ โดยเน้นทักษะการฟังและการพูด การ วิจัยนี้ แบงเป็น่ 2 ระยะ ระยะที่ 1 (ปี 2559) การสร้างหลักสูตร ประกอบ ด้วย 4 ขั้นตอน 1) ศึกษา เอกสารและงานวิจัยเพื่อกาหนดกรอบและสร้างเครื่องมือ 2) สารวจปัญหาและความต้องการของ นักศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้อง 3) สร้างพัฒนาและหลักสูตรโดยให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านประเมิน 4) ปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรสาหรับกลุ ่มเป้าหมาย ระยะที่ 2 (ปี 2560)ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ 1) สร้างและพัฒนาหลักสูตรอบรม 2) ใช้หลักสูตรกบกลุั ่มเป้าหมาย 3) ติดตามประเมินผล และสรุปผล การดาเนินงาน

6. วัตถุประสงค์การวิจัย ระยะที่ 1 6.1 เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการสาหรับการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ของนักศึกษาและบุคคลากรที่ทางานในสถานที่ท องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ 6.2 เพื่อสร้างและพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมภาษาอังกฤษ โดยการบูรณาแนวคิดของการเรียนรู้ 3 รูปแบบ คือ การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ การสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร และTeaching –Learning Cycle สาหรับนักศึกษาและบุคคลากรที่ท างานในสถานที่ท องเที่ยวที่เข้าร่ ่วมโครงการพัฒนาอาชีพ ทางด้านมัคคุเทศกในจังหวัดมหาสารคาม์ ที่มีประสิทธิภาพ

ระยะที่ 2 6.3 เพื่อพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของนักศึกษาและบุคลากรที่ทางานเก ี่ยวการ ทองเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ สาหรับการเป็นประเทศสมาชิกประชาคมอาเซียนของประเทศไทย 7

โดยการบูรณาแนวคิดของการเรียนรู้ 3 รูปแบบ คือ การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ การสอนภาษาเพื่อ การสื่อสาร และTeaching –Learning 6.4 เพื่อให้นักศึกษาและบุคคลากรที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ได้ใช้์ ภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริง 6.5 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาและ บุคคลากรทัวไป่ ที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาอาชีพ ทางด้านมัคคุเทศก ์ ตอการฝึกอบรมภาษาอังกฤษส่ าหรับมัคคุเทศก ์

7. ขอบเขตการวิจัย

7.1 แบบของการวิจัยแบงออกเป็น่ 2 ระยะ ใช้ทั้งงานวิจัยเชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณ ระยะ 1 เป็น การสร้างและพัฒนาหลักสูตร ระยะที่ 2 การใช้หลักสูตรกบกลุั ่มเป้าหมาย โดยการสร้างหลักสูตร ฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development) เกี่ยวกบการพัฒนาั ความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษ สาหรับมัคคุเทศก ทางด้าน์ โบราณคดี วัฒนธรรม ชุมชน นิเวศน์และ เกษตร ในจังหวัดมหาสารคาม และการวิจัยเชิงปริมาณ เป็นงานวิจัยเชิงทดลองใช้หลักสูตรกบั กลุ่มเป้าหมาย โดยการเปรียบเทียบความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ และการใช้ภาอังกฤษใน สถานการณ์จริง ระยะการดาเนินการวิจัย 2 ปีการศึกษา ตุลาคม 2559 - กนยายนั 2560 และ ตุลาคม 2560-กนยายนั 2561

7.2 กลุ่มประชากรป้าหมาย ประชากรเป้าหมายระยะที่ 1 ได้แก่ นักศึกษาระดับปริญญาตรีภาคปกติชั้นปีที่ 3 สาขาวิชา ภาษาอังกฤษ และภาษาอังกิจธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และ นักศึกษาสาขาวิชาการ โรงแรม และการทองเที่ยว่ คณะวิทยาการจัดการ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ปีการศึกษา 2558 จานวน 5 ห้อง รวม 171 คน 7.3 ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย 7.3.1 ตัวแปรต้น ได้แก่ ความสามารถ และความต้องการพัฒนาภาษาอังกฤษสาหรับ มัคคุเทศกทางด้านโบราณคดี์ วัฒนธรรม ชุมชน นิเวสน์ และ เกษตร ในจังหวัดมหาสารคาม 7.3.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ หลักสูตรที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาความสามารถในการใช้ ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ทางด้านทางด้านโบราณคดี์ วัฒนธรรม ชุมชน นิเวสน์ และ เกษตร ใน จังหวัดมหาสารคามโดยการบูรณาแนวคิดของการเรียนรู้ 3 รูปแบบ คือ การเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียน เป็นสาคัญ ( Learner-Centered Instruction), วิธีการสอนตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร (Communicative Approach) และ Teaching –Learning Cycle 7.4 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ระยะที่ 1 ได้แก่ แบบประเมินความสามารถในการใช้ภาษา อังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ แบบสอบถามความต้องการพัฒนาภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ หลักสูตร ภาษาอังกฤษสามัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ แบบประเมินความถูกต้องและความเหมาะสมของ 8

หลักสูตร ระยะที่ 2 หลักสูตรภาษาอังกฤษสามัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ แบบทดสอบวัดความรู้ ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ แบบทดสอบทักษะการฟัง แบบประเมินทักษะการพูด แบบประเมิน หาคาดัชนีความสอดคล้องแบบทดสอบ่ แบบสอบถามความพึงพอใจเกี่ยวตอหลักสูตรฝึกอบรม่ และ แผนจัดการเรียนรู้ 7.5 ขั้นตอนการวิจัยได้แบงออกเป็น่ 2 ระยะ ระยะที่ 1 ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ 1) ศึกษา เอกสารและงานวิจัยเพื่อกาหนดกรอบและสร้างเครื่องมือ 2) สารวจปัญหาและความต้องการของ นักศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้อง 3) สร้างและพัฒนาหลักสูตรโดยให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสาหรับ กลุ่มเป้าหมาย ระยะที่ 2 (ปี 2561)ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ 1) ทดลองและพัฒนาหลักสูตรอบรม 2) ใช้หลักสูตรกบกลุั ่มเป้าหมาย 3) ติดตามประเมินผล และสรุปผลการดาเนินงาน

8 สมมุติฐานการวิจัย ระยะที่ 1 8.1 หลักสูตรการฝึกอบรมภาษาอังกฤษ โดยการบูรณาแนวคิดของการเรียนรู้ 3 รูปแบบ คือ การ เรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสาคัญ ( Learner-Centered Instruction), วิธีการสอนตามแนวการสอน ภาษาเพื่อการสื่อสาร (Communicative Approach) และ Teaching –Learning Cycle สาหรับนักศึกษา และบุคคลากรที่ทางาน เกี่ยวกบการทั องเที่ยวเชิงโบราณคดี่ วัฒนธรรม ชุมชน เชิงนิเวศน์ และเชิง เกษตรในจังหวัดมหาสารคามที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาอาชีพทางด้านมัคคุเทศก ์ ที่มีคุณภาพ

ระยะที่ 2 8.1 ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ ก่อนและหลังการใช้ หลักสูตรการ ฝึกอบรมภาษาอังกฤษ โดยการบูรณาแนวคิดของการเรียนรู้ 3 รูปแบบ คือ การเรียนการสอนที่ยึด ผู้เรียนเป็นสาคัญ (Learner-Centered Instruction), วิธีการสอนตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร (Communicative Approach) และ Teaching –Learning Cycle และการใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์ จริงในสถานที่ ทองเที่ยวเชิงโบราณคดี่ วัฒนาธรรม ชุมชน นิเวศน์ เชิงและเชิงเกษตร ในจังหวัด มหาสารคามที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาอาชีพทางด้านมัคคุเทศก ์ มีความแตกตางก่ นั 8.2 ผู้เข้าอบรมมีความพึงพอใจหลักสูตรภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก โดยการบูรณาแนวคิด์ ของการเรียนรู้ 3 รูปแบบ คือ การเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสาคัญ ( Learner-Centered Instruction), วิธีการสอนตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร ( Communicative Approach) และ Teaching – Learning Cycle และการใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริงสถานที่ ทองเที่ยวเชิงโบราณคดี่ วัฒนา ธรรม ชุมชน นิเวศน์ และเชิงเกษตรในจังหวัดมหาสารคาม อยูในระดับมาก่

9

9. กรอบแนวคิดการวิจัย 9.1 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องการทองเที่ยว่ เชิงโบราณคดี วัฒนาธรรม ชุมชน นิเวศน์ และเชิงเกษตรเพื่อกาหนดกรอบ การสร้างเครื่องมือ 9.2 ศึกษาปริบท สถานการณ์ และ บุคลากรในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกบการทั องเที่ยวเชิงโบราณคดี่ วัฒนาธรรม ชุมชน นิเวศน์ และเชิงเกษตร ในจังหวัดมหาสารคาม เพื่อกาหนดกรอบการสร้าง เครื่องมือวิจับ 9.3 การสร้างกรอบแนวคิดสาหรับการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของมัคคุเทศก ์ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้วิจัยได้นาแนวคิดของทฤษฎีการเรียนรู้กลุ ่มพฤติกรรมนิยม โดยนากฎ การเรียนรู้จากแนวคิดของทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ มาประยุกต์ใช้กบการจัดการเรียนการั สอน ดังนี้ 9.3.1 กฎแห่งความพร้อม สารวจความพร้อมและสร้างความพร้อมให้ก บผู้เข้าอบรมั โดย การวิเคราะห์ความต้องการ ศึกษาข้อมูลภูมิหลังของผู้เข้าอบรม ทดสอบก่อนเรียน เพื่อนาข้อมูลไปใช้ เพื่อการเตรียมความพร้อมสาหรับผู้เข้าอบรม 9.3.2 กฎแห่งการฝึกหัด ทักษะฟังและพูดภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่ต้องมีการฝึกฝนอยูเสมอ่ เพื่อความถูกต้องและคล่องแคล่วในการสื่อสาร โดยเริ่มการฝึกฝนจากองค์ประกอบยอยของภาษาไปสู่ ่ ส่วนรวมของภาษา 9.3.3 กฎแห่งการใช้ ผู้เข้าอบรมได้ฝึกฝนทักษะการฟังและพูดภาษาอังกฤษ และนาความรู้ มาใช้ในสถานการเพื่อการสื่อสารที่สร้างขึ้น 9.3.4 กฎแห่งผลที่พึงพอใจ คะแนนจากการทาแบบฝึกหัด การทดสอบ และ วุฒิบัตร เป็น รางวัลสาหรับผู้เข้าอบรมที่ผ านการประเมินผล่ 9.4 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยเกี่ยวกบการสร้างและพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมั และวิเคราะห์ และ สังเคราะห์ แนวคิดเกี่ยวกบการสร้างและพัฒนาหลักสูตรของั Taba โดยปรับเป็น 5 ขั้นตอน กระบวนการและการสร้างเครื่องมือของงาน วิจัยแบบมีส่วนร่วม ของ สิทธินัฐ ประพุทธนิติสาร (2546 : 142) และรูปแบบการจัดอบรมมัคคุเทศกอย์ างยั่ งยืน่ ของ ไวเลอร์ และ ฮาร์น (Weiler and Harn. 2002 : 52) สามารถสรุปองค์ประกอบของรูปแบบการฝึกอบรมเพื่อการพัฒนาความสามารถใน การใช้ภาษาตางประเทศของมัคคุเทศก่ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยประกอบด้วยขั์ ้นตอน จุดมุงหมาย่ กระบวนการ และผู้ที่เกี่ยวข้อง 9.5 การสังเคราะห์แนวคิดเกี่ยวกบการเรียนการสอนภาษาั 3 รูปแบบ สร้างหลักสูตรอบรมภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ ในจังหวัดมหาสารคาม ใช้แนวคิดของ ทาบา (Taba) โดยปรับเป็น 5 ขั้นตอน เน้นความสมดุลและความสอดคล้องระหวางขั่ ้นตอนการพัฒนา หลักสูตรและความคงที่ขององค์ประกอบที่มีในหน่วยการเรียนสัดส่วนของกิจกรรมการเรียนรู้ รูป แบบและกิจกรรมการเรียนรู้ ตลอดจนการประเมินผล และแนวคิดวิจัยแบบมีส่วนร่วม ของ สิทธินัฐ 10

ประพุทธนิติสาร (2546 : 142) และรูปแบบการจัดอบรมมัคคุเทศกอย์ างยั่ งยืน่ ของ ไวเลอร์ และ ฮาร์น (Weiler and Harn. 2002 : 52) สามารถสรุปองค์ประกอบของรูปแบบการฝึกอบรมเพื่อการพัฒนา ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ ส่วนกิจกรรมการเรียน การสอน ผู้วิจัยได้ยึดข้อมูลปัญหาและความต้องการของนักศึกษาและบุคคลากรที่ทางานเก ี่ยวกบการั ทองเที่ยว่ รวมทั้ง ศึกษาหนังสือ English for Tour Guides ของ ศูนย์พัฒนาความสามารถในการใช้ ภาษาอังกฤษ สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เพื่อเป็นกรอบเนื้อหา และออกแบบการกิจการ เรียนเรียนสอนโดยใช้แนวคิดของรูปแบบการสอน 3 รูปแบบ การสร้างบทเรียนและจัดกิจกรรมการ เรียนการสอนเน้นกระบวนการเรียนรู้และ ความตอเนื่องของก่ ิจกรรมการเรียน โดยยึดหลักการของ Task-Based learning ของ ‚Willis (1996) อ้างใน ก่ิงแกว้ รัชอินทร์. (2553) Teaching-Learning Cycle ของ แอน เบิร์น (Ann Burns) การสอนภาษาเพื่อการสื่อสารอ้างใน ก่ิงแกว้ รัชอินทร์. (2553) และ การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญของ เดวิด นูนัน (David Nunan) นี้ ประกอบด้วย ชื่อ หลักสูตร หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ หัวข้อเรื่อง เนื้อหาที่เป็นทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ใน ห้องเรียนและนอกห้องเรียน และการวัดผลประเมินผล สื่อการสอน สังเคราะห์แนวคิดเกี่ยวกบการั เรียนการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร (ก่ิงแกว้ รัชรินทร์, 2553) แนวคิเกี่ยวกบเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนั เป็นสาคัญของ เดวิด นูนัน (David Nunan) และแนวคิดเกี่ยวกบการเรียนการสอนั Teaching-Learning Cycle ของ แอน เบิร์น (Ann Burns) เพื่อนามาเป็นกรอบส าหรับการออกแบบก ิจกรรมการเรียนการ สอนภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ 9.5.1 ศึกษาเอกสาร งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการสาหรับการ พัฒนาภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ เพื่อกาหนดกรอบเนื ้อหาและขั้นตอนในการพัฒนาภาษาอังกฤษ สาหรับมัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ 9.5.2 สร้างหลักสูตรอบรมภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ ในจังหวัดมหาสารคาม ใช้แนวคิด ของ ทาบา (Taba) โดยปรับเป็น 5 ขั้นตอน เน้นความสมดุลและความสอดคล้องระหวางขั่ ้นตอนการ พัฒนาหลักสูตรและความคงที่ขององค์ประกอบที่มีในหน่วยการเรียน สัดส่วนของกิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบและกิจกรรมการเรียนรู้ ตลอดจนการประเมินผล และแนวคิดวิจัยแบบมีส่วนร่วม ของ สิทธิ นัฐ ประพุทธนิติสาร (2546 : 142) และรูปแบบการจัดอบรมมัคคุเทศกอย์ างยั่ งยืน่ ของ ไวเลอร์ และ ฮาร์น (Weiler and Harn. 2002 : 52) สามารถสรุปองค์ประกอบของรูปแบบการฝึกอบรมเพื่อการ พัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ ส่วนกิจกรรมการ เรียนการสอน ผู้วิจัยได้ยึดข้อมูลปัญหาและความต้องการของนักศึกษาและบุคคลากรที่ทางานเก ี่ยวกบั การทองเที่ยว่ รวมทั้ง ศึกษาหนังสือ English for Tour Guides ของ ศูนย์พัฒนาความสามารถในการใช้ ภาษาอังกฤษ สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เพื่อเป็นกรอบเนื้อหา และออกแบบการกิจการ เรียนเรียนสอนโดยใช้แนวคิดของรูปแบบการสอน 3 รูปแบบ การสร้างบทเรียนและจัดกิจกรรมการ เรียนการสอนเน้นกระบวนการเรียนรู้และ ความตอเนื่องของก่ ิจกรรมการเรียน โดยยึดหลักการของ 11

Task-Based learning ของ ‚Willis (1996) อ้างใน ก่ิงแกว้ รัชอินทร์. (2553) Teaching-Learning Cycle ของ แอน เบิร์น (Ann Burns) การสอนภาษาเพื่อการสื่อสารอ้างใน ก่ิงแกว้ รัชอินทร์. (2553) และ การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญของ เดวิด นูนัน (David Nunan) นี้ ประกอบด้วย ชื่อ หลักสูตร หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ หัวข้อเรื่อง เนื้อหาที่เป็นทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ใน ห้องเรียนและนอกห้องเรียน และการวัดผลประเมินผล สื่อการสอน ระยะเวลาการอบรม สถานที่ อบรม จานวนผู้เข้าอบรม คุณสมบัติผู้เข้าอบรม ผลที่คาดวาจะได้รับ่ ประกอบ 16 บท

12

บทที่ 2

เอกสารและงานวิจัย ที่เกี่ยวข้อง

การศึกษาเอกสารงานและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกบการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาั อังกฤษโดยใช้ชุดฝึกอบรม สาหรับมัคคุเทศก ทางด้านโบราณคดี์ วัฒนธรรม ชุมชน นิเวศน์และเกษตร ในจังหวัดมหาสารคาม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ผู้วิจัยได้ศึกษาทฤษฎีและแนวคิด รวมถึงเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นแนวทางการวิจัยดังนี้ 1. สถานการณ์การทองเที่ยวของโลก่ ประเทศไทยและประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแมน่ ้าโขง 2. ความร่วมมือด้านการทองเที่ยวและแนวทางการเตรียมความพร้อมในกรอบอาเซียน่ 3. หน่วยงานภาครัฐและนโยบายส่งเสริมการทองเที่ยวของประเทศไทย่ 4. โครงการแผนการดาเนินงานทางด้านการท องเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ่ 2552 5. แหล่งทองเที่ยวเชิงโบราณคดี่ วัฒนธรรม ชุมชน นิเวศน์และเชิงเกษตรในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ และในจังหวัดมหาสารคาม 6. มัคคุเทศก ์ 7. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ 8. กระบวนการสร้างและพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อพัฒนาความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ เพื่อการทองเที่ยวเชิงนิเวศน์เกษตร่ 8.1 การวิเคราะห์ความต้องการ (Need Analysis) 8.2 การสร้างหลักสูตรฝึกอบรม (Curriculum Design) 8.3 การพัฒนาหลักสูตร (Curriculum Development) 8.4 การฝึกอบรม (Training) 8.5 รูปแบบการจัดฝึกอบรม 9. ทฤษฎีและแนวคิดเกี่ยวกบการเรียนการสอนสั าหรับผู้ใหญ ่ 9.1 ทฤษฎีการเรียนกลุ่มพฤติกรรมนิยม 9.2 การเรียนรู้ของผู้ใหญ่ 9.3 ทฤษฎีการเรียนรู้ภาษาที่สองหรือภาษาตางประเทศส่ าหรับผู้ใหญ ่ 9.4 แนวคิดและการสอนตามหลักการของ Communication Approach 9.5 การจัดการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสาคัญ (Learner-Centered Instruction) 9.6 The Teaching-Learning Cycle Model 9.10 การวัดผลประเมินผลตามสภาพความจริง (Authentic Assessment) 13

9.11โครงสร้างหลักสูตรระดับปริญญาตรีสาขาวิชาภาษาอังกฤษ และสาขาวิชาภาษาอังกฤษ ธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และสาขาวิชาการโรงแรม และการทองเที่ยว่ คณะ วิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 9.12 กฏบัตรประชาคมอาเชียน 10. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 10.1 งานวิจัยเกี่ยวกบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ั 10.2 การพัฒนาภาษาอังกฤษเพื่อการทองเที่ยว่ 11. กรอบแนวคิดในการวิจัย

1. สถานการณ์การท่องเที่ยวโลก ประเทศไทย และประเทศในภูมิภาคล่มนุ ้าโขง องค์การการทองเที่ยวโลก่ (WTO) คาดการณ์วาจะมีการเติบโตทางด้านการท่ องเที่ยวใน่ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประมาณ 10% เนื่องจาก นักทองเที่ยวให้ความสนใจแหล่ ่งทองเที่ยวใหม่ ๆ่ ใน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคมากขึ้น โดยเฉพาะกมพูชาั เวียดนาม อินเดีย และจีน ซึ่งมีอัตราการเติบโตของ นักทองเที่ยวสูงในล่ าดับต้นๆ ของภูมิภาค รองลงมาได้แก่ ภูมิภาคแอฟริกา ภูมิภาคอเมริกา ภูมิภาค ยุโรป และภูมิภาคตะวันออกกลาง ตามลาดับ สถานการณ์การทองเที่ยวของประเทศไทยในปี่ 2548 มี นักทองเที่ยวต่ างชาติเข้าไทย่ 11.52 ล้านคน แม้วาลด่ ลงจากปีที่ผานมาร้อยละ่ 1.15 การซึ่งเป็นผลมา จาก เหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยและความไมสงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้่ รวมทั้งภาวการณ์แขงขัน่ ที่รุนแรงจากแหล่งทองเที่ยวที่เก่ ิดใหม ่ (เวียดนาม จีน อินเดีย) และการสร้างสินค้า เป็นผลให้ ภาครัฐบาลและเอกชนของไทยได้พยายามกระตุ้นตลาดและการเร่งฟื้นฟูแหล่งทองเที่ยว่ ของไทยและ สามอันดับแรกของนักทองเที่ยวมาจากกลุ่ ่มประเทศเอเชียตะวันออก อาเซียน และ ยุโรป ส่วนภูมิภาค ที่นักทองเที่ยวนิยม่ ในสามอันดับแรกของประเทศไทย คือ กรุงเทพฯ ภาคกลาง และ ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นผลให้จานวนของนักท องเที่ยวต่ างชาติที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย่ ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2549 จานวน 12.38 ล้านคน ซึ่งมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 20 นักทองเที่ยวจาก่ กลุ่มประเทศยุโรปมีจานวนเพิ ่มขึ้นอยางต่ อเนื่องมาเป็นอันดับที่สองรองจากเอเชียตะวันออก่ ส่วน จานวนของนักท องเที่ยวที่เพิ่ ่ม ขึ้นอยางต่ อเนื่อง่ เป็นนักทองเที่ยวมาจากกลุ่ ่มประเทศ เอเชียตะวันออก กลาง แอฟริกา และโอเซียเนีย

2. หน่วยงานภาครัฐและนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย

2.1 ยุทธศาสตร์การพัฒนาและการส่งเสริมการทองเที่ยวของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ่ การศึกษาวิจัยเพื่อสร้างยุทธศาสตร์การพัฒนาและการส่งเสริมการทองเที่ยวของภาค่ ตะวันออกเฉียงเหนือ สานักงานการท องเที่ยวแห่ ่งประเทศไทยจึงได้กาหนด 17 ยุทธศาสตร์เพื่อ ส่งเสริมการทองเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยมีเป้าหมายของยุทธศาสตร์่ คือการพัฒนาการ 14

ทองเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้อยู่ ในระดับมาตรฐานการท่ องเที่ยวสากลโดยรักษาเอกลักษณ์่ ของตนเอาไว้และส่งเสริมให้เป็นจุดเด่นสาหรับการท องเที่ยวด้วย่ มุงเน้นการท่ าตลาดเชิงรุกต อ่ นักทองเที่ยวชาวต่ างชาติให้มาเยือนอีสานมากขึ่ ้น โดยการโฆษณา และประชาสัมพันธ์วาเป็น่ ดินแดนทองเที่ยวคุณภาพสูงที่มีความคุ้มค่ าด้านราคา่ เมื่อเทียบกบแหลั ่งทองเที่ยวอื่น่ ๆ ประกอบกบมีั โบราณสถานมากมาย ศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์เก่าแก่ ศาสนสถาน การทองเที่ยวเชิงเกษตร่ พร้อมทั้งประเพณี วิถีชีวิตของชนเผาต่ าง่ ๆ และการทองเที่ยวทางน่ ้า ได้แก่ แมน่ ้าโขง ซึ่งเป็นแมน่ ้า นานาชาติไหลผานหลายประเทศ่ และ การส่งเสริมการผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพให้กบอุตสาหกรรมั การทองเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ่ คือ การพัฒนาความรู้ด้านภาษาตางประเทศ่ การจัดการ ทองเที่ยวอย่ างยั่ งยืนแก่ ่มัคคุเทศกทั์ วไปและท้องถิ่ ่น รวมทั้งการบริหารจัดการสถานที่พัก (จุลสารวิชาการอิเลคโทรนิคส์ การทองเที่ยวแห่ ่งประเทศไทย 2549)

2.2 เส้นทางเศรษฐกิจแนวตะวันตก-ตะวันออก (East-West Economic Corridor)

ภาพที่ 1 เส้นทางเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก

ตลาดการทองเที่ยวในอนุภูมิภาคลุ่ ่มน้าโขงมีแนวโน้มว าจะดีขึ่ ้น เนื่องมาจาก รัฐบาลจาก ประเทศในภูมิภาคนี้ได้ร่วมมือกนสร้างั เส้นทางเศรษฐกิจแนวตะวันออก – ตะวันตก (East-West Economic Corridor : EWEC) ซึ่งประกอบด้วย จีน พมา่ เวียดนาม กมพูชาั และไทย เพื่อสร้าง ประโยชน์แก่ประเทศในภูมิภาคลุ่มน้าโขง โดยการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่จะ เคลื่อนย้ายคน สินค้า และยานพาหนะข้ามพรมแดนของแตละประเทศด้วยการลดหย่ อนเงื่อนไขหรือ่ ข้อจาก ดระหวั างก่ นโดยการั เพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างรายได้ โดยถนนสายนี้เชื่อม ระหวางเมืองดานังในเวียดนาม่ เชื่อมเข้าสู่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่แขวงสะหวัน นะเขต และผานไทยที่จังหวัดมุกดาหาร่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น เพชรบูรณ์ พิษณุโลก และตาก เพื่อ ไปสู่เมืองเมาะละแมงของพม่ า่ ได้รับการสนับสนุนจาก ธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย หรือ เอ ดี บี โครงการที่จะเสร็จสมบูรณ์ ในปี พ.ศ. 2551 15

2.3 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10

รัฐบาลไทยได้วางกรอบ นโยบาย เพื่อการพัฒนาเศรฐกิจของชาติของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10 โดยมุงพัฒนาให้่ สังคมอยูเย็นเป็นสุขร่ ่วมกนั (Green and Happiness Society) คนไทยมีคุณธรรม นาความรอบรู้ รู้เทาทันโลก่ ครอบครัวอบอุน่ ชุมชน เข้มแข็ง สังคมสันติ สุข เศรษฐกิจมีคุณภาพ เสถียรภาพ และเป็นธรรม สิ่งแวดล้อมมีคุณภาพและทรัพยากรธรรมชาติที่ ยังยืน่ อยูภายใต้ระบบบริหารจัดการประเทศที่มีธรรมาภิบาล่ ดารงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และอยูในประชาคมโลกได้อย่ างมีศักดิ่ ์ศรี โดยมีเป้าหมาย คือ 2.3.1 การพัฒนาคุณภาพคนและความ เข้มแข็งของชุมชน 2.3.2 การพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ ให้การผลิตเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรมีอัตราส่วนเพิ่มขึ้น 2.3.3 การสร้างความมันคงของฐานทรัพยากรและสิ่ ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ 2.3.4 ด้านธรรมาภิบาลเน้นภาพลักษณ์ของความโปร่งใส ระบบราชการที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกบประชาธิปไตยและธรรมาภิบาลในบริบทไทยั 2.3.5 การพัฒนาประเทศ มุงเน้นการพัฒนาคุณภาพคนและสังคมไทยสู่ ่สังคมแห่งภูมิปัญญาและ การเรียนรู้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและสังคมให้เป็นรากฐานที่มันคงของประเทศ่ 2.3.6 การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สู่การปฏิบัติและการติดตามประเมินผล ให้ภาคีพัฒนาทุกภาคส่วน มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน จากยุทธศาสตร์การพัฒนาและการส่งเสริมการทองเที่ยวของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ่ สรุป ได้วา่ เป้าหมายของยุทธศาสตร์การทองเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ่ คือ ต้องการพัฒนาการ ทองเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานในระดับสากล่ เน้นนักทองเที่ยวทั่ ้ง ในประเทศและตางประเทศ่ โดยมีโครงการแผนการดาเนินงานด้านการท องเที่ยวภาคตะวันออก่ เฉียงเหนือ ปี 2552 เน้นกลุ่มนักทองเที่ยวเป้าหมาย่ จาก ภูมิภาคเอเชียตะวันออก ภูมิภาคอาเซียน เอเชีย ใต้และ แปซิฟิค โดยการพัฒนาแหล่งทองเที่ยว่ ระบบบริการข้อมูลสารสนเทศ การพัฒนาทรัพยากร มนุษย์ การตลาด และการเชื่อมโยงเครือขายการท่ องเที่ยวจากระดับชุมชน่ ระดับประเทศสู่กลุ่ม ประเทศในภูมิภาคลุ่มน้าโขง

2.4 กระทรวงการการท่องเที่ยวและกีฬา

กระทรวงการการทองเที่ยวและก่ ีฬา ได้กาหนด กรอบนโยบายของคณะกรรมการทองเที่ยว่ แห่งประเทศไทย ปี พ.ศ. 2550 – 2554 ดังนี้ 2.4.1 ส่งเสริมให้การทองเที่ยวมีบทบาทในการช่ ่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทัวทุก่ ภูมิภาคของไทย และเป็นเครื่องมือสาคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐก ิจ ก่อให้เกิดการสร้างงานและเพิ่ม รายได้ให้กบประเทศั 16

2.4.2 ส่งเสริมให้การทองเที่ยวของประเทศไทยเติบโตอย่ างยั่ งยืน่ โดยเน้นการขยายฐานตลาด นักทองเที่ยวคุณภาพ่ ทั้งในพื้นที่ใหมและในตลาดเฉพาะกลุ่ ่ม ภายใต้การสร้างความเข้มแข็งของตรา สินค้า (Brand) ประเทศไทยอยางต่ อเนื่อง่ 2.4.3 ส่งเสริมให้การทองเที่ยวเป็นส่ ่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย โดยเน้นการประสานงานระหวาง่ เครือขายภาครัฐก่ บภาคเอกชนั กระตุ้นให้เกิดการทองเที่ยวภายในประเทศที่ก่ ่อให้เกิดการเรียนรู้และ การสร้างสรรค์ประโยชน์ทั้งตอสถาบันครอบครัวและต่ อสังคมโดยรวม่ อันจะนาไปสู ่การสร้างและ กระตุ้นจิตสานึกรักษาสิ ่งแวดล้อม รวมทั้งให้เกิดความรักและภาคภูมิใจในเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทย 2.4.4 ส่งเสริมการทองเที่ยวให้กระจายตัวสู่ ่แหล่งทองเที่ยวรองมากขึ่ ้น เพื่อสร้างสมดุล ระหวาง่ พื้นที่ทั้งด้านเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการทองเที่ยวเชื่อมโยงระหว่ างกลุ่ ่มจังหวัดและ ข้ามภูมิภาค 2.4.5 ส่งเสริมการเดินทางทองเที่ยวเชื่อมโยงก่ บประเทศเพื่อนบ้านโดยการทั าการตลาด ร่วมกนั เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางทองเที่ยวทั่ ้งภายในภูมิภาคและภายนอกภูมิภาค อันจะนา ไปสู่การพัฒนาการทองเที่ยวที่ได้มาตรฐานร่ ่วมกนอยั างเป็นระบบ่ และช่วยเพิ่มความสามารถ ทางการแขงขันของภูมิภาคนี่ ้ในตลาดทองเที่ยวโลก่ 2.4.6 มุงพัฒนาองค์กร่ ระบบบริหารจัดการ และเสริมสร้างบุคลากรให้มีทักษะและขีด ความสามารถทางการตลาดทองเที่ยว่ เพื่อให้เป็นองค์กรแห่งการขับเคลื่อน (Driving Force) ที่มี ประสิทธิภาพในการดาเนินงาน และมีศักยภาพทางการแขงขันระดับนานาชาติภายใต้่ หลักธรรมาภิ บาล รวมทั้งพัฒนาความเข้มแข็งขององค์กรในบทบาทเชิงวิชาการและองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกบเรื่องั การตลาด 2.4.7 พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการทองเที่ยว่ (e - Tourism) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ประเทศไทย และเสริมสร้างศักยภาพในการส่งเสริมการตลาดผานสื่อ่ สารสนเทศ 2.4.8 ส่งเสริมการอานวยความสะดวกและความปลอดภัยของนักท องเที่ยว่ โดยประสานควา ร่วมมือและแกไขปัญหาที่เก้ ี่ยวข้องกบการทั องเที่ยว่ กบหนั ่วยงานภาครัฐ และเอกชน

2.5 การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว

2.5.1 ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพในการแขงขันตลาดเชิงรุกทั่ ้งในและตางประเทศ่ โดยจัดทาสื่อ การขายที่มุงเน้นคุณภาพสินค้าและความหลากหลาย่ เน้นกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เพิ่มประสิทธิภาพ การตลาด ตลอดจนส่งเสริมการถ่ายทาภาพยนตร์ ตางประเทศในประเทศไทย่ 2.5.2 ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น Gateway ในภูมิภาคเอเชีย โดยการเชื่อมโยงการทองเที่ยวก่ บั ประเทศเพื่อนบ้านภายใต้กรอบความร่วมมือ ระหวางประเทศ่ 17

2.5.3 พัฒนาระบบสารสนเทศ โดยการจัดทาฐานข้อมูลด้านการท องเที่ยว่ ระบบสารสนเทศด้าน การบริหาร 2.5.4 ส่งเสริม World Event Marketing โดยการเสนอขายเทศกาลงานประเพณี และกิจกรรม ให้ เป็นสินค้า การทองเที่ยวหลัก่ ทั้งกบั Trader และConsumer ตอเนื่องและความสม่ ่าเสมอให้ครอบคลุม ทุกภาคส่วนในตลาดที่มีศักยภาพ และครบวงจร

2.6 การพัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว

2.6.1 สร้าง พัฒนา ฟื้นฟูและเชื่อมโยงแหล่งทองเที่ยว่ โดยการสร้าง ฟื้นฟู อนุรักษ์ และพัฒนา แหล่งทองเที่ยวใหม่ ่ และเชื่อมโยงแหล่งทองเที่ยวภายในจังหวัด่ กลุ่มจังหวัด ภูมิภาคและประเทศ เพื่อนบ้าน 2.6.2 ยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการ โดยการส่งเสริมให้ชุมชนและประชาชนสามารถ พัฒนาและบริหารธุรกิจทองเที่ยว่ เพื่อขยายฐานเศรษฐกิจและวิสาหกิจชุมชน ตลอดจนการสร้างและ บูรณาการระบบพัฒนาบุคลากรด้านการทองเที่ยว่ ให้มีคุณภาพมาตรฐานสากลและเป็นศูนย์การเรียนรู้ ในภูมิภาค ให้สอดคล้องกบยุทธศาสตร์การสั ่งเสริมการทองเที่ยว่ ทั้งในและตางประเทศ่ 2.6.3 เพิ่มมาตรฐานการอานวยความสะดวกแก ่นักทองเที่ยว่ โดยการเพิ่มประสิทธิภาพของภาครัฐ ในการให้บริการแก่นักทองเที่ยวเข้าออกระหว่ างประเทศ่ ด้วยการประสานความร่วมมือกบประเทศั เพื่อนบ้านในการอานวยความสะดวกการผ านแดน่ และจัดให้มีระบบบริการข้อมูลขาวสารที่เข้าถึงได้่ ง่ายและสะดวกแก่นักทองเที่ยว่ ตลอดจนการปรับปรุงระบบการขนส่ง และการเชื่อมโยงเส้นทางการ เข้าถึงแหล่งทองเที่ยวตามยุทธศาสตร์การท่ องเที่ยวระดับนานาชาติ่ ชาติ ภูมิภาค กลุ่มจังหวัด และ จังหวัด 2.6.4 พัฒนามาตรฐานการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักทองเที่ยว่ โดยการ พัฒนาระบบอานวยความสะดวกและเพิ ่มขีดความสามารถการให้บริการด้วยการประสานความ ร่วมมือกบทุกฝ่ายที่เกั ี่ยวข้องทั้งในและตางประเทศในการส่ ่งเสริมมาตรฐานความปลอดภัยที่เป็น ธรรมและแกไขปัญหาการเอารัดเอาเปรียบนักท้ องเที่ยว่ บทบาทและหน้าที่ของกระทรวงการการทองเที่ยวและก่ ีฬา เป็นองค์กรหลักที่นาประเทศไทย ไปสู่ศูนย์กลางการทองเที่ยวในเอเชียอย่ างมีคุณภาพและยั่ งยืน่ ให้สามารถกระจายรายได้แก่ชุมชน อยางทั่ วถึง่ โดยเน้นเอกลักษณ์ วัฒนธรรมอันดีงามของไทย และพัฒนาการกีฬาให้เป็นหนึ่งในกลุ่ม ผู้นาการก ีฬาแห่งเอเชีย เป็นศูนย์กลางการกีฬาที่สร้างรายได้ สร้างอาชีพ สร้างความเป็นเลิศ และ พัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีในสังคมอยางยั่ งยืน่ โดยการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาการทองเที่ยว่ การ กีฬา ด้วยการบริหารจัดการอยางมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างรายได้เข้าสู่ ่ประเทศ เน้นการบูรณาการ และ ประสานการดาเนินภารก ิจด้านการทองเที่ยวและก่ ีฬา เชื่อมโยงกนอยั างเป็นระบบก่ บทุกภาคสั ่วนให้ 18

สามารถตอบสนองตอการพัฒนาเศรษฐก่ ิจ และสังคมของประเทศอยางยั่ งยืน่ ตลอดจนเสริมสร้าง อุตสาหกรรมการทองเที่ยวและก่ ีฬาให้มีขีดความสามารถในการแขงขันระดับภูมิภาค่ และระดับโลก

3. โครงการแผนการด าเนินงานทางด้านการท่องเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2552

สานักงานการท องเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ่ ได้ มีโครงการแผนการดาเนินงานทางด้าน การทองเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ่ 2552 เพื่อส่งเสริมการขายในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภูมิภาคเอเชียตะวันออก และภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้และแปซิฟิค 3.1 โครงการจัด Agent Farm Trip จากกลุ่มตลาดเอเชียตะวันออก และกลุ่มตลาดอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิค เพื่อดูศักยภาพสินค้าในพื้นที่พร้อมเจรจาธุรกิจกบผู้ประกอบการในพืั ้นที่ 3.2 โครงการส่งเสริมการขายตลาดสิงคโปร์ (งาน NATAS) เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจทองเที่ยว่ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือนาเสนอสินค้าและและบริการทางการท องเที่ยวให้ก่ บผู้สนใจและั ผู้ประกอบการธุรกิจทองเที่ยวจากต่ างประเทศ่ โดยการเชิญผู้ประกอบการจากสิงคโปร์มารู้จักสถานที่ ทองเที่ยวและสถานที่บริการด้านการท่ องเที่ยว่ ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณี การประชุมเชิง ปฏิบัติการร่วมกนเพื่อพัฒนาั Package เพื่อขายในสิงคโปร์ และการจัดงาน Isan Night ในงาน NATAS 3.3 โครงการเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ปี 2552 เพื่อส่งเสริมการเดินทางทองเที่ยวภายในประเทศ่ ปลูกฝังอนุรักษ์ประเพณี วัฒนธรรมไทย และให้ตระหนักรักษาสิ่งแวดล้อมกบแหลั ่งทองเที่ยว่ และยัง สร้างการกระจายเศรษฐกิจไปยังทุกภูมิภาคทัวประเทศ่ โดยมุงเน้นการแสดงทางวัฒนธรรมประเพณี่ เอกลักษณ์ที่โดดเด่น แสดงความกาวหน้าของอุตสาหกรรมท้ องเที่ยวของประเทศไทย่ ด้วยหลากหลาย ของกิจกรรมการทองเที่ยว่ รวมถึงสินค้าและบริการทางการทองเที่ยวประเภทต่ างๆ่ 3.4 โครงการส่งเสริมนักทองเที่ยวกลุ่ ่มเฉพาะเพื่อสร้างภาพลักษณ์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ‚แหล่งเรียนรู้...อูอรยธรรม่ ‛ เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้มีการขยายตัวทางการทองเที่ยวในพื่ ้นที่มาก ขึ้น และเป็นการยกระดับศักยภาพทางการทองเที่ยวของพื่ ้นที่ให้มีความดึงดูดใจ และดารงสถานะทาง การตลาดให้มีความสามารถในการแขงขันในระดับนานาชาติ่ โดยความร่วมกบผู้ประกอบการนั าเที่ยว ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมทางการทองเที่ยวต่ างๆ่ สารวจเส้นทางแต ละเส้นทาง่ เช่น เส้นทาง ไดโนเสาร์เส้นทางอารยธรรมขอม เส้นทางอารยธรรมโบราณ เส้นทางเลียบฝั่งโขง ‚เสน่ห์มนตราริม ฝั่งโขง และมหัศจรรย์แดนศาสนา : เส้นทางตามรอยพระพุทธเจ้า เส้นทางตามรอยบูรพาจารย์ เส้นทางตามรอยอาจารย์ใหญสายวิปัสนา่ เส้นทางเยือนถิ่นคาทอลิก 2 3.5 โครงการที่ดาเนินการต อเนื่องจากปี่ 2551 เพื่อรณรงค์ให้ผู้ประกอบการธุรกิจการทองเที่ยว่ ประเภทตางๆ่ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และนักทองเที่ยวได้รับรู้และตระหนักถึงผลกระทบของ่ การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของโลกที่มีตออุตสาหกรรมการท่ องเที่ยว่ ตลอกจนร่วมมือกบั ภาคเอกชน นักวิชาการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการร่วมมือกนกั าหนดแนวปฏิบัติเพื่อลดก ิจกรรม 19

ที่จะส่งผลให้เกิดสภาวะโลกร้อน โดยการจัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านผลกระทบของสภาวะโลกร้อนตอ่ อุตสาหกรรมการทองเที่ยวแก่ ่ผู้ประกอบการธุรกิจการทองเที่ยวในพื่ ้นที่ ตลอดจนการร่วมมือกนที่จะั ลด ละ เลิก กิจกรรมที่มีผลกระทบตอสภาวะโลกร้อน่ โครงการปีการทองเที่ยวของภาคตะวันออกเฉียงเหนือสามารถสรุปได้ว่ า่ เป็นโครงการทที่ ต้องการ กระตุ้นและส่งเสริมให้เกิดการเดินทางทองเที่ยวจากภูมิภาคต่ างๆ่ เดินทางไปสู่ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ และยังกระจายรายได้ไปสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและแสดงถึงเอกลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี ของคนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตลอดจนเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจ ทองเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือขายสินค้าและบริการให้ก่ นประชาชนทัั วไป่ บทบาทและหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐกบนโยบายสั ่งเสริมการทองเที่ยวของประเทศไทย่ และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สรุปได้วา่ เป้าหมายของนโยบายการทองเที่ยว่ คือการพัฒนาประเทศ ไทยให้เป็นศูนย์กลางการทองเที่ยวไนเอเชียอย่ างมีคุณภาพและยั่ งยืน่ โดยการสร้างเครือขายและความ่ ร่วมมือเกี่ยวกบการทั องเที่ยวก่ บหนั ่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับภูมิภาคและ ระดับ โลก เน้นเอกลักษณ์ที่ดีงามของไทย และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอยางยั่ งยืน่ เพื่อ พัฒนาขีดความสามารถในการแขงขันทั่ ้ง และ พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนสร้างรายได้ ให้กบชุมชนั

4. แหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย

4.1 ความหมายของการท่องเที่ยว

4.1.1 ความหมายการทองเที่ยวขององค์การสหประชาชาติ่ คือ การเดินทางเพื่อความบันเทิงรื่น เริงใจ เยี่ยมญาติหรือ ไปร่วมประชุม ไมใช่ ่เพื่อประกอบอาชีพเป็นหลักเป็นฐาน หรือไปพานักอยู เป็น่ การถาวร 4.1.2 การทองเที่ยวแห่ ่งประเทศไทย ได้อธิบายวา่ การทองเที่ยว่ คือ การเดินทางตามเงื่อนไขที่ กาหนดเป็นสากล 3 ประการได้แก่ 4.1.2.1 ดินทางจากที่อยูปกติไปที่อื่นชั่ วคราว่ 4.1.2.2 เดินทางโดยสมัครใจ 4.1.2.3 ไมใช่ ่การเดินทางไปประกอบอาชีพ หรือ หารายได้ โดยมีจุดประสงค์ในการเดินทางไมใช่ ่เฉพาะเพื่อการพักผอน่ หรือ สนุกสนานรื่นเริง แต่ รวมถึง เพื่อการประชุมสัมมนา หาความรู้ เพื่อการกีฬา ติดตอธุรก่ ิจ หรือ เยี่ยมญาติ 4.1.3 ความหมายโดยทัวการท่ องเที่ยว่ (Tourism) หมายถึง การเดินทางไปสู่สถานที่ตางๆ่ เพื่อ การพักผอนหย่ อนใจ่ เพื่อการศึกษา การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การประชุม การแสดง ธุรกิจ และ อื่นๆ 20

4.1.4 นักวิชาการได้ให้ความหมายวา่ การทองเที่ยว่ (Tourism) หมายถึง ผลรวมของ ปรากฎการณ์ และความสัมพันธ์ตางๆที่เก่ ิดขึ้นมาจากปฏิสัมพันธ์ของนักทองเที่ยว่ ผู้ประกอบธุรกิจ รัฐบาลผู้เป็นเจ้าของบ้าน ในกระบวนการจะดึงดูดใจและการต้อนรับนักทองเที่ยวและผู้มาเยือนอื่นๆ่ ความหมายของการทองเที่ยวสามารถสรุปได้ว่ า่ เป็นการเดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อการพักผอน่ สนุกสนานรื่นเริง การประชุมสัมมนา หาความรู้ แลกเปลี่ยน วัฒนธรรม การกีฬา ติดตอธุรก่ ิจ หรือเยี่ยมญาติ

4.2 ประเภทของแหล่งท่องเที่ยวของไทย 4.2.1 การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (Ecotourism) การทองเที่ยวแห่ ่งประเทศไทยได้ให้คาก าจัดความ ของการทองเที่ยวเชิงนิเวศ่ (Ecotourism) วา่ เป็นการทองเที่ยวที่เน้นเก่ ี่ยวกบสิั ่งแวดล้อมอันเป็นที่อยู่ อาศัยของสิ่งที่มีชีวิต เช่น พืช สัตว์ และมนุษย์ ซึ่งเป็นการทองเที่ยวที่มีความรับผิดชอบในแหล่ ่ง ธรรมชาติ ที่มีเอกลักษณ์ เฉพาะถิ่น และมีความเกี่ยว ข้องกบระบบนิเวศั สิ่งแวดล้อมและนอกจากนี้ยัง เป็นการทองเที่ยวโดยมีกระบวนการเรียนรู้ร่ ่วมกนของผู้ที่เกั ี่ยวข้อง ภายใต้การจัดการอยางมีส่ ่วนร่วม ของท้องถิ่น เพื่อมุงเน้นให้เก่ ิดจิตสานึกต อการรักษาระบบนิเวศอย่ างยั่ งยืน่ 4.1.2 การท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Agrotourism) การทองเที่ยวแห่ ่งประเทศไทย ได้ให้คาจ าก ดั ความเกี่ยวกบการทั องเที่ยวเชิงเกษตร่ (Agrotourism) วา่ เป็นการเดินทางทองเที่ยวไปยังพื่ ้นที่ชม เกษตรกรรม สวนเกษตร วนเกษตร สวนสมุนไพร ฟาร์มปศุสัตว์ และสัตว์เลี้ยง รวมทั้งการ เพาะเลี้ยงสัตว์น้าต าง่ ๆ สถานที่ราชการ ตลอดจน สถาบันการศึกษา ที่มีงานและการพัฒนา เทคโนโลยี การผลิตทางการเกษตรที่ทันสมัย เพื่อชื่นชม ความสวยงาม ความสาเร็จ และเพลิดเพลิน ในกิจกรรมทางการเกษตรในลักษณะตาง่ ๆ ได้ความรู้ได้ประสบการณ์ใหม ่ ๆ ตลอดจนได้รับความ เพลิดเพลิน การทองเที่ยวเชิงเกษตรของประเทศไทย่ ประกอบด้วย การทานา การปลูกและตัดไม้ดอก การทาสวนผลไม้ การทาสวนครัวสวนผัก การทาสวนสมุนไพร การทาฟาร์มปศุสัตว์ และ งาน เทศกาลผลิตภัณฑ์ตางๆ่ 4.2.3 การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (Cultural Tourism) การทองเที่ยวเชิงวัฒนธรรม่ (Cultural Tourism) เป็นการทองเที่ยวและเยี่ยมชมสถานที่แสดงถึง่ ความเป็นวัฒนธรรม เช่น การชมสถาน โบราณวัตถุ โบราณสถาน ปราสาท พระราชวัง วัด ประเพณี ที่แสดงความเจริญรุ่งเรืองที่มีการ พัฒนาให้เหมาะสมกบสภาพแวดล้อมั รวมถึงวิถีการดาเนินชีวิตของบุคคลในแต ละยุคสมัย่ นักทองเที่ยวจะได้รับทราบประวัติความเป็นมา่ ความเชื่อ ความคิด ความศรัทธา ความนิยมของบุคคล ในอดีตที่ถ่ายทอดมาถึงของคนรุ่นหลังโดยผานสิ่ ่งเหล่านี้ 4.2.4 การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health Tourism) การทองเที่ยวเชิงสุขภาพ่ (Health Tourism) ในปัจจุบันสามารถแบงความหมายตามวัตถุประสงค์ได้่ 2 ประเภท คือ

21

4.2.4.1 การทองเที่ยวเชิงบ่ าบัดรักษาสุขภาพ (Health Healing) เป็นการเดินทางทองเที่ยว่ โดยมีโปรแกรมการทาก ิจกรรมบาบัดรักษาโรค หรือฟื้นฟูสุขภาพตาง่ ๆ ที่หลากหลาย รวมทั้งการ ทาฟัน การผาตัดเสริมความงาม่ หรือ การผาตัดแปลงเพศ่ ในโรงพยาบาลและสถานพยาบาล 4.2.4.2 การทองเที่ยวเชิงสุขภาพ่ (Health Promotion) เป็นการทองเที่ยวโดยมีการจัดโปรแกรม่ ส่งเสริมสุขภาพอันประกอบด้วยกิจกรรมตาง่ ๆ และพักแรมในโรงแรม รีสอร์ท หรือ ศูนย์สุขภาพ ซึ่งมีการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพในสถานที่นั้น ๆ จัดขึ้น เช่น การนวดแผนไทย การอบ สมุนไพรไทย กิจกรรมบริการสุคนธบาบัด (Aroma Therapy) การบริการอาบน้าแร ่ (Spa) เป็นต้น

4.3 แหล่งที่ท่องเที่ยวที่ส าคัญของประเทศไทย แหล่งทองเที่ยวสามารถแบ่ งย่ อยได้หลายประเภท่ ตามแตแนวคิดและวัตถุประสงค์่ แตในที่นี่ ้ขอ แบงการท่ องเที่ยวโดยยึดเป้าหมายของการไปชมของนักท่ องเที่ยวเป็นหลัก่ ดังนี้ 4.3.1 แหล่งทองเที่ยวประเภทธรรมชาติ่ หมายถึง สภาพทางกายภาพของธรรมชาติ ที่มีความ สวยงาม หรือความน่าสนใจตอการเดินทางไปเที่ยวชมได้แก่ ่ ภูเขา ป่าไม้ น้าตก แมน่ ้าล าธาร ชายทะเล เกาะแก่งภูมิทัศน์ และสภาพภูมิศาสตร์อื่น ๆ นอกจากนี้ยังรวมถึงบริเวณซึ่งมนุษย์เราได้เข้าไปปรับปรุง ตกแตงเพิ่ ่มเติมในบางส่วน ให้ความงามของธรรมชาติเด่นชัดยิงขึ่ ้น ได้แก่ อางเก่ บน็ ้า เขื่อน และสถานที่ ตากอากาศตาง่ ๆ 4.3.2 แหล่งทองเที่ยวประเภทประวัติศาสตร์่ โบราณวัตถุสถาน และศาสนา หมายถึง สิ่งตาง่ ๆ ที่มนุษย์เราได้สร้างสรรค์ขึ้นตามวัตถุประสงค์และเพื่อประโยชน์ของมนุษย์เอง ทั้งที่เป็นมรดกของอดีต และได้สร้างเสริมขึ้นในสมัยปัจจุบันแตมีผลดึงดูดใจทางการท่ องเที่ยว่ ได้แก่ พระราชวัง ศาสนสถาน โบราณวัตถุสถาน อนุสรณ์สถานและพิพิธภัณฑ์ 4.3.3 แหล่งทองเที่ยวประเภทศิลปวัฒนธรรม่ ประเพณีและกิจกรรม หมายถึงรูปแบบการ ดาเนินชีวิตของผู้คนในสังคมและการประพฤติปฏิบัติที่ยึดถือ และสืบทอดตอก่ นมาตลอดจนกั ิจกรรม ตาง่ ๆ ที่มีผลตอการดึงดูดใจทางการท่ องเที่ยว่ ได้แก่ สภาพชีวิตไทยริมคลอง ตลาดน้าเรือนแพหมู ่ บ้าน ชาวเขา หมูบ้านประมง่ งานเทศกาลประเพณี ศูนย์แสดงวัฒนธรรมประเพณี และสวนสนุกเป็นต้น

22

5. แหล่งท่องเที่ยวทางด้านโบราณคดี วัฒนธรรม เมืองและชุมชน นิเวศน์ และ เชิงเกษตรในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ

ภาพที่ 2 แหล่งทองเที่ยวทางด้านโบราณคดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ่ (อีสาน) 1. แหลงโบราณคดีบ้านเชียง่ 2. เมืองฟ้าแดดสงยาง 3. อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง 4. อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย 5. พระธาตุก่องข้าวน้อย 6. พระธาตุนาดูน 7. พระธาตุนารายณ์เจงเวง 8. พระธาตุหนองสามหมื่น 9. พระธาตุพนมวรมหาวิหาร 10. พระธาตุศรีสองรัก 11. พระธาตุยาคู 12. โบราณสถานภูผายา 13. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท 14. ปรางค์กู่ 15. ปราสาทบ้านเบญ 16. ปราสาทบ้านปราสาท 17. ปราสาทหินบ้านพลวง 18. ปราสาทเมืองต่า 19. ปราสาทเปือยน้อย 20. ปราสาทหินวัดสระกาแพงน้อย

ภาพที่ 3 แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง

23

แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ตั้งอยูที่่ อาเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี เป็นแหล่งโบราณคดี บ้านเชียง ถูกค้นพบเมื่อปี 1966 และได้จดทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแตปี่ 1992 เป็นแหล่งโบราณคดีที่ มีชื่อเสียงอยางกว้างขวางที่แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการทางวัฒนธรรม่ หลักฐานการตั้งถิ่นฐาน และ อารยธรรมของชุมชนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อประมาณ 5,000 ปีที่แล้ว ถือได้วาเป็นแหล่ ่งอารย ธรรมโบราณที่สาคัญของประเทศไทย โบราณวัตถุและหลักฐานทางโบราณคดีประเภทตางๆ่ ที่พบ จากแหล่งโบราณคดีแห่งนี้เป็นประจักษ์พยานให้เห็นถึงหลากหลายแง่มุมของวัฒนธรรมที่ได้รับการ พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะทางด้านทักษะ และสติปัญญาที่ได้รับการถ่ายทอดสืบตอก่ นมารุั ่นตอรุ่ ่น อัน เป็นเครื่องมือสาหรับช ่วยให้ผู้คนเหล่านั้นสามารถดารงชีวิต และสร้างสังคมวัฒนธรรมของมนุษย์ได้ สืบเนื่องตอก่ นมาเป็นเวลายาวนานั บ้านเชียงมีชื่อเสียงในเรื่องเครื่องปั้นดินเผาที่สวยงามที่ประดิษฐ์ โดยชาวบ้านโบราณ และยังรวมไปถึงแหล่งโบราณคดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกวาร้อยแห่ ่ง ซึ่ง เป็นพื้นที่ที่มีมนุษย์อยูอาศัยมาหลายพันปีแล้ว่ หลักฐานทางโบราณคดีที่ขุดพบ มีทั้งโครงกระดูก มนุษย์ กระดูกสัตว์ ภาชนะดินเผาลายขูดขีด ลายเชือกทาบ และลายเขียนสี ลูกปัดหินและลูกปัดแกว้ เครื่องประดับ เครื่องใช้ ใบหอก ใบขวานสาริด ภาชนะหุงต้ม ตลอดจนหลุมฝังศพ

ภาพที่ 4 เมืองฟ้าแดดสงยาง

เมืองฟ้าแดดสงยาง ตั้งอยูที่บ้านเสมา่ ตาบลหนองแปง อาเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นเมืองฟ้าแดดสงยางหรือที่เรียกเพี้ยนเป็นฟ้าแดดสูงยาง บางแห่งเรียกเมืองเสมาเนื่องจากแผนผัง ของเมืองมีรูปร่างคล้ายใบเสมา เป็นเมืองโบราณที่มีคันดินล้อมรอบ 2 ชั้น ความยาวของคันดิน โดยรอบประมาณ 5 กิโลเมตร คูน้าจะอยู ตรงกลางคันดินทั่ ้งสอง จากหลักฐานโบราณคดีที่ค้นพบ ทา ให้ทราบวามีการอยู่ อาศัยภายในเมืองมาตั่ ้งแตสมัยก่ ่อนประวัติศาสตร์ แล้วได้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นใน สมัยทวาราวดีราวพุทธศตวรรษที่ 13-15 ดังหลักฐานทางพุทธศาสนาที่ปรากฏโดยทัวไปทั่ ้งภายในและ นอกเมือง เช่น ใบเสมาหินทราย จาหลักภาพเรื่องชาดก และพุทธประวัติจานวนมาก บางส่วนเกบไว้ที่็ 24

วัดโพธิ์ชัยเสมารามซึ่งอยูภายในเมือง่ บางแห่งอยูในต่ าแหน ่งดั้งเดิมที่พบ และบางส่วนกน็ าไปเก บ็ รักษาและจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่น นอกจากนั้นยังมีซากศาสนสถานกระจัด กระจายอยูทั่ วไปภายในเมืองและนอกเมือง่ เช่น พระธาตุยาคู และกลุ่มเจดีย์บริเวณศาสนสถานที่โนน วัดสูง โนนฟ้าหยาด และโนนฟ้าแดด กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเมืองฟ้าแดดสงยางเป็น โบราณสถานเมื่อวันที่ 27 กนยายนั 2479

ภาพที่ 5 อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง (ปราสาทหินพนมรุ้ง)

อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง (ปราสาทหินพนมรุ้ง) ตั้งอยูบ้านตาเป็ก่ ตาบลตาเป็ก อาเภอ เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ประกอบด้วยโบราณสถานสาคัญคือ ปราสาทหินพนมรุ้ง ตั้งอยูบน่ ยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว สูงประมาณ 200 เมตร (คาว า่ ‚พนมรุ้ง‛ หรือ ‚วนรุง ‛ เป็นภาษาเขมร แปลวา่ ‚ภูเขาใหญ่‛) ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย มีการบูรณะ ก่อสร้างตอเนื่องก่ นมาหลายสมัยั ตั้งแตประมาณพุทธศตวรรษที่่ 15 ถึงพุทธศตวรรษที่ 17 และในพุทธ ศตวรรษที่ 18 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอมได้หันมานับถือพุทธศาสนาลัทธิมหายาน เทวส ถานแห่งนี้จึงได้รับการดัดแปลงเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนาในช่วงนั้น ปราสาทพนมรุ้งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ประกอบด้วยอาคารและสิ่งก่อสร้างตาง่ ๆ ที่ตั้งเรียงราย ขึ้นไปจากลาดเขาทางขึ้นจนถึงปรางค์ประธานบนยอดอันเปรียบเสมือนวิมานที่ประทับของพระศิวะ บันไดทางขึ้นช่วงแรกทาเป็นตระพัง (สระน้า ) สามชั้นผานขึ่ ้นมาสู่พลับพลาชั้นแรก จากนั้นเป็น ทางเดินซึ่งมีเสานางเรียงปักอยูที่ขอบทางทั่ ้งสองข้างเป็นระยะ ๆ ถนนทางเดินนี้ ทอดไปสู่สะพาน นาคราช ซึ่งเปรียบเสมือนจุดเชื่อมตอระหว่ างดินแดนแห่ ่งมนุษย์และสรวงสวรรค์ ด้านข้างของทาง เดินทางทิศเหนือมีพลับพลาสร้างด้วยศิลาแลง 1 หลัง เรียกกนวั า่ โรงช้างเผือก สุดสะพานนาคราชเป็น บันไดทางขึ้นสู่ปราสาท ซึ่งทาเป็นชานพักเป็นระยะ ๆ รวม 5 ชั้น สุดบันไดเป็นชานชลาโล่งกว้าง ซึ่ง มีทางนาไปสู ่สะพานนาคราชหน้าประตูกลางของระเบียงคด อันเป็นเส้นทางหลักที่จะผานเข้าสู่ ่ลาน ชั้นในของปราสาท และจากประตูนี้ยังมีสะพานนาคราชรับอยูอีกช่ ่วงหนึ่งก่อนถึงปรางค์ประธาน ปรางค์ประธาน ตั้งอยูตรงศูนย์กลางของลานปราสาทชั่ ้นใน มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสยอมุม่ 25

มณฑป คือห้องโถงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เชื่อมอยูทางด้านหน้าที่ส่ ่วนประกอบของปรางค์ประธานตั้งแต่ ฐานผนังด้านบนและด้านล่าง เสากรอบประตู เสาติดผนัง ทับหลัง หน้าบัน ซุ้มชั้นตาง่ ๆ ตลอดจน กลีบขนุนปรางค์ล้วนสลักลวดลายประดับทั้งลวดลายดอกไม้ ใบไม้ ภาพฤาษี เทพประจาทิศ ศิวนาฏ ราช ที่ทับหลังและหน้าบันด้านหน้าปรางค์ประธาน ลักษณะของลวดลายและรายละเอียดอื่น ๆ ช่วย ให้กาหนดได้ว าปรางค์ประธานพร้อมด้วยบันไดทางขึ่ ้นและสะพานนาคราชสร้างขึ้นเมื่อราวพุทธ ศตวรรษที่ 17 ภายในลานชั้นในด้านตะวันตกเฉียงใต้ มีปรางค์ขนาดเล็ก 1 องค์ ไมมีหลังคา่ จาก หลักฐานทางศิลปกรรมที่ปรากฏ เช่น ภาพสลักที่หน้าบัน ทับหลัง บอกให้ทราบได้วาปรางค์องค์นี่ ้ สร้างขึ้นก่อนปรางค์ประธาน มีอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 16 นอกจากนี้ยังมีฐานปรางค์ก่อด้วยอิฐซึ่งมี อายุเก่าลงไปอีก คือประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 อยูด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือขององค์ประธาน่ และ ที่มุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก่อด้วยศิลาแลง มี อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 ร่วมสมัยกบพลับพลาที่สร้างด้วยศิลาแลงข้างทางเดินที่เรียกวั า่ ‚โรง ช้างเผือก‛

ภาพที่ 6 อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย

อุทยานแห่งชาติประวัติศาสตร์พิมาย ตั้งอยูในตัวอ่ าเภอพิมาย อาเภอพิมาย จังหวัด นครราชสีมาประกอบด้วยโบราณสถานสมัยขอมที่ใหญโตและงดงามอลังการนั่ นคือ่ ‚ปราสาทหินพิ มาย‛ แหล่งโบราณคดีที่ทรงคุณคาทางประวัติศาสตร์่ บนพื้นที่ 115 ไร่ วางแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยม ผืนผ้ากว้าง 565 เมตร ยาว 1,030 เมตร ชื่อ ‚พิมาย‛ น่าจะมาจากคาว า่ ‚วิมาย‛ หรือ ‚วิมายปุระ‛ ที่ ปรากฏในจารึกภาษาเขมรบนแผนหินตรงกรอบประตูระเบียงคดด้านหน้าของปราสาทหินพิมาย่ และ ยังปรากฏชื่อในจารึกอื่นอีกหลายแห่ง อาจจะเป็นคาที่ใช้เรียกรูปเคารพหรือศาสนสถาน สิ่งที่เป็น 26

ลักษณะพิเศษของปราสาทหินพิมาย คือ ปราสาทหินแห่งนี้สร้างหันหน้าไปทางทิศใต้ตางจากปราสาท่ หินอื่นที่มักหันหน้าไปทางทิศตะวันออก สันนิษฐานวาเพื่อให้หันรับก่ บเส้นทางที่ตัดมาจากเมืองโศธรั ปุระเมืองหลวงของอาณาจักรเขมร ซึ่งเข้าสู่เมืองพิมายทางด้านทิศใต้ จากหลักฐานศิลาจารึกและศิลปะ การก่อสร้าง บงบอกว่ าปราสาทหินพิมายคงจะเริ่ ่มสร้างขึ้นในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16 ในสมัย พระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 รูปแบบทางศิลปกรรมของตัวปราสาทเป็นแบบปาปวนซึ่งเป็นศิลปะที่รุ่งเรือง ในสมัยนั้น โดยมีลักษณะของศิลปะแบบนครวัดซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยตอมาปนอยู่ บ้าง่ และมาตอเติม่ อีกครั้งในราวต้นพุทธศตวรรษที่ 18 สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งครั้งนั้นเมืองพิมายเป็นเมืองซึ่งมี ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกบอาณาจักรเขมรั ปราสาทหินแห่งนี้สร้างเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนาลัทธิ มหายานมาโดยตลอด เนื่องจากพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 และพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงนับถือพุทธศาสนา ลัทธิมหายาน

ภาพที่ 7 พระธาตุก่องข้าวน้อย

พระธาตุก่องข้าวน้อย ตั้งอยูในอ่ าเภอเมือง จังหวัดยโสธร พระธาตุก่องข้าวน้อยเป็นเจดีย์ เก่าสมัยขอม สร้างในพุทธศตวรรษที่ 23-25ตรงกบสมัยอยุธยาตอนปลายั ตั้งอยูในเขตวัดพระธาตุก่ ่อง ข้าวน้อย ซึ่งแตเดิมเป็นเพียงทุ่ งนาในเขตต่ าบลตาดทอง พระธาตุก่องข้าวน้อยเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน รูปทรงแปลกไปจากเจดีย์โดยทัวไป่ คือมีลักษณะเป็นก่องข้าว องค์พระธาตุเป็นเจดีย์เหลี่ยมยอมุมไม้่ สาม ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ 2 เมตร ก่อสูงขึ้นไปประมาณ 1 เมตร ช่วงกลางขององค์พระธาตุ มีลวดลายทาเป็นซุ้มประตูทั ้งสี่ด้าน ถัดจากช่วงนี้ไปเป็นส่วนยอดของเจดีย์ที่คอยๆ่ สอบเข้าหากนั ส่วนยอดรอบนอกของพระธาตุก่องข้าวน้อยมีกาแพงอิฐล้อมรอบขนาด 5x5 เมตร นอกจากนี้บริเวณ 27

ด้านหลังพระธาตุมีพระพุทธรูปอยูองค์หนึ่งก่ ่อด้วยอิฐ ชาวบ้านนับถือวาศักดิ่ ์สิทธิ์มาก และในเดือนห้า จะมีผู้คนนิยมมาสรงน้าพระและปิดทอง เชื่อกนวั าถ้าไม่ ท่ าเช ่นนี้ฝนจะแล้งในปีนั้น พระธาตุก่องข้าวน้อยมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ ซึ่งผิดไปจากปูชนียสถานแห่งอื่นๆ ที่มัก เกี่ยวพันกบเรื่องพุทธศาสนาั แตประวัติความเป็นมาของพระธาตุก่ ่องข้าวน้อยกลับเป็นเรื่องของหนุ่ม ชาวนา ที่ทานาตั ้งแตเช้าจนเพล่ มารดาส่งข้าวสายเกิดหิวข้าวจนตาลาย อารมณ์ชัววูบท่ าให้เขากระท า มาตุฆาตด้วยสาเหตุเพียงวาข้าวที่เอามาส่ ่งดูจะน้อยไปไมพอก่ ิน ครั้นเมื่อกินข้าวอิ่มแล้ว ข้าวยังไมหมด่ จึงได้สติคิดสานึกผิดที่กระท ารุนแรงต อมารดาของตนเองจนถึงแก่ ่ความตาย จึงได้สร้างพระธาตุก่อง ข้าวน้อยแห่งนี้ขึ้น เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลขออโหสิกรรมและล้างบาปที่ตนกระทามาตุฆาต นอกจากนี้ที่บริเวณบ้านตาดทอง กรมศิลปากรได้ดาเนินการขุดค้นเรื่องราวของมนุษย์สมัยก ่อน ประวัติศาสตร์ ได้ค้นพบโครงกระดูกมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และภาชนะลายเขียนสีแบบบ้าน เชียง

ภาพที่ 8 พระธาตุนาดูน

พระธาตุนาดูน พุทธมณฑลแห่งอีสาน ตั้งอยูที่บ้านนาดูน่ เขตอาเภอนาดูน จังหวัด มหาสารคามเป็นเขตที่มีการขุดพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โบราณคดีที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรือง ในอดีต เพราะบริเวณนี้ได้เคยเป็นที่ตั้งของนครจาปาศรีมาก ่อน โบราณวัตถุตางๆ่ ที่ค้นพบได้นาไป แสดงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดขอนแก่นและที่สาคัญยิ งก่ คือ็ การขุดพบสถูปบรรจุพระ บรมสารีริกธาตุบรรจุในตลับทองคา เงิน และสาริด ซึ่งสันนิษฐานวามีอายุอยู่ ในพุทธศตวรรษที่่ 13-15 สมัยทวาราวดี รัฐบาลจึงอนุมัติให้ดาเนินการก ่อสร้างพระธาตุนาดูนขึ้นในเนื้อที่ 902 ไร่ โดยบริเวณ รอบๆ จะมีพิพิธภัณฑ์ทางศาสนาและวัฒนธรรม สวนรุกขชาติ สวนสมุนไพร ซึ่งตกแตงให้เป็น่ สถานที่สาคัญทางพุทธศาสนา 28

ภาพที่ 9 พระธาตุนารายณ์เจงเวง

พระธาตุนารายณ์เจงเวง ตั้งอยูภายในบริเวณวัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง่ บ้านธาตุ อาเภอเมือง จังหวัดสกลนครเป็นพระธาตุประกอบด้วยปรางค์องค์เดียว สร้างด้วยหินทรายบนฐานศิลาแลงขนาด ใหญ ่ สลักลวดลายลงบนเนื้อหิน มีทับหลังจาหลักภาพพระกฤษณะฆ าสิงห์่ ในรูปแบบศิลปะเขมร สมัยบาปวน ลักษณะคล้ายกบปราสาทหินของขอมที่ปรากฏหลายแหั ่งในภาคอีสาน ลวดลายสลักหิน บนซุ้มประตู หน้าตางยังมีลักษณะสมบูรณ์ปรากฏชัด่ ซึ่งเชื่อกนวั าเป็นฝีมือของผู้หญิงสร้างทั่ ้งหมด เพื่อแขงขันก่ บผู้ชายที่สร้างพระธาตุภูเพ็กั รูปแบบและศิลปะสันนิษฐานวามีอายุราวพุทธศตวรรษที่่ 16–17 งานประเพณีของพระธาตุเจงเวงจะเริ่มตั้งแตวันขึ่ ้น 11-15 ค่า เดือน 4 ของทุกปี

ภาพที่ 10 พระธาตุหนองสามหมื่น

29

พระธาตุหนองสามหมื่น ตั้งอยูบ้านแก่ ง้ อาเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิเป็นโบราณสถานที่มี ความสาคัญและน ่าสนใจมากแห่งหนึ่งของชัยภูมิ พระธาตุหนองสามหมื่น เรียกชื่อตามหนองน้า ซึ่ง อยูห่ ่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวัด เป็นพระธาตุที่มีลักษณะสวยงาม และสมบูรณ์ที่สุด องค์หนึ่ง ไมปรากฏหลักฐานว่ าสร้างขึ่ ้นเมื่อใด แตจากลักษณะทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมที่่ ปรากฏเกิดจากการผสมผสานกนระหวั างศิลปะล้านนา่ ล้านช้าง และอยุธยา สันนิษฐานวาสร้างขึ่ ้นราว พุทธศตวรรษที่ 21-22 ในสมัยพระไชยเชษฐาธิราชแห่งราชอาณาจักรลาว พระธาตุหนองสามหมื่นมี ลักษณะเป็นเจดีย์ยอมุมไม้สิบสอง่ ตั้งอยูบนฐานเขียงรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส่ มีความสูงประมาณ 45.30 เมตร มีบันไดทางขึ้นทั้งสี่ด้าน เหนือฐานเขียงเป็นฐานบัวคว่าบัวหงายรองรับองค์พระธาตุ ซึ่งมีซุ้มทั้ง สี่ทิศ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางร าพึง และปางลีลา ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า รูปแบบดังกล่าวอาจเปรียบเทียบได้กบพระธาตุอื่นั ๆ ทั้งในนครเวียงจันทน์และใน เขตไทย เช่น พระธาตุวัดเทพพล เมืองเวียงคุก จังหวัดหนองคาย พระธาตุศรีเมือง นครเวียงจันทน์ เป็น ต้น จากหลักฐานทางโบราณคดีพบวาบริเวณนี่ ้เคยเป็นเมืองโบราณขนาดใหญสมัยทวารวดี่ อายุราว พุทธศตวรรษที่ 12-16 ปรากฏร่องรอยของคูน้า คันดิน และโคกเนินโบราณสถานหลายแห่ง โบราณวัตถุสาคัญที่พบทั ้งในและนอกเขตคูเมืองหลายชิ้นได้นามาเก บรักษาไว้ที่วัด็ เช่น กลุ่มใบเสมา หินทราย บางแผนก่ มีจารึกอักษรปัลลวะภาษาสันสกฤต็ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12-14 และมีแผนหนึ่ง่ นาไปตั ้งเป็นหลักเมืองประจาอ าเภอภูเขียวด้วย นอกจากนี้ยังมีประติมากรรมรูปเคารพอีก 2 ชิ้น สภาพ ชารุดชิ ้นหนึ่งคล้ายเศียรพระพุทธรูปนาคปรกในศิลปะขอมแบบบายน อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18

ภาพที่ 11 พระธาตุพนมวรมหาวิหาร

พระธาตุพนมวรมหาวิหาร ตั้งอยูใน่ อาเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนมพระธาตุพนม เป็น พระธาตุประจาผู้ที่เก ิดวันอาทิตย์ ประดิษฐาน ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ผลจากการขุดค้นทาง 30

โบราณคดีลงความเห็นวาพระธาตุพนมสร้างขึ่ ้นระหวาง่ พ.ศ. 1200–1400 ตามตานานกล ่าววาผู้สร้าง่ คือ พระมหากสสปะั พระอรหันต์ 500 องค์ และท้าวพระยาเมืองตาง่ ๆ ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระ อุรังคธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ ลักษณะของสถาปัตยกรรมมีแหล่งที่มาที่เดียวกนกั บปราสาทั ของขอม และได้ทาการบูรณะเรื่อยมา ในปี พ.ศ. 2485 ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ขึ้นเป็น ‚วรมหาวิหาร‛ พระธาตุพนมไมเพียงแต่ เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวนครพนมเท่ านั่ ้น พระธาตุ พนมยังเป็นที่เคารพของชาวไทยภาคอื่น ๆ และชาวลาวอีกด้วย วาก่ นวั าถ้าใครได้มานมัสการพระธาตุ่ ครบ 7 ครั้ง จะถือวาเป็น่ ‚ลูกพระธาตุ‛ เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและจะมีความเจริญรุ่งเรือง หรือแม้แตการ่ ได้มากราบพระธาตุพนม 1 ครั้ง กถือเป็นมงคลแก็ ่ชีวิตแล้ว ในวันที่ 11 สิงหาคม 2518 เวลา 19.38 น. พระธาตุพนมได้ล้มทลายลงทั้งองค์ เนื่องจากความเก่าแก่ขององค์พระธาตุพนมและประจวบกบั ระหวางนั่ ้นฝนตกพายุพัดแรงติดตอก่ นมาหลายวันั ประชาชนทั้งประเทศได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์และ รัฐบาลได้ก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นใหมตามแบบเดิม่ การก่อสร้างนี้เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2522 นอกจากพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุในองค์พระธาตุแล้ว ยังมีของมีคามากมายนับหมื่นชิ่ ้น โดยเฉพาะ ฉัตรทองคาบนยอดพระธาตุเป็นฉัตรทองค าที่มีน ้าหนักถึง 110 กิโลกมั ปัจจุบันองค์ พระธาตุมีฐาน กว้างด้านละ 12.33 เมตร สูง 53.60 เมตร เป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมสูงแลดูสง่างาม งานนมัสการองค์พระ ธาตุเริ่มตั้งแตวันขึ่ ้น 10 ค่า เดือน 3 ถึงวันแรม 1 ค่า เดือน 3 ของทุกปี

ภาพที่ 12 พระธาตุศรีสองรัก

พระธาตุศรีสองรัก ตั้งอยูในอ่ าเภอด ่านซ้าย จังหวัดเลย พระธาตุศรีสองรัก ตั้งอยูที่อ่ าเภอ ด่านซ้าย เป็นพระธาตุก่ออิฐถือปูนสีขาวสร้างขึ้นด้วยศิลปะแบบล้านช้าง ตามตานานกล ่าววาได้สร้าง่ ขึ้นเพื่อเป็นสักขีพยานแห่งสัจจะไมตรี และเครื่องหมายของมิตรภาพระหวางสองอาณาจักร่ โดย 31

สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์แห่งอาณาจักรอยุธยา และพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต ซึ่งได้ร่วมกนสร้างพระธาตุและตัั ้งสัตยาธิษฐานไว้วาจะช่ ่วยเหลือเก้ือกูล และไมล่ ่วงล้าดินแดนซึ่งก นั และกนตลอดไปั พี่น้องชาวไทยและชาวลาวตางเชื่อก่ นวั า่ หากผู้ใดได้มากราบไหว้พระธาตุศรีสองรัก และขอพรในด้านที่เกี่ยวกบความรักและมิตรภาพนัั ้นจะได้พบกบความสมหวังและมีสัมพันธภาพที่ั ยังยืน่ ดังนั้นเราจึงได้พบเห็นหนุ่มสาว หรือ เพื่อนฝูงที่พากนมานมัสการพระธาตุศรีสองรักไมั เว้นแต่ ่ ละวัน ด้วยจิตที่มุงมั่ นขอพรให้ความรักและมิตรภาพนั่ ้นอยูชั่ วนิรันดร์่ ที่นี่มีความเชื่อวาหากน่ าต้นผึ ้ง ไปขอพรพระธาตุศรีสองรักแล้วจะสมความมุงมาดปรารถนา่ แตควรงดสักการะด้วยดอกไม้่ และของ บูชาสีแดง รวมทั้งงดใส่เสื้อสีแดงไปบูชาพระธาตุ เพราะเป็นสีแห่งเลือดและความรุนแรง หลังจาก นมัสการพระธาตุแล้ว ที่อาเภอด ่านซ้ายมีน้าพริกแจ วด่ าน ้าผักสะทอน เป็นอาหารท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อ และ เป็นของฝากที่หาทานได้ยาก มีกลุ่มแมบ้านเกษตรกรบ้านนาดี่ อาเภอด ่านซ้ายร่วมกนผลิตจั าหน ่าย สนใจหาซื้อได้ที่ร้าน OTOP ในจังหวัดเลย

ภาพที่ 13 พระธาตุยาคู

พระธาตุยาคู หรือพระธาตุใหญ ่ ตั้งอยูใน่ อาเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ ที่สุดในเมืองฟ้าแดดสงยาง ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมก่อด้วยอิฐปรากฏการก่อสร้าง 3 สมัย ด้วยกนคือั ส่วนฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมยอมุม่ มีบันไดทางขึ้น 4 ทิศ มีปูนปั้นประดับสร้างในสมัยทวาราว ดี ถัดขึ้นมาเป็นฐานรูปแปดเหลี่ยมซึ่งสร้างซ้อนทับบนฐานเดิมเป็นรูปแบบเจดีย์ในสมัยอยุธยา ส่วน องค์ระฆังและส่วนยอดสร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ รอบ ๆ องค์พระธาตุพบใบเสมาแกะสลักภาพนูน ต่าเรื่องพุทธประวัติ ชาวบ้านเชื่อกนวั า่ ในองค์พระธาตุบรรจุอัฐิของพระเถระผู้ใหญที่ชาวเมืองเคารพ่ นับถือ สังเกตได้จากเมื่อเมืองเชียงโสมชนะสงคราม ได้ทาลายทุกสิ ่งทุกอยางในเมืองฟ้าแดดแต่ ไม่ ได้่ 32

ทาลายพระธาตุยาคู จึงเป็นโบราณสถานที่ยังคงสภาพคอนข้างสมบูรณ์่ ชาวบ้านจัดให้มีงานประเพณี บุญบั้งไฟเป็นประจาทุกปีในเดือนพฤษภาคม เพื่อเป็นการขอฝนและความร่มเย็นให้กับหมูบ้าน่

ภาพที่ 14 โบราณสถานภูผายา

โบราณสถานภูผายา ตั้งอยูทางเหนือของบ้านนาเจริญ่ ตาบลดงมะไฟ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลาภูเป็นภูเขาหินปูนที่แยกตัวออกมาจากเทือกเขาภูพาน มีภาพเขียนสีสมัยก่อน ประวัติศาสตร์ปรากฏตามผนังถ้าเป็นจ านวนหลายส ่วน ส่วนแรกบริเวณ ‚ถ้าล ่าง‛ พบกลุ่มภาพเขียนสี แดงบนผนังถ้าผิวเรียบยาวประมาณ 5 เมตร ประกอบด้วยลวดลายเรขาคณิต ภาพสัตว์ ภาพฝ่ามือ ส่วน ที่สองคือ ‚ถ้าบน ‛พบภาพเขียนสีแดงกระจายอยูเป็นกลุ่ ่ม ๆที่เห็นชัดเจนเป็นภาพสี่เหลี่ยมขนมเปียก ปูน ภาพคน ภาพสัตว์เลื้อยคลาน ภาพโครงร่างสัตว์ขนาดใหญ ่ นอกจากนั้นบริเวณถ้าผายายังมีส านัก สงฆ์อันเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านตั้งอยูด้วย่ สันนิษฐานวาภาพเขียนถ่ ้าภูผายามีอายุระหว าง่ 2,000-3,000 ปี ใกล้เคียงกบอายุของภาพเขียนที่ค้นพบที่อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทั จังหวัด อุดรธานี ลักษณะภาพเขียนคล้ายคลึงกบภาพที่พบที่ผาลายั มณฑลกวางสี ประเทศจีน

ภาพที่ 15 ปรางค์กู่ หรือ ปราสาทหนองกู่

33

ปรางค์กู่ ตั้งอยูที่บ้านยางกู่ ่ ตาบลมะอึ อาเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ดปรางค์กู่ คือ กลุ่มอาคาร ที่มีลักษณะแบบเดียวกบอโรคยาศาลตามที่ปรากฏในจารึกปราสาทตาพรหมอันประกอบด้วยปรางค์ั ประธาน บรรณาลัย กาแพงพร้อมซุ้มประตูและสระน ้านอกก าแพง โดยทัวไปนับว่ าคงสภาพเดิม่ พอควร โดยเฉพาะปรางค์ประธานชั้นหลังคาคงเหลือ 3ชั้น และมีฐานบัวยอดปรางค์อยูตอนบน่ อาคาร อื่น ๆ แม้หักพังแตทางวัดก่ ได้จัดบริเวณให้ดูร็ ่มรื่นสะอาดตา นอกจากนี้ภายในกาแพงด้านหน้าทางทิศ ตะวันออกเฉียงใต้ยังพบโบราณวัตถุอีกหลายชิ้นวางเกบรักษาไว้ใต้อาคารไม้็ ได้แก่ ทับหลังหินทราย สลักเป็นภาพบุคคลนังบนหลังช้างหรือวัว่ ภายในซุ้มเรือนแกวหน้ากาล้ จากการสอบถามเจ้าอาวาสวัด ศรีรัตนาราม กล่าววาเป็นทับหลังหน้าประตูมุขของปรางค์ประธาน่ เสากรอบประตู 2ชิ้น ชิ้นหนึ่งมี ภาพสลักรูปฤาษีที่โคนเสาศิวลึงค์ขนาดใหญพร้อมฐานที่ได้จากทุ่ งนาด้านนอกออกไป่ และชิ้นส่วน บัวยอดปรางค์ ซึ่งถูกดัดแปลงเป็นฐานของพระสังกจจายน์ปูนปัั ้น สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 18

ภาพที่ 16 ปราสาทบ้านเบญ

ปราสาทบ้านเบญ ตั้งอยูที่บ้านหนองอ้ม่ ตาบลหนองอ้ม ก่ิงอาเภอทุ งศรีอุดม่ จังหวัด อุบลราชธานีปราสาทบ้านเบญจ์ เป็นศาสนสถานขอมขนาดยอมประกอบด้วยปรางค์อิฐ่ 3 หลัง ตั้งอยู่ บนฐานศิลาแลงที่สร้างแยกกนั กรมศิลปากรได้ทาการขุดแต งในปี่ พ.ศ. 2533 ได้พบทับหลังรูปเทพ นพเคราะห์ หรือเทวดาประจาทิศทั ้ง 9 องค์ และรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ จากลักษณะแผนผังทาง สถาปัตยกรรมและภาพสลักบนทับหลังที่พบอาจกาหนดอายุปราสาทหลังนี ้ ได้ประมาณปลายพุทธ ศตวรรษที่ 15 ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 16

34

ภาพที่ 17 ปราสาทบ้านปราสาท

ปราสาทบ้านปราสาท ตั้งอยูที่วัดปราสาทพนาราม่ บ้านปราสาท อาเภอห้วยทับทัน จังหวัด ศรีสะเกษเป็นโบราณสถานแบบขอมแห่งหนึ่งที่ถูกดัดแปลงในสมัยหลังเช่นเดียวกบปราสาทศีขรภูมิั จังหวัดสุรินทร์ โดยเฉพาะส่วนหลังคาซึ่งคล้ายคลึงกนมากแตั มีขนาดสูงกว่ าประกอบด้วยปรางค์อิฐ่ 3 องค์ ตั้งอยูบนฐานศิลาแลงเดียวก่ นในแนวเหนือั -ใต้ มีกาแพงล้อมรอบพร้อมซุ้มประตูก ่อด้วยศิลาแลง สันนิษฐานวาเดิมมี่ 3 หรือ 4 ทิศ ปัจจุบันคงเหลือเพียงด้านทิศใต้เทานั่ ้น ปรางค์องค์กลางขนาดใหญ่ กวาปรางค์อีก่ 2 องค์ ที่ขนาบข้างเล็กน้อยแตส่ ่วนหลังคาเตี้ยกวา่ เป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสยอมุมไม้สิบ่ สอง มีประตูเดียวด้านหน้าทางทิศตะวันออก มีกรอบประตูหินทราย และทับหลังติดอยูเป็นภาพบุคคล่ ยืนอยูเหนือหน้ากาล่ ส่วนทอนพวงมาลัยมีลายมาแบ่ งที่เสี่ ้ยวภาพบุคคลยืนในซุ้มเรือนแกว้ ไมอาจ่ สันนิษฐานวาเป็นผู้ใดด้วยลายสลักยังไม่ แล้วเสร็จ่ ปรางค์สององค์ที่ขนาบข้างขนาดเดียวกนได้รับการั ดัดแปลงรูปแบบไปมากโดยเฉพาะส่วนหลังคาและประตูซึ่งก่อทึบหมดทุกด้าน ยังคงปรากฏกรอบ ประตูหินทราย และชิ้นส่วนทับหลังสลักภาพการกวนเกษียรสมุทรตกอยูหน้าประตูปรางค์องค์ที่อยู่ ่ ด้านทิศใต้ จากลักษณะทางด้านศิลปกรรมของทับหลังที่ปรากฏอาจสันนิษฐานได้วาปราสาทแห่ ่งนี้มี อายุอยูในราวพุทธศตวรรษที่่ 16 ร่วมสมัยศิลปะขอมแบบคลัง-บาปวนของเขมร และตอมาได้รับการ่ ดัดแปลงในสมัยหลัง

ภาพที่ 18 ปราสาทหินบ้านพลวง

35

ปราสาทหินบ้านพลวง ตั้งอยูในอ่ าเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ปราสาทหินบ้านพลวงเป็น ปราสาทหินขนาดเล็กแตฝีมือการสลักหินประณีตงดงามมาก่ ได้รับการขุดแตงบูรณะเมื่อปี่ พ.ศ. 2515 โดยวิธีอนัสติโลซิส คือการรื้อตัวปราสาทลง เสริมความมันคง่ และประกอบขึ้นใหมดังเดิม่ ลักษณะ ของปราสาทหินองค์นี้เป็นปรางค์องค์เดียว ตั้งอยูบนฐานศิลาแลงขนาดใหญ่ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหันหน้า่ ไปทางทิศตะวันออก มีประตูทางเข้าด้านหน้าเพียงด้านเดียวส่วนด้านอื่นอีกสามด้านทาเป็นประตู หลอก องค์ปรางค์ก่อด้วยศิลาแลง หินทราย และมีอิฐเป็นวัสดุร่วมก่อสร้างในส่วนบนของปราสาท โบราณสถานแห่งนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมยอมุมจ่ าหลักลายงดงามมาก แตองค์ปรางค์เหลือเพียงครึ่งเดียว่ ส่วนยอดหักหายไป มีคูน้าเป็นรูปตัวยูล้อมรอบ ถัดจากคูน้าเป็นบาราย (สระน้าขนาดใหญ ่) ที่เห็นเป็น คันดิน เดิมคงเป็นที่ตั้งของแหล่งชุมชนมาก่อน บริเวณรอบองค์ปราสาทได้รับการตกแตงไว้อย่ าง่ สวยงาม ลักษณะของทับหลังที่พบส่วนมากสลักเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณอยูภายในซุ้มเหนือ่ หน้ากาล ซึ่งอยูทางด้านทิศตะวันออกและทิศใต้่ ส่วนทางด้านเหนือสลักเป็นรูปพระกฤษณะฆานาค่ สันนิษฐานได้วา่ ปราสาทแห่งนี้คงสร้างขึ้นสาหรับพระอินทร์ นอกจากนี้ช่างมักสลักเป็นรูปสัตว์เรียงเป็นแนว เช่น ช้าง กระรอก หมู ลิง และวัวอยูบนทับ่ หลัง สาหรับหน้าบันด้านทิศตะวันออกสลักเป็นรูปพระกฤษณะ ยกภูเขาโควรรธนะและเช่นเดียวกนั มีรูปสลักเป็นรูปสัตว์เล็ก ๆ นอกกรอบหน้าบันอันน่าจะแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ เพราะมีแหล่งน้า ตาง่ ๆ อยูมาก่ ที่ผนังด้านหน้ามีรูปทวารบาลยืนกุมกระบอง ลักษณะของปราสาทหินองค์นี้คล้ายกบั ปรางค์น้อยบนเขาพนมรุ้ง ลวดลายเป็นลักษณะศิลปะขอมแบบ บาปวน กาหนดอายุอยู ในราวพุทธ่ ศตวรรษที่ 16-17 จากลักษณะของฐานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ ่ มีพื้นที่ทางด้านข้างขององค์ปรางค์ เหลืออยูมาก่ สันนิษฐานวา่ แผนผังของปราสาทแห่งนี้น่าจะประกอบด้วยปรางค์สามองค์สร้างเรียงกนั แตอาจยังสร้างไม่ เสร็จหรืออาจถูกรื่ ้อออกไปอยางใดอย่ างหนึ่งก่ เป็นได้็

ภาพที่ 19 ปราสาทเมืองต่า

ปราสาทเมืองต่า ตั้งอยูในอ่ าเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์เป็นปราสาทขอมที่มี สถาปัตยกรรมสวยงามโดดเด่นน่าชมอีกแห่งหนึ่งของบุรีรัมย์ ประวัติความเป็นมาของปราสาท 36

หินเมืองต่า ยังไมทราบชัดเพราะไม่ พบหลักฐานที่แน่ ่นอนวาสร้างขึ่ ้นเมื่อใด หรือใครเป็นผู้สร้าง มี ลักษณะของศิลปะขอมแบบบาปวน ซึ่งมีอายุอยูในราว่ พ.ศ. 1550-1625 และมีลักษณะของศิลปะขอม แบบคลังซึ่งมีอายุราว พ.ศ. 1508-1555 ปะปนอยูด้วย่ ภาพสลักส่วนใหญเป็นภาพเทพในศาสนาฮินดู่ จึงอาจกล่าวได้วา่ ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นประมาณพุทธศตวรรษที่ 15-17 เพื่อใช้เป็นศาสนสถานใน ศาสนาฮินดู ตัวปราสาท ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างหลัก คือ ปรางค์อิฐ 5 องค์ สร้างอยูบนฐานเดียวก่ นั ก่อด้วยศิลาแลง องค์ปรางค์ทั้ง 5 ตั้งเรียงกนเป็นั 2 แถว แถวหน้า 3 องค์ แถวหลัง 2 องค์ ปรางค์ ประธานซึ่งมีขนาดใหญที่สุดตั่ ้งอยูตรงกลางแถวหน้า่ ปัจจุบันคงเหลืออยูเพียงส่ ่วนฐาน ส่วนองค์อื่นๆ ที่เหลืออยูก่ มีสภาพที่ไม็ สมบูรณ์่ ปรางค์ทุกองค์มีประตูเข้าสู่ภายในปรางค์ได้ด้านเดียว คือ ด้านทิศ ตะวันออก ด้านอื่นทาเป็นประตูหลอก แตปรางค์ประธานมีมุขหน้าอีกชั่ ้นหนึ่ง การขุดแตงบริเวณ่ ปรางค์ประธานได้พบทับหลังประตูมุขปรางค์ สลักเป็นภาพเทพถือดอกบัวขาบประทับนังเหนือหน้า่ กาล แวดล้อมด้วยสตรีเป็นบริวาร หน้าบันสลักภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ส่วนทับหลังประตู ปรางค์สลักเป็นเทพนังชันเข่ าเหนือหน้ากาล่ และยังได้พบชิ้นส่วนลวดลายปูนปั้นประดับฐานอีกด้วย แสดงวาปรางค์เหล่ ่านี้ได้เคยมีปูนฉาบและปั้นปูนเป็นลวดลายประดับตกแตงอย่ างงดงาม่ สาหรับ ปรางค์บริวารอีก 4 องค์นั้นยังคงมีทับหลังติดอยูเหนือประตูทางเข้า่ 2 องค์ คือ องค์ที่อยูทางทิศเหนือ่ ของแถวหน้า และองค์ทิศใต้ของแถวหลัง สลักภาพพระศิวะอุ้มนางอุมาบนพระเพลา ประทับนังอยู่ ่ บนหลังโคนนทิ และภาพพระวรุณทรงหงส์ ตามลาดับ จากการขุดแตงได้พบยอดปรางค์ท่ าด้วยหิน ทรายสลักเป็นรูปดอกบัว ตกอยูในบริเวณฐานปรางค์่ หน้ากลุ่มปรางค์ยังมีวิหารเป็นอาคารก่ออิฐ 2 หลัง ตั้งหันหน้าตรงกบปรางค์ที่อยูั ด้านข้างทั่ ้งสององค์ สิ่งก่อสร้างดังกล่าว ล้อมรอบด้วยกาแพงสอง ชั้น กาแพงชั ้นในก่อด้วยหินทรายเป็นห้องแคบ ๆ ยาวตอเนื่องก่ นเป็นรูปสี่เหลี่ยมั ที่เรียกวา่ ระเบียงคด กาแพงชั ้นนอกเป็นกาแพงศิลาแลง กาแพงทั ้งสองชั้นมีซุ้มประตูอยูในแนวตั่ ้งตรงกนทัั ้ง 4 ด้าน ซุ้ม ประตูทั้งหมดยกเว้นซุ้มประตูของประตูชั้นในด้านทิศตะวันตกก่อด้วยหินทราย สลักลวดลายในส่วน ตาง่ ๆ อยางงดงาม่ ตั้งแตหน้าบัน่ ทับหลัง เสาติดผนัง ฯลฯ เป็นภาพเล่าเรื่องในศาสนาฮินดูและ ลวดลายที่ผูกขึ้นจากใบไม้ ดอกไม้ที่มักเรียกรวม ๆ วา่ ลายพันธุ์พฤกษา

ภาพที่ 20 ปราสาทเปือยน้อย

37

ปราสาทเปือยน้อย ตั้งอยูในอ่ าเภอเปือยน้อย จังหวัดขอนแก่น เป็นปราสาทหินที่มีขนาดไม่ ใหญเท่ าก่ บปราสาทหินพิมายหรืออีกหลายแหั ่งที่พบทางอีสานตอนใต้ แตก่ นับเป็นปราสาทเขมรที่็ สมบูรณ์มากแห่งหนึ่ง ปราสาทเปือยน้อย หรือ ที่ชาวบ้านเรียกวา่ พระธาตุกู่ทอง สร้างขึ้นในราวพุทธ ศตวรรษที่ 16-17 เป็นศิลปะผสมระหวางศิลปะเขมรแบบบาปวนและแบบนครวัด่ สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็น เทวสถานในศาสนาฮินดู แผนผังการก่อสร้างมีความหมายเป็นเขาพระสุเมรุ ซึ่งถือเป็นแกนจักรวาลอัน เป็นที่สถิตย์ของเทพเจ้าที่เรียกวา่ ‚ศาสนบรรพต‛ สิ่งก่อสร้างภายในบริเวณปราสาทเป็นไปตามแบบ แผนของศาสนสถานขอมโบราณ หน้าบันขององค์ปรางค์ประธานสลักเป็นพระยานาคราชมีลวดลาย สวยงามมาก ทับหลังสลักเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ที่นับวายังอยู่ ในสภาพที่สมบูรณ์่ "โคปุระ" (ซุ้ม ประตู) อยูทางทิศตะวันออก่ และทิศตะวันตก ด้านข้างโคปุระเจาะเป็นช่องหน้าตางก่ าแพงแก ว้ มีฐาน เป็นบัวคว่าบัวหงาย มีการสลักศิลาแลงเป็นร่องแบบลาดบัว

ภาพที่ 21 ปราสาทหินวัดสระกาแพงน้อย

ปราสาทหินวัดสระกาแพงน้อย ตั้งอยูวัดสระก่ าแพงน้อย บ้านกลาง ตาบลขยุง อาเภอ อุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษปราสาทวัดสระกาแพงน้อยประกอบด้วยปรางค์และวิหารก ่อด้วยศิลา แลง ด้านหน้าปรางค์มีสระน้าใหญ ่ ทั้งปรางค์ วิหาร และสระน้า ล้วนล้อมรอบด้วยกาแพงศิลาแลง เคย มีทับหลังประตูสลักเป็นพระวรุณเทพเจ้าแห่งฝนประทับบนแทนมีหงส์แบก่ 3ตัว อยูเหนือเศียรเก่ ียรติ มุข เป็นศิลปะแบบบาปวนมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16สันนิษฐานวาปราสาทหินแห่ ่งนี้เดิมเป็นศาสน สถานมาก่อน แล้วตอมาในพุทธศตวรรษที่่ 18 รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อาจมีการบูรณะหรือ สร้างเพิ่มเติมขึ้นใหม ่ สังเกตได้จากมีสถาปัตยกรรมแบบบายนอยูด้วย่ สิ่งก่อสร้างดังกล่าวเรียกกนในั สมัยนั้นวา่ ‚อโรคยาศาล‛หมายถึง สถานพยาบาล หรือสุขศาลาประจาชุมชนนั นเอง่

38

ภาพที่ 22 แผนที่ประเทศไทย และจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน)

39

ภาพที่ 23 แผนที่ท่ องเที่ยวจังหวัดมหาสารคาม่

40

มหาสารคาม MAHASARAKHAM มหาสารคาม เป็นจังหวัดที่ตั้งอยูก่ ึ่งกลางของภาคอีสานไมมีภูเขา่ มีแมน่ ้าชีไหลผ าน่ มี บรรยากาศของเมืองที่สงบเงียบและเรียบง่ายตามแบบฉบับของเมืองอีสาน จึงเหมาะกบการเป็นที่ตัั ้ง สถานศึกษาตางๆทุกระดับ่ จึงเป็นที่มา ‚เมืองแห่งการศึกษา‛ หรือ ‚ตักสิลานคร‛ ด้วยทรัพยากรการ ทองเที่ยวที่โดดเด่ ่น ทั้งด้านประวิติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณี และความเจริญรุ่งเรืองของศาสนา ผู้ ที่มาเยี่ยมเยือนเมืองนี้จึงได้สัมผัสกบวิถีชีวิตชาวอีสานอันเรียบงั ่ายบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่นับวันจะหา ได้ยากในสังคมปัจจุบัน เดิมเมืองมหาสารคามมีชื่อเดิมวา่ ‚บ้านลาดกุดยางใหญ‛่ ตอมาเมื่อวันที่่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2408 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูหัว่ รัชกาลที่ 4 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ ยกขึ้นเป็น ‚เมทองมหาสารคาม‛ โดยแบงพื่ ้นที่และย้ายพนเมืองมาจากเมืองร้อยเอ็ดที่อยูติดก่ นมาตัั ้ง ถิ่นฐานอยูที่นี่่ และโปรดเกล้าฯให้เมืองมหาสารคามขึ้นตรงกบกรุงเทพฯั เมื่อ พ.ศ. 2412 จนมาถึง ปัจจุบัน จังหวัดมหาสารคามมีเนื้อที่ประมาณ 5,291 ตารางกิโลเมตร หรือ 3.31 ล้านไร่ เป็นจังหวัดที่มี ขนาดใหญเป็นอันดับ่ 42 ของประเทศ ตั้งอยูในบริเวณที่ราบสูงโคราช่ พื้นที่มีรูปร่างคล้ายนกอินทรี กลับหัว ลักษณะภูมิประเทศโดยทัวไปเป็นพื่ ้นที่คอนข้างราบเรียบถึงลูกคลื่นลอนลาดมีความสูงจาก่ น้าทะเลปานกลาง 130-23- เมตร โดยทางด้านตะวันตกและทิศเหนือเป็นที่สูง และคอยๆลาดเทมาทาง่ ทิศตะวันออกและทิศใต้มีแมน่ ้าส าคัญคือแม น่ ้าชี แบงเขตการปกครองออกเป็น่ 13 อาเภอ ได้แก่ อาเภอเมืองมหาสารคาม อาเภอก นทรวิชัยั อาเภอโกสุมพิสัย อาเภอวาปีปทุม อาเภอบรบือ อาเภอ พยัคฆมิพิสัย อาเภอนาเชือก อาเภอเชียงยืน อาเภอนาดูน อาเภอแกด า อาเภอยางสีสุราช อาเภอกุดรัง และอาเภอชื่นชม มหาสารคามอยูห่ ่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 475 กิโลเมตร นักทองเที่ยวสามารถ่ เดินทางสู่จังหวัดมหาสารคามได้ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัวและรถประจาทาง มหาสารคามนับเป็นแหล่งโบราณคดีที่สาคัญ เนื่องจากพบชุมชนโบราณหลายแหล่ง ทั้ง ชุมชนบ้านเชียงหียนและหมูบ้านปั่ ้นหม้อของชาวบ้านหม้อ ตาบลเขวา อาเภอเมืองฯ รวมทั้งพบศิลปะ สมัยทวารวดีและอิทธิพลของวัฒนธรรมขอม เช่น กู่สันตรัตน์ กู่บ้านเขวา กู่บ้านแดง และกู่อื่นๆ รวมทั้งเทวรูปและเครื่องปั่นดินเผาที่พบอยูทั่ วไปในหลายพื่ ้นที่ของจังหวัดมหาสารคามเป็นเมืองที่มี ประวัติศาสตร์ยาวนานเมืองหนึ่งมีความรุ่งเรืองและเสื่อมถอย หมุนเวียนไปในแตละยุคสมัย่ ปัจจุบัน นับเป็นเมืองศูนย์รวมวัฒนธรรมของชาวอีสาน ผู้คนใช้ชีวิตอยางเรียบง่ ่ายมีการไปมาหาสู่และ ช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกนตามแบบของคนอีสานทัั วไป่

41

7.1 แหล่งท่องเที่ยวเชิงโบราณคดีและวัฒนธรรม

ภาพที่ 24 กู่มหาธาตุ (ปรางค์กู่บ้านเขวา)

ตั้งอยูบ้านเขวา่ ตาบลเขวา เป็นโบราณสถานที่มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 ทาด้วยศิลาแลง เป็นรูปกระโจมสี่เหลี่ยม ภายในปราสาทมีเทวรูปทาด้วยดินเผา 2 องค์ กาแพงท าด้วยศิลาแลงล้อมรอบ มีทางเข้าในปรางค์ประธานเพียงด้านเดียว คือ ทิศตะวันออก ส่วนอีก 3 ด้าน เป็นประตูหลอก กรอบ ประตูและทับหลังเป็นหินทราย กรมศิลปากรได้ทาการขุดแต งเรียบร้อยแล้ว่ การเดินทาง จากตัวเมือง ไปตามถนนแจ้งสนิท 13 กิโลเมตร (ทางหลวงหมายเลข 208 มหาสารคาม – ร้อยเอ็ด)

ภาพที่ 25 พระธาตุนาดูน พุทธมลฑลแห่งอีสาน

42

ตั้งอยูที่บ้านนาดูน่ เขตอาเภอนาดูน เป็นเขตที่มีการขุดพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โบราณคดีที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีตเพราะบริเวณนี้ได้เคยเป็น ที่ตั้งของนครจัมปาศรีมา ก่อน โบราณวัตถุตางๆที่ค้นพบได้น่ าไปแสดงไว้ ที่พิพอธภัณฑ์สถานแห่งชาติจังหวัดขอนแก่นและที่ สาคัญยิ งก่ คือ็ การขุดพบสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุบรรจุในตลับทองคา เงิน และสาริด ซึ่ง สันนิษฐานวามีอายุอยู่ ในพุทธศตวรรษที่่ 13-15 สมัยทวารวดี รัฐบาลจึงอนุมัติให้ดาเนินการก ่อสร้าง พระธาตุนาดูนขึ้นในเนื้อที่ 902 ไร่ โดยริเวณรอบๆ จะมีพิพิธภัณฑ์ทางศาสนาและวัฒนธรรม สวน รุกขชาติ สวนสมุนไพร ซึ่งตกแตงให้เป็นสถานที่ส่ าคัญทางพุทธศาสนา การเดินทาง จากตัวเมืองมหาสารคาม โดยใช้เส้นทางหมายเลข 2040 ผานอ่ าเภอแกด า อาเภอ วาปีปทุม แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2045 ถึงอาเภอนาดูน ทางลาดยางตลอด ห่างจากตัว เมืองประมาณ 65 กิโลเมตร

ภาพที่ 26 กู่สันตรัตน์

43

กู่สันตรันต์ตั้งอยู ่ บ้านกู่โนนเมือง ตาบลกู ่สันตรัตน์ อาเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม กู่สันต รัตน์เป็นศาสนสถาน ประจาโรงพยาบาลที่เรียกว า่ ‚อโรคยศาล‛ สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 18 สมัย พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอม ประกอบด้วยปราสาทประธานทรงสี่เหลี่ยมเพิ่มมุมก่อมุขยื่น ด้านหน้า หรือ ด้านทิศตะวันออก และวิหารตั้งอยูทางทิศตะวันออกเฉียงใต้่ ที่มุขด้านหน้าก่อด้วยศิลา แดงและหินทรายล้อมรอบด้วยกาแพงศิลาแลงมีโคปุระหรืออาคารประตูขนาดใหญ ทางด้านทิศ่ ตะวันออกนอกกาแพงด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีสระน ้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ากรุด้วยศิลาแลง เป็น โบราณวัตถุที่สาคัญได้แก ่ พระวัชรธร พระพุทธรูปนาคปรก พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ประติมากรรมหินทราย เหล่านี้เป็นที่เคารพในพุทธศาสนาลัทธิมหายานรูปแบบศิลปขอมแบบบายน (ราวพ.ศ.1720-1780)

ภาพที่ 27 พระพุทธรูปยืนมงคล

พระพุทธรูปยืนมงคล จังหวัดมหาสารคาม อยูที่ต่ าบลคันธารราษฎร์ อาเภอก นทรวิชัยั บน ทางหลวงหมายเลข 213 ห่างจากตัวเมืองประมาณ 14 กิโลเมตร เป็นพระพุทธรูปสมัยทวารวดี สร้าง ขึ้นด้วยหินทรายแดงเหมือนพระพุทธรูปมิ่งเมือง กล่าวกนวั าพระพุทธรูปสององค์นี่ ้สร้างขึ้นในเวลา เดียวกนคือั เมื่ออาเภอก นทรวิชัยฝนแล้งั ผู้ชายสร้างพระพุทธรูปมิ่งเมือง ส่วนผู้หญิงสร้างพระพุทธรูป มิ่งเมือง จนเสร็จพร้อมกนทั าการฉลองอย างมโหฬาร่ ปรากฏวาตั่ ้งแตได้สร้างพระพุทธรูปทั่ ้งทั้งองค์ เสร็จแล้ว ฝนกตกตามฤดูกาล็ ทาให้เก ิดความอุดมการณ์แก่ท้องที่นี้เป็นอันมาก พระพุทธยืนมงคลเป็น พระพุทธรูปคูจังหวัดมหาสารคาม่ ประวัติพระยืนกนทรวิชัยั อันบุญญาบารมีอภินิหารอันศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายทั้งปวงใครจะปฏิเสธเสียมิได้ และแขงขันให้เท่ าเทียมก่ นได้ยากั ทั้งเป็นสิ่งที่เหนือเหตุเหนือ ผลของการพิสูจน์ดังพระพุทธองค์ ตรัสไว้วา่ ‚สิ่งมหัศจรรย์นั้นเป็นอาจิณไตย‛ทรงหมายความวา่ ใครๆไมควรคิดความศักดิ่ ์สิทธิ์จะดลบันดาลให้เกิดมีเฉพาะแก่ผู้มีบุญวาสนาเลื่อมใสเชื่อมันเท่ านั่ ้น หลวงพอพระยืน่ (วัดสุวรรณวาส) หลวงพอพระยืน่ (วัดพุทธมงคล) ทั้งสองพระองค์ ทรงอานุภาพอ ศักดิ์สิทธิ์ เป็นปูชนียวัตถุ ที่ควรแก่การสักการะเคารพบูชายิงทั่ ้งสององค์นี้ชาวบ้านนิยมเรียกกนวั า่ 44

‚หลวงพอพระยืน่ ‛ เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ยิงเป็นมิ่ ่งขวัญเป็นที่พึ่งทางใจของชาวพุทธทุกถ้วน หน้าโดยเฉพาะชาวกนทรวิชัยั จังหวัดมหาสารคาม และเป็นที่เคารพบูชาของพุทธศาสนิกชนทัวไป่

7.1.5 พระพุทธรูปยืนมงคล พระพุทธรูปยืนมงคล จังหวัดมหาสารคาม อยูที่ต่ าบลคันธารราษฎร์ อาเภอก นทรวิชัยั บนทาง หลวงหมายเลข 213 ห่างจากตัวเมืองประมาณ 14 กิโลเมตร เป็นพระพุทธรูปสมัยทวารวดี สร้างขึ้น ด้วยหินทรายแดงเหมือนพระพุทธรูปมิ่งเมือง กล่าวกนวั าพระพุทธรูปสององค์นี่ ้สร้างขึ้นในเวลา เดียวกนคือั เมื่ออาเภอก นทรวิชัยฝนแล้งั ผู้ชายสร้างพระพุทธรูปมิ่งเมือง ส่วนผู้หญิงสร้างพระพุทธรูป มิ่งเมือง จนเสร็จพร้อมกนทั าการฉลองอย างมโหฬาร่ ปรากฏวาตั่ ้งแตได้สร้างพระพุทธรูปทั่ ้งทั้งองค์ เสร็จแล้ว ฝนกตกตามฤดูกาล็ ทาให้เก ิดความอุดมการณ์แก่ท้องที่นี้เป็นอันมาก พระพุทธยืนมงคลเป็น พระพุทธรูปคูจังหวัดมหาสารคาม่ ประวัติพระยืนกนทรวิชัยั อันบุญญาบารมีอภินิหารอันศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายทั้งปวงใครจะปฏิเสธเสียมิได้ และแขงขันให้เท่ าเทียมก่ นได้ยากั ทั้งเป็นสิ่งที่เหนือเหตุเหนือ ผลของการพิสูจน์ดังพระพุทธองค์ ตรัสไว้วา่ ‚สิ่งมหัศจรรย์นั้นเป็นอาจิณไตย‛ทรงหมายความวา่ ใครๆไมควรคิดความศักดิ่ ์สิทธิ์จะดลบันดาลให้เกิดมีเฉพาะแก่ผู้มีบุญวาสนาเลื่อมใสเชื่อมันเท่ านั่ ้น หลวงพอพระยืน่ (วัดสุวรรณวาส) หลวงพอพระยืน่ (วัดพุทธมงคล) ทั้งสองพระองค์ ทรงอานุภาพอ ศักดิ์สิทธิ์ เป็นปูชนียวัตถุ ที่ควรแก่การสักการะเคารพบูชายิงทั่ ้งสององค์นี้ชาวบ้านนิยมเรียกกนวั า่ ‚หลวงพอพระยืน่ ‛ เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ยิงเป็นมิ่ ่งขวัญเป็นที่พึ่งทางใจของชาวพุทธทุกถ้วน หน้าโดยเฉพาะชาวกนทรวิชัยั จังหวัดมหาสารคาม และเป็นที่เคารพบูชาของพุทธศาสนิกชนทัวไป่ 7.1.6 พระพุทธรูปมิ่งเมืองหรือพระพุทธรูปสุวรรณมาลี ตั้งอยูที่่ หมู ่ 1 ตาบลโคกพระ อาเภอก นทรวิชัยั จังหวัดมหาสารคาม เป็นพระพุทธรูปสมัยท ราวดีสร้างขึ้นด้วยหินทรายแดง เหมือนพระพุทธรูปยืนมงคล พระพุทธรูปสององค์นี้สร้างขึ้นในเวลา เดียวกนคือั เมื่ออาเภอก นทรวิชัยฝนแล้งั ผู้ชายสร้างพระพุทธรูปมิ่งเมือง ส่วนผู้หญิงสร้างพระพุทธรูป มิ่งเมือง จนเสร็จพร้อมกนทั าการฉลองอย างมโหฬาร่ ปรากฏวาตั่ ้งแตได้สร้างพระพุทธรูปทั่ ้งทั้งองค์ เสร็จแล้ว ฝนกตกตามฤดูกาล็ ทาให้เก ิดความอุดมการณ์แก่ท้องที่นี้เป็นอันมาก พระพุทธยืนมงคลเป็น พระพุทธรูปคูจังหวัดมหาสารคาม่ ทุกคนไมว่ าท่ านจะขอพร่ หรือบนบานศาลกล่าว กจะได้สมใจนึก็ ทุกประการ พระพุทธรูปยืนวัดสุวรรณวาส อาเภอก นทรวิชัยั มีเรื่องเล่าวา่ ถิ่นที่เป็นอาเภอก นทรวิชัยั ปัจจุบันนี้เดิมเป็นเมืองชื่อ เมืองคันธาร์ธิราช มีเจ้าเมืองขอมปกครอง ตอมาได้กลายเป็นเมืองร้างเจ้า่ เมืองคันธาร์ธิราชองค์สุดท้ายชื่อ ท้าวลินทองหรือสิงโตดา ท้ายสิงโตดามีนิสัยโหดร้ายและได้แย งราช่ สมบัติจากบิดาโดยจับขังและให้อดอาหารจนสิ้นชีวิตและสั่งให้ฆาพระมารดาที่พยายามแอบน่ าอาหาร ไปให้ ภายหลังท้าวสิงห์โตดาเมื่อได้ครองเมืองแล้วเก ิดมีความรุ่มเล่ากระวนกระวายโหรจึงแนะนาให้ สร้างพระพุทธรูปเพื่อล้างบาป ท้าวสิงโตดาจึงได้สร้างพระพุทธรูปยืน 2 องค์ องค์หนึ่งอยูกลางเมือง่ เพื่อระลึกถึงพระบิดาปัจจุบันอยูที่วัดสุวรรณวาสใกล้ตลาดอ่ าเภอก นทรวิชัยและอีกองค์หนึ่งอยูั นอก่ เมืองเพื่อระลึกถึงพระมารดา พระพุทธรูปยืนองค์นี้ปัจจุบันอยูใต้ต้นโพธิ่ ์ในวัดพุทธมงคล บ้านสระ 45

และเมื่อพระเจ้าสิงห์โตสิ้นชีวิตชาวเมืองได้นาไปฝั ่งที่ป่านอกเมืองและสร้างพระนอนเหนือคุมหลุม ศพ ปัจจุบันเรียกวา่ ดอนพระนอน การเดินทาง ใช้เส้นทางหมายเลข 213 (มหาสารคาม-การฬสินธุ์) ห่างจากตัวเมือง 14 กิโลเมตร เศษ (อยูทางด้านซ้ายมือ่ )

7.2 พิพิธภัณฑ์

ภาพที่ 28 สถาบันวิจัยศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยมหาสารคาม

ตั้งอยูในบริเวณมหาวิทยาลัยมหาสารคาม่ เขตพื้นที่ในเมือง เป็นแหล่งจัดเกบศิลปวัตถุ็ รวมทั้งเป็นแหล่งศึกษาวิจัย ให้บริการวิชาการ รวมถึงการทานุบ ารุงศิลปวัฒนธรรมอีสาน ภายหลังจึง ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‚ศูนย์ศิลปะพื้นบ้าน‛ ตอมาได้รับการสนับสนุนและส่ ่งเสริมการค้นคว้าวิจัยอยาง่ กว้างขวาง โดยเฉพาะการศึกษาพืชและต้นไม้พื้นเมือง รวมทั้งหัตกรรมในท้องถิ่นและวรรณคดีอีสาน ประเภทใบลาน ซึ่งหาชมได้ยากนอกจากนั้นยังมีภาพสไลด์เกี่ยวกบวัฒนธรรมและประเพณีของชาวอีั สารให้ชมด้วย

ภาพที่ 29 พิพิธภัณฑ์นครจัมปาศรี

46

นครจัมปาศรีมีประวัติอันยาวนานนับพันปี และได้ถูกเลือนหายไปจากหน้าประวิติศาสตร์ จะเนื่องจากวิกฤตการณ์หรือเหตุผล ใดกไม็ อาจจะทราบได้่ จะอยางไรก่ ตามก็ ยังมีเค้าเงื่อนพอที่จะ็ สอบค้นได้บ้างจากหลักฐานทางโบราณคดี เช่น โบราณสถาน โบราณวัตถุ โดยเฉพาะอาเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเป็นที่ตั้งนครจัมปาศรี มีโบราณสถานหลายแห่ง และโบราณวัตถุหลากหลาย ชนิด สามารถสอบค้นและเปรียบเทรียบอายุสมัยลักษณะเผาพันธุ์่ ตลอดจนการดารงชีพ ขนบธรรมเนียมประเพณีของบรรพชนในถิ่นแบบนี้ได้อยางดี่ นอกจากนี้ยังมีตาราเอกสารอื่นๆ พอที่จะอ้างอิงเทียบเคียงได้ด้วย เป็นสถานที่จัดแสดงและเกบรวบรวมรักษาโบราณวัตถุ็ ศิลปวัตถุ และ เป็นแหล่งข้อมูลอาณาจักรจัมปาศรี นครโปราณสมัยทวารวดี อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 13-16 โดย ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2543 ภายในบริเวณองค์พระบรมธาตุนาดูน (พุทธมณฑลอีสาน) ลักษณะเป็น อาคารทรงไทยประยุกต์ 2 หลังเชื่อมตอก่ นภายในมีการจัดแสดงเรื่องราวตั างๆ่ ผานสื่อวีดีทัศน์โมเดล่ จาลอง และบอร์ดข้อมูล แบงออกเป็น่ 4 ส่วน คือ 1. พุทธศาสนา : ศาสตร์แห่งบูรพทิศ 2. พระบรมสารีริกธาต์ 3. การค้นพบที่ยิงใหญ่ ที่นาดูน่ 4. พุทธมณฑลอีสาน

ภาพที่ 30 สถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช

สถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช อาเภอนาดูน ตั้งอยูที่บริเวณด้านทิศตะวันออกของพระธาตุนาดูน่ ประกอบด้วยพื้นที่ประมาณ 543 ไร่ 2 งาน 23 ตารางวา หน่วยงานนี้ได้ดาเนินงานเมื่อปี พ.ศ. 2532 โดยจัดแสดงการถ่ายทอดทางเทคโนโลยีเกี่ยวกบชีวิตคนอีสานอันเป็นการเชื่อมโยงระหวั าง่ วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม ภายในสถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช ประกอบด้วยหน่วยงานที่รับผิดชอบ ดาเนินงาน 3 หน่วยงานนี้อยูในความควบคุมดูแลของมหาวิทยาลัยมหาสารคามอยู่ ทางทิศตะวันออก่ ของพระธาตุนาดูนเป็นสถานที่ศึกษาวิจัยเกี่ยวกบพันธ์ไม้ั อนุรักษ์ ขยาย และปรับปรุงพันธ์ไม้ในภาค 47

อีสาน ภายในสถาบันฯ จะมีอุทยานลานไผ ่ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและพิพิธทัณฑ์บ้านอีสาน ซึ่งแตละ่ แห่งมีความน่าสนใจเป็นอยางมาก่

7.3 สถานที่ท่องเที่ยว เมืองและชุมชน

ภาพที่ 31 หมูบ้านหัตถกรรมบ้านหนองเขื่อนช้าง่

เป็นหมูบ้านหัตถกรรม่ ตั้งอยูต่ าบลท าสองคอน่ มีชื่อเสียงในการทอผ้าไหมและผ้าฝ้าย ชาวบ้านแทบทุกครัวเรือนทอผ้าและผลิตภัณฑ์สาเร็จรูปคุณภาพดีและราคาย อมเยา่ ไว้จาหน ่ายแก่ นักทองเที่ยว่ เช่น ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าพันคอ ผ้าคุมไหล่ เสื้อ กางเกงขากวย๊ หมอนขิด กระเป๋ายาม่ และ อื่นๆ นับเป็นแหล่งหัตถกรรมที่สาคัญของจังหวัด การเดินทาง จากตัวเมืองใช้เส้นทาง มหาสารคาม – โกสุมพิสัย ประมาณ 12 กิโลเมตร แล้ว เลี้ยวซ้ายระหวางก่ ิโลเมตรที่ 47 – 48 ตามทางหลวงหมายเลข 10271 สู่บ้านโนนตาล แล้วเดินทาง ตอไปอีก่ 2 กิโลเมตร

ภาพที่ 32 เสื่อกกบ้านแพง

บ้านแพงตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2369 สาเหตุที่ชื่อบ้านแพง เพราะมีต้นแพง (ชื่อต้นไม้) ขึ้นหนาแน่น เป็นป่าบริเวณที่ตั้งหมูบ้าน่ จึงเรียกวา่ ‚บ้านแพง‛ อาชีพหลักของประชาชนคือทานา รองลงมาคือการ ทอเสื่อกก และที่เหลือคือการประกอบอาชีพับจ้างทัวไป่ โดยมากหลังฤดูเกบเก็ ี่ยว ชาวบ้านจะออกไป 48

ทางานที่อื่น ชุมชนแพงเป็นชุมชนที่เน้นการทอเสื่อกกมาตั่ ้งแตอดีต่ ผลิตภัณฑ์ของบ้านแพงนั้นได้รับ การปรับปรุงให้มีความทันสมัยทั้งในรูปแบบและลวดลาย ทาให้บ้านแพงกลายเป็น OTOP ที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักกนดีในด้านผลิตภัณฑ์เสื่อกกจากในและตั างประเทศด้วยเหตุผลนี่ ้จึงทาให้ชุมชน กลายเป็นแหล่งศึกษาดูงานในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน การทอเสื่อกกมีมาประมาณ 100 ปีแล้ว ส่วนใหญทอเสื่อเพื่อใช้ในครัวเรือนส่ าหรับแลกเปลี่ยนก บสิั ่งของเครื่องใช้ ภายในหมูบ้านและ่ ใกล้เคียง โดยเริ่มต้นทอเสื่อจากต้นกกสามเหลี่ยม (ต้นผือ) ตอมาพระที่วัดได้น่ าพันธุ์ตินก (ไหล) มา จากจังหวัดร้อยเอ็ด มาทดลองปลูกที่ริมบึงบ้านแพง ผลปรากฏวา่ ปลูกได้ผลดี เจริญเติบโตเร็ว จึงมี ราษฎรนามาปลูกเพิ ่มกนทุกครัวเรือนั มีคุณสมบัติเหนียว เมื่อทอเป็นผืน จะใช้งานได้ดีมีความคงทน ถาวรมากกวาการทอจากต้นผือ่ ตอมามีการมีการจัดตั่ ้งเป็นกลุ่มอาชีพคณะกรรมการกลุ่มอาชีพ ทอเสื่อ กกบ้านแพงจนถึงปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เสื้อกกบ้านแพง เป็นผลิตภัณฑ์จากหัตถกรรมการทอเสื่อกก พัฒนาแบบเสื่อปูนัง่ ที่รองจาน แกวน้ ้าบนตกอาหาร ที่นอน เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนของกลุ่มทอเสื่อกกบ้านแพง ตาบนแพง อาเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม โดยการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น

7.4 สถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์

ภาพที่ 33 เขตห้ามล่าสัตว์ป่าดูนลาพัน

ป่าดูนลาพันตั ้งอยูที่ต่ าบลนาเชือก อาเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม เดิมเป็นพื้นที่ สาธารณประโยชน์ตอมาปี่ พ.ศ.2536 ได้มีการค้นพบปูน้าจืด (ปูป่า) ซึ่งมีสีสันสวยงามชนิดใหมของ่ โลกในบริเวณพื้นที่ป่าดูนลาพันภายหลังในปี พ.ศ. 2536 เป็นปีที่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าจุฬา ภรณ์ วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นผู้นาและมีพระปรีชาสามารถในงานด้าน วิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงได้กราบทูลขอพระราชทานพระอนุญาต อันเชิญพระนามของ พระองค์มาเป็นนามของปูน้าจืดชนิดนี ้และได้รับพระราชทานอนุญาตให้เรียกชื่อปูชนิดนี้วา่ ‚ปู ทูลกระหมอม่ ‛ โดยมีชื่อวิทยาศาสตร์วา่ ‚Thaipotamon chulabhorn‛ 49

เนื่องจากป่าลาพูนมีลักษณะเด ่นทรงระบบนิเวศน์ จึงเป็นแหล่งที่อาศัยเพียงแห่งเดียวในโลก ของ ปูทูลกระหมอม่ เป็นปูน้าจืดชนิดใหม ของโลกอยู่ ในกลุ่ ่มปูป่ามีสีสันสวยงาม กะดองสีมวงเปลือก่ มังคุด ขอบเบ้าตา ขอบกระดอง ขาเดินทั้ง 4 คู ่ และกามหนีบทั้ ้ง 2 ข้าง มีสีเหลืองส้ม ปลายขาข้อ สุดท้ายและปลายกามหนีบมีสีขาวงาช้าง้ นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งทองเที่ยวที่มีลักษณะเป็นป่า่ ธรรมชาติ มีน้าไหลเฉพาะที่ตลอดเวลาหรือที่เรียกว าป่าน่ ้าซับ นอกจากนั้นยังมรพืชและสัตว์ที่ไมค่ อย่ พบในที่อื่นๆและหายากเช่น ต้นลาพัน , เห็ดลาบ, ปลาคอก้งั , งูขา และปูทูลกระหมอม่ หรือปูแป้งเป็น ปูน้าจืดที่สวยที่สุดในโลก ตัวขนาดใหญกว่ าปูนา่ ลาตัวมีหลายสี เช่นสีมวง่ ส้ม เหลือง และขาว และ จะพบเฉพาะที่ป่าดูนลาพันแห ่งนี้เทานั่ ้น

ภาพที่ 34 วนอุทยานโกสัมพี

แหล่งข้อมูล วนยุทยานโกสัมพี https://www.google.co.th/ [26/12/2559]

ตั้งอยูที่ต่ าบลหัวขวาง ริมฝั่งแมน่ ้าชี จากตัวเมืองใช้เส้นทางหมายเลข 208 ประมาณ 28 กิโลเมตร ถึงสี่แยกโกสุม ตรงเข้าทางลาดยาง 450 เมตร วนอุทยานโกสัมพี มีเนื้อที่กว้าง 124 ไร่ ประกาศเป็นวณอุทยาน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2529 ลักษณะเป็นป่ามีต้นไม้กวา่ 3,618 ชนืด เช่น ต้นยาง ขนาดใหญ ่ ต้นตะแบก ต้นกระทุม่ ฯลฯ แผก่ ่ิงกานสาขาปกคลุมติดต้ อก่ นมีหนองนั ้าธรรมชาติ ทัศนียภาพร่มรื่น วนอุทยานนี้เป็นที่อาศัยของนกตางๆและลิงแสมฝูงใหญ่ จ่ านวนหลายร้อยตัว รวมทั้ง ลิงแสมสีทอง ซึ่งเป็นพันธุ์ที่หายากนอกจากนี้ยังมีสิ่งที่หน้าสนใจ ในวนอุทยานโกสัมพี เป็น หินดินดานบริเวณกว้าง ในฤดูแล้งระหวางเดือนพฤษจิกายน่ -พฤษภาคม น้าตื่นเขินมองเห็นหินดาน มี น้าไหลกระทบหินดานเป็นฟองคลื่นขาวสะอาดสวยงามและแปลกตา และบริเวณที่ติดตอก่ นกั บริมฝัั ่ง น้าชีก มีทัศนียภาพที่สวยงามร็ ่มรื่นลานขอย่ เป็นลานต้นขอยที่มีอยู่ เดิมตามธรรมชาติ่ พัฒนาตกแตง่ เป็นไม้แคระรูปตางๆมากกว่ า่ 200 ต้น การเดินทาง ห่างจากตัวเมืองมหาสารคามประมาณ 28 กิโลเมตร ใช้เส้นทางหมายเลข 208 ถึง สี่แยกโกสุมพิสัย ตรงเข้าลาดยาง 450 เมตร

50

ภาพที่ 35 วังมัจฉาโขงกุดหวาย

อุทยานวังมัจฉาโขงกุดหวาย อยูในความดูแลของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม่ เป็นแหล่ง เพาะพันธุ์ปลาน้าจืด ... เป็นแหล่งทองเที่ยวเชิง่ อนุรักษ์เชิงชนบทโดยได้รับการประกาศเป็นแหล่ง ทองเที่ยวของจังหวัดมหาสารคามเมื่อปี่ 2540 เนื่องจากแหล่งทองเที่ยวแห่ ่งนี้มีฝูงปลาหลายร้อยชนิด ที่มาจากแมน่ ้าชีได้ทะลักเข้ามาอยู ตั่ ้งแตตัวเล็กๆ่ และส่วนมากจะเป็นปลาเผาะซึ่งเป็นปลาเนื้อออน่ ต้น ตระกูลของปลานี้จะอยูในแม่ น่ ้าโขง ชาวบ้านส่วนใหญอนุรักษ์ไว้เพื่อให้นักท่ องเที่ยวได้มาดูและ่ ศึกษาชนิดพันธุ์ปลาตางๆ่ เหล่านี้

51

อุทยานวังมัจฉาโขงกุดหวาย ทาเป็นลักษณะก ึ่งศาลากลางน้ามีทางเดินเชื่อมต อถึงก่ นตลอดั 2 ฝั่ง

อาหารปลา ก่อนเข้าสู่ศาลากลางน้าหรือโป๊ะ จะมีร้านขายของขบเคี้ยวสาหรับนักท องเที่ยวได้่ พักผอน่ และอาหารปลาสาหรับเรียกปลามา

บริเวณอุทยานวังมัจฉาโขงกุดหวาย ดูเหมือนแมน่ ้ายาวๆ

52

7.5 การท่องเที่ยวเชิงเกษตร ภาพที่ 36 สหกรณ์โคนมโคกก่อ ศูนย์เรียนรู้บริหารธุรกิจแบบครบวงจร

สหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมโคกก่อ จาก ดั เป็น 1 ใน 210 สหกรณ์ ที่ได้คัดเลือกให้ร่วมเป็น ‚ศูนย์ เรียนรู้การสหกรณ์‛ ของจังหวัดมหาสารคาม มีการดาเนินธุรก ิจแบบครบวงจร ตั้งแตต้นน่ ้า กลางน้า และปลายน้า พร้อมส่งเสริมกิจกรรมการรวมกลุ่มสร้างการมีส่วนร่วมกบสมาชิกั สหกรณ์ฯ เกิดจาก แนวความคิดของนายวินัย ประทีปะวณิช หัวหน้าโครงการชลประทานจังหวัดมหาสารคาม ในขณะ นั้น ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงอาชีพทางด้านการเกษตร และเพื่อสร้างทางเลือกใหมให้แก่ ่เกษตรกร จังหวัดมหาสารคาม โดยเห็นวาสภาพพื่ ้นที่เพราะปลูกพืชมีความแห้งแล้ง และอยูนอกเขตชลประทาน่ ปริมาณน้าจึงไม เพียงพอต่ อความต้องการ่ จึงเห็นควรที่จะมีการส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสม เช่น อาชีพ ด้านปศุสัตว์ ขณะเดียวกนเกษตรกรสั ่วนใหญก่ ท็ าการเลี ้ยงสัตว์ควบคูก่ บการปลูกพืชไปด้วยั โดยเฉพาะการเลี้ยงโค กระบือเพื่อไว้ใช้งานและเป็นอาหาร แตไม่ ได้ยึดเป็นอาชีพหลัก่ แตจะต้อง่ คัดเลือกชนิดสัตว์ที่เลี้ยงง่าย และที่สาคัญจะต้องก ่อให้เกิดรายได้แก่เกษตรกรมันคงและยั่ งยืน่ ซึ่ง ขณะนั้นเห็นวาโคนม่ เป็นปศุสัตว์ที่กาลังได้รับความสนใจเป็นอย างมาก่ เพราะตลาดมีความต้องการ น้าดิบที่เพิ ่มขึ้น ปี พ.ศ.2535 จึงได้นาโคนมจากอ าเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี มาทดลองเลี้ยงใน ฟาร์มโคกก่อ บ้านโคกก่อ อาเภอเมือง และจากอาเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี นามาเลี ้ยงในเขตอาเภอ วาปีปทุม ซึ่งน้านมที่ผลิตได้ 300-500 กก.ตอวัน่ ส่งขายให้กบบริษัทอุตสาหกรรมนมไทยั จาก ดั โดย ผานสหกรณ์โคนมขอนแก่ ่น จาก ดั ในเวลาตอมา่ เกษตรกรในเขตอาเภอบรบือเก ิดความสนใจใน อาชีพการเลี้ยงโคนมเพิ่มขึ้น ฟาร์มโคนมโคกก่อ จึงให้การส่งเสริมและสนับสนุน โดยเปิดให้บริการ 53

ในการฝึกอบรมให้ความรู้และประสบการณ์ในการเลี้ยงโคนม พร้อมเกิดแนวคิดร่วมกนจัดตัั ้งกลุ่มขึ้น ชื่อวา่ ‚กลุ่มผู้เลี้ยงโคนมโคกก่อ‛ เพื่อที่ดูแลช่วยเหลือซึ่งกนและกั นั ส่งเสริมและสนับสนุนอาชีพการ เลี้ยงโคนมให้เพิ่มมากขึ้น จากการดาเนินงานดังกล ่าว ทาให้เก ิดรูปแบบที่ชัดเจนเกษตรกรเกิดความ เชื่อมันและศรัทธาในอาชีพการเลี่ ้ยงโคนมมากยิงขึ่ ้น จึงได้มีมติเห็นชอบให้ขอจดทะเบียนเพื่อขอ จัดตั้งเป็นสหกรณ์ โดยใช้ชื่อวา่ ‚สหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมโคกก่อ จาก ดั ‛ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2540 ประเภทสหกรณ์การเกษตรสหกรณ์ฯ มีการดาเนินธุรก ิจแบบครบวงจร ได้แก่ การบริหารจัดการต้นน้า คือ การบริหารจัดการด้านเลี้ยงโคนม การจัดการอาหารโคนมและปัจจัยการผลิต การบริหารจัดการ กลางน้า คือ การบริหารจัดการด้านน้านมดิบมาตรฐาน GMP ซึ่งปัจจุบันสหกรณ์มีศูนย์รวบรวมน้านม ดิบ จานวน 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยูในเขตอ่ าเภอเมือง และอาเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม การบริหารจัดการปลายน้า คือ การแปรรูปผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรซ์ โดยปัจจุบันมีการ จาหน ่ายในโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนวันละ 50,000 ถุง/วัน และมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์จาก นมสดอื่นๆ เช่น ไอศกรีมนมสด นมสดชาใบหมอน่ ทาให้การด าเนินธุรก ิจเป็นไปอยางต่ อเนื่อง่ นอกจากนี้ สหกรณ์ฯ มีกิจกรรมการรวมกลุ่มสร้างการมีส่วนร่วมกบสมาชิกอยั างสม่ ่าเสมอ เช่น การ ประชุมกลุ่มยอย่ มีคณะอนุกรรมการด้านตางๆ่ จัดการอบรมสัมมนาและศึกษาดูงานอยางต่ อเนื่องและ่ สม่าเสมอจึงเป็นได้ว า่ สหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมโคกก่อ จาก ดั เป็นอีกหนึ่งสหกรณ์ต้นแบบการบริหาร จัดการองค์กร และการดาเนินธุรก ิจด้วยวิธีการสหกรณ์ พร้อมเป็นแหล่งเรียนรู้ และเผยแพร่งาน สหกรณ์สู่สมาชิก เกษตรกร และประชาชนทัวไป่

7.5.2 หมูบ้านเศรษฐก่ ิจพอเพียงดอนมัน หมูบ้านต้นแบบเศรษฐก่ ิจพอเพียง บ้านดอนมัน ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงมหาดไท ให้เป็นหมูบ้านเมื่อปี่ ๒๕๒๑ มีผู้ใหญบ้านมาแล้ว่ ๒ คน คือนายสัง วงศ์วอและนายยัง วงศ์ วอ ส่วนล่าสุดนั้น มีสถานะเป็นกานันไฟแรง กาลังมีชื่อเสียง เป็นที่จับตามองอยางมาก่ นันคือ่ ‚นาย อดิศร เหล่าสะพาน‛ปัจจุบันบ้านดอนมัน มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะหมูบ้านพัฒนาตามแนว่ พระราชดาริเศรษฐก ิจพอเพียง เป็นหมูบ้านต้นแบบของการพัฒนาแบบพึ่งพาตนเอง่ รณรงค์การเป็น หมูบ้านปลอดเหล้า่ ปลอดอบายมุข สมานฉันท์ ฯลฯ จนสถาบันตางๆ่ กาวเข้ามาเชิดชูเก้ ียรติอยาง่ หลากหลาย ซึ่งในแตละวัน่ มักมีผู้คน หน่วยงานสัญจรเข้าออกศึกษาดูงานอยูอย่ างเนืองๆ่ หมูบ้านแห่ ่งนี้กลายเป็นหมูบ้านเศรษฐก่ ิจพอเพียงอยางชัดแจ้ง่ มีผักปลอดสารพิษ ผลิตปุ๋ย ชีวภาพ เลี้ยงไก่บ้าน เลี้ยงหมู เลี้ยงปลา เลี้ยงโคเนื้อ เลี้ยงกบ เลี้ยงจิ้งหรีด เพาะเห็ด ปลูกผักสวน ครัว (รั้วกินได้) อยางครบครัน่ เรียกได้วาเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง่ และกาลังเดินทางสวนกระแสสังคมทุน นิยมอยางน่ ่าจับตามอง หมูบ้านนี่ ้นอกจากจะปลอดอบายมุขแล้ว ผู้นายังมีความเข้มแข็ง มีวิสัยทัศน์ที่ กว้างไกล โดยนาเอาที่ดินกว า่ 21 ไร่ ของตน มาเป็นศูนย์ศึกษาเกษตรพอเพียงตามพระราชดาริ เปิด 54

ให้บริการและฝึกอบรมแก่ นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทัวไป่ รวมทั้งผู้ต้องขังให้ได้มาเรียนรู้ เป็นที่ อบรม ศึกษาดูงานของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจตางๆ่ เช่น ธกส. เรือนจา กลุ่มแมบ้าน่ โรงเรียน มหาวิทยาลัย เป็นต้น ที่นี่ยังบริการเรือนพักให้กบผู้คนที่มาอบรมแบบต้องการค้างคืนด้วยั แมบ้าน่ ของทานก่ านันก อัธยาศัยดี็ ต้อนรับขับสู้ จัดแจงอาหาร และเป็นผู้รู้ในการให้ข้อมูลอยางคล่ ่องแคล่ว หน้าบ้านของทานก่ านันยังเปิดเป็นศูนย์เรียนรุ้ชุมชนของการศึกษานอกโรงเรียน เป็นที่นัดพบของ นักเรียน กศน. เพื่อรวมกลุ่มการเรียนในวันเสาร์-อาทิตย์ ในแตละวันจะมีสมาชิกกลุ่ ่มแมบ้าน่ และ ผู้คนเวียนมาเพาะปลูกและเรียนรู้อยูมิขาดสาย่ นับวาเป็นหมู่ บ้านที่อุดมไปด้วยแหล่ ่งเรียนรู้จริงๆ

ภาพที่ 37 ทางเข้า บ้านดอนมัน จ. มหาสารคาม

55

ภาพที่ 38 ผลไม้พื้นบ้านในสวน และศูนย์การเรียนรู้ของหมูบ้าน่

8. มัคคุเทศก์ (Tourist Guides) 8.1 คาจ าก ดความของมัคคุเทศกั ์ พระราชบัญญัติธุรกิจนาเที่ยวและมัคคุเทศก ์ พ.ศ. 2535 มาตรา 3 ได้ให้ความหมายของ มัคคุเทศกว์ า่ เป็นผู้ที่นานักท องเที่ยวไปยังสถานที่ต่ างๆ่ และให้เกิดความรู้แก่นักทองเที่ยวเก่ ี่ยวกบั สถานที่หรือบุคคลโดยได้รับคาตอบแทน่ (กฤตพร บุญการินทร์. 2550: 25) กฤตพร บุญการินทร์ (2550 : 25 อ้างมาจาก สุภาพร มากแจ้ง 2534 : 1) กล่าววา่ มัคคุเทศก ์ หมายถึง ผู้นาทาง หรือผู้ที่ทาหน้าที่น าเที่ยวแก ่นักทองเที่ยวทั่ ้งในประเทศไทยและตางประเทศ่ ซึ่งตรง กบภาอังกฤษวั า่ Guide, Tourist Guide Courier หรือ Tour Leader ซึ่งมัคคุเทศกมีบทบาทส์ าคัญ 2 บทบาท คือ เป็นตัวแทนของประเทศ หรือ ท้องถิ่นที่ตนประกอบอาชีพอยู ่ และ บทบาทผู้นาเที่ยว "มัคคุเทศก"์ มาจากการสนธิของคาในภาษาบาลีสองค าคือ มคค (มัคคะ) : ทาง อุทเทสก (อุทเทสะกะ) ผู้แสดง, ผู้ชี้แจง เมื่อนาเอาค าสองค ามารวมก นเป็นั "มัคคุเทศก"์ จึงมีความหมายเป็นผู้ แสดงให้ทราบถึงเส้นทาง ผู้ชี้แจงเกี่ยวกบเส้นทางั ผู้นาทาง ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 การเดินทาง ทองเที่ยวเพื่อการศึกษาและขยายโลกทัศน์่ ให้แก่ตนเองกลายเป็นความนิยมของบุคคลในสังคมชั้นสูง และนักศึกษาชาวอังกฤษที่สาเร็จขั ้นอุดมศึกษาออกมาได้ไปทองเที่ยวตามแหล่ ่งที่มาของอารยธรรม ตางๆ่ ก่อนเข้าประจาท างาน ผู้นาเที่ยวเหล ่านี้จึงได้ชื่อวาเป็น่ "มัคคุเทศก"์ แบบผู้นาเที่ยว ( Tourist Guide)ไป นอกเหนือจากการเป็นผู้บอกทาง 56

จากที่กล่าวมาข้างต้น สามารถกล่าวโดยสรุปได้วา่ มัคคุเทศก ์ คือ ผู้ที่ประกอบอาชีพนาเที่ยว และรับผิดชอบดูแลในกิจการด้านการทองเที่ยวให้ก่ บนักทั องเที่ยวไปยังสถานที่ต่ างๆ่ พร้อมทั้งให้ ความรู้เกี่ยวกบสถานที่ั ตัวบุคคล แก่นักทองเที่ยว่ มัคคุเทศกในเมืองไทยน์ ่าจะเริ่มมีกนตัั ้งแตครั่ ้งที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยา กาแพงเพชรอัครโยธินในต าแหน ่งผู้บัญชาการรถไฟ ทรงมีพระดาริเรื่องการท องเที่ยวทางรถไฟ่ และ ทรงส่งเรื่องเมืองไทยไปเผยแพร่ในอเมริกาเมื่อ พ.ศ. 2467 กระทรวงพาณิชย์และคมนาคม เสนอการ บารุงอุตสาหกรรมท องเที่ยวขึ่ ้นอยางเป็นทางการใน่ พ.ศ. 2479 แตในช่ ่วงที่พอจะถือเอาเป็นอาชีพได้ คือ หลังจาก พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา มีการอบรมวิชามัคคุเทศกเป็นครั์ ้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2504 ที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แม้กระนั้นกตามงานอาชีพมัคคุเทศก็ ก์ ยังไม็ มีกฎหมายรองรับและระบบ่ ควบคุมให้ "ธุรกิจนาเที่ยวและมัคคุเทศก "์ ดาเนินไปตามครรลองของความเป็นธรรมและความถูกต้อง จนกระทัง่ พ.ศ. 2535 จึงมีพระราชบัญญัติ "ธุรกิจนาเที่ยวและมัคคุเทศก "์ ประกาศออกมาบังคับใช้ 8.2 มัคคุเทศกแบ์ งออกเป็น่ ประเภท 2 คือ 8.2.1 . มัคคุเทศกทั์ วไปมี่ 2 ชนิด คือ มัคคุเทศกทั์ วไป่ (ตางประเทศ่ ) บัตรสีบรอนซ์เงิน สามารถ นานักท องเที่ยว่ ชาวไทย หรือ ชาวตางประเทศเที่ยวได้ทั่ วราชอาณาจักร่ และมัคคุเทศกทั์ วไป่ (ไทย) บัตรสีบรอนซ์ทอง สามารถนานักท องเที่ยวเฉพาะชาวไทยเที่ยวได้ทั่ วราชอาณาจักร่ 8.2.2 มัคคุเทศกเฉพาะ์ มี 8 ชนิด คือ 8.2.2.1 มัคคุเทศกเฉพาะ์ (ตางประเทศ่ – เฉพาะพื้นที่) บัตรสีชมพู สามารถนานักท องเที่ยว่ ชาวไทย หรือ ชาวตางประเทศเที่ยวได้เฉพาะจังหวัดที่ระบุไว้บนบัตร่ และจังหวัดที่มีพื้นที่ติดตอ่ 8.2.2.2 มัคคุเทศกเฉพาะ์ (ไทย – เฉพาะพื้นที่) บัตรสีฟ้า สามารถนานักท องเที่ยวชาวไทยเที่ยว่ เฉพาะจังหวัดที่ระบุไว้บนบัตรและจังหวัดที่มีพื้นที่ติดตอ่ 8.2.2.3 มัคคุเทศกเฉพาะ์ (เดินป่า) บัตรสีเขียว สามารถนานักท องเที่ยวชาวไทย่ หรือ ชาว ตางประเทศเที่ยวได้ในเขตพื่ ้นที่ป่า 8.2.2.4 มัคคุเทศกเฉพาะ์ (ศิลป – วัฒนธรรม) บัตรสีแดง สามารถนานักท องเที่ยวชาวไทย่ หรือ ชาวตางประเทศเที่ยวได้ทางด้านประวัติศาสตร์่ โบราณคดี ศิลป – วัฒนธรรม วรรณคดีไทยทัว่ ราชอาณาจักร 8.2.2.5 มัคคุเทศกเฉพาะ์ (ทางทะเล) บัตรสีส้ม สามารถนานักท องเที่ยวชาวไทย่ หรือ ชาว ตางประเทศ่ เที่ยวได้ในเขตพื้นที่ทางทะเล 8.2.2.6 มัคคุเทศกเฉพาะ์ (ทะเลชายฝั่ง) บัตรสีเหลือง สามารถนานักท องเที่ยวชาวไทย่ หรือ ชาวตางประเทศเที่ยวได้่ ในเขตพื้นที่ทางทะเล หรือ เกาะตาง่ ๆ โดยมีระยะห่างจากชายฝั่งถึงสถานที่ ทองเที่ยวได้ไม่ เก่ ิน 40 ไมล์ทะเล 8.2.2.7 มัคคุเทศกเฉพาะ์ (แหล่งทองเที่ยวธรรมชาติ่ ) บัตรสีมวง่ สามารถนานักท องเที่ยวชาว่ ไทย หรือ ชาวตางประเทศเที่ยวได้เฉพาะภายในแหล่ ่งทองเที่ยวธรรมชาติที่ระบุชื่อไวบนบัตร่ 57

8.2.2.8. มัคคุเทศกเฉพาะ์ (วัฒนธรรมท้องถิ่น) บัตรสีน้าตาล สามารถนานักท องเที่ยวชาวไทย่ หรือ ชาวตางประเทศเที่ยวได้ทางด้านวัฒนธรรมท้องถิ่ ่น เกี่ยวกบศิลปวัฒนธรรมั ประเพณี ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ โบราณคดี เฉพาะภายในแหล่งทองเที่ยววัฒนธรรมท้องถิ่ ่นที่ระบุชื่อไว้ใน บัตรเทานั่ ้น

8.3 หน้าที่ของมัคคุเทศก์ 8.3.1 มัคคุเทศกต้องไม์ กระท่ าการอย างหนึ่งอย่ างใดอันจะน่ ามาซึ่งความเสื่อมเสียชื่อเสียง เกียรติยศ และจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ 8.3.2 มัคคุเทศกต้องแต์ งกายสุภาพและเหมาะสมก่ บสถานที่ั 8.3.3 มัคคุเทศกต้องติดเครื่องหมายแสดงการเป็นมัคคุเทศก์ ์ ซึ่งได้รับใบอนุญาตและติด ใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศกไว้ที่อกเสื์ ้อ เว้นแตจะอยู่ ในสภาพที่ไม่ อาจจะปฏิบัติเช่ ่นนั้นได้ 8.3.4 มัคคุเทศกต้องไม์ บรรยาย่ อธิบาย หรือบอกกล่าวเรื่องราวที่ไมถูกต้องแก่ ่นักทองเที่ยวอัน่ จะนามาซึ่งความเสื่อมเสียแก ่ประเทศชาติ และอุตสาหกรรมทองเที่ยวของไทย่ 8.3.5 มัคคุเทศกต้องไม์ กระท่ าการใด นอกเหนือความตกลงที่มีอยูก่ บผู้ประกอบธุรกั ิจนาเที่ยว หรือนักทองเที่ยวในกรณีที่มัคคุเทศก่ ได้กระท์ าการใดตามความประสงค์ของนักท องเที่ยว่ และการนั้น อยูนอกเหนือจากที่ตกลงไว้ก่ บผู้ประกอบธุรกั ิจนาเที่ยว มัคคุเทศกต้องแจ้งให้ผู้ประกอบธุรก์ ิจนาเที่ยว ทราบภายในเวลาอันควร

8.4 จรรยาบรรณของมัคคุเทศก์ 8.4.1 จักต้องไมอธิบายหรือบอกกล่ ่าวเรื่องราวแก่นักทองเที่ยว่ อันจะนามาซึ่งความไม ถูกต้อง่ เสื่อมเสียแก่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมทั้งภาพพจน์ของอุตสาหกรรมทองเที่ยวไทย่ 8.4.2 จักต้องรับผิดชอบงานในหน้าที่ของมัคคุเทศก์ ซึ่งจะต้องคานึงถึงประโยชน์ของ นักทองเที่ยวตามข้อตกลงเก่ ี่ยวกบรายการนั าเที่ยวเป็นส าคัญ 8.4.3 จักต้องปฏิบัติหน้าที่โดยซื่อสัตย์สุจริต ไมแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ่ หรือไมกระท่ า การอันใดเพื่อให้นักทองเที่ยวอยู่ ในสภาพที่ต้องปฏิบัติตามโดยไม่ สมัครใจ่ 8.4.4 จักต้องไมปฏิบัติตนฝ่าฝืนศีลธรรม่ 8.4.5 จักต้องไมปฏิบัติตนขัดต่ อขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่ ่นและกฎระเบียบ ของสถานที่ทองเที่ยวแต่ ละแห่ ่ง จากที่กล่าวมา สามารถสรุปได้วา่ มัคคุเทศกเป็นผู้ที่มีบทบาทส์ าคัญในการพัฒนาการ ทองเที่ยวของประเทศ่ เปรียบเสมือนทูตวัฒนธรรมในการประชาสัมพันธ์แหล่งทองเที่ยวเก่ ี่ยวกบั ประเพณีศิลปวัฒนธรรมที่สวยงาม และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของไทย ไปสู่นักทองเที่ยวจากทั่ ้งใน ประเทศ และตางประเทศ่ และมีส่วนทาให้นักท องเที่ยวเก่ ิดความประทับใจในอัธยาศัยไมตรี การ ต้อนรับและการบริการที่ดีแก่นักทองเที่ยว่ 58

การเป็นมัคคุเทศกจะต้องผ์ านการอบรมตามหลักสูตรที่ทางราชการก่ าหนด ซึ่งหลักสูตรแตละ่ ประเภทของบัตรมัคคุเทศกจะก์ าหนดวุฒิการศึกษาไว้ต าง่ ๆ กนั แตคุณสมบัติส่ าคัญ คือ ต้องเป็นคน สัญชาติไทย และอายุตั้งแต ่ 20 ปี ขึ้นไป พูด อาน่ และเขียนภาษาไทยได้เป็นอยางดี่ พระราชบัญญัติ ฉบับนี้ โดยทัวไปจะให้ความส่ าคัญแก ่ผู้ประกอบธุรกิจนาเที่ยว และประกอบอาชีพมัคคุเทศกที่ถูกต้อง์ ตามกฎหมาย โดยเฉพาะอาชีพมัคคุเทศกเป็นอาชีพสงวนส์ าหรับคนไทยเท านั่ ้น

9. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

9.1 ความหมายและความสาคัญ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นหัวใจหลักของการพัฒนา ได้มีผู้ให้ความหมายของคาว า่ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ดังนี้ ไบรอัน Brian (2005 : 2-3) ได้กล่าววาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์่ เป็นกระบวนการพัฒนา อยางต่ อเนื่องเพื่อให้บุคลากรในองค์กรมีความรู้่ ทักษะและความสามารถทันตอเหตุการณ์อยู่ เสมอ่ อาชัญญา (2554 : 2) ได้กล่าววา่ การอบรมเป็นกระบวนการพัฒนาความรู้ (knowledge) ทักษะ (skill)และทัศนคติ (attitude) ของทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทุกคนใน องค์กรสามารถปฏิบัติหน้าที่ทีอยูในความรับผิดชอบได้ดียิ่ งขึ่ ้น จากคาจัดความสามารถ สรุปได้วา่ การพัฒนาทรัพยากรคือการทาให้มนุษย์ความก าวหน้าทาง้ ความรู้ ความสามารถ และ ทักษะ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะปรับปรุงผลงานภายในองค์การให้มี ประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลยิงขึ่ ้น ดังนั้นการเสริมสร้างและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความสามารถสมรรถนะและมีความรู้ทัน ตอเหตุการณ์่ สถานการณ์ทองเที่ยวของทั่ วโลกในปัจจุบัน่ บุคคลากรที่ทางานเก ี่ยวกบการทั องเที่ยวจึง่ มีความจาเป็นอย างที่ต้องได้รับการพัฒนาความรู้่ ความสามารถ และ ทักษะที่เกี่ยวข้องกบการั ทองเที่ยว่ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมทองเที่ยวและนักท่ องเที่ยวจากต่ างประเทศที่เข้ามาท่ องเที่ยวใน่ ประเทศ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต การพัฒนาการใช้ภาษาตางประเทศของกลุ่ ่มนักทองเที่ยวที่เป็น่ เป้าหมายหลักจึงมีความสาคัญมาก โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ เพราะวาเป็นภาษาต่ างประเทศที่ใช้ก่ นทัั ว่ โลก จากรายงานจานวนนักท องเที่ยวที่มาเที่ยวในประเทศไทย่ ปี 2549 พบวา่ จานวนนักท องเที่ยวมา่ จากทวีปยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และ ประเทศอื่นๆที่ใช้ภาษาอังกฤษ มาเที่ยวประเทศไทยมีจานวน มากที่สุด ดังนั้นการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของบุคลากรในสาขาอาชีพตาง่ จึงมี ความสาคัญมากส าหรับการพัฒนาประเทศเพื่อการแข งขันในสังคมโลกปัจจุบัน่ และภาษาอังกฤษยัง เป็นภาษาตางประเทศหลักที่ใช้ส่ าหรับการสื่อสารก นทัั วโลก่ (international communication) 9.2 การพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ อุตสาหกรรมการทองเที่ยวไทย่ เป็นอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมที่ทารายได้สู ่ประเทศไทยเป็น อันดับหนึ่ง และมัคคุเทศกนับเป็นบุคลากรส์ าคัญต อการพัฒนาอุตสาหกรรมนี่ ้ เนื่องจากต้องมี 59

ปฏิสัมพันธ์กบนักทั องเที่ยวต่ างชาติโดยตรง่ ดังนั้นความสามารถในการสื่อสารของมัคคุเทศกจึงมี์ ความจาเป็นอย างยิ่ งในการสร้างความสัมพันธ์อันดีก่ บนักทั องเที่ยว่ ศูนย์พัฒนาความสามารถการใช้ ภาษาอังกฤษ สานักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา กระทรวง ศึกษาธิการได้เห็นความจาเป็นที่จะต้อง พัฒนามาตรฐานภาษาอังกฤษสาหรับอาชีพต าง่ ๆ เนื่องจาก ในปัจจุบันมีการแขงขันก่ นสูงมากในั ระดับโลก ปัจจัยสาคัญประการหนึ่งที่จะท าให้ประเทศไทยสามารถแข งขันได้ในเวทีโลก่ คือ ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ดังนั้นศูนย์พัฒนาความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษ จึงเห็นความ จาเป็นที่จะต้องพัฒนามาตรฐานภาษาอังกฤษส าหรับอาชีพขึ ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้: 9.2.1 องค์กร ผู้ประกอบการสาหรับงานอาชีพต าง่ ๆ ใช้ประเมินบุคลากรในองค์กร และ/หรือ ตั้ง เป้าหมายที่เหมาะสมในการจัดอบรมภาษาอังกฤษให้แก่บุคลากร 9.2.2 บุคลากรใช้ประเมินสมรรถภาพทางความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของตนในงาน อาชีพที่กาลังท าอยู ่ หรืออาชีพที่ต้องการจะทา และ/หรือ ใช้ตั้งเป้าหมายในการเรียนภาษาอังกฤษ เพิ่มเติม 9.2.3 สถาบันหรือหน่วยฝึกอบรมภาษาอังกฤษ สาหรับอาชีพใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา หลักสูตรฝึกอบรม วางแผนบทเรียน พัฒนาสื่อการเรียนการสอน เลือกแหล่งที่เรียน จัดระดับผู้เรียน และประเมินผลผู้เรียน 9.2.4 สถาบันการศึกษา ทั้งในระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา หลักสูตรภาษาอังกฤษสาหรับอาชีพ วางแผนบทเรียน พัฒนาสื่อการเรียนการสอน เลือกแหล่งที่ เรียน จัดระดับผู้เรียนและประเมินผลผู้เรียน 9.3 มาตรฐานภาษาอังกฤษสาหรับงานอาชีพ ประกอบด้วย 4 มาตรฐาน (Standards) 9.3.1 มาตรฐานที่ 1 เข้าใจและตีความภาษาพูดและเขียนในเรื่องเกี่ยวกบงานได้ั 9.3.2 มาตรฐานที่ 2 ใช้ทักษะการพูดและเขียนในการปฏิบัติงานได้ 9.3.3 มาตรฐานที่ 3 ใช้ภาษาได้หลากหลายและตรงกบระดับของผู้รับสารั

9.3.4 มาตรฐานที่ 4 เข้าใจและใช้สีหน้า ทาทาง่ และ น้าเสียงได้เหมาะสมก บผู้รับสารั จุดประสงค์ สถานการณ์ และ วัฒนธรรม ทั้ง 4 มาตรฐานมีตัววัดระดับความสามารถ คือ ระดับ เบื้องต้น ระดับกลาง และ ระดับสูง และ ตัววัดแตละระดับความสามารถ่ มีตัวบงชี่ ้ (Benchmark indicators) วาบุคคลในอาชีพสามารถใช้ภาษาอังกฤษท่ าอะไรได้บ้าง ศูนย์พัฒนาความสามารถการใช้ ภาษาอังกฤษ 9.4 มาตรฐานความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ (ตางประเทศ่ ) มาตรฐานที่ 1 : เข้าใจและตีความภาษาพูดและเขียนในเรื่องเกี่ยวกบงานได้ั 60

1.1 ใช้ทักษะการฟังได้ในระดับกลาง 1.2 ใช้ทักษะการอานได้ในระดับกลาง่ ตัวบงชี่ ้ ตังบงชี่ ้ (1) เข้าใจคาพูดที่ใช้ในสังคม เช่น การทักทาย อาลา (1) จับสาระสาคัญเก ี่ยวกบการทั องเที่ยวจาก่ แนะนาให้รู้จัก บันทึก ข้อความในอีเมล์แฟกซ์ได้ (2) รู้จักสานวนที่ใช้ดึงดูดความสนใจ ขอความ (2) เข้าใจข้อพึงปฏิบัติง่ายๆ เช่น ข้อพึง ช่วยเหลือ ขอให้พูดซ้าและอธิบายเพิ ่มเติม แสดงความ ปฏิบัติบนฉลากยา กล่องอาหาร ซาบซึ้ง กล่าวร้องเรียน แสดงความหวัง ผิดหวัง พึงพอใจ (3) เข้าใจข้อมูลเกี่ยวกบเศรษฐกั ิจ การเมือง ไมพึงพอใจ่ เห็นด้วย และไมเห็นด้วย่ สังคม และการทองเที่ยวในหนังสือพิมพ์่ (3) เข้าใจคาถาม คาขอร้อง ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และสื่อสิ่งพิมพ์อื่นๆ คาแนะน า คาชม คาร้องเรียน คาปฏิเสธ และคาสั ่งของ (4) เข้าใจตาราง กราฟ แผนที่ แผนภาพ ฯลฯ นักทองเที่ยว่ (4) เข้าใจจุดประสงค์ของนักทองเที่ยวในการเสนอแนะ่ ให้คาแนะน า ขอร้อง เตือนความจา และออกคาสั ่ง (5) เข้าใจข้อความที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์หรือฝากเกบ็ ไว้ในกล่องเสียงที่อัดไว้ (6) เข้าใจรายละเอียดข้อเท็จจริงและความหมายที่สรุป จากการสนทนา (7) เข้าใจรายละเอียดข้อเท็จจริงและความหมายที่สรุป จากขาวหรือสื่ออื่นๆ่ เกี่ยวกบเศรษฐกั ิจ การเมือง สังคม และการทองเที่ยว่ (8) เข้าใจคาพูดประชด เสียดสี และอารมณ์ขันของ นักทองเที่ยว่ (9) เข้าใจทัศนคติ อารมณ์ และเจตนาของนักทองเที่ยว่ (10) เข้าใจสาเนียงของชาวต างชาติที่แตกต่ างก่ นั มาตรฐานที่ 2 ใช้ทักษะการพูดและเขียนในการปฏิบัติงานได้

1.1 ใช้ทักษะการพูดได้ในระดับสูง 1.2 ใช้ทักษะการเขียนได้ในระดับกลาง ตัวบงชี่ ้ ตังบงชี่ ้ (1) ใช้ภาษาแสดงมารยาททางสังคม เช่น การ (1) เขียนข้อความ เช่น บันทึก คาเตือน ประกาศ ทักทาย อาลา แนะนาให้รู้จัก (2) เขียนข้อพึงปฏิบัติง่ายๆได้ (2) ถาม ตอมคาถาม และตอบรับคาขอร้อง ความ (3) เขียนข้อความที่ใช้ในวงสังคม เช่น บัตร คิดเห็น ข้อเสนอแนะและคาแนะน าของ ขอบคุณ อีเมล์ 61

นักทองเที่ยว่ (4) กรอกแบบฟอร์มตางๆ่ (3) บอกทิศทาง ข้อพึงปฏิบัติ ข้อเสนอแนะ ให้ คาแนะน า กล่าวยืนยัน ขอโทษ เตือนล่วงหน้าและ กล่าวชมนักทองเที่ยว่ (4) อธิบาย / บรรยายข้อมูลแก่นักทองเที่ยว่ เช่น รายการเดินทาง บริการตางๆของโรงแรม่ ปัญหา การจองล่วงหน้า กิจกรรมประจาวัน สภาพดินฟ้า อากาศ โปรแกรม (5) อธิบายเรื่องยาก โดยให้รายละเอียดที่เป็น รูปธรรม ใช้สถิติ และหลักฐาน (6) นาเสนอข้อมูลเก ี่ยวกบประวัติศาสตร์ั วัฒนธรรมไทย (ศิลปะ ดนตรี อาหาร เครื่องดื่ม ผลไม้ เทศกาล กีฬาฯลฯ) การเมือง สถาบันตางๆ่ และกระบวนการผลิต (7) หาข้อสนทนาเพื่อสร้างสัมพันธภาพ (8) พูดโต้ตอบทางโทรศัพท์ในระดับพื้นฐานได้ (9) พูดคอนข้างคล่ ่องและถูกต้องตามแบบ แผนการออกเสียง (10) ปรับรูปแบบภาษา ศัพท์หรือสานวน เพื่อให้ คูสนทนาเข้าใจชัดเจนและถูกต้อง่

มาตรฐานที่ 3 : ใช้ภาษาได้หลากหลายและตรงกบระดับของผู้รับสารั จุดประสงค์ สถานการณ์ และวัฒนธรรม

ตัวบงชี่ ้ระดับสูง (1) ใช้ภาษาที่เหมาะสมโต้ตอบกนนักทั องเที่ยวได้อย่ างถูกต้อง่ (2) ตอบรับอยางเหมาะสมก่ บคั าชม คาปฏิเสธการประเมินคุณค าในแง่ ่ลบ คาวิจารณ์ และคาร้องเรียนของนักท องเที่ยว่ (3) ใช้ภาษาสุภาพโต้ตอบกบนักทั องเที่ยว่ โดยเฉพาะในการชักชวน ประเมินคุณคา่ สื่ออารมณ์ และเจรจาตอรอง่ (4) เลือกเรื่องที่เหมาะสมในการสนทนากบนักทั องเที่ยว่ (5) ใช้ถ้อยคาส านวนได้อย างเหมาะสม่ 62

(6) เข้าใจอารมณ์ขันและตอบสนองได้อยางเหมาะสม่ (7) กาหนดว าจะเล่ ่าเรื่องขาขันเมื่อไร และอยางไร่

มาตรฐานที่ 4 : เข้าใจและใช้สีหน้า ทาทาง่ และน้าเสียงได้อย างเหมาะสมก่ บผู้รับสารั จุดประสงค์ สถานการณ์ และวัฒนธรรม ตัวบงชี่ ้ระดับสูง (1) เข้าใจความหมายที่แสดงออกด้วยทาทางอาก่ ปกั ิริยาในวัฒนธรรมตางๆ่ (2) เข้าใจสีหน้า ทาทาง่ และน้าเสียงที่ก ่อให้เกิดการเข้าใจผิดหรือปัญหาในการสื่อสาร (3) เข้าใจทัศนคติ อารมณ์ของนักทองเที่ยวจากการสื่อสารด้วยสีหน้า่ ทาทาง่ และ น้าเสียง (4) เข้าใจและใช้ภาษาที่แสดงออกด้วยสีหน้าและทวงทีก่ ิริยาได้อยางเหมาะสมก่ บั วัฒนธรรมของนักทองเที่ยว่ เช่น ระยะห่างที่เหมาะสมในการยืน / นังใกล้ก่ บั นักทองเที่ยว่ ระดับการสบตากนั (5) ใช้เสียงขึ้นลง สูงต่า ใช้ระดับเสียง และน้าเสียงได้อย างเหมาะสม่

สามารถสรุปได้วา่ ศูนย์พัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ เป็นหน่วยงานที่พัฒนา มาตรฐานภาษาอังกฤษสาหรับงานอาชีพ สาหรับมาตรฐานภาษาอังกฤษของมัคคุเทศก ต์ างประเทศนั่ ้น ต้องการพัฒนาความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษของมัคคุเทศกให้เพียงพอต์ อการให้บริการที่ดี่ และเหมาะสม โดยเฉพาะทักษะการฟังและการพูด เน้นความถูกต้องในการออกเสียง เพื่อเป็น มัคคุเทศกได้อย์ างสมบูรณ์่

10. กระบวนการสร้างและพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมภาษาอังกฤษส าหรับมัคคุเทศก์

10.1 การวิเคราะห์ความต้องการ (Need Analysis) การวิเคราะห์ความต้องการเป็นจุดเริ่มต้นสาหรับการสร้างหลักสูตรภาษา เพราะวาการ่ วิเคราะห์ความต้องการจะช่วยให้ผู้สอนหรือผู้สร้างหลักสูตรได้ทราบข้อมูลส่วนตัวของผู้เรียน เช่น ระดับความรู้เกี่ยวกบภาษาั ภูมิหลังทางการศึกษา อายุ สถานภาพการแตงงาน่ เป้าหมายของการเรียน รวมทั้งรูปแบบและยุทธวิธีการเรียนที่ชอบ ข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยให้ผู้สอนหรือผู้สร้างหลักสูตร นาไปเขียนจุดประสงค์ เชิงพฤติกรรมและ สร้างหลักสูตรซึ่งประกอบด้วยหัวข้อ ความรู้ การใช้ คาศัพท์ โครงสร้างของหลักสูตร นูนัน (Nunan. 1988: 45) นูนัน (Nunan. 1988 : 45 อ้างจาก ริชาร์ด เจ Richards, J. 1984) ได้กล่าววา่ การวิเคราะห์ ความต้องการของผู้เรียน มีเป้าหมายหลักอยู ่ 3 ประการคือ เป็นแนวทางที่ช่วยสร้างและหาเนื้อหาที่จะ เรียนได้ ออกแบบโปรแกรมการเรียนภาษา และการนาโปรแกรมการเรียนภาษาไปใช้ให้เก ิดประโยชน์ 63

โรเบิร์ต และ มิแชล (Robert & Mitchell. 1995 :1) ได้อธิบายเกี่ยวกบการประเมินความั ต้องการวา่ เป็นการสารวจสิ ่งตาง่ ๆ อยางเป็นระบบ่ โดยดูวาสิ่ ่งเหล่านั้นเป็นอยางไร่ ควรจะเป็น อยางไร่ และข้อมูลที่ได้มีความสาคัญมากส าหรับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development) สรุปได้วา่ การวิเคราะห์ความจาเป็นหรือความต้องการในการฝึกอบรม คือ กระบวนการหา ข้อมูลพื้นฐานของผู้เข้าอบรม หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนหาสาเหตุ หรือตัวบงชี่ ้ที่แสดงให้เห็นวา่ การ ฝึกอบรมเป็นวิธีการแกปัญหา้ อุปสรรคขององค์การ หรือสามารถช่วยยกระดับขององค์การให้มีค สมรรถนะสูงขึ้น นอกจากนี้ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ยังสามารถนามาใช้ในการจัดท าหลักสูตร ฝึกอบรม 10.2.1 การวิเคราะห์ความต้องการของผู้เรียนภาษาประกอบด้วย 4 ขั้น คือ

10.2.1.2 การตรวจสอบสภาพความจริงในปัจจุบัน ความต้องการ หรือ ความจาเป็น ปัญหา การเปลี่ยนแปลง เพื่ออนาคต โอกาส ความเข้มแข็ง ทิศทางใหม่ 10.2.1.2 ระบุบอกถึงความสาคัญและการจัดล าดับความส าคัญ พิจารณาจาก คาใช้จ่ าย่ กฎหมาย ประชากร และ ลูกค้า 10.2.1.3 ระบุบอกสาเหตุ ปัญหา และ โอกาสตางๆในองค์กร่ 10.2.1.4 ระบุบอกทางออกที่เป็นไปได้ 10.2.2 เทคนิคการสารวจความต้องการ ได้แก่ การสังเกตโดยตรง แบบสอบถาม การเข้าไป ปรึกษา หรือ พูดคุยกบหัวหน้างานั ทดสอบ สัมภาษณ์ ศึกษาจากเอกสาร และการบันทึกเสียง

10.2 การสร้างหลักสูตรฝึกอบรม (Curriculum Design) 10.2.1 ความหมายของหลักสูตร อัคครัตน์ พูลกระจาง่ (2550 : 30-32) ได้ให้ความหมายของหลักสูตรวา่ หมายถึงข้อกาหนด หรือมวลประสบการณ์ทั้งหลาย ที่ผู้เรียนได้รับการศึกษาร่วมกบผู้อื่นหรือสิั ่งอื่นๆ ที่มีระยะเวลาและ เนื้อหาสาระที่จัดไว้อยางแน่ ่นอน ซึ่งหลักสูตรจะประกอบด้วย จุดหมาย แนวทาง วิธีการ และเนื้อหา สาระ เพื่อจัดให้ผู้เรียนมี ความรู้ ประสบการณ์ ทักษะ ทัศนคติ และพฤติกรรมที่พัฒนาไปตาม จุดมุงหมายที่ก่ าหนดไว้ บรรพต สุวรรณประเสริฐ (2547 : 14 อ้างจาก Bobbit, 1981) ได้ให้ความหมายของหลักสูตร วา่ หมายถึงรายการของสิ่งตางๆที่ผู้เรียนและเยาวชนจะต้องท่ าและประสบโดยการพัฒนา ความสามารถเพื่อจะทาสิ ่งตางๆให้ดีขึ่ ้น และเหมาะสมสาหรับการด ารงชีวิตในวัยผู้ใหญ ่ จะเห็นวา่ ความหมายของหลักสูตรในลักษณะที่เน้นรายวิชาและเนื้อหาสาระ จะเน้นที่การทา กาหนดเค้าโครง หรือ หัวข้อ และ รายละเอียดของเนื้อหาที่จะสอนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ 64

บรรพต สุวรรณประเสริฐ (2547 : 14 อ้างจาก Coswell & Camble. 1985) ได้ให้ความหมาย ของหลักสูตรวา่ หมายถึง มวลประสบการณ์ที่โรงเรียนหรือสถานศึกษาจัดให้กบผู้เรียนั วิชัย (2538 : 46) กล่าววา่ หลักสูตรมีความหมายสองนัย ความหมายในวงแคบ หลักสูตร คือ วิชาที่สอน ส่วนความหมายในวงกว้าง หลักสูตรคือ มวลประสบการณ์ทั้งหมดที่จัดให้กบั ผู้เรียนทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนซึ่งเป็นทั้งทางตรงและทางอ้อม วิลส์ และ บอนดี (Wiles and Bondi. 1989 : 7) กล่าววาหลักสูตร่ คือเป้าหมายหรือคานิยมซึ่ง่ จัดเป็นระสบการณ์ให้กบผู้เรียนโดยใช้กระบวนการพัฒนาตามขัั ้นตอนที่กาหนด จากความหมายของหลักสูตรสรุปได้วา่ หลักสูตรหมายถึง แผนการเรียนรู้หรือกิจกรรมที่ กาหนดไว้อย างเป็นทางการ่ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ทักษะ และเจตคติที่พึงประสงค์ในทุกด้านตามวัตถุประสงค์ที่กาหนดไว้ 10.2.2 สาระสาคัญของหลักสูตร ประกอบด้วย ชื่อหลักสูตร หน่วยงานที่รับผิดชอบ ความ จาเป็นที่จะต้องเปิดหลักสูตร วัตถุประสงค์ของหลักสูตร โครงสร้างหลักสูตร ลักษณะหลักสูตร จานวนนิสิตที่รับ และจานวนอาจารย์ประจ าหลักสูตร 10.2.3 โครงสร้างหลักสูตร (Curriculum Structure) คือ รายละเอียดของตัวหลักสูตร ได้แก่ 10.2.3.1 เนื้อหา (Content) เป็นรายละเอียดเกี่ยวกบเนืั ้อหาของหลักสูตรฝึกอบรม ซึ่ง ต้องสร้างและครอบคลุมวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมที่ได้จากการวิเคราะห์งาน 10.2.3.2 กิจกรรม (Activity) กระบวนการถ่ายทอดเนื้อหาจากผู้ทาหน้าที่เป็นวิทยากร ไปยังผู้เข้าฝึกอบรม โดยการจัดกิจกรรมและประสบการณ์ตางๆ่ เพื่อให้ผู้เข้าฝึกอบรมเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ 10.2.3.3 สื่อการสอน (Media) ใช้สาหรับเป็นเครื่องมือ หรือช่องทางสาหรับท าให้การ ถ่ายทอดของวิทยากรกบผู้เข้าฝึกอบรมั และบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ 10.2.3.4 การประเมินผล (Evaluation) ใช้สาหรับวัดผลการฝึกอบรมในภาคทฤษฎี และ ภาคปฏิบัติ ใช้สาหรับประเมินประสิทธิภาพของชุดฝึกอบรมด้วย 10.2.4 การประเมินหลักสูตร (Curriculum Evaluation) วิลส์ และ บอนดี (Wiles and Bondi. 2002: 166-167) ได้กล่าวถึงการประเมินหลักสูตร โดยยึด วัตถุประสงค์ของการประเมิน วิธีประเมิน และ ความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกบกระบวนการตัดสินใจั ได้ แบงประเภทของการประเมินหลักสูตรออกเป็น่ 4 ประเภทคือ 10.2.4.1 ประเมินเนื้อหา (Context Evaluation) เพื่อกาหนดบริบทการท างาน ระบุและ ประเมินความต้องการในบริบทนั้น และวิเคราะห์ปัญหาที่ยูในกรอบของความต้องการ่ โดยการ ศึกษา และวิเคราะห์องค์ประกอบยอยที่ส่ าคัญของบริบท และเปรียบเทียบกบสิั ่งที่เป็นอยูและที่คาดหวัง่ 65

10.2.4.2 การประเมินปัจจัยนาเข้า (Input Evaluation) เพื่อระบุและประเมินความสามารถของ ระบบ ยุทธวิธีการนาปัจจัยน าเข้า และการออกแบบการใช้ยุทธวิธีเหล่านี้ โดยการศึกษาและวิเคราะห์ ทรัพยากรมนุษย์และวัตถุ ยุทธวิธีที่นามาใช้ การออกแบบกระบวนการ รวมทั้งความประหยัดด้วย 10.2.4.3 การประเมินกระบวนการ (Process) เพื่อระบุ หรือ คาดคะเน ข้อบกพร่องที่จะ เกิดขึ้นในการออกแบบกระบวนการและการนาไปใช้ และเพื่อเกบข้อมูลไว้เป็นหลักฐานโดย็ dki ควบคุมปัจจัย หรือ อุปสรรคที่จะเกิดขึ้นในระหวางการด่ าเนินก ิจกรรมตาง่ ๆ ด้วยความเอาใจใส่ ตลอดเวลา 10.2.4.4 การประเมินผลผลิต (Product Evaluation) เพื่อหาความสัมพันธ์ของข้อมูลจาก ผลผลิตที่ได้กบวัตถุประสงค์และข้อมูลจากบริบทั ปัจจัยนาเข้า และกระบวนการ โดยการกาหนด เกณฑ์ในการวัดและนาไปเปรียบเทียบก บมาตรฐานที่มีอยูั ่ สรุปได้วาการประเมินหลักสูตร่ หมายถึงการพิจารณา เปรียบเทียบและตัดสินใจเกี่ยวกบั องค์ประกอบตางๆ่ ในระบบหลักสูตร วามีความสัมพันธ์ก่ นอยั างไร่ มีความสอดคล้องระหวาง่ มาตรฐาน ความมุงหวัง่ และการปฏิบัติจริงเพียงใด รวมถึงการพิจารณาวาหลักสูตรนั่ ้นมีประสิทธิภาพ เพียงใดมีผลกระทบอยางไรบ้าง่ ทั้งนี้เพื่อจะได้นาข้อมูลดังกล ่าวมาพัฒนาหลักสูตรให้ดียิงขึ่ ้น

10.3 การพัฒนาหลักสูตร (Curriculum Development) นักการศึกษาได้ให้ความหมายของการพัฒนาหลักสูตร ไว้ 2 ลักษณะคือ การทาหลักสูตรที่มีอยู ่ แล้วให้ดีขึ้น และ การทาหลักสูตรขึ ้นมาใหม ่ 10.3.1 ความหมายของการพัฒนาหลักสูตร ทาบา (Taba. 1962 อ้างใน Allan C. Ornstein & Francis P. Hunkins, 1986:194-195) ได้กล่าว ไว้วา่ ‚ การพัฒนาหลักสูตร หมายถึง การเปลี่ยนแปลงปรับปรุงหลักสูตรอันเดิมให้ได้ผลดียิงขึ่ ้น ทั้ง ในด้านการวางจุดมุงหมาย่ การจัดเนื้อหาวิชา การเรียนการสอน การวัดผลประเมินผล และอื่นๆ เพื่อให้บรรลุถึงจุดมุงหมายอันใหม่ ที่วางไว้่ การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ หรือเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ตั้งแตจุดมุ่ งหมายและวิธีการ่ และการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรนี้จะมี ผลกระทบกระเทือนทางด้านความคิดและความรู้สึกนึกคิดของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ส่วนการปรับปรุง หลักสูตร หมายถึง การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเพียงบางส่วนโดยไมเปลี่ยนแปลงแนวคิดพื่ ้นฐาน หรือ รูปแบบของหลักสูตร ‛ เซเลอร์ และอเล็กซานเดอร์ (Saylor and Alexander. 1981 อ้างใน Allan C. Ornstein & Francis P. Hunkins. 2003:195-196 ) ให้ความหมายวา่ ‚ การพัฒนาหลักสูตร หมายถึง การจัดทา หลักสูตรเดิมที่มีอยูแล้วให้ดีขึ่ ้น หรือเป็นการจัดทาหลักสูตรใหม โดยไม่ มีหลักสูตรเดิมอยู่ ก่ ่อน การ พัฒนาหลักสูตร อาจหมายรวมถึงการสร้างเอกสารอื่นๆ สาหรับนักเรียนด้วย ‛ จากความหมายของการพัฒนาหลักสูตรที่นักการศึกษาได้กล่าวไว้ข้างต้น ทาให้สามารถ อธิบาย สรุปความหมายของการพัฒนาหลักสูตรได้วา่ การพัฒนาหลักสูตร (Curriculum 66

Development) หมายถึง การจัดทาหลักสูตร การปรับปรุง การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรให้ดีขึ้น เพื่อให้ เหมาะกบความต้องการของบุคคลั และสภาพสังคม 10.3.2 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร 10.3.2.1 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของทาบา Taba ได้เสนอรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรอยาง่ เป็นระบบในหนังสือ Curriculum Development : Theory and Practice เป็นวิธีการพัฒนาหลักสูตรที่ เน้นวิธีจากระดับล่างไปสู่ระดับบน หรือ grass-roots approach มีขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรที่ ใกล้เคียงกบขัั ้นตอนของเซเลอร์ แตต่ างก่ นที่เซเลอร์คั อนข้างเสนอวิธีการที่เป็นระดับบนสู่ ่ระดับล่าง หรือ top-down ทาบาเชื่อวาการพัฒนาหลักสูตรที่เริ่ ่มจากระดับบนหรือการสั่งการของผู้บริหารไมใช่ ่ วิธีการพัฒนาหลักสูตรที่ดี การพัฒนาหลักสูตรควรเริ่มจากระดับล่าง หรือครูผู้สอนซึ่งเป็นผู้นา หลักสูตรไปใช้จริง เป็นผู้ที่อยูติดก่ บพืั ้นฐานจริงมีความเหมาะสมมากกวาขั่ ้นตอนที่พัฒนาหลักสูตร ดังนั้นการพัฒนาหลักสูตรของทาบา มี 7 ขั้น ดังนี้ ขั้นที่ 1 การสารวจความต้องการ นักพัฒนาหลักสูตรหรือครูผู้สอนเป็นผู้สารวจความต้องการทางการ เรียนจากกลุ่มผู้เรียน ทาการวิเคราะห์คุณลักษณะของผู้เรียนแต ละคน่ ในด้านข้อมูลพื้นฐาน ข้อบกพร่อง และความแตกตางระหว่ างบุคคล่ ขั้นที่ 2 การกาหนดจุดมุ งหมาย่ ภายหลังจากการระบุถึงความต้องการของนักเรียนพร้อมกบั วิเคราะห์ลักษณะของผู้เรียนแล้ว ครูผู้สอนจะใช้ข้อมูลเหล่านี้มากาหนดเป็นจุดมุ งหมาย่ เพื่อ เป็นแนวทางสาหรับการพัฒนาหลักสูตรขั ้นตอไป่ ขั้นที่ 3 การเลือกเนื้อหา จุดมุงหมายที่ได้ก่ าหนดไว้จะเป็นแนวทางในการเลือกเนื ้อหา ซึ่งเนื้อหาที่ คัดเลือกมาจะต้องเหมาะสมและมีความสาคัญก บผู้เรียนั ขั้นที่ 4 การจัดลาดับเนื ้อหาวิชา เมื่อครูได้เนื้อหามาแล้วจะต้องจัดลาดับเนื ้อหาวิชาเพื่อให้เหมาะสม กบสภาพของผู้เรียนั เช่น วุฒิภาวะ ความพร้อม ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นต้น ขั้นที่ 5 การเลือกประสบการณ์การเรียนรู้ เมื่อจัดลาดับเนื ้อหาแล้ว ครูจะทาการเลือกก ิจกรรมการเรียน การสอนและวิธีการสอนที่สอดคล้องกบธรรมชาติของเนืั ้อหาวิชาและสภาพผู้เรียน ขั้นที่ 6 การจัดลาดับประสบการณ์ ครูผู้สอนเป็นคนตัดสินใจจัดลาดับก ิจกรรมการเรียนรู้โดยคานึงถึง ความแตกตางระหว่ างผู้เรียน่ ขั้นที่ 7 กาหนดสิ ่งที่จะประเมินและวิธีประเมินผล นักพัฒนาหลักสูตรจะช่วยในการตัดสินใจวามี่ จุดมุงหมายข้อใดบ้างที่ผู้เรียนได้บรรลุ่ ส่วนครูผู้สอนจะช่วยในการคัดเลือกเทคนิควิธีการ ประเมินที่เหมาะสมกบความสามารถของผู้เรียนั ทาบาอธิบายเพิ่มเติมวา่ หลักจากประเมินหลักสูตรแล้วควรตรวจสอบความสมดุลและความ สอดคล้องระหวางขั่ ้นตอนการพัฒนาหลักสูตร และตรวจสอบความคงที่ขององค์ประกอบที่บรรจุอยู่ ในหน่วยเรียน สัดส่วนของกิจกรรมการเรียนรู้ ตลอดทั้งความสมดุลของรูปแบบและกิจกรรมการ เรียนรู้ 67

แผนภูมิที่ 1 ขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตร ของ Taba

การส ารวจความต้องการ

การก าหนดจุดมุ่งหมาย

การเลือกเนื้อหา ความสมดุล และ การจัดล าดับเนื้อหาวิชา ความสอดคล้อง

การเลือกประสบการณ์การเรียนรู้

การจัดล าดับประสบการณ์การเรียนรู้

ก าหนดสิ่งที่จะประเมินและวิธีการประเมิน

10.3.2.2 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของเซเลอร์ และ อเล็กซานเดอร์ เซเลอร์ และ อเล็กซานเดอร์ (Saylor and Alexander. 1981 : 31) ได้เสนอรูปแบบการพัฒนา หลักสูตรด้วยวิธีการวางแผนอยางเป็นระบบ่ โดยคานึงถึงความสัมพันธ์ของแต ละองค์ประกอบใน่ ระบบการพัฒนาหลักสูตร รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรนี้เริ่มจากการกาหนดเป้าหมายของการศึกษา และจุดมุงหมายเฉพาะที่ต้องการให้ประสบผลส่ าเร็จ การกาหนดเป้าหมายทางการศึกษามีสิ ่งที่ต้องการ 4 ประการ คือ ข้อมูลการพัฒนาบุคคล ลักษณะทางสังคม ทักษะการแสวงหาความรู้ และความ เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เป้าหมายทางการศึกษาและจุดมุงหมายเฉพาะจะเป็นแนวทางในการออกแบบ่ หลักสูตรการนาหลักสูตรไปใช้และการประเมินผล ข้อดีของรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรนี้อยูที่การ่ วางแผนพัฒนาหลักสูตรอยางเป็นระบบ่ ช่วยให้มองภาพของกระบวนการพัฒนาหลักสูตรอยางครบ่ วงจรทั้งระบบการวางแผนหลักสูตร ระบบการนาหลักสูตรไปใช้ และระบบการประเมินผล ซึ่ง รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของเซเลอร์ และทาบา จะมุ้งเน้นเฉพาะการวางแผนเป็นสาคัญ

68

แผนภูมิที่ 2 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของเซเลอร์

เป้าหมายและจุดมุ่งหมาย

การวางรูปแบบหลักสูตร การน าหลักสูตรไปใช้การเรียน การประเมินหลักสูตร - ผู้วางแผนหลักสูตรตัดสินใจ การสอน - ครูผู้สอนก าหนดวิธีการ ออกแบบหลักสูตร - ผู้สอนตัดสินใจเลือกวิธีการ ประเมินเพื่อบ่งชี้ความก้าวหน้า - นโยบายทางการเมือง และ จัดการเรียนการสอน ของผู้เรียน สังคมอาจมีอิทธิพลจ ากัด - การวางแผนการน าหลักสูตรไป - คณะกรรมการวางแผน รูปแบบของหลักสูตร ใช้ในการก าหนดแหล่งข้อมูลสื่อ หลักสูตรร่วมกันประเมินระบบ

การสอนและวิธีการบริหารไว้แต่ การวางแผนพัฒนาหลักสูตร ต้องยืดหยุ่นและให้อิสระแก้ครู - ข้อมูลที่ได้จากการประเมิน และผู้เรียนในการเลือกกิจกรรม น ามาใช้วางแผนการพัฒนา หลักสูตรในอนาคต

10.3.2.3 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของโอลิวา โอลิวา (Oliva. 1992 : 172 - 174) ได้เสนอรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรที่มุ้งเน้นถึง ความสัมพันธ์ของการออกแบบหลักสูตรและการเรียนการสอนอยางเป็นขั่ ้นตอน นับวาเป็นรูปแบบ่ การพัฒนาหลักสูตรที่กล่าวถึงขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรและการสอนอยางละเอียดอีกรูปแบบหนึ่ง่ โอลิวา กาหนดขั ้นตอนการพัฒนาหลักสูตรเป็น 13 ขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การกาหนดปรัชญา จุดมุงหมาย่ และความเชื่อเกี่ยวกบการเรียนรู้ั ขั้นตอนที่ 2 – 4 การวิเคราะห์ความต้องการที่แท้จริงของสังคมและผู้เรียนเพื่อนามากลั นกรอง่ ให้ได้เป้าหมายและจุดมุงหมายเฉพาะของหลักสูตร่ ขั้นตอนที่ 5 การบริหารหลักสูตรและการนาหลักสูตรไปใช้ ขั้นตอนที่ 6 – 9 การกาหนดเป้าหมายการเรียนและจุดประสงค์การเรียนรู้คัดเลือกก ิจกรรม และประสบการณ์การเรียนรู้ กาหนดวิธีประเมินผลการเรียน ขั้นตอนที่ 10 การดาเนินจัดการเรียนการสอนตามที่วางแผนไว้ ขั้นตอนที่ 11 – 12 การประเมินผลการจัดการเรียนการสอนและการประเมินหลักสูตรทั้ง ระบบ ข้อดีของรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของโอลิวาอีกประการหนึ่ง คือ การระบุข้อมูลป้อนกลับ เพื่อนามาใช้ในการปรับปรุงหลักสูตร ช่วยให้มองภาพการพัฒนาหลักสูตรอยางครบวงจรซึ่งต้องมีการ่ พัฒนาหลักสูตรอยูตลอดเวลา่

69

แผนภูมิที่ 3 รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของโอลิว

ความ ความ ต้องการ ต้องการ ความ ของผู้เรียน ของสังคม ต้องการ ในสังคม เฉพาะของ ผู้เรียน

ก าหนดปรัชญา ความ เป้าหม จุดมุ่งหม การบริหาร เป้าหมาย

และจุดมุ่งหมาย ต้องการ าย าย และน า การสอน

การศึกษารวมทั้ง เฉพาะของ หลักสูต หลักสูตร หลักสูตร หลักสูตร ความเชื่อเกี่ยวกับ สังคม ร การเรียนรู้ ความ จุดประสงค์ ต้องการ การเรียนรู้ ด้าน วิชาการ

การเลือก การเลือก ด าเนินการ การเลือกวิธี การ การ กิจกรรม วิธีการ จัดการเรียน ประเมินผล ประเมินผล ประเมินผล

ประเมินผล การสอน ขั้นสุดท้าย การเรียน หลักสูตร ขั้นแรก การสอน

ข้อมูล ป้อนกลับ

สามารถสรุปได้วารูปแบบของการพัฒนาหลักสูตร่ ประกอบด้วย การสารวจความต้องการ การกาหนดจุดมุ งหมาย่ การเลือกเนื้อหา การจัดลาดับเนื ้อหาวิชา การเลือกประสบการณ์การเรียนรู้ การจัดลาดับประสบการณ์การเรียนรู้ และกาหนดสิ ่งที่จะประเมินและวิธีการประเมิน

10.4. การฝึกอบรม (Training) 10.4.1 ความหมายการฝึกอบรม การฝึกอบรม เป็นการพัฒนาบุคคลในองค์กรให้มีความรู้ ความเข้าใจ แนวคิดใหม่ ๆ ทักษะตาง่ ๆ และเจตคติที่ดี ในการทางาน และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทางานของบุคลากร ให้มากขึ้นการฝึกอบรมจึงเป็นสิ่งจาเป็นที่องค์กรจะต้องจัดให้ก บบุคลากรอยั างต่ อเนื่องสม่ ่าเสมอ อัคครัตน์ พูลกระจาง่ (2550 : 62) ได้ให้ความหมายของการฝึกอบรม คือ กระบวนการสาคัญที่ จะช่วยพัฒนาหรือฝึกฝนเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรใหมที่จะเข้าท่ างานหรือที่ปฏิบัติงานประจ าอยู แล้วใน่ 70

หน่วยงาน ให้มีความรู้ความสามารถ ทักษะหรือความชานาญ ตลอดจนประสบการณ์ให้เหมาะสมกบั การทางาน โดยมุงให้บุคลากรได้รู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะในระยะเวลาสั่ ้น ๆ รวมทั้งก่อให้ ทัศนคติหรือเจตคติที่ดีตอการปฏิบัติงาน่ และเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่องค์กรต้องการ อันจะ ส่งผลให้บุคลากรแตละคนในหน่ ่วยงานหรือองค์การมีความสามารถเฉพาะตัวสูงขึ้น มีประสิทธิภาพ ในการทางาน ร่วมกบผู้อื่นได้ดีั ทาให้หน ่วยงานหรือองค์กรมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพตอไป่ ชัยยงค์ พรหมวงค์ (2537) ได้กล่าววา่ การฝึกอบรมเป็นกระบวนการพัฒนาความรู้และ ประสบการณ์ ทัศนคติ คานิยม่ คุณธรรม และ ทักษะความชานาญเฉพาะด้านของบุคคล โดย กระบวนการเรียนการสอนปกติ เพื่อให้สามารถดาเนินงานได้อย างมีประสิทธิภาพ่ สมคิด บางโม (2538)ได้กล่าววา่ การฝึกอบรม หมายถึง กระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพในการ ทางานของบุคคลโดยมุ งเพิ่ ่มพูนความรู้ (knowledge) ทักษะ (skill) และ ทัศนคติ (attitude)v อันจะ นาไปสู ่การยกมาตรฐานการทางานให้สูงขึ ้น ทาให้บุคคลมีความเจริญก าวหน้าในการท้ างาน และ องค์กรบรรลุเป้าหมายที่กาหนดไว้ ดังนั้น จะเห็นวาการฝึกอบรมเป็นส่ ่วนหนึ่งของการฝึกอบรม นั้นเอง สมชาติ กิจยรรยง และ อรจรีย์ ณ ตะกวทุ่ั ง่ (2539 : 13) ได้กล่าววา่ การฝึกอบรม คือ กระบวนการในการเรียน การสอน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ เสริมสร้างทักษะ และ แลกเปลี่ยนทัศนคติ ตามความมุงหมายที่ก่ าหนดไว้ อันนาไปสู ่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ซึ่งอาจจะเป็นการเรียนการสอน ในชั้นเรียนหรือในสถานที่ทางานก ได้็ จากความหมายการฝึกอบรมข้างต้น สามารถสรุปได้วา่ การฝึกอบรมหมายถึง การพัฒนา เพิ่มพูนความรู้ความสามารถ ความเข้าใจ ทัศนคติ คานิยม่ และ ทักษะความชานาญของบุคคลใน หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง หรือ องค์กรใดองค์กรหนึ่ง เพื่อให้บุคคลนั้นๆ สามารถทางานที่ได้รับ มอบหมายได้อยางมีประสิทธิภาพสูงสุด่ 10.4.2 ความจาเป็นที่ต้องท าการฝึกอบรม ความจาเป็นในการฝึกอบรมถือว าเป็นสิ่ ่งที่สาคัญที่ผู้เก ี่ยวข้องหรือผู้จัดการฝึกอบรมควรให้ ความสนใจและทาความเข้าใจให้ละเอียดอย างชัดเจน่ 10.4.2.1 พนักงานใหมเข้ามาท่ างาน จะมีเพียงความรู้ก่อนการทางาน ซึ่งได้ศึกษาเล่าเรียนมา จากโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย แตยังไม่ อยู่ ในสภาพที่จะปฏิบัติงานในองค์การที่มีประสิทธิภาพ่ ได้ ต้องมีการสอนงาน อบรมเพื่อปรับความรู้ที่เรียนมาให้นามาใช้ปฏิบัติงานในองค์การได้ เพราะไม่ มีสถาบันการศึกษาใด ๆ ที่สามารถผลิตคนให้มีความสามารถที่จะทางานในองค์กรต าง่ ๆ ได้ทันที 10.4.2.2 เพื่อการเปลี่ยนแปลงความกาวหน้าและมีชื่อเสียงขององค์การ้ ทาให้องค์การมีความ สมบูรณ์และพร้อมเพื่อการแขงขัน่ การเพิ่มประสิทธิภาพในการทางานของพนักงานจึงมีความจ าเป็นที่ จะต้องจัดการฝึกอบรมเพื่อสร้างความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพอยูเสมอ่ 71

10.4.2.3 เพื่อรองรับความเจริญกาวหน้า้ ขยายกิจการขององค์การ ทั้งการขายการผลิต การ บริการเติบโตกว้างขวาง องค์การต้องสร้างคนที่มีความรู้ ความสามารถออกไปปฏิบัติหน้าที่ ตลอดจน เตรียมคนเอาไว้ เพื่อรับการเลื่อนตาแหน ่ง โยกย้าย ลาออก องค์การจึงต้องพร้อมในการฝึกอบรมและ พัฒนา 10.4.2.4 เพื่อพัฒนาให้ทันตอการเปลี่ยนแปลงอย่ างรวดเร็วในทุก่ ๆ ด้าน ไมว่ าด้านสังคม่ การเมือง เศรษฐกิจ ฯลฯ โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นผลให้มีการเปลี่ยนแปลง วิธีการทางานตลอดเวลา องค์กรมีความสลับซับซ้อนบุคลากรที่มีส่วนเกี่ยวข้องจึงจาเป็นต้องได้รับการ อบรมให้มีความรู้ความสามารถ 10.4.2.5 เพื่อพัฒนาพนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในองค์กรมาเป็นเวลานาน แม้แตเดิม่ จะมีความรู้ความชานาญ มีความสามารถในขณะหนึ่งเพียงใด แตเมื่ออยู่ ก่ บที่กั บงานนานั จะเกิดความ จาเจ เมื่อยล้า เหนื่อยหน่าย ยอท้อ่ ท้อถอย ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ไมมีการเพิ่ ่มเติมเคลื่อนไหว ด้านความรู้ ขวัญ กาลังใจ จาเป็นที่องค์กรต้องจัดให้เข้ารับการเข้าสัมมนา เข้าประชุม เข้ารับการ อบรม ฯลฯ ในระยะที่เหมาะสมปีละครั้งเป็นอยางน้อย่ เป็นลักษณะการอบรมเพื่อการพัฒนาที่ เรียกวา่ การปัดฝุ่น (Brush up) หรือเคาะสนิมเป็นครั้งคราว เพื่อเป็นการกระตุ้น บารุงขวัญในการ ทางานที่ก าลังใจท้อถอยลง ให้กระฉับกระเฉงขึ้น เป็นการสร้างบรรยากาศในองค์กรให้มีชีวิตจิตใจ บรรยากาศสดใส เพื่อประสิทธิภาพของการอยูและท่ างานร ่วมกนในองค์กรั 10.4.2.6 เพื่อฝึกอบรมพนักงานที่ต้องใช้ความรู้ ความสามารถพิเศษ เช่นงานเทคนิควิชาการ 10.4.2.7 เพื่อแกปัญหา้ และข้อบกพร่องในการบริหารงาน การจัดการแกไข้ ปรับปรุงอยาง่ เร่งด่วน ปัญหาตาง่ ๆ เช่น ผลการทางานตกต ่า ผู้ปฏิบัติงานมีความตั้งใจทางานน้อย อุบัติเหตุเกิดขึ้น บอยครั่ ้งจนผิดปกติ มีการลากิจ ลาป่วย และขาดงานมาก คาใช้จ่ ายในการปฏิบัติงานสูงกว่ าปกติ่ งานไมเสร็จตามก่ าหนด ล่าช้าเสียเวลามากเกินควรเป็นต้น การฝึกอบรมจะช่วยขจัดปัญหาตาง่ ๆ ให้ ลดน้อยลงหรือหมดไป อุปสรรคและความยุงยากในการท่ างาน ส่วนหนึ่งจะมีสาเหตุมาจากการที่ องค์กรนั้นไมมีการฝึกอบรมบุคลากรของตน่ สรุปได้วา่ งานฝึกอบรมจึงมีความจาเป็น และมีความสาคัญต อองค์กร่ ไมว่ าจะเป็นองค์กร่ เล็กหรือใหญ่ โดยหน่วยงานนั้นจะต้องสามารถจัดโครงการฝึกอบรมให้ตรง เหมาะสมกบความั จาเป็นของตนขึ ้นเอง เป็นรูปแบบ เป็นแบบ เป็นแผน เหมาะกบบุคลากรั และงบประมาณของตน อุปกรณ์ตาง่ ๆ ในบรรยากาศสิ่งแวดล้อมที่จะสามารถทาให้บรรยากาศของการพัฒนาบุคคลของ องค์กรบรรลุเป้าหมาย 10.4.3 ประเภทของการฝึกอบรม ประเภทของการฝึกอบรมนั้น มีวิธีการแบงได้หลายอย่ าง่ แตกตางก่ นไปซึ่งั อัคครัตน์ พูลก ระจาง่ (2550 : 64-66) อ้างมาจาก วิจิตร อาวกุล (2540: 82 - 86) ได้ แบงการอบรมเป็น่ 4 ประเภท คือ 72

10.4.3.1. การฝึกอบรมก่อนทางาน (Pre-Service Training or Pre-Entry Training) หมายถึง การศึกษาวิชาความรู้พื้นฐานในโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย ซึ่งจัดการศึกษาจัดหลักสูตรให้ สนองความต้องการของตลาด เช่น การแพทย์ วิศวกร นักเคมี เศรษฐกร ฯลฯ การศึกษาประเภทนี้ ไมได้สอนให้นักศึกษาจบออกมาเพื่อท่ างานหรือบริการประชาชนโดยตรง แตสอนเน้นหนักไปในเชิง่ วิชาการ ทฤษฎี หลักการ เทคนิค ส่วนการทางานวิธีปฏิบัติด าเนินงานในโรงเรียน สถาบันในชีวิต จริงนั้น เป็นหน้าที่ของหน่วยงานและนักศึกษาต้องไปฝึกปฏิบัติหาประสบการณ์เอาเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เป็นปัญหาที่องค์กรต้องจัดการฝึกอบรมให้ 10.4.3.2 การอบรมปฐมนิเทศ (Orientation) เป็นการอบรมให้แก่บุคคลที่เข้ามาทางานใหม ่ ยัง ไมรู้อะไรที่เก่ ี่ยวกบหนั ่วยงาน เป็นการแนะนาให้พนักงานที่บรรจุใหม ได้ทราบเก่ ี่ยวกบั นโยบาย วัตถุประสงค์ ประวัติ กฎ ระเบียบ ความเป็นมาของหน่วยงาน ผู้บริหาร โครงสร้าง การทางาน สภาพ ของการจ้าง เป็นการขจัดข้อสงสัยตาง่ ๆ ของผู้ปฏิบัติงานใหม่ 10.4.3.3 การฝึกอบรมก่อนเข้าทางาน (Induction Training) เป็นการเพิ่มพูนความรู้ความ ชานาญงานและประสบการณ์เบื ้องต้นของงานนั้น โดยเฉพาะเป็นการอบรมด้านเทคนิค หรือวิธี ทางานเฉพาะเรื่องเฉพาะอย าง่ เช่น การใช้เครื่องมือ การควบคุมเครื่องจักร วิธีทางานที่ถูกต้อง แมนย่ า ตรงตามเป้าหมาย มาตรฐานผลงานสูง ผิดพลาดน้อย ขั้นนี้เรียกวา่ Induction ก่อนให้เริ่มลง มือปฏิบัติงานจริง 10.4.3.4 การฝึกอบรมระหวางปฏิบัติการหรือประจ่ าการ (In-Service Training) เป็นการ จัดการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถ ความชานาญงานในหน้าที่ที่ตนท าให้มากยิ งขึ่ ้น ในขณะที่บุคคลนั้นยังดารงต าแหน ่งอยู่ ไมต้องลาออกไปเรียน่ เป็นการอบรมที่หน่วยงานนั้นเป็นผู้จัด เช่น การอบรมพัฒนาระยะสั้น การสัมมนา การประชุมปฏิบัติการ หมายรวมถึงการเรียนทาง ไปรษณีย์การศึกษาจากตาราเอกสาร การสนทนากบผู้ทรงคุณวุฒิั เป็นต้น 10.4.3.5 การฝึกอบรมเฉพาะเรื่อง เฉพาะสาขา (Specific Training) เป็นการอบรมเทคนิคหรือ เป็นการอบรมรายละเอียดเฉพาะเรื่อง ที่จัดทาเป็นพิเศษของหน ่วยงาน เพื่อเสริมงานหลักให้ได้ผลดี ยิงขึ่ ้นเช่น การอบรมเทคนิค ‚การตรวจการติดเชื้อในรังไข่‛ ‚การตรวจตัวออน่ ‛ ฯลฯ 10.4.3.6 การอบรมพิเศษ (Special Training) เป็นการอบรมรายการพิเศษ ที่นอกเหนือ ไปจากการอบรมหลักขององค์การทั้ง 5 ข้อดังกล่าวข้างต้น เช่น การอบรมอาสาสมัคร บรรเทาสา ธารณภัย อบรมลูกเสือชาวบ้าน อบรมอาสากาชาด ฯลฯ

10.5 รูปแบบของการจัดฝึกอบรม การอบรมเป็นกระบวนการสาคัญอย างหนึ่งส่ าหรับการพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ ไวเลอร์ และ ฮาร์น (Weiler, B. and Harn, H. S. 2002 : 64-65) ได้นาเสนอรูปแบบส าหรับการจัด อบรมมัคคุเทศกอย์ างยั่ งยืนในประเทศที่ก่ าลังพัฒนา ประกอบด้วย 6 ขั้นตอน คือ

73

แผนภูมิที่ 4 รูปแบบการจัดอบรมมัคคุเทศกอย์ างยั่ งยืน่ ของไวเลอร์ และ ฮาร์น

ขั้นที่ 1 ศึกษาบริบทและวิเคราะห์ความต้องการ

ขั้นที่ 2 ออกแบบหลักสูตรและวิธีการจัดอบรมโดยวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญ -เริ่มโครงการการอบรมโดยปรึกษากบผู้เชี่ยวชาญั -ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง -สร้างหลักสูตาและแนวทางการจัดอบรม

ขั้นที่ 3 ก อบรมนาร ่องและประเมินการอบรมโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือที่ปรึกษาของโครงการ -ประเมินผลสะท้อนกลับจากผู้เข้าอบรม -ประเมินผลเกี่ยวกบการเรียนรู้ของผู้เข้าอบรมั -ประเมินผลจากการปฏิบัติงานจริงในฐานะเป็นมัคคุเทศก์ ขั้นที่ 3 ข จัดอบรมวิทยากรท้องถิ่น -อบรมเนื้อหาเกี่ยวกบทางเทคนิคั หรือเนื้อหาเฉพาะ -อบรมเกี่ยวกบวิธีการสอนั -ศึกษาภาคสนาม หรือภาคปฏิบัติ

ขั้นที่ 4 การติดตามและประเมินผล

ขั้นที่ 5 ก การประเมินผลในระดับหน่วยงาน โดยพิจารณาจาก -การอบรม บรรลุวัตถุประสงค์ของหน่วยงานหรือไม ่ -ส่วนใดของการอบรมที่ประสบผลสาเร็จและล้มเหลว -ปัจจัยที่ส่งผลตอความส่ าเร็จและล้มเหลวของการอบรม

74

ขั้นที่ 5 ข การจัดอบรมแก่วิทยากรในท้องถิ่น และ ประเมินผลโดยผู้ที่เกี่ยวข้องในท้องถิ่น -ประเมินผลสะท้อนกลับของผู้เข้าอบรม -ประเมินผลเกี่ยวกบการเรียนของผู้เข้าอบรมั -ประเมินผลจากการปฏิบัติงานจริงในฐานะเป็นมัคคุเทศก์

ขั้นที่ 6 จัดการอบรมแก่มัคคุเทศกโดยวิทยากรในท้องถิ์ ่น -ผู้เชี่ยวชาญสังเกตและให้คาแนะน า -สรุปบทเรียนและปิดการอบรม

วอลลาซ (Wallace, M. 1999: 1-4) ได้นาเสนอ กระการของการอบรมและการพัฒนา ความสามารถในการปฏิบัติงาน คือการสร้างทักษะเฉพาะสาหรับการปฏิบัติงานให้ดีขึ ้นโดยเน้นที่การ แกปัญหาของการปฏิบัติงาน้ รูปแบบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อยางเป็นระบบ่ ที่มีความสัมพันธ์และ ตอเนื่องก่ นนัั ้นควร ประกอบ 5 ขั้น ดังนี้ 1. การวิเคราะห์ (analysis) คือการวิเคราะห์ความต้องการ (needs assessment) เป็นการศึกษาและ เจาะลึกของช่องวางระหว่ าง่ สถานการณ์ปัจจุบันและสถานการณ์ที่ต้องการให้เป็น การวิเคราะห์ความ ต้องการที่สมบูรณ์ต้องพิจารณาปัจจัยหลายอยาง่ เช่น สถานการณ์สิ่งแวดล้อม ทรัพยากร และอุปสรรค ที่เกี่ยวข้องกบผลลัพธ์ทางด้านพฤติกรรมั สิ่งแวดล้อม หรือ องค์กร เครื่องมือที่ใช้เกบรวบรวมข้อมูล็ อาจจะเดี่ยว หรือ กลุ่ม ได้แก่ แบบสอบถาม แบบสังเกต การสัมภาษณ์ หรือการใช้เครื่องมือหลาย อยาง่ การวิเคราะห์ความต้องการมีความสาคัญมากต อขั่ ้นการประเมินผลและการตั้งจุดประสงค์ ของ การอบรม 2. จุดประสงค์ (objectives) การวิเคราะห์ความต้องการ จะทราบผู้ที่จะต้องเข้ารับการอบรม และ ทักษะ หรือ ความรู้ที่ต้องการพัฒนา จุดประสงค์ เป็น การกาหนดกรอบและสิ ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้น สาหรับการออกแบบทางด้านการสอน และช่วยให้ได้ผลลัพธ์มี่เหมาะสมตามที่ต้องการ จุดประสงค์ที่ ดีต้อง ระบุชัด สามารถวัดได้ สามารถทาให้เก ิดผลสาเร็จได้ เป็นจริงและมีกรอบเวลา 3. การออกแบบ (design) เป็นการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมเกี่ยวกบการเรียนการสอนั และ การจัดประสบการณ์การเรียนอยางมีขั่ ้นตอนเพื่อให้ผู้เรียนบรรลุจุดประสงค์ เขาได้เสนอแนะวา่ ผู้เรียนจะเรียนรู้ทักษะได้ดีที่สุดเมื่อเขาได้ฝึกหัดจริงและเกี่ยวข้องกบสิั ่งที่เรียนมาแล้ว หรือ ได้นา ความรู้ที่เรียนมาแล้วมาใช้ ส่วนการสื่อสาร มีระบบการสื่อสารที่หลากหลายที่จะนามาใช้ก บการเรียนั การสอน เช่น an electronic performance support system ( online tutorial, immediate online 75

feedback), Distance learning via TV satellite, teleconference or web page. นอกจากนี้ แผนการสอนมี ความสาคัญเช ่นเดียวกนั ซึ่งเกี่ยวข้องกบั เทคนิคตางๆที่่ จะสร้างแรงจูงใจ สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ สร้างความสัมพันธ์กบผู้เรียนั ให้เกิดการเรียนรู้ได้รวดเร็วและมีความรู้มากขึ้น 4. การส่ง หรือการถ่ายทอด (delivery) เป็นการนาเอารูปแบบเก ี่ยวกบการเรียนการสอนมาใช้ั ปฏิบัติ จะเกี่ยวข้องกบั การนาเสนอ และ ทักษะตางๆมากมาย่ เช่น การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการ สื่อสาร การสร้างความน่าเชื่อถือ การสร้างอารมณ์ขบขัน การรักษาระยะความเร็ว การปฏิบัติตามแผน คูมือเป็นสิ่ ่งที่สาคัญมากที่จะช ่วยให้ผู้ให้การอบรมสามารถปฏิบัติตามแผน จัดลาดับก ิจกรรมและ หัวข้อเรื่องได้อยางถูกต้อง่ 5. การประเมินผล (evaluation) เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการอบรม เพื่อ ประเมินวาผู้เรียนมีความรู้สึก่ อยางไรก่ บประสบการณ์เรียนรู้ที่ได้จากการอบรมั การประเมินผลจะพิจารณาจากผลของการประเมิน ความต้องการของผู้เรียน จากขั้นตอนการประเมินความต้องการ จะช่วยให้ทราบวา่ ประเมินใคร ประเมินอะไร จะประเมินอยางไร่ และ ใช้เครื่องอะไรประเมิน เชม และ เอง (Chem, K. R. and Eng, H. K. 2001: 1-4) ได้กล่าวถึงการสร้างและใช้หลักสูตร ทางด้านการศึกษา เขาได้ให้ความหมายของหลักสูตรวา่ เป็นการจัดประสบการณ์เกี่ยวกบการศึกษาที่มีั การวางแผนอยางเป็นระบบ่ ซึ่งการวางแผนเกี่ยวกบหลักสูตรั ประกอบด้วย 6 ขั้นตอนดังนี้ คือ 1. การระบุพันธกิจและความต้องการของคณะวิชา สถาบัน และ ผู้มีผลประโยชน์ร่วมกนั ( Identification of the faculty/Institution’s mission and the needs of its stakeholder) เป็นขั้นตอนแรกที่ มีความสาคัญมากที่จะต้องเข้าใจ พันธกิจของคณะวิชา หรือ สถาบันการศึกษา และผู้พัฒนาหลักสูตร จะต้องรู้และเข้าใจความต้องการของผู้มีผลประโยชน์ร่วมกนั เช่น นักศึกษา อาจารย์ ผู้บริหาร รัฐบาล เพื่อตัดสินวา่ ต้องการสร้างบัณฑิตที่มีคุณสมบัติอยางไร่ 2. การวิเคราะห์ความต้องการของผู้เรียน (Needs assessment of learners) เป็นขั้นตอนที่จะได้ ทราบจุดแข็งและจุดออนของผู้เรียน่ เกี่ยวกบความรู้ั และ ความสามารถของผู้เรียนแตละคน่ ได้ทราบ ข้อมูลส่วนตัว และสาเหตุของการลงทะเบียนเรียน เพื่อจะได้ใช้ข้อมูลเหล่า ในการตั้งจุดประสงค์ของ หลักสูตร รวมทั้งการจัดลาดับความส าคัญด้วย 3. การตั้งจุดประสงค์ปลายทางและจุดมุงหมายการเรียน่ (Establishment of the curriculum’s goal and objectives) เป็นขั้นตอนที่จะกาหนด ปรัชญาการสอน และวิธีการเรียนที่มีประสิทธิภาพ ที่สุด การออกแบบบทเรียน เครื่องมือสาหรับการวัดประเมินผล รวมทั้งวิธีดาเนินการ 4. การเลือกยุทธวิธีเกี่ยวกบการศึกษาั (Selection of educational strategies) อยูบนพื่ ้นฐาน หลักการ 3 อยาง่ คือ วิธีการสอนต้องสอดคล้องจุดประสงค์การเรียนรู้ ใช้วิธีการสอนที่หลากหลาย สนองตอบความหลากหลายของผู้เรียน และ ความพร้อมของสื่อการเรียนรวมทั้งทรัพยากรมนุษย์ 5. การนาหลักสูตรใหม ไปใช้่ (Implementation of the new curriculum) เป้าหมายของการออก และหลักสูตร ไมใช้เป็นการสร้างหลักสูตรที่ดีที่สุดแต่ เป็นการออกแบบหลักสูตรที่น่ าไปใช้แล้ว 76

ประสบผลสาเร็จ มีปัจจัยหลายอยางที่เก่ ี่ยวข้องกบความสั าเร็จในการบริหารหลักสูตร ได้แก่ การ ประชาสัมพันธ์ แก่บุคลากรในคณะ กระบวนการในการใช้หลักสูตร การจัดสรรทรัพยากรอยาง่ เพียงพอ การได้การสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชา หรือ หน่วยงานทางวิชาการที่สูงสุด ขั้นตอนแรกการ นาหลักสูตรไปใช้ และมีการวัดผล เพื่อปรับ กระบวนการให้มีความสอดคล้องกบั จุดประสงค์ ปลายทาง วิชา และ หลักสูตร 6. การประเมินเพื่อปรับปรุงหลักสูตร (Evaluation and feedback to improve curriculum) เป็นการรวบรวมข้อมูลเพื่อเป็นเกณฑ์สาหรับการปรับหลักสูตรให้สอดคล้องก บจุดประสงค์ปลายทางั หรือ พันธกิจของคณะวิชา ความคิดเห็นจากผู้สอน นักศึกษา เป็นข้อมูลที่สาคัญต อการท่ าให้ผลลัพธ์ เกี่ยวกบการเรียนของนักศึกษาดีขึั ้น สรุปได้วา่ รูปแบบการจัดฝึกอบรมโดยทัวไปประกอบด้วย่ 6 ขั้นตอนดังตอไปนี่ ้ 1. การวิเคราะห์ความต้องการ 2. การตั้งจุดมุงหมายของการจัดอบรม่ 3. การออกแบบหลักสูตร 4. การพัฒนาหลักสูตร 5. การนาหลักสูตรไปใช้ 6. การประเมินหลักสูตร

11. ทฤษฎีและแนวคิดเกี่ยวกับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษส าหรับผ้ใหญู่ 11.1 ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม (Behaviorism) การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ครั์ ้งนี้ ผู้เข้า อบรมส่วนมากเป็นผู้ใหญ ่ ดังนั้นการอบรมผู้ใหญจะประสบผลส่ าเร็จได้ ผู้สอนจะต้องมีความรู้และ ความเข้าใจทฤษฎีและแนวคิดเกี่ยวกบการเรียนรู้ั การเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ลักษณะของผู้ใหญ ่ กระบวนการเรียนรู้ของผู้ใหญ ่ และทฤษฎีการเรียนรู้ภาษาที่สองหรือภาษาตางประเทศส่ าหรับผู้ใหญ ่ ซึ่งผู้สอนจะได้นาข้อมูลที่ได้มาไปใช้ในการวางแผนคัดเลือกเนื ้อหา วิธีการเรียนการสอน การจัด กิจกรรม สื่อการสอน และ การวัดผลประเมินผลที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสม ทิศนา แขมมณี (2547: 50-59) ได้สรุปแนวคิดของทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม วา่ นักคิดทฤษฎีนี้มองวา่ การ กระทาของมนุษย์เก ิดจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมภายนอกและพฤติกรรมของมนุษย์เกิดจากการ ตอบสนองตอสิ่ ่งเร้า การเรียนรู้เกิดจากการเชื่อมโยงระหวางสิ่ ่งเร้าและการตอบสนอง กลุ่มพฤติกรรม นิยมให้ความสนใจกบั พฤติกรรมมาก เพราะพฤติกรรมเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด สามารถวัดได้และทดสอบ ได้ ทฤษฎีการเรียนรู้ในกลุ่มนี้ ประกอบด้วยแนวคิดสาคัญๆ 3 แนวด้วยกนคือั 11.1.1 ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s Classical Connectionism) 77

ธอร์นไดค์ เชื่อวาการเรียนรู้เก่ ิดจากการเชื่อมโยงระหวางสิ่ ่งเร้ากบการตอบสนองั ซึ่งมีหลาย รูปแบบ บุคคลจะมีการลองผิดลองถูก (trial and error) ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกวาจะพบรูปแบบการ่ ตอบสนองที่สามารถให้ผลที่พึงพอใจมากที่สุด เมื่อเกิดการเรียนรู้แล้ว บุคคลจะใช้รูปแบบนั้น เชื่อมโยงสิ่งเร้าในการเรียนรู้ตอไปเรื่อยๆ่ สามารถสรุป กฎการเรียนรู้จากแนวคิดของทฤษฎีการ เชื่อมโยง ได้ดังนี้ (ทิศนา แขมมณี, 2547:51-52 อ้างมาจาก Hergenhahn and Olson,1993:56-57) 11.1.1.1 กฎแห่งความพร้อม (Law of Readiness) การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดีถ้าผู้เรียนมีความพร้อม ทั้งทางร่างกายและจิตใจ 11.1.1.2 กฎแห่งการฝึกหัด(Law of Exercise) การฝึกหัดหรือกระทาบ อยๆด้วยความเข้าใจจะท่ า ให้การเรียนรู้นั้นคงทนถาวร ถ้าไมได้กระท่ าซ ้าบ อยๆ่ การเรียนรู้นั้นจะไมคงทนถาวร่ และในที่สุดอาจ ลืมได้ 11.1.1.3 กฎแห่งการใช้(Law of Use and Disuse) การเรียนรู้เกิดจากการเชื่อมโยงระหวางสิ่ ่งเร้ากบั การตอบสนอง ความมันคงของการเรียนรู้จะเก่ ิดขึ้น หากมีการนาไปใช้บ อยๆ่ หากไมมีการน่ าไปใช้ อาจมีการลืมเกิดขึ้นได้ 11.1.1.4 กฎแห่งผลที่พึงพอใจ(Law of Effect) เมื่อบุคคลได้รับผลที่พึงพอใจยอมอยากจะเรียนรู้่ ตอไป่ แตถ้าได้รับผลที่ไม่ พึงพอใจ่ จะไมอยากเรียนรู้่ ดังนั้นการได้รับผลพึงพอใจ จึงเป็นปัจจัยสาคัญ ในการเรียนรู้

11.1.2 ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ กบหลักการจัดการศึกษาั /การสอน 11.1.2.1 การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนแบบลองผิดลองถูกบ้าง (เมื่อพิจารณาแล้ววาไม่ ถึงก่ บั เสียเวลามากเกินไป และไมเป็นอันตราย่ ) จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในวิธีการแกปัญหา้ จดจาการ เรียนรู้ได้ดี และเกิดความภาคภูมิใจในการทาสิ ่งตางๆด้วยตนเอง่ 11.1.2.2 การสารวจความพร้อมหรือการสร้างความพร้อมของผู้เรียนเป็นสิ ่งจาเป็นที่ต้องการะท า ก่อนการสอนบทเรียน เช่น การสร้างบรรยากาศให้ผู้เรียนเกิดความอยากรู้อยากเรียน การเชื่อมโยง ความรู้เดิมมาสู่ความรู้ใหม ่ การสารวจความรู้ใหม ่ การสารวจความรู้พื ้นฐาน เพื่อดูวาผู้เรียนมีความ่ พร้อมที่จะเรียนบทเรียนตอไปหรือไม่ ่ 11.1.2.3 หากต้องการให้ผู้เรียนมีทักษะในเรื่องใดจะต้องช่วยให้เขาเกิดความเข้าใจในเรื่องนั้น อยางแท้จริง่ แล้วให้ฝึกฝนโดยกระทาสิ ่งนั้นบอยๆแต่ ควรระวังอย่ าให้ถึงซ่ ้าซาก จะทาผู้เรียนเก ิดความ เบื่อหน่าย 11.1.2.4 เมื่อผู้เรียนเกิดความรู้แล้วควรให้ผู้เรียนฝึกนาการเรียนรู้นั ้นไปใช้บอยๆ่ 11.1.2.5 ควรให้ผู้เรียนได้รับผลที่ตนพึงพอใจ จะช่วยให้การเรียนการสอนประสบผลสาเร็จ การศึกษาวาสิ่ ่งใดเป็นสิ่งเร้าหรือรางวัลที่ผู้เรียนพึงพอใจจึงเป็นสิ่งสาคัญที่จะช ่วยให้ผู้เรียนเกิดการ เรียนรู้

78

11.1.3 ทฤษฎีการวางเงื่อนไข (Conditioning Theory) 11.1.3.1 ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบอัตโนมัติ (Classical Conditioning) ของพาฟลอฟ (Pavlov) ได้สรุปแนวคิดของทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบอัตโนมัติ วาการเรียนรู้ของสิ่ ่งมีชีวิตเกิดจากการ ตอบสนองตอสิ่ ่งเร้าที่วางเงื่อนไข ( conditioned stimulus) และได้สรุปเป็นกฎการเรียนรู้จากทฤษฎีการ วางเงื่อนไขแบบอัตโนมัติ ได้ดังนี้ (ทิศนา แขมมณี, 2547: 52-54 อ้างมาจาก Hergen hahn, 1993 : 160- 196) 11.1.3.1.1 พฤติกรรมการตอบสนองของมนุษย์เกิดจากการวางเงื่อนไขที่ตอบสนองตอความ่ ต้องการทางธรรมชาติ ( สุนัขน้าลายไหลเมื่อได้รับผงเนื ้อ ) 11.1.3.1.2 พฤติกรรมการตอบสนองของมนุษย์สามารถเกิดขึ้นได้จากสิ่งเร้าที่เชื่อมโยงกบสิั ่งเร้า ตามธรรมชาติ ( สุนัขน้าลายไหลเมื่อได้ยินเสียงกระดิ ่ง ) 11.1.3.1.3 พฤติกรรมการตอบสนองของมนุษย์ที่เกิดจากสิ่งเร้าที่เชื่อมโยงกบสิั ่งเร้าตาม ธรรมชาติจะลดลงเรื่อย ๆ และหยุดลงในที่สุดหากไมได้รับการตอบสนองตามธรรมชาติ่ (เมื่อสั่น กระดิ่งโดยไมให้ผงเนื่ ้อติด ๆ กนหลายครัั ้งสุนัขจะหยุดน้าลายไหล ) 11.1.3.1.4 พฤติกรรมการตอบสนองของมนุษย์ตอสิ่ ่งเร้าที่เชื่อมโยงกบสิั ่งเร้าตามธรรมชาติจะ ลดลงและหยุดไปเมื่อไมได้รับการตอบสนองตามธรรมชาติ่ และจะกลับปรากฏขึ้นได้อีกโดยไมต้อง่ ใช้สิ่งเร้าตามธรรมชาติ (เมื่อผานไปช่ ่วงระยะเวลาหนึ่ง สั่นกระดิ่งใหม ่ โดยไมให้ผงเนื่ ้อเช่นเดิม สุนัข จะน้าลายไหลอีก ) 11.1.3.1.5 มนุษย์มีแนวโน้มที่จะรับรู้สิ่งเร้าที่มีลักษณะคล้าย ๆ กนั และจะตอบสนองเหมือน ๆ กนั ( เมื่อสุนัขเรียนรู้โดยมีเสียงกระดิ่งเป็นเงื่อนไขแล้ว ถ้าใช้เสียงนกหวีดหรือระฆังที่คล้ายเสียง กระดิ่งแทนเสียงกระดิ่ง สุนัขจะมีน้าลายไหลได้ ) 11.1.3.1.6 บุคคลมีแนวโน้มที่จะจาแนกลักษณะของสิ ่งเร้าให้แตกตางก่ นและเลือกตอบสนองั ได้ถูกต้อง ( เมื่อใช้ เสียงกระดิ่ง เสียงฉิ่ง เสียงประทัด หรือเสียงอื่นเป็นสิ่งเร้า แตให้อาหารสุนัข่ พร้อมกบเสียงกระดิั ่งเทานั่ ้น สุนัขจะน้าลายไหลเมื่อได้ยินเสียงกระดิ ่ง ส่วนเสียงอื่น ๆ จะไมท่ าให้ สุนัขน้าลายไหล ) 11.1.3.1.7 กฎแห่งการลดภาวะ (Law of Extinction) พาฟลอฟ กล่าววา่ ความเข้มของการ ตอบสนองจะลดลงเรื่อยๆ หากบุคคลได้รับแตสิ่ ่งเร้าที่วางเงื่อนไขอยางเดียว่ 11.1.3.1.8 กฎแห่งการฟื้นคืนสภาพเดิมตามธรรมชาติ (Law of Spontaneous Recovery) กล่าวคือ การตอบสนองที่เกิดจากากรวางเงื่อนไขลดลง สามารถเกิดขึ้นได้อีก โดยไมต้องใช้สิ่ ่งเร้าที่ไม่ วางเงื่อนไขมาเข้าคู่ 11.1.3.1.9 กฎแห่งการถ่ายโอนการเรียนรู้สู่สถานการณ์อื่นๆ (Law of Generalization) กล่าวคือ เมื่อเกิดการเรียนรู้จากการวางเงื่อนไขแล้ว หากมีสิ่งเร้าคล้ายๆกบสิั ่งเร้าที่วางเงื่อนไขมากระตุ้น อาจทา ให้เกิดการตอบสนองที่เหมือนกนได้ั 79

11.1.3.1.1 กฏแห่งการจาแนกความแตกต าง่ (Law of Discrimination) กล่าวคือ หากมีการใช้สิ่ง เร้าที่วางเงื่อนไขหลายแบบ แตมีการใช้สิ่ ่งเร้าที่ไมวางเงื่อนไขเข้าคู่ ก่ บสิั ่งเร้าที่วางเงื่อนไขอยางใดอย่ าง่ หนึ่งเทานั่ ้น กสามารถช็ ่วยให้เกิดการเรียนรู้ได้โดยสามารถแยกความแตกตางและเลือกตอบสนอง่ เฉพาะสิ่งเร้าที่วางเงื่อนไขเทานั่ ้นได้

11.1.4 ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบอัตโนมัติกบั หลักการจัดการศึกษา/ การสอน

11.1.4.1 การนาความต้องการทางธรรมชาติของผู้เรียนมาใช้เป็นสิ ่งเร้าสามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิด การเรียนรู้ได้ดี ตัวอยางเช่ ่น ถ้าเด็กชอบเล่นตุ๊กตาสัตว์ ครูควรสอนให้เด็กอานและเขียนชื่อสัตว์ต่ างๆ่ โดยให้ตุ๊กตาสัตว์เป็นรางวัล 11.1.4.2 การสอนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในเรื่องใด อาจใช้วิธีเสนอสิ่งที่จะสอนไปพร้อม ๆ กบั สิ่งเร้าที่ผู้เรียนชอบตามธรรมชาติ ตัวอยาง่ เช่น ครูรู้วาเด็กชอบฟังนิทาน่ ครูจึงให้เด็กเขียนคาศัพท์ที่ ใช้ในนิทานนั้นไปพร้อม ๆ กบการเลั ่านิทาน 11.1.4.3 การนาเรื่องที่เคยสอนไปแล้วมาสอนใหม สามารถช่ ่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ตามที่ ต้องการให้ 11.1.4.4 การจัดกิจกรรมการเรียนให้ตอเนื่องและมีลักษณะคล้ายคลึงก่ นสามารถชั ่วยให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น เพราะมีการถ่ายโยงประสบการณ์เดิมกบประสบการณ์ใหมั ่ 11.1.4.5 การเสนอสิ่งเร้าให้ชัดเจนในการสอน จะสามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และ ตอบสนองได้ชัดเจนขึ้น 11.1.4.6 หากต้องการให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมใด ควรมีการใช้สิ่งเร้าหลายแบบ แตต้องมีสิ่ ่งเร้าที่ มีการตอบสนองโดยไมมีเงื่อนไขควบคู่ อยู่ ่ เงื่อนไขนี้ครูต้องการเข้าเรียนตรงเวลาอาจลดลง อยางไรก่ ็ ตาม ตามกฎแห่งการฟื้นคืนสภาพ พฤติกรรมการเข้าเรียนตรงเวลาที่ลดลง สามารถเกิดขึ้นอีกได้ นอกจากนั้นตามกฎแห่งการถ่ายโยงการเรียนรู้พฤติกรรมตอนสนองคือการเข้าเรียนตรงเวลา สามารถ ถ่ายโยงไปสู่สถานการณ์อื่นได้ ผู้เรียนอาจเข้าเรียนในวิชาอื่นที่ครูผู้นี้สอนด้วยกได้็ 11.1.5 ทฤษฏีการวางเงื่อนไขของวัตสัน (Watson) ได้สรุปแนวคิดของทฤษฏีการวางเงื่อนไขเป็นกฎการเรียนรู้ได้ดังนี้ 11.1.5.1 พฤติกรรมเป็นสิ่งที่สามารถควบคุมให้เกิดขึ้นได้ โดยการควบคุมสิ่งเร้าที่วางเงื่อนไข ให้สัมพันธ์กบสิั ่งเร้าตามธรรมชาติ และการเรียนรู้จะคงทนถาวร หากมีการให้สิ่งเร้าที่สัมพันธ์กนนัั ้น ควบคูก่ นไปอยั างสม่ ่าเสมอ 11.1.5.2 เมื่อสามารถทาให้เก ิดพฤติกรรมใด ๆ ได้กสามารถลดพฤติกรรมนั็ ้นให้หายไปได้

11.1.6 ทฤษฏีการวางเงื่อนไขของวัตสันกบหลักการจัดการศึกษาั / การสอน 11.1.6.1 ในการสร้างพฤติกรรมอยางใดอย่ างหนึ่งให้เก่ ิดขึ้นในผู้เรียน ควรพิจารณาสิ่งจูงใจ หรือสิ่งเร้าที่เหมาะสมกบภูมิหลังและความต้องการของผู้เรียนมาใช้เป็นสิั ่งเร้าควบคูไปก่ บสิั ่งเร้าที่วาง 80

เงื่อนไข เช่น ถ้าต้องการให้เด็กตอบคาถามของครู ครูควรต้องตั้งคาถามให้เด็กตอบโดยแสดงท าทาง่ ที่ให้ความอบอุนใจและให้ก่ าลังใจแก ่เด็ก จะทาให้เด็กเก ิดความมันใจในการตอบค่ าถาม และถ้าครู ใช้วิธีการนี้ซ้าๆ อยางสม่ ่าเสมอ เด็กจะเกิดการเรียนรู้และมีความคงทนในการแสดงพฤติกรรม 2. การลบพฤติกรรมที่ไมพึงปรารถนา่ สามารถทาได้โดยหาสิ ่งเร้าตามธรรมชาติที่ไมได้วาง่ เงื่อนไขมาช่วย เช่น หากผู้เรียนไมชอบท่ าการบ้านคณิตศาสตร์ ครูอาจใช้ความเป็นมิตร เป็นกนเองั ให้ความดูแล เอาใจใส่และให้ความช่วยเหลืออยางใกล้ชิด่ สิ่งเร้า เหล่านี้ตามธรรมชาติเหล่านี้สามารถ ช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมได้

11.1.7 ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบตอเนื่อง่ (Contiguous Conditioning) ของกทธรีั (Guthrie. ค.ศ. 1886 -1959) สรุปแนวคิดของทฤษฏีการวางเงื่อนไขเป็นกฎการเรียนรู้ได้ดังนี้ (ทิศนา แขมมณี. 2547: 55- 56 อ้างมาจาก Hergenhan and Olson. 199: 202- 222) 11.1.7.1 กฏแห่งความตอเนื่อง่ (Law continuity) เมื่อมีกลุ่มสิ่งเร้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากระตุ้น จะก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวของร่างกายอยางใดอย่ างหนึ่งขึ่ ้น และเมื่อกลุ่มสิ่งเร้าเดิมกลับมาปรากฏ อีก อาการเคลื่อนไหวอยางเก่ ่ากจะเก็ ิดขึ้นอีก พฤติกรรมที่กระทาซ ้านั ้นไมใช่ ่เกิดจากการเชื่อมระหวาง่ สิ่งเร้ากบการตอบสนองั แตเก่ ิดจากการที่กลุ่มสิ่งเร้าที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมแบบเก่านั้นกลับมาอีก 11.1.7.2 การเรียนรู้เกิดขึ้นได้แม้เพียงครั้งเดียว (One trial learning) เมื่อมีสภาวะสิ่งเร้ามา กระตุ้น อินทรีย์จะแสดงปฏิกิริยาตอบสนองออกมา ถ้าเกิดการเรียนรู้ขึ้นแล้วแม้เพียงครั้งเดียว ก็ นับวาได้เรียนรู้แล้ว่ ไมจ่ าก ดทั าซ ้าอีก หรือไมจ่ าเป็นต้องฝึกซ ้าอีก 11.1.7.3 กฏของการกระทาครั ้งสุดท้าย (Law of Recency) หากการเรียนรู้เกิดขึ้นอยาง่ สมบูรณ์แล้ว ในสภาพการณ์ใดสภาพการณ์หนึ่ง เมื่อมีสภาพการณ์ใหมเก่ ิดขึ้นอีก บุคคลจะกระทา เหมือนที่เคยได้กระทาในครั ้งสุดท้ายที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ไมว่ าจะผิดหรือถูกก่ ตาม็ 11.1.7.4 หลักการจูงใจ (Motivation) การเรียนรู้เกิดจากการจูงใจมากกวาการเสริมแรง่

11.1.8 ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบตอเนื่องก่ บั หลักการจัดการศึกษา/ การสอน 11.1.8. 1 ขณะสอนครูควรสังเกตการกระทาหรือการเคลื่อนไหวของนักเรียนว าก่ าลังเก ี่ยวกนั กบสิั ่งเร้าใด ถ้าครูให้สิ่งเร้าที่เกี่ยวพันกบการเคลื่อนไหวนัั ้นน้อยกวา่ กจะไม็ สามารถเปลี่ยนการ่ กระทาของเด็กได้ เช่น ถ้าเด็กกาลังเอะอะวุ นวายไร้ระเบียบ่ ครูจะพูดหรือสอนขณะนั้นกไม็ มีผล่ ต้อง คอยให้เขาสงบเสียก่อน 11.1.8. 2 ในการสอน ควรวิเคราะห์งานออกเป็นส่วนยอย่ ๆ และสอนหน่วยยอยเหล่ ่านั้นให้ เด็กสามารถตอบสนองอยางถูกต้องจริงๆ่ หรือได้รับการเรียนรู้ที่ถูกต้องในทุกๆ หน่วย เช่น การสอน ให้นักเรียนกรองสาร ต้องวิเคราะห์วาการกรองสารจะต้องมีทักษะย่ อยๆ่ อะไรบ้าง แตละทักษะ่ ตอเนื่องก่ นอยั างไร่ และสอนวิเคราะห์วาการการกรองสารจะต้องมีทักษะ่ 81

11.1.8.3 ในการจบบทเรียน ไมควรปล่ ่อยให้นักเรียนจบการเรียนโดยได้รับคาตอบผิด ๆ หรือ แสดงอาการตอบสนองผิดๆ เพราะเขาจะเกบการกระท็ าครั ้งสุดท้ายในความทรงจา ใช้เป็นแบบแผน ในการทาจนเป็นนิสัย 11.1.8. 4 การสร้างแรงจูงใจให้เกิดกบผู้เรียนั เป็นสิ่งสาคัญช ่วยให้ผู้เรียนประสบความสาเร็จ ในการเรียนรู้ ในการสอนจึงควรมีการจูงใจผู้เรียน

11.1.9 ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบโอเปอร์แรนต์ (Operant Conditioning) ของสกินเนอร์ (Skinner) ได้สรุปเป็นกฎการเรียนรู้จาทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบโอเปอร์แรนต์ได้ดังนี้ (ทิศนา แขมมณี. 2547: 57-58 อ้างมาจาก Hergenhahn and Olson. 1993:80- 119) 11.1.9.1 การกระทาใดๆ ถ้าได้รับการเสริมแรง จะมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอีก ส่วนการกระทาที่ ไมมีการเสริมแรง่ แนวโน้มที่ความถี่ของการกระทานั ้นจะลดลงและหายไปในที่สุด (จากการทดลอง โดยนาหนูที่หิวจัดใส ่กล่อง ภายในมีคานบังคับให้อาหารตกลงไปในกล่องได้ ตอนแรกหนูจะวิงชน่ โน่นเชนนี่ เมื่อชนคานจะมีอาหารตกมาให้กิน ทาหลายๆ ครั้ง พบวาหนูจะกดคานท่ าให้อาหารตกลง ไปได้เร็วขึ้น 11.1.9.2 การเสริมแรงที่แปรเปลี่ยนทาให้การตอบสนองคงทนกว าการเสริมแรงที่ตายตัว่ (จาก การทดลองโดยเปรียบเทียบหนูที่หิวจัด 2 ตัว ตัวหนึ่งกดคานจะได้อาหารทุกครั้ง อีกตัวหนึ่งเมื่อกด คานบางทีกได้อาหารบางทีก็ ไม็ ได้อาหาร่ แล้วหยุดให้อาหารตัวแรกจะเลิกกดคานทันที ตัวที่ 2 จะยัก กดตอไปอีกนานกว่ าตัวแรก่ 11.1.9.3 การลงโทษทาให้เรียนรู้ได้เร็วและลืมเร็ว (จากการ ทดลองโดยนาหนูที่หิวจัดใส ่กรง แล้วช็อกด้วยไฟฟ้า หนูจะวิงพล่ ่านจนออกมาได้ เมื่อจับหนูใส่เข้าไปใหมมันจะวิ่ งพล่ ่านอีก จาไม ได้่ วาทางไหนคือทางออก่ ) 11.1.9.4 การให้แรงเสริมหรือให้รางวัลเมื่ออินทรีย์กระทาพฤติกรรมที่ต้องการ สามารถช่วย ปรับหรือปลูกฝังนิสัยที่ต้องการได้ (จากการทดลองโดยสอนให้หนูเล่นบาสเกตบอล เริ่มจากการให้ อาหารเมื่อหนูจับลูกบาสเกตบอล จากนั้นเมื่อมันโยนให้อาหารตอมาเมื่อโยนสูงขึ่ ้นจึงให้อาหาร ใน ที่สุดต้องโยนเข้าห่วงจึงให้อาหาร การทดลองนี้เป็นการกาหนดให้หนูแสดงพฤติกรรมตามที่ต้องการ ก่อนจึงให้แรงเสริม วิธีนี้สามารถดัดนิสัยหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้)

11.1.10 ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบโอเปอร์แรนต์กบั หลักการจัดการศึกษา/ การสอน 11.1.10. 1 ในการสอน การให้การเสริมแรงหลักการตอบสนองที่เหมาะสมของเด็กจะช่วยเพิ่ม อัตราการตอบสนองที่เหมาะสมนั้น 11.1.10. 2 การเว้นระยะการเสริมแรงอยางไม่ เป็นระบบ่ หรือเปลี่ยนรูปแบบการเสริมแรงจะ ช่วยให้การตอบสนองของผู้เรียนคงทนถาวร เช่น ถ้าครูชมวา่ ดี ทุกครั้งนักเรียนตอบถูกอยางสม่ ่าเสมอ 82

นักเรียนจะเห็นความสาคัญของแรงเสริมน้อยลง ครูควรเปลี่ยนเป็นแรงเสริมแบบอื่นบ้าง เช่น ยิม้ พยักหน้า หรือบางครั้งอาจไมให้แรงเสริม่ 11.1.10. 3 การลงโทษที่รุนแรงเกินไป มีผลเสียมาก ผู้เรียนอาจไมได้เรียนรู้หรือจ่ าสิ ่งที่เรียน ได้เลย ควรใช้วิธีการงดการเสริมแรงเมื่อนักเรียนมีพฤติกรรมไมพึงประสงค์่ เช่น เมื่อนักเรียนใช้ ถ้อยคาไม สุภาพ่ แม้ได้บอกและตักเตือนแล้วกยังใช้อีก็ ครูควรงดการตอบสนองตอพฤติกรรมนั่ ้น เมื่อ ไมมีใครตอบสนอง่ ผู้เรียนจะหยุดพฤติกรรมนั้นไปในที่สุด 11.1.10. 4 หากต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หรือปลูกฝังนิสัยให้แก่ผู้เรียน การแยกแยะขั้นตอน ของการปฏิกิริยาตอบสนองออกเป็นลาดับขั ้น โดยพิจารณาให้เหมาะสมกบความสามารถของผู้เรียนั เช่น หากต้องการปลูกฝังนิสัยในการรักษาความสะอาดห้องปฏิบัติการ และเครื่องมือ สิ่งสาคัญ ประการแรก คือ การเช็ดถู การกวาด การล้าง การจัดเรียง เป็นต้น ตอไปจึงพิจารณาแรงเสริมที่จะ่ ให้แก่ผู้เรียน เช่น คะแนน คาชมเชย การให้เกียรติ การให้โอกาสแสดงตัว เป็นต้น เมื่อนักเรียนแสดง พฤติกรรมที่พึงประสงค์ กให้การเสริมแรงที่เหมาะสมในทันที็

11.1.611ทฤษฎีการเรียนรู้ของฮัลล์ (Hull’s Systematic Behavior Theory) ได้สรุปเป็นกฎการเรียนรู้ จากทฤษฎีการเรียนรู้ของฮัลล์ ได้ดังนี้ 11.1.11.1 กฎแห่งสมรรถภาพในการตอบสนอง (Law of Reactive Inhabitation) กล่าวคือ ถ้า ร่างกายเมื่อยล้า การเรียนรู้จะลดลง 11.1.11.2 กฎแห่งการลาดับกลุ ่มนิสัย (Law of Habit Hierarchy) เมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุ้น แตละ่ คนจะมีการตอบสนองตางๆก่ นั ในระยะแรกการแสดงออกมีลักษณะง่ายๆ ตอเมื่อเรียนรู้มากขึ่ ้นก็ สามารถเลือกแสดงการตอบสนองในระดับที่สูงขึ้น หรือถูกต้องตามมาตรฐานของสังคม 11.1.11.3 กฎแห่งการใกล้จะบรรลุเป้าหมาย (Goal Gradient Hypothesis) เมื่อผู้เรียนใกล้บรรลุ เป้าหมายเทาใด่ จะมีสมรรถภาพในการตอบสนองมากขึ้นเทานั่ ้น การเสริมแรงที่ให้ในเวลาใกล้บรรลุ เป้าหมายจะช่วยทาให้เก ิดการเรียนรู้ได้ดีที่สุด

11.1.12 ทฤษฎีการเรียนรู้ของฮัลล์กบหลักการจัดการศึกษาั /การสอน 11.1.12.1 การจัดการศึกษาควรคานึงถึงความพร้อม ความสามารถและเวลาที่ผู้เรียนจะเรียน ได้ดีที่สุด 11.1.12.2 ผู้เรียนมีระดับการแสดงออกไมเท่ าก่ นั ในการจัดการเรียนการสอน ควรให้ ทางเลือกที่หลากหลาย เพื่อผู้เรียนจะได้ตอบสนองตามระดับความสามารถของตน 11.1.12.3 การให้การเสริมแรงในช่วงที่ใกล้เคียงกบเป้าหมายมากที่สุดั จะช่วยทาให้ผู้เรียนเก ิด การเรียนรู้ได้ดี

83

สามารถสรุปได้วา่ แนวความคิดและทฤษฏีการเรียนรู้ของกลุ่มพฤติกรรนิยม เป็นรูปแบบการ เรียนรู้ที่ตอเนื่องโดยการเชื่อมโยงสิ่ ่งเร้าในการเรียนรู้ตอไปเรื่อยๆ่ และสามารถสรุป กฎการเรียนรู้จาก แนวคิดของทฤษฎีนี้ คือ กฎแห่งความพร้อม กฎแห่งการฝึกหัด กฎแห่งการใช้ และ กฎแห่งผลที่พึง พอใจ

11.2 การเรียนรู้ของผู้ใหญ่ 11.2.1 ลักษณะของผู้ใหญ่ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่เป็นผู้ใหญ ่ ยอมมีลักษณะแตกต่ างจากผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่เป็นเด็กอย่ าง่ มาก และยังมีความแตกตางในกลุ่ ่มที่เป็นผู้ใหญด้วยก่ นเองอีกด้วยั ดังนั้นจึงมีความจาเป็นที่ต้องเข้าใจ ลักษณะธรรมชาติของผู้ใหญ ่ พอจะสรุปได้ดังตอไปนี่ ้ โรเจอร์ (Rogers. 1986) (อ้างถึงในอาชัญญา รัตนอุบล. 2544 : 26) 11.2.1.1 ผู้ใหญเป็นวัยหรือช่ ่วงเวลาที่มีความต้องการพัฒนาเพื่อความกาวหน้าและศักยภาพ้ ของตนให้มีความทัดเทียมกบคนอื่นในสังคมั และเป็นบุคคลที่กาลังพัฒนาเข้าสู ่วุฒิภาวะมีความเป็น ตัวของตัวเอง 11.2.1.2 เป็นวัยที่อยูในกระบวนการเจริญเติบโตอย่ างต่ อเนื่อง่ ผู้ใหญส่ ่วนมากที่เข้ารับการ ฝึกอบรม มักเป็นผู้ที่อยูในวัยผู้ใหญ่ ตอนต้น่ ซึ่งเป็นช่วงการเจริญเติบโตและพัฒนาการอยางต่ อเนื่อง่ โดยพัฒนาด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และจิตใจ 11.2.1.3. ผู้ใหญได้น่ าประสบการณ์ ความเชื่อถือศรัทธา และคานิยมทางสังคมอื่นติดตัวมา่ ด้วย เช่น ทัศนคติ ความรู้สึก อคติและความลาเอียง เป็นต้น ผู้ใหญเข้าร่ ่วมกิจกรรมพร้อมกบความั ตั้งใจหลายประการ เช่น ต้องการประสบความสาเร็จตามเป้าหมายที่ตั ้งไว้ ต้องการความรู้ที่ได้รับไป แกไขปัญหาการท้ างานที่ก าลังด าเนินอยู ่ ต้องการวุฒิบัตร ประกาศนียบัตรเพื่อนาไปปรับขึ ้นเงินเดือน เลื่อนขั้นการทางาน หรือต้องการได้พบเพื่อนใหม ่ หรือต้องการที่จะได้รับความรู้ในสิ่งที่ตนไมทราบ่ หรือต้องการพัฒนาความชานาญและทักษะต าง่ ๆ เป็นต้น 11.2.1.4 ผู้ใหญมีความคาดหวังที่แน่ ่นอน และตางก่ นั ในการเข้าร่วมกิจกรรม และมีลักษณะ ที่แน่นอน เฉพาะบุคคล ทาให้มีผลต อทัศนคติการท่ างานเป็นกลุ ่มของแตบุคคล่ เช่น บางคนชอบการ ทางานเป็นกลุ ่ม บางคนชอบการทางานด้วยตนเอง บางคนชอบการได้รับความรู้จากผู้สอนโดยตรง เป็นต้น 11.2.1.5 ผู้ใหญมีความสนใจหลายประการและสามารถท่ าไปพร้อมก นั ผู้ใหญส่ ่วนมากเรียน และ มีหน้าที่การงานประจาหรือมีภารก ิจครอบครัวและกิจกรรมทางด้านสังคม เป็นต้น 11.2.1.6 ผู้ใหญมีรูปแบบการเรียนรู้เป็นของตนเอง่ และตลอดชีวิตโดยพัฒนาวิธีการเรียนรู้ของ ตนที่จะช่วยให้สามารถเรียนรู้มีประสิทธิภาพ เช่น ผู้เรียนบางคนกจะมีความชอบในด้านตัวเลขเป็น็ พิเศษ และมีอัตราเร็วในการเรียนรู้แตกตางก่ นออกไปั 84

นอกจากนี้แล้ว โรเจอร์ (Rogers. 1979) (อ้างถึงในอาชัญญา รัตนอุบล. 2544 : 27) ได้สรุป สาเหตุที่ผู้เรียนที่เป็นผู้ใหญกลับเข้ามาเรียนใหม่ ่ คือ แรงจูงใจด้านอาชีพ (Vocational Motives) แรงจูงใจมุงพัฒนาตนเอง่ (Self-Development) แรงจูงใจด้านสังคม (Social Motives) และแรงจูงใจใน การเรียนรู้เพื่อพัฒนาสมองและสติปัญญา (Intellectual Motives) อาชัญญา (2544 : 27-28) ได้สรุปลักษณะที่สาคัญของผู้ใหญ ได้ดังต่ อไปนี่ ้ 1. ผู้ใหญจะเป็นผู้ที่มีการรับรู้ต่ อตนเองในลักษณะที่เปลี่ยนแปลงจากการที่ต้องพึ่งพาผู้อื่นไปสู่ ่ผู้ ที่สามารถชี้นาตนเองได้ และพึ่งพาตนเองได้ 2. ผู้ใหญจะสะสมประสบการณ์ต่ าง่ ๆ ไว้มากมาย จนกระทังสามารถน่ าประสบการณ์มาใช้ เป็นทรัพยากรแห่งความรู้ที่มีคุณคา่ 3. ผู้ใหญมีความพร้อมที่จะเรียนโดยมุ่ งหวังเพื่อพัฒนาตนเองเป็นส่ าคัญ 4. ผู้ใหญต้องการน่ าความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ได้ทันท วงทีต่ อการแก่ ปัญหาที่เก้ ิดขึ้นในชีวิตจริง ผู้ใหญจะเปลี่ยนแปลงแนวทางการเรียนรู้จากที่เน้นเนื่ ้อหาวิชาเป็นศูนย์กลางไปสู่การลงมือปฏิบัติเป็น ศูนย์กลาง 5. ผู้ใหญมีศักยภาพและความสามารถที่จะเรียนรู้่ ซึ่งถึงแม้วาผู้ใหญ่ ส่ ่วนใหญแล้วจะห่ ่าง เหินจากระบบการศึกษามาเป็นเวลานานจึงทาให้ประเมินความต้องการความสามารถในการเรียนรู้ ของตนเองต่ากว าที่เป็นจริง่ รวมทั้งส่วนใหญแล้วจะขาดความเชื่อมั่ นในตนเองด้วย่ 6. ผู้ใหญมักมีปัญหาเก่ ี่ยวกบสุขภาพเชั ่น การเสื่อมถอยของสายตาการตอบสนองช้าลง ซึ่งอาจจะมีผลตอการเรียนรู้บ้าง่ 7. ผู้ใหญจะตอบสนองต่ อแรงจูงใจภายนอก่ น้อยกวา่ แรงจูงใจภายในตนเอง เช่น ผู้ใหญจะไม่ สนใจการได้รับคะแนนหรือเกรด่ หากผู้ใหญจะมองการเรียนรู้ในลักษณะของ่ กระบวนการภายใน ซึ่งควบคุมโดยตัวผู้ใหญเอง่ ด้วยเหตุนี้การเรียนรู้จึงจะเป็นกระบวนการที่ความ ต้องการและเป้าหมายของผู้ใหญได้รับการตอบสนองตามประสงค์่ สามารถสรุปได้วาการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ ่ เป็นการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาตนทั้งทางร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และจิตใจ ตลอดจนเพื่อความกาวหน้าในงานอาชีพ้ และเป็นที่ยอมรับของสังคม กลุ่มผู้ใหญ่ มักจะประสบผลสาเร็จเก ี่ยวกบการพัฒนาตนเองั เพราะวา่ ผู้ใหญเรียนและพัฒนาตนเองอย่ างมี่ เป้าหมายที่ชัดเจนตลอดจนมีการนาประสบการณ์มาใช้ในการเรียนด้วย ตลอดจน มีรูปแบบการเรียน ของตนเอง

11.2.2 ปัจจัยที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้ใหญ ่ ประภาเพ็ญ สุวรรณ และสวิง สุวรรณ (2531) (อ้างใน อาชัญญา รัตนอุบล. 2544 : 29-30) ได้ เสนอสภาวการณ์ที่สนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้ ได้แก่ ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วม ค้นพบสิ่ง ที่มีความหมายตอตัวบนความความแตกต่ าง่ เน้นธรรมชาติของการเรียนเป็นหลัก เคารพสิทธิของ 85

บุคคล อดทนตอความขัดแย้ง่ ใช้การประเมินผลโดยเน้นการประเมินผลตนเอง ส่งเสริมให้มีการ แสดงออกของบุคคล ให้มีความไว้วางใจบุคคลอื่น ให้เกิดเคารพและยอมรับซึ่งกนและกั นั

11.2.3 อุปสรรคตอการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ ่ อาชัญญา (2544 : 27-28) ได้กล่าวถึงอุปสรรคตอการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ ไว้่ คือ ความล้มเหลวจาก ประสบการณ์เดิมของผู้ใหญ ่ ขาดความเชื่อมันในตนเองก่ บการเรียนรู้สิั ่งใหม ่ การขาดแรงจูงใจในการ เรียนโดยเฉพาะคนที่ถูกบังคับให้เรียน การกลัวตอการเปลี่ยนแปลงสิ่ ่งใหม ่ การกลัวตอการล้มเหลว่ ขาดความเชื่อมันในการเรียน่ และขาดความสนใจ 11.2.4 รูปแบบการจัดการศึกษาของผู้ใหญ ่ โนลส์ (Knowles. 1980) (อ้างใน อาชัญญา รัตนอุบล. 2544 :32) ได้สรุปรูปแบบการศึกษาสาหรับ ผู้ใหญตามที่่ โนลส์ได้เสนอไว้ เป็นรูปแบบที่มีลักษณะเป็นกระบวนการไมใช่ ่รูปแบบที่เป็นเนื้อหา ด้วยเหตุนี้ ผู้สอนหรือผู้จัดการศึกษาสาหรับผู้ใหญ จึงจะท่ าหน้าที่เป็นผู้อ านวยความสะดวก ผู้ให้ คาปรึกษาหรือผู้น าการเปลี่ยนแปลง โดยเตรียมการในกระบวนการที่เกี่ยวข้องกบการเรียนรู้ของผู้เรียนั ดังตอไปนี่ ้ 1. สร้างบรรยากาศทีเอื้อตอการเรียนรู้่ 2. จัดโครงการหรือกลไกสาหรับการวางแผนการเรียนรู้ร ่วมกนั 3. วิเคราะห์ความต้องการการเรียนของผู้เรียน 4. กาหนดวัตถุประสงค์และเนื ้อหาที่สนองตอความต้องการการเรียนรู้ของผู้เรียน่ 5. ออกแบบประสบการณ์เพื่อการเรียนรู้ของผู้เรียน 6. ดาเนินการให้เก ิดประสบการณ์การเรียนรู้ ด้วยวิธีการและสื่ออุปกรณ์ที่เหมาะสม 7. ประเมินผลการเรียนรู้และวิเคราะห์ความต้องการการเรียนรู้อีกครั้ง เพื่อดูวาความต้องการ่ การเรียนนั้นๆ ได้รับการตอบสนองหรือไม่ นอกจากนี้แล้ว ประภาเพ็ญ สุวรรณ และสวิง สุวรณ (2531) (อ้างใน อาชัญญา รัตนอุบล. 2544 :32) ได้เสนอหลักการเรียนรู้ซึ่งสามารถนามาใช้ประโยชน์ในการฝึกอบรมได้เป็นอย างดีดังนี่ ้ 1. การเรียนรู้เป็นประสบการณ์ ซึ่งเกิดขึ้นในตัวผู้เรียนและถูกกระตุ้นหรือโดยตัวผู้เรียนเอง 2. การเรียนรู้ คือ การค้นพบสิ่งที่มีความหมายสาหรับบุคคลนั ้นๆ หรือผู้เรียน และความคิดที่ เกี่ยวข้องกบบุคคลนัั ้น 3. การเรียนรู้(หรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม) เป็นผลสืบเนื่องมาจากประสบการณ์ 4. การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่จะต้องร่วมมือจากประสบการณ์ 5. การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอยางอิสระไม่ บังคับ่ 6. การเรียนรู้บางครั้งจะเป็นกระบวนการที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด 7. แหล่งขุมพลังที่มีคามากที่สุดส่ าหรับการเรียนรู้คือตัวผู้เรียนเอง 86

8. กระบวนการของการเรียนรู้เป็นทั้งกระบวนการทางด้านอารมณ์และสติปัญญา 9. กระบวนการของการแกปัญหาและการเรียนรู้้ เป็นกระบวนการซึ่งมีลักษณะเฉพาะและขึ้นอยู ่ กบแตั ละบุคคล่

อาชัญญา รัตนอุบล (2544 : 33-34) ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกบการประยุกต์ใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ของั ผู้ใหญและกระบวนการที่เก่ ี่ยวข้องกบการเรียนรู้ของผู้ใหญั ดังกล่ ่าวข้างต้น สาหรับ นักฝึกอบรม ผู้จัดการฝึกอบรมหรือนักการศึกษา ดังตอไปนี่ ้ 1. การสร้างแรงจูงใจ เนื่องจากแรงจูงใจของผู้เข้ารับการฝึกอบรมแตละคนจะมีลักษณะเป็น่ แรงจูงใจภายในที่เกิดขึ้นเพราะความต้องการที่จะเรียนรู้ และความประสงค์ที่จะเป็นผู้ที่สามารถชี้นา ตนเองได้ ด้วยเหตุนี้ บทบาทของผู้ให้การฝึกอบรมจึงควรทาหน้าที่เป็นผู้ที่สร้างสิ ่งแวดล้อมและ บรรยากาศที่เอื้อตอการเรียนรู้่ และสนองตอความต้องการภายในที่อยากจะเรียนรู้ของผู้เข้าฝึกอบรม่ บรรยากาศจึงควรมีลักษณะเป็นกนเองและไมั เป็นทางการที่เคร่ ่งครัดจนเกินไป 2. การสนับสนุน การที่แตละบุคคลจะสามารถที่เป็นผู้ชี่ ้นาตนเองได้นั ้น บางครั้งจาเป็นต้อง อาศัยการสนับสนุนจากผู้อื่นไมว่ าจะเป็นจากผู้เข้ารับการฝึกอบรมอื่นๆ่ หรือผู้ให้การฝึกอบรมเอง ด้วย เหตุนี้ บทบาทของผู้ให้การฝึกอบรมจึงควรเป็นผู้ที่ตระหนักและเข้าใจถึงเรื่องดังกล่าวเป็นอยางดี่ ตลอดจนเตรียมการสนับสนุนผู้เข้ารับการฝึกอบรมอยางเหมาะสม่ ไมว่ าจะให้สนับสนุนด้วยตนเอง่ หรือให้กลุ่มผู้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นผู้สนับสนุน 3. การประชาสัมพันธ์ เนื่องจากผู้เข้ารับการฝึกอบรมส่วนใหญเป็นผู้ใหญ่ ่ ซึ่งเป็นผู้มีวุฒิภาวะสูง มีประสบการณ์มากและมีความประสงค์ที่จะเลือกการเรียนรู้ของตนเอง ด้วยเหตุนี้ ผู้เข้ารับการ ฝึกอบรม จึงไมค่ อยชอบที่จะให้ผู้ให้การฝึกอบรมหรือวิทยากรเข้ามาควบคุมและมีอ่ านาจเหนือ สถานการณ์การเรียนรู้ของตนเองอยางเคร่ ่งครัดจนเกินไป ผู้ให้การฝึกอบรมจึงควรที่จะจัดการ ฝึกอบรมให้อยูในสภาพการณ์ที่สมดุลระหว่ างผู้ให้และผู้รับการฝึกอบรม่ โดยควรจะจัดการฝึกอบรม ที่มีลักษณะประสานสัมพันธ์ให้ความร่วมมือระหวางสองฝ่าย่ ไมให้อ่ านาจต อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาก่ จนเกินไป 4. การนาประสบการณ์มาใช้ ประสบการณ์ที่มีคุณคาของผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรม่ ควรถูก นามาใช้อย างมีประสิทธิภาพกล่ ่าวคือเมื่อเข้ารับการฝึกอบรมได้รับการแนะนาในเรื่องความรู้ ทักษะ และทัศนคติใหมๆ่ ผู้ให้การฝึกอบรมควรรู้จักที่จะชักจูงเชื่อมโยงความรู้ใหมนั่ ้น ให้สัมพันธ์กบความรู้ั และประสบการณ์เดิมของผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรมหรืออาจจะนาประสบการณ์เดิมมายืนยันในความรู้ ทักษะ ทัศนคติที่รับใหม ่ ทาให้การฝึกอบรมมีประโยชน์และประสิทธิภาพยิ งขึ่ ้น 5. การนาเนื ้อหาที่เกี่ยวข้องกบชีวิตความเป็นจริงมาใช้ั เนื้อหาคามรู้ ทักษะ และทัศนคติที่จะให้ ในการฝึกอบรมควรเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกบชีวิตความเป็นจริงของผู้เข้ารับการฝึกอบรมั ไมว่ าจะเป็น่ ชีวิตการทางานหรือชีวิตประจ าวัน นอกจากนี้แล้ว การจัดกิจกรรมเสริมตางๆ่ ควรจัดกิจกรรมใน ลักษณะที่สัมพันธ์กบความเป็นจริงที่นั ามาเป็นเนื ้อหาในการฝึกอบรมแตหากก่ ิจกรรมใดที่จัดแล้วไม่ 87

สามารถจะสัมพันธ์กบความเป็นจริงแล้วั ผู้ให้การฝึกอบรม ควรจะมีการทบทวนและให้ข้อสรุปเป็น ผลย้อนกลับให้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม 6. การจัดบรรยากาศ ควรจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในลักษณะที่ผู้เรียนรู้สึกปราศจากการหวาดกลัว หรือหวาดระแวงโดยเฉพาะตอหน้าเพื่อนผู้เข้าร่ ่วมกิจกรรมการฝึกอบรมอื่นๆ ควรจัดบรรยากาศการ ฝึกอบรม ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมรู้สึกต้องการมีส่วนร่วมในการถามคาถามเมื่อตนเองสงสัย หรือ แสดงออกซึ่งความคิดเห็นในกิจกรมตางๆ่ ด้วยตนเองปราศจากการบังคับจากผู้ให้การฝึกอบรม 7. การแกปัญหา้ เนื้อหาและวิธีการของการฝึกอบรมที่เหมาะสม ควรนาไปสู ่การแกปัญหาที่้ เกิดขึ้นหรือคาดวาจะเก่ ิดขึ้นในชีวิตการทางานหรือปัญหาในหน ่วยงานตลอดจนปัญหาที่เกิดขึ้นใน ชีวิตประจาวันของผู้เข้ารับการฝึกอบรมด้วย ผู้ให้การฝึกอบรมควรจะพิจารณานาประสบการณ์ของ ผู้รับการฝึกอบรมควรจะพิจารณานาประสบการณ์ของผู้เข้ารับการฝึกอบรมมาใช้ประโยชน์ในการ เรียนรู้ร่วมกนั โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การแกปัญหาต้ างๆ่ ที่นามาใช้ในการฝึกอบรมนั ้นๆ 8. การเปิดโอกาส ควรเปิดโอกาสให้ผู้รับการฝึกอบรมได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมตางๆ่ ที่จัดอยาง่ เต็มที่ โดยเฉพาะการที่แตละคนได้มีโอกาสได้ใช้ประสบการณ์ของผู้อื่นและผู้ให้การฝึกอบรมในการ่ ฝึกอบรม ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าใจกนและกั นเป็นอยั างดี่ ทาให้ขยายความสนใจได้กว้างขวาง ขึ้น รู้จักเรียนรู้สิ่งใหมๆ่ ได้มากขึ้นตลอดจนมีผลตอการพัฒนาเปลี่ยนแปลงทัศนคติและสามารถเข้าใจ่ ตนเองและผู้อื่นได้มากขึ้นด้วย สรุปได้วา่ รูปแบบการจัดการเรียนการสอนสาหรับผู้ใหญ ่ ผู้สอนจะต้องศึกษาและเข้าใจลักษณะ ของผู้ใหญ ่ วิธีการเรียนรู้ ขั้นตอนการเรียนรู้ และอุปสรรคขัดขวางการเรียนรู้ของผู้ใหญ ่ ซึ่งข้อมูลที่ได้ ใช้ในการวางแผนคัดเลือกเนื้อหา จัดเตรียมวิธีการสอน อุปกรณ์ และการประเมินผล

11.3 ทฤษฎีการเรียนรู้ภาษาที่สองหรือภาษาตางประเทศส่ าหรับผู้ใหญ ่

ชูตท์ (Schutz. 2007: 1-4)ได้กล่าวถึงการรับรู้ภาษาที่สอง ของทฤษฎีการรับรู้ภาษาที่สองของ Stephen Krashen วา่ การรับรู้ภาษาที่สองไมได้เน้นที่การน่ ากฎไวยากรณ์มาใช้และฝึก แตเขาได้่ อธิบายการรับรู้ภาษาเป็นกระบวนการรับรู้ภาษาเป้าหมาย หรือภาษาที่สอง หรือ ภาษาตางประเทศ่ ที่ ต้องการให้มีการปฏิสัมพันธ์ทางภาษาในบริบทที่มีการสื่อสารอยางมีความหมาย่ ซึ่งผู้พูดพยายามที่จะ ค้นหาและ ทาความเข้าใจข้อความที่สื่อสารก นมากกวั าความถูกต้องของรูปแบบของภาษาที่ใช้่ การสอนภาษาที่สองหรือภาษาตางประเทศที่ดีที่สุด่ จะต้องป้อนหรือ ให้ข้อมูลที่ง่ายและ สามารถเข้าใจได้ (comprehensible input) และเป็นข้อมูลที่ผู้เรียนอยากรู้อยากเรียนในสถานการณ์ที่ไม่ เครียดหรือมีความกงวลั การสอนอยางมีขั่ ้นตอนโดยให้ผู้เรียนสร้างภาษาออกมาเมื่อเขามีความพร้อม การพัฒนาความสามารถทางภาษาเกิดจากข้อมูลที่รับมาเป็นข้อมูลที่ทาความเข้าได้และใช้สื่อสาร ใน โลกของความจริง การได้สนทนากบเจ้าของภาษาั จะช่วยให้เข้าใจภาษานั้นได้เป็นอยางดี่ 88

ผู้ที่เรียนภาษาอังกฤษ ทั้งในฐานะที่เป็นภาษาที่สอง และ ภาษาตางประเทศ่ ตางก่ มีเหตุผล็ สาหรับการเรียน บางคนเรียนเพื่อความกาวหน้าทางอาชีพ้ เพื่อทางานเฉพาะก ิจ เพื่อเรียนรู้วัฒนาธรรม ของเจ้าของภาษา เพื่อเป็นที่ยอมรับของชุมชน เพื่อการทองเที่ยว่ ตลอดจนเรียนเพราะมีในหลักสูตร ของโรงเรียน

11.3.1 รูปแบบการเรียนภาษาที่สองหรือภาษาตางประเทศส่ าหรับนักเรียนวัยผู้ใหญ ่

Kavaliauskiene, G. And Uzpaliene, D. 2000 : 1 อ้างมาจาก Rivers, W. M. 1992 : ได้กล่าวถึง การพัฒนาภาษาอังกฤษสาหรับงานอาชีพของผู้ใหญ ซึง่ ่เป็นกลุ่มที่จบปริญญาตรีแล้ว มีเป้าหมาย ต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษโดยการฝึกทักษะฟัง พูด อาน่ และ เขียน ดังนั้นการพัฒนาทักษะ ภาษาอังกฤษสาหรับผู้ใหญ ต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่ าง่ รูปแบบการเรียนเป็นปัจจัยที่สาคัญปัจจัย หนึ่งของ ผู้เรียนวัยผู้ใหญ ่ เนื่องจากผู้เรียนในวัยนี้จะมีรูปแบบการเรียนเป็นของตนเอง จะมีการรับรู้ ภาษาที่สอง ช้า ต้องการใช้ภาษาอังกฤษด้วยความมันใจ่ เป็นธรรมชาติและเหมือนภาษาแม ่ ลักษณะ เด่นของนักเรียนวัยผู้ใหญ ่ คือ เข้าใจและใช้ความคิดที่เป็นนามธรรม มีประสบการชีวิตมาก มีการ คาดหวังกระบวนการเรียน วิจารณ์เกี่ยวกบการสอนของครูั กงวลั ขาดความเชื่อมันในตนเองถ้าท่ า อะไรผิดพลาด เป็นผู้เรียนที่แกไขข้อผิดพลาดอยาก้ และมักจะเกิดข้อผิดพลาดการใช้ภาษาเป็นผลมาก จากภาษาแม ่ ผู้เรียนในวัยนี้มักจะเน้น หรือให้ความสาคัญเก ี่ยวกบั รูปแบบละความถูกต้องของ ภาษาอังกฤษ ผู้เรียนจะมีรูปแบบการเรียนภาษาอังกฤษของตนเอง โดยจะเลือกรูปแบบการเรียนที่ช่วย ให้เกิดการเรียนรู้เร็วขึ้น สนุกมากขึ้น มีวินัยมากขึ้น และ สามารถถ่ายโอนไปสู่สถานการณ์ใหมๆได้่ มากขึ้น Kavaliauskiene, G. And Uzpaliene, D. 2000 : 2 อ้างมาจาก Richard, J. C. & Lockhart, C. 1996 ได้เสนอรูปแบบการเรียนโดยทัวไปของผู้เรียนมี่ 4 รูปแบบ คือ -เรียนภาษาโดยการกระทา แสดง ที่มีชีวิตชีวา (Concrete) -เรียนภาษาจากของจริงและนาเสนออย างเป็นระบบ่ (Analytical) -เรียนภาษาโดยการมีปฎิสัมพันธ์ทางสังคม (Communicative) -เรียนภาษาโดยชอบให้ครูเป็นผู้สอน หรือบงการ (Authority-Oriented)

11.4 หลักการจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Student-Centered Instruction) 11.4.1 การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ หลายปีที่ผานมามีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่ างในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ่ แนวโน้มของ การเรียนการสอนภาษาอังกฤษได้ให้ความสาคัญเรื่องของกระบวนการเรียนการสอน (Teaching Methodologies) มากขึ้น โดยเน้นเรื่องของการฝึกฝนยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และจัดกิจกรรมที่เปิด โอกาสให้ผู้เรียน ได้มีปฏิสัมพันธ์กบภาษามากขึั ้น (Practices) กระบวนการเรียน (Procedures) ธรรมชาติของทักษะการเรียนภาษา (Study Skills) แผนการเรียนการสอน (Lesson Plans) สื่อการ 89

เรียนการสอน (Teaching Materials) แบบเรียน (Textbooks) และ วิธีการสอน (Teaching Methods) ต้องอยูบนหลักการ่ และความเชื่อเกี่ยวกบการเรียนการสอนภาษาั (นูนัน. Nunan, D. 1991 :3-4) นอกจากนี้ หลักสูตรการเรียนที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Learner-Centered Curriculum) กาลังเป็นที่ รู้จักกนแพรั ่หลาย พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ของประเทศไทยอันเป็นแมบททาง่ การศึกษาของประเทศ สาระที่สาคัญมากส าหรับการเรียนการสอน คือ กระบวนการเรียนการสอนที่ ยึดผู้เรียนเป็นสาคัญ การเรียนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Leaner-Centered) ผู้สอนสามารถสร้าง หลักสูตรได้โดยมีกระบวนการดังนี้ คือ การวางแผน ประกอบด้วยการวิเคราะห์ความต้องการของ ผู้เรียน การตั้งเป้าหมายและจุดประสงค์การเรียน และการนาไปใช้ ประกอบด้วย วิธีการเรียนการสอน และ สื่อ

11.4.2 การพัฒนาหลักสูตรที่ยึดผู้เรียนเป็นสาคัญ (Learner-Centered Curriculum Development) 11.4.2.1 หลักสูตรที่ยึดผู้เรียนเป็นสาคัญเก ี่ยวกบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษั เน้นการสอน ทักษะเฉพาะทางภาษา และ การพัฒนาทักษะการเรียน โดย ให้ผู้เรียนได้รับยุทธศาสตร์การเรียนที่มี ประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้เรียนได้ทราบยุทธวิธีการเรียนที่ตนชอบ ส่งเสริมให้ผู้เรียนตั้งเป้าหมายการ เรียนด้วยตนเอง และพัฒนาทักษะของผู้เรียนเกี่ยวกบการประเมินตนเองั 11.4.2.2 การประเมินผล (Assessment) การวัดผลเป็นการวัดผลเพื่อดูความกาวหน้าของผู้เรียน้ โดยมีการวัดผลอยูเรื่อยๆ่ (Ongoing Assessment) จะวัด Language Proficiency ของผู้เรียน ในที่นี้ Language Proficiency หมายถึง ความสามารถที่นาความรู้ที่มีอยู ่ (Competence) ทั้ง Linguistics and Communicative Competence และนาออกมาใช้ได้อย างถูกต้องและเหมาะสม่ ดังนั้นการวัดผล Language Proficiency นอกจากจะวัดความรู้เกี่ยวกบภาษาแล้วจะต้องวัดความสามารถในการใช้ภาษาั ด้วย เช่น สังเกตการใช้ภาษาในสถานการณ์ตางๆที่ก่ าหนดให้หรือการใช้ภาษาในสถานการณ์ที่เป็น จริง จึงต้องมีเกณฑ์ที่ชัดเจนและผู้เรียนต้องมีส่วนร่วมในการตั้งเกณฑ์ด้วย ตลอดจนมีการวัดผลบอย่ และตอเนื่อง่ นั้นคือการวัดผลประเมินผลความรู้ความสามารถภาษาอังกฤษของผู้เรียนต้องวัดผลทั้ง 4 ทักษะ คือ ทักษะฟัง พูด อานและเขียน่ ตัวบงชี่ ้ความกาวหน้าของผู้เรียนจะวัดได้จาก้ -ความเข้าใจเกี่ยวกบวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาและเป้าหมายทางสังคมของเนืั ้อหา -ความเข้าใจและความรู้ รูปแบบและโครงสร้างทางไวยากรณ์ที่เกี่ยวข้องเนื้อหานั้น -การชี้ให้เห็นความแตกตางของข้อความที่จะน่ าไปใช้ในแต ละเรื่อง่ -ความเข้าใจเกี่ยวกบความแตกตั างระหว่ างภาษาเขียนและภาษาพูด่

ทิศนา แขมมณี (2547: 119-125) ได้สรุปไว้วา่ แนวคิดเรื่องการจัดการเรียนการสอนโดยยึด ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางนั้น เริ่มมาตั้งแตมีการใช้ค่ าว า่ ‚instruction‛ หรือ ‚การเรียนการสอน‛ แทนคาว า่ ‚teaching‛ หรือ ‚ การสอน‛ โดยมีแนวคิดวา่ ในการสอนครูต้องคานึงถึงการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็น สาคัญและช ่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยวิธีการตางๆ่ มิใช่เพียงการถ่ายทอด ความรู้เทานั่ ้น เช่น การ 90

ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้โดยการกระทา (learning by doing) แตเนื่องจากการเรียนการสอนโดยยึดครูเป็น่ ศูนย์กลาง เป็นวิธีที่สะดวกและง่ายกวา่ รวมทั้งครูมีความเคยชินกบการปฏิบัติตามแบบเดิมั ประกอบ กบไมั ได้รับการสนับสนุนส่ ่งเสริมให้ปฏิบัติตามแนวคิดใหมอย่ างเพียงพอ่ การสอนโดยครูเป็น ศูนย์กลางจึงยังใช้มาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศไทย แม้แนวคิดการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็น ศูนย์กลางนั้นได้ขยายขอบเขตออกไปกว้างขวางกวาเดิม่ ในทางปฏิบัติ มิได้มีการปฏิบัติกนตามั ความหมายและหลักการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นจึงจาเป็นที่จะต้องสร้างความเข้าใจใน เรื่องการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางอีกครั้งหนึ่ง การจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เป็นการจัดการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็น ตัวตั้ง โดยคานึงถึง ความเหมาะสมกบผู้เรียนและประโยชน์สูงสุดทีผู้เรียนควรจะได้รับั แลมีการจัด กิจกรรมการเรียนรู้อยางตื่นตัวและได้ใช้กระบวนการเรียนรู้ต่ างๆอันจะน่ าผู้เรียนไปสู ่การเกิดการ เรียนรู้ที่แท้จริง จากข้อความข้างต้น ศัพท์ที่จาเป็นต้องท าความเข้าใจเพิ ่มเติมกคือว็ า่ ‚การมีส่วนร่วมอยาง่ ตื่นตัว‛ และคาว า่ ‚ การเรียนรู้ที่แท้จริง‛ คาว า่ ‚ การมีส่วนร่วมอยางตื่นตัว่ .‛ มาจากศัพท์ภาษาอังกฤษ คือ‛active participation‛ ซึ่งหมายถึงการมีส่วนร่วมที่ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่แท้จริงได้ดี ควรเป็นการ ตื่นตัวที่เป็นไปอยางรอบด้านทั่ ้งทางด้านกาย สติปัญญา สังคม และอารมณ์ เพราะพัฒนาการทั้ง 4 ด้านที่มีความสัมพันธ์ตอก่ นและกั นั และส่งผลตอการเรียนรู้ของผู้เรียน่ ดังรายละเอียดตอไปนี่ ้ 1. การมีส่วนร่วมอยางตื่นตัวทางกาย่ (active participation: physical) คือการให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม ในกินกรรมการเรียนรู้ที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้เคลื่อนไหวร่างกายทาก ิจกรรมตางๆที่หลากหลาย่ เหมาะสมกบวัยั วุฒิภาวะของผู้เรียน เพื่อจะช่วยให้ร่างกายและประสาทรับรู้ตื่นตัว พร้อมที่จะรับรู้ และเรียนรู้ได้ดี 2. การมีส่วนร่วมอยางตื่นตัวทางสติปัญญา่ (active participation-intellectual) คือ การให้ผู้เรียนมี ส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้มีการเคลื่อนไหวทางสติปัญญาหรือสมอง ได้คิด ได้กระทาโดยใช้ความคิด เป็นการให้สติปัญญาของตนสร้างความหมาย ความเข้าใจใจสิ่งที่เรียนรู้ 3. การมีส่วนร่วมอยางตื่นตัวทางอารมณ์่ (active participation: emotional) คือการให้ผู้เรียนมีส่วน ร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้มีการเคลื่อนไหวทางอารมณ์หรือความรู้สึก เกิด ความรู้สึกตางๆอันจะช่ ่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ดีในเรื่องที่เรียนรู้อารมณ์ความรู้สึกของบุคคลจะ ช่วยให้การเรียนรู้มีความหมายตอตนเอง่ และตอการปฏิบัติมากขึ่ ้น 4. การมีส่วนร่วมอยางตื่นตัวทางสังคม่ (active participation: social) คือ การให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม ในกิจกรรมการเรียนรู้ที่ช่วยให้ผู้เรียนมีการเคลื่อนไหวทางสังคมหรือมีการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกบั ผู้อื่นและสิ่งแวดล้อมรอบตัว เนื่องจากการเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสังคม การได้แลกเปลี่ยนเรียน จากกนและกั นั จะช่วยขยายขอบเขตของการเรียนรู้ของบุคคลให้กว้างขวางขึ้น และการเรียนรู้จะเป็น กระบวนการที่สนุก มีชีวิตชีวามากขึ้น หากผู้เรียนได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กบผู้อื่นั 91

หากผู้สอน ครู สามารถออกแบบกิจกรรมเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีบทบาทสาคัญในการเรียนรู้ โดยมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้อยางตื่นตัวทั่ ้ง 4 ด้านคือ ได้เรียนรู้กบผู้อื่นั (กาย) ได้ใช้ความคิด (สติปัญญา) ได้มีปฏิสัมพันธ์แลกเปลี่ยนเรียนรู้กบผู้อื่นั (สังคม) และเกิดอารมณ์ความรู้สึกอันจะช่วยให้ การเรียนรู้มีความหมายตอตน่ (อารมณ์) การมีส่วนร่วมในลักษณะดังกล่าวจะเป็นปัจจัยส่งผลให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่แท้จริงได้ดี ‚ การเรียนรู้ที่แท้จริง‛ ในที่นี้หมายถึง ผลการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น (ซึ่งอาจเป็นความรู้ความเข้าใจ ทักษะ เจตคติ คุณลักษณะ ฯลฯ) จากกระบวนการที่บุคคลรับรู้และจัดกระทาต อสิ่ ่งเร้าตางๆเพื่อสร้าง่ ความหมายของสิ่งเร้า (สิ่งที่เรียนรู้) นั้นเชื่อมโยงกบความรู้และประสบการณ์เดิมของตนั จนเกิดเป็น ความหมายที่ตนเข้าใจอยางแท้จริง่ และสามารถอธิบายตามความเข้าใจของตนได้ จากคาอธิบายข้างต้น จะเห็นได้วา่ การมีส่วนร่วมอยางตื่นตัวเป็นกระบวนการที่ช่ ่วยนาผู้เรียนไปสู ่ การเกิดการเรียนรู้ที่แท้จริง ซึ่งปกติโดยทัวไปแล้วครู่ /ผู้สอนจะจัดการเรียนการสอนเช่นนี้ได้ กต้องมี็ การดาเนินการที่ส าคัญ 2 ประการคือ 1. ครูต้องคิดจัดเตรียมประสบการณ์ที่จะเอื้อให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมอยางตื่นตัวและได้ใช้่ กระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสมเพื่อนาไปสู ่การเกิดการเรียนรู้ที่เหมาะสมเพื่อนาไปสู ่การเกิดการเรียนรู้ ที่แท้จริงตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ 2. ในขณะดาเนินก ิจกรรมการเรียนการสอน ครูมักลดบทบาทของตนเองลงและเปลี่ยนแปลง บทบาทจากการถ่ายทอดความรู้ไปเป็นผู้อานวยความสะดวก /ช่วยให้ผู้เรียนดาเนินก ิจกรรมการเรียนรู้ ได้อยางราบรื่นและมีประสิทธิภาพ่ หลักการและกระบวนการสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดีมีหลากหลาย พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ได้คัดสรรที่สาคัญๆไว้ส ่วนหนึ่งที่จะช่วยแกปัญหาและปฏิรูปการจัด้ การศึกษาของไทยได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นในมาตราตางๆ่ โดยเฉพาะตั้งแตมาตรา่ 22-30 เช่น หลักการ บูรณาการ หลักการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง หลักการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง หลักการเรียนรู้ ทักษะกระบวนการตางๆ่ หลักการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม หลักการวัดและประเมินผลตามสภาพ จริง เป็นต้น ผู้สอน/ครู จึงควรศึกษาเพื่อนาหลักการแนวคิด และแนวทางเหล่านั้นมาใช้เพื่อพัฒนา ผู้เรียนให้บรรลุวัตถุประสงค์ของหลักสูตรและสนองเจตนารมณ์ ของพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ.2542 อันเป็นกฎหมายการศึกษาฉบับแรกของประเทศไทย สามารถสรุปได้วา่ การจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เป็นการเรียนการสอนที่ ให้ผู้เรียนมีบทบาทสาคัญในการเรียนรู้ สามารถทาได้หลายแบบหลายลักษณะแตกต างก่ นั จัดการเรียน การสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เป็นแนวคิดหรือหลักการที่สามารถนาไปประยุกต์ใช้ได้ในหลาย ลักษณะ เป็นรูปแบบและกระบวนการตางๆ่ ที่หลากหลายได้ ซึ่งแม้วาจะใช้กระบวนการหรือวิธีการที่่ ดูแตกตางก่ นไปั แตหากวิธีการและกระบวนการนั่ ้นช่วยให้ผู้เรียนมีบทบาทหรือมีส่วนร่วมใน 92

กิจกรรมการเรียนรู้อยางตื่นตัวและผู้เรียนได้สร้างความหมายของสิ่ ่งที่เรียนรู้จนเกิดความเข้าใจที่ แท้จริงกถือได้ว็ าการสอนนั่ ้นๆ เป็นการจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง

11.5 The Teaching-Learning Cycle

นูนัน (Nunan, D. 1991:167-170) ได้แนะนาว าในการสอนภาษาอังกฤษ่ ครูควรพิจารณาในสิ่ง ตอไปนี่ ้ ภูมิหลังทางด้านการศึกษาของผู้เรียน (Educational background) ความเชื่อ (Beliefs) รูปแบบการเรียนรู้ (Cognitive styles) กลยุทธการเรียน (Learning Strategies) แรงจูงใจ (Motivation) และ เจตคติ (Attitude) ซึ่งจะช่วยให้ครูสอนภาษาอังกฤษสามารถเตรียมกิจกรรมการเรียนการสอนที่มี คุณภาพ (Well-Prepared Tasks) ให้สอดคล้องและเหมาะสมกบผู้เรียนั ปัจจัยเหล่านี้มีผลอยางมากต่ อ่ ความสาเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะทางภาษา เพื่อนาภาษาไปใช้ สื่อสารในชีวิตประจาวัน เพื่อการศึกษา เพื่อความกาวหน้าของอาชีพ ตลอดจนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย อื่นๆที่วางไว้ ครูสอนภาษาจาเป็นอย างยิ่ งจะต้องพิจารณาภูมิหลังและ่ ความต้องการของผู้เรียนซึ่งจะ ช่วยให้ผู้สอนสามารถจัดเนื้อหา กิจกรรมและการวัดผลประเมินผลให้สอดคล้องและเหมาะสมกบั ผู้เรียน โดยอยูบนหลักทฤษฎีการเรียนการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร่ และทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกบการั เรียนภาษา The Teaching –Learning Cycle เป็นรูปแบบออกแบบบทเรียนและกิจกรรมการเรียนการ สอนที่มีระบบและมีขั้นตอนประกอบด้วย 4 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 จะเริ่มจาก การสร้างเนื้อหาและสร้าง ความคุ้นเคยกบเนืั ้อหาที่จะเรียน ขั้นที่ 2 การฝึกฝนศัพท์และโครงสร้างภาษาที่เกี่ยวข้อง ขั้นที่ 3 นาไปใช้ และขั้นที่ 4 สร้างเนื้อหาด้วยตนเอง แตละขั่ ้นจะจัดกิจกรรมการเรียนการสอนการสอนอยาง่ ตอเนื่องแบบอยู่ บนหลักการของวิธีสอนแบบ่ The Teaching –Learning Cycle ซึ่งวิธีการสอนนี้ สามารถพัฒนาทักษะการฟัง พูด อานและเขียนที่มีขั่ ้นตอน ถ้าการเรียนไมบรรลุเป้าหมาย่ อาจเกิดจาก ปัญหาในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งใน 4 ขั้นตอน ดังนั้นผู้สอนและผู้เรียนสามารถกลับมาทบทวน ขั้นตอนใดกได้ที่ผู้เรียนเก็ ิดปัญหา รูปแบบการสอนนี้ เหมาะที่จะนามาใช้ก บผู้เรียนที่มีพืั ้นฐานความรู้ ทางภาษา ความสามารถในการเรียนภาษาตลอดจนแรงจูงใจของแตละคนแตกต่ างก่ นั นอกจากนั้น การสอนนี้ยังเหมาะสาหรับผู้เรียนที่มีข้อจ าก ดเกั ี่ยวกบเวลาเพราะวั าผู้เรียนสามารถเรียนเพิ่ ่มเติมได้ด้วย ตนเอง จุดเด่นของกระบวนการเรียนนี้จะช่วยพัฒนาทักษะของผู้เรียนทั้ง 4 ทักษะโดยพัฒนาจากภาษา พูดไปสู่ภาษาเขียน (เบิร์น. Burns, A. 1991: อ้างมาจาก คาลลัคฮาน และ โรเตอร์รี. Callaghan and Rothery. 1998: 17-24)

การออกแบบบทเรียนตามหลักการของรูปแบบการสอนแบบ The Teaching-Learning Cycle

ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนดังนี้คือ 1. สร้างเนื้อหาเกี่ยวกบเรื่องที่เรียนั (Building the Context or Field of the Topic) 93

1.1 แนะนาค าศัพท์ โครงสร้างใหมที่เก่ ี่ยวข้อง 1.2 ฝึกถามตอบโดยใช้ศัพท์และโครงสร้างที่เรียนมา 2 การวิเคราะห์เนื้อหาเพื่อใช้เป็นตัวอยาง่ (Modeling the Genre under Focus) เช่น 2.1 อานเนื่ ้อหาที่เกี่ยวข้องและทาก ิจกรรมเพื่อวัดความเข้าใจ 2.2 ถามตอบเกี่ยวกบเรื่องที่อั าน่ 2.3 วิเคราะห์ลักษณะภาษาที่ใช้และโครงสร้างหรือรูปแบบของการเขียน 3. ฝึกฝนและนาไปใช้ (Joint Construction of the Genre) 3.1 แบงกลุ่ ่มทางานเก ี่ยวกบหัวข้อที่กั าลังเรียน 3.2 ถาม ตอบเกี่ยวกบหัวข้อที่กั าลังเรียนภายในกลุ ่ม 3.3 ช่วยกนเขียนและเรียบเรียงข้อความที่ได้โดยดูจากตัวอยั าง่ 4. สร้างเนื้อหาด้วยตนเอง (Independent Construction of the Genre) 4.1 ให้เขียนด้วยตนเองเกี่ยวกบหัวข้อที่กั าลังเรียน (เบิร์น.Burn, A. 1991 adapted from คาลลัคฮาน และ โรเตอร์รี. Callaghan and Rothery. 1988: 17-24)

12. หลักสูตรสาขาวิชาภาษาอังกฤษ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ และสาขาวิชาการโรงแรม และการ ท่องเที่ยว หลักสูตรสาขาวิชาภาษาอังกฤษ และสาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ และสาขาวิชาการโรงแรมและการทองเที่ยว่ คณะวิทยาการจัดการ ได้เปิดสอนใน ระดับปรัญญาตรีภาคปกติ 4 ปี โดยมีโครงสร้างหลักสูตร ดังตอไปนี่ ้

ตารางที่ 1 โครงสร้างหลักสูตรสาขาวิชาภาษาอังกฤษ หลักสูตร 4 ปี คณะมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ 1. หมวดวิชาทัวไป่ 33 หน่วยกิต 1.1 กลุ่มวิชาภาษาและการสื่อสาร 9 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1102002 English Reading and Writing 3 (2-2-5) 1102004 English for Academic Purposes 3 (2-2-5) 1109001 Using Information for Learning 2 (1-2-3) 1102003 Listening and Speaking 3 (2-2-5) 1101001 Thai for Communication 2 (1-2-3) 94

1102001 English for Communication 2 (1-2-3)

1.2 กลุ่มวิชามนุษย์ศาสตร์ 9 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1200003 Aesthetics Dramatic Arts and Performance 3 (2-2-5) 1200006 Human Behavior and Self Delvelopment 3 (2-2-5) 1200002 Aesthetics of Music 3 (2-2-5) 1200001 Art Appreciation 3 (2-2-5)

1.3 กลุ่มวิชาสังคมศาสตร์ 6 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1300002 Local Studies 3 (2-2-5) 1300003 Thai Living 3 (2-2-5) 1300001 Natural resources and Environmental 3 (3-0-6) Management of Thai 1300005 Law in Daily Life 3 (3.0-6) 1300004 Global Society 3 (3.0-6)

1.4 กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 9 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1400005 Exercises for Quality of Life 2 (1-2-3) 1400004 Information technology for Life 3 (2-2-5) 1400007 Nutrition 2 (2-0-4) 1400006 Science for Health 3 (3.0-6) 1400003 Mathematics and Statistics for Decision 2 (1-2-3) 95

Making 1400002 Science for Quality of Life 2 (2-0-4) 1400008 Technology for Life 3 (2-2-5) 1400001 Life and Environment 2 (2-0-4)

2.กลุ่มวิชาเฉพาะด้าน 99 หน่วยกิต 2.1 กลุ่มวิชาเนื้อหา (วิชาเอก) บังคับ 33 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1532201 Practical English Phonetices 2 (1-2-0) 1551107 Controlled and Formulaic Writing 3 (1-2-0) 1551101 Listening and Speaking 1 2 (1-2-0) 1531101 Introduction to Linguistics 2 (1-2-0) 1551102 Listening and Speaking 2 2 (1-2-0) 1551103 Paragraph Reading Strategies 2 (2-0-0) 1533102 English Syntax 1 2 (1-2-0) 1551105 Forms and Usage in Modern English 1 2 (2-0-0) 1552201 Translation 1 2 (1-2-0) 1552102 Paragraph Writing 2 (1-2-0) 1551104 Process in Reading Continuous texts 2 (2-0-0) 1551103 Mass media English 1 2 (2-0-0) 1551106 Forms and Usage in Modern English 2 2 (2-0-0) 1552401 Socila Backgrounds of English Speaking 2 (2-0-0) Countries 1552302 Introduction to Literature 2 (2-0-0) 1552101 Language Learning Through Drama 2 (1-2-3) 96

2.2 กลุ่มวิชาเนื้อหา (วิชาเอก) เลือก 44 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1554303 The Novel and Society 2 (2-0-0) 1552301 Language of Literature 2 (2-0-0) 1553303 American Literature 1 3 (3-0-0) 1553105 Creative Writing 2 (1-2-0) 1553302 Prose Selections 2 (2-0-0) 1554305 Intorduction to English and American Drama 3 (3-0-0) 1554203 Simullations Translation 3 (3-0-0) 1552105 Reading for Text Interpretation 2 (2-0-0) 1552604 English for Tourism 1 3 (3-0-0) 1552106 Diction and Speech 2 (2-0-0) 1533101 Phonology 3 (3-0-0) 1554304 Asian Literature 3 (3-0-0) 1554601 English for Marketing and Banking 1 3 (3-0-0) 1551605 Business English 1 3 (3-0-0) 1554601 English for Secretaries and Office 3 (3-0-0) Management 1 1553904 Skills Development through English Camp 2 (0-90-0) 1534101 Introduction to Semantics 3 (3-0-0) 1553104 Listening and Speaking 4 2 (1-2-0) 1552622 English for Marketing and Banking 2 3 (3-0-0) 1553602 English for Secretaries and Office 3 (3-0-0) Management 2 1554202 Translation 2 2 (2-0-0) 97

1554101 Varieties in Contemporary English 3 (3-0-0) 1554104 Features of Written Discourses in Extended 2 (1-2-0) Writng 1551604 English for Hotel 1 3 (3-0-0) 1553102 Analytical Study of Texts 3 (3-0-0) 1553103 Reading for Opinions and Attitudes 2 (2-0-0) 1553106 Mass media English 2 3 (3-0-0) 1553301 Poetry Selections 2 (2-0-0) 1552605 English for Tourism 2 3 (3-0-0) 1553401 Thai Cultural Studies 3 (3-0-0) 1554301 American Literature 2 3 (3-0-0) 1554102 English Discussion and Debate 3 (3-0-0) 1552303 Children’s Literature 3 (3-0-0) 1533103 English Syntax 2 3 (3-0-0) 1552103 Listening and Speaking 3 2 (1-2-0) 1534201 Applied Linguaistics 3 (3-0-0) 1554203 Translation 3 2 (2-0-0) 1551609 Spoken English in Business Situations 3 (3-0-0)

3 กลุ่มกลุ่มวิชาวิทยาการจัดการบังคับ 9 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 3591105 General Economics 3 (3-0-0) 3561101 Organization and management 3 (3-0-0) 3561204 Introduction to Business Operation 3 (3-0-0)

98

4 กลุ่มวิชาวิทยาการจัดการเลือก 6 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 3512401 Secretarial Techniques 3 (3-0-0) 3543103 Marketing Strategies 3 (3-0-0) 3542401 Advertising and Sales Promotion 3 (3-0-0) 3571301 Introduction to Hotel Management 2 (2-2-0) 3573203 Tourist Behavior 3 (3-0-0) 3573201 Tourism Industry 3 (3-0-0) 3571201 Tourist Guide 3 (2-2-0) 3543101 Marketing Administration 3 (3-0-0) 3572201 Introduction to Tour Planning and Organizing 3 (2-2-0) 3562117 Travel Business Management 3 (3-0-0) 3562120 Hotel Management 3 (3-0-0)

5 กลุ่มวิชาปฏิบัติการ และการฝึกประสบการณ์วิชาชีพบังคบ 7 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1554803 Field Experience in English 3 5 (0-0-450) 1553803 Preparation for Professional Experience in 2 (0-2-90) English 3

6 หมวดวิชาเลือกเสรี 10 หน่วยกิต

99

ตารางที่ 2 โครงสร้างหลักสูตรสาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ หลักสูตร 4 ปี คณะมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์

1 หมวดวิชาทัวไป่ 33 หน่วยกิต 1.1 กลุ่มวิชาภาษาและการสื่อสาร (บังคับ) 6 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1109001 Using Information for Learning 2 (1-2-3) 1101001 Thai for Communication 2 (1-2-3) 1102001 English for Communication 2 (1-2-3)

1.2 กลุ่มวิชาภาษา และสื่อสาร (เลือก) 3 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1102002 English Reading and Writing 3 (2-2-5) 1102004 English for Academic Purposes 3 (2-2-5) 1109001 Using Information for Learning 2 (1-2-3) 1102003 Listening and Speaking 3 (2-2-5) 1101003 Reading for Life 2 (2-2-5)

1.3 กลุ่มวิชามนุษย์ศาสตร์ (บังคับ) 3 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1200006 Human Behavior and Self Delvelopment 3 (2-2-5)

1.4 กลุ่มวิชามนุษย์ศาสตร์ (เลือก 1) 3 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1200003 Aesthetics Dramatic Arts and Performance 3 (2-2-5) 100

1200002 Aesthetics of Music 3 (2-2-5) 1200001 Art Appreciation 3 (2-2-5)

1.5 กลุ่มวิชามนุษย์ (เลือก 2) 3 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1200004 Meaning of Life 3 (3-0-6) 1200005 Human Security 3 (3-0-6)

1.5 กลุ่มวิชาสังคมศาสตร์ (เลือก) 6 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1300002 Local Studies 3 (2-2-5) 1300003 Thai Living 3 (2-2-5) 1300001 Natural resources and Environmental 3 (3-0-6) Management of Thai 1300005 Law in Daily Life 3 (3.0-6) 1300004 Global Society 3 (3.0-6)

1.7 กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (บังคับ) 7 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1400005 Exercises for Quality of Life 2 (1-2-3) 1400004 Information technology for Life 3 (2-2-5) 1400003 Mathematics and Statistics for Decision 2 (1-2-3) Making

101

1.8 กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เลือก) 2 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1400004 Information for Life 3 (2-2-5) 1400007 Nutrition 2 (2-0-4) 1400006 Science for Health 3 (3.0-6) 1400002 Science for Quality of Life 2 (2-0-4) 1400001 Life and Environment 2 (2-0-4)

2.กลุ่มวิชาเฉพาะด้าน 99 หน่วยกิต 2.1 กลุ่มวิชาแกน บังคับ 31 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1551605 Business English 1 3 (3-0-6) 1551606 Business English 2 3 (3-0-6) 1551107 Controlled and Formulaic Writing 3 (1-2-0) 1551101 Listening and Speaking 1 2 (1-2-0) 1551102 Listening and Speaking 2 2 (1-2-0) 1551103 Paragraph Reading Strategies 2 (2-0-0) 1551105 Forms and Usage in Modern English 1 2 (2-0-0) 1552201 Translation 1 2 (1-2-0) 1551104 Process in Reading Continuous texts 2 (2-0-0) 1551103 Mass media English 1 2 (2-0-0) 1551106 Forms and Usage in Modern English 2 2 (2-0-0) 1552401 Social Backgrounds of English Speaking 2 (2-0-0) Countries 1552106 Diction and Speech 1 (2-0-0) 102

2.2 กลุ่มวิชาเนื้อหา (วิชาเอก) เลือก 46 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1554303 The Novel and Society 2 (2-0-0) 1552301 Language of Literature 2 (2-0-0) 1553303 American Literature 1 3 (3-0-0) 1553105 Creative Writing 2 (1-2-0) 1553302 Prose Selections 2 (2-0-0) 1554305 Intorduction to English and American Drama 3 (3-0-0) 1554203 Simullations Translation 3 (3-0-0) 1552105 Reading for Text Interpretation 2 (2-0-0) 1552604 English for Tourism 1 3 (3-0-0) 1552106 Diction and Speech 2 (2-0-0) 1533101 Phonology 3 (3-0-0) 1554304 Asian Literature 3 (3-0-0) 1554601 English for Marketing and Banking 1 3 (3-0-0) 1551605 Business English 1 3 (3-0-0) 1554601 English for Secretaries and Office 3 (3-0-0) Management 1 1553904 Skills Development through English Camp 2 (0-90-0) 1534101 Introduction to Semantics 3 (3-0-0) 1553104 Listening and Speaking 4 2 (1-2-0) 1552622 English for Marketing and Banking 2 3 (3-0-0) 1553602 English for Secretaries and Office 3 (3-0-0) Management 2 1554202 Translation 2 2 (2-0-0) 103

1554101 Varieties in Contemporary English 3 (3-0-0) 1554104 Features of Written Discourses in Extended 2 (1-2-0) Writng 1551604 English for Hotel 1 3 (3-0-0) 1553102 Analytical Study of Texts 3 (3-0-0) 1553103 Reading for Opinions and Attitudes 2 (2-0-0) 1553106 Mass media English 2 3 (3-0-0) 1553301 Poetry Selections 2 (2-0-0) 1552605 English for Tourism 2 3 (3-0-0) 1553401 Thai Cultural Studies 3 (3-0-0) 1554301 American Literature 2 3 (3-0-0) 1554102 English Discussion and Debate 3 (3-0-0) 1552303 Children’s Literature 3 (3-0-0) 1533103 English Syntax 2 3 (3-0-0) 1552103 Listening and Speaking 3 2 (1-2-0) 1534201 Applied Linguaistics 3 (3-0-0) 1554203 Translation 3 2 (2-0-0) 1551609 Spoken English in Business Situations 4 (3-0-0)

3 กลุ่มวิชาวิทยาการจัดการบังคับ 15 หน่วยกิต 3.1 กลุ่มวิชาวิทยาการจัดการบังคับ 9 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 3591105 General Economics 3 (3-0-0) 3561101 Organization and Management 3 (3-0-0) 3561204 Introduction to Business Operation 3 (3-0-0)

104

3.2 กลุ่มวิชาวิทยาการจัดการเลือก 6 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 3512401 Secretarial Techniques 3 (3-0-0) 3543103 Marketing Strategies 3 (3-0-0) 3542401 Advertising and Sales Promotion 3 (3-0-0) 3571301 Introduction to Hotel Management 2 (2-2-0) 3573203 Tourist Behavior 3 (3-0-0) 3573201 Tourism Industry 3 (3-0-0) 3571201 Tourist Guide 3 (2-2-0) 3543101 Marketing Administration 3 (3-0-0) 3572201 Introduction to Tour Planning and Organizing 3 (2-2-0) 3562117 Travel Business Management 3 (3-0-0) 3562120 Hotel Management 3 (3-0-0)

4 กลุ่มวิชาปฏิบัติการ และการฝึกประสบการณ์วิชาชีพบังคบ 7 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1554803 Field Experience in English 3 5 (0-0-450) 1553803 Preparation for Professional Experience in 2 (0-2-90) English 3

5. หมวดวิชาเลือกเสรี 10 หน่วยกิต

105

ตารางที่ 3 โครงสร้างของหลักสูตรการโรงแรม และการทองเที่ยว่ หลักสูตร 4 ปี คณะวิทยาการจัดการ 1 หมวดวิชาทัวไป่ 33 หน่วยกิต 1.1 กลุ่มวิชาภาษาและการสื่อสาร (บังคับ) 6 หน่วยกิต

รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1109001 Using Information for Learning 2 (1-2-3) 1101001 Thai for Communication 2 (1-2-3) 1102001 English for Communication 2 (1-2-3)

1.2 กลุ่มวิชาภาษา และสื่อสาร (เลือก) 3 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1102002 English Reading and Writing 3 (2-2-5) 1102004 English for Academic Purposes 3 (2-2-5) 1109001 Listening and Speaking 2 (1-2-3)

1.3 กลุ่มวิชามนุษย์ศาสตร์ (บังคับ) 3 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1200006 Human Behavior and Self Delvelopment 3 (2-2-5)

1.4 กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1200003 Aesthetics Dramatic Arts and Performance 3 (2-2-5) 1200002 Aesthetics of Music 3 (2-2-5) 1200001 Art Appreciation 3 (2-2-5)

106

1.5 กลุ่มวิชามนุษย์ (เลือก 2) 3 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1200004 Meaning of Life 3 (3-0-6) 1200005 Human Security 3 (3-0-6)

1.6 กลุ่มวิชาสังคมศาสตร์ (เลือก) 6 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1300002 Local Studies 3 (2-2-5) 1300003 Thai Living 3 (2-2-5) 1300001 Natural resources and Environmental 3 (3-0-6) Management of Thai 1300005 Law in Daily Life 3 (3.0-6) 1300004 Global Society 3 (3.0-6)

1.7 กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (บังคับ) 7 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1400005 Exercises for Quality of Life 2 (1-2-3) 1400004 Information technology for Life 3 (2-2-5) 1400003 Mathematics and Statistics for Decision 2 (1-2-3) Making

1.8 กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เลือก) 2 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 1400004 Information for Life 3 (2-2-5) 1400007 Nutrition 2 (2-0-4) 107

1400006 Science for Health 3 (3.0-6) 1400002 Science for Quality of Life 2 (2-0-4) 1400001 Life and Environment 2 (2-0-4)

2.กลุ่มวิชาเฉพาะด้าน 108 หน่วยกิต 2.1 กลุ่มวิชาพื้นฐานวิชาชีพ 48 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 4040120 Managerial Economics 3 (3-0-6) 4020227 Production Management 3 (3-0-6) 4015301 Sport Taxation and Business Lawa 3 (3-0-6) 4035201 Marketing Management 3 (3-0-6) 4015101 Business Finance 3 (3-0-6) 4045113 Human Resource Management for Tourism 3 (3-0-6) and Hospitality 4045411 Information Technology for Tourism and 3 (2-2-5) Hotel 4045212 Tourism Behavior and Cross-Culture 3 (3-0-6) Communication 4040225 Quantitative Analysis and Business Statistics 3 (3-0-6) 3023318 Business English 3 (3-0-6) 4030313 Business Management with Computer 2 (2-2-5) Applications 4010101 Principles of Accounting 3 (2-2-5) 4020101 Modern Management 3(3-0-6) 4045211 Professional Ethics and Laws for Tourism 3 (3-0-6) and Hotel 108

4045112 Introduction to Hotel and Tourism 3 (3-0-6)

2.2 กลุ่มวิชาเฉพาะ บังคับ 30 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 4045321 Food and Baverage Service Operation 2 (2-2-5) 4045422 Research for Hotel and Tourism 3 (2-2-5) 4045425 Seminar for Hotel Business Planning and 3 (2-2-5) Development 4045421 Introduction to Airline Business 3 (3-0-6) 4045323 Tourist Guide Principle 3 (2-2-5) 4045322 Front Office Management 3 (2-2-5) 4045423 Passenger Transportation and Logistics for 3 (3-0-6) Tourism Industry 4045324 Thai History and Herritage for Tourism 3 (3-0-6) 4045121 Housekeeping Mnagement 3 (2-2-5) 4045424 Meetings, Incentive, Convention and 3 (3-0-6) Exhibition

2.3 กลุ่มวิชาเฉพาะเลือ 30 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 4045351 English for Housekeeping 1 3 (2-2-5) 4045352 English for Housekeeping 2 3 (2-2-5) 4045357 English for MICE and Events 3 (2-2-5) 4045359 English for Tourism Business 3 (2-2-5) 4045231 Restaurant and Bauquet Management 3 (2-2-5) 1593705 French for Tourism 3 (3-0-0) 109

3030100 Chinese 1 3 (2-2-5) 3030430 Chinese for Tour Guide 3 (3-0-6) 4045235 Sustainable Tourism 3 (2-2-5) 4045236 Eco-Tourism 3 (2-2-5) 4045331 Spa and Health Management 3 (2-2-5) 4045431 Tourism Resource Planning and 3 (2-2-5) Development 4045434 Services and Airport Operations 3 (3-0-6) 4045354 English for Front Office Service 2 3 (2-2-5) 3030101 Chinese 2 3 (2-2-5) 3030426 Chinese for Business 3 (3-0-6) 4045251 English for Tour Guide 1 3 (2-2-5) 4045252 English for Tour Guide 2 3 (2-2-5) 4045253 English for Tour Guide 3 3 (2-2-5) 4045453 Viatnamese for Tourism and Hotel 3 (2-2-5) 4045131 Hospitality Industry 3 (3-0-6) 4045132 Bar and Beverage 3 (2-2-5) 4045136 Travel Agency Operation and Management 3 (2-2-5) 4045432 Ground Passenger Service 3 (2-2-5) 4045433 In-Flight Passenger Service 3 (2-2-5) 4045251 English for Hospitality 3 (2-2-5) 4045435 Airline Marketing 3 (3-0-6) 4045355 English for In-Flight Passenger Service 3 (2-2-5) 3030434 Chinese Service Industry 3 (2-2-5) 4045334 Seminar for Hotel Planning and Development 3 (2-2-5) 110

4045335 Cultural Tourism 3 (2-2-5) 4045353 English for Front Office Service 1 3 (2-2-5) 4045238 Agro-Tourism 3 (2-2-5) 4045332 Exhibitions and Tradeshows Management 3 (3-0-6)

2.4 กลุ่มวิชาปฏิบัติการ และการฝึกประสบการณ์วิชาชีพบังคบ 7 หน่วยกิต รหัสวิชา รายวิชา หน่วยกิต 4045363 Field Experience in Hotel and Tourism 5 (0-0-400) 4045261 Preparation for Professional Experience in 2 (1-2-3) Hotel and Tourism 1 4045262 Preparation for Professional Experience in 2 (1-2-3) Hotel and Tourism 2

3. หมวดวิชาเลือกเสรี 6 หน่วยกิต

13 กฎบัตรอาเซียน กฎบัตรอาเซียนข้อ 34 (2558) บัญญัติวา่ ‚The working language of ASEAN shall be English‛ | ‚ภาษาที่ใช้ในการทางานของอาเซียน คือ ภาษาอังกฤษ‛ ความหมายที่เป็นที่เข้าใจในขั้นต้น แม้จะหมายความเพียงวาเป็นการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารระหว่ างก่ นในการทั างานร ่วมกนของั เจ้าหน้าที่รัฐบาล ตลอดจนองค์กรและหน่วยงานตางๆที่เก่ ี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทวา่ ความหมายของบทบัญญัติที่ให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาของอาเซียนสาหรับการท างานร ่วมกนนัั ้นมี ความหมายกว้างไกลไปถึงทุกส่วนของประชาคมอาเซียนด้วย หมายความวาประชาชนพลเมืองใน่ 10 ประเทศอาเซียนจะต้องใช้ภาษาอังกฤษกนมากขึั ้น นอกเหนือจากภาษาประจาชาติหรือภาษาประจ าถิ ่น ของแตละชาติ่ ในเมื่อทุกคนที่อยูในอาเซียนล้วนแล้วแต่ เป็นพลเมืองของอาเซียนด้วยก่ นทุกคนั และ ทุกคนจะต้องไปมาหาสู่ เดินทางทองเที่ยว่ ทาความรู้จักคุ้นเคยต อก่ นั เรียนรู้ซึ่งกนและกั นั และที่ สาคัญทุกคนจะต้องเดินทางข้ามพรมแดนเพื่อหางานท าและแสวงหาโอกาสที่ดีกว าให้ก่ บชีวิตั ดังนั้น ภาษาอังกฤษจึงเป็นเครื่องมืออันดับหนึ่งสาหรับพลเมืองอาเซียน ในการสื่อสารสร้างสัมพันธ์สู่โลก กว้างของภูมิภาคอาเซียน โลกแห่งมิตรไมตรีที่ขยายกว้างไร้พรมแดน โลกแห่งการแขงขันไร้ขอบเขต่ ภูมิศาสตร์และวัฒนธรรม ดังนั้นภาษาอังกฤษจึงเป็นภาษาที่สองของชาวอาเซียน เคียงคูภาษาที่หนึ่งอัน่ เป็นภาษาประจาชาติ 111

ภาษาอังกฤษ ในฐานะภาษาสาคัญของโลก ภาษาอังกฤษปัจจุบันคือภาษานานาชาติ เป็นภาษากลาง ของโลก ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางของมนุษยชาติ เป็นภาษาที่มนุษย์บนโลกใช้ติดตอระหว่ างก่ นั เป็นหลัก ไมว่ าแต่ ละคนจะใช้ภาษาอะไรเป็นภาษาประจ่ าชาติ เมื่อต้องติดตอก่ บคนอื่นที่ตั างภาษาต่ าง่ วัฒนธรรมกนทุกคนจั าเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักอยู แล้ว่ ด้วยเหตุนี้ทุกชาติทุกภาษาจึงบรรจุ วิชาภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองรองลงมาจากภาษาประจาชาติ เป็นแกนหลักของหลักสูตรการศึกษา ทุกระดับ ตั้งแตปฐมวัยไปจนถึงการศึกษาตลอดชีวิ่ ต เมื่ออาเซียนกาหนดให้ภาษาอังกฤษเป็น ‚working language‛ เราจึงต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ตามความหมายของถ้อยคาว าเป็น่ ‚ภาษาทางาน ‛ ของ ทุกคนในอาเซียน ทุกคนที่ ‚ทางานเก ี่ยวกบอาเซียนั ‛, ‚ทางานในอาเซียน ‛, ทางานร ่วมกบเพื่อนั อาเซียน‛, ‚มีเครือขายประชาสังคมอาเซียน่ ‛, ‚แสวงหาโอกาสทางการศึกษาในอาเซียน‛, ‚มีเพื่อนใน อาเซียน‛ และ ‚เดินทางทองเที่ยวในอาเซียน่ ทุกคนต้องเรียนรู้และใช้ภาษาอังกฤษให้ได้ทั้งสิ้น ตั้งแต่ นายกรัฐมนตรี ไปจนถึงเกษตรกรชาวไร่ชาวนา ชาวบ้านทัวไป่ นักเรียน นักศึกษา เด็กและเยาวชน ฯลฯ คนทางานเก ี่ยวกบอาเซียนั คนที่ทางานโดยตรงเก ี่ยวกบเรื่องของอาเซียนั หมายถึงตั้งแต่ พนักงาน เจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแตละประเทศสมาชิกอาเซียน่ ไปจนถึง คนทางานในส านักเลขาธิการอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ทุกคนต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ข้าราชการไทยทุกกระทรวงทบวงกรม จะต้องมีความสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ และใช้ได้ดีด้วย เพราะงานเกี่ยวกบอาเซียนนัั ้นเกี่ยวกบทุกกระทรวงทบวงกรมั จากนี้ไปควรเป็นนโยบายของรัฐบาล ในการบรรจุข้าราชการทุกระดับทุกหน่วยงานโดยคานึงถึงความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเป็น สาคัญ ไมว่ าต่ าแหน ่งราชการนั้นๆจะเกี่ยวข้องกบงานอาเซียนโดยตรงหรือไมั ก่ ตาม็ เพราะถึงอยางไร่ งานทุกระดับในหน่วยราชการจะต้องเกี่ยวข้องกบอาเซียนทัั ้งโดยตรงและโดยอ้อมทั้งสิ้น รัฐบาลควรมี นโยบายระยะสั้นเฉพาะหน้าในช่วงเวลาก่อนถึงปี 2558/2015 อันเป็นปีบรรลุเป้าหมายการสร้าง ประชาคมอาเซียน วาจะปรับขีดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของข้าราชทุกคนทุกระดับแล้ว่ ปรับเงินเดือนหรือคาตอบแทนข้าราชการที่พัฒนาขีดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษได้แล้วให้่ ขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ให้ได้เงินเดือนสูงพอหรือสูงเหนือเงินเดือนปรกติในระบบราชการปัจจุบัน สูงจน เป็นที่ดึงดูดคนที่มีขีดความสามารถสูงหันมาสนใจรับราชการโดยไมลังเลว่ าจะไปท่ างานภาคเอกชน ดีกวาหรือไม่ ่ สูงจนมาตรฐานการตอบแทนภาครัฐเทียบเทาหรือดีกว่ าภาคเอกชน่

นโยบายระยะสั้นเฉพาะหน้าของระบบราชการกคือพัฒนาบุคคลากรที่พัฒนาได้แล้วปรับ็ เงินเดือนส่วนที่พัฒนาได้มาตรฐาน ที่เหลือกค็ อยๆพัฒนาและปรับผลตอบแทนต่ อไปในระยะยาว่ ข้าราชการที่ไมปรับตัวก่ ให้อยู็ อย่ างปรกติธรรมดาเหมือนเดิมแบบชีวิตไม่ เปลี่ยนแปลงต่ อไป่ เนื่องจาก การเรียนภาษาอังกฤษ หรือภาษาตางประเทศอื่นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะเรียนรู้ได้เสมอ่ เหมือนกนทุกคนั ทุกวัย ทุกวัฒนธรรม ไมเก่ ี่ยวกบภูมิปัญญาพิเศษใดๆั ใครๆกเรียนภาษาใหม็ ได้่ 112

ใครๆกเรียนภาษาอังกฤษได้็ - ถ้าอยากจะเรียน -ไมมีข้ออ้างว่ ายากจน่ เรียนไมไหว่ หรืออายุมากแล้ว ‚ลิ้นแข็ง‛ เรียนไมได้แล้ว่ ภาษาเป็นทักษะ เรียนรู้ได้ด้วยการฝึกฝน ใช้มากๆ ใช้บอยๆ่ เทานั่ ้นเอง ถ้า ขยันเรียนกใช้ภาษาอังกฤษได้ในเวลาไม็ นาน่ วิธีสร้างแรงจูงใจโดยการปรับขึ้นเงินเดือนเลื่อนขั้นเลื่อน ตาแหน ่งในระบบราชการจึงเป็นแรงจูงใจอยางมีเหตุผลดีในการพัฒนาขีดความสามารถในการใช้่ ภาษาอังกฤษของข้าราชไทยยุคประชาคมอาเซียน นโยบายระยะยาว กควรเป็นการให้ขีดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเป็นมาตรฐานกลาง็ ของระบบราชการโดยปรับเงินเดือนและผลตอบแทนอื่นๆให้เป็นมาตรฐานเดียวกนทัั ้งระบบ หากทา เช่นวานี่ ้ได้กเป็นเหตุผลที่ชอบธรรมในการปรับฐานเงินเดือนและผลตอบแทนให้ข้าราชการทุกคน็ พนักงานประจาส านักเลขาธิการอาเซียน สาหรับคนที่ต้องการจะไปท างานเก ี่ยวกบอาเซียนโดยตรงั ในสานักเลขาธิการอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา หรือสานักงานสาขาในประเทศอื่นที่จะมีในอนาคต ตลอดจนผู้ที่จะไปทางานให้ก บรัฐบาลประเทศสมาชิกอื่นของอาเซียนั กล่าวโดยตรงกคือคนที่จะไป็ รับราชการในประเทศอาเซียนอื่น ซึ่งในอนาคตจะเป็นเรื่องจริงที่เป็นไปได้ เพราะแตละรัฐสมาชิกจะมี่ ความจาเป็นที่จะต้องใช้ผู้รู้เก ี่ยวกบอาเซียนและรัฐสมาชิกอื่นในระบบการทั างานของราชการ (หรือรัฐ การ) ของตน ประเทศในอาเซียนจะมีความต้องการวาจ้างคนไทยที่มีความรู้ความสามารถเรื่องไทย่ และเรื่องอาเซียนให้เข้ารับราชการในประเทศของตน ชาวไทยที่แสวงหาโอกาสใหมๆให้ก่ บชีวิตกั ็ ต้องเตรียมพร้อมเรื่องภาษาอังกฤษก่อนเรื่องอื่นใด ในยุคอาณานิคม แม้ไทยจะมิได้เป็นอาณานิคมของ อังกฤษ แตรัฐบาลสยามก่ จ้างชาวอังกฤษมาเป็นอธิบดีกรมป่าไม้คนแรก็ และจ้างชาวดัทช์มารับ ราชการในกรมชลประทาน และ จ้างชาวอังกฤษมาเป็นครูในพระราชวังและในระบบการศึกษา พื้นฐาน ในปัจจุบันกระทรวงการตางประเทศของไทยและของชาติสมาชิกอาเซียนอื่นก่ ล้วนแล้วแต็ มี่ กรมกิจการอาเซียนด้่วยกนทัั ้งนั้น และยอมเป็นไปได้ที่แต่ ละหน่ ่วยงานจะมีความจาเป็นต้องจ้างชาว ไทยเข้าสู่ระบบราชการของแตละประเทศด้วย่ ในทางกลับกนระบบราชการไทยกั จะมีความจ็ าเป็นที่ ต้องจ้างชาวลาว เขมร พมา่ เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน และ ฟิลิปปินส์ มาทางาน ในกระทรวงตางๆของไทย่ ทานองเดียวก นกั บที่สถาบันการศึกษาตั างๆจ้างครูชาวต่ างชาติ่ ถึงเวลาแล้ว ที่ชาวไทยจะต้องพัฒนาตนเองในการเรียนรู้ให้สามารถใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการดาเนินชีวิตที่สมบูรณ์ ในประชาคมอาเซียน ณ วันนี้เป็นต้นไป

14. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 14.1 งานวิจัยเกี่ยวกบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ั หลิว เอบบี ยีชุน (Liu, Abby Yi-chun. บทคัดยอ่ : 2002) ได้ศึกษาเกี่ยวกบการพัฒนาทรัพยากรั มนุษย์และการวางแผนสาหรับการท องเที่ยวของประเทศที่ก่ าลังพัฒนากรณีศึกษา ประเทศจีนและ ประเทศมาเลเซีย พบวา่ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เกี่ยวกบสั าหรับงานการท องเที่ยว่ ยังมีจานวนไม ่ เพียงพอ รายได้ของท้องถิ่นในประเทศทั้งสองจากการทองเที่ยวยังน้อย่ เนื่องจากมีข้อจาก ดและขาดั 113

แคลนเกี่ยวกบทรัพยากรมนุษย์ที่มีความสามารถและทักษะในการจัดการเกั ี่ยวกบการทั องเที่ยว่ จึงเป็น อุปสรรคสาคัญต อการสร้างรายได้และผลประโยชน์จากการท่ องเที่ยว่ ดังนั้นการสร้างยุทธศาสตร์การ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์เกี่ยวกบการทั องเที่ยวมีความจ่ าเป็นมากส าหรับประเทศที่ก าลังพัฒนา บาร์ทเล็ต จอนสัน และ ชไนเดอร์ (Bartlett, Johnson, and Schneider. บทคัดยอ่ : 2006) ได้ ศึกษาในเชิงเปรียบเทียบ วิธีทางด้านยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สาหรับการวางแผนการ ทางานในอุตสาหกรรมการท องเที่ยว่ โดยได้ศึกษาสองวิธี คือ วิธีที่อยูภายใต้กรอบงานการวางแผน่ ด้านยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยใช้ข้อมูลเชิงคุณภาพ กบั โครงการทางด้าน ตลาดแรงงาน โดยใช้ข้อมูลเชิงปริมาณ ผลของการศึกษาพบวา่ วิธีการวางแผนยุทธศาสตร์ด้านการ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ควรใช้การบูรณาการหลายวิธีเข้าด้วยกนและควรคั านึงถึงขนาดองค์ประกอบ และ ความต้องการของหน่วยงานด้วย อัคครัตน์ พูลกระจาง่ (บทคัดยอ่ : 2550) ได้ศึกษาและพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมหัวหน้างาน เพื่อพัฒนาหลักสูตรการสอนงานปฏิบัติในสถานประกอบการ พบวา่ ประสิทธิภาพของชุดฝึกอบรม ในภาคทฤษฎี และ ภาคปฏิบัติมีผลสัมฤทธิ์เฉลี่ย สูงกวาเกณฑ์สมมติฐานที่ตั่ ้งไว้ และผู้เข้าอบรมมี ความคิดเห็นเกี่ยวกบการจัดฝึกอบรมมีความเหมาะสมในระดับมากั

14.2 การพัฒนาภาษาอังกฤษเพื่อการทองเที่ยว่ มาร์แชล (Marshall. 2002 :2) ได้กล่าวไว้ในเอกสารเรื่อง กระบวนการเตรียมเพื่อความสาเร็จ ได้ นาเสนอแนวทางการสอนภาษาอังกฤษส าหรับผู้เรียนที่เป็นผู้ใหญ ่ เขาได้กล่าวไว้วา่ การสร้าง หลักสูตรและโครงการพัฒนาการสอนภาษาอังกฤษสาหรับผู้เรียนที่เป็นผู้ใหญ ่ จะต้องคานึงถึง นโยบายและสภาพเศรษฐกิจของประเทศ เป้าหมายขององค์กรและผู้ที่เกี่ยวข้อง ในขณะนั้น ตลอดจน การจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษสอดคล้องกบความต้องการของผู้เรียนั และเขาได้แนะนาว า่ การ พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษสาหรับผู้ใหญ ่ ยังมีความจาเป็นที่ต้องใช้ยุทธวิธีการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็น สาคัญ (Learner-Centered Instructional Strategies) โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้พัฒนาภาษาที่ใช้ใน สถานที่ทางาน โดยการนาความรู้ที่ได้ไปใช้ได้จริงในชีวิตประจ าวัน โนลัน และ ฮอลกา (Nolan and Halka. บทคัดยอ่ : 2006) ได้ศึกษา รูปแบบของโครงการการ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์เกี่ยวกบการพัฒนาทักษะภาษาตั างประเทศ่ ในปัจจุบันพบวาความต้องการ่ พัฒนาทักษะภาษาตางประเทศของลูกจ้างที่จะเข้าไปท่ างานในในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ มี จานวนมากขึ ้นเรื่อย ๆ การศึกษานี้ ได้ศึกษาและประเมินโครงการอบรมภาษาตางประเทศของหน่ ่วย การศึกษา ธุรกิจและหน่วยงานของรัฐ ศึกษาเกี่ยวกบรูปแบบการรับรู้ภาษาั (language Acquisition) การเรียนภาษา (Language Learning) ตลอดจนหลักการการจัดการศึกษาสาหรับผู้ใหญ ด้วย่ ประเมิน ประสิทธิผลของโปรแกรมโดยศึกษาองค์ประกอบและตัวชี้วัด วิเคราะห์ความต้องการของหน่วยงาน ลักษณะงาน และ ผู้เข้าอบรม การออกแบบโปรแกรม ประกอบด้วย เป้าหมายการเรียน (learning 114

goals) จุดประสงค์ยอย่ (Objectives) จุดประสงค์ของบริษัทกบการออกแบบการอบรมั การเลือก วิธีการสอน เวลา และการประเมินผล ผาณิต บุญยะวรรธนะ (2542 : 7-12) ได้ศึกษาความต้องการภาษาอังกฤษสาหรับธุรก ิจการ ทองเที่ยว่ ใน จังหวัดเชียงใหม ่ ภูเกต็ และ พัทยา พบวา่ บุคลากรทางด้านการทองเที่ยว่ ได้แก่ มัคคุเทศก ์ ตารวจท องเที่ยว่ บุคลากรในโรงพยาบาล พนักงานโรงแรม และเกสต์เฮาส์๊ พนักงานบริษัท ทัวร์ พนักงานร้านอาหาร และ พนักงานธนาคาร ร้อยละ 91.25 เห็นวาภาษาอังกฤษมีความจ่ าเป็น สาหรับธุรก ิจทองเที่ยว่ ทักษะฟังและทักษะพูดนอกจากจะเป็นทักษะที่มีความสาคัญ แล้วยังเป็นทักษะ มีเป็นปัญหามากที่สุดสาหรับบุคคลากรที่ท างานเก ี่ยวกบการทั องเที่ยว่ โดยเฉพาะการออกเสียงมี ปัญหามากที่สุด ร้อยละ 53.33

ยลรวี อินต๊ะ (2548:102) ได้ศึกษาปฏิสัมพันธ์ทางภาษาระหวางนักท่ องเที่ยวก่ บผู้นั าเที่ยว พบวา่ ผู้นาเที่ยวใช้ค าศัพท์ภาษาอังกฤษไม เหมาะสมและไม่ ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์่ ใช้คาแสดงและภา เทียบเคียงระหวางภาษาแม่ ก่ บภาษาเป้าหมายั และออกเสียงภาษาอังกฤษไมถูกต้อง่ จากผลการศึกษา ชี้ให้เห็นวา่ มัคคุเทศกที่มีประสิทธิภาพต้องมีความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาต์ างประเทศ่ และรู้ วัฒนธรรมของนักทองเที่ยวกลุ่ ่มเป้าหมายด้วย ผอบ พวงน้อย และคณะ (2547:6) ได้ศึกษา และพัฒนาทักษะ ความรู้ และความสามารถ พื้นฐานภาษาอังกฤษเทคนิคเพื่อการสื่อสารในงานอาชีพ โดยใช้ชุดการอบรมภาษาอังกฤษ พบวา่ การ อบรมภาษาอังกฤษโดยใช้ชุดฝึกอบรมที่ผานการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ่ และการนาไปทดลองใช้ เพื่อหาประสิทธิภาพ สามารถพัฒนา ทักษะ ความรู้ และความสามารถพื้นฐานภาษาอังกฤษเทคนิค เพื่อการสื่อสารในงานอาชีพได้อยางมีประสิทธิภาพ่ สุทัศน์ นาคจัน่ (2548:11) ได้สร้างและพัฒนาหลักสูตรภาษาอังกฤษเพื่อการทองเที่ยวในท้องถิ่ ่น เพื่อการนาไปใช้ในสถานศึกษาถือเป็นการพัฒนาและส ่งเสริมการทองเที่ยวแบบยั่ งยืนประการหนึ่ง่ ของประเทศไทยซึ่งมีกระบวนการและหลักการที่สาคัญด้านการท องเที่ยว่ ข้อมูลความรู้เฉพาะท้องถิ่น หลักและการใช้ภาษาอังกฤษ และองค์ความรู้ด้านประสบการณ์จากการพัฒนาหลักสูตรภาษาอังกฤษ เพื่อการทองเที่ยวในจังหวัดเพชรบุรีซึ่ง่ ทาให้เก ิดการเรียนรู้ในการสร้างหลักสูตรหลายประการ เช่น การออกแบบหลักสูตร การกาหนดเนื ้อหาหลักสูตรและการตรวจสอบความถูกต้องของการใช้ภาษาที่ มีมาตรฐาน และการนาหลักสูตรไปใช้ ปรีชยา แย้มนิ่มนวล (2548 :82-83) ได้พัฒนาหลักสูตรภาษาอังกฤษเพื่อการทองเที่ยวส่ าหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 การวิจัยต้องการพัฒนาทักษะการฟัง และพูดภาษาอังกฤษและต้องการ ศึกษาความพึงพอใจของผู้เข้าอบรมตอหลักสูครอบรมภาษาอังกฤษเพื่อการท่ องเที่ยวที่พัฒนาขั่ ้นมา พบวา่ หลักสูตรมีความเหมาะสมและผู้เข้าอบรมสามารถนาไปใช้ได้เก ี่ยวกบการทั องเที่ยว่ และผู้เข้า อบรมได้รับการพัฒนาทักษะฟังและพูดภาษาอังกฤษดีขึ้น ตลอดจนมีความพึงพอใจตอการเรียนภา่ อังกฤษเพื่อการทองเที่ยวมากอย่ างมีนัยส่ าคัญ 115

จากเอกสารและงานวิจัยเกี่ยวกบการทั องเที่ยว่ การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และ การพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์ ชี้ให้เห็นวา่ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกบอุตสาหกรรมการทั องเที่ยว่ จะต้องยึดยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และยุทธศาสตร์ทางด้านตลาดแรงงานของประเทศ การอบรมบุคลากรที่มีงานทาแล้ว จึงเป็นรูปแบบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทั้งทางด้านความรู้และ ทักษะได้อยางมีประสิทธิภาพ่ โดยเฉพาะการจัดอบรมสาหรับผู้เข้ารับการอบรมที่เป็นผู้ใหญ ่ นักวิชาการ หรือผู้เชี่ยวชาญ นอกจากจะคานึงถึงยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และ ยุทธศาสตร์ทางด้านตลาดแรงงานแล้ว ต้องคานึงถึงความต้องการและปัญหาของผู้ที่เข้ารับการอบรม ด้วย ดังนั้นการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ (Learner-Centered Instructional Strategies) จึงมี ความจาเป็นส าหรับการพัฒนาผู้เรียนที่เป็นผู้ใหญ ่ เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าอบรมได้พัฒนา ภาษาที่ใช้ในงานอาชีพที่ทาอยู ่ ได้นาความรู้ไปใช้จริงในชีวิตประจ าวัน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทางด้านทักษะการใช้ภาษาตางประเทศ่ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษไป พร้อมกบการพัฒนาอุตสาหกรรมการทั องเที่ยวทั่ ้งในระดับประเทศและภูมิภาค เป็นสิ่งที่มี ความสาคัญมากที่จะส ่งผลตอความส่ าเร็จของธุรก ิจการทองเที่ยว่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็น ภูมิภาคที่ได้รับความสนใจอยางมากจากทางรัฐบาลและการท่ องเที่ยวแห่ ่งประเทศไทย ในเรื่องของ การพัฒนาการทองเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ่ ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ทั้งหมด 17 ยุทธศาสตร์ ดังนั้นการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของมัคคุเทศกทางด้านโบราณคดีในภาค์ ตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย จึงมีความจาเป็นอย างยิ่ ง่ เพื่อรองรับนักทองเที่ยวในภูมิภาค่ และนักทองเที่ยวต่ างชาติ่ โดยเฉพาะนักทองเที่ยวจากประเทศในยุโรป่ อเมริกา ตลอดจนเพี่อรองรับ การพัฒนาและการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้มีความพร้อมและมีศักยภาพเพื่อ การแขงขันในเวทีโลกเนื่องจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่ างประเทศที่ใช้ส่ าหรับการสื่อสารก นทัั วโลก่ มากที่สุด (international communication)

15. การสังเคราะห์แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนการสอนภาษา 3 รูปแบบ สร้างหลักสูตรอบรมภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ ในจังหวัดมหาสารคาม ใช้แนวคิดของ ทาบา (Taba) โดยปรับเป็น ขั้นตอน เน้นความสมดุลและความสอดคล้องระหวางขั่ ้นตอนการพัฒนา 5 หลักสูตรและความคงที่ขององค์ประกอบที่มีในหน่วยการเรียน สัดส่วนของกิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบและกิจกรรมการเรียนรู้ ตลอดจนการประเมินผล และแนวคิดวิจัยแบบมีส่วนร่วม ของ สิทธิ นัฐ ประพุทธนิติสาร (2546 : 142 และรูปแบบการจัดอบรมมัคคุเทศกอย์ างยั่ งยืน่ ของ ไวเลอร์ และ ) ( ฮาร์นWeiler and Harn. 2002 : 52) สามารถสรุปองค์ประกอบของรูปแบบการฝึกอบรมเพื่อการ พัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ ส่วนกิจกรรมการ เรียนการสอน ผู้วิจัยได้ยึดข้อมูลปัญหาและความต้องการของนักศึกษาและบุคคลากรที่ทางานเก ี่ยวกบั การทองเที่ยว่ รวมทั้ง ศึกษาหนังสือ English for Tour Guides ของ ศูนย์พัฒนาความสามารถในการใช้ 116

ภาษาอังกฤษ สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เพื่อเป็นกรอบเนื้อหา และออกแบบการกิจการ เรียนเรียนสอนโดยใช้แนวคิดเกี่ยวกบการเรียนการสอนภาษาั 3 รูปแบบ การสร้างบทเรีย 3ประกอบ Communicative Approach, Student-Centered Instruction and The Teaching-Learning Cycle สรุปได้ ดังนี้

15.1 การสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร Communicative Approach หรือ Communicative Language Teaching (TLT) 15. 1.1 ความหมาย การสอนภาษาตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร เป็นการ จัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ ซึ่งมุงเน้นความส่ าคัญของตัวผู้เรียน จัดลาดับการเรียนรู้เป็น ขั้นตอน โดยเริ่มจากการฟังไปสู่การพูด การอาน่ การจับใจความสาคัญ ทาความเข้าใจ จดจาแล้วน าสิ ่ง ที่เรียนรู้ไปใช้ในการเขียน 15.1. 2 ความสาคัญ กลุ่มนักจิตวิทยาการเรียนรู้เชื่อวาผู้เรียนมีความส่ าคัญที่สุดในการ เรียน ผู้เรียนจะสามารถเรียนได้มากหรือน้อย ขึ้นอยูก่ บั ความเข้าใจจุดประสงค์ของการเรียน เห็น ประโยชน์ในการนาสิ ่งที่เรียนไปใช้ โดยสามารถเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนไปแล้วให้เข้ากบสิั ่งที่กาลังเรียน อยู ่ และสิ่งที่จะช่วยให้เรียนภาษาตางประเทศได้ดี่ นอกเหนือจากนี้แล้ว ผู้เรียนต้องเข้าใจหลักการใช้ ภาษาที่ใช้ในการวางรูปแบบประโยคด้วยการสอนภาษาตางประเทศในปัจจุบัน่ ได้หันมายึดแนวการ สอนภาษาเพื่อการสื่อสารมากขึ้น มีการจัดกิจกรรมที่เน้น ผู้เรียนเป็นสาคัญ ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อยางมี่ ความหมาย ได้ฝึกใช้ภาษาในสถานการณ์ที่มีโอกาสพบได้จริงในชีวิตประจาวัน โดยยังคงให้ ความสาคัญก บโครงสร้างไวยากรณ์ั ตามที่ปรากฏอยูในเนื่ ้อหาที่ใช้สื่อความหมาย ลิตเติลวูด (Littlewood, 1983) กล่าวไว้วา่ แนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารเป็นแนวการสอนที่ไมจ่ าก ดั ความสามารถของผู้เรียนไว้เพียงแคความรู้ด้านโครงสร้างไวยากรณ์เท่ านั่ ้น แตสนับสนุนให้ผู้เรียนได้่ มีการพัฒนาทักษะการใช้ภาษาทุกทักษะ โดยสัมพันธ์ความสามารถทางไวยากรณ์เข้ากบยุทธศาสตร์ั การสื่อสารด้วยวิธีการที่ถูกต้องและเหมาะสมกบกาลเทศะั ในชีวิตจริงผู้เรียนต้องสัมผัสกบการสื่อสารั ซึ่งเป็นการใช้ภาษาในรูปแบบตางๆมากมาย่ ดังนั้นการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร ควรสอนให้ผู้เรียน คุ้นกบการใช้ภาษาในชีวิตประจั าวัน และนาภาษาที่คุ้นเคยนั ้นไปใช้ได้คากล ่าวนี้สอดคล้องกบั ความเห็นของ วิดโดสัน (Widdowson, 1979) ที่วาความสามารถในการเรียบเรียงประโยคมิใช่ ่เป็น ความสามารถในการสื่อสาร การสื่อสารจะเกิดขึ้นได้กต็ อเมื่อเราสามารถใช้ประโยคได้หลายชนิดใน่ โอกาสตางๆก่ นเชั ่น การอธิบาย การแนะนา การถาม-ตอบ การขอร้อง การออกคาสั ่ง เป็นต้นความรู้ ในการแตงประโยคเป็นสิ่ ่งที่เราเรียกวา่ ความรู้ความเข้าใจภาษา เทานั่ ้น ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์อยู่ บ้าง แตถ้าจะให้เก่ ิดประโยชน์มากที่สุด กต้องสามารถน็ าความรู้ในการใช้ประโยคไปใช้ให้เป็นปกติ วิสัยได้ตามโอกาสตางๆของการสื่อสาร่ 15.1. 3 แนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร ตามคาจ าก ดความที่ั ดักกลาสบราวน์ (H.Douglas Brown,1993) เสนอไว้ มีลักษณะ 4 ประการ ที่เชื่อมโยงสัมพันธ์กนดังนีั ้ 117

15.1. 3.1 เป้าหมายของการสอนเน้นไปที่องค์ประกอบทั้งหมดของทักษะการ สื่อสาร และไมจ่ าก ดอยูั ภายในกรอบของเนื่ ้อหาภาษาหรือไวยากรณ์ 15.1. 3.2 เทคนิคทางภาษาได้รับการออกแบบมา เพื่อนาผู้เรียนไปสู ่การใช้ ภาษาอยางแท้จริงตามหน้าที่ภาษา่ และปฏิบัติจริงโดยมีจุดมุงหมายในการพูดรูปแบบโครงสร้างภาษา่ มิใช่เป้าหมายหลัก แตตัวรูปแบบเฉพาะของภาษาต่ างหากที่ท่ าให้ผู้เรียนสามารถสื่อสารจนส าเร็จตาม เป้าหมาย 15.1. 3.3 ความคล่องแคล่วและความถูกต้อง เป็นหลักการเสริมที่อยูภายใต้่ เทคนิคการสื่อสาร มีหลายครั้งที่ความคล่องแคล่วอาจจะมีความสาคัญมากกว าความถูกต้อง่ เพื่อที่จะ ทาให้ผู้เรียนน าภาษาไปใช้ได้อย างมีความหมาย่ 15.1. 3.4 ในการเรียนการสอนภาษาตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร ในตอนท้ายสุด ผู้เรียนต้องใช้ภาษาอยางเข้าใจและสร้างสรรค์่ ภายในบริบทที่ไมเคยฝึกมาก่ ่อนจาก แนวการสอนตางๆดังได้กล่ ่าวมาแล้ว ทาให้เก ิดแนวคิดในการสอนภาษาวาควรน่ าเสนอภาษาใหม ใน่ รูปแบบภาษาที่พบในสถานการณ์จริง เพื่อนาไปสู ่การสอนคาศัพท์ โครงสร้าง การออกเสียง มีการ ฝึกฝนจนเกิดความเข้าใจในเนื้อหา โครงสร้าง สามารถใช้ได้ถูกต้อง แล้วจึงนาความรู้ที่ได้ไปฝึกใน สถานการณ์จริง แนวคิดนี้จึงกลายเป็นขั้นตอนของการสอนของแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร 15.1.4 ขั้นตอนการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร จากแนวคิดในการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร แบบนี้เอง จึงทาให้เก ิดขั้นตอนการสอนตางๆ่ 3 ขั้นตอน ที่ใช้จัดการสอนกนทัั วไปในขณะนี่ ้ขึ้น และ ขั้นตอนการสอนนี้ มีผลเชื่อมโยงตอไปถึงสถานการณ์การสอน่ เทคนิคการสอน สื่ออุปกรณ์ และ หน่วยการสอนด้วย ครูผู้สอนจึงควรทาความเข้าใจให้ชัดเจน เพื่อจะได้จัดการสอนได้อยางมี่ ประสิทธิภาพขั้นตอนการสอนทั้ง 3 ขั้นนี้ จะพบวา่ มีปรากฏอยูในวิธีการน่ าเสนอเนื ้อหาในแบบเรียน ตางๆ่ ที่ผู้เขียนแบบเรียนมีความรู้ด้านภาษาศาสตร์และแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารเป็นอยางดี่ และปรากฏอยูในการจัดก่ ิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวการ สอนภาษาเพื่อการสื่อสารอยางชัดเจนทั่ ้ง 3 ขั้นตอน วิธีการดาเนินการในแต ละขั่ ้นตอนมีดังตอไปนี่ ้ 15.1. 4.1 ขั้นการนาเสนอเนื ้อหา (Presentation) ในการเรียนการสอน ภาษาตางประเทศ่ การนาเสนอเนื ้อหาใหม ่ จัดเป็นขั้นการสอนที่สาคัญขั ้นหนึ่ง ในขั้นนี้ครูจะให้ข้อมูล ทางภาษาแก่ผู้เรียน ซึ่งนับเป็นการเริ่มต้นการเรียนรู้ มีการนาเสนอเนื ้อหาใหม ่ โดยจะมุงเน้นการให้่ ผู้เรียนได้รับรู้และทาความเข้าใจเก ี่ยวกบความหมายและรูปแบบภาษาที่ใช้กั นจริงโดยทัั วไป่ รวมทั้ง วิธีการใช้ภาษา ไมว่ าเป็นด้านการออกเสียง่ ความหมาย คาศัพท์ และโครงสร้างไวยากรณ์ที่เหมาะสม กบสถานการณ์ตั างๆ่ ควบคูไปก่ บการเรียนรู้กฎเกณฑ์ั 15.1. 4.2 ขั้นการฝึกปฏิบัติ (Practice) เป็นขั้นตอนที่ให้ผู้เรียนได้ฝึกใช้ภาษาที่เพิ่งจะ เรียนรู้ใหมจากขั่ ้นการนาเสนอเนื ้อหาในลักษณะของการฝึกแบบควบคุมหรือชี้นา (Controlled Practice/Directed Activities) โดยมีครูผู้สอนเป็นผู้นาในการฝึกไปสู ่การฝึกแบบคอยๆปล่ ่อยให้ทาเอง 118

มากขึ้น เป็นแบบกึ่งควบคุม (Semi-Controlled) การฝึกในขั้นนี้มีจุดมุงหมายให้ผู้เรียนจดจ่ ารูปแบบ ของภาษาได้ จึงเน้นที่ความถูกต้องของภาษาเป็นหลัก แตก่ มีจุดมุ็ งหมายให้ผู้เรียนได้ท่ าความเข้าใจ เกี่ยวกบความหมายและวิธีการใช้รูปแบบภาษานัั ้นๆด้วยเช่นกนั ในการฝึกนั้น ครูผู้สอนจะเริ่มจากการ ฝึกปากเปล่า (Oral) ซึ่งเป็นการพูดตามแบบง่ายๆก่อน จนได้รูปแบบภาษา แล้วคอยเปลี่ยนสถานการณ์่ ไป สถานการณ์เหล่านี้จะเป็นสถานการณ์ที่สร้างขึ้นภายในห้องเรียน เพื่อฝึกการใช้โครงสร้างประโยค ตามบทเรียน ทั้งนี้ครูผู้สอนต้องให้ข้อมูลป้อนกลับด้วย เพื่อให้ผู้เรียนรู้วา่ ตนใช้ภาษาได้ถูกต้อง หรือไม ่ นอกจากนี้อาจตรวจสอบความเข้าใจด้านความหมายได้(ไมควรใช้เวลามากนัก่ ) ตอจากนั่ ้นจึง ให้ฝึกด้วยการเขียน (Written) เพื่อเป็นการผนึกความแมนย่ าในการใช้ 15.1. 4.3 ขั้นการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร (Production) ขั้นการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร นับเป็นขั้นที่สุดขั้นหนึ่ง เพราะการฝึกใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารเปรียบเสมือนการถ่ายโอนการเรียนรู้ ภาษาจากสถานการณ์ในชั้นเรียนไปสู่การนาภาษาไปใช้จริงนอกชั ้นเรียน การฝึกใช้ภาษาเพื่อการ สื่อสารโดยทัวไป่ มุงหวังให้ผู้เรียนได้ลองใช้ภาษาในสถานการณ์ต่ างๆ่ ที่จาลองจากสถานการณ์จริง หรือที่เป็นสถานการณ์จริง ด้วยตนเอง โดยครูผู้สอนเป็นเพียงผู้แนะแนวทางเทานั่ ้น การฝึกใช้ภาษาใน ลักษณะนี้มีประโยชน์ในแง่ที่ช่วยให้ทั้งครูผู้สอนและผู้เรียนได้รู้วา่ ผู้เรียนเข้าใจและเรียนรู้ภาษาไป แล้วมากน้อยเพียงใด สามารถนาไปปรับใช้ตามความต้องการของตนเองแค ไน่ ซึ่งการที่จะถือวา่ ผู้เรียนได้เรียนรู้แล้วอยางแท้จริงคือ่ การที่ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารได้เองอยางอิสระ่ ภายใต้สถานการณ์ตางๆ่ ที่จะพบในชีวิตจริงนอกจากนี้ผู้เรียนจะมีโอกาสนาความรู้ทางภาษาที่เคย เรียนมาแล้วมาใช้เป็นประโยชน์อยางเต็มที่ในการฝึกในขั่ ้นตอนนี้อีกด้วย เพราะผู้เรียนไมจ่ าเป็นต้อง ใช้ภาษาตามรูปแบบที่กาหนดมาให้เหมือนดังกรฝึกในขั ้นการฝึก และการได้เลือกใช้ภาษาเองนี้ช่วย สร้างความมันใจในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารให้แก่ ่ผู้เรียนได้เป็นอยางดี่ วิธีการฝึกมักฝึกในรูปของ การทาก ิจกรรมแบบตางๆ่ โดยครูผู้สอนเป็นเพียงผู้กาหนดภาระงาน หรือสถานการณ์ตางๆ่ ให้ผู้เรียน

15.2 การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผ้เรียนเป็นสู าคัญ (Student-Centered Instruction) หลายปีที่ผานมามีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่ างในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ่ แนวโน้ม ของการเรียนการสอนภาษาอังกฤษได้ให้ความสาคัญเรื่องของกระบวนการเรียนการสอน (Teaching Methodologies) มากขึ้น โดยเน้นเรื่องของการฝึกฝนยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และจัดกิจกรรมที่เปิด โอกาสให้ผู้เรียน ได้มีปฏิสัมพันธ์กบภาษามากขึั ้น (Practices) กระบวนการเรียน (Procedures) ธรรมชาติของทักษะการเรียนภาษา (Study Skills) แผนการเรียนการสอน (Lesson Plans) สื่อการ เรียนการสอน (Teaching Materials) แบบเรียน (Textbooks) และ วิธีการสอน (Teaching Methods) ต้องอยูบนหลักการ่ และความเชื่อเกี่ยวกบการเรียนการสอนภาษาั (นูนัน. Nunan, D. 1991 :3-4) นอกจากนี้ หลักสูตรการเรียนที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Learner-Centered Curriculum) กาลังเป็นที่ รู้จักกนแพรั ่หลาย พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ของประเทศไทยอันเป็นแมบททาง่ การศึกษาของประเทศ สาระที่สาคัญมากส าหรับการเรียนการสอน คือ กระบวนการเรียนการสอนที่ 119

ยึดผู้เรียนเป็นสาคัญ การเรียนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Leaner-Centered) ผู้สอนสามารถสร้าง หลักสูตรได้โดยมีกระบวนการดังนี้ คือ การวางแผน ประกอบด้วยการวิเคราะห์ความต้องการของ ผู้เรียน การตั้งเป้าหมายและจุดประสงค์การเรียน และการนาไปใช้ ประกอบด้วย วิธีการเรียนการสอน และ สื่อ

15.2.1 การพัฒนาหลักสูตรที่ยึดผ้เรียนเป็นสู าคัญ (Learner-Centered Curriculum Development) 15.2.1.1 หลักสูตรที่ยึดผู้เรียนเป็นสาคัญเก ี่ยวกบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษั เน้น การสอนทักษะเฉพาะทางภาษา และ การพัฒนาทักษะการเรียน โดย ให้ผู้เรียนได้รับยุทธศาสตร์การ เรียนที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้เรียนได้ทราบยุทธวิธีการเรียนที่ตนชอบ ส่งเสริมให้ผู้เรียนตั้งเป้าหมาย การเรียนด้วยตนเอง และพัฒนาทักษะของผู้เรียนเกี่ยวกบการประเมินตนเองั 15. 2.1.2 การประเมินผล (Assessment) การวัดผลเป็นการวัดผลเพื่อดูความกาวหน้า้ ของผู้เรียนโดยมีการวัดผลอยูเรื่อยๆ่ (Ongoing Assessment) จะวัด Language Proficiency ของผู้เรียน ในที่นี้ Language Proficiency หมายถึง ความสามารถที่นาความรู้ที่มีอยู ่ (Competence) ทั้ง Linguistics and Communicative Competence และนาออกมาใช้ได้อย างถูกต้องและเหมาะสม่ ดังนั้นการวัดผล Language Proficiency นอกจากจะวัดความรู้เกี่ยวกบภาษาแล้วจะต้องวัดความสามารถในการใช้ภาษาั ด้วย เช่น สังเกตการใช้ภาษาในสถานการณ์ตางๆที่ก่ าหนดให้หรือการใช้ภาษาในสถานการณ์ที่เป็น จริง จึงต้องมีเกณฑ์ที่ชัดเจนและผู้เรียนต้องมีส่วนร่วมในการตั้งเกณฑ์ด้วย ตลอดจนมีการวัดผลบอย่ และตอเนื่อง่ นั้นคือการวัดผลประเมินผลความรู้ความสามารถภาษาอังกฤษของผู้เรียนต้องวัดผลทั้ง 4 ทักษะ คือ ทักษะฟัง พูด อานและเขียน่ ตัวบงชี่ ้ความกาวหน้าของผู้เรียนจะวัดได้จาก้

-ความเข้าใจเกี่ยวกบวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาและเป้าหมายทางสังคมของเนืั ้อหา -ความเข้าใจและความรู้ รูปแบบและโครงสร้างทางไวยากรณ์ที่เกี่ยวข้องเนื้อหานั้น -การชี้ให้เห็นความแตกตางของข้อความที่จะน่ าไปใช้ในแต ละเรื่อง่ -ความเข้าใจเกี่ยวกบความแตกตั างระหว่ างภาษาเขียนและภาษาพูด่

ทิศนา แขมมณี (2547: 119-125) ได้สรุปไว้วา่ แนวคิดเรื่องการจัดการเรียนการสอนโดยยึด ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางนั้น เริ่มมาตั้งแตมีการใช้ค่ าว า่ ‚instruction‛ หรือ ‚การเรียนการสอน‛ แทนคาว า่ ‚teaching‛ หรือ ‚ การสอน‛ โดยมีแนวคิดวา่ ในการสอนครูต้องคานึงถึงการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็น สาคัญและช ่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยวิธีการตางๆ่ มิใช่เพียงการถ่ายทอด ความรู้เทานั่ ้น เช่น การ ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้โดยการกระทา (learning by doing) แตเนื่องจากการเรียนการสอนโดยยึดครูเป็น่ ศูนย์กลาง เป็นวิธีที่สะดวกและง่ายกวา่ รวมทั้งครูมีความเคยชินกบการปฏิบัติตามแบบเดิมั ประกอบ 120

กบไมั ได้รับการสนับสนุนส่ ่งเสริมให้ปฏิบัติตามแนวคิดใหมอย่ างเพียงพอ่ การสอนโดยครูเป็น ศูนย์กลางจึงยังใช้มาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศไทย แม้แนวคิดการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็น ศูนย์กลางนั้นได้ขยายขอบเขตออกไปกว้างขวางกวาเดิม่ ในทางปฏิบัติ มิได้มีการปฏิบัติกนตามั ความหมายและหลักการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นจึงจาเป็นที่จะต้องสร้างความเข้าใจใน เรื่องการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางอีกครั้งหนึ่ง การจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เป็นการจัดการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็น ตัวตั้ง โดยคานึงถึง ความเหมาะสมกบผู้เรียนและประโยชน์สูงสุดทีผู้เรียนควรจะได้รับั แลมีการจัด กิจกรรมการเรียนรู้อยางตื่นตัวและได้ใช้กระบวนการเรียนรู้ต่ างๆอันจะน่ าผู้เรียนไปสู ่การเกิดการ เรียนรู้ที่แท้จริง จากข้อความข้างต้น ศัพท์ที่จาเป็นต้องท าความเข้าใจเพิ ่มเติมกคือว็ า่ ‚การมีส่วนร่วมอยาง่ ตื่นตัว‛ และคาว า่ ‚ การเรียนรู้ที่แท้จริง‛ คาว า่ ‚ การมีส่วนร่วมอยางตื่นตัว่ .‛ มาจากศัพท์ภาษาอังกฤษ คือ‛active participation‛ ซึ่งหมายถึงการมีส่วนร่วมที่ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่แท้จริงได้ดี ควรเป็นการ ตื่นตัวที่เป็นไปอยางรอบด้านทั่ ้งทางด้านกาย สติปัญญา สังคม และอารมณ์ เพราะพัฒนาการทั้ง 4 ด้านที่มีความสัมพันธ์ตอก่ นและกั นั และส่งผลตอการเรียนรู้ของผู้เรียน่ ดังรายละเอียดตอไปนี่ ้ 1. การมีส่วนร่วมอยางตื่นตัวทางกาย่ (active participation: physical) คือการให้ผู้เรียน มีส่วนร่วมในกินกรรมการเรียนรู้ที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้เคลื่อนไหวร่างกายทาก ิจกรรมตางๆที่่ หลากหลาย เหมาะสมกบวัยั วุฒิภาวะของผู้เรียน เพื่อจะช่วยให้ร่างกายและประสาทรับรู้ตื่นตัว พร้อม ที่จะรับรู้และเรียนรู้ได้ดี 2. การมีส่วนร่วมอยางตื่นตัวทางสติปัญญา่ (active participation-intellectual) คือ การ ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้มีการเคลื่อนไหวทางสติปัญญาหรือ สมอง ได้คิด ได้กระทาโดยใช้ความคิด เป็นการให้สติปัญญาของตนสร้างความหมาย ความเข้าใจใจ สิ่งที่เรียนรู้ 3. การมีส่วนร่วมอยางตื่นตัวทางอารมณ์่ (active participation: emotional) คือการให้ ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้มีการเคลื่อนไหวทางอารมณ์หรือ ความรู้สึก เกิดความรู้สึกตางๆอันจะช่ ่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ดีในเรื่องที่เรียนรู้อารมณ์ความรู้สึก ของบุคคลจะช่วยให้การเรียนรู้มีความหมายตอตนเอง่ และตอการปฏิบัติมากขึ่ ้น 4. การมีส่วนร่วมอยางตื่นตัวทางสังคม่ (active participation: social) คือ การให้ผู้เรียน มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ที่ช่วยให้ผู้เรียนมีการเคลื่อนไหวทางสังคมหรือมีการปฏิสัมพันธ์ทาง สังคมกบผู้อื่นและสิั ่งแวดล้อมรอบตัว เนื่องจากการเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสังคม การได้ แลกเปลี่ยนเรียนจากกนและกั นั จะช่วยขยายขอบเขตของการเรียนรู้ของบุคคลให้กว้างขวางขึ้น และ การเรียนรู้จะเป็นกระบวนการที่สนุก มีชีวิตชีวามากขึ้น หากผู้เรียนได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กบผู้อื่นั หากผู้สอน ครู สามารถออกแบบกิจกรรมเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีบทบาทสาคัญในการเรียนรู้ 121

โดยมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้อยางตื่นตัวทั่ ้ง 4 ด้านคือ ได้เรียนรู้กบผู้อื่นั (กาย) ได้ใช้ความคิด (สติปัญญา) ได้มีปฏิสัมพันธ์แลกเปลี่ยนเรียนรู้กบผู้อื่นั (สังคม) และเกิดอารมณ์ความรู้สึกอันจะช่วยให้ การเรียนรู้มีความหมายตอตน่ (อารมณ์) การมีส่วนร่วมในลักษณะดังกล่าวจะเป็นปัจจัยส่งผลให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่แท้จริงได้ดี‚ การเรียนรู้ที่แท้จริง‛ ในที่นี้หมายถึง ผลการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น (ซึ่ง อาจเป็นความรู้ความเข้าใจ ทักษะ เจตคติ คุณลักษณะ ฯลฯ) จากกระบวนการที่บุคคลรับรู้และจัด กระทาต อสิ่ ่งเร้าตางๆเพื่อสร้างความหมายของสิ่ ่งเร้า (สิ่งที่เรียนรู้) นั้นเชื่อมโยงกบความรู้และั ประสบการณ์เดิมของตน จนเกิดเป็นความหมายที่ตนเข้าใจอยางแท้จริง่ และสามารถอธิบายตามความ เข้าใจของตนได้ จากคาอธิบายข้างต้น จะเห็นได้วา่ การมีส่วนร่วมอยางตื่นตัวเป็นกระบวนการที่ช่ ่วยนาผู้เรียน ไปสู่การเกิดการเรียนรู้ที่แท้จริง ซึ่งปกติโดยทัวไปแล้วครู่ /ผู้สอนจะจัดการเรียนการสอนเช่นนี้ได้ ก็ ต้องมีการดาเนินการที่ส าคัญ 2 ประการคือ 1. ครูต้องคิดจัดเตรียมประสบการณ์ที่จะเอื้อให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมอยางตื่นตัวและได้ใช้่ กระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสมเพื่อนาไปสู ่การเกิดการเรียนรู้ที่เหมาะสมเพื่อนาไปสู ่การเกิดการเรียนรู้ ที่แท้จริงตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ 2. ในขณะดาเนินก ิจกรรมการเรียนการสอน ครูมักลดบทบาทของตนเองลงและ เปลี่ยนแปลงบทบาทจากการถ่ายทอดความรู้ไปเป็นผู้อานวยความสะดวก /ช่วยให้ผู้เรียนดาเนิน กิจกรรมการเรียนรู้ได้อยางราบรื่นและมีประสิทธิภาพ่ หลักการและกระบวนการสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดีมีหลากหลาย พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ได้คัดสรรที่สาคัญๆไว้ส ่วนหนึ่งที่จะช่วยแกปัญหาและ้ ปฏิรูปการจัดการศึกษาของไทยได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นในมาตราตางๆ่ โดยเฉพาะตั้งแตมาตรา่ 22-30 เช่น หลักการบูรณาการ หลักการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง หลักการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง หลักการเรียนรู้ทักษะกระบวนการตางๆ่ หลักการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม หลักการวัดและ ประเมินผลตามสภาพจริง เป็นต้น ผู้สอน/ครู จึงควรศึกษาเพื่อนาหลักการแนวคิด และแนวทาง เหล่านั้นมาใช้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุวัตถุประสงค์ของหลักสูตรและสนองเจตนารมณ์ ของ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 อันเป็นกฎหมายการศึกษาฉบับแรกของประเทศไทย สามารถสรุปได้วา่ การจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เป็นการเรียนการสอนที่ ให้ผู้เรียนมีบทบาทสาคัญในการเรียนรู้ สามารถทาได้หลายแบบหลายลักษณะแตกต างก่ นั จัดการเรียน การสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เป็นแนวคิดหรือหลักการที่สามารถนาไปประยุกต์ใช้ได้ในหลาย ลักษณะ เป็นรูปแบบและกระบวนการตางๆ่ ที่หลากหลายได้ ซึ่งแม้วาจะใช้กระบวนการหรือวิธีการที่่ ดูแตกตางก่ นไปั แตหากวิธีการและกระบวนการนั่ ้นช่วยให้ผู้เรียนมีบทบาทหรือมีส่วนร่วมใน กิจกรรมการเรียนรู้อยางตื่นตัวและผู้เรียนได้สร้างความหมายของสิ่ ่งที่เรียนรู้จนเกิดความเข้าใจที่ แท้จริงกถือได้ว็ าการสอนนั่ ้นๆ เป็นการจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง 122

15.3 The Teaching-Learning Cycle นูนัน (Nunan, D. 1991:167-170) ได้แนะนาว าในการสอนภาษาอังกฤษ่ ครูควรพิจารณาในสิ่ง ตอไปนี่ ้ ภูมิหลังทางด้านการศึกษาของผู้เรียน (Educational background) ความเชื่อ (Beliefs) รูปแบบการเรียนรู้ (Cognitive styles) กลยุทธการเรียน (Learning Strategies) แรงจูงใจ (Motivation) และ เจตคติ (Attitude) ซึ่งจะช่วยให้ครูสอนภาษาอังกฤษสามารถเตรียมกิจกรรมการเรียนการสอนที่มี คุณภาพ (Well-Prepared Tasks) ให้สอดคล้องและเหมาะสมกบผู้เรียนั ปัจจัยเหล่านี้มีผลอยางมากต่ อ่ ความสาเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะทางภาษา เพื่อนาภาษาไปใช้ สื่อสารในชีวิตประจาวัน เพื่อการศึกษา เพื่อความกาวหน้าของอาชีพ ตลอดจนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย อื่นๆที่วางไว้ ครูสอนภาษาจาเป็นอย างยิ่ งจะต้องพิจารณาภูมิหลังและ่ ความต้องการของผู้เรียนซึ่งจะ ช่วยให้ผู้สอนสามารถจัดเนื้อหา กิจกรรมและการวัดผลประเมินผลให้สอดคล้องและเหมาะสมกบั ผู้เรียน โดยอยูบนหลักทฤษฎีการเรียนการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร่ และทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกบการั เรียนภาษา The Teaching –Learning Cycle เป็นรูปแบบการสอนที่เน้นการออกแบบบทเรียนและ กิจกรรมการเรียนการสอนที่มีระบบและมีขั้นตอนประกอบด้วย 4 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 การสร้างเนื้อหา และสร้างความคุ้นเคยกบเนืั ้อหาที่จะเรียน ขั้นที่ 2 การฝึกฝนศัพท์และโครงสร้างภาษาที่เกี่ยวข้อง ขั้น ที่ 3 นาไปใช้ และขั้นที่ 4 สร้างเนื้อหาด้วยตนเอง การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแตละขั่ ้นมีความ ตอเนื่อง่ อยูบนหลักการของวิธีสอนแบบ่ The Teaching –Learning Cycle ซึ่งวิธีการสอนนี้จะพัฒนา ทักษะการฟัง พูด อานและเขียน่ ตามลาดับ ถ้าการเรียนไมบรรลุเป้าหมาย่ อาจเกิดจากปัญหาใน ขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งใน 4 ขั้นตอน ดังนั้นผู้สอนและผู้เรียนสามารถกลับมาทบทวนได้ รูปแบบการ สอนนี้ เหมาะที่จะนามาใช้ก บผู้เรียนที่มีพืั ้นฐานความรู้ทางภาษา ความสามารถในการเรียนภาษา ตลอดจนแรงจูงใจของแตละคนแตกต่ างก่ นั และยังเหมาะสาหรับผู้เรียนที่มีข้อจ าก ดเกั ี่ยวกบเวลาั เพราะวาผู้เรียนสามารถเรียนเพิ่ ่มเติมได้ด้วยตนเอง จุดเด่นของกระบวนการเรียนนี้จะช่วยพัฒนาทักษะ ของผู้เรียนทั้ง 4 ทักษะโดยพัฒนาจากภาษาพูดไปสู่ภาษาเขียน (เบิร์น. Burns, A. 1991: อ้างมาจาก คาลลัคฮาน และ โรเตอร์รี. Callaghan and Rothery. 1998: 17-24)

15.3.1 การออกแบบบทเรียนตามหลักการของรูปแบบการสอนแบบ The Teaching- Learning Cycle

ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนดังนี้คือ 15.3.1.1 สร้างเนื้อหาเกี่ยวกบเรื่องที่เรียนั (Building the Context or Field of the Topic) 15.3.1.1.1 แนะนาค าศัพท์ โครงสร้างใหมที่เก่ ี่ยวข้อง 123

14.3.1 1.2 ฝึกถามตอบโดยใช้ศัพท์และโครงสร้างที่เรียนมา 15.3. 2 การวิเคราะห์เนื้อหาเพื่อใช้เป็นตัวอยาง่ (Modeling the Genre under Focus) เช่น 15.3. 2.1 อานเนื่ ้อหาที่เกี่ยวข้องและทาก ิจกรรมเพื่อวัดความเข้าใจ 15.3. 2.2 ถามตอบเกี่ยวกบเรื่องที่อั าน่ 15.3. 2.3 วิเคราะห์ลักษณะภาษาที่ใช้และโครงสร้างหรือรูปแบบของการ เขียน 15.3.3 ฝึกฝนและนาไปใช้ (Joint Construction of the Genre) 15.3.3.1 แบงกลุ่ ่มทางานเก ี่ยวกบหัวข้อที่กั าลังเรียน 15.3. 3.2 ถาม ตอบเกี่ยวกบหัวข้อที่กั าลังเรียนภายในกลุ ่ม 15.3.3.3 ช่วยกนเขียนและเรียบเรียงข้อความที่ได้โดยดูจากตัวอยั าง่

15.3.4 สร้างเนื้อหาด้วยตนเอง (Independent Construction of the Genre) 15.3.4.1 ให้เขียนด้วยตนเองเกี่ยวกบหัวข้อที่กั าลังเรียน (เบิร์น.Burn, A. 1991 adapted from คาลลัคฮาน และ โรเตอร์รี. Callaghan and Rothery. 1988: 17-24)

15.4 ความหมายและแนวคิดเกี่ยวกับการประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) ความหมาย ได้มีผู้ให้ความหมายการประเมินตามสภาพจริงไว้ดังนี้ สุวิมล วองวานิช่ (2546 : 13) กล่าววา่ การประเมินตามสภาพจริง เป็นกระบวนการตัดสิน ความรู้ความสามารถและทักษะตาง่ ๆ ของผู้เรียนในสภาพที่สอดคล้องกบชีวิตจริงั โดยใช้เรื่องราว เหตุการณ์ สภาพจริงหรือคล้ายจริงที่ประสบในชีวิตประจาวัน เป็นสิ่งเร้าให้ผู้เรียนตอบสนองโดยการ แสดงออก ลงมือกระทา หรือผลิต จากกระบวนการทางานตามที่คาดหวังและผลผลิตที่มีคุณภาพ จะ เป็นการสะท้อนภาพเพื่อลงข้อสรุปถึงความรู้ ความสามารถ และทักษะตาง่ ๆ ของผู้เรียนวามีมากน้อย่ เพียงใด น่าพอใจหรือไม ่ อยูในระดับความส่ าเร็จใด กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ (2545 : 20) ได้กล่าววา่ การประเมินสภาพจริงเป็นการ ประเมินจากการปฏิบัติงานหรือกิจกรรมอยางใดอย่ างหนึ่ง่ โดยงานหรือกิจกรรมที่มอบหมายให้ผู้ ปฏิบัติ จะเป็นงานหรือสถานการณ์ที่เป็นจริง (Real Life) หรือใกล้เคียงกบชีวิตจริงั จึงเป็นงานที่มี สถานการณ์ซับซ้อน (Complexity) และเป็นองค์รวม (Holistic) มากกวางานปฏิบัติในก่ ิจกรรมการ เรียนทัวไป่ 124

สานักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห ่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ (2540 : 175) กล่าว วา่ การประเมินสภาพจริง เป็นการประเมินการกระทา การแสดงออกหลาย ๆ ด้าน ของนักเรียนตาม สภาพความเป็นจริงทั้งในและนอกห้องเรียน มีลักษณะเป็นการประเมินแบบไมเป็นทางการ่ การ ทางานของผู้เรียน ความสามารถในการแกไขปัญหาและการแสดงออก้ โดยเน้นผู้เรียนเป็นผู้ค้นพบ และเป็นผู้ผลิตความรู้ ได้มีโอกาสฝึกปฏิบัติจริงหรือคล้ายจริง ได้แสดงออกอยางเต็มความสามารถ่ สรุป การประเมินสภาพจริง เป็นการประเมินจากการวัดโดยให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติจริงใน สถานการณ์จริง

15.4.1 แนวคิดและหลักการของการประเมินผลตามสภาพจริง ผู้เชี่ยวชาญในด้านหารวัดและประเมินผลกล่าวถึงแนวคิดและหลักการประเมินตามสภาพที่ แท้จริงไว้หลายทาน่ ที่สาคัญมีดังนี ้ สานักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห ่งชาติ (2542 : 183) กล่าวไว้วา่ 15.4.1 การประเมินตามสภาพจริง ไมเน้นการประเมินทักษะพื่ ้นฐาน ( Skill Assessment) แตเน้นการประเมินทักษะการคิดที่ซับซ้อน่ (Complex Thinking Skill) ในการทางาน ความร่วมมือ ในการแกปัญหา้ และการประเมินตนเองทั้งภายในและภายนอกห้องเรียน 15.4.2 การประเมินตามสภาพจริง เป็นการวัดและประเมินความกาวหน้าของ้ นักเรียน 15.4.3 การประเมินตามสภาพจริง เป็นการสะท้อนให้เห็นการสังเกตสภาพงาน ปัจจุบัน (Current Work) ของนักเรียน และสิ่งที่นักเรียนได้ปฏิบัติจริง 15.4.4 การประเมินตามสภาพจริง เป็นการผูกติดนักเรียนกบงานที่เป็นจริงั โดย พิจารณาจากงานหลาย ๆ ชิ้น 15.4.5 ผู้ประเมินควรมีหลาย ๆ คน โดยมีการประชุมระหวางกลุ่ ่มผู้ประเมินเพื่อ แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกบตัวนักเรียนั 15.4.6 การประเมินต้องดาเนินการไปพร้อมก บการเรียนการสอนอยั างต่ อเนื่อง่ 15.4.7 นาการประเมินตนเองมาใช้เป็นส ่วนหนึ่งของการประเมินตามสภาพที่แท้จริง 15.4.8. การประเมินตามสภาพจริง ควรมีการประเมินทั้ง 2 ลักษณะ คือ การประเมิน ที่เน้นการปฏิบัติจริง และการประเมินจากแฟ้มสะสมงาน เพื่อให้สอดคล้องกบแนวทางการพัฒนาผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพที่มีด้วยการใช้กั ิจกรรมการ เรียนการสอนที่หลากหลาย การวัดและประเมินผลการศึกษาจึงควรต้องดาเนินการให้ครบทั ้ง 3 ด้าน ดังกล่าวแล้ว คือ ด้านพุทธิพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัย ‚ข้อสอบ‛ หรือ ‚แบบทดสอบ‛ เป็น เครื่องมือหลักในการวัดผล จึงสามารถวัดผลด้านพุทธิพิสัยได้เพียงด้านเดียว การวัดและประเมินผล ดังกล่าวจึงไมสามารถแสดงผลสัมฤทธิ่ ์และระดับพัฒนาการของผู้เรียนได้อยางแท้จริง่ เพราะเป็นการ 125

สะท้อนคุณภาพของผู้เรียนเพียงบางส่วน ไมใช่ ่คุณภาพหรือความสามารถที่แท้จริงทั้งหมดของผู้เรียน คนนั้น ดังนั้นการวัดและประเมินผลผู้เรียนทั้ง 3 ด้าน ด้านพุทธิพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัย ต้อง ประกอบด้วย ตามสภาพความจริง สามารถวัด การสังเกต ตรวจผลงาน หรือทดสอบความรู้และทักษะ การประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) กคือ็ การประเมินผลที่ใช้วิธีการและเกณฑ์ที่ หลากหลายในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ความสามารถ และคุณลักษณะตาง่ ๆ ของผู้เรียน โดย ผู้สอน ต้องตระหนัก วิธีการ เครื่องมือ และตัวชี้วัด ดังนี้ 1. แบบสารวจรายการ ระเบียนพฤติกรรม แบบมาตราส่วนประมาณคา่ วัดกิจกรรมที่เป็น ลักษณะนิสัยและความรู้สึก 2. การสัมภาษณ์ แบบบันทึกการสัมภาษณ์ สอบถามเพื่อให้ทราบถึงความรู้สึก ความคิด ความเชื่อ และการกระทาด้านต างๆ่ การสอบถาม แบบสอบถามใช้วัดความต้องการ ความสนใจ ที่ แสดงความรู้สึกได้อยางอิสระ่ 3. ทดสอบทักษะ ความรู้ความสามารถตางๆ่ แบบเขียนตอบแบบทดสอบปฏิบัติจริง 4. แฟ้มสะสมงาน (Portfolio) กิจกรรมที่ผู้เรียนทาเป็นชิ ้นงานออกมา อาจเป็นรายงาน แบบบันทึก เทปบันทึกเสียง ฯลฯ และทาการประเมินโดยตัวผู้เรียนเอง ผู้สอนและเพื่อนร่วมชั้นโดยมี ลักษณะที่เน้นให้ผู้เรียนคิดทบทวนและประเมินตนเอง การจัดการเรียนการสอน ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Student Center) และ ความเจริญ ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้นาพาสังคมโลกให้กลายเป็นสังคมที่ไร้พรมแดน และมีการ เปลี่ยนแปลงอยูตลอดเวลา่ ผู้สอนจึงมิใช่แหล่งความรู้สมบูรณ์ (Absolute Source of Knowledge) และ การทองจ่ าความรู้ส าเร็จรูปในห้องเรียนแต เพียงอย่ างเดียว่ กไม็ เพียงพอที่จะน่ ามาใช้ประโยชน์ในชีวิต จริงได้อีกตอไป่ ดังนั้น ผู้สอนจึงมีการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของการจัดการเรียนการสอน คือ ผู้สอน คือคนให้ความรู้ แนะนาแหล ่งเรียนรู้ และวิธีการเรียนรู้ด้วยตนเอง ตลอดจนการวัดและ ประเมินผล กระบวนการเรียนการสอน เน้นกระบวนการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนเน้นผู้เรียนเป็น สาคัญตอบสนองตอบความต้องการของผู้เรียน บนพื้นฐานข้อมูลจริงของผู้เรียน ได้แก่ ความแตกตาง่ ระหวางบุคคล่ เน้นกระบวนการคิด กระบวนการเรียนรู้ ผู้เรียนและกลุ่มผู้เรียน มากกวาเนื่ ้อหาวิชาและ ผู้สอน และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง (Learning by Doing) ผู้สอนจัดกิจกรรมหรือ สถานการณ์ตางๆ่ เพื่อกระตุ้นและเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้ความรู้ประสบการณ์ ความชานาญและ ความสนใจของตนเองมาสร้างเป็นเนื้อหาและกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง ผาน่ กระบวนการเรียนรู้ร่วมกนั โดยผู้สอนทาหน้าที่คอยให้ความช ่วยเหลือ แนะนาและส ่งเสริมให้ผู้เรียน ได้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองอยางเต็มศักยภาพมากที่สุด่ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถพึ่งตนเองและมีบทบาท ในการรับผิดชอบตอการเรียนรู้ของตนเองมากขึ่ ้น

126

15.5 การวัดผลประเมินผล ดังนั้นการวัดผลผู้เรียนจะเน้น ผู้เรียนทาอะไรได้มากกว าจ่ าอะไรได้ ผู้เรียนมีทักษะ ในการคิด ทา แกปัญหาและประยุกต์ความรู้สู้ ่การปฏิบัติจริง

15.6 กิจกรรมการเรียนการสอน กิจกรรมการเรียนการสอน นับเป็นปัจจัยสาคัญอีกประการหนึ่งของการจัดการเรียนการสอน ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งผู้สอนควรเลือกนามาใช้ให้เหมาะสมก บเนืั ้อหาและกลุ่มของผู้เรียน เพื่อ มุงพัฒนาผู้เรียนให้ครบทั่ ้ง 3 ด้าน คือ ด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) จิตพิสัย (Affective Domain) และ ทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) กิจกรรมการเรียนการสอน ประกอบด้วย เกมการศึกษา สถานการณ์จาลอง กรณีตัวอยาง่ บทบาทสมมุติ การแกปัญหา้ การแกไข้ สถานการณ์ โปรแกรมสาเร็จรูป ศูนย์การเรียนด้วยตนเอง ชุดการสอน คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI : Computer Aided Instruction) โครงงาน การทดลอง การถาม-ตอบ อภิปรายกลุ่มยอย่ สืบสวน สอบสวน กลุ่มสืบค้นความรู้ กระบวนการกลุ่มแบบพลวัต การเรียนรู้แบบร่วมมือ ความคิดรวบยอด การแกปัญหาตามแนวทางอริยสัจ้ 4 ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ทัศนศึกษานอกสถานที่ งานวิเคราะห์ ภาคสนาม การนาเสนอโดยวิดีโอ และการเล่าเรื่อง เป็นต้น (ที่มา : สานักงานคณะกรรมการการ ประถมศึกษาแห่งชาติ, 2542 : 187-188)

15.7 สรุปแนวคิดเกี่ยวการเรียนการสอนภาษา 3 รูปแบบ ดังนี้

15.7.1 การสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร Communicative Approach หรือ Communicative Language Teaching (TLT) เป็นการจัดการเรียนการสอนภาษาที่เน้นการพัฒนาทั้ง 4 ทักษะ คือ ฟัง พูด อาน่ และเขียน โดยเน้นทั้ง Language Competence และ Communicative Competence ที่ผู้เรียน สามารถนาไปใช้ได้จริงในชีวิตประจ าวัน โดยเน้นกระบวนการเรียนการสอน ประกอบด้วย Presentation, Practice and Production 15.7.2 การเรียนการสอนภาษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ (Student-Centered Instruction) สามารถสรุปได้วา่ การจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เป็นการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียน มีบทบาทสาคัญในการเรียนรู้ สามารถทาได้หลายแบบหลายลักษณะแตกต างก่ นั จัดการเรียนการสอน โดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เป็นแนวคิดหรือหลักการที่สามารถนาไปประยุกต์ใช้ได้ในหลายลักษณะ เป็นรูปแบบและกระบวนการตางๆ่ ที่หลากหลายได้ ซึ่งแม้วาจะใช้กระบวนการหรือวิธีการที่ดู่ แตกตางก่ นไปั แตหากวิธีการและกระบวนการนั่ ้นช่วยให้ผู้เรียนมีบทบาทหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรม การเรียนรู้อยางตื่นตัวและผู้เรียนได้สร้างความหมายของสิ่ ่งที่เรียนรู้จนเกิดความเข้าใจที่แท้จริงกถือได้็ วาการสอนนั่ ้นๆ เป็นการจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง 15.7.3 การเรียนการสอนที่ใช้รูปแบบการสอนแบบ The Teaching –Learning Cycle 127

เป็นรูปแบบออกแบบบทเรียนและกิจกรรมการเรียนการสอนที่มีระบบและมีขั้นตอนประกอบด้วย 4 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 จะเริ่มจาก การสร้างเนื้อหาและสร้างความคุ้นเคยกบเนืั ้อหาที่จะเรียน ขั้นที่ 2 การ ฝึกฝนศัพท์และโครงสร้างภาษาที่เกี่ยวข้อง ขั้นที่ 3 นาไปใช้ และขั้นที่ 4 สร้างเนื้อหาด้วยตนเอง แต่ ละขั้นจะจัดกิจกรรมการเรียนการสอนการสอนอยางต่ อเนื่องแบบอยู่ บนหลักการของวิธีสอนแบบ่ The Teaching –Learning Cycle ซึ่งวิธีการสอนนี้สามารถพัฒนาทักษะการฟัง พูด อานและเขียนที่มี่ ขั้นตอน ถ้าการเรียนไมบรรลุเป้าหมาย่ อาจเกิดจากปัญหาในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งใน 4 ขั้นตอน ดังนั้นผู้สอนและผู้เรียนสามารถกลับมาทบทวนขั้นตอนใดกได้ที่ผู้เรียนเก็ ิดปัญหา รูปแบบการสอนนี้ เหมาะที่จะนามาใช้ก บผู้เรียนที่มีพืั ้นฐานความรู้ทางภาษา ความสามารถในการเรียนภาษาตลอดจน แรงจูงใจของแตละคนแตกต่ างก่ นั นอกจากนั้นการสอนนี้ยังเหมาะสาหรับผู้เรียนที่มีข้อจ าก ดเกั ี่ยวกบั เวลาเพราะวาผู้เรียนสามารถเรียนเพิ่ ่มเติมได้ด้วยตนเอง จุดเด่นของกระบวนการเรียนนี้จะช่วยพัฒนา ทักษะของผู้เรียนทั้ง 4 ทักษะโดยพัฒนาจากภาษาพูดไปสู่ภาษาเขียน

15.8 การออกแบบหลักสูตรและกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษส าหรับมัคคุเทศก์ สรุปได้ดังนี้ 1. การนาเสนอค าศัพท์และไวยากรณ์ 2. การวัดและประเมินความเข้าใจคาศัพท์และไวยากรณ์ที่เรียน 3. การนาค าศัพท์และไวยากรณ์ไปใช้สื่อสารในบริบทที่มีความหมาย เน้นทั้ง 4 ทักษะ 4. วิเคราะห์ลักษณะของภาษาทั้งไวยากรณและคาศัพท์ และรูปแบบการสื่อสาร 5. ฝึกการใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริง

128

แผนภูมิที่ 5 กรอบแนวคิดของการวิจัย ระยะที่ 1

ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ มพฤติกรรมนิยม่ ของธอร์นไดค์ กฎแห่งความพร้อม กฎแห่งการฝึกหัด กฎแห่งการใช้

กฎแห่งผลที่พึงพอใจ ความสามารถในการใช้ ภาษาอังกฤษของนักศึกษา และบุคลากรทางด้านการ ทองเที่ยวในจังหวัด่ มหาสารคาม

แนวคิดของ ทาบา (Taba) โดยปรับ เป็น 5 ขั้นตอน เตรียมความพร้อม สร้างหลักสูตรอบรม หลักสูตรฝึกอบรม วางแผนดาเนินการใช้ ภาษาอังกฤษ หลักสูตร สาหรับมัคคุเทศก ์ ดาเนินการบริหารหลักสูตร

ติดตามประเมินผล และ

สรุปผล การดาเนินงาน

แนวคิดของการเรียน การสอนภาษา 3 รูปแบบ ความพึงพอใจของ -รูปแบบการเรียนการสอน นักศึกษาและบุคลากร Teaching -Learning Cycle ทางด้านการทองเที่ยวที่มี่ -การสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร ตอการฝึกอบรม่ -การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียน เป็นส าคัญ แนวคิดการวัดผลตามสภาพความจริง

(Authentic Assessment)

129

แผนภูมิที่ 6

กรอบการวิจัย การพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ของนักศึกษาและบุคคลากร์

ด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม ระยะที่ 2 ขั้นตอน จุดมุงหมาย่ กระบวนการ

ปฐมนิเทศเกี่ยวก บการอบรมั เพื่อแนะนาการหลักสูตร -กาหนดวันเวลาและสถานที่ ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ -แนะนาหลักสูตรและวิทยากร

-สร้างแบบทดสอบวัดความรู้และความสามารถในการใช้ ทดสอบและปรับพื ้น เพื่อประเมินและปรับความรู้ ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ ฐานความรู้และความสามารถ และความสามารถในการใช้ -ทดสอบความรู้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับ ในการใช้ภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ มัคคุเทศก ์ สาหรับมัคคุเทศก ์ -ปรับพื้นความความรู้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ สาหรับมัคคุเทศก ์

อบรมภาษาอังกฤษส าหรับ -เพื่อพัฒนาความรู้และ -จัดอบรมภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก แก์ ่ผู้เข้าร่วม มัคคุเทศก ์ ความสามารถในการใช้ โครงการพัฒนาอาชีพทางด้านมัคคุเทศก ์ ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์

ทดสอบความรู้และ -ประเมินและปรับความรู้และ -ทดสอบความรู้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ความสามารถในการใช้ ความสามารถในการใช้ สาหรับมัคคุเทศก ์ โดยใช้แบบทดสอบ และ ประเมิน ภาษาอังกฤษสาหรับ ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ ความสามารถในการพูดตามสภาพความเป็นจริง หลังการ มัคคุเทศก ์ อบรม

สอบถามความพึงพอใจของผู้ -เพื่อสารวจความพึงพอใจของผู้ -สารวจความพึงพอใจของผู้เข้าอบรมต อหลักสูตร่ เข้าอบรม เข้าอบรมตอหลักสูตร่ ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก โดยใช้แบบสอบถาม์ ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์

130

บทที่ 3 วิธีดาเนินการวิจัย

วิธีการด าเนินการวิจัย และสถานที่ทาการทดลอง /เก็บข้อมูล จากการศึกษาแนวคิดทฤษฎีและผลงานวิจัยที่เกี่ยวกบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ั ทฤษฎีการ เรียนรู้ของผู้ใหญ ่ การเรียนการสอนภาษาอังกฤษสาหรับบุคลากรที่ท างานเก ี่ยวกบการทั องเที่ยว่ การ วัดผลตามสภาพความเป็นจริง การสร้างหลักสูตรและชุดฝึกอบรม ได้นามาก าหนดเป็นกรอบแนวคิด และสร้างหลักสร้างหลักสูตรภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ โดยกาหนด ลักษณะประชากรเป้าหมาย ตัวแปร เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย วิธีการเกบรวบรมข้อมูล็ วิเคราะห์ข้อมูล และอภิปรายผล เขียนรายงานการวิจัยเผยแพร่ และ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ 1. ประชากรกลุ่มเป้าหมาย 2. ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย 3 . เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 4. การสร้างและหาคุณภาพของเครื่องมือ 5. เกบรวบรวมข้อมูลจากกลุ็ ่มตัวอยาง่ 6 . วิเคราะห์ข้อมูลและอภิปรายผล 7. สถิติที่ใช้ในการวิจัย 8 . ระยะในการทาวิจัย 9. แสดงความคาดหมายศักยภาพและแนวทางที่จะนาผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์

1. ประชากรกลุ่มเป้าหมาย 1.1 แบบของการวิจัยแบงออกเป็น่ 2 ระยะ ใช้ทั้งงานวิจัยเชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณ ระยะ 1 เป็นการสร้างและพัฒนาหลักสูตร ระยะที่ 2 การใช้หลักสูตรกบกลุั ่มเป้าหมาย โดยการสร้างหลักสูตร ฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development) เกี่ยวกบการพัฒนาั ความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษ สาหรับมัคคุเทศก ทางด้าน์ โบราณคดี วัฒนธรรม ชุมชน นิเวศน์และ เกษตร ในจังหวัดมหาสารคาม และการวิจัยเชิงปริมาณ เป็นงานวิจัยเชิงทดลองใช้หลักสูตรกบั กลุ่มเป้าหมาย โดยการเปรียบเทียบความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ และการใช้ภาอังกฤษใน สถานการณ์จริง ระยะการดาเนินการวิจัย 2 ปีการศึกษา ตุลาคม 2559 - กนยายนั 2560 และ ตุลาคม 2560-กนยายนั 2561

131

1.2 กลุ่มประชากรป้าหมาย ประชากรเป้าหมายระยะที่ 1 ได้แก่ นักศึกษาระดับปริญญาตรีภาคปกติชั้นปีที่ 3 สาขาวิชา ภาษาอังกฤษ และภาษาอังกิจธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และ นักศึกษาสาชาวิชาการ โรงแรม และการทองเที่ยว่ คณะวิทยาการจัดการ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ปีการศึกษา 2558 จานวน 5 ห้อง รวม 171 คน 2. ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย 2.1 ตัวแปรต้น ได้แก่ ความสามารถ และความต้องการพัฒนาภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ ทางด้านโบราณคดี วัฒนธรรม ชุมชน นิเวสน์ และ เกษตร ในจังหวัดมหาสารคาม 2.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ หลักสูตรที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาความสามารถในการใช้ ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ทางด้านทางด้านโบราณคดี์ วัฒนธรรม ชุมชน นิเวสน์ และ เกษตร ใน จังหวัดมหาสารคามโดยการบูรณาแนวคิดของการเรียนรู้ 3 รูปแบบ คือ การเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียน เป็นสาคัญ ( Learner-Centered Instruction), วิธีการสอนตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร (Communicative Approach) และ Teaching –Learning Cycle 3. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ระยะที่ 1 ได้แก่ แบบประเมินความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ สาหรับมัคคุเทศก ์ แบบสอบถามความต้องการพัฒนาภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ หลักสูตร ภาษาอังกฤษสามัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ แบบประเมินความถูกต้องและความเหมาะสมของ หลักสูตร ระยะที่ 2 หลักสูตรภาษาอังกฤษสามัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ แบบทดสอบวัดความรู้ ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ แบบทดสอบทักษะการฟัง แบบประเมินทักษะการพูด แบบประเมิน หาคาดัชนีความสอดคล้องแบบทดสอบ่ แบบสอบถามความพึงพอใจเกี่ยวตอหลักสูตรฝึกอบรม่ และ แผนจัดการเรียนรู้

4. การสร้างและหาคุณภาพเครื่องมือ 4.1 หลักสูตรภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ 4.1.1 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องการทองเที่ยว่ เชิงโบราณคดี วัฒนาธรรม ชุมชน นิเวศน์ และเชิงเกษตรเพื่อกาหนดกรอบ การสร้างเครื่องมือ 4.1.2 ศึกษาปริบท สถานการณ์ และ บุคลากรในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกบการทั องเที่ยวเชิง่ โบราณคดี วัฒนาธรรม ชุมชน นิเวศน์ และเชิงเกษตร ในจังหวัดมหาสารคาม เพื่อกาหนดกรอบการ สร้างเครื่องมือวิจับ 4.1.3 การสร้างกรอบแนวคิดสาหรับการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของ มัคคุเทศกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ์ ผู้วิจัยได้นาแนวคิดของทฤษฎีการเรียนรู้กลุ ่มพฤติกรรมนิยม โดยนากฎการเรียนรู้จากแนวคิดของทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ มาประยุกต์ใช้กบการจัดการั เรียนการสอน ดังนี้ 132

4.1.3.1 กฎแห่งความพร้อม สารวจความพร้อมและสร้างความพร้อมให้ก บผู้เข้าอบรมั โดย การวิเคราะห์ความต้องการ ศึกษาข้อมูลภูมิหลังของผู้เข้าอบรม ทดสอบก่อนเรียน เพื่อนาข้อมูลไปใช้ เพื่อการเตรียมความพร้อมสาหรับผู้เข้าอบรม 4.1.3.2 กฎแห่งการฝึกหัด ทักษะฟังและพูดภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่ต้องมีการฝึกฝนอยู่ เสมอ เพื่อความถูกต้องและคล่องแคล่วในการสื่อสาร โดยเริ่มการฝึกฝนจากองค์ประกอบยอยของ่ ภาษาไปสู่ส่วนรวมของภาษา 4.1.3.3 กฎแห่งการใช้ ผู้เข้าอบรมได้ฝึกฝนทักษะการฟังและพูดภาษาอังกฤษ และนา ความรู้มาใช้ในสถานการเพื่อการสื่อสารที่สร้างขึ้น 4.1.3.4 กฎแห่งผลที่พึงพอใจ คะแนนจากการทาแบบฝึกหัด การทดสอบ และ วุฒิบัตร เป็น รางวัลสาหรับผู้เข้าอบรมที่ผ านการประเมินผล่ 4 .1.2 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยเกี่ยวกบการสร้างและพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมั และวิเคราะห์ และสังเคราะห์ แนวคิดเกี่ยวกบการสร้างและพัฒนาหลักสูตรของั Taba โดยปรับเป็น 5 ขั้นตอน กระบวนการและการสร้างเครื่องมือของงาน วิจัยแบบมีส่วนร่วม ของ สิทธินัฐ ประพุทธนิติสาร (2546 : 142) และรูปแบบการจัดอบรมมัคคุเทศกอย์ างยั่ งยืน่ ของ ไวเลอร์ และ ฮาร์น (Weiler and Harn. 2002 : 52) สามารถสรุปองค์ประกอบของรูปแบบการฝึกอบรมเพื่อการพัฒนาความสามารถใน การใช้ภาษาตางประเทศของมัคคุเทศก่ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยประกอบด้วยขั์ ้นตอน จุดมุงหมาย่ กระบวนการ และผู้ที่เกี่ยวข้อง 4 .1.3 การสังเคราะห์แนวคิดเกี่ยวกบการเรียนการสอนภาษาั 3 รูปแบบ สร้างหลักสูตรอบรมภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ ในจังหวัดมหาสารคาม ใช้แนวคิดของ ทาบา (Taba) โดยปรับเป็น 5 ขั้นตอน เน้นความสมดุลและความสอดคล้องระหวางขั่ ้นตอนการพัฒนา หลักสูตรและความคงที่ขององค์ประกอบที่มีในหน่วยการเรียน สัดส่วนของกิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบและกิจกรรมการเรียนรู้ ตลอดจนการประเมินผล และแนวคิดวิจัยแบบมีส่วนร่วม ของ สิทธิ นัฐ ประพุทธนิติสาร (2546 : 142) และรูปแบบการจัดอบรมมัคคุเทศกอย์ างยั่ งยืน่ ของ ไวเลอร์ และ ฮาร์น (Weiler and Harn. 2002 : 52) สามารถสรุปองค์ประกอบของรูปแบบการฝึกอบรมเพื่อการ พัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ ส่วนกิจกรรมการ เรียนการสอน ผู้วิจัยได้ยึดข้อมูลปัญหาและความต้องการของนักศึกษาและบุคคลากรที่ทางานเก ี่ยวกบั การทองเที่ยว่ รวมทั้ง ศึกษาหนังสือ English for Tour Guides ของ ศูนย์พัฒนาความสามารถในการใช้ ภาษาอังกฤษ สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เพื่อเป็นกรอบเนื้อหา และออกแบบการกิจการ เรียนเรียนสอนโดยใช้แนวคิดของรูปแบบการสอน 3 รูปแบบ การสร้างบทเรียนและจัดกิจกรรมการ เรียนการสอนเน้นกระบวนการเรียนรู้และ ความตอเนื่องของก่ ิจกรรมการเรียน โดยยึดหลักการของ Task-Based learning ของ ‚Willis (1996) อ้างใน ก่ิงแกว้ รัชอินทร์. (2553) Teaching-Learning Cycle ของ แอน เบิร์น (Ann Burns) การสอนภาษาเพื่อการสื่อสารอ้างใน ก่ิงแกว้ รัชอินทร์. (2553) และ 133

การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญของ เดวิด นูนัน (David Nunan) นี้ ประกอบด้วย ชื่อ หลักสูตร หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ หัวข้อเรื่อง เนื้อหาที่เป็นทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ใน ห้องเรียนและนอกห้องเรียน และการวัดผลประเมินผล สื่อการสอน สังเคราะห์แนวคิดเกี่ยวกบการั เรียนการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร (ก่ิงแกว้ รัชรินทร์, 2553) แนวคิเกี่ยวกบเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนั เป็นสาคัญของ เดวิด นูนัน (David Nunan) และแนวคิดเกี่ยวกบการเรียนการสอนั Teaching-Learning Cycle ของ แอน เบิร์น (Ann Burns) เพื่อนามาเป็นกรอบส าหรับการออกแบบก ิจกรรมการเรียนการ สอนภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ 4.1.4 ศึกษาเอกสาร งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการสาหรับการ พัฒนาภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ เพื่อกาหนดกรอบเนื ้อหาและขั้นตอนในการพัฒนาภาษาอังกฤษ สาหรับมัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ 4.1.5 สร้างหลักสูตรอบรมภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ ในจังหวัดมหาสารคาม ใช้แนวคิด ของ ทาบา (Taba) โดยปรับเป็น 5 ขั้นตอน เน้นความสมดุลและความสอดคล้องระหวางขั่ ้นตอนการ พัฒนาหลักสูตรและความคงที่ขององค์ประกอบที่มีในหน่วยการเรียน สัดส่วนของกิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบและกิจกรรมการเรียนรู้ ตลอดจนการประเมินผล และแนวคิดวิจัยแบบมีส่วนร่วม ของ สิทธิ นัฐ ประพุทธนิติสาร (2546 : 142) และรูปแบบการจัดอบรมมัคคุเทศกอย์ างยั่ งยืน่ ของ ไวเลอร์ และ ฮาร์น (Weiler and Harn. 2002 : 52) สามารถสรุปองค์ประกอบของรูปแบบการฝึกอบรมเพื่อการ พัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ ส่วนกิจกรรมการ เรียนการสอน ผู้วิจัยได้ยึดข้อมูลปัญหาและความต้องการของนักศึกษาและบุคคลากรที่ทางานเก ี่ยวกบั การทองเที่ยว่ รวมทั้ง ศึกษาหนังสือ English for Tour Guides ของ ศูนย์พัฒนาความสามารถในการใช้ ภาษาอังกฤษ สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เพื่อเป็นกรอบเนื้อหา และออกแบบการกิจการ เรียนเรียนสอนโดยใช้แนวคิดของรูปแบบการสอน 3 รูปแบบ การสร้างบทเรียนและจัดกิจกรรมการ เรียนการสอนเน้นกระบวนการเรียนรู้และ ความตอเนื่องของก่ ิจกรรมการเรียน โดยยึดหลักการของ Task-Based learning ของ ‚Willis (1996) อ้างใน ก่ิงแกว้ รัชอินทร์. (2553) Teaching-Learning Cycle ของ แอน เบิร์น (Ann Burns) การสอนภาษาเพื่อการสื่อสารอ้างใน ก่ิงแกว้ รัชอินทร์. (2553) และ การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญของ เดวิด นูนัน (David Nunan) นี้ ประกอบด้วย ชื่อ หลักสูตร หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ หัวข้อเรื่อง เนื้อหาที่เป็นทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ใน ห้องเรียนและนอกห้องเรียน และการวัดผลประเมินผล สื่อการสอน ระยะเวลาการอบรม สถานที่ อบรม จานวนผู้เข้าอบรม คุณสมบัติผู้เข้าอบรม ผลที่คาดวาจะได้รับ่ ประกอบ 16 บท 4.1.6 นาหลักสูตรที่สร้างแล้วเสนอต อผู้เชี่ยวชาญ่ ตรวจสอบความชัดเจนทางภาษา และ ถูกต้องตามเนื้อหา ประกอบด้วย 4.1.6.1 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ลัดาวัลย์ วัฒนบุตร ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรและ ภาษาผู้อานวยการส านักวิเทศสัมพันธ์การการจัดการศึกษานานาชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 134

4.1.6.2 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สมเกียตริ ภูพัฒนวิบูลย์่ ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตร และภาษา อดีตคณะบดี คณะการโรงแรมและการทองเที่ยว่ อาจารย์ประจาหลักสูตรภาษาอังกฤษ คณะ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 4.6.1.3 ดร. สุขศิลป์ ประสงค์สุข ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรและภาษา อาจารย์ประจา หลักสูตรภาษาอังกฤษศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 4.1.6.4 ดร. กชธมน วงศ์คา ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตร และเนื้อหา อาจารย์ประจา หลักสูตรการโรงแรมและการทองเที่ยว่ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 4.1.6.5 Mr. Ross Niswanger ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา อาจารย์ประจาส านักวิเทศ สัมพันธ์การการจัดการศึกษานานาชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 4.1.6 นาหลักสูตรที่ผ านการประเมินโดยมีผู้เชี่ยวชาญ่ ไปประเมินความเหมาะสมโดยใช้แบบ มาตราส่วนประเมินคา่ 5 ระดับ ของ บุญชม ศรีสะอาด (2545 : 63) 4.1.7 นาคะแนนที่ได้จากการประเมินความถูกต้องและเหมาะสมของหลักสูตร และนามาหา คาเฉลี่ยโดยเทียบเกณฑ์ของ่ บุญชม ศรีสะอาด (2545 : 63) ดังนี้

คาเฉลี่ย่ ระดับความคิดเห็น

4.51-500 มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด 3.51-4.50 มีความเหมาะสมในระดับมาก 2.51-3.50 มีความเหมาะสมในระดับปานกลาง 1.50-2.50 มีความเหมาะสมในระดับน้อย 1.00-1.50 มีความเหมาะสมในระดับน้อยที่สุด โดยให้คาความเหมาะสมเฉลี่ย่ 3.51 ขึ้นไป จึงถือวาหลักสูตรนี่ ้มีความถูกต้อง และเหมาะสม และนาไปทดลองใช้เพื่อหาประสิทธิภาพของหลักสูตร 4.1.6.8 ประเมินความสอดคล้องของหลักสูตรอบรมโดยผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 ทาน่ ใช้แบบ มาตราส่วนประเมินคา่ 3 ระดับ ดังนี้ +1 หมายถึง มีความสอดคล้อง 0 หมายถึง ไมแน่ ่ใจ -1 หมายถึง ไมมีความสอดคล้อง่ โดยวิเคราะห์ดัชนีความสอดคล้อง ซึ่งมีเกณฑ์การแปลคาเฉลี่ยความสอดคล้อง่ (Index of Item Objective Congruence: IOC) ของหลักสูตรฝึกอบรม คาดัชนีความสอดคล้องที่เหมาะสม่ มีคาอยู่ ่ ระหวาง่ 00.5-1.00 (รังสรรค์ สิงหเลิศ. 2551: 141) 4.1.6.9 ปรับปรุงและแกไขหลักสูตรตามค้ าแนะน าของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อนาไปใช้ก บั 135

กลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม ในระยะที่ 2 ได้แก่ นักศึกษาระดับปริญญาตรีภาคปกติชั้นปีที่ 3 สาขาวิชา ภาษาอังกฤษ และภาษาอังกิจธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และ นักศึกษาสาชาวิชาการ ทองเที่ยวและการโรงแรม่ คณะวิทยาการจัดการ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ปีการศึกษา 2558 จานวน 3 กลุ่มๆ 30 คน รวม 90 คน 4.2 แบบประเมินความรู้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ ผู้วิจัยได้ดาเนินตามล าดับขั ้น ดังตอไปนี่ ้ 4.2.1 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างแบบประเมินความสามารถในการใช้ ภาษาอังกฤษของมัคคุเทศก ์ โดยสร้างแบบสอบถามให้ครอบคลุม 3 ด้าน คือ Social Interaction, Giving Information and Visiting Tourist Attractions in Maha Sarakham การวัดผลและประเมินผล โดยกาหนดค าเป็น่ 5 คา่ ตามวิธีของ Likert โดยผู้วิจัยปรับปรุงมาจาก ไชยยศ เรืองสุวรรณ (2547: 152) ดังนี้ คาเฉลี่ย่ ระดับความคิดเห็น

4.51-500 มีความรู้และความสามารถในระดับมากที่สุด 3.51-4.50 มีความรู้และความสามารถในระดับมาก 2.51-3.50 มีความรู้และความสามารถในระดับปานกลาง 1.50-2.50 มีความรู้และความสามารถในระดับน้อย 1.00-1.50 มีความรู้และความสามารถในระดับน้อยที่สุด

4.2.2 ศึกษาข้อความที่แสดงถึงความต้องการทั้ง 3 ด้าน และสร้างแบบสอบถาม โดยเขียนข้อความในแง่ความรู้สึก ความเชื่อ หรือความตั้งใจที่เกี่ยวกบความรู้และความสามารถในการั ใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ ลงไป และเป็นข้อความที่สั้น ชัดเจน และเข้าใจง่าย 4.2.3.นาหลักสูตรที่ผ านการประเมินโดยมีผู้เชี่ยวชาญ่ ไปประเมินความเหมาะสมโดยใช้แบบ มาตราส่วนประเมินคา่ 5 ระดับ ของ บุญชม ศรีสะอาด (2545 : 63) 4.2.4 นาคะแนนที่ได้จากการประเมินความถูกต้องและเหมาะสมของหลักสูตร และนามาหา คาเฉลี่ยโดยเทียบเกณฑ์ของ่ บุญชม ศรีสะอาด (2545 : 63) ดังนี้

คาเฉลี่ย่ ระดับความคิดเห็น

4.51-500 มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด 3.51-4.50 มีความเหมาะสมในระดับมาก 2.51-3.50 มีความเหมาะสมในระดับปานกลาง 1.50-2.50 มีความเหมาะสมในระดับน้อย 1.00-1.50 มีความเหมาะสมในระดับน้อยที่สุด 136

โดยให้คาความเหมาะสมเฉลี่ย่ 3.51 ขึ้นไป จึงถือวาหลักสูตรนี่ ้มีความถูกต้อง และเหมาะสม และนาไปใช้ก บกลุั ่มเป้าหมายในระยะที่ 2 4.2.5 ประเมินความเหมาะสม ความถูกต้อง และความสอดคล้องของแบบประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ ทั้ง 5 ทาน่ เป็นแบบมาตราส่วนประเมินคา่ 3 ระดับ ดังนี้ +1 หมายถึง มีความสอดคล้อง 0 หมายถึง ไมแน่ ่ใจ -1 หมายถึง ไมมีความสอดคล้อง่ โดยวิเคราะห์ดัชนีความสอดคล้อง ซึ่งมีเกณฑ์การแปลคาเฉลี่ยความสอดคล้อง่ (Index of Item Objective Congruence: IOC) ของแบบสอบถาม คาดัชนีความสอดคล้องที่เหมาะสม่ มีคาอยู่ ระหว่ าง่ 00.5-1.00 (รังสรรค์ สิงหเลิศ. 2551: 141) 4.2.6 นาแบบสอบถามทั ้งฉบับ เสนอตอผู้เชี่ยวชาญ่ 5 ทาน่ เพื่อตรวจสอบความชัดเจนทาง ภาษา และถูกต้องตามเนื้อหา 4.2.7 นาแบบสอบถามที่ผ านการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญไปปรับปรุงแก่ ไขตามค้ าแนะน า ก่อนนาไปใช้จริงก บกลุั ่มเป้าหมาย

4.3 แบบสอบถามความต้องการพัฒนาภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ 4.3.1 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างแบบสอบถามวัดความต้องการในการ พัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาตางประเทศของมัคคุเทศก่ ์ โดยสร้างแบบสอบถามให้ครอบคลุม 6 ด้าน คือ เนื้อหา วิทยากร สื่อ การวัดผลและประเมินผล สถานที่ และระยะเวลา โดยกาหนดค าเป็น่ 5 คา่ ตามวิธีของ Likert โดยผู้วิจัยปรับปรุงมาจาก ไชยยศ เรืองสุวรรณ (2547: 152) ดังนี้

คาเฉลี่ย่ ระดับความคิดเห็น

4.51-500 มีความต้องการในระดับมากที่สุด 3.51-4.50 มีความต้องการในระดับมาก 2.51-3.50 มีความต้องการในระดับปานกลาง 1.50-2.50 มีความต้องการในระดับน้อย 1.00-1.50 มีความต้องการในระดับน้อยที่สุด

4.3.2 โดยให้คาความต้องการเฉลี่ย่ 3.51 ขึ้นไป จึงถือวาแบบสอบถามนี่ ้มีความถูกต้อง และ เหมาะสม และนาไปใช้ก บกลุั ่มเป้าหมายในระยะที่ 2 4.3.3 ศึกษาข้อความที่แสดงถึงความความต้องการทั้ง 6 ด้าน และสร้างแบบสอบถาม โดยเขียน ข้อความในแง่ความรู้สึก ความเชื่อ หรือความตั้งใจที่จะกระทาสิ ่งหนึ่งลงไป และเป็นข้อความที่สั้น ชัดเจน และเข้าใจง่าย 137

4.3.4 นาแบบสอบถามทั ้งฉบับ เสนอตอผู้เชี่ยวชาญ่ 5 ทาน่ เพื่อตรวจสอบความชัดเจนทางภาษา และถูกต้องตามเนื้อหา 4.3.5 ประเมินความสอดคล้องของแบบสอบถาม เป็นแบบมาตราส่วนประเมินคา่ 3 ระดับ ดังนี้ +1 หมายถึง มีความสอดคล้อง 0 หมายถึง ไมแน่ ่ใจ -1 หมายถึง ไมมีความสอดคล้อง่ 4.3.6 โดยวิเคราะห์ดัชนีความสอดคล้อง ซึ่งมีเกณฑ์การแปลคาเฉลี่ยความสอดคล้อง่ (Index of Item Objective Congruence: IOC) ของแบบสอบถาม คาดัชนีความสอดคล้องที่เหมาะสม่ มีคาอยู่ ่ ระหวาง่ 00.5-1.00 (รังสรรค์ สิงหเลิศ. 2551: 141) 4.3.7 นาแบบสอบถามที่ผ านการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญไปปรับปรุงแก่ ไขตามค้ าแนะน า ก่อน นาไปใช้จริงก บกลุั ่มเป้าหมาย

5. การเกบรวบรวมข้อมูลจากกลุ็ ่มเป้าหมาย 5.1 ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ โดยเกบข้อมูลจาก็ นักศึกษานักศึกษาระดับปริญญาตรีภาคปกติชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาภาษาอังกฤษ และภาษาอังกิจธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และ นักศึกษาสาชาวิชาการโรงแรม และการ ทองเที่ยว่ คณะ วิทยาการจัดการ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ปีการศึกษา 2558 จานวน 5 ห้อง รวม 155 คน 5.2 ความต้องการในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ โดยเกบข้อมูลจาก็ นักศึกษานักศึกษาระดับปริญญาตรีภาคปกติชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาภาษาอังกฤษ และภาษาอังกิจธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และ นักศึกษาสาชาวิชาการโรงแรม และการ ทองเที่ยว่ คณะ วิทยาการจัดการ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ปีการศึกษา 2558 จานวน 5 ห้อง รวม 155 คน 5.3 คุณภาพของหลักสูตรฝึกอบรมภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ เน้น ความความถูกต้อง ความ เหมาะสมของหลักสูตร และการหาคาดรรชนีความสอดคล้องของหลักสูตร่ ประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ 5 ทาน่

6. วิเคราะห์ข้อมูล และอภิปรายผล 6.1 ประเมินความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ โดยเกบข้อมูลจาก็ นักศึกษานักศึกษาระดับปริญญาตรีภาคปกติชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาภาษาอังกฤษ และสาขาวิชา ภาษาอังกฤษกิจธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และ นักศึกษาสาชาวิชาการโรงแรม และ การทองเที่ยวและ่ คณะวิทยาการจัดการ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ปีการศึกษา 2558 จานวน 5 ห้อง รวม 171 คน โดยใช้ สถิติพื้นฐาน คาเฉลี่ยและส่ ่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและคาดรรชนี่ ความสอดคล้อง

138

6.2 ประเมินความต้องการในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ โดยเกบข้อมูลจาก็ นักศึกษานักศึกษาระดับปริญญาตรีภาคปกติชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาภาษาอังกฤษ และสาขาวิชา ภาษาอังกฤษกิจธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และ นักศึกษาสาขาวิชาการโรงแรม และ การทองเที่ยว่ คณะวิทยาการจัดการ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ปีการศึกษา 2558 จานวน 5 ห้อง รวม 155 คนโดยใช้ สถิติพื้นฐาน คาเฉลี่ย่ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและคาดรรชนีความ่ สอดคล้อง 6.3 ประเมินคุณภาพของหลักสูตรฝึกอบรมภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ เน้น ความความ ถูกต้อง ความเหมาะสมของหลักสูตร และการหาคาดรรชนีความสอดคล้องของหลักสูตร่ ประเมินโดย ผู้เชี่ยวชาญ 5 ทาน่ โดยใช้ สถิติพื้นฐาน ร้อยละ คาเฉลี่ยและส่ ่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และคาดรรชนี่ ความสอดคล้อง 7. สถิติที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ 7.1 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์เครื่องมือ 7.1.1 หาคาดัชนีความสอดคล้อง่ (Index of Item Objective Congruence) ของหลักสูตร แบบทดสอบ และแบบสอบถาม โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา อยางน้อย่ 3 ทาน่ พิจารณาลงความเห็น และให้คะแนนดังนี้ +1 เมื่อแน่ใจวาข้อค่ าถามนั ้นเป็นตัวแทนเฉพาะของกลุ่มพฤติกรรมนั้น +0 เมื่อไมแน่ ่ใจวาข้อค่ าถามนั ้นเป็นตัวแทนลักษณะเฉพาะของกลุ่มพฤติกรรมนั้นหรือไม่ -1 เมื่อแน่ใจวาข้อค่ าถามนั ้นไมเป็นตัวแทนเฉพาะของกลุ่ ่มพฤติกรรมนั้น

สูตร IOC = ∑R N IOC หมายถึง ดัชนีความสอดคล้องระหวางข้อค่ าถามก บลักษณะพฤติกรรมั ∑R หมายถึง ผลรวมของคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญทางด้านเนื้อหาทั้งหมด N หมายถึง จานวนผู้เชี่ยวชาญ

7.1.2 หาคาความยากง่ ่าย และ อานาจจ าแนกของแบบสอลถาม 11.8.1.2.1 คาความยากง่ ่าย สูตร p = Ru - Rl 2f เมื่อ p แทน คาความยากของข้อสอบ่ f แทน จานวนคนในกลุ ่มสูงหรือกลุ่มต่าที่มีจ านวนเท าก่ นั Ru แทน จานวนของคนกลุ ่มสูงที่คาตอบถูก 139

Rl แทน จานวนของคนกลุ ่มต่าที่ตอบถูก

7.1.2.2 คาอ่ านาจจ าแนก สูตร r = Ru - Rl f เมื่อ r แทน คาอ่ านาจจ าแนก Ru แทน จานวนของคนกลุ ่มสูงที่คาตอบถูกจ ากลุ ่มสูง Rl แทน แทน จานวนของคนกลุ ่มต่าที่ตอบถูก f แทน จานวนคนในกลุ ่มสูงหรือกลุ่มต่าที่มีจ านวนเท าก่ นั

7.1.3 หาคาความน่ ่าเชื่อถือ (Reliability) ของแบบสอบถาม โดยใช้คาสัมประสิทธิ่ ์แอลฟา (α-Coefficient) ของ ครอนบาค (Cronbach) สูตร n ∑S 2 α = 1 – 1 n-1 S 2 { 1 }

เมื่อ α แทน สัมประสิทธิ์ของความเชื่อมัน่ n แทน จานวนของข้อสอบทั ้งฉบับ ∑S 2 1 แทน ความแปรปรวนของคะแนนข้อคาถามในแต ละข้อน่ ามารวมก นั S 2 1 แทน ความแปรปรวนของคะแนนรวมทั้งฉบับที่แตละคนท่ าได้ 7.2 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 7.2.1 สถิติพื้นฐาน - คาเฉลี่ย่ - คาเบี่ยงเบนมาตรฐาน่

8. ระยะเวลาทาการวิจัย และแผนการด าเนินงานตลอดโครงการวิจัย 8.1 ระยะเวลาในการทาวิจัย 2 ปี ตารางที่ 4 แผนการดาเนินงานวิจัยระยะที่ 1 (ตุลาคม 2558-กนยายนั 2559) ขั้นตอนที่ กิจกรรม ระยะเวลา 1. เตรียมความพร้อม ตุลาคม-ธันวาคม 2558 (3 เดือน) -ศึกษาบริบทและโครงการเกี่ยวกบการทั องเที่ยว่ -วิเคราะห์งานของมัคคุเทศก ์ 140

-สารวจและวิเคราะห์ปัญหา ตลอดจนความต้องการของ มัคคุเทศก ์ 2 สร้างหลักสูตรอบรมภาษาต่างประเทศ มกราคม-มีนาคม 2559 (3 เดือน) - กาหนดจุดมุ งหมายและองค์ประกอบของหลักสูตร่ ฝึกอบรม -กาหนดกรอบเนื ้อหาของการฝึกอบรม - เลือกเนื้อหาให้สอดคล้องกบจุดมุั งหมายของหลักสูตร่ และเหมาะสมกบผู้เข้าอบรมั - ออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษโดยยึด แนวการสอน 3 รูปแบบ คือ Learner-Centered Instruction, Communicative Approach and The Teaching-Learning Cycle Model จัดลาดับเนื ้อหา และ กิจกรรมให้มีความตอเนื่องและเหมาะสมก่ บผู้เข้าอบรมั เน้นทักษะการฟังและทักษะการพูด 3. พัฒนาหลักสูตรส าหรับกล่มเป้าหมายุ เมษายน –มิถุนายน 2559 (3 เดือน) -ประเมินหาคาดรรชนีความสอดคล้องของหลักสูตรโดย่ ผู้เชี่ยวชาญ 5 ทาน่ -ประเมินความถูกต้องและความเหมาะสมของหลักสูตร โดบผู้เชี่ยวชาญ 5 ทาน่ -พัฒนาและปรับหลักสูตรเพื่อนาไปทดลองใช้ก บั กลุ่มเป้าหมายในระยะที่ 2 4 สรุปผลการด าเนินงานระยะที่ 1 กรกฎาคม-กนยายนั 2559 (3 เดือน) -เขียนสรุปรายงายการสร้างและพัฒนาหลักสูตรเพื่อนาไป ทดลองใช้กบกลุั ่มเป้าหมายในระยะที่ 2 -ตีพิมพ์เผยแพร่

ระยะที่ 2 (ตุลาคม 2560-กนยายนั 2561) (กาลังเสนอของบประมาณ ปี 2561)

141

9. สถานที่ในการทาวิจัย 9.1 สานักวิเทศสัมพันธ์และการจัดการศึกษานานาชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 9.2 สถานที่ทองเที่ยวเชิงโ่ บราณคดี วัฒนธรรม ชุมชน นิเวศน์ และเชิงเกษตรในจังหวัด มหาสารคาม

10. แสดงความคาดหมายศักยภาพและวิธีการหรือแนวทางที่จะนาผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ 10.1 นาสู ่การกาหนดนโยบายแก ่ภาคธุรกิจ โดยการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ แก่บุคคลากรที่ทางานเก ี่ยวกบการทั องเที่ยวในกลุ่ ่มจังหวัดร้อย -แก่น-สาร-สินธุ์ โดยใช้หลักสูตร ฝึกอบรมภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ที่ได้รับการพัฒนาอย์ างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ่ เพื่อเป็น การเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน 10.2 นาไปสู ่นโยบายการพัฒนานักศึกษาให้มีความรู้แลความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ สาหรับมัคคุเทศก โดยใช้หลักสูตรฝึกอบรมภาษาอังกฤษส์ าหรับมัคคุเทศก ที่ได้รับการพัฒนาอย์ างเป็น่ ระบบและมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และการประกอบ อาชึพมัคคุเทศก ์ 10.3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ั ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้รูปแบบ หรือแนวทางการพัฒนาความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาตางประเทศส่ าหรับบุคคลากรในสาขา อาชีพอื่นๆ ตอไป่

ตารางที่ 5 แผนการถ่ายทอดเทคโนโลยีหรือผลการวิจัยสู่กลุ่มเป้าหมาย ลาดับ กลุ่มเป้าหมาย วิธีการถ่ายทอด ระยะเวลา สถานที่ ที่ 1 นักศึกษาและบุคลากรที่ อบรมทั้งภาคทฤษฎี และ 60 ชัวโมง่ ใช้ ศูนย์ภาษา สานัก ทางานเก ี่ยวกบการั ภาคปฏิบัติ ในห้องเรียน เวลา 2 สัปดาห์ วิเทศสัมพันธ์และ ทองเที่ยวเชิงโบราณคดี่ เชิง และนอกห้องเรียนโดย การจัดการศึกษา วัฒนธรรม ชุมชน นิเวศน์ อาจารย์ชาวไทย และ นานาชาติ และเชิงเกษตร ในจังหวัด ตางประเทศ่ และสถาน มหาสารคาม 1 กลุ่ม ทองเที่ยว่ จานวน 30 คน (สาหรับ โบราณคดี เชิง ทดลองเครื่องมือ 1 กลุ่ม วัฒนธรรม ชุมชน และกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม) นิเวศน์ และเชิง เกษตร ในจังหวัด มหาสารคาม

142

2 นักศึกษาและบุคลากรที่ อบรมทั้งภาคทฤษฎี และ 60 ชัวโมง่ ใช้ ศูนย์ภาษา สานัก ทางานเก ี่ยวกบการั ภาคปฏิบัติ ในห้องเรียน เวลา 2 สัปดาห์ วิเทศสัมพันธ์และ ทองเที่ยวโบราณคดี่ เชิง และนอกห้องเรียนโดย การจัดการศึกษา วัฒนธรรม ชุมชน นิเวศน์ อาจารย์ชาวไทย และ นานาชาติและ และเชิงเกษตร ในจังหวัด ตางประเทศ่ สถานทองเที่ยว่ มหาสารคาม 1 กลุ่ม โบราณคดี เชิง จานวน 30 คน (สาหรับ วัฒนธรรม ชุมชน ทดลองเครื่องมือ 1 กลุ่ม นิเวศน์ และเชิง และกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม) เกษตร ในจังหวัด มหาสารคาม

3 นักศึกษาและบุคลากรที่ อบรมทั้งภาคทฤษฎี และ 60 ชัวโมง่ ใช้ ศูนย์ภาษา สานัก ทางานเก ี่ยวกบการั ภาคปฏิบัติ ในห้องเรียน เวลา 2 สัปดาห์ วิเทศสัมพันธ์และ ทองเที่ยวเชิงนิเวศน์่ เชิง และนอกห้องเรียนโดย การจัดการศึกษา เกษตร และเชิงวัฒนธรรม อาจารย์ชาวไทย และ นานาชาติและ ในจังหวัดมหาสารคาม 1 ตางประเทศ่ สถานทองเที่ยว่ กลุ่ม จานวน 30 คน โบราณคดี เชิง (สาหรับทดลองเครื่องมือ 1 วัฒนธรรม ชุมชน กลุ่ม และกลุ่มเป้าหมาย 3 นิเวศน์ และเชิง กลุ่ม) เกษตร ในจังหวัด มหาสารคาม 4 นักศึกษาและบุคลากรที่ อบรมทั้งภาคทฤษฎี และ 60 ชัวโมง่ ใช้ ศูนย์ภาษา สานัก ทางานเก ี่ยวกบการั ภาคปฏิบัติ ในห้องเรียน เวลา 2 สัปดาห์ วิเทศสัมพันธ์และ ทองเที่ยวโบราณคดี่ เชิง และนอกห้องเรียนโดย การจัดการศึกษา วัฒนธรรม ชุมชน นิเวศน์ อาจารย์ชาวไทย และ นานาชาติและ และเชิงเกษตร ในจังหวัด ตางประเทศ่ สถานทองเที่ยว่ มหาสารคาม 1 กลุ่ม โบราณคดี เชิง จานวน 30 คน (สาหรับ วัฒนธรรม ชุมชน ทดลองเครื่องมือ 1 กลุ่ม นิเวศน์ และเชิง และกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม) เกษตร ในจังหวัด มหาสารคาม

143

บทที่ 4 วิเคราะห์ข้อมูล

ระยะที่ 1 1. ประเมินความรู้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ในจังหวัด์ มหาสารคาม 2. ความต้องของนักศึกษาในการพัฒนาความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับ มัคคุเทศกในจังหวัดมหาสารคาม์ 3. การสร้างและพัฒนาหลักสูตรภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ในจังหวัด์ มหาสารคาม โดยใช้แนวคิดการเรียนการสอน 3 รูปแบบคือ การสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร การสอน ภาษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ และ The Teaching-Learning Cycle การเกบข้อมูลในระยะที่็ 1 ผู้วิจัยได้ใช้แบบสอบถามเกบข้อมูล็ โดยมีจานวนผู้ตอบ แบบสอบถามทั้งหมด 171 คน ได้แก่นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาวิชาภาษาอังกฤษ จานวน 3 ห้อง จานวน 100 คน ภาษาอังกฤษธุรกิจ 1 ห้อง จานวน 34 คน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และ สาขาวิชา การโรงแรมและการทองเที่ยว่ คณะวิทยาการจัดการ จานวน 1 ห้อง 37 คน รวมทั้งหมด 171 คน ผู้วิจัย ได้วิเคราะห์ข้อมูลและนาเสนอข้อมูลวิจัย ดังตอไปนี่ ้

1. ข้อมูลทัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม่ ข้อมูลทัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม่ ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด มีอายุระหวาง่ 18-25 ปี (100%) ส่วนมากเป็นเพศหญิง จานวน 162 คน (95.30%) เพศชาย 9 คน ระดับการศึกษา กาลัง ศึกษาในระดับปริญญาตรี 171 คน (100%) ส่วนมากไมมีประสบการณ์การเป็นมัคคุเทศก่ ์ จานวน 170 คน (99.40%)

2 การประเมินความรู้และความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ของนักศึกษา์

144

ตารางที่ 6 การประเมินความรู้และความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ของ์ นักศึกษาทั้งหมด ประเด็นประเมิน X S.D. 1. ความร้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวู 1.1 ทานมีความรู้เก่ ี่ยวกบข้อมูลทัั วไปของจังหวัดมหาสารคามได้แก่ ่ สภาพ 3.68 .67 ภูมิศาสตร์ การคมนาคม อาชีพ วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ 1.2 ทานมีความรู้เก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิงนิเวศในจังหวัดมหาสารคาม่ 3.36 .95 1.3 ทานต้องการรู้เก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดมหาสารคาม่ 3.74 .86 1.4 ทานมีความรู้เก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม่ ในจังหวัด 3.71 .85 มหาสารคาม เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.62 .95 2. ความร้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษู 2.1 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบข้อมูลทัั วไปของจังหวัด่ 3.57 .69 มหาสารคามได้แก่ สภาพภูมิศาสตร์ การคมนาคม อาชีพ วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ 2.2 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ 3.44 .85 นิเวศในจังหวัดมหาสารคาม 2.3 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ 3.40 .67 เกษตรในจังหวัดมหาสารคาม 2.4 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ 3.35 .68 วัฒนธรรมในจังหวัดมหาสารคาม 2.5 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ 3.42 .86 สุขภาพในจังหวัดมหาสารคาม เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.43 .88 3. ความร้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสู าหรับมัคคุเทศก์ 3.1 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการทักทายก บั 3.88 .87 นักทองเที่ยว่ (Greeting Tourists) 3.2 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการแนะน าตัวต อ่ 3.78 85 นักทองเที่ยว่ (Introducing People) 3.3 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการพูดคุยเรื่อง 3.84 .68 เล็กๆน้อยๆ (Making Small Talk)

145

3.4 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับแสดงความคิดเห็นก บั 3.65 .69 นักทองเที่ยว่ (Giving Opinions) 3.5 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการรับค าชมและค า 3.61 .84 วิจารณ์จากนักทองเที่ยว่ (Accepting Praise and Criticism) 3.6 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการแก ปัญหาการร้อง้ 3.72 .85 ทุกข์ของนักทองเที่ยว่ (Dealing with Complaints) 3.7 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการแก ปัญหาฉุกเฉินของ้ 3.66 .86 นักทองเที่ยว่ (Coping with Emergencies) 3.8 ทานมีความรู้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการกล ่าวลา 3.91 .78 นักทองเที่ยว่ (Saying Goodbye) 3.9 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับ การให้ข้อมูลเกี่ยวกบั วัน 3.90 .85 วันที่ และเวลา (Talking about Days, Dates and Time) 3.10 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการให้ข้อมูลเก ี่ยวกบั 3.82 .65 ระยะทาง และสถานที่ ทองเที่ยว่ (Talking about Distance, Area, and Length of Time) 3.11 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการให้ข้อมูลเก ี่ยวกบั 3.70 .87 แผนการทองเที่ยว่ (Talking about an Itinerary) 3.11 อื่นๆ โปรดระบุ...... 3.71 .6 เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.76 .84 4. การจัดการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว 4.1 ประสิทธิภาพการให้บริการแก่นักทองเที่ยวในฐานะเป็นมัคคุเทศก่ ์ 3.62 .68 4.2 ความสามารถในการจัดโปรแกรมทองเที่ยวและการนัดหมายนักท่ องเที่ยว่ 3.63 .87 4.3 ทานมีกลยุทธ์การติดต่ อประสานงาน่ และการเตรียมความพร้อมให้แก่ 3.64 .89 นักทองเที่ยว่ เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.63 .86 เฉลี่ยรวมทั้งหมด 3.66 .88

ผลการประเมินความรู้และความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ในจังหวัด์ มหาสารคาม ของนักศึกษา โดยภาพรวม คาคะแนนเฉลี่ย่ อยูในระดับดี่ (X= 3.66) พิจารณารายด้าน ทั้ง สี่ด้าน พบวา่ มี สามด้านที่มีคาเฉลี่ยอยู ในระดับดี่ ได้แก่ การจัดการเกี่ยวกบการทั องเที่ยว่ ความรู้ เกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ คาเฉลี่ยอยู่ ในระดับดี่ เทาก่ บั 3.76 3.63 และ 3.62 146

ตามลาดับ ส่วนความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับการเป็นมัคคุเทศก ในจังหวัด์ มหาสารคาม คาเฉลี่ยอยู่ ในระดับปานกลาง่ เทาก่ บั 3.43

ตารางที่ 7 การประเมินความรู้และความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ของนักศึกษา์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จานวน 100 คน ประเด็นประเมิน X S.D. 1. ความร้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวู 1.1 ทานมีความรู้เก่ ี่ยวกบข้อมูลทัั วไปของจังหวัดมหาสารคามได้แก่ ่ สภาพ 3.88 .77 ภูมิศาสตร์ การคมนาคม อาชีพ วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ 1.2 ทานมีความรู้เก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิงนิเวศในจังหวัดมหาสารคาม่ 3.46 .66 1.3 ทานต้องการรู้เก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดมหาสารคาม่ 3.54 .65 1.4 ทานมีความรู้เก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม่ ในจังหวัด 3.81 .63 มหาสารคาม เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.67 .68 2. ความร้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษู 2.1 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบข้อมูลทัั วไปของจังหวัด่ 3.27 .78 มหาสารคามได้แก่ สภาพภูมิศาสตร์ การคมนาคม อาชีพ วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ 2.2 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ 3.24 .87 นิเวศในจังหวัดมหาสารคาม 2.3 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ 3.10 .82 เกษตรในจังหวัดมหาสารคาม 2.4 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ 3.25 .86 วัฒนธรรมในจังหวัดมหาสารคาม 2.5 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ 3.22 .86 สุขภาพในจังหวัดมหาสารคาม เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.21 .84 3. ความร้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสู าหรับมัคคุเทศก์ 3.1 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการทักทายก บั 4.28 .74 นักทองเที่ยว่ (Greeting Tourists) 3.2 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการแนะน าตัวต อ่ 4.58 .76 147

นักทองเที่ยว่ (Introducing People) 3.3 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการพูดคุยเรื่อง 4.54 .85 เล็กๆน้อยๆ (Making Small Talk) 3.4 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับแสดงความคิดเห็นก บั 3.85 .86 นักทองเที่ยว่ (Giving Opinions) 3.5 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการรับค าชมและค า 3.81 .87 วิจารณ์จากนักทองเที่ยว่ (Accepting Praise and Criticism) 3.6 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการแก ปัญหาการร้อง้ 3.75 .88 ทุกข์ของนักทองเที่ยว่ (Dealing with Complaints) 3.7 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการแก ปัญหาฉุกเฉินของ้ 3.86 .76 นักทองเที่ยว่ (Coping with Emergencies) 3.8 ทานมีความรู้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการกล ่าวลา 3.81 .75 นักทองเที่ยว่ (Saying Goodbye) 3.9 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับ การให้ข้อมูลเกี่ยวกบั วัน 3.60 .78 วันที่ และเวลา (Talking about Days, Dates and Time) 3.10 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการให้ข้อมูลเก ี่ยวกบั 3.82 .79 ระยะทาง และสถานที่ ทองเที่ยว่ (Talking about Distance, Area, and Length of Time) 3.11 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการให้ข้อมูลเก ี่ยวกบั 3.20 .88 แผนการทองเที่ยว่ (Talking about an Itinerary) 3.11 อื่นๆ โปรดระบุ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.92 .81 4. การจัดการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว 4.1 ประสิทธิภาพการให้บริการแก่นักทองเที่ยวในฐานะเป็นมัคคุเทศก่ ์ 3.32 .87 4.2 ความสามารถในการจัดโปรแกรมทองเที่ยวและการนัดหมายนักท่ องเที่ยว่ 3.53 .88 4.3 ทานมีกลยุทธ์การติดต่ อประสานงาน่ และการเตรียมความพร้อมให้แก่ 3.24 .87 นักทองเที่ยว่ 4.4 อื่นๆ โปรดระบุ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.36 .87 เฉลี่ยรวมทั้งหมด 3.54 .80

148

ผลการประเมินความรู้และความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ในจังหวัด์ มหาสารคาม ของนักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษ โดยภาพรวม คาคะแนนเฉลี่ย่ อยูในระดับดี่ 3.54 พิจารณารายด้าน ทั้ง สี่ด้าน พบวา่ มี สองด้านที่มีคาเฉลี่ยอยู่ ในระดับดี่ ได้แก่ ความรู้ความสามารถใน การใช้ภาษาอังกฤษสาหรับการเป็นมัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ และความรู้เกี่ยวกบสถานที่ั ทองเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ เทาก่ บั 3.92 และ 3.67 ตามลาดับ ส่วนอีกสองด้าน ได้แก่ การจัดการ เกี่ยวกบการทั องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเกี่ยวกบสถานที่ั ทองเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ คาเลี่ยอยู่ ในระดับปานกลาง่ เทาก่ บั 3.36 และ 3.21

ตารางที่ 8 การประเมินความรู้และความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ของนักศึกษา์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จานวน 34 คน

ประเด็นประเมิน X S.D. 1. ความร้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวู 1.1 ทานมีความรู้เก่ ี่ยวกบข้อมูลทัั วไปของจังหวัดมหาสารคามได้แก่ ่ สภาพ 3.68 .77 ภูมิศาสตร์ การคมนาคม อาชีพ วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ 1.2 ทานมีความรู้เก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิงนิเวศในจังหวัดมหาสารคาม่ 3.66 .68 1.3 ทานต้องการรู้เก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดมหาสารคาม่ 3.54 .65 1.4 ทานมีความรู้เก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม่ ในจังหวัด 3.51 มหาสารคาม .68 เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.59 .69 2. ความร้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษู 2.1 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบข้อมูลทัั วไปของจังหวัด่ 3.77 .68 มหาสารคามได้แก่ สภาพภูมิศาสตร์ การคมนาคม อาชีพ วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ 2.2 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ 3.54 .78 นิเวศในจังหวัดมหาสารคาม 2.3 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ 3.70 .86 เกษตรในจังหวัดมหาสารคาม 2.4 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ 3.85 .76 วัฒนธรรมในจังหวัดมหาสารคาม

149

2.5 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ 3.62 .77 สุขภาพในจังหวัดมหาสารคาม. เฉลี่ยรวมรายด้าน 3.70 .77 3. ความร้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสู าหรับมัคคุเทศก์ 3.1 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการทักทายก บั 4.88 .82 นักทองเที่ยว่ (Greeting Tourists) 3.2 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการแนะน าตัวต อ่ 4.78 .83 นักทองเที่ยว่ (Introducing People) 3.3 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการพูดคุยเรื่อง 3.84 .85 เล็กๆน้อยๆ (Making Small Talk) 3.4 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับแสดงความคิดเห็นก บั 4.25 .84 นักทองเที่ยว่ (Giving Opinions) 3.5 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการรับค าชมและค า 4.15 .73 วิจารณ์จากนักทองเที่ยว่ (Accepting Praise and Criticism) 3.6 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการแก ปัญหาการร้อง้ 3.72 .65 ทุกข์ของนักทองเที่ยว่ (Dealing with Complaints) 3.7 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการแก ปัญหาฉุกเฉิน้ 3.65 .74 ของนักทองเที่ยว่ (Coping with Emergencies) 3.8 ทานมีความรู้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการกล ่าวลา 4.71 .77 นักทองเที่ยว่ (Saying Goodbye) 3.9 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับ การให้ข้อมูลเกี่ยวกบั 4.70 .74 วัน วันที่ และเวลา (Talking about Days, Dates and Time) 3.10 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการให้ข้อมูลเก ี่ยวกบั 4.62 .69 ระยะทาง และสถานที่ ทองเที่ยว่ (Talking about Distance, Area, and Length of Time) 3.11 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการให้ข้อมูลเก ี่ยวกบั 3.70 .81 แผนการทองเที่ยว่ (Talking about an Itinerary) 3.11 อื่นๆ โปรดระบุ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.27 .77 4. การจัดการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว 4.1 ประสิทธิภาพการให้บริการแก่นักทองเที่ยวในฐานะเป็นมัคคุเทศก่ ์ 3.65 .84 4.2 ความสามารถในการจัดโปรแกรมทองเที่ยวและการนัดหมายนักท่ องเที่ยว่ 3.53 .83 150

4.3 ทานมีกลยุทธ์การติดต่ อประสานงาน่ และการเตรียมความพร้อมให้แก่ 3.67 .85 นักทองเที่ยว่ เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.61 .83 เฉลี่ยรวมทั้งหมด 3.79 .76 . ผลการประเมินความรู้และความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ในจังหวัด์ มหาสารคาม ของนักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ โดยภาพรวม คาคะแนนเฉลี่ย่ อยูในระดับดี่ 3.79 พิจารณารายด้าน ทั้ง สี่ด้าน พบวา่ ทั้ง สี่ด้านที่มีคาเฉลี่ยอยู่ ในระดับดี่ ได้แก่ ความรู้ความสามารถ ในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับการเป็นมัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ ความสามารถในการใช้ ภาษาอังกฤษเกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ การจัดการเกี่ยวกบการทั องเที่ยวใน่ จังหวัดมหาสารคามและความรู้เกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ เทาก่ บั 4.27 3.70 3.61 และ 3.59 ตามลาดับ

ตารางที่ 9 การประเมินความรู้และความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ของนักศึกษา์ สาขาวิชาการโรงแรม และการทองเที่ยว่ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จานวน 37 คน

ประเด็นประเมิน X S.D. 1. ความร้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวู 1.1 ทานมีความรู้เก่ ี่ยวกบข้อมูลทัั วไปของจังหวัดมหาสารคามได้แก่ ่ สภาพ 3.88 .67 ภูมิศาสตร์ การคมนาคม อาชีพ วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ 1.2 ทานมีความรู้เก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิงนิเวศในจังหวัดมหาสารคาม่ 3.76 .66 1.3 ทานต้องการรู้เก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดมหาสารคาม่ 3.94 .67 1.4 ทานมีความรู้เก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม่ ในจังหวัด 3.71 .68 มหาสารคาม เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.82 .67 2. ความร้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษู 3.22 .86 2.1 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบข้อมูลทัั วไปของจังหวัด่ 3.27 .86 มหาสารคามได้แก่ สภาพภูมิศาสตร์ การคมนาคม อาชีพ วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ 2.2 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ 3.24 .87 นิเวศในจังหวัดมหาสารคาม 151

2.3 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ 3.20 .89 เกษตรในจังหวัดมหาสารคาม 2.4 ทานมีความสามารถในการใช้่ .ภาษาอังกฤษเกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ 3.25 .85 วัฒนธรรมในจังหวัดมหาสารคาม 2.5 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ 3.12 .82 สุขภาพในจังหวัดมหาสารคาม เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.22 .86 3. ความร้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสู าหรับมัคคุเทศก์ 3.1 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการทักทายก บั 3.98 .74 นักทองเที่ยว่ (Greeting Tourists) 3.2 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการแนะน าตัวต อ่ 3.88 .75 นักทองเที่ยว่ (Introducing People) 3.3 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการพูดคุยเรื่อง 3.84 .72 เล็กๆน้อยๆ (Making Small Talk) 3.4 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับแสดงความคิดเห็นก บั 3.75 .68 นักทองเที่ยว่ (Giving Opinions) 3.5 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการรับค าชมและค า 3.68 .89 วิจารณ์จากนักทองเที่ยว่ (Accepting Praise and Criticism) 3.6 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการแก ปัญหาการร้อง้ 3.42 .85 ทุกข์ของนักทองเที่ยว่ (Dealing with Complaints) 3.7 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการแก ปัญหาฉุกเฉินของ้ 3.26 .87 นักทองเที่ยว่ (Coping with Emergencies) 3.8 ทานมีความรู้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการกล ่าวลา 3.95 .88 นักทองเที่ยว่ (Saying Goodbye) 3.9 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับ การให้ข้อมูลเกี่ยวกบั วัน 3.90 .78 วันที่ และเวลา (Talking about Days, Dates and Time) 3.10 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการให้ข้อมูลเก ี่ยวกบั 3.85 .68 ระยะทาง และสถานที่ ทองเที่ยว่ (Talking about Distance, Area, and Length of Time) 3.11 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการให้ข้อมูลเก ี่ยวกบั 3.80 .69 แผนการทองเที่ยว่ (Talking about an Itinerary) 3.11 อื่นๆ โปรดระบุ...... 152

เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.75 .78 4. การจัดการเกี่ยวกับท่องเที่ยว 4.1 ประสิทธิภาพการให้บริการแก่นักทองเที่ยวในฐานะเป็นมัคคุเทศก่ ์ 3.72 .86 4.2 ความสามารถในการจัดโปรแกรมทองเที่ยวและการนัดหมายนักท่ องเที่ยว่ 3.83 .85 4.3 ทานมีกลยุทธ์การติดต่ อประสานงาน่ และการเตรียมความพร้อมให้แก่ 3.74 .84 นักทองเที่ยว่ เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.76 .83 เฉลี่ยรวมทั้งหมด 3.63 .79

ผลการประเมินความรู้และความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ในจังหวัด์ มหาสารคาม ของนักศึกษาสาขาวิชา การโรงแรม และการทองเที่ยว่ โดยภาพรวม คาคะแนนเฉลี่ย่ อยู่ ในระดับดี 3.63 พิจารณารายด้าน ทั้ง สี่ด้าน พบวา่ ทั้ง มีสามด้านที่มีคาเฉลี่ยอยู่ ในระดับดี่ ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ ความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ สาหรับการเป็นมัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ เทาก่ บั 3.82 3.76 และ 3.75 ตามลาดับ ส่วน ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ มีคาเฉลี่ย่ เทาก่ บั 3.22

3. ความต้องการในการพัฒนาความรู้ความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก การท์ องเที่ยว่ ของนักศึกษา

ตารางที่ 10 ความต้องการในการพัฒนาความรู้ความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับ มัคคุเทศกการท์ องเที่ยวของนักศึกษาทั่ ้งหมด

ความต้องการในการพัฒนา รายละเอียด X S.D. เนื้อหา รายละเอียด 1.ตระหนักถึงความสาคัญ 1. ความสาคัญจ าเป็นในการใช้ 4.20 .66 และจาเป็นส าหรับการพัฒนา ภาษาอังกฤษเพื่อการทองเที่ยว่ 2. มีปริมาณนักทองเที่ยวชาวตะวันตก่ 3.85 .67 หรือนักทองเที่ยวที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ่ เพื่อการสื่อสารมากขึ้น 3.ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางที่ต้องใช้ 4.78 .68 สื่อสารในกลุ่มประเทศสมาชิประชาคม อาเชียน

153

อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.27 .74 2.ประโยชน์ในการพัฒนา 4.ทานต้องการพัฒนาความสามารถใน่ 4.20 .75 การใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ 5. ทานต้องการสร้างความมั่ นใจในการ่ 4.30 .76 ใช้ภาษาอังกฤษในงานอาชีพมัคคุเทศก ์ 6.ทานต้องการเพิ่ ่มประสิทธิภาพการ 4.35 .77 ให้บริการ 7.ทานต้องการเพิ่ ่มประสิทธิภาพการจัด 4.20 .78 โปรแกรมทัวร์และการนัดหมาย 8.ทานสามารถเพิ่ ่มศักยภาพในการ 4.10 .86 จัดการทองเที่ยวในเขตพื่ ้นที่ให้มี มาตรฐานสากล อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.23 .78 3.ความรู้เกี่ยวกบแหลั ่ง 9.ทานต้องการทราบข้อมูลทั่ วของ่ 3.85 .79 ทองเที่ยวในจังหวัด่ จังหวัดมหาสารคามได้แก่ สภาพ มหาสารคาม ภูมิศาสตร์ การคมนาคม อาชีพ วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ 10.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่่ 3.90 81 ทองเที่ยวเชิงโบราณคดีในจังหวัด่ มหาสารคาม 11.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่่ 3.75 .82 ทองเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในจังหวัด่ มหาสารคาม 12.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่่ 3.65 .83 ทองเที่ยวเมืองและชุมชนในจังหวัด่ มหาสารคาม 13.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่่ 3.75 .84 ทองเที่ยวเชิงนิเวศในจังหวัด่ มหาสารคาม 154

14.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่่ 3.55 .85 ทองเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัด่ มหาสารคาม อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.54 .86 4 ภาษาอังกฤษสาหรับ 15. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 3.68 .63 มัคคุเทศก ์ ภาษาอังกฤษสาหรับการแนะน าตัวต อ่ นักทองเที่ยว่ (Introducing People) 16.ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 3.36 .68 ภาษาอังกฤษสาหรับการพูดคุยเรื่อง เล็กๆน้อยๆ (Making Small Talk) 17.ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 3.74 .67 ภาษาอังกฤษสาหรับแสดงความคิดเห็น กบนักทั องเที่ยว่ (Giving Opinions) 18. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 3.27 .84 ภาษาอังกฤษสาหรับการรับค าชมและ คาวิจารณ์จากนักท องเที่ยว่ (Accepting Praise and Criticism) 19. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 3.62 .82 ภาษาอังกฤษสาหรับการแก ปัญหาการ้ ร้องทุกข์ของนักทองเที่ยว่ (Dealing with Complaints) 20. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 3.55 .75 ภาษาอังกฤษสาหรับการแก ปัญหา้ ฉุกเฉินของนักทองเที่ยว่ (Coping with Emergencies) 21. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 3.60 .74 ภาษาอังกฤษสาหรับการกล ่าวลา นักทองเที่ยว่ (Saying Goodbye) 22. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 3.75 .77 ภาษาอังกฤษสาหรับ การให้ข้อมูล เกี่ยวกบั วัน วันที่ และเวลา (Talking 155

about Days, Dates and Time) 23. ทานมีความสามารถในการใช้่ 3.86 .81 ภาษาอังกฤษสาหรับการให้ข้อมูล เกี่ยวกบระยะทางั และสถานที่ ทองเที่ยว่ (Talking about Distance, Area, and Length of Time) 24. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 3.95 .82 ภาษาอังกฤษสาหรับการให้ข้อมูล เกี่ยวกบแผนการทั องเที่ยว่ (Talking about an Itinerary) อื่น ๆ โปรดระบุ ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.63 .84 5. รูปแบบการอบรม 25. ทานต้องการหลักสูตรฝึกอบรมระยะ่ 4.50 .76 สั้น 26. ทานต้องการขอบข่ ายเนื่ ้อหา เน้น 4.75 - .68 ทฤษฎีและฝึกปฏิบัติจริงในแหล่ง ทองเที่ยว่ 27.ทานต้องการขอบข่ ายเนื่ ้อหา เน้น 4.20 - .67 ทฤษฎีและการฝึกปฏิบัติในห้องเรียน 28. ทานต้องการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่ าน่ 3.20 .69 สื่อทางไกล 29.ทานต้องการเรียนรู้ฝึกอบรมใน่ 4.25 .74 ห้องเรียน 30.ทานต้องการเรียนรู้ฝึกอบรมใน่ 4.10 .75 ห้องเรียนและผานสื่อทางไกล่ 31.ทานต้องการเรียนรู้ฝึกอบรมใน่ 4.78 .76 ห้องเรียนและฝึกใช้ภาษาในสถานการณ์ ทองเที่ยวจริง่ อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.25 .78 6.ระยะเวลาในการอบรม 32.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 30 3.30 .84 ชัวโมง่ 156

33.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 60 4.50 .77 ชัวโมง่ 34.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 90 4.10 .75 ชัวโมง่ 35.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 120 3.25 .74 ชัวโมง่ 36.ทานต้องการฝึกอบรบ่ ช่วงเวลา 4.20 .73 จันทร์-ศุกร์ เวลาราชการ 37.ทานต้องการฝึกอบรม่ เสาร์-อาทิตย์/ 4.55 .72 หลังเลิกงาน อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.98 .81 7.อาจารย์สอน 38.ทานต้องการฝึกอบรมก่ บั อาจารย์ชาว 4.50 .88 ไทย 39.ทานต้องการฝึกอบรมก่ บั อาจารย์ 4.10 .69 ชาวตางชาติ่ 40.ทานต้องการฝึกอบรมก่ บั อาจารย์ชาว 4.35 .73 ไทย และชาวตางชาติ่ อื่นๆ...... 4.31 .74 8. การประเมินผล 41.ทานต้องการประเมินความสามารถ่ 3.40 .75 โดยใช้ทดสอบข้อเขียน 42.ทานต้องการประเมินความสามารถ่ 3.85 .78 โดยใช้ทดสอบการฝึกปฏิบัติจริงใน สถานที่จริง 43.ทานต้องการประเมินความสามารถ่ 4.25 .85 โดยใช้ทดสอบข้อเขียน และปฏิบัติจริง ในสถานการณ์จริง อื่นๆ โปรดระบุ ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.39 .79 เฉลี่ยรวมทั้งหมด 4.07 ..79 157

ผลการสารวจตวามต้องการพัฒนาความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษส าหรับมัคคุเทศก ใน์ จังหวัดมหาสารคาม ของนักศึกษา โดยภาพรวม คาคะแนนเฉลี่ย่ อยูในระดับมาก่ 4.07 พิจารณาราย ด้าน ทั้ง แปดด้าน พบวา่ นักศึกษาต้องการพัฒนาทั้ง แปด ด้าน มีคาเฉลี่ยอยู่ ในระดับมาก่ ประกอบด้วย การประเมินผลการเรียนรู้ อาจารย์สอน ตระหนักและความสาคัญในการพัฒนา ภาษาอังกฤษ รูปแบบการอบรม ประโยชน์ของการพัฒนา ระยะเวลาในการอบรม ภาษาอังกฤษ สาหรับมัคคุเทศก ์ และ ความรู้เกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหมาสารคาม่ คาเฉลี่ยเท่ าก่ บั 4.39 4.31 4.27 4.25 4.23 3.98 3.63 และ 3.54 ตามลาดับ

ตารางที่ 11 ความต้องการในการพัฒนาของนักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จานวน 100 คน

ความต้องการในการพัฒนา รายละเอียด X S.D. เนื้อหา รายละเอียด 1.ตระหนักถึงความสาคัญ และ 1. ความสาคัญจ าเป็นในการใช้ 4.50 .83 จาเป็นส าหรับการพัฒนา ภาษาอังกฤษเพื่อการทองเที่ยว่ 2. มีปริมาณนักทองเที่ยวชาวตะวันตกหรือ่ 4.85 .81 นักทองเที่ยวที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการ่ สื่อสารมากขึ้น 3. ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางที่ต้องใช้ 4.78 .82 สื่อสารในกลุ่มประเทศสมาชิประชาคม อาเชีย อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.71 .84 2.ประโยชน์ในการพัฒนา 4.ทานต้องการพัฒนาความสามารถในการ่ 4.60 .86 ใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ 5. ทานต้องการสร้างความมั่ นใจในการใช้่ 4.70 .87 ภาษาอังกฤษในงานอาชีพมัคคุเทศก ์ 6.ทานต้องการเพิ่ ่มประสิทธิภาพการ 4.65 .63. ให้บริการ 7.ทานต้องการเพิ่ ่มประสิทธิภาพการจัด 4.25 64 โปรแกรมทัวร์และการนัดหมาย 8.ทานสามารถเพิ่ ่มศักยภาพในการจัดการ 4.35 .65 ทองเที่ยวในเขตพื่ ้นที่ให้มีมาตรฐานสากล 158

อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.51 .86 3.ความรู้เกี่ยวกบแหลั ่ง 9.ทานต้องการทราบข้อมูลทั่ วของ่ 4.85 .84 ทองเที่ยวในจังหวัด่ จังหวัดมหาสารคามได้แก่ สภาพ มหาสารคาม ภูมิศาสตร์ การคมนาคม อาชีพ วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ 10.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่่ 4.90 .85 ทองเที่ยวเชิงโบราณคดีในจังหวัด่ มหาสารคาม 11.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่่ 3.75 .84 ทองเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในจังหวัด่ มหาสารคาม 12.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่่ 4.65 .83 ทองเที่ยวเมืองและชุมชนในจังหวัด่ มหาสารคาม 13.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่่ 4.75 .78 ทองเที่ยวเชิงนิเวศในจังหวัดมหาสารคาม่ 14.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่่ 4.55 .71 ทองเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดมหาสารคาม่ อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.57 .73 4 ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ 15. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.68 .74 ภาษาอังกฤษสาหรับการแนะน าตัวต อ่ นักทองเที่ยว่ (Introducing People) 16.ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.36 .77 ภาษาอังกฤษสาหรับการพูดคุยเรื่อง เล็กๆน้อยๆ (Making Small Talk) 17.ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.74 .68 ภาษาอังกฤษสาหรับแสดงความคิดเห็น กบนักทั องเที่ยว่ (Giving Opinions) 18. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.27 .58 159

ภาษาอังกฤษสาหรับการรับค าชมและ คาวิจารณ์จากนักท องเที่ยว่ (Accepting Praise and Criticism) 19. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.62 .67 ภาษาอังกฤษสาหรับการแก ปัญหาการ้ ร้องทุกข์ของนักทองเที่ยว่ (Dealing with Complaints) 20. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.55 .85 ภาษาอังกฤษสาหรับการแก ปัญหาฉุกเฉิน้ ของนักทองเที่ยว่ (Coping with Emergencies) 21. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.60 .78 ภาษาอังกฤษสาหรับการกล ่าวลา นักทองเที่ยว่ (Saying Goodbye) 22. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.75 .82 ภาษาอังกฤษสาหรับ การให้ข้อมูลเกี่ยวกบั วัน วันที่ และเวลา (Talking about Days, Dates and Time) 23. ทานมีความสามารถในการใช้่ 4.86 .64 ภาษาอังกฤษสาหรับการให้ข้อมูล เกี่ยวกบระยะทางั และสถานที่ ทองเที่ยว่ (Talking about Distance, Area, and Length of Time) 24. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.95 .76 ภาษาอังกฤษสาหรับการให้ข้อมูลเก ี่ยวกบั แผนการทองเที่ยว่ (Talking about an Itinerary) อื่น ๆ โปรดระบุ ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.63 .85 5. รูปแบบการอบรม 25. ทานต้องการหลักสูตรฝึกอบรมระยะ่ 4.50 .84 สั้น 26. ทานต้องการขอบข่ ายเนื่ ้อหา เน้นทฤษฎี .83 160

และฝึกปฏิบัติจริงในแหล่งทองเที่ยว่ 4.75 27.ทานต้องการขอบข่ ายเนื่ ้อหา เน้นทฤษฎี 4.60 .85 และการฝึกปฏิบัติในห้องเรียน 28. ทานต้องการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่ าน่ 3.20 .83 สื่อทางไกล 29.ทานต้องการเรียนรู้ฝึกอบรมใน่ 4.15 .75 ห้องเรียน 30.ทานต้องการเรียนรู้ฝึกอบรมใน่ 4.10 .73 ห้องเรียนและผานสื่อทางไกล่ 31.ทานต้องการเรียนรู้ฝึกอบรมใน่ 4.78 .74 ห้องเรียนและฝึกใช้ภาษาในสถานการณ์ ทองเที่ยวจริง่ อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.29 .75 6.ระยะเวลาในการอบรม 32.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 30 3.20 .85 ชัวโมง่ 33.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 60 4.85 .82 ชัวโมง่ 34.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 90 4.10 .62 ชัวโมง่ 35.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 120 3.25 .63 ชัวโมง่ 36.ทานต้องการฝึกอบรบ่ ช่วงเวลา 4.70 .68 จันทร์-ศุกร์ เวลาราชการ 37.ทานต้องการฝึกอบรม่ เสาร์-อาทิตย์/ 4.75 .67 หลังเลิกงาน อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.14 .84 7.อาจารย์สอน 38.ทานต้องการฝึกอบรมก่ บั อาจารย์ชาว 4.70 .85 ไทย 39.ทานต้องการฝึกอบรมก่ บั อาจารย์ 4.10 .86 ชาวตางชาติ่ 161

40.ทานต้องการฝึกอบรมก่ บั อาจารย์ชาว 4.35 .84 ไทย และชาวตางชาติ่ อื่นๆ...... 83 เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.38 .82 8. การประเมินผล 41.ทานต้องการประเมินความสามารถโดย่ 3.40 .74 ใช้ทดสอบข้อเขียน 42.ทานต้องการประเมินความสามารถโดย่ 3.85 .73 ใช้ทดสอบการฝึกปฏิบัติจริงในสถานที่จริง 43.ทานต้องการประเมินความสามารถโดย่ 4.25 .74 ใช้ทดสอบข้อเขียน และปฏิบัติจริงใน สถานการณ์จริง เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.83 .75 เฉลี่ยรวมทั้งหมด

ผลการสารวจตวามต้องการพัฒนาความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษส าหรับมัคคุเทศก ใน์ จังหวัดมหาสารคาม ของนักศึกษาวิชาเอกภาษาอังกฤษ สาขาศิปศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม พบวา่ โดยภาพรวม คาคะแนนเฉลี่ยอยู่ ในระดับมาก่ 4.38 พิจารณารายด้าน ทั้ง แปดด้าน พบวา่ นักศึกษาต้องการพัฒนาทั้ง แปด ด้าน มีคาเฉลี่ยอยู่ ในระดับ่ มาก ประกอบด้วย ตระหนักและความสาคัญในการพัฒนาภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษสาหรับ มัคคุเทศก ์ ความรู้เกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหมาสารคาม่ ประโยชน์ของการพัฒนา อาจารย์สอน รูปแบบการอบรม ระยะเวลาในการอบรม และการประเมินผลการเรียนรู้ คาเฉลี่ยเท่ าก่ บั 4.71 4.63 4.57 4.51 4.38 4.29 4.14 และ 3.83 ตามลาดับ

ตารางที่ 12 ความต้องการในการพัฒนาของนักศึกษาสาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จานวน 34 คน

ความต้องการในการพัฒนา รายละเอียด X S.D. เนื้อหา รายละเอียด 1.ตระหนักถึงความสาคัญ 1. ความสาคัญจ าเป็นในการใช้ภาษาอังกฤษ 4.40 .63 และจาเป็นส าหรับการพัฒนา เพื่อการทองเที่ยว่ 2. มีปริมาณนักทองเที่ยวชาวตะวันตกหรือ่ 4.25 .64 นักทองเที่ยวที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการ่ สื่อสารมากขึ้น 162

3. ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางที่ต้องใช้ 4.78 .65 สื่อสารในกลุ่มประเทศสมาชิประชาคม อาเชียน อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.47 .67 2.ประโยชน์ในการพัฒนา 4.ทานต้องการพัฒนาความสามารถในการใช้่ 4.60 .74 ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ 5. ทานต้องการสร้างความมั่ นใจในการใช้่ 4.80 .75 ภาษาอังกฤษในงานอาชีพมัคคุเทศก ์ 6.ทานต้องการเพิ่ ่มประสิทธิภาพการ 4.35 .76 ให้บริการ. 7.ทานต้องการเพิ่ ่มประสิทธิภาพการจัด 4.20 .77 โปรแกรมทัวร์และการนัดหมาย 8.ทานสามารถเพิ่ ่มศักยภาพในการจัดการ 4.65 .78 ทองเที่ยวในเขตพื่ ้นที่ให้มีมาตรฐานสากล อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.52 .83 3.ความรู้เกี่ยวกบั แหล่ง 9.ทานต้องการทราบข้อมูลทั่ วของ่ 4.35 .84 ทองเที่ยวในจังหวัด่ จังหวัดมหาสารคามได้แก่ สภาพ มหาสารคาม ภูมิศาสตร์ การคมนาคม อาชีพ วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ 10.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่่ 4.70 .85 ทองเที่ยวเชิงโบราณคดีในจังหวัด่ มหาสารคาม 11.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่่ 4.75 .86 ทองเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในจังหวัด่ มหาสารคาม 12.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่่ 4.65 87 ทองเที่ยวเมืองและชุมชนในจังหวัด่ มหาสารคาม

163

13.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่่ 4.75 .71 ทองเที่ยวเชิงนิเวศในจังหวัดมหาสารคาม่ 14.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่่ 4.55 .72 ทองเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดมหาสารคาม่ อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.62 .74 4 ภาษาอังกฤษสาหรับ 15. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.18 .75 มัคคุเทศก ์ ภาษาอังกฤษสาหรับการแนะน าตัวต อ่ นักทองเที่ยว่ (Introducing People) 16.ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.36 84 ภาษาอังกฤษสาหรับการพูดคุยเรื่อง เล็กๆน้อยๆ (Making Small Talk) 17.ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.74 .85 ภาษาอังกฤษสาหรับแสดงความคิดเห็น กบนักทั องเที่ยว่ (Giving Opinions) 18. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.27 .82 ภาษาอังกฤษสาหรับการรับค าชมและ คาวิจารณ์จากนักท องเที่ยว่ (Accepting Praise and Criticism) 19. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.62 .65 ภาษาอังกฤษสาหรับการแก ปัญหาการ้ ร้องทุกข์ของนักทองเที่ยว่ (Dealing with Complaints) 20. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.55 .62 ภาษาอังกฤษสาหรับการแก ปัญหาฉุกเฉิน้ ของนักทองเที่ยว่ (Coping with Emergencies) 21. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.60 .75 ภาษาอังกฤษสาหรับการกล ่าวลา นักทองเที่ยว่ (Saying Goodbye) 22. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.75 .77 ภาษาอังกฤษสาหรับ การให้ข้อมูลเกี่ยวกบั 164

วัน วันที่ และเวลา (Talking about Days, Dates and Time) 23. ทานมีความสามารถในการใช้่ 4.86 .68 ภาษาอังกฤษสาหรับการให้ข้อมูล เกี่ยวกบระยะทางั และสถานที่ ทองเที่ยว่ (Talking about Distance, Area, and Length of Time) 24. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.75 .65 ภาษาอังกฤษสาหรับการให้ข้อมูลเก ี่ยวกบั แผนการทองเที่ยว่ (Talking about an Itinerary) อื่น ๆ โปรดระบุ ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.56 .78 5. รูปแบบการอบรม 25. ทานต้องการหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั่ ้น 4.50 .77 26. ทานต้องการขอบข่ ายเนื่ ้อหา เน้นทฤษฎี 4.75 .76 และฝึกปฏิบัติจริงในแหล่งทองเที่ยว่ 27.ทานต้องการขอบข่ ายเนื่ ้อหา เน้นทฤษฎี 4.20 .74 และการฝึกปฏิบัติในห้องเรียน 28. ทานต้องการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่ าน่ 3.20 .75 สื่อทางไกล 29.ทานต้องการเรียนรู้ฝึกอบรมในห้องเรียน่ 4.25 .76 30.ทานต้องการเรียนรู้ฝึกอบรมใน่ 4.10 .85 ห้องเรียนและผานสื่อทางไกล่ 31.ทานต้องการเรียนรู้ฝึกอบรมในห้องเรียน่ 4.78 .86 และฝึกใช้ภาษาในสถานการณ์ทองเที่ยวจริง่ อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.25 .74 6.ระยะเวลาการอบรม 32.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 30 3.30 .76 ชัวโมง่ 33.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 60 4.50 .85 ชัวโมง่ 34.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 90 4.10 .86 165

ชัวโมง่ 35.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 120 3.15 .65 ชัวโมง่ 36.ทานต้องการฝึกอบรบ่ ช่วงเวลา 4.20 .66 จันทร์-ศุกร์ เวลาราชการ 37.ทานต้องการฝึกอบรม่ เสาร์-อาทิตย์/หลัง 4.65 .67 เลิกงาน อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.98 .68 7.อาจารย์สอน 38.ทานต้องการฝึกอบรมก่ บั อาจารย์ชาวไทย 4.70 .69 39.ทานต้องการฝึกอบรมก่ บั อาจารย์ 4.20 .71 ชาวตางชาติ่ 40.ทานต้องการฝึกอบรมก่ บั อาจารย์ชาวไทย 4.35 .73 และชาวตางชาติ่ อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.41 .78 8. การประเมินผล 41.ทานต้องการประเมินความสามารถโดย่ 3.40 .78 ใช้ทดสอบข้อเขียน 42.ทานต้องการประเมินความสามารถโดย่ 3.85 .74 ใช้ทดสอบการฝึกปฏิบัติจริงในสถานที่จริง 43.ทานต้องการประเมินความสามารถโดย่ 4.25 .72 ใช้ทดสอบข้อเขียน และปฏิบัติจริงใน สถานการณ์จริง เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.83 .68 เฉลี่ยรวมทั้งหมด 3.77 .73

ผลการสารวจตวามต้องการพัฒนาความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษส าหรับมัคคุเทศก ใน์ จังหวัดมหาสารคาม ของนักศึกษาวิชาเอกภาษาอังกฤษธุรกิจ สาขาศิปศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม พบวา่ โดยภาพรวม คาคะแนนเฉลี่ยอยู่ ในระดับมาก่ 3.77 พิจารณารายด้าน ทั้งแปดด้าน พบวา่ นักศึกษาต้องการพัฒนาทั้ง แปด ด้าน มีคาเฉลี่ยอยู่ ในระดับ่ มาก ประกอบด้วย ความรู้เกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหมาสารคาม่ ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ ประโยชน์ของการพัฒนา ตระหนักและความสาคัญในการพัฒนาภาษาอังกฤษ อาจารย์สอน 166

รูปแบบการอบรม ระยะเวลาในการอบรม และการประเมินผลการเรียนรู้ คาเฉลี่ยเท่ าก่ บั 4.62 4.56 4.52 4.47 4.41 4.25 3.98 และ 3.83 ตามลาดับ

ตารางที่ 13 ความต้องการในการพัฒนาของนักศึกษาสาขาวิชาการโรงแรมและการทองเที่ยว่ คณะ วิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จานวน 37 คน

ความต้องการในการพัฒนา รายละเอียด X S.D. เนื้อหา รายละเอียด 1.ตระหนักถึงความสาคัญ 1. ความสาคัญจ าเป็นในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อ 4.50 .68 และจาเป็นส าหรับการ การทองเที่ยว่ พัฒนา 2. มีปริมาณนักทองเที่ยวชาวตะวันตกหรือ่ 4.85 .78 นักทองเที่ยวที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการ่ สื่อสารมากขึ้น 3. ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางที่ต้องใช้สื่อสาร 4.88 .76 ในกลุ่มประเทศสมาชิประชาคมอาเชียน อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.74 .78 2.ประโยชน์ในการพัฒนา 4.ทานต้องการพัฒนาความสามารถในการใช้่ 4.30 .79 ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ 5. ทานต้องการสร้างความมั่ นใจในการใช้่ 4.35 61 ภาษาอังกฤษในงานอาชีพมัคคุเทศก ์ 6.ทานต้องการเพิ่ ่มประสิทธิภาพการให้บริการ 4.30 .62 7.ทานต้องการเพิ่ ่มประสิทธิภาพการจัด 4.40 .63 โปรแกรมทัวร์และการนัดหมาย 8.ทานสามารถเพิ่ ่มศักยภาพในการจัดการ 4.45 .65 ทองเที่ยวในเขตพื่ ้นที่ให้มีมาตรฐานสากล อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.36 .67 3.ความรู้เกี่ยวกบแหลั ่ง 9.ทานต้องการทราบข้อมูลทั่ วของจังหวัด่ 4.85 .68 ทองเที่ยวในจังหวัด่ มหาสารคามได้แก่ สภาพภูมิศาสตร์ การ มหาสารคาม คมนาคม อาชีพ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ 167

10.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่ท่ องเที่ยว่ 4.80 69 เชิงโบราณคดีในจังหวัดมหาสารคาม 11.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่ท่ องเที่ยว่ 4.75 .72 เชิงวัฒนธรรมในจังหวัดมหาสารคาม 12.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่ท่ องเที่ยว่ 4.65 .73 เมืองและชุมชนในจังหวัดมหาสารคาม 13.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่ท่ องเที่ยว่ 4.75 .74 เชิงนิเวศในจังหวัดมหาสารคาม 14.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่ท่ องเที่ยว่ 4.55 .75 เชิงเกษตรในจังหวัดมหาสารคาม อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.72 .76 4 ภาษาอังกฤษสาหรับ 15. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.68 .78 มัคคุเทศก ์ ภาษาอังกฤษสาหรับการแนะน าตัวต อ่ นักทองเที่ยว่ (Introducing People) 16.ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.36 .82 ภาษาอังกฤษสาหรับการพูดคุยเรื่องเล็กๆน้อยๆ (Making Small Talk) 17.ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.74 .83 ภาษาอังกฤษสาหรับแสดงความคิดเห็น กบนักทั องเที่ยว่ (Giving Opinions) 18. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.27 .84 ภาษาอังกฤษสาหรับการรับค าชมและ คาวิจารณ์จากนักท องเที่ยว่ (Accepting Praise and Criticism) 19. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.62 .85 ภาษาอังกฤษสาหรับการแก ปัญหาการ้ ร้องทุกข์ของนักทองเที่ยว่ (Dealing with Complaints) 20. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.55 .86 ภาษาอังกฤษสาหรับการแก ปัญหาฉุกเฉินของ้ นักทองเที่ยว่ (Coping with Emergencies) 168

21. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.60 .65 ภาษาอังกฤษสาหรับการกล ่าวลา นักทองเที่ยว่ (Saying Goodbye) 22. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.75 .66 ภาษาอังกฤษสาหรับ การให้ข้อมูลเกี่ยวกบั วัน วันที่ และเวลา (Talking about Days, Dates and Time) 23. ทานมีความสามารถในการใช้่ 4.86 .68 ภาษาอังกฤษสาหรับการให้ข้อมูล เกี่ยวกบระยะทางั และสถานที่ ทองเที่ยว่ (Talking about Distance, Area, and Length of Time) 24. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 4.95 .69 ภาษาอังกฤษสาหรับการให้ข้อมูลเก ี่ยวกบั แผนการทองเที่ยว่ (Talking about an Itinerary) อื่น ๆ โปรดระบุ ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.63 .75 5. รูปแบบการอบรม 25. ทานต้องการหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั่ ้น 4.30 .83 26. ทานต้องการขอบข่ ายเนื่ ้อหา เน้นทฤษฎีและ 4.75 .72 ฝึกปฏิบัติจริงในแหล่งทองเที่ยว่ 27.ทานต้องการขอบข่ ายเนื่ ้อหา เน้นทฤษฎีและ 4.35 .64 การฝึกปฏิบัติในห้องเรียน 28. ทานต้องการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่ าน่ 3.20 .66 สื่อทางไกล 29.ทานต้องการเรียนรู้ฝึกอบรมในห้องเรียน่ 4.35 .65 30.ทานต้องการเรียนรู้ฝึกอบรมใน่ 4.20 .64 ห้องเรียนและผานสื่อทางไกล่ 31.ทานต้องการเรียนรู้ฝึกอบรมในห้องเรียนและ่ 4.78 .63 ฝึกใช้ภาษาในสถานการณ์ทองเที่ยวจริง่ อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.27 71

169

6.ระยะเวลาการอบรม 32.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 30 3.20 .74 ชัวโมง่ 33.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 60 4.65 .75 ชัวโมง่ 34.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 90 4.30 .76 ชัวโมง่ 35.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 120 3.25 .74 ชัวโมง่ 36.ทานต้องการฝึกอบรบ่ ช่วงเวลา 4.25 .73 จันทร์-ศุกร์ เวลาราชการ 37.ทานต้องการฝึกอบรม่ เสาร์-อาทิตย์/หลังเลิก 4.55 .72 งาน อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.03 .81 7.อาจารย์สอน 38.ทานต้องการฝึกอบรมก่ บั อาจารย์ชาวไทย 4.75 .83 39.ทานต้องการฝึกอบรมก่ บั อาจารย์ 4.30 .84 ชาวตางชาติ่ 40.ทานต้องการฝึกอบรมก่ บั อาจารย์ชาวไทย 4.45 .85 และชาวตางชาติ่ อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4.45 .87 8. การประเมินผล 41.ทานต้องการประเมินความสามารถโดยใช้่ 3.40 .89 ทดสอบข้อเขียน 42.ทานต้องการประเมินความสามารถโดยใช้่ 3.85 .88 ทดสอบการฝึกปฏิบัติจริงในสถานที่จริง 43.ทานต้องการประเมินความสามารถโดยใช้่ 4.45 .67 ทดสอบข้อเขียน และปฏิบัติจริงในสถานการณ์ จริง อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.90 .81 เฉลี่ยรวมทั้งหมด 4.38 ..77

170

ผลการสารวจตวามต้องการพัฒนาความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษส าหรับมัคคุเทศก ใน์ จังหวัดมหาสารคาม ของนักศึกษาวิชาเอกการโรงแรม และการทองเที่ยวและ่ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม พบวา่ โดยภาพรวม คาคะแนนเฉลี่ยอยู่ ในระดับมาก่ 4.38 พิจารณา รายด้าน ทั้ง แปดด้าน พบวา่ นักศึกษาต้องการพัฒนาทั้งแปด ด้าน มีคาเฉลี่ยอยู่ ในระดับมาก่ ประกอบด้วย ตระหนักและความสาคัญในการพัฒนาภาษาอังกฤษ ความรู้เกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยว่ ในจังหมาสารคาม ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ อาจารย์สอน ประโยชน์ของการพัฒนา รูปแบบ การอบรม ระยะเวลาในการอบรม และการประเมินผลการเรียนรู้ คาเฉลี่ยเท่ าก่ บั 4.74 4.72 4.63 4.45 4.36 4.27 4.03 และ 3.90 ตามลาดับ

4. การหาคุณภาพของหลักสูตร

ตารางที่ 14 การประเมินหาคาดรรชนีความสอดคล้องของหลังสูตร่ กบั คาอธิบายและวัตถุประสงค์ ของหลักสูตร โดย ผู้เชี่ยวชาญ 5 ทาน่ +1 มีความสอคล้อง 0 ไมแน่ ่ใจ -1 ไมมีความสอดคล้อง่ ข้อ คาถาม ระดับการประเมิน 1 2 3 4 5 รวม 1 ชื่อหลักสูตร +1 +1 +1 +1 +1 1 2 คาอธิบายของหลักสูตร +1 +1 +1 +1 +1 1 3 จุดประสงค์การเรียนรู้ของหลักสูตร +1 +1 +1 +1 +1 1 4 กรอบชื่อเรื่องของหลักสูตร +1 +1 0 +1 0 .6 5 บทเรียนยอยของหลักสูตร่ 0 +1 +1 +1 +1 .8 6 ทักษะการเรียนภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ 0 +1 +1 +1 +1 .8 7 กิจกรรมช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษสาหรับ 0 +1 +1 +1 +1 .8 มัคคุเทศก ์ 8 รูปแบบและบั้นตอนการนาเสนอก ิจกรรมการเรียน 0 +1 0 +1 +1 .6 การสอน 9 การจัดรูปแบบและภาพประกอบ +1 0 +1 +1 0 .6 10 การวัดและประเมินผล +1 0 0 +1 +1 .6 11 วิทยากรอบรม 0 +1 +1 +1 +1 .8 12 สถานที่อบรม สานักวิเทศสัมพันธ์และสถานที่ +1 +1 +1 +1 +1 1 ทองเที่ยวจริงในจังหวัดมหาสารคาม่ 171

13 ระยะเวลาอบรม 60 ชัวโมง่ +1 +1 +1 +1 +1 1 คาเฉลี่ยดรรชนี่ .61 .85 .77 1.00 .85 .82

ผลการประเมินหาคาดรรชนีความสอดคล้องของหลักสูตร่ โดยผู้เชี่ยวชาญ 5 ทาน่ พบวา่ คาเฉลี่ยดรรชนีความสอดคล้องของหลักสูตร่ อยูในระดับมาก่ คาเฉลี่ยความสอดคล้อง่ เทาก่ บั .82 จาก การพิจารณารายด้าน พบวา่ ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 ทาน่ ประเมินคาดรรชนีความสอดคล้องของหลักสูตร่ อยู่ ในระดับสูง 5 ด้าน ได้แก่ ชื่อหลักสูตร คาอธิบายของหลักสูตร จุดประสงค์การเรียนรู้ของหลักสูตร สถานที่อบรม สานักวิเทศสัมพันธ์และสถานที่ท องเที่ยวจริงในจังหวัดมหาสารคาม่ และระยะเวลา อบรม 60 ชัวโมง่

ตารางที่ 15 การประเมินความถูกต้องและความเหมาะสมของหลักสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญ 5 ทาน่

5 เหมาะสมมากที่สุด 4 เหมาะสม 3 ปานกลาง 2 เหมาะสมน้อย 1 เหมาะสมน้อยที่สุด

ข้อ คาถาม ระดับการประเมิน 1 2 3 4 5 รวม 1 ชื่อหลักสูตร 5 5 4 5 5 4.8 2 คาอธิบายของหลักสูตร 5 5 4 5 5 4.8 3 จุดประสงค์การเรียนรู้ของหลักสูตร 5 5 4 5 5 4.8 4 กรอบชื่อเรื่องของหลักสูตร 5 5 4 5 4 4.6 5 บทเรียนยอยของหลักสูตร่ 4 5 4 5 4 4.4 6 ทักษะการเรียนภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ 4 5 4 5 4 4.4 7 กิจกรรมช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษสาหรับ 4 5 4 5 4 4.4 มัคคุเทศก ์ 8 รูปแบบและบั้นตอนการนาเสนอก ิจกรรมการ 4 5 4 5 5 4.6 เรียนการสอน 9 การจัดรูปแบบและภาพประกอบ 5 4 4 4 4 3.8 10 การวัดและประเมินผล 5 4 4 5 5 4.6 11 วิทยากรอบรม 4 5 4 5 5 4.8 172

12 สถานที่อบรม สานักวิเทศสัมพันธ์และสถานที่ 5 5 5 5 5 5 ทองเที่ยวจริงในจังหวัดมหาสารคาม่ 13 ระยะเวลาอบรม 60 ชัวโมง่ 5 5 5 5 5 5 คาเฉลี่ยในภาพรวม่ 4.62 4.85 4.31 4.92 4.62 4.66

ผลการประเมินหาคาความถูกต้องและความเหมาะสมของหลักสูตร่ โดยผู้เชี่ยวชาญ 5 ทาน่ พบวา่ คาเฉลี่ยของความถูกต้องและความเหมาะสมของหลักสูตร่ อยูในระดับมากที่สุด่ คาเฉลี่ย่ เทาก่ บั 4.66 จากการพิจารณารายด้าน พบวา่ ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 ทาน่ ประเมินคาความถูกต้องและความ่ เหมาะสมของหลักสูตร อยูในระดับสูง่ 6 ด้าน ได้แก่ ระยะเวลาอบรม 60 ชัวโมง่ สถานที่อบรม สานัก วิเทศสัมพันธ์และสถานที่ทองเที่ยวจริงในจังหวัดมหาสารคาม่ ชื่อหลักสูตร คาอธิบายของหลักสูตร จุดประสงค์การเรียนรู้ของหลักสูตร และ วิทยากร

173

บทที่ 5

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ

1. วัตถุประสงค์ของการวิจัย 2. สมมุติฐานการวิจัย 3. ขอบเขตการวิจัย 3.1 รูปแบบของการวิจัย 3.2 ประชากรและกลุ่มตัวอยาง่ 3.3 ตัวแปรในการวิจัย 3.4 เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัย 3.5 เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย 3.6 ขั้นตอนการวิจัย 4. สรุปผลวิจัย 5. อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ

1. วัตถุประสงค์การวิจัย ระยะที่ 1 1.1 เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการสาหรับการพัฒนาความสามารถในการใช้ ภาษาอังกฤษของนักศึกษาและบุคคลากรที่ทางานในสถานที่ท องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ 1.2 เพื่อสร้างและพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมภาษาอังกฤษโดยการบูรณาแนวคิดของการ เรียนรู้ 3 รูปแบบ คือ การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ การสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร และTeaching – Learning Cycle สาหรับนักศึกษาและบุคคลากรที่ท างานในสถานที่ท องเที่ยวที่เข้าร่ ่วมโครงการพัฒนา อาชีพทางด้านมัคคุเทศกในจังหวัดมหาสารคาม์ ที่มีประสิทธิภาพ ระยะที่ 2 (2561) 2.1 เพื่อพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของนักศึกษาและบุคลากรที่ทางาน เกี่ยวการทองเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ สาหรับการเป็นประเทศสมาชิกประชาคมอาเซียนของ ประเทศไทย โดยการบูรณาแนวคิดของการเรียนรู้ 3 รูปแบบ คือ การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ การ สอนภาษาเพื่อการสื่อสาร และTeaching –Learning 2.2 เพื่อให้นักศึกษาและบุคคลากรที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ ได้ใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริง 2.3 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาและ บุคคลากรทัวไป่ ที่เข้าร่วมโครงการพัฒนา อาชีพทางด้านมัคคุเทศก ์ ตอการฝึกอบรมภาษาอังกฤษส่ าหรับมัคคุเทศก 174

2. สมมุติฐานการวิจัย ระยะที่ 1 2.1 หลักสูตรการฝึกอบรมภาษาอังกฤษโดยการบูรณาแนวคิดของการเรียนรู้ 3 รูปแบบ คือ การเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสาคัญ ( Learner-Centered Instruction), วิธีการสอนตาม แนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร ( Communicative Approach) และ Teaching –Learning Cycle สาหรับนักศึกษาและบุคคลากรที่ท างาน เกี่ยวกบการทั องเที่ยวเชิงโบราณคดี่ วัฒนาธรรม ชุมชน นิเวศน์ เชิงและเชิงเกษตรในจังหวัดมหาสารคามที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาอาชีพทางด้านมัคคุเทศก์ ที่ มีประสิทธิภาพ ระยะที่ 2 2.2 ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ ก่อนและหลังการใช้ หลักสูตรการฝึกอบรมภาษาอังกฤษ โดยการบูรณาแนวคิดของการเรียนรู้ 3 รูปแบบ คือ การเรียนการ สอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสาคัญ ( Learner-Centered Instruction), วิธีการสอนตามแนวการสอนภาษาเพื่อ การสื่อสาร (Communicative Approach) และ Teaching –Learning Cycle และการใช้ภาษาอังกฤษใน สถานการณ์จริงในสถานที่ ทองเที่ยวเชิงโบราณคดี่ วัฒนาธรรม ชุมชน นิเวศน์ เชิงและเชิงเกษตร ใน จังหวัดมหาสารคามที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาอาชีพทางด้านมัคคุเทศก ์ มีความแตกตางก่ นั 14.3 ผู้เข้าอบรมมีความพึงพอใจหลักสูตรภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก โดย์ การบูรณาแนวคิดของการเรียนรู้ 3 รูปแบบ คือ การเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสาคัญ ( Learner- Centered Instruction), วิธีการสอนตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร ( Communicative Approach) และ Teaching –Learning Cycle และการใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริงสถานที่ ทองเที่ยวเชิงโบราณคดี่ วัฒนาธรรม ชุมชน นิเวศน์ และเชิงเกษตรในจังหวัดมหาสารคาม อยูในระดับ่ มาก

3. ขอบเขตการวิจัย 3.1 รูปแบบของการวิจัยแบงออกเป็น่ 2 ระยะ ใช้ทั้งงานวิจัยเชิงคุณภาพ และเชิง ปริมาณ ระยะ 1 เป็นการสร้างและพัฒนาหลักสูตร ระยะที่ 2 การใช้หลักสูตรกบกลุั ่มเป้าหมาย โดย การสร้างหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development) เกี่ยวกบการั พัฒนาความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ทางด้าน์ โบราณคดี วัฒนธรรม ชุมชน นิเวศน์ และเกษตรในจังหวัดมหาสารคาม และการวิจัยเชิงปริมาณ เป็นงานวิจัยเชิงทดลองใช้หลักสูตร กบกลุั ่มเป้าหมาย โดยการเปรียบเทียบความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ และการใช้ภาอังกฤษใน สถานการณ์จริง ระยะการดาเนินการวิจัย 2 ปีการศึกษา ตุลาคม 2559 - กนยายนั 2560 และ ตุลาคม 2560-กนยายนั 2561

175

3.2 กลุ่มประชากรป้าหมาย 3.2.1 กลุ่มประชากรเป้าหมายระยะที่ 1 ได้แก่ นักศึกษาระดับปริญญาตรี ภาคปกติชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาภาษาอังกฤษ และภาษาอังกิจธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และ นักศึกษาสาชาวิชาการโรงแรม และการทองเที่ยว่ คณะวิทยาการจัดการ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาสารคาม ปีการศึกษา 2558 จานวน 5 ห้อง รวม 171 คน 3.3 ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย 3. 3.1 ตัวแปรต้น ได้แก่ ความสามารถ และความต้องการพัฒนาภาษาอังกฤษ สาหรับมัคคุเทศก ทางด้านโบราณคดี์ วัฒนธรรม ชุมชน นิเวสน์ และเกษตร ในจังหวัดมหาสารคาม 3. 3.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ หลักสูตรที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาความสามารถ ในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ทางด้านทางด้านโบราณคดี์ วัฒนธรรม ชุมชน นิเวสน์ และ เกษตร ในจังหวัดมหาสารคามโดยการบูรณาแนวคิดของการเรียนรู้ 3 รูปแบบ คือ การเรียนการสอนที่ ยึดผู้เรียนเป็นสาคัญ ( Learner-Centered Instruction), วิธีการสอนตามแนวการสอนภาษาเพื่อการ สื่อสาร (Communicative Approach) และ Teaching –Learning Cycle 3.4 เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัย ระยะที่ 1 3.4.1ประเมินความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ 3.4.1.1 ความรู้เกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ 3.4.1.2 ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวใน่ จังหวัดมหาสารคาม 3.4.1.3 ความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับการเป็น มัคคุเทศกในจังหวัดมหาสารคาม์ 3.4.1.4 ความสามารถในการจัดการทองเที่ยว่ ระยะที่ 2 3.4.2 หลักสูตรหลักสูตรภาษาอังกฤษสามัคคุเทศก ์ Social Interaction: Meeting Tourists Introducing People Making Small Talk Giving Opinions Accepting Praise & Criticism Dealing with Complaints Coping with Emergencies 176

Bidding Farewell Giving Information: Talking about Days and Dates and Time Talking about Distance, Area, and Length of Time Talking about an Itinerary

Visiting Archeological and Cultural Attractions, Communities Attractions, Ecotourism Attractions, and Agrotourism Attractions in Maha Sarakham: Visiting Pramahathat Na Dun, Ku Ban Khwao, and Ku Santarat Visiting Isan Cultural Museum, Walai Rukhavej Botanical Research Institute, Isan House and Cart Traditional Museum, and Ming Mueang Standing Buddha Image Visiting Nong Khuean Chang Handicraft Community, Ban Phaeng Slender Sedge Mat Handicraft Community Visiting Wang Macha Fish Sanctuary, Dun Lamphan No-Hunting Area, Kosumphisai Forest Park Visiting Khok Ko Diary Farm, and Don Mun Self-Sufficiency Economy Village

3.5 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ระยะที่ 1 ได้แก่ แบบประเมินความสามารถในการใช้ ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ แบบสอบถามความต้องการพัฒนาภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ หลักสูตรภาษาอังกฤษสามัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ แบบประเมินดรรชนีหาคาความสอดล้อง่ ของหลักสูตร และแบบประเมินความถูกต้องและความเหมาะสมของหลักสูตร ระยะที่ 2 หลักสูตร ภาษาอังกฤษสามัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ แบบทดสอบวัดความรู้ภาษาอังกฤษสาหรับ มัคคุเทศก ์ แบบทดสอบทักษะการฟัง แบบประเมินทักษะการพูด แบบประเมินหาคาดัชนีความ่ สอดคล้องแบบทดสอบ แบบสอบถามความพึงพอใจเกี่ยวตอหลักสูตรฝึกอบรม่ และ แผนจัดการ เรียนรู้ 3.6 ขั้นตอนการวิจัยได้แบงออกเป็น่ 2 ระยะ ระยะที่ 1 ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือ 1) ศึกษาเอกสารและงานวิจัยเพื่อกาหนดกรอบและสร้างเครื่องมือ 2) สารวจปัญหาและความต้องการ ของนักศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้อง 3) สร้างพัฒนาและหลักสูตรโดยให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านประเมิน 4) ปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรสาหรับกลุ ่มเป้าหมาย ระยะที่ 2 (ปี 2560)ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ 1) สร้างและพัฒนาหลักสูตรอบรม 2) ใช้หลักสูตรกบกลุั ่มเป้าหมาย 3) ติดตามประเมินผล และสรุปผล การดาเนินงาน

177

4. สรุปผลวิจัย การวิจัย เรื่อง การพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ในจังหวัด์ มหาสารคาม เพื่อให้มัคคุเทศก ์ หรือผู้เข้าอบรม ได้นาความรู้ไปใช้ในการเป็นมัคคุเทศก ที่มีคุณภาพ์ ดังนั้นผู้วิจัยอภิปรายผลวิจัยดังนี้ 4.1 การประเมินความร้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสู าหรับมัคคุเทศก์ของนักศึกษา 4.1.1 จานวนผู้ตอบแบบสอบถามทั ้งหมด 171 คน นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชา ภาษาอังกฤษ 3 ห้อง จานวนนักศึกษา 100 คน สาขาภาษาอังกฤษธุรกิจ 1 ห้อง จานวนนักศึกษา 34 คน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และ สาขาวิชาการโรงแรมและการทองเที่ยว่ คณะวิทยาการ จัดการ 1 ห้อง จานวนนักศึกษา 37 คน รวมทั้งหมด 171 คน สรุปข้อมูลทัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม่ ได้ดังนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด มีอายุระหวาง่ 18-25 ปี (100%) ส่วนมากเป็นเพศหญิง จานวน 162 คน (95.30%) เพศชาย 9 คน ระดับการศึกษา กาลังศึกษาในระดับปริญญาตรี 171 คน (100%) ส่วนมากไมมีประสบการณ์การเป็นมัคคุเทศก่ ์ จานวน 170 คน (99.40%) 4.1.2 ผลการประเมินความรู้และความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ใน์ จังหวัดมหาสารคาม ของนักศึกษา โดยภาพรวม คาคะแนนเฉลี่ย่ อยูในระดับดี่ (X= 3.66) พิจารณา รายด้าน ทั้ง สี่ด้าน พบวา่ มี สามด้านที่มีคาเฉลี่ยอยู ในระดับดี่ ได้แก่ การจัดการเกี่ยวกบการทั องเที่ยว่ ความรู้เกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ คาเฉลี่ยอยู่ ในระดับดี่ เทาก่ บั 3.63 และ 3.62 ตามลาดับ ส่วนความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับการเป็นมัคคุเทศก ในจังหวัด์ มหาสารคาม คาเฉลี่ยอยู่ ในระดับปานกลาง่ เทาก่ บั 3.43 4.1.2.1 ผลการประเมินความรู้และความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับ มัคคุเทศกในจังหวัดมหาสารคาม์ ของนักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษ โดยภาพรวม คาคะแนนเฉลี่ย่ อยูในระดับดี่ 3.54 พิจารณารายด้าน ทั้ง สี่ด้าน พบวา่ มี สองด้านที่มีคาเฉลี่ยอยู่ ในระดับดี่ ได้แก่ ความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับการเป็นมัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ และ ความรู้เกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ เทาก่ บั 3.92 และ 3.67 ตามลาดับ ส่วนอีกสอง ด้าน ได้แก่ การจัดการเกี่ยวกบการทั องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ และความสามารถในการใช้ ภาษาอังกฤษเกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ คาเลี่ยอยู่ ในระดับปานกลาง่ เทาก่ บั 3.36 และ 3.21 4.1.2.2 ผลการประเมินความรู้และความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับ มัคคุเทศกในจังหวัดมหาสารคาม์ ของนักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ โดยภาพรวม คาคะแนน่ เฉลี่ย อยูในระดับดี่ 3.79 พิจารณารายด้าน ทั้ง สี่ด้าน พบวา่ ทั้ง สี่ด้านที่มีคาเฉลี่ยอยู่ ในระดับดี่ ได้แก่ ความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับการเป็นมัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ การจัดการ 178

เกี่ยวกบการทั องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคามและความรู้เก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหวัด่ มหาสารคาม เทาก่ บั 4.27 3.70 3.61 และ 3.59 ตามลาดับ 4.1.2.3 ผลการประเมินความรู้และความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับ มัคคุเทศกในจังหวัดมหาสารคาม์ ของนักศึกษาสาขาวิชาการโรงแรม และการทองเที่ยว่ โดยภาพรวม คาคะแนนเฉลี่ย่ อยูในระดับดี่ 3.63 พิจารณารายด้าน ทั้ง สี่ด้าน พบวา่ ทั้ง มีสามด้านที่มีคาเฉลี่ยอยู่ ใน่ ระดับดี ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ ความรู้ความสามารถในการใช้ ภาษาอังกฤษสาหรับการเป็นมัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์ เทาก่ บั 3.82 3.76 และ 3.75 ตามลาดับ ส่วนความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ มีคาเฉลี่ย่ เทาก่ บั 3.22

4.2 ส ารวจความต้องการพัฒนาความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษส าหรับมัคคุเทศก์ในจังหวัด มหาสารคาม ของนักศึกษา 4.2.1 ผลการสารวจตวามต้องการพัฒนาความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษส าหรับ มัคคุเทศกในจังหวัดมหาสารคาม์ ของนักศึกษา โดยภาพรวม คาคะแนนเฉลี่ย่ อยูในระดับมาก่ 4.07 พิจารณารายด้าน ทั้ง แปดด้าน พบวา่ นักศึกษาต้องการพัฒนาทั้ง แปด ด้าน มีคาเฉลี่ยอยู่ ในระดับมาก่ ประกอบด้วย การประเมินผลการเรียนรู้ อาจารย์สอน ตระหนักและความสาคัญในการพัฒนา ภาษาอังกฤษ รูปแบบการอบรม ประโยชน์ของการพัฒนา ระยะเวลาในการอบรม ภาษาอังกฤษ สาหรับมัคคุเทศก ์ และ ความรู้เกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหมาสารคาม่ คาเฉลี่ยเท่ าก่ บั 4.39 4.31 4.27 4.25 4.23 3.98 3.63 และ 3.54 ตามลาดับ 4.2.2 ผลการสารวจตวามต้องการพัฒนาความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษส าหรับ มัคคุเทศกในจังหวัดมหาสารคาม์ ของนักศึกษาวิชาเอกภาษาอังกฤษ สาขาศิปศาสตร์ คณะ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม พบวา่ โดยภาพรวม คาคะแนนเฉลี่ย่ อยูในระดับมาก่ 4.38 พิจารณารายด้าน ทั้ง แปดด้าน พบวา่ นักศึกษาต้องการพัฒนาทั้ง แปด ด้าน มี คาเฉลี่ยอยู่ ในระดับมาก่ ประกอบด้วย ตระหนักและความสาคัญในการพัฒนาภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ ความรู้เกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหมาสารคาม่ ประโยชน์ของการ พัฒนา อาจารย์สอน รูปแบบการอบรม ระยะเวลาในการอบรม และการประเมินผลการเรียนรู้ คาเฉลี่ยเท่ าก่ บั 4.71 4.63 4.57 4.51 4.38 4.29 4.14 และ 3.83 ตามลาดับ 4.2.3 ผลการสารวจตวามต้องการพัฒนาความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษส าหรับ มัคคุเทศกในจังหวัดมหาสารคาม์ ของนักศึกษาวิชาเอกภาษาอังกฤษธุรกิจ สาขาศิปศาสตร์ คณะ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม พบวา่ โดยภาพรวม คาคะแนนเฉลี่ย่ อยูในระดับมาก่ 3.77 พิจารณารายด้าน ทั้งแปดด้าน พบวา่ นักศึกษาต้องการพัฒนาทั้ง แปด ด้าน มี คาเฉลี่ยอยู่ ในระดับมาก่ ประกอบด้วย ความรู้เกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหมาสารคาม่ ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ ประโยชน์ของการพัฒนา ตระหนักและความสาคัญในการพัฒนา 179

ภาษาอังกฤษ อาจารย์สอน รูปแบบการอบรม ระยะเวลาในการอบรม และการประเมินผลการเรียนรู้ คาเฉลี่ยเท่ าก่ บั 4.62 4.56 4.52 4.47 4.41 4.25 3.98 และ 3.83 ตามลาดับ 4.2.4 ผลการสารวจตวามต้องการพัฒนาความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษส าหรับ มัคคุเทศกในจังหวัดมหาสารคาม์ ของนักศึกษาวิชาเอกการโรงแรม และการทองเที่ยวและ่ คณะ วิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม พบวา่ โดยภาพรวม คาคะแนนเฉลี่ยอยู่ ในระดับ่ มาก 4.38 พิจารณารายด้าน ทั้ง แปดด้าน พบวา่ นักศึกษาต้องการพัฒนาทั้งแปด ด้าน มีคาเฉลี่ยอยู่ ใน่ ระดับมาก ประกอบด้วย ตระหนักและความสาคัญในการพัฒนาภาษาอังกฤษ ความรู้เกี่ยวกบสถานที่ั ทองเที่ยวในจังหมาสารคาม่ ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ อาจารย์สอน ประโยชน์ของการพัฒนา รูปแบบการอบรม ระยะเวลาในการอบรม และการประเมินผลการเรียนรู้ คาเฉลี่ยเท่ าก่ บั 4.74 4.72 4.63 4.45 4.36 4.27 4.03 และ 3.90 ตามลาดับ

4.3 การสร้างและหาคุณภาพของหลักสูตร 4.3.1 ผลการประเมินหาคาดรรชนีความสอดคล้องของหลักสูตร่ โดยผู้เชี่ยวชาญ 5 ทาน่ พบวา่ คาเฉลี่ยดรรชนีความสอดคล้องของหลักสูตร่ อยูในระดับมาก่ คาเฉลี่ยความสอดคล้อง่ เทาก่ บั .82 จากการพิจารณารายด้าน พบวา่ ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 ทาน่ ประเมินคาดรรชนีความสอดคล้อง่ ของหลักสูตร อยูในระดับสูง่ 5 ด้าน ได้แก่ ชื่อหลักสูตร คาอธิบายของหลักสูตร จุดประสงค์การเรียนรู้ ของหลักสูตรสถานที่อบรม สานักวิเทศสัมพันธ์และสถานที่ท องเที่ยวจริงในจังหวัดมหาสารคาม่ และ ระยะเวลาอบรม 60 ชัวโมง่ 4.3.2 ผลการประเมินหาคาความถูกต้องและความเหมาะสมของหลักสูตร่ โดย ผู้เชี่ยวชาญ 5 ทาน่ พบวา่ คาเฉลี่ยของความถูกต้องและความเหมาะสมของหลักสูตร่ อยูในระดับมาก่ ที่สุด คาเฉลี่ย่ เทาก่ บั 4.66 จากการพิจารณารายด้าน พบวา่ ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 ทาน่ ประเมินคาความ่ ถูกต้องและความเหมาะสมของหลักสูตร อยูในระดับสูง่ 6 ด้าน ได้แก่ ระยะเวลาอบรม 60 ชัวโมง่ สถานที่อบรม สานักวิเทศสัมพันธ์และสถานที่ท องเที่ยวจริงในจังหวัดมหาสารคาม่ ชื่อหลักสูตร คาอธิบายของหลักสูตร จุดประสงค์การเรียนรู้ของหลักสูตร และ วิทยากร

5. อภิปรายผลการวิจัย 5.1 ผลการประเมินความรู้และความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ในจังหวัด์ มหาสารคาม ของนักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ และ สาขาวิชาการ โรงแรมและการทองเที่ยว่ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม โดยภาพรวม คาคะแนนเฉลี่ย่ อยูใน่ ระดับดี (X= 3.66) ผลการวิจัย อาจจะเนื่องจาก นักศึกษาได้เรียนและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษมาแล้ว หลักสูตรสาขาวิชาภาษาอังกฤษ (2556) นักศึกษาต้องเรียนในรายวิชาหลัก และเสริมในชั้นปีที่ 1 และ 2 ดังนี้ การฟังและการพูด 1 2 และ 3 โครงสร้างและการใช้ภาษาอังกฤษ 1 และ 2 และภาษาอังกฤษ ธุรกิจ 1 อยางไรก่ ตาม็ ผลการวิจัยพบวา่ นักศึกษามีความรู้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ 180

เกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ คาเลี่ยอยู่ ในระดับปานกลาง่ ผลวิจัยอาจจะเนื่องจาก วิชาในหลักสูตรไมได้มีเนื่ ้อหาภาษาอังกฤษเกี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ 5.2 ผลการสารวจตวามต้องการพัฒนาความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษส าหรับ มัคคุเทศกในจังหวัดมหาสารคาม์ ของนักศึกษาสาขาวิขาภาษาอังกฤษ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ และสาขาวิชาการโรงแรม และการทองเที่ยว่ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม พบวา่ โดยภาพรวม คา่ คะแนนเฉลี่ยอยูในระดับมาก่ 4.38 ผลการวิจัยอาจจะเนื่องมาจาก หลักสูตรสาขาวิชาภาษาอังกฤษ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ และสาขาวิชาการโรงแรม และการทองเที่ยว่ (2556) ได้ทาการสอนวิชาที่ เกี่ยวข้องกบการทั องเที่ยว่ หลายวิชา นักศึกษาที่สาเร็จการศึกษาในสาขาวิชาดังกล ่าวสามารถประกอบ อาชีพการเป็นมัคคุเทศก ์ หรืออาชีพที่เกี่ยวข้องกบภาษาอังกฤษั ผลการวิจัยยังได้สอดคล้องกบั David Nunan, 1988 ได้กล่าว วา่ การวิเคราะห์ความต้องการเป็นจุดเริ่มต้นสาหรับการสร้างหลักสูตรภาษา เพราะวาการวิเคราะห์ความต้องจะช่ ่วยให้ผู้สอนหรือผู้สร้างหลักสูตรได้ทราบข้อมูลส่วนตัวของ ผู้เรียน เช่น ระดับความรู้เกี่ยวกบภาษาั ภูมิหลังทางการศึกษา อายุ สถานภาพการแตงงาน่ เป้าหมาย ของการเรียน รวมทั้งรูปแบบและยุทธวิธีการเรียนที่ชอบ ข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยให้ผู้สอนหรือ ผู้สร้างหลักสูตรนาไปเขียนจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมและ สร้างหลักสูตรซึ่งประกอบด้วย หัวข้อ ความรู้ การใช้คาศัพท์ โครงสร้างของหลักสูตร นอกจากนี้ อาจจะเนื่องจาก นักศึกษาตระหนัก เห็น ความสาคัญ และประโยชน์ของการพัฒนาภาษาอังกฤษ เพราะวา่ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้ในการ สื่อสาร และการประกอบอาชีพมัคคุเทศกและการท์ องเที่ยว่ ในการเป็นสมาชิกประชาคมอาเซียน กฎ บัตรอาเซียนข้อ 34 (2558) บัญญัติวา่ ‚The working language of ASEAN shall be English‛ หมายความวา่ ภาษาที่ใช้ในการทางานของอาเซียน คือ ภาษาอังกฤษ และเป็นภาษาที่ใช้ในงานราชการ และธุรกิจ หมายความวาประชาชนพลเมืองใน่ 10 ประเทศอาเซียนจะต้องใช้ภาษาอังกฤษกนมากขึั ้น นอกเหนือจากภาษาประจาชาติหรือภาษาประจ าถิ ่นของแตละชาติแต่ ละชุมชนเอง่ ทุกคนที่อยูใน่ อาเซียนล้วนแล้วแตเป็นพลเมืองของอาเซียน่ และทุกคนจะต้องไปมาหาสู่ เดินทางทองเที่ยว่ ทาความ รู้จักคุ้นเคยตอก่ นั เรียนรู้ซึ่งกนและกั นั และที่สาคัญทุกคนจะต้องเดินทางข้ามพรมแดนเพื่อหางานท า และแสวงหาโอกาสที่ดีกวาให้ก่ บชีวิตั ดังนั้นภาษาอังกฤษจึงเป็นเครื่องมืออันดับหนึ่งสาหรับพลเมือง อาเซียน ในการสื่อสารสร้างสัมพันธ์สู่โลกกว้างของภูมิภาคอาเซียน โลกแห่งมิตรไมตรีที่ขยายกว้างไร้ พรมแดน โลกแห่งการแขงขันไร้ขอบเขตภูมิศาสตร์และวัฒนธรรม่ 5.3 ผลการประเมินคุณภาพของหลักสูตร ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ในจังหวัด์ มหาสารคาม อยูในระดับ่ ดีมาก ผลการวิจัย อาจจะเนื่องมาจาก การสร้างและพัฒนาหลักสูตรอยางมี่ ระบบ โดยการวิเคราะห์ความสามารถของผู้เรียน หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ความต้องการของผู้เรียน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้วิจัยได้การสร้าง และพัฒนาหลักสูตรอบรม โดยมีขั้นตอนตอไปนี่ ้ 5.3 .1 การศึกษาบริบท และสารวจความต้องการ เกี่ยวกบการพัฒนาั ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ และ ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนขอ 181

คาแนะน า และแนวคิดจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกบการสร้างและพัฒนาหลักสูตรอบรมั ผู้วิจัย ได้วิเคราะห์ และสังเคราะห์ แนวคิดเกี่ยวกบการสร้างและพัฒนาหลักสูตรของั ทาบา (Taba, 1981) โดยปรับเป็น 5 ขั้นตอน และ รูปแบบการจัดอบรมมัคคุเทศกอย์ างยั่ งยืน่ ของ ไวเลอร์ และ ฮาร์น (Weiler and Harn. 2002 : 52) สามารถสรุปรูปแบบของการฝึกอบรม 5.3.2 การสร้างเนื้อหา และออกแบบกิจกรรมเรียนการสอน ผู้วิจัยได้ใช้รูปแบบ และปรับเนื้อหาบางส่วนจากหลักสูตรการพัฒนาภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ ของศูนย์พัฒนา ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาแห ่งชาติ (2549) และได้ สร้างเนื้อหาเพิ่มเติมในส่วนของภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ทางด้านโบราณคดี วัฒนาธรรม นิเวศส์ และเกษตรในจังหวัดมหาสารคาม การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนเน้นที่กระบวนการ เรียน และความตอเนื่องของก่ ิจกรรมการเรียนการสอน โดยบูรณาการณ์แนวคิดการเรียนการสอน ภาษา 3 รูปแบบ คือ เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ เน้นการสอนภาษาเหื่อการสื่อสาร และ เน้น The Teaching- Learnin Cycle เบิร์น (Burns, A. 1991: อ้างมาจาก คาลลัคฮาน และ โรเตอร์รี Callaghan and Rothery. 1998: 17-24) เพราะวา่ การพัฒนาภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก จะเน้นทักษะพูด์ และฟัง เน้นความ ถูกต้องและความเหมาะสมในการใช้ภาษาอังกฤษ ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้ออกแบบกิจกรรมการเรียนโดยยึด ผู้เรียนเป็นสาคัญ เน้นการฝึกภาษาในห้องและการใช้ภาษาในสถานการณ์จริง และมีคาแนะน า (Tips) สาหรับการใช้ภาษาที่เหมาะสมในแต ละบท่ โดยมีการนาเสนอภาษา สานวน และคาแนะน าในการใช้ ภาษา ตลอดจนผู้วิจัยได้นาเอาแนวความคิดเก ี่ยวกบทฤษฎีการเรียนรู้การเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ั (Thorndike’s Classical Connectionism) (ทิศนา แขมมณี, 2547:51-52 อ้างมาจาก Hergenhahn and Olson,1993:56-57) ที่ประกอบด้วย กฎแห่งความพร้อม (Law of Readiness) กฎแห่งการฝึกหัด (Law of Exercise) กฎแห่งการใช้ (Law of Use and Disuse) และกฎแห่งผลที่พึงพอใจ (Law of Effect) 5.3.3 การประเมินคุณภาพของหลักสูตร เป็นการประเมินความถูกต้อง ความ เหมาะสม และประเมินความสอดคล้องของหลักสูตรฝึกอบรม โดยผู้เชี่ยวชาญ สุนีย์ ภูพันธ์่ (2546: 58) ได้กล่าววา่ การประเมินหลักสูตรมีวัตถุประสงค์ คือ การหาความถูกต้องและความเหมาะสม โครงสร้างหลักสูตร ความเหมาะสมของหลักสูตรสมควรนาไปใช้หรือไม ่ และคุณภาพผลผลิตของ หลักสูตร ผู้วิจัยได้ประเมินหลักสูตรฝึกอบรม โดยผู้เชี่ยวชาญ 5 ทาน่ ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน หลักสูตร และการสอน 2 ทาน่ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษาอังกฤษ 2 ทาน่ และผู้เชี่ยวชาญทางด้านเนื้อหา เฉพาะ 1 ทาน่ ผลการประเมินคุณภาพของหลักสูตรฝึกอบรม พบวา่ ผู้เชี่ยวชาญมีความคิดเห็นเกี่ยวกบั ความเหมาะสมของหลักสูตรฝึกอบรมภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ทางด้านโยราณคดี์ วัฒนธรรม นิเวศน์ และเกษตร ในจังหวัดมหาสารคาม ในภาพรวมมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด มีคาเฉลี่ย่ 4.66 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบวา่ ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 ทาน่ ประเมินควาถูกต้องและความเหมาะสม ของหลักสูตรฝึกอบรม อยูในระดับมากที่สุดทั่ ้ง 6 ด้าน ได้แก่ ระยะเวลาอบรม 60 ชัวโมง่ สถานที่ อบรม สานักวิเทศสัมพันธ์และสถานที่ท องเที่ยวจริงในจังหวัดมหาสารคาม่ ชื่อหลักสูตร คาอธิบาย 182

ของหลักสูตร จุดประสงค์การเรียนรู้ของหลักสูตร และ วิทยากร หลักสูตรฝึกอบรมมีคุณภาพอยูใน่ ระดับดีมาก อาจจะเนื่องมาจาก หลักสูตรฝึกอบรมได้ผานกระบวนสร้างอย่ างมีขั่ ้นตอน ได้แก่ การ วิเคราะห์ความต้องการ วิเคราะห์งานจริง และการประเมินความถูกต้อง และความเหมาะสมของ หลักสูตร โดยผู้เชี่ยวชาญ นูนัน (Nunan, D. 1991:167-170) ได้กล่าววา่ การสอนภาษาอังกฤษให้ ประสบผลสาเร็จ ครูควรมีข้อมูลเกี่ยวกบผู้เรียนั ไดแก่ ความรู้ และภูมิหลังทางด้านการศึกษาของ ผู้เรียน (Educational Background) ความเชื่อ (Beliefs) รูปแบบการเรียนรู้ (Cognitive Styles) กล ยุทธการเรียน (Learning Strategies) แรงจูงใจ (Motivation) และ เจตคติ (Attitude) ซึ่งช่วยให้ครูสอน ภาษาอังกฤษสามารถเตรียมกิจกรรมการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ (Well-Prepared Tasks) ให้ สอดคล้องและเหมาะสมกบผู้เรียนั และนอกจากนี่ เวลาสาหรับการฝึกอบรม 60 ชัวโมง่ เป็นเวลาที่ เหมาะสม และเพียงพอสาหรับการฝึก ทั้งทักษะฟัง และทักษะพูด ซึ่งสอดคล้องกบั เกศริน (2544 : 160) อ้างอิงแนวคิดของ Baldwin and Williams(1988 : 4-5) ที่กล่าววาการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้ลงมือ่ ปฏิบัติจริงเป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ สรุปวา่ หลักสูตรภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก มีคุณภาพมาก์ เหมาะสมสาหรับการน าไปใช้ เพื่อพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ทางด้านโบราณคดี์ วัฒนธรรม นิเวศน์ และเกษตรในจังหวัดมหาสารคาม สาหรับนักศึกษาและบุคคลทั วไปที่มีความสนใจพัฒนา่ ภาษาอังอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์

6. ข้อเสนอแนะ จากผลการวิจัยการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ทางด้าน์ ธรณีวิทยา และซากดึกดาบรรพ์ ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะ 2 ประการดังนี้

6.1 ข้อเสนอแนะทั่วไป 6.1.1 สานักงานการท องเที่ยวแห่ ่งประเทศไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 3 และ ยุทธศาสตร์ทางด้านการทองเที่ยวของจังหวัดมหาสารคาม่ มีโครงการส่งเสริมการทองเที่ยวในภาค่ ตะวันออกเฉียงเหนือ สาหรับนักท องเที่ยวทั่ ้งชาวไทย และตางประเทศ่ มีความจาเป็นที่จะต้องพัฒนา ความสามารถในการใช้ภาษาตางประเทศ่ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ เพื่อรองรับนักทองเที่ยวชาวต่ างชาติ่ ดังนั้นหลักสูตรฝึกอบรมนี้ควรนาไปใช้เพื่อพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของมัคคุเทศก ์ ของนักศึกษา และบุคลากรที่ทางานเก ี่ยวกบการทั องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม่ 6.1.2 อุตสาหกรรมการทองเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้จ่ านวนมากให้ก บประเทศั มัคคุเทศกและบุคลากรที่ท์ างานเก ี่ยวกบการทั องเที่ยวประเภทต่ างๆ่ จานวนมากที่จะต้องพัฒนา ความสามารถการใช้ภาษาตางประเทศ่ เพื่อรองรับนักทองเที่ยวชาวต่ างชาติ่ ดังนั้นงานวิจัยนี้สามารถ นาไปใช้เป็นรูปแบบในการสร้างและพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมได้ เพื่อพัฒนาความสามารถในการใช้ 183

ภาษาตางประเทศของนักศึกษาและบุคลากรที่ท่ างานเก ี่ยวกบการทั องเที่ยว่ และอาชีพอื่นๆ ในจังหวัด มหาสารคาม 6.1.3 การเป็นมัคคุเทศกที่ดีส์ าหรับนักท องเที่ยวชาวต่ างประเทศ่ ผู้สร้างหลักสูตร ควรเพิ่ม ความรู้ หรือข้อมูลทัวไปเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยว่ ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค และ ระดับประเทศ เพื่อผู้เข้าอบรมจะได้เรียนรู้ และฝึกภาษาตางประเทศด้วยข้อมูลจริง่ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ เข้าอบรมได้นาไปใช้ได้จริง 6.1.4 ผู้เข้ารับการอบรมอาจจะมีความแตกตางก่ นั ทั้งในเรื่องของความรู้และความสามารถ ของข้อมูลการทองเที่ยว่ ตลอดจนภาษาอังกฤษ ดังนั้นหลักสูตรฝึกอบรมนี้ควรปรับพื้นฐานของผู้เรียน ก่อนอบรม หรือมีรูปแบบการเรียนที่หลากหลาย โดยพิจารณาจากกลุ่มเป้าหมาย เพื่อความถูกต้องของ ข้อมูลและการใช้ภาษาอังกฤษ 6.1.6 การเตรียมความพร้อมทางด้านภาษาอังกฤษสาหรับงานอาชีพ แก่นักศึกษาที่จะออกฝึก ประสบการณ์ และนักศึกษาที่จะสาเร็จการศึกษาเป็นสิ ่งที่จาเป็นมาก ดังนั้นหลักสูตรนี้ควรนาไปใช้ เพื่อเตรียมความพร้อมเกี่ยวกบความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสั าหรับนักศึกษาสาขาภาษาอังกฤษ สาขาภาษาอังกฤษธุรกิจ สาขาการโรงแรมและการทองเที่ยว่ หรือสาขาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ก่อนออกฝึก ประสบการณ์อาชีพ หรือก่อนสาเร็จการศึกษา

6.2 ข้อเสนอแนะส าหรับการวิจัยครั้งต่อไป 6.2.1 ผู้เข้าอบรม มีปัญหาเกี่ยวกบสถานที่ั เวลา รูปแบบการเรียนตลอดจนพื้นฐานความรู้ ภาษาตางประเทศแตกต่ างก่ นั ดังนั้น รูปแบบการฝึกอบรมควรหลากหลาย เพื่อสนองความต้องการ ของผู้เรียน เช่นการเรียนด้วยตนเอง โดยเฉพาะบทเรียนออนไลน์ หรือบทเรียนโปรแกรม ซึ่งผู้เรียน สามารถเลือกเรียนเองได้ตามโอกาส และยังสามารถใช้สาหรับการเรียนเสริม และทบทวนได้ด้วยตาม ลักษณะความแตกตางระหว่ างบุคคล่ 6.2.2 ควรมีการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานจริงของผู้ที่เข้าอบรม ทั้งการออกฝึก ประสบการณ์ หรือประกอบอาชีพมัคคุเทศก ์ เพื่อพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรให้มีประสิทธิภาพ ยิงขึ่ ้น 6.2.3 ปัจจุบันมีนักทองเที่ยวชาวต่ างชาติมาท่ องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ่ ้น เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และ ประเทศในแถบยุโรป ดังนั้นควรมีการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาตางประเทศ่ อื่นๆสาหรับมัคคุเทศก ์ และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกบการทั องเที่ยว่ โดยเน้นวิธีการอบรมที่หลากหลาย และเน้นทักษะทางภาษาทั้ง 4 ทักษะ ฟัง พูด อาน่ และเขียน เพื่อเพิ่มจานวนของบุคลากรที่ท างาน เกี่ยวกบการทั องเที่ยวที่มีคุณภาพ่

184

บรรณานุกรม ภาษาไทย

เกศริน มนูญผล. (2544). การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมครูเพื่อเสริมสมรรถภาพด้านการจัดทา หนังสือเสริมประสบการณ์ที่สอดคล้องกับท้องถิ่น. ปริญญานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร. การทองเที่ยวและการก่ ีฬา, กระทรวง. (2549). กรอบนโยบายของคณะกรรมการ การท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย พ.ศ. 2550-2554. [online]. Available: http://thai.tourismthailand.org/ about-tat-24-1.html. [10/11/2551]. การทองเที่ยวและการก่ ีฬา, กระทรวง. (2549). ยุทธศาสตร์และนโยบาย. [online]. Available: http://www.mots.go.th/tourism/index.php. [22/2/2550]. การทองเที่ยวและการก่ ีฬา, กระทรวง (2549). วิสัยทัศน์และพันธกิจ. [online]. Available: http://www.mots.go.th/tourism/index.php. [22/2/2550]. การทองเที่ยวแห่ ่งประเทศไทย, สานักงาน . (2551). ข้อมูลท่องเที่ยว 76 จังหวัด. [online]. Available: http://thai.tourismthailand.org/destination-guide/. [8/2/2551]. การทองเที่ยวแห่ ่งประเทศไทย, สานักงาน . (2551). ค้นหาข้อมูลท่องเที่ยว. [online]. Available: http://thati.tourismthailand.org/search/index.php [24/7/2551]. การทองเที่ยวแห่ ่งประเทศไทย, สานักงาน . (2544). ผ้ว่าู ททท. ชี้แจงกรณีผ้สอบผ่านการอบรมู มัคคุเทศก์เพียง 30 คน จาก 600 คน. [online]. Available: http://www.ryt9.com/s/prg/248937/ [25/2/2552]. การทองเที่ยวแห่ ่งประเทศไทย เขต 3, สานักงาน . (2551). โครงการแผนการด าเนินงานทางด้านการ ท่องเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2552. รายงานการประชุมสานักงานการท องเที่ยวแห่ ่ง ประเทศไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. กฤตพร บุญการินทร์. ความสามารถการใช้ภาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของมัคคุเทศก์ชาวไทยใน จังหวัดเชียงใหม่. [online]. Available: file://E:\Back_Up_C2\My Document\ภาษาอังกฤษ ของมัคคุเทศก.์ htm. 2550. [24/8/2551]. ก่ิงกาญจน์ สุขะธรรมโม. (2548). ประมวลความต้องการในการใช้ภาษาอังกฤษและการอบรม ภาษาอังกฤษ. ศูนย์พัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ. นาโกต้า จาก ดั . กิตติ กิตติศัพท์. (2557) การประเมินตามสภาพจริง. วารสารโรงเรียนนายเรือ ปีที่ 4 ฉบับที่ 4 ตุลาคม- ธันวาคม 2547. 185

กองทะเบียนและประมวลผล มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. (2554). [Online]. Available://www.regpr.msu.ac.th/index.php. [28/12/2011]. คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ, สานักงาน . (2549). (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ฉบับที่ 10 [พ.ศ. 2550-2554]: เอกสารประกอบการประชุมประจาปี ชัยยงค์ พรหมวงศ์. (2537). ประมวลสาระชุดวิชาเทคโนโลยีและการสื่อสารการฝึกอบรม หน่วยที่1 แนวคิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการสื่อสารการฝึกอบรม. นนทบุรี : โรงพิมพ์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. ไชยยศ เรืองสุวรรณ. (2547). เทคโนโลยีการสอน : การออกแบบและพัฒนา. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์. ชูชัย สมิทธิไกร. (2548). การฝึกอบรมบุคลากรในองค์กร. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ณรงค์ฤทธิ์ โสภา. (2557). การวิจัยเพื่อพัฒนาศักยภาพของชุมชนในการส่งเสริมการ ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์เกษตร เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน: กรณีศึกษา สหกรโคนม โคกก่อ อาเภอแกด า จังหวัดมหาสารคาม มหาลัยราชภัฏมหาสารคาม. ณรงค์ฤทธิ์ โสภา. (2550). ส ารวจความต้องการพัฒนาการใช้ภาษาอังกฤษของบุคลากรที่ทางาน เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในจังหวัดมหาสารคาม ขอนแก่น ร้อยเอ็ด และ กาฬสินธ์ุ. มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. ทะเบียนธุรกิจนาเที่ยวและมัคคุเทศก ์, สานักงาน . (2551). ข้อมูลจ านวนมัคคุเทศก์ กลุ่มทะเบียน ธุรกิจนาเที่ยวมัคคุเทศก และนิติกร์ . ทิศนา แขมมณี (2547). ศาสตร์การสอน: องค์ความร้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู ้ที่มีู ประสิทธิภาพ กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์แห ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด ‚ร้อยแก่นสารสินธุ์‛, สานัก . (2552). แผนยุทธศาสตร์กล่มจังหวัดุ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ประจ าปีงบประมาณ 2552-2555 ร้อยเอ็ด – ขอนแก่น –มหาสารคาม – กาฬสินธ์ุ “กล่มร้อยแก่นสารสินธุ ์ุ‛ สานักงานจังหวัดขอนแก ่น ผะอบ พวงน้อย และ คณะ. (2547). การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเทคนิคเพื่อการสื่อสารในงาน อาชีพ e-Journal for Researching Teachers ฉบับที่ 2 ปีที่ 1 เดือน พฤษภาคม [online]. Available:http//www.culi.chula.ac.th/eJournal_02/research-04.htm. 2547. [9/2/2551]. ผาณิต บุญยะวรรธนะ. (2542). ความต้องการภาษาอังกฤษในธุรกิจท่องเที่ยว [Online]. Available ://202.28.18.227/dcms/browse.php?option=show&browse_type=title&titleid=4 2039. [6/3/2552]. 186

พัฒนาการทองเที่ยว่ , สานักงาน . (2551). ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว. [online]. Available:http:// www.tourism.go.th/index.php?=com_content&task/. [24/7/2551]. พัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ, ศูนย์. (2548). มาตรฐานภาษาอังกฤษส าหรับอาชีพ. กรุงเทพมหานคร: สานักงานคณะกรรมการอุดมศึกษาแห ่งชาติ, กระทรวงศึกษาธิการ. มัคคุเทศกอาชีพแห์ ่งประเทศไทย, สมาคม. (2551). ข้อบังคับมัคคุเทศก์ ปี พ.ศ. 2551 [online]. Available:://www.www.thaireadyweb.com/ecommerce/pgathai/. [29/8/2551]. ราชภัฏมหาสารคาม, มหาวิทยาลัย. (2551). จ านวนนักศึกษาที่กาลังศึกษาอย ่ ู มหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาสารคาม. [online]. Available://reg.rmu.ac.th/. [27/12/2551]. รังสรรค์ สิงหเลิศ. (2551). ระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์. ฝ่ายผลิตเอกสารและตารา สานักงาน วิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. วารุณี เกตุสะอาด. (2554). (2550) การประเมินศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของพื้นที่เขตทวี วัฒนา กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ มหาวิทยาลัยมหิดล. วิชัย วงศ์ใหญ.่ (2538). พัฒนาหลักสูตรและการสอน : มิติใหม่. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์รุ่งเรืองธรรม. สมคิด อิสระวัฒน์. (2543). การสอนผ้ใหญู่ . กรุงเทพฯ : จรัลสนิทวงศ์ การพิมพ์. สมชาติ กิจยรรยง และ อรจรีย์ ณ ตะกวทุ่ั ง่ . (2539). เทคนิคการจัดฝึกอบรมอย่างมีประสิทธิภาพ : กรุงเทพมหานคร บริษัท ซีเอ็ดยูเคชันจ่ าก ดั . สมยศ เจตน์เจริญรักษ์. (2540). การสร้างหลักสูตรการฝึกอบรมเกี่ยวกับการบริหารงานใน อุตสาหกรรมการผลิต. วิทยานิพนธ์ครุศาสตร์อุตสาหกรรมดุษฎีบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. สิทธินัฐ ประพุทธนิติสาร. (2546). การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม: แนวคิดและแนวปฏิบัติ โครงการวิชาการเพื่อเด็กและชุมชน เชียงใหม่: วนิดา เพรส. สุทัศน์ นาคจัน่ . (2548). ภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยว : กรณีศึกษาการสร้างหลักสูตรภาษาอังกฤษ เพื่อ การทองเที่ยวในจังหวัดเพชรบุรี่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี. สุนีย์ ภูพันธ์่ . (2546). แนวคิดพื้นฐานการสร้างและการพัฒนาหลักสูตร. พิมพ์ลักษณ์, เชียงใหม่. สานักงานการท องเที่ยวและก่ ีฬาจังหวัดมหาสารคาม. (2555) เปิดประตุส่พทธมณฑลอีสานู . มหาสารคาม สานักงานจังหวัดมหาสารคาม . หลักสูตรวิชาภาษาอังกฤษ (2556). แผนการรียนตลอดหลักสูตร. คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม อัคครัตน์ พูลกระจาง่ . (2550). การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมหัวหน้างานเพื่อพัฒนาหลักสูตรการ สอนงานปฏิบัติในสถานประกอบการ: บัณฑิตวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ. 187

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ (2554). ประชาคมอาเชียน สานักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐก ิจและแห่งชาติ. อาชัญญา รัตนอุบล. (2544). กระบวนการฝึกอบรมส าหรับการศึกษานอกระบบ กรุงเทพฯ: บริษัท ประชาชนจาก ดั .

ภาษาอังกฤษ

Anthony, L. (2007). English for Specific Purposes: What does it mean? Why is it different?. [online]. Available:http://www.antlab.sci.waseda.ac.jp/ abstracts/ESParticle.html. [9/2/2007]. Beresova, J. and Rok, S. (2006). Testing Speaking Skills:Marking Critetria. [Online]. Available:http://www.infovek.sk/predmety/anglictina/olympiada/dokomenty/testing. [6/3/2008]. Burns, A. (995). Course Readings : Program Planning, Monitoring and Evaluation. School of English and Linguistics , Macquarie University, Sydney. Communicative Approach. (2014). The Contributions of the Communicative Movement. [Online].Available://www.auburn.edu/nunnath/engl6240/clt.html. [1/4/2014]. Darling-Hammond, L. (1995). Authentic Aessessment in Action: Studies of schools and students at work. New York: Teachers College Presss. Delahaye, L. Brian. (005). Human Resource Development: Adult Learning and Knowledge Management (2nd Ed.). Sydney: John Wiley & Sons Australia, Ltd. Freed, J. E. (2000). Learner-Centered Assessment on College Campuses: Shifting the focus from teaching to learning. Boston: Allyn and Bacon. Harding, K. (1999). Going International: English for Tourism. New York: Oxford University Press. Harding, K. and Henderson, P. (2000). High Season: English for Hotel and Tourism Industry. New York: Oxford University Press. Hammond, J., A. Burns, D. Brosman and L. Gerot. (1992). English for Social Purposes. Sydney: NCELTR. Harmer, J. (1991). The Practice of English Language Teaching (New Edition). London: Longman Group UK Limited.

188

Hughes, A. (1989). Tesing for Language Teachers. Cambridge: Cambridge University Press. Instructional Design & Development. (2007). Performance Analysis, Needs Assessment and Needs Analysis. [online].Available: http://chd.gmu.edu/immersion/needsanalys.html. [9/2/2007]. Jenkins, John M. & Keefe, James W. (2001). Strategies for Personalizing Instruction: a Typology for Improving Teaching and Learning.[online]. Available: http//203.144.248.21/hwwmds/detail.nsp. [2005, October 26]. Kavaliauskiene, G. & Uzpaliene, D. (2000). Aspects of Teaching Adult Learners. [online].Available:http://www.google.co.th/search?hl=th&q=aspects+of+teachi ng+adult+learning/.[24/8/2007]. Liu, Abby Yi-chun. (2000). Human Resources Development and Planning for Tourism: Case studies from PR China and Malaysia. [online] Available. Mhtml:file://C:/Document and Settings/LC/My Documents/Liu, Abby. mht. [17/11/2008]. Loei Rajabhat University. (2006). An International Seminar on Strategies for the Collaborative Research and Development in the GMS Universities. Doctoral Degree Program, Loei Rajabhat University, Thailand. Martin, D. & Miller, C. (1999). Language and the Curriculum: Practitioner Research in Planning Differentiation. David Fulton Publishers, London. Nolan, R. and Halka, Z. (2006). Model for Developing Foreign Language Human Resources Development Programs. [online]. Available: http://www.osuours.pkstate.edu/report95/report/education/adult. html. [16/11/2008]. Nunan, D. (1992). Designing Tasks for Communicative Classroom. Cambridge : Cambridge University Press. Nunan, D. (1991). Language Teaching Methodology. Cambridge : Cambridge University Press. Nunan, D. (1988). The Learner-Centered Curriculum: A study on Second Language Teaching: Cambridge University Press. Oliva.P.E. (1992). Developing the Curriculum. United State : Darriu Dudas Publication Services Inc. Richards, J. (1984). Language Curriculum Development, RELC Journal, 15, 1.

189

Richards, J. (1994). Interchange English for International Communication:Intro student’s book. New York: Cambridge University Press. Richards, J. (1997). New Interchange English for International Communication: New York: Cambridge University Press. Robert H. Rouda & Mitchell E. Kusy, J. (1995). Needs Assessment: The First Step. [online]. Available: http://alumnus.caltech.edu/. [9/2/2007]. Saylor, J.G. and Alexander. (1972). Planning Curriculum for Schools. New York : Holt Rinenart and Winston. Sermsondswad, U., Ketkarn, T, & Connon, H. (2006). English for Tour Guides. Chiang Mai: Chiang Mai University Press. Sopa, N. (2004). English for Communication. Maha Sarakham: Rajabhat Maha Sarakham University Press. Taba H. (1981). Curriculum Development: Theory and Practice. New York : Harcout Braca and World. Terrance, H. (1995). Evaluating Authentic Assessment. Buckingham: Open University Press Tourism Thailand. (2009). Tourist Attractions in Kalasin. [online]. Available:http://www.tourismthailand.org/attraction/kalasin-40-1.html.[4/4/2009]. Tourism Thailand. (2009). Tourist Attractions in Khon Kaen. [online]. Available:http://www.tourismthailand.org/attraction/khonkaen-40-1.html.[4/4/2009]. Tourism Thailand. (2009). Tourist Attractions in Maha Sarakham. [online]. Available:http://www.tourismthailand.org/attraction/mahasarakham-40-1.html.[4/4/2009]. Tourism Thailand.Org. (2007). Eco-Tourism. [online]. Available:http://www.tourismthailand.org/ products. [21/2/2007]. Wallace, M. (1999). Guide on the Side- A Model for Training and Improving Performance. [online]. Available:http//www.llrx.com/node/ 162/print. [10/11/2008]. Weiler, B. & Harn, H. S. (2002). Tour Guide Training: A Model for Sustainable Capacity Building in Developing Countries. Jounal of Sustaianable Tourism. Vol. 10 No. 1, 2002. Wiles, J. & Bondi, J. (2002). Curriculum Development: A Guide to Practice. Pearson Education, Inc. Upper Saddle River, New Jersey.

190

ภาคผนวก

1. แบบประเมินความรู้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ 2. แบบสอบถามความต้องการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ 3. แบบประเมินหาคาดรรชนีความสอดคล้องของหลักสูตร่ 4. แบบประเมินความถูกต้องและความเหมาะสมของหลักสูตรภาษาอังกฤษสาหรับ มัคคุเทศก ์ 5. หลักสูตรภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ในจังหวัดมหาสารคาม์

191

1. แบบการประเมินความรู้และความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ของ นักศึกษา ประเด็นประเมิน ระดับความคิดเห็น 5 4 3 2 1 1. ความร้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวู 1.1 ทานมีความรู้เก่ ี่ยวกบข้อมูลทัั วไปของจังหวัดมหาสารคามได้แก่ ่ สภาพ ภูมิศาสตร์ การคมนาคม อาชีพ วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ 1.2 ทานมีความรู้เก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิงนิเวศในจังหวัดมหาสารคาม่ 1.3 ทานต้องการรู้เก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดมหาสารคาม่ 1.4 ทานมีความรู้เก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม่ ในจังหวัด มหาสารคาม เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 2. ความร้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษู 2.1 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบข้อมูลทัั วไปของจังหวัด่ มหาสารคามได้แก่ สภาพภูมิศาสตร์ การคมนาคม อาชีพ วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ 2.2 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ นิเวศในจังหวัดมหาสารคาม 2.3 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ เกษตรในจังหวัดมหาสารคาม 2.4 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ วัฒนธรรมในจังหวัดมหาสารคาม 2.5 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเก่ ี่ยวกบสถานที่ทั องเที่ยวเชิง่ สุขภาพในจังหวัดมหาสารคาม เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3. ความร้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสู าหรับมัคคุเทศก์ 3.1 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการทักทายก บั นักทองเที่ยว่ (Greeting Tourists) 3.2 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการแนะน าตัวต อ่ นักทองเที่ยว่ (Introducing People) 3.3 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการพูดคุยเรื่อง 192

เล็กๆน้อยๆ (Making Small Talk) 3.4 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับแสดงความคิดเห็นก บั นักทองเที่ยว่ (Giving Opinions) 3.5 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการรับค าชมและค า วิจารณ์จากนักทองเที่ยว่ (Accepting Praise and Criticism) 3.6 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการแก ปัญหาการร้อง้ ทุกข์ของนักทองเที่ยว่ (Dealing with Complaints) 3.7 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการแก ปัญหาฉุกเฉินของ้ นักทองเที่ยว่ (Coping with Emergencies) 3.8 ทานมีความรู้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการกล ่าวลา นักทองเที่ยว่ (Saying Goodbye) 3.9 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับ การให้ข้อมูลเกี่ยวกบั วัน วันที่ และเวลา (Talking about Days, Dates and Time) 3.10 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการให้ข้อมูลเก ี่ยวกบั ระยะทาง และสถานที่ ทองเที่ยว่ (Talking about Distance, Area, and Length of Time) 3.11 ทานมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส่ าหรับการให้ข้อมูลเก ี่ยวกบั แผนการทองเที่ยว่ (Talking about an Itinerary) 3.11 อื่นๆ โปรดระบุ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4. การจัดการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว 4.1 ประสิทธิภาพการให้บริการแก่นักทองเที่ยวในฐานะเป็นมัคคุเทศก่ ์ 4.2 ความสามารถในการจัดโปรแกรมทองเที่ยวและการนัดหมายนักท่ องเที่ยว่ 4.3 ทานมีกลยุทธ์การติดต่ อประสานงาน่ และการเตรียมความพร้อมให้แก่ นักทองเที่ยว่ เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ เฉลี่ยรวมทั้งหมด

193

2. แบบสารวจความต้องการในการพัฒนาในการพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษส าหรับ มุคคุเทศก ์ ของนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

ความต้องการในการพัฒนา รายละเอียด ระดับความคิดเห็น เนื้อหา รายละเอียด 5 4 3 2 1 1.ตระหนักถึงความสาคัญ 1. ความสาคัญจ าเป็นในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อ และจาเป็น สาหรับ การ การทองเที่ยว่ พัฒนา 2. มีปริมาณนักทองเที่ยวชาวตะวันตกหรือ่ นักทองเที่ยวที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการ่ สื่อสารมากขึ้น 3. ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางที่ต้องใช้สื่อสาร ในกลุ่มประเทศสมาชิประชาคมอาเชียน อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 2.ประโยชน์ในการพัฒนา 4.ทานต้องการพัฒนาความสามารถในการใช้่ ภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ 5. ทานต้องการสร้างความมั่ นใจในการใช้่ ภาษาอังกฤษในงานอาชีพมัคคุเทศก ์ 6.ทานต้องการเพิ่ ่มประสิทธิภาพการให้บริการ 7.ทานต้องการเพิ่ ่มประสิทธิภาพการจัด โปรแกรมทัวร์และการนัดหมาย 8.ทานสามารถเพิ่ ่มศักยภาพในการจัดการ ทองเที่ยวในเขตพื่ ้นที่ให้มีมาตรฐานสากล อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 3.ความรู้เกี่ยวกบั สถานที่ 9.ทานต้องการทราบข้อมูลทั่ วของ่ ทองเที่ยวในจังหวัด่ จังหวัดมหาสารคามได้แก่ สภาพ มหาสารคาม ภูมิศาสตร์ การคมนาคม อาชีพ วัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ 10.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่ท่ องเที่ยว่ 194

เชิงโบราณคดีในจังหวัดมหาสารคาม 11.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่ท่ องเที่ยว่ เชิงวัฒนธรรมในจังหวัดมหาสารคาม 12.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่ท่ องเที่ยว่ เมืองและชุมชนในจังหวัดมหาสารคาม 13.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่ท่ องเที่ยว่ เชิงนิเวศในจังหวัดมหาสารคาม 14.ทานต้องการทราบข้อมูลสถานที่ท่ องเที่ยว่ เชิงเกษตรในจังหวัดมหาสารคาม อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 4 ภาษาอังกฤษสาหรับ 15. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ มัคคุเทศก ์ ภาษาอังกฤษสาหรับการแนะน าตัวต อ่ นักทองเที่ยว่ (Introducing People) 16.ทานต้องการพัฒนาการใช้่ ภาษาอังกฤษสาหรับการพูดคุยเรื่องเล็กๆน้อยๆ (Making Small Talk) 17.ทานต้องการพัฒนาการใช้่ ภาษาอังกฤษสาหรับแสดงความคิดเห็น กบนักทั องเที่ยว่ (Giving Opinions) 18. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ ภาษาอังกฤษสาหรับการรับค าชมและ คาวิจารณ์จากนักท องเที่ยว่ (Accepting Praise and Criticism) 19. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ ภาษาอังกฤษสาหรับการแก ปัญหาการ้ ร้องทุกข์ของนักทองเที่ยว่ (Dealing with Complaints) 20. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ ภาษาอังกฤษสาหรับการแก ปัญหาฉุกเฉินของ้ นักทองเที่ยว่ (Coping with Emergencies) 21. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ 195

ภาษาอังกฤษสาหรับการกล ่าวลา นักทองเที่ยว่ (Saying Goodbye) 22. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ ภาษาอังกฤษสาหรับ การให้ข้อมูลเกี่ยวกบั วัน วันที่ และเวลา (Talking about Days, Dates and Time) 23. ทานมีความสามารถในการใช้่ ภาษาอังกฤษสาหรับการให้ข้อมูล เกี่ยวกบระยะทางั และสถานที่ ทองเที่ยว่ (Talking about Distance, Area, and Length of Time) 24. ทานต้องการพัฒนาการใช้่ ภาษาอังกฤษสาหรับการให้ข้อมูลเก ี่ยวกบั แผนการทองเที่ยว่ (Talking about an Itinerary) อื่น ๆ โปรดระบุ ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 5. รูปแบบการอบรม 25. ทานต้องการหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั่ ้น 26. ทานต้องการขอบข่ ายเนื่ ้อหา เน้นทฤษฎีและ ฝึกปฏิบัติจริงในแหล่งทองเที่ยว่ 27.ทานต้องการขอบข่ ายเนื่ ้อหา เน้นทฤษฎีและ การฝึกปฏิบัติในห้องเรียน 28. ทานต้องการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่ าน่ สื่อทางไกล 29.ทานต้องการเรียนรู้ฝึกอบรมในห้องเรียน่ 30.ทานต้องการเรียนรู้ฝึกอบรมใน่ ห้องเรียนและผานสื่อทางไกล่ 31.ทานต้องการเรียนรู้ฝึกอบรมในห้องเรียนและ่ ฝึกใช้ภาษาในสถานการณ์ทองเที่ยวจริง่ อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 6.ระยะเวลาการอบรม 32.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 30 ชัวโมง่ 196

33.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 60 ชัวโมง่ 34.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 90 ชัวโมง่ 35.ทานต้องการฝึกอบรม่ จานวน 120 ชัวโมง่ 36.ทานต้องการฝึกอบรบ่ ช่วงเวลา จันทร์-ศุกร์ เวลาราชการ 37.ทานต้องการฝึกอบรม่ เสาร์-อาทิตย์/หลังเลิก งาน อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 7.อาจารย์สอน 38.ทานต้องการฝึกอบรมก่ บั อาจารย์ชาวไทย 39.ทานต้องการฝึกอบรมก่ บั อาจารย์ ชาวตางชาติ่ 40.ทานต้องการฝึกอบรมก่ บั อาจารย์ชาวไทย และชาวตางชาติ่ อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ 8. การประเมินผล 41.ทานต้องการประเมินความสามารถโดยใช้่ ทดสอบข้อเขียน 42.ทานต้องการประเมินความสามารถโดยใช้่ ทดสอบการฝึกปฏิบัติจริงในสถานที่จริง 43.ทานต้องการประเมินความสามารถโดยใช้่ ทดสอบข้อเขียน และปฏิบัติจริงในสถานการณ์ จริง อื่นๆ...... เฉลี่ยรวมแตละด้าน่ เฉลี่ยรวมทั้งหมด

197

3. แบบประเมินหาคาดรรชนีความสอดคล้องของหลังสูตร่ กบั คาอธิบายและวัตถุประสงค์ของ หลักสูตร โดย ผู้เชี่ยวชาญ 5 ทาน่ +1 มีความสอคล้อง 0 ไมแน่ ่ใจ -1 ไมมีความสอดคล้อง่ ข้อ คาถาม ระดับการประเมิน 1 2 3 4 5 รวม 1 ชื่อหลักสูตร 2 คาอธิบายของหลักสูตร 3 จุดประสงค์การเรียนรู้ของหลักสูตร 4 กรอบชื่อเรื่องของหลักสูตร 5 บทเรียนยอยของหลักสูตร่ 6 ทักษะการเรียนภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ 7 กิจกรรมช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษสาหรับ มัคคุเทศก ์ 8 รูปแบบและบั้นตอนการนาเสนอก ิจกรรมการเรียน การสอน 9 การจัดรูปแบบและภาพประกอบ 10 การวัดและประเมินผล 11 วิทยากรอบรม 12 สถานที่อบรม สานักวิเทศสัมพันธ์และสถานที่ ทองเที่ยวจริงในจังหวัดมหาสารคาม่ 13 ระยะเวลาอบรม 60 ชัวโมง่ คาเฉลี่ยดรรชนี่

198

4. แบบประเมินความถูกต้องและความเหมาะสมของหลักสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญ 5 ทาน่

5 เหมาะสมมากที่สุด 4 เหมาะสม 3 ปานกลาง 2 เหมาะสมน้อย 1 เหมาะสมน้อยที่สุด

ข้อ คาถาม ระดับการประเมิน 1 2 3 4 5 รวม 1 ชื่อหลักสูตร 2 คาอธิบายของหลักสูตร 3 จุดประสงค์การเรียนรู้ของหลักสูตร 4 กรอบชื่อเรื่องของหลักสูตร 5 บทเรียนยอยของหลักสูตร่ 6 ทักษะการเรียนภาษาอังกฤษสาหรับมัคคุเทศก ์ 7 กิจกรรมช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษสาหรับ มัคคุเทศก ์ 8 รูปแบบและบั้นตอนการนาเสนอก ิจกรรมการเรียน การสอน 9 การจัดรูปแบบและภาพประกอบ 10 การวัดและประเมินผล 11 วิทยากรอบรม 12 สถานที่อบรม สานักวิเทศสัมพันธ์และสถานที่ ทองเที่ยวจริงในจังหวัดมหาสารคาม่ 13 ระยะเวลาอบรม 60 ชัวโมง่ คาเฉลี่ยในภาพรวม่

199

English for Tour Guides

Course Description

English for Tour Guides in Archeological and Cultural Tourism, Ecotourism and Agrotourim is designed for university students, high school students, tour guides, and also tourism officers in Maha Sarakham Province, whose English is at an intermediate level, who want to improve the English language in Archeological and Cultural Tourism, Ecotourism and Agrotourim. It is used for a 60-hour-training course. The text is based on Archeological and Cultural Attractions, Communities Attractions, Ecotourism Attractions, and Agrotourism Attractions in Maha Sarakham Province, and English for Tour Guide of the English Language Competency Development Center, the Commission for Higher Education (2006). The curriculum focuses on improving listening, speaking, reading and writing skills. It is divided into 3 main parts: Social Interaction, Giving Information and Visiting Archeological and Cultural Attractions, Ecotourism Attractions, and Agrotourism Attractions in Maha Sarakham Province, and it consists of 16 units: Meeting Tourists, Introducing People, Making Small Talk, Giving Opinions, Accepting Praise & Criticism, Dealing with Complaints, Coping with Emergencies, Bidding Farewell; Talking about Days, Dates and Time, Talking about Distance, Area, and Length of Time, Talking about an Itinerary; and Visiting Archeological and Cultural Attractions, Communities Attractions, Ecotourism Attractions, and Agrotourism Attractions in Maha Sarakham Province. The learning activities are designed based on the concept of three instructional models: Teaching Language for Communication, Student-Centered Instruction and the Teaching-Learning Cycle Model. The methodology focuses on learning process to improve English skills: listening, speaking, reading and writing.

Learning Objectives: By the end of the course, trainees should be able to: 1. Understand vocabulary, phrases, and grammar related to the tourism focusing on Archeological and Cultural Tourism, Ecotourism and Agrotourim in Maha Sarakham Province. 2. Improve listening, speaking, and reading skills in Archeological and Cultural Tourism, Ecotourism and Agrotourim in Maha Sarakham Province. 3. Communicate English language skills in realistic situations correctly and appropriately. 200

Outline of Lesson Plan Day Topics Activities Trainers 1 Opening Ceremony, Introducing a training curriculum RMU President Training Orientation and doing pretest Assoc. Prof. Dr. and Pretest Narongrit Sopa and Training Staff Social Interaction: 2 Meeting Tourists -Presenting word power, grammar Assoc. Dr. focus, communicative practice Narongrit Sopa and activities, fluency exercises- these pair, Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities 3 Introducing People -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. focus, communicative practice Narongrit Sopa and activities, fluency exercises- these pair, Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities 4 Making Small Talk -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. focus, communicative practice Narongrit Sopa and activities, fluency exercises- these pair, Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities 5 Giving Opinions -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. focus, communicative practice Narongrit Sopa and activities, fluency exercises- these pair, Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities 6 Accepting Praise & -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. Criticism focus, communicative practice Narongrit Sopa and activities, fluency exercises- these pair, Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities 201

7 Dealing with Complaints -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. focus, communicative practice Narongrit Sopa and activities, fluency exercises- these pair, Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities 8 Coping with Emergencies -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. focus, communicative practice Narongrit Sopa and activities, fluency exercises- these pair, Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities 9 Bidding Farewell -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. focus, communicative practice Narongrit Sopa and activities, fluency exercises- these pair, Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities

Giving Information: 10 Talking about Days and -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. Dates and Time focus, communicative practice Narongrit Sopa and activities, fluency exercises- these pair, Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities 11 Talking about Distance, -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. Area, and Length of Time focus, communicative practice Narongrit Sopa and activities, fluency exercises- these pair, Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities 12 Talking about an Itinerary -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. focus, communicative practice Narongrit Sopa and activities, fluency exercises- these pair, Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities 202

Visiting Archeological and Cultural Attractions, Communities Attractions, Ecotourism Attractions, and Agrotourism Attractions in Maha Sarakham: 13 Visiting Pramahathat Na -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. Dun, Ku Ban Khwao, and focus, communicative practice Narongrit Sopa and Ku Santarat activities, fluency exercises- these pair, Training Staff group, whole class; or role-play activities and listening activities and using English in the realistic situations 14 Visiting Isan Cultural -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. Museum, Walai Rukhavej focus, communicative practice Narongrit Sopa and Botanical Research activities, fluency exercises- these pair, Training Staff Institute, Isan House and group, whole class; or role-play Cart Traditional Museum, activities and listening activities and and Ming Mueang using English in the realistic situations. Standing Buddha Image 15 Visiting Nong Khuean -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. Chang Handicraft focus, communicative practice Narongrit Sopa and Community, Ban Phaeng activities, fluency exercises- these pair, Training Staff Slender Sedge Mat group, whole class; or role-play Handicraft Community activities and listening activities and using English in the realistic situations 16 Visiting Wang Macha Fish -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. Sanctuary, Dun Lamphan focus, communicative practice Narongrit Sopa and No-Hunting Area, activities, fluency exercises- these pair, Training Staff Kosumphisai Forest Park group, whole class; or role-play activities and listening activities and using English in the realistic situations 203

17 Visiting Khok Ko Diary -Presenting word power, grammar Assoc. Prof. Dr. Farm, and Don Mun Self- focus, communicative practice Narongrit Sopa and Sufficiency Economy activities, fluency exercises- these pair, Training Staff Village group, whole class; or role-play activities and listening activities and using English in the realistic situations 18 Closing Ceremony Posttest and Certificate Presentation RMU President and IRIE Training Staff

Teaching Methodology 1. Testing English language abilities in listening, speaking and reading skills for Archeological and Cultural Attractions, Town and Community Attractions, Ecotourism Attractions, and Agrotourism before training 2. Introducing new vocabulary and grammar relating to Archeological and Cultural Attractions, Town and Community Attractions, Ecotourism Attractions, and Agrotourism Attractions in Maha Sarakham 3. Practicing language skills for listening, speaking and reading relating to the new vocabulary and grammar 4. Using English language for both listening and speaking skills through communicative activities and the realistic situations. 5. Testing English language abilities in listening, speaking and reading skills for Archeological and Cultural Attractions, Towns and Communities Attractions, Ecotourism Attractions, and Agrotourism before training

Teaching Materials 1. English for Tour Guides in Archeological and Cultural Attractions, Towns and Communities Attractions, Ecotourism Attractions, and Agrotourism Attractions 2. Lesson Plans 3. An English proficiency test 4. A speaking assessment form 5. A questionnaire 6. CD player 204

Evaluation Listening Test 30% Speaking Test 40% English Language Proficiency Test 30% Total 100% Grading 80—100 Excellent 70-79 Good 60-69 Fair 50-59 Poor 0-49 Very Poor

205

Part I Social Interaction Unit 1: Meeting Tourists

A. Word Power – Meeting and Greeting

Match the letter of the following customs for meeting and greeting with the correct country. Country Greeting

1. Thailand

a) a handshake

2. China

b) a bow

3. Japan

c) a kiss on the cheek

4. Chile

d) a kow tow

206

5. The United States

e) a pat on the back

6. The Philippines

f) a wai B. Saying Hello Formal Informal/Friendly Good morning. Hi. Good afternoon. Hello. Good evening.

C. Are the following formal or informal, polite or impolite? Put an ( X ) in the correct boxes below.  No. Greetings Formal Informal Polite Impolite 1 Good morning, sir. 2 Hello, Bill. How are you today? 3 Hey you! Do you want a taxi? 4 How do you do? 5 You! Please sit down. 6 Good evening, Miss Smith.

207

D. Listen to self-introduction and repeat. Good morning, ladies and gentlemen. I’m Wijitra from the Maha Sarakham Travel Company. You can call me Taen. I’ll be your tour guide for today’s tour.

E. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation

Good morning. ใช้ทักทายในตอนเช้า ladies and gentlemen ใช้เรียกนักท่องเที่ยวทั้งกลุ่ม I’m…….(name)….from...(company)… ใช้แนะน าตัวเอง You can call me…….(nickname/ ให้นักท่องเที่ยวเรียกชื่อเล่น หรือชื่อสั้นๆได้ short name).. I’ll be your tour guide for today. บอกหน้าที่และความรับผิดชอบของตน

F. Task: You are a tour guide, prepare a self-introduction to present to the tourists including: your name, your company, your nickname, and your job. Start like this: Good morning, I’m ……………………………………….

G. Read the following note and check the following statements, if it is true, write “T”, and if it is false, write “F”. To Wijitra We have a 1-day, private Archeological Tour to Ku Ban Khao in Mueang District and Ku Santarat in Nadun District on Saturday -8.00-16.00. The tourists are Miss Catherine Hoffman and Miss Mary Smith. Please take care of them. I have reserved their room at the Takasila Hotel in Maha Sarakham. Collect the money for food, gasoline and entrance fees from my office. Lakhana, my secretary, will meet you at my shop at 7.30 am on Saturday, and you can pick them up at the Takasila Hotel at 8.00 am. ……1. It is a private Geological Tour to Ku Ban Khao in Mueang District and Ku Santarat in Nadun District. …....2. It is a 1-day tour. 208

……3. Miss Hoffman and Miss Smith are staying in the Takasila Hotel. ……4. Wijitra must pick the tourists up at the hotel at 8.30 am.

H. Complete the conversations. a. Welcome to Maha Sarakham, Takasila Nakhon, the education center in the northeastern region of Thailand b. Good morning c. I’m sorry d. Are you Miss Katherine Hoffman e. a tour guide

1. The tour guide sees two ladies in the Reception. She approaches the first woman.

Guide: ………………a……………… , Madam. Are you Miss Katherine Hoffman? Woman 1: No, I’m not. Guide: Oh, ……….b…………………….

2. The tour guide approaches the second woman.

Guide: Excuse me, Madam. ….c …..Are you Miss Katherine Hoffman? Woman 2: Yes, I am. Guide: Good morning. I’m Wijitra.……..d. …….from the Maha Sarakham Travel Company. Woman 2: Hello, Wijitra. Nice to meet you. Guide: Nice to meet you too. ………………..e……………….. Woman 2: Thank you.

I. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation

Excuse me. เรียกร้องความสนใจอยางสุภาพ่ I’m sorry. ใช้ขอโทษ Madam ใช้เรียกนักทองเที่ยวหญิง่ Nice to meet you. แสดงความยินดีที่ได้รู้จักหรือได้พบ Welcome to …(place)……. ใช้กล่าวต้อนรับ Thank you. ใช้กล่าวขอบคุณ 209

J. Listen and practice these additional expressions.

Expression Explanation

Sir ใช้เรียกนักทองเที่ยวชาย่ Miss, Ms, Madam ใช้เรียกนักทองเที่ยวหญิง่ Good afternoon ใช้ทักทายในตอนบาย่ Good evening ใช้ทักทายในตอนเย็นและตอนกลางคืน Goodbye ใช้กล่าวลา Good night ใช้กล่าวลาตอนกลางคืน

Language Focus

Mr. John F Kennedy

title first name middle initial family name

K. Role-play 1. A: You are a tour guide. B: You are a tourist. Use the conversation in H and the expressions in I and J to greet each other at your first meeting. 2. B: Role-play in pairs again, but this time change roles and also use different greetings and different names.

Tips: When meeting tourists for the first time, it is recommended that you ‚wai‛ them first to show the Thai way of greeting. Handshakes can also be used after that. You could give the tourists the explanation below: A ‚wai‚ is used when meeting, thanking and bidding farewell to people of the same or higher status. A ‚wai‚ is usually accompanied by bowing or stooping. The level of bowing or stooping depends on the status or seniority of both parties. Thai people do not ‚wai‚ younger people or those giving service, waiters etc.. Pictures from ‘Thai Social Etiquette’ 210

‚Wai‚ parents, teachers, senior relatives and the elderly.

‚Wai‚ monks.

‚Wai‚ people of the same status.

L. Listen to the following conversation and answer the questions. Room 419: Hello? Guide: Is that Mr. William Savage? Room 419: Speaking. Guide: This is your tour guide, Wijitra from the Maha Sarakham Travel Company. You booked a tour to Isarn Buddhism Park, Isarn House Museum, Botanical Garden and Ku Santarat for today. Are you ready to leave, Sir? Room 419: Yes, sorry to keep you waiting. I overslept. I’ll be down in a minute. Guide: That’s fine. See you in a minute, Sir. Room 419: Thanks, ‘Bye.

1. Why does Wijitra, the tour guide, call Mr. Savage? …………………………………………………….. 2. What is the problem with Mr. Savage? ……………………………………………………… 3. Will Mr. Werner join the tour? ……………………………………………………… M. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation

This is your tour guide, (name), แนะนาตัวทางโทรศัพท์ from (company). Are you ready to leave, Sir? ถามความพร้อมของนักทองเที่ยว่ That’s fine. ตอบรับคาขอโทษ See you in a minute, Sir. ใช้กล่าวเพื่อยืนยันการนัดหมาย 211

N. Role-play A: You are a tour guide picking up tourists at a hotel for a city tour. One tourist is missing. Call the tourist in his/her room. B: You are a tourist who does not appear at the meeting point. You receive a telephone call from the tour guide in your hotel room. Give a reason for missing the appointment.

Tips: When talking to tourists in person, or on the phone, be sure to speak clearly. Do not speak too fast. Tourists might have difficulties in understanding you.

Script D. Listen to the self-introduction and repeat.

Good morning, ladies and gentlemen. I’m Wijitra from the Maha Sarakham Travel Company. You can call me Taen. I’ll be your tour guide for today’s tour.

F. Task Good morning, ladies and gentlemen. I’m Wijitra from the Maha Sarakham Travel Company. You can call me Taen. I’ll be your tour guide for today’s tour.

H. Read the note. Listen to the questions and answer. To Wijitra We have a 1-day, private Archeological Tour to Ku Ban Khao in Mueang District and Ku Santarat in Nadun District on Saturday -8.00-16.00. The tourists are Miss. Catherine Hoffman and Miss Mary Smith. Please take care of them. I have reserved their room at the Takasila Hotel in Maha Sarakham. Collect the money for food, gasoline and entrance fees from my office. Lakhana, my secretary, will meet you at my shop at 7.30 am on Saturday, and you can pick them up at the Takasila Hotel at 8.00 am. ……1. It is a private Geological Tour to Ku Ban Khao in Mueang District and Ku Santarat in Nadun District. 212

…....2. It is a 1-day tour. ……3. Mr. Savage and Miss Smith are staying in the Takasila Hotel. ……4. Wijitra must pick the tourists up at the hotel at 8.30 am.

H. Complete the conversations. 1. The tour guide sees two ladies in the Reception. He approaches the first woman.

Guide: Excuse me, Madam. Are you Miss Laura Smith? Woman 1: No, I’m not. Guide: Oh, I’m sorry.

2. The tour guide approaches the second woman. Guide: Excuse me, Madam. Are you Miss Laura Smith? Woman 2: Yes, I am. Guide: Good morning. I’m Wijitra. I’m your guide from the Maha Sarakham Travel Company. Woman 2: Hello, Wijitra. Nice to meet you. Guide: Nice to meet you too. Welcome to Thailand. Woman 2: Thank you.

L. Listen to the following conversation and answer the questions. Room 419: Hello? Guide: Is that Mr Franz Werner? Room 419: Speaking. Guide: This is your tour guide, Wijitra, from the Maha Sarakham Travel Company. You booked a tour to Isarn Buddhism Park, Isarn House Museum, Botanical Garden and Ku Santarat for today. Are you ready to leave, Sir? Room 419: Yes, sorry to keep you waiting. I overslept. I’ll be down in a minute. Guide: That’s fine. See you in a minute, Sir. Room 419: Thanks, ‘Bye. 1. Why does Wijitra, the tour guide, call Mr. Savage? He did not show up at the meeting point. 213

2. What is the problem with Mr. Werner? He overslept. 3. Will Mr. Werner join the tour? Yes, he will. 4. Where are the tourists visiting today? They are visiting Isarn Buddhism Park, Isarn House Museum, Botanical Garden and Ku Santarat

214

Unit 2: Introducing People

Introducing Yourself and Others

A. Match the number of the questions with the correct responses.

Question Response

1. How do you pronounce your last name? a) C-L-I-N-T-O-N 2. Excuse me, what’s your first name b) It’s Clinton, with the accent again? on ‚Clin‛. 3. How do you spell your last name? c) Well, everyone calls me Bill. 4. What do people call you? d) Oh, it’s William. 5. Could you introduce yourself? e) I’m William Clinton.

B. Listen to the following conversations and complete the blanks with the correct and appropriate words or phrases.

1. The tour guide meets Mr. William Savage in reception and introduces him to Ms Laura Smith, another tourist.

Tour Guide: Good morning, Sir. I’m Wijitra. I’m your guide for the tour to archeological attractions in Maha Sarakham Mr. Savage: Hello, Wijitra. Nice to meet you. Tour Guide: ………1………….... Miss Laura Smith who will also be joining us on the tour to the archeological attractions. Mr. Savage: Hello, Ms Smith, ………………2…………………………………………. .

215

2. The tour guide introduces the driver.

Tour Guide: If you will both follow me, we’ll head for the mini-bus. Mr. Savage: Fine. Tour Guide: This is Mr. Songsak, our driver for the tour. Miss Smith: I’m sorry, . …………3……………… Driver: It’s Songsak, but ……………4……………… Pong. Mr. Savage: Pleased to meet you, Pong.

C. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation

This is (name of third person), who will be joining us on the tour. This is (name of third person), our ใช้แนะนาบุคคลที่ 3 driver for the tour. You can call me (nickname/short name). ให้นักทองเที่ยวเรียกชื่อเล่ ่น หรือ ชื่อสั้นๆได้

Expressions Tourists may use Explanation

I’m sorry. I didn’t catch your name. ขอให้พูดชื่ออีกครั้ง Nice to meet you. แสดงความยินดีที่ได้รู้จัก Pleased to meet you. แสดงความยินดีที่ได้รู้จัก

Tips: When addressing your tourists use their title (Mr. Mrs., Miss, Ms.) followed by their last name: e.g. Mr. (William) Savage Miss (Laura) Smith If they give you permission, you may address your tourists by their first names later. e.g ‚Savage‛ ‚Laura‛ Do not address the tourists using terms for relatives, e.g. ‚Auntie‛, ‚Uncle‛, Grandpa‛, ‚Daddy‛ ‚Sister‛. 216

D. Role-play In groups of 3 or 4, take turns with one person acting as a tour guide, introducing the other 2 or 3 tourists to each other.

Script B. Listen to the following conversations and fill in the blanks. 1. The tour guide meets Mr. William Savage in Reception and introduces him to Ms Laura Smith Marie , another tourist.

Tour Guide: Good morning, Sir. I’m Wijitra. I’m your guide for the tour to archeological attractions in Maha Sarakham. Mr. Savage: Hello, Wijitra. Nice to meet you. Tour Guide: Hello, Mr. Savage. Nice to meet you too. This is Ms Laura Smith who will also be joining us on the tour to the archeological attractions Mr. Savage: Hello Ms Smith, Nice to meet you, too.

2. The tour guide introduces the driver.

Tour Guide: If you will both follow me, we’ll head for the mini-bus. Mr. Savage: Fine. Tour Guide: This is Mr. Songsak, our driver for the tour. Miss Smith: I’m sorry, I didn’t catch your name. Driver: It’s Songsak, but you can call me Pong. Mr. Savage: Pleased to meet you, Pong.

217

Unit 3: Making Small Talk

1. Talking about Country and Nationality

A. Word Power – Nationalities Match the picture with the correct country by drawing the line.

218

B. Match the letter of the nationality with the correct country.

Country Nationality 1. The United States Of America a) English 2. Korea b) Hungarian 3. Canada c) Indian 4. Hungary d) Japanese 5. Brazil e) Chinese 6. China f) Korean 7. Japan g) Italian 8. England h) Canadian 9. Italy i) Brazilian 10. India j) American

C. Complete the conversations with the correct countries or nationalities. Then practice them.

1. A: Are you ? B: Yes, I'm from Seoul, Korea. 2. A: Are you Canadian? B: No, I’m not from . I’m from America. 3. A: Is your friend Chinese? B: Yes, he’s from . 4. A: Is your newspaper in Japanese? B: No, it’s not from , it’s from China. 5. A: Are you from ? B: Yes, I’m Brazilian.

D. Fill in the missing words in the blanks below. 219

Country Nationality 1) Ross’s from the USA. He’s A………………………… 2) Maria’s from F……………..……… She’s French. 3) Kay’s from Sweden. He’s S………………………... 4) I’m from T………………………. I’m Thai. 5) Katachi and Saki are from Japan. They’re J…………..……. 6) Maryna’s from I…………………… She’s Israeli. 7) We’re from Italy. We’re……………………….… 8) Kate’s from the U.K. She’s B………………………… 9) Lopez’ s from S………… He is Spanish. 10) Karsten is from Germany. He is ……………….

E. Listen to the conversation and fill in the information. Tour Guide: So, Ms Laura Smith, are you from ………1….……..? Miss Smith: No, I’m from ………..2…………... I’m Australian. Tour Guide: Oh really! Where do you live in Australia? Miss Smith: In ….3………….. Tour Guide: How about you, Mr. Savage? Mr. Savage: I’m …….4…………. I’m from a town called Terre Haute in Indiana State, the United States of America.

F. Listen to the following expressions and repeat. Expression Explanation Are you from …(country)…?/ ใช้ถามนักทองเที่ยวว่ ามาจากประเทศไหน่ What country are you from? ใช้ถามนักทองเที่ยวว่ ามาจากประเทศไหน่ Where do you live in __(country เจาะจงถามชื่อเมืองที่นักทองเที่ยวอยู่ ่ How about you? คาถามเดิมก บนักทั องเที่ยวอีกคนหนึ่ง่

Tips: You can ask tourists questions about nationality or hometown, but do not ask personal questions, such as questions about religion, age, and marital status (unless the tourist asks you first). 2. Talking about Occupations. 220

A. Word Power – Jobs

Identify the occupation of the people in the pictures, using these words below.

a teacher an operator a musician a singer a receptionist a doctor a cook (chef) a pilot a waiter an engineer a nurse a flight a police a waitress a secretary a soldier attendant officer an architect a security a lawyer a salesclerk guard

1. 2. 3. 4.

5. 6. 7. 8.

9. 10. 11. 12.

221

13. 14. 15. 16.

17. 18. 19. 20.

B. Grammar-Focus What do you do? I’m a nurse. What does Mr. Savage do? He is an engineer. What do your parents do? They are primary school teachers.

C. Who works in the places below? Choose occupations from Word Power activity.

in a hospital in an office in a store in a hotel in a school

222

in a court on a plane in a restaurant in a music studio

D. Listen to the following conversations, and fill in the missing words. Guide: Miss Smith, ______a______a teacher? Miss Smith: I am! How did you know that? Guide: ______b______from the way you ask questions. Miss Smith: I didn’t realize it was that obvious. Yes, I teach geography. Guide: I think you must be a very good teacher. Miss Smith: Thank you. Guide: ______c______, Mr. Savage. What do you ______d______? Mr. Savage: I’m a retired army officer, and I’m now exploring the world. Guide: How wonderful! E. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation

Are you a/an …...(occupation)? ถามอาชีพ Is he/she a/an ....(occupation)? ถามอาชีพ Are they ……(occupation)s? ถามอาชีพ What do you do for a living? ถามอาชีพ

Tips: Never ask about the income of a tourist.

223

3. Talking about City and Climate

A. Word Power – Tourist Attractions

Match the number of the tourist attraction with the country where it is located.

Tourist Attraction Country

a) Japan

1. Big Ben

b) The United States

2. Sphinx

224

Tourist Attraction Country

c) Australia

3. Mona Lisa

d) Cambodia

4. Emerald Buddha Temple

e) England

5. Chin Chi Hong Tae Museum

f) Egypt

6. Neuschwanstein Castle

225

g) France

7. Opera House

j) Thailand

8. Golden Gate

k) China

9. Fuji Yama Mountain

l) Germany

10. Angkor Wat

226

B. Grammar-Focus Ask and answer the questions about the tourist attractions above.

What is that? It’s Big Ben

Where is it? It’s in London, the United Kingdom.

C. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation

What is (place) like? ถามเพื่อให้บรรยายสถานที่ It’s a great city. บรรยายสถานที่ It’s a nice, peaceful town. บรรยายสถานที่ What is the climate like? ถามลักษณะภูมิอากาศ We have three seasons: summer, ให้ข้อมูลเกี่ยวกบภูมิอากาศั rainy season and cold season. Our summer is very hot.

D. Match the questions with the letter of the correct answers.

Questions Answers

1. What’s the weather like in Maha Sarakham? a) It’s beautiful and it’s very clean. It has a great harbor and beautiful beaches. 2. What is the nightlife like in Maha b) It is a Bayon style building, an Sarakham? archeological attraction in Nadun District. c) It’s a colorful and exciting city at night. 3. What’s Sydney like? d) It’s too hot in summer, cold in winter, and very wet in rainy season. 4. What is Ku Santarat like? 227

E. Listen to check your answers and repeat. You are a tour guide. Choose the most appropriate responses from the list below to answer the questions. Some questions can have more than one response.

Responses: 1) No, there isn’t. Thailand is a tropical country. 2) There are various places to visit, such as cultural tourism attractions, archeological attractions and local handicraft villages. 3) It’s very peaceful and welcoming. 4) It’s a plain-area town on the Korat Plateau. 5) No. It’s about 6 hour’s drive from Maha Saram to the most beautiful beaches in Pataya, Thailand. Questions: a-e a) What’s Maha Sarakham like? b) Is Maha Sarakham near the sea? c) Does it have any mountains? d) Is there any snow in Thailand? e) Are there many tourist attractions in Maha Sarakham?

F. Prepare a talk about a town or city to present to a tourist. INCLUDE: name, location (north, south, east, west), scenery, local tourist attractions, and climate

Start like this:- Let me tell you about ……...

228

Script 1.Talking about Country and Nationality

D. Fill in the missing words in the blanks below. 1) He’s American. 2) Maria’s from France. 3) He’s Swedish. 4) I’m from Thailand. 5) They’re Japanese. 6) Maryna’s from Israel. 7) We’re Italian. 8) Kate’s British. 9) Lopez’s from Spain. 10) He’s from Germany.

D. Listen to the conversation and fill in the information.

Tour Guide: So, Ms Laura Smith, are you from Switzerland? Miss Smith: No, I’m from Australia. I’m Australian. Tour Guide: Oh really! Where do you live in Australia? Miss Smith: In Sydney. Tour Guide: How about you, Mr. Savage? Mr. Savage: I’m American. I’m from a town called Terre Haute in Indiana State, the United State of America.

2. Talking about Occupations

A. Listen to the answers and repeat. 1. He’s a lawyer. 11. He’s a pilot. 2. She’s a waitress. 12. He’s a musician. 3. He’s a soldier. 13. She’s a singer. 4. He’s a policeman. 14. He’s a chef. 229

5. She’s an operator. 15. She’s a nurse. 6. She’s an architect. 16. She’s a doctor. 7. She is a flight attendant. 17. He’s a security guard. 8. He’s a salesclerk. 18. She’s a teacher. 9. He’s a waiter. 19. They’re engineers. 10. She’s a receptionist. 20. She’s a secretary.

B. Listen to the following conversations, and fill in the missing words. Guide: Miss Smith, are you a teacher? Miss Smith: I am! How did you know that? Guide: I just guessed from the way you ask questions. Miss Smith: I didn’t realize it was that obvious. Yes, I teach geography. Guide: I think you must be a very good teacher. Miss Smith: Thank you. ……………………………… Guide: How about you, Mr. Savage? What do you do for a living? Mr. Savage: I’m a retired army officer, and I’m now exploring the world. Guide: How wonderful!

3. Talking about City and Climate

A. Match the pictures with the correct statements. a. It’s sunny. b. It’s raining. c. It is cloudy. d. It’s windy e. It’s snowing. 1 2 3

4 5 B. Listen to these expressions and repeat. 230

Expression Explanation It’s bright and sunny. It’s cloudy. It’s chilly. It’s windy. It’s raining. บรรยายลักษณะอากาศแบบต่างๆ It’s raining ‘cats and dogs’. (= It’s raining heavily and continuously.) It’s snowing. It’s blowing a gale. (= A strong wind is blowing.) It’s a bit overcast.

C. Additional Vocabulary/ Expression

Vocabulary/Expression Meaning fog หมอก thunderstorm พายุฟ้าคะนอง frost น้าค้างแข็ง hail ลูกเห็บ humid ชื้น It’s misty. ทัศนวิสัยไมดี่ It’s hazy. ทัศนวิสัยไมดี่

D. Listen to the following weather forecast. Listen to the following weather forecast. Tick (/) the correct information, and cross (X) the wrong information. Good morning and here is your weather forecast for the weekend. There are some heavy rain clouds heading our way, so on Friday we’ll see lots of thunderstorms and the temperature can go down to 27o Celsius. But on Saturday we will have a lot of sunshine and the temperature can go up to 35o C. It will continue to be sunny on Sunday morning, but we expect the afternoon to be cloudy and windy. 231

------1) There might be thunderstorms on Friday. ------2) The lowest temperature is below 30 C. ------3) Saturday will be hot and sunny. ------4) It will be sunny on Sunday afternoon. ------5) It will be windy on Sunday.

E. Task You are a tour guide. Tell the tourists about the weather. Use the expressions studied. INCLUDE: this morning, this afternoon, this evening and/or tomorrow Start like this:- Good morning, let me tell you about the weather.

F. Listen to the conversation and answer the following questions. Guide: What is Sydney like, Miss Smith? Miss Smith: Oh, it’s a great city, with lots to do and see. Have you heard of the Opera House? Guide: Of course, it is famous. Miss Smith: Well, that is just one of the many wonderful buildings you can see in Sydney. We also have superb restaurants and a great nightlife. Guide: What’s the climate like? Miss Smith: We have four seasons: spring, summer, autumn and winter. Spring is mild, summer is warm and it’s quite cold in autumn and winter. Do you have four seasons in Thailand? Guide: No. That’s quite different from Thailand. We only have three seasons: summer, which is very hot, the rainy season, which is very wet, and the cold season, which is not really very cold. What is the Unites State of America like, Mr. Savage? Mr. Savage: Well, I live in Terre Haute which is a small town in Indiana State. The scenery is really beautiful there. We have the same seasons as the rest of Europe, but it is very cold in the winter and there is a lot of snow on the mountains. It’s a nice, peaceful town.

1. What is Sydney famous for? …………………………………………………………………..

232

2. How many seasons are there in Australia? ………………………………………………………………… 3. What state is Mr. Savage from? ……………………………………………………………….. 4. What is Terre Haute like? ……………………………………………………………….. 5. How many seasons are there in Terre Haute? ……………………………………………………………….

G. Speaking Test Talk about a town or city to a tourist including name, location, scenery, local tourist attractions and weather.

233

Lesson 4: Giving Opinions

Word power: Geography and Problem A. Match the pictures with the correct words or phrases. Geography

1. National Park

a.

2. Mountain

b.

3. Forest

c.

4. Beach

d.

5. Waterfall

e.

6. River

f.

234

Problem

1. Economic

a.

2. Crime

b.

3. Sound

c.

4. Water

d.

5. Air

e.

6. Traffic

f.

235

B. Listen to the conversation, write the correct suggestion for their governments 1) Needs Improvement 2) Good Suggestions

Miss Smith………………………………….. Guide………………………………………

Miss Smith: Our countries have something in common. We are both democratic and we elect our own governments. What do you think of your government? Guide: Hmm, that’s a very good question, but I am not sure how to answer it. Some of their policies are good because they are efficient, but I’m still not sure about the effectiveness of some policies. What about you? Do you think the government in Australia is good for your country? Miss Smith: Well, I think that my government should have some new policies to support industry and create more jobs for the people. Guide: Yes, I agree that it is important for people to have jobs. I also think my government should do more to support the tourist industry in Thailand.

C. Listen to these expressions and repeat. Expression Explanation What do you think of/about …………? ใช้ถามความคิดเห็น That’s a very good question, but I am not sure how to answer it. ใช้พูดเพื่อถ่วงเวลาขณะที่คิดค าตอบ Do you think ………… ใช้ถามความคิดเห็น Well, I think ………… ใช้กล่าวน าความคิดเห็น Yes, I agree ………… ใช้แสดงความคิดเห็นด้วย I also think ……(should)…… ใช้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

D. Mark the following opinions with P for positive and N for negative. ………… it’s not a problem. ………… it’s a big problem. ………… it’s getting worse. ………… it’s improving.

236

E. Task: Interview some classmates to find out their opinions on subjects that tourists might ask them about. Start like this:- Opinions

What do you think of/about …….? Well, I think ……/ I’m not sure..

……… the increase of beer bars and prostitution in Thailand ……… the traffic problems in big cities in Thailand ……… the current economy in Thailand ……… the security policy for tourists in Thailand ……….the tourist attractions in your city. ………. the most interesting place in your city? ………..the best time of year to visit? ………..the most beautiful place in your city?

Script Listen to the following conversation. Write the correct suggestion for their governments.

Miss Smith: Our countries have something in common. We are both democratic and we elect our own governments. What do you think of your government? Guide: Hmm, that’s a very good question, but I am not sure how to answer it. Some of their policies are good because they are efficient, but I’m still not sure about the effectiveness of some policies. What about you? Do you think the government in Australia is good for your country? Miss Smith: Well, I think that my government should have some new policies to support industry and create more jobs for the people. Guide: Yes, I agree that it is important for people to have jobs. I also think my government should do more to support the tourist industry in Thailand. 237

Lesson 5: Accepting Praise & Criticism

A. Match the words in column A with the appropriate meanings in column B.

A B

1. discourage a) to ask someone to come somewhere 2. congratulate b) to say nice things about someone 3. invite c) feel grateful for 4. encourage ……….. d) to show gladness for someone’s success 5. complain e) to prevent someone from doing something 6. terrible f) very bad 7. terrific g) to say something unsatisfactory 8. compliment h) to give hope for someone about something 9. appreciate ……… i) say sorry 10. apologize j) very good

B. Complete the following sentences with the correct words - invited, appreciated, apologized, congratulated, encouraged and complained.

1. Sak has got a serious problem with his English studies and he to his teacher. 2. Jim Jack for his kindness because Jack lent him some money. 3. My parents gave me a birthday party and they all my classmates. 4. I bumped the old man accidentally yesterday and then I ……….. to him. 5. Nanthana finished a Bachelor's Degree in Arts and we to her on her success. 6. I usually Samai because he is unemployed and takes care of four kids. 238

C. Listen to the conversation and answer the questions. Mr Savage: So, Wijitra, are you from Maha Sarakham? Guide: No, I was born in Kalasin, but I work here. Miss Smith: How long have you worked for the Maha Sarakham Travel Agency? Guide: For almost 4 years. Mr Savage: Your English is very good. Guide: Thank you. I have studied hard, but I still make mistakes sometimes. Miss Smith: No, really – you have excellent pronunciation. Guide: It’s very kind of you to say so. 1. How long has Wijitra worked for the Maha Sarakham Travel Agency? ………………………………………………. 2. What do the tourists say about Wijitra’s English? ……………………………………………….. 3. Do the tourists criticize or praise Wijitra? ………………………………………………

D. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation

Thank you. ตอบรับคาชม It is very kind of you to say so. ตอบรับคาชม Thank you very much. ตอบรับคาชม Oh, that’s very kind of you. ตอบรับคาชม Thank you very much for . ตอบรับคาชม Many thanks. ตอบรับคาชม That was really kind of you. ตอบรับคาชม I’m glad you think so. ตอบรับคาชม

239

E. The following are criticisms and praises. Mark “P” for Praise and “C” for Criticism. 1. You are very helpful. 2. I can’t understand what you are saying. 3. Why do you keep taking us around old temples? 4. This journey is taking ages. 5. I really enjoyed seeing the modern museum. 6. It’s too hot in the bus. 7. I’d like to give you a tip.

Now choose one of the responses below and match to the sentences above. Write your answer in the space provided. a. Thank you very much. b. I’m sorry. I’ll turn the air-conditioning up. c. You’re welcome. d. I’m sorry. It won’t be long now. e. I’m so glad to hear that. f. I’m sorry. I will try to speak more clearly. g. I’m sorry if you are not enjoying it, but much of Thai culture is based on Buddhism, and these historical temples are part of the tour.

F. Practice the criticisms or praises to the correct responses.

Tips: When a tourist gives you a compliment, you must show your gratitude by thanking, not just smiling. You must not criticize your tourists

F. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation Thank you very much. ใช้ตอบรับคาชม You’re welcome. ใช้ตอบรับคาชม 240

I’m so glad to hear that. ใช้ตอบรับคาชม I’m sorry. Action to be taken. ใช้ตอบรับคาวิจารณ์ พร้อมบอกสิ่งที่ จะทาเพื่อแก ไข้ e.g. I’m sorry. I’ll turn the music down. I’m sorry if + problem and explanation. ใช้ตอบรับคาวิจารณ์ หรือขอโทษ สาหรับสิ ่งที่ทาให้ไม พอใจ่ พร้อมให้ คาอธิบายเพิ ่มเติม e.g. I’m sorry if I’m boring you, but I think it will help you enjoy the show more.

G. Role-play Take turns acting as a tour guide and a tourist giving praise and criticism, and responding appropriately.

Script Listen to the conversation and answer the questions.

Mr. Savage: So, Wijitra, are you from Maha Sarakham? Guide: No, I was born in Kalasin, but I work here. Miss Smith: How long have you worked for the Maha Sarakham Travel Agency? Guide: For almost 4 years. Mr. Savage: Your English is very good. Guide: Thank you. I have studied hard, but I still make mistakes sometimes. Miss Smith: No, really – you have excellent pronunciation. Guide: It’s very kind of you to say so. 1. How long has Wijitra worked for the Maha Sarakham Travel Agency? Four years 2. What do Miss Smith say about Wijitra’s English? Excellent pronunciation 3. Does Mr. Savage criticize or praise Wijitra? Praise

241

Now listen to the correct responses and repeat. 1) You are very helpful c) You’re welcome. 2) I can’t understand what you are saying. f) I’m sorry. I will try to speak more clearly. 3) Why do you keep taking us around old temples? g) I’m sorry if you are not enjoying it, but much of Thai culture is based on Buddhism, and these historical temples are part of the tour. 4) This journey is taking ages. d) I’m sorry. It won’t be long now. 5) I really enjoyed seeing the lovely gardens. e) I’m so glad to hear that. 6) It’s too hot in this bus. b) I’m sorry. I’ll turn the air-conditioning up. 7) I’d like to give you a tip. a) Thank you very much.

242

Lesson 6: Dealing with Complaints

Word Power - Types of Rooms in a hotel Match the pictures with the correct rooms in a hotel.

1. Bathroom a.

2. Meeting Room b.

3. Restaurant c.

4. Music Room d .

5. Hotel Lobby e.

6. Bedroom f . 243

Word Power - Pictures of Furniture

a) a bed b) a table c) a mirror d) a lamp

e) a chair f) a piano g) a sofa h) a television

i) a table cloth j) a refrigerator k) towel l) a stereo

B. Choose some pieces of the furniture above to make a list for each room.

Hotel Lobby Restaurant Music Room Bedroom

244

C. Listen to the following conversation, and complete the conversation with the correct and appropriate words or phrases.

Guide: Good morning, Mr. Savage, Miss Smith. We will check out of the hotel this morning, and then start our day by visiting some local handicraft communities. Did you have a pleasant evening? Miss Smith: Well actually no. I have to ______1______about the hotel. Guide: Why? ______2______with the hotel? Miss Smith: Well, my first complaint is that I asked for a non-smoking room, but when they showed me to my room it smelt strongly of smoke. Guide: Oh dear, ______3______. Did you complain to the hotel staff? Miss Smith: Yes, I did, and they apologized and moved me to another room. Guide: So ______4______? Miss Smith: No, it wasn’t. I have another complaint. The room they moved me to was quite dirty and had no towels in the bathroom. So I had to complain again. Guide: So ______5______? Miss Smith: They sent someone to clean the room and bring fresh towels. Guide: Well, ______6______. I will speak to them myself and ______7______Ms Smith: Good, because they need to improve their service.

D. Listen to these expressions and repeat. Expression Explanation What is wrong (with ___.)? ใช้ถามเพื่อขอทราบข้อมูลที่ทาให้ไม พอใจ่ I’m sorry to hear that. ใช้แสดงความรู้สึกเสียใจที่มีปัญหาเกิดขึ้น So that was okay then? ใช้ถามเพื่อตรวจสอบวาปัญหาที่่ เกิดขึ้นได้รับการแกไขหรือยัง้ What happened? ถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้น I’m really sorry you have had ใช้กล่าวขอโทษกบนักทั องเที่ยวต้อง่ this experience. เผชิญกบปัญหาั I will make sure it doesn’t ยืนยันหรือรับประกนวั าจะไม่ ให้เก่ ิด happen again. ปัญหาเช่นนี้อีก

245

E. Role-play Work with a partner. You are a tour guide and your partner is a tourist. Take turns dealing with the complaints in the following situations. Use the expressions studied appropriately.

1. The driver of the bus plays the music too loud and he also drives in a dangerous way. 2. The tourist has had fried chicken and rice three times in different restaurants chosen by the tour guide and wants something different to eat. He/she also doesn’t want to pay for a bottle of water and thinks a glass of water should be free with the meal.

Tips: Do not smile when a tourist makes a complaint. He will think you are not taking him seriously enough, and will get more upset

Script A. Listen to the following conversation, and fill in the missing words. Guide: Good morning, Mr. Savage, Miss Smith. We will check out of the hotel this morning, and then start our day by visiting some local handicraft communities. Did you have a pleasant evening? Miss Smith: Well actually no. I have to make a complaint about the hotel. Guide: Why? What’s wrong with the hotel? Miss Smith: Well, my first complaint is that I asked for a non-smoking room, but when they showed me to my room it smelt strongly of smoke. Guide: Oh dear, I’m sorry to hear that. Did you complain to the hotel staff? Miss Smith: Yes, I did, and they apologized and moved me to another room. Guide: So that was okay then? Miss Smith: No, it wasn’t. I have another complaint. The room they moved me to was quite dirty and it had no towels in the bathroom. So I had to complain again. Guide: So what happened? Miss Smith: They sent someone to clean the room and bring fresh towels. Guide: Well, I’m really sorry you have had this bad experience. I will speak to them myself and I will make sure it doesn’t happen again. Miss Smith: Good, because they need to improve their service

246

Lesson 7: Coping with Emergencies

A. Match the pictures below with the correct sentences describing the symptoms. 1. He has an itchy neck. 2. She has a stomachache. a. f. 3. He is vomiting. 4. He has a mosquito bite. 5. She has a sore throat. b. 6. She is feeling dizzy. g. 7. He has a broken bone in his leg. 8. She has a headache. 9. He has diarrhea. c. 10. He is unconscious. h.

d. i.

e. j.

B. Listen to the conversation and complete the blank with the correct word. unconscious sick tissues dizzy worse

Man: Come quickly! My wife needs help Guide: What happened? Is she…………….? Man: We were just sitting talking when she went pale and collapsed. Guide: Is she still …………….? 247

Man: No, she is moaning and says she feels sick and wants to vomit Guide: I will get you some water and ………..… and a plastic bag to vomit in. Here you are. Woman: Thank you. Guide: How do you feel now? Woman: I feel a little ………… and still nauseous. Guide: Do you want us to take you to the hospital? Woman: No, it’s OK, I think I will be alright. It was probably just a touch of heat stroke; it has been very hot in the sun today. Guide: Well, if you feel any …………., you must let me know. Woman: Yes, I will. Thank you.

Tips: Show great concern and eagerness to help when a tourist is sick. Remember to ask what the tourist needs first. After the tourist has recovered, show your concern by asking how he/she is feeling.

C. Study the following vocabulary and the meaning. Then practice pronouncing them. Vocabulary Meaning sick ไม่สบาย pale หน้าซีด to collapse ล้ม หรือทรุดลง unconscious หมดสติ moaning ร้องครวญคราง to vomit อาเจียน dizzy วิงเวียน nauseous คลื่นไส้ a touch of heat stroke หน้ามืดเพราะอากาศร้อน a headache ปวดหัว a backache ปวดหลัง sore muscles ปวดกล้ามเนื้อ a stomachache ปวดท้อง 248

a cold เป็นหวัด a cough ไอ the flu เป็นไข้หวัดใหญ่ insomnia อาการนอนไม่หลับ a toothache ปวดฟัน a fever เป็นไข้

D. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation What happened? ใช้ถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้น Is he/she + adjective? ใช้ถามอาการ I will get you ……… ใช้บอกสิ่งที่จะกระท าเพื่อช่วยเหลือ How do you feel now? ใช้ถามแสดงความห่วงใย Do you want me to ………? ใช้เสนอความช่วยเหลือเพิ่มเติม If you feel any worse, you ใช้แสดงความห่วงใย และ เสนอความ must let me know. ช่วยเหลือเพิ่มเติม

Additional Expression

Expression Explanation Can/ May I help you? ใช้เสนอความช่วยเหลือ What can I do for you? ใช้เสนอความช่วยเหลือ Is there anything (else) I can do for you? ใช้เสนอความช่วยเหลือ Can I get you…? ใช้เสนอความช่วยเหลือ

E. Match the problems with the correct solutions. Problem 1. I asked for vegetarian food and they have given me meat. 2. Ouch! That dog just bit me. Is it dangerous? 3. A man on a motorcycle just stole my handbag and my money and passport are in it. 4. Come quickly. There is a snake in my room. 5. Oh no! I’ve lost my camera. Have you seen it anywhere? 249

Solution a. First, make a report to the police, and then you must contact your embassy or consulate as soon as possible. b. Why don’t you check in the bus first and, if you can’t find it, you should report its loss to the police for your insurance records. c. It could be. You must go to the hospital to have a rabies shot as soon as possible. d. I am very sorry. I will get it changed immediately. e. Don’t panic; we will try to chase it away.

F. Role-play Work with a partner. You are a tour guide. Give some advice on the following situations. A: Your partner is a tourist. His/her luggage was on the roof of the truck and has fallen off during the journey and has been lost. B: Your partner is a tourist and has twisted his/her ankle on a trek and can’t walk very well.

G. Listen to the following conversation. Check your understanding by choosing the correct explanation. Guide: Excuse me, Ladies and Gentlemen. I have an important announcement to make. I’m afraid there needs to be a change of plan. Woman: Why? What happened? Guide: Well, as you know, we were planning to visit a famous temple this morning, but we have just been told that there has been a mob of demonstrators around the area, and for safety reasons we were advised not to take tourists there. Woman: Oh no! I was really looking forward to seeing that temple and taking some photos. My friend told me it is really something. Guide: Well, I’m really sorry about this, but the situation is beyond our control. So we are going to take you to another beautiful temple instead, which has some very interesting murals and a lovely view of the city. I think you will be able to get some good photographs there as well. Woman: I suppose so.

250

Check (/) for your understanding by choosing the correct explanation. 1. ( ) The tourists cannot visit the famous temple today. 2. ( ) The famous temple is closed because it is a public holiday. 3. ( )The tourists are going to see a mob. 4. ( ) The guide is taking the tourists to an alternative temple.

H. Listen to these expressions and repeat.

Expression Explanation I have an important announcement ใช้พูดก่อนแจ้งข้อมูลสาคัญ to make. I’m afraid there needs to be a ใช้แจ้งการเปลี่ยนแปลงแผนหรือ change of plan. กาหนดการเดิม We were planning to …., but ….. ใช้อ้างกาหนดการเดิม และสาเหตุที่ ต้องเปลี่ยน I am really sorry about this. ใช้ขอโทษสาหรับการเปลี่ยนแปลง The situation is beyond our ใช้อธิบายวาเป็นสาเหตุสุดวิสัย่ control.

I. Role-play Work with a partner. You are a tour guide, prepare an announcement to present to the tourists. A: plans an announcement for situation 1. B: plans an announcement for situation 2.

Situation 1: A car has crashed into the tour bus – the bus is damaged and cannot be driven anymore. Tell your passengers that you have telephoned for a replacement to come but it will take 2 hours to get there. Offer some drinks while they wait for the new bus. ……………………………………………………………………………………….

251

Situation 2: You have just arrived at the Night Safari. The police have told you that there was a fire and the staff are busy cleaning the place. Therefore, the Night Safari is closed today. Tell your tourists the bad news and suggest an alternative. ……………………………………………………………………………………….

Script

B. Listen to the conversation and complete the blank with the correct word. Man: Come quickly! My wife needs help! Guide: What happened? Is she sick? Man: We were just sitting talking when she went pale and collapsed. Guide: Is she still unconscious? Man: No, she is moaning and says she feels sick and wants to vomit. Guide: I will get you some water and tissues and a plastic bag to vomit in. Here you are. Woman: Thank you. Guide: How do you feel now? Woman: I feel a little dizzy and still nauseous. Guide: Do you want us to take you to the hospital? Woman: No, it’s OK, I think I will be alright. It was probably just a touch of heat stroke; it has been very hot in the sun today. Guide: Well, if you feel any worse, you must let me know. Woman: Yes, I will. Thank you.

G. Listen to the following conversation. Check your understanding by choosing the correct explanation. Guide: Excuse me, Ladies and Gentlemen. I have an important announcement to make. I’m afraid there needs to be a change of plan. Woman: Why? What happened? Guide: Well, as you know, we were planning to visit a famous temple this morning, but we have just been told that there has been a mob of demonstrators around the area, and for safety reasons we were advised not to take tourists there. 252

Woman: Oh no! I was really looking forward to seeing that temple and taking some photos. My friend told me it is really something. Guide: Well, I’m really sorry about this, but the situation is beyond our control. So we are going to take you to another beautiful temple instead, which has some very interesting murals and a lovely view of the city. I think you will be able to get some good photographs there as well. Woman: I suppose so.

253

Lesson 8: Bidding Farewell

A. Match the tour guide’s response to the tourist’s speech. There is more than one suitable response for each speech.

Tourist’s speech Tour guide’s response 1. Thank you so much for a. Thanks. I’m glad you like it. helping me. 2. That’s a nice shirt you are b. Goodbye. Have a safe trip. wearing. 3. You’ve really taken care c. It was my pleasure. Goodbye. of us. 4. I think we have to say d. It was no problem at all. That’s my job. goodbye. It’s time to board the plane. 5. Well, thanks again. I hope e. No problem. You’re welcome. to see you again in the near future.

B. Listen to the conversation between a tour guide and the tourists at the end of the tour. Then complete the conversation. Tour guide: Well, it has been a great pleasure to serve you these past few days. . ……1… Tourist 1: Oh, you have done a wonderful job. We really enjoyed the trip and have learned many new things. Tour guide: ...... 2...... But if you have suffered any inconvenience or disappointment, I do apologize...... 3 ...... Tourist 2: Don ‘t blame yourself. I think you are an excellent guide. You’ve really taken good care of us. We’ll definitely recommend you to our friends. Tour guide: Thank you very much. Here’s my card, in case ...... 4...... Tourist 2: Thanks. Tour guide: ...... 5...... Hope to see you again in the future. Tourist 1: Thanks. Bye.

254

Tips: If you are taking your tourists to the airport or railway station, stay with them until they have finished checking in or buying their ticket, in case there are any problems you can assist with.

C. Listen and repeat.

Expression Explanation It has been a great pleasure to + verb ใช้แสดงความเต็มใจที่ได้ทาบางสิ ่งบางอยาง่ I hope you had a very good time here. ใช้เพื่อแสดงความใส่ใจตอสิ่ ่งที่นักทองเที่ยว่ ควรได้รับ It’s very kind of you to say so. ใช้แสดงความขอบคุณและตอบรับคาชม If you have suffered any inconvenience ใช้กล่าวขอโทษสาหรับข้อบกพร ่องที่เกิดขึ้น or disappointment, I do apologize. I am willing to accept the blame. ใช้แสดงความรับผิดชอบตอความผิด่ Here’s my card in case there is anything ใช้แสดงความเต็มใจที่จะให้บริการอีกใน I can do for you. อนาคต Have a safe trip home. ใช้กล่าวลาเมื่อสิ้นสุดการเดินทาง และแสดง ความปรารถนาให้เดินทางกลับโดยปลอดภัย Hope to see you again in the future. ใช้แสดงความหวังที่จะได้พบ และให้บริการอีก ในอนาคต Note: -ในการกล่าวลาหลังเสร็จการทองเที่ยวในแต่ ละวัน่ ใช้ Goodbye หรือ Bye (เมื่อไมเป็น่ ทางการ) นอกจากนั้นอาจใช้ See you. / See you, soon. / See you tomorrow. -ถ้ากล่าวลาตอนกลางคืนใช้ Good night. -หากกล่าวลาเมื่อสิ้นสุดการทองเที่ยว่ จะกล่าว Goodbye และตามด้วย Hope to see you again in the future. หรือ Have a safe trip back home. -ในการตอบรับคาชม นอกจากจะตอบด้วย It’s (very) kind of you to say so. แล้ว อาจจะตอบ วา่ Do you really think so? Thank you so much. -หากได้รับคาชมจากนักท องเที่ยวว่ าบริการดี่ ตอบวา่ Thank you. I’m glad you liked/enjoyed it.

255

D. Role-play Work in pairs. A is a tour guide. B is a tourist.

Script B. Listen to the conversation between a tour guide and the tourists at the end of the tour. Then complete the conversation. Tour guide: Well, it has been a great pleasure to serve you these past few days. I hope you had a very good time here. Tourist 1: Oh, you have done a wonderful job. We really enjoyed the trip and have learned many new things. Tour guide: It’s very kind of you to say so. But if you have suffered any inconvenience or disappointment, I do apologize. I am willing to accept the blame. Tourist 2: Don ‘t blame yourself. I think you are an excellent guide. You’ve really taken good care of us. We’ll definitely recommend you to our friends. Tour guide: Thank you very much. Here’s my card, in case, there is anything I can do for you. Tourist 2: Thanks. Tour guide: Have a safe trip home. . Hope to see you again in the future. Tourist 1: Thanks. Bye.

256

Part 2 Giving Information Lesson 9: Talking about Days and Dates

Calendar

257

1. Talking about Days

A. Listen to the conversation and fill in the missing words. Guide: Hello? Tourist: Hello, are you the Tour Guide from Maha Sarakham Travel Agency? Guide: Yes, that’s right. Tourist: You gave us your card on the Ku Santarat Archeological tour on …a……………… Guide: Oh yes? Tourist: We’d like to arrange a private tour with you. Is that possible? Guide: Where would you like to go? Tourist: It is our wedding anniversary. We’d like you to arrange a special romantic day for us. Guide: No problem. I’ll arrange a candle-lit dinner a resort with a wonderful scenery for you. When would you like to go? Tourist: Well, our anniversary is on ………b……….. , but we fly back to Bangkok on that day, so we have to celebrate earlier. Is ………c………… possible? Guide: I’m really sorry but I have a large tour group on ………d………... . What about …e… ? I’ll be free then. Tourist: ………f……… is fine. Guide: Great. Then I’ll meet you in your hotel reception at 5 o’clock on ………g……

B. Fill in the missing letters in the names of the Days of the Week. Practice the correct pronunciation of the days. a) S…nday b) M……..day c) T……day d) W……….day e) Th……day f) F …….day g) Sat…..day

258

C. Study these expressions.

Expression Explanation When would you like to …_(verb)_..? ถามวันที่ต้องการทาสิ ่งใดสิ่งหนึ่ง What about _..(day)_.. ? เสนอวันที่เหมาะสม How about _..(day)_.. ? เสนอวันที่เหมาะสม I’ll meet you on …(day) ยืนยันวันนัดหมาย

Rotary Club International Convention 2006 Convention Program Morning Afternoon Evening Sunday Check-in Cocktail Party Monday Opening ceremony City and Temple Tour Convention dinner Tuesday Visit to Pottery Village Talks Free Wednesday Talks Spa and Shopping Dinner at Chinese Restaurant and Visit to Simon’s Cabaret Thursday Talks Free Palaeng Dinner & Cultural Dancing at I-sarn Cultural Musuem, Maha Sarakham Friday Talks Closing ceremony Goodbye Party Saturday Check-out Transfer to airport Friday Talks

D. In pairs, study the convention program of the delegates above and take turns asking and answering the questions. Question1: When is the convention dinner? Answer 1: It’s on Monday evening. Question2: When is the City and Temple Tour? Answer 2: It’s on ……………………..……. 259

Question3: When is the Palaeng Dinner? Answer 3:It’s on …………………….…….. Question 4: When is the closing ceremony? Answer 4: It’s on …………………….…….. Question5: When is the goodbye party? Answer 5: It’s on …………………….…….. Question6: When are the delegates free? Answer 6: They’re free on ……………… Question7: When is the visit to the pottery village? Answer 7: It’s on …………………

2. Talking about Dates

A. Listen to the following statements and choose the correct date, month and year you hear in each statement. a. _ July 9th _ One night in July b. _ 1817 _ 1870 c. _ 20/12/2005 _ 28/12/2005 d. _ B.E. 2325 _ B.E. 2352 e. _ 4th Tuesday of October _ 4th Thursday of November

B. Practice pronouncing “th” in the following words. a. think three third fourth birthday thirteen thirteenth Thursday b. the 1st the 2nd the 3 rd the 4th the 5 th the 6th the 7th the 8th the 9th the 10th the 11th the 12th the 20th the 30th the 31st c. ‚Thursday the thirteenth is my brother’s thirtieth birthday.‛ 260

d. January February March April May June July August September October November December

C. Practice saying the following dates. a. 1/1/2006 b. Monday 19/9/1972 c. Wednesday 12/2/2000 d. 28/8/1753 e. 31/3/1845

Tips: When telling tourists the year, use A.D. (Year of Christ or Western Year) instead of B.E. (Buddhist Era). Subtract 543 years from B.E. to get A.D., e.g. B.E. 2549 = 2549 – 543 = A.D. 2006. At present, C.E. (Common Era) can replace A.D. which refers to only one religion. C.E. is considered less interculturally sensitive. Warning: ALWAYS write the month as a word since numbers can create confusion. For example 5/1/06 could mean ‘the fifth of January’ OR ‘May the first.

Tips: The British write date/month/year (30/11/2005) The Americans write month/date/year (11/30/2005)

C. Role-play In pairs, take turns with one person acting as a tour guide, and the other as the tourist. Ask questions and give answers about dates:

For example: 1. When is the King’s Birthday in Thailand? 2. What year was the Millennium year? 3. What month?

261

For example: 1. When is the King’s Birthday in Thailand? 2. What year was the Millennium year? 3. What month is …………… festival?

Script A. Listen to the conversation and fill in the missing words. Guide: Hello? Tourist: Hello, are you the Tour Guide from Maha Sarakham Travel Agency? Guide: Yes that’s right. Tourist: You gave us your card on Ku Santarat Archeological tour on Monday. Guide: Oh yes? Tourist: We’d like to arrange a private tour with you. Is that possible? Guide: Where would you like to go? Tourist: It is our wedding anniversary. We’d like you to arrange a special romantic day for us. Guide: No problem. I’ll arrange a candle-lit dinner at a resort with a wonderful scenery for you. When would you like to go? Tourist: Well, our anniversary is on Sunday, but we fly back to Bangkok on that day, so we have to celebrate earlier. Is Saturday possible? Guide: I’m really sorry but I have a large tour group on Saturday. What about Friday? I’ll be free then. Tourist: Friday is fine. Guide: Great. Then I’ll meet you in your hotel reception at 5 o’clock on Friday.

B. Listen to the following statements and choose the correct date, month and year you hear in each statement. a. Mr. Brown will arrive at the airport on July the ninth. b. The monument was built in 1870. c. The passport was issued on December the twentieth, two thousand and five. d. The kingdom was established in twenty-three, twenty-five B.E. e. The festival is celebrated every fourth Thursday of the eleventh month. 262

C. Practice saying the following dates. a. the first of January, two thousand and six or January the first, two thousand and six b. Monday the nineteenth of September, nineteen seventy-two c. Wednesday, the twelfth of February, two thousand or Wednesday, December the second, two thousand d. the twenty-eighth of August, seventeen fifty-three e. the thirty-first of March, eighteen forty-five

D. Listen to the answers and repeat. 1. It’s on Monday evening. 2. It’s on Monday afternoon. 3. It’s on Thursday evening. 4. It’s on Friday afternoon. 5. It’s on Friday evening. 6. They’re free on Tuesday evening and Thursday afternoon. 7. It’s on Tuesday morning.

263

Lesson 10: Talking about Time

A. Fill in the missing words. What is the time? How many different ways can you say these times?

a. It’s midnight. b. It’s twelve o’clock in the afternoon. 1. c………………….. d. It’s at twelve noon.

2. a. It’s six o’clock in the…….. /in the evening. b. It’s six a.m./ It’s six p.m.

a. It’s one thirty a.m./……………………… 3. b. It’s half past one in the morning/…………………….

4. a. It’s fifteen a.m./………. b. It’s……………..past five in the morning/in the afternoon

5. a. It’s eleven twenty ………../ p.m. b. It’s…………………..eleven in the morning/evening.

B. Listen and draw the time on the clock.

264

C. Practice using different ways to tell the time, e.g. half-past eleven in the morning, or eleven- thirty a.m. 1. Tourist: Are we leaving soon? Guide: We are leaving at …………………………….. 2. Tourist: What time are we going to have lunch? Guide: At about ………………………….…………………… 3. Tourist: When will the train arrive? Guide: It should arrive at …………………………….. 4. Tourist: What time does the fitness centre open? Guide: It opens at ………………………………… 5. Tourist: When does the beauty salon close? Guide: It closes at …………………………………

D. Study the information below. Then answer the questions you hear.

Museums and Places of Interest in Maha Sarakham OPEN CLOSE DAYS OF THE WEEK Isarn Cultural Museum 9:00 am 4:30 pm Open Daily Isarn Buddhism Park 9.00 am 5.30 pm Open Daily Dun Rampan No Hunting Area 8.30 am 16.00 pm Open daily Nong Kheuanchang Handicraft 8.30 am 9.00 pm Open daily Village 1. It opens at ……………. 2. It closes at …………………. 3. It is open from……….. to …………. 4. It opens from…………… to…………. . 5. It closes ………………. 6. It closes………………. .

265

E. Listen and check your answers.

F. Listen to these expressions and repeat. Expression Explanation What time ……….? ใช้ถามเวลา When …….? ใช้ถามเวลา It opens/closes/starts at……….. ใช้ตอบคาถามเก ี่ยวกบเวลาั or At ………… It is open from ……… to …….. ใช้ตอบคาถามเก ี่ยวกบเวลาั

Tips: When telling the time, use a.m. and p.m. A.M. is used from 00:01 to 12:00 noon. P.M. is used from 12:01 to 12:00 midnight. Avoid using the twenty-four hour clock in telling the time as it might be confusing.

G. Role-play Study the program below and role-play being a tour guide and a tourist asking for and giving information.

Museums and Places of Interest in Khon Kaen OPEN CLOSE DAYS OF THE WEEK Phu Wiang National park 9:00 am 4:30 pm Open Daily Buffalo Conservation Village 8.30 am 9.00 pm Open on Saturday and Sunday Nam Phong National Park 8.00 am 4.30 pm Open daily King Cobra Village 8.30 am 9.00 pm Open daily Hong Mun Mang or Khon Kaen City Museum 12 (noon) 8.00 pm Open daily

266

Script B. Listen and draw the time on the clock. 1. It’s five forty-five pm. 2. It’s ten past three in the afternoon. 3. It’s half-past ten. 4. It’s a quarter past eleven. 5. It’s twenty to noon. 6. It’s eight o’clock.

D. Answer the questions you hear. Question 1: What time does the National Museum open? Question 2: What time does the National Museum close? Question 3: Between what time/ when does the Tribal Museum open? Question 4: When does Chiang Mai Zoo open? Question 5: When does the Tribal Museum close? Question 6: When does the Museum of World Insects close?

E. Listen and check your answers. Answer 1: It opens at nine o’clock in the morning. Answer 2: It closes at four thirty in the afternoon. Answer 3: It opens from nine a.m. to five p.m. Answer 4: It opens from eight thirty in the morning to five o’clock in the afternoon. Answer 5: It closes at five in the afternoon. Answer 6: It closes at seven p.m. / at seven o’clock in the evening.

267

Unit 11: Talking about Distance, Area, and Length of Time Maha Sarakham

Map of Thailand

Map of the Northeastern Region of Thailand

268

269

A. Listen to a tour guide giving you the information about Maha Sarakham, and write “T” if the statement is true and write “F: if the statement is false. Maha Sarakham is situated in the heart of the northeastern region (Isan) of Thailand. Maha Sarakham is 475 kilometers away from Bangkok. Maha Sarakham is a province with no mountain and only the Chi River running the province. Maha Sarakham is a city of education, another name is Takasila Nakhon. Maha Sarakham occupies an approximate area of 5,291 square kilometers or 3.31. million rai, located on the Korat plateau. The administration is divided into 13 districts: Mueang Maha Sarakham, Kantharawichai, Kosum phisai, Wapi Prathum, Borabue, Phayakkhaphum phisai, Na Chueak, Chiang Yuen. Na Dun, Kae Dam, Yang Srisurat, Kut Rang and Chuen Chom.

True or False ………….1. Maha Sarakham is in the heart of the north of Thailand. ………….2. The distance is 475 kilometers away from Bangkok. …………3. The Moon River runs through Maha Sarakham Province. ………….4. Maha Sarakham is a center of Isan Culture ………….5. The area of Maha Sarakham is approximately 5291 square kilometers. ………….6. There are thirteen districts in Maha Sarakham Province.

Tourist Attractions in Maha Sarakham

Archeological Sites: Pramahathat Na Dun, Ku Ban Khwao, Ku Santarat, Ku Ban Daeng Cultural Attractions: Isan Cultural Museum, Isarm House and Cart Traditional Museum, and Ming Mueang Standing Buddha Image Communities Attractions: Nong Khuean Chang Handicraft Community, Ban Phaen Slender Sedge Mat Nong Handicraft Community, Chiang Hian Pottery Community and Kantarawichai Ceramic Communities Ecotourism Attractions: Wang Macha Fish Sanctuary, Walai Rukhavej Botanical Research Institute, Dun Lamphan No-Hunting Area, and Kosumphisai Forest Park Agrotourism Attractions: Khok Ko Diary Farm, and Don Mun Self-Sufficiency Economy Village

270

B. Listen to a tour guide giving you the information about the tourist attractions in Maha Sarakham, and write down the tourist attractions in the correct district.

271

Script1 Maha Sarakham is situated in the heart of the northeastern region (Isan) of Thailand. Maha Sarakham is 475 kilometers away from Bangkok. Maha Sarakham is a province with no mountain and only the Chi River running the province. Maha Sarakham is a city of education, another name is Takasila Nakhon. Maha Sarakham occupies an approximate area of 5,291 square kilometers or 3.31. million rai, located on the Korat plateau. The administration is divided into 13 districts: Mueang Maha Sarakham, Kantharawichai, Kosum phisai, Wapi Prathum, Borabue, Phayakkhaphum phisai, Na Chueak, Chiang Yuen. Na Dun, Kae Dam, Yang Srisurat, Kut Rang and Chuen Chom.

Script 2

Tourist Attractions in Maha Sarakham

Archeological Sites are Pramahathat Na Dun and Ku Santarat in Na Dun District, Ku Ban Khwao in Mueang Maha Sarakham District, and Ku Ban Daeng in Wapi Prathum District Cultural Attractions are Isarn Cultural Museum at Rajabhat Maha Sarakham University in Mueang Maha Sarakham Distirct, Isarm House and Cart Traditional Museum in Na Dun District, and Ming Mueang Standing Buddha Image in Kantrarawichai Dististrict Communities Attractions are Nong Khuean and Chang Handicraft Chiang Hian Pottery Communities in Mueang Maha Sarakham District, Ban Phaeng Slender Sedge Mat Nong Handicraft Community in Kosumpisai District, and Kantarawichai Ceramic Communities in Kantarawichai District Ecotourism Attractions are Wang Macha Fish Sanctuary in Mueang Maha Sarakham Distirct, Walai Rukhavej Botanical Research Institute in Na Dun District, Dun Lamphan No- Hunting Area in Na Chueak District, Kosumphisai Forest Park in Kosumphisai District Agrotourism Attractions are Khok Ko Diary Farm in Kae Dam District, and Don Mun Self- Sufficiency Economy Village in Kantarawichai District

272

Unit 12: Talking about an Itinerary

Six Tour Programs of the Maha Sarakham Travel Company

Tour Program 1: Visiting Pra That Na Dun, Isam House and Cart Traditional Museum, Walai Rukhavej Botanical Research Institute, and Ku Santarat, Tour Program 2: Visiting Isarn Cultural Museum, Ku Ban Khwao and Chiang Hian Pottery Community Tour program 3: Visiting Nong Khuean Chang Handicraft Village, Ban Phaen Slender Sedge Mat Nong Handicraft Village, and Kosumphisai Forest Park Tour Program 4: Visiting Wang Macha Fish Sanctuary, Ming Mueang Standing Buddha Image and Kantarawichai Ceramic Community Tour Program 5: Visiting Khok Ko Diary Farm, Dun Lamphan No-Hunting Area, and Ku Ban Daeng Tour Program 6: Donmun Self-Sufficiency Economy Village

A. Listen to a tour guide giving tourists about the tour program 1 and complete the missing information in the itinerary with the correct and appropriate words or phrases provided.

1. Walai Rukavej Research Institute 2. relics 3. return 4. botanical 5.Taksila Nakhon 6. flora 7. Meet 8. Phra That Na Dun Pagoda 9. Leave 10. Isan Cart Traditional

08:00 ……1………… in the hotel lobby. 08:30 ……2…………the hotel. 09:30 Before we leave the hotel, let me tell you briefly what we are going to do today. Maha Sarakham, a small province in the heart of the Northeastern region of Thailand is considered to be the regional education centre, named ……3……………….". 10.00 Visit Phra That Na Dun in Isarn Buddhism Park. It is located in Na Dun District 60 kilometers away to the south. It is a stupa which housed lord Buddha’s ……4……., kept in gold, silver and bronze boxes, presumably dating back to 13th century- 15th century during the Dvaravati period. As a result, the government decided to set up 273

……………5……… on a 909 rai ( or 1,443 square kilometers) space, surrounded by religious, cultural museums, ………6…….. garden, and herbal garden. 11.00 Then, spend 1 one hour on visiting Isarn House and ……7………Museum, 150 meters to the east of Phra That Na Dun, another interesting place that shows the way of life of Isarn people It comprises model houses of the various tribes in the region and there are exhibitions displaying household items. 12.00 Have Isan traditional food at the local Isarn restaurant in Na Dun District. 13.00 leave for …………8……………, located the east of Phra That Na Dun, the institute makes research on conserving, improving, and distributing ……9………… of the region. It has bamboo terrain, herbal garden. 14.00 After that, visit Ku Santarat in Ku Santarat sub-district, Nadun District. A stone ruined building during the reign of king Jayavanraman Vll. Ku Santarat is the Bayon style rectangular laterite block house with lintels and nicely carved door arches. 16.00 Finally, we’ll ……10…….. to the hotel by 6 pm.

B. Listen to these expressions and repeat.

Expression to meet in the hotel lobby to arrive at the Isarn Traditional House Museum to return to the hotel to leave the hotel to have lunch at the Isarn Traditional Restaurant to spend an hour on touring Isan house traditional museum to visit Walai Rukavej Research Institute

C. Study these time expressions.

Time Expression Explanation before + noun / subject + verb e.g. ‚before noon‛ ใช้ในการบรรยายรายการเดินทาง 274

e.g. ‚before we leave the hotel‛ ใช้ time expressions เพื่อบอกเวลาในการทา กิจกรรมตางๆ่ ในระหวางการเดินทาง่

about + specific time / period of time e.g. ‚about 10:30‛ e.g. ‚about two hours‛

after + noun / subject + verb e.g. ‚after lunch‛ e.g. ‚after we have lunch‛

by + specific time e.g. ‚by six pm‛. first / then / after that / next / finally + subject + verb. e.g. First, we will take a boat.

D. Tips: When describing an itinerary, apart from mentioning activities and approximate times, include a short description of the place so that tourists will get the overall picture of the trip. However, do not overwhelm the tourists with too much information in advance. Keep it for later.

Role-play You are a tour guide giving one of the tour programs to the tourists for today’s tour. The itinerary includes: time, tourist attractions with brief information. You may start with Good morning ladies and gentlemen. Before we leave the hotel,………………………. …………………………………………………………………………………………………..

275

Script A. Listen to a tour guide giving tourists about the tour program 1 and complete the missing information in the itinerary with the correct and appropriate words or phrases provided.

1. Walai Rukavej Research Institute 2. relics 3. return 4. botanical 5.Taksila Nakhon 6. flora 7. meet 8. Phra That Na Dun Pagoda 9. Leave 10. Isan Cart Traditional

08:00 Meet in the hotel lobby. 08:30 Leave the hotel. 09:30 Before we leave the hotel, let me tell you briefly what we are going to do today. Maha Sarakham, a small province in the heart of the Northeastern region of Thailand is considered to be the regional education centre, named " Taksila Nakhon” 10.00 Visit Phra That Na Dun in Isarn Buddhism Park. It is located in Na Dun District 60 kilometers away to the south. It is a stupa which housed lord Buddha’s relics kept in gold, silver and bronze boxes, presumably dating back to 13th century- 15th century during the Dvaravati period. As a result, the government decided to set up Phra That Na Dun Pagoda on a 909 rai ( or 1,443 square kilometers) space, surrounded by religious, cultural museums, botanical garden, and herbal garden. 11.00 Then, spend 1 one hour on visiting Isan House and Cart Traditional Museum, 150 meters to the east of Phra That Na Dun, another interesting place that shows the way of life of Isarn people It comprises model houses of the various tribes in the region and there are exhibitions displaying household items. 12.00 Have Isan traditional food at the local Isarn restaurant in Na Dun District. 13.00 Leave for Walai Rukavej Research Institute, located the east of Phra That Na Dun, the institute makes research on conserving, improving, and distributing flora of the region. It has bamboo terrain, herbal garden. 14.00 After that, visit Ku Santarat in Ku Santarat sub-district, Na Dun District. A stone ruined building during the reign of king Jayavanraman Vll. Ku Santarat is the Bayon style rectangular laterite block house with lintels and nicely carved door arches. 16.00 Finally, we’ll return to the hotel by 6 pm.

276

Part 3 Visiting Archeological and Cultural Attractions, Town and Community Attractions, Ecotourism Attractions, and Agrotourism Attractions in Maha Sarakham Unit 13: Visiting Archeological and Cultural Attractions

1……………………………………………………………………….

2………………………………………………………………………

277

3……………………………………………………………………………..

4………………………………………………………………………..

A. Read the description of the archeological attractions below and put the correct name of the tourist attractions in the blank provided.

Isarn Buddhism Park or Isarn Buddhism Boundarty Isarn Buddhism Park is located in Na Dun Village, Na Dun District, Maha Sarakham Province, where a lot of archeological artifacts representing the flourishing in older days have been found. It is also where Champasi City used to be. All artifacts found are now kept in Khon Kaen museum. The most impressive item found was a stupa which housed lord Buddha’s relics, kept in gold, silver and bronze boxes, presumably dating back to 13th – 15th century during the Dvaravati period. 278

Pra That Na Dun Pra That Na Dun is located in Isarn Buddhism Park in Na Dun Village, Na Dun District, Maha Sarakham Province. The pagoda is housed lord Buddha’s relics, kept in gold, silver and bronze boxes, presumably dating back to 13th – 15th Century during the Dvaravati period. The government decided to set up Phra That Na Dun on a 909 rai ( or 1,443 square kilometers) space, surrounded by religious and cultural museums, botanical garden, and herbal garden.

Ku Ban Khwao Ku Ban Khwao is located in khwao Village, Khwao Sub- district, Mueang District, Maha Sarakham Province. Ku Mahathat is an 18th century historical site built from rectangular laterite blocks. The ruin has 2 earthen godly figurines, surrounded by laterite walls. The door on the east is the only entrance to the inside while 3 center doors are fake. Its lintels and arched doors have been centered by the fine arts department.

Ku Santarat, The ruin is located in Ku Santarat sub-district, Na Dun district, Maha Sarakham province. Ku Santarat is of Bayon style aged between BE 1157-1207. A stone ruin was built during the reign of king Jayavanraman Vll. It was built from rectangular laterite blocks with lintels and nicely carved door arches.

B. Listen to a tour guide giving the tourists information of four archeological attractions in Maha Sarakham. Then answer the following questions.

1. Where is Ku Santara located in? …………………………………………………. 2. What is Ku Satarat like? …………………………………………………. 3. Where is Ku Ban Khwao located in? …………………………………………………. 4. What is Ku Ban Khwao like? ………………………………………………….

279

5. Where is Pra That Na Dun located in? …………………………………………………. 6. What is kept inside Pra That Na Dun? …………………………………………………. 7. Where is Isarn Buddhism Park in? …………………………………………………. 8. What are in Isarn Buddhism Park? ………………………………………………….

C. Practice speaking skills: You are a tour guide giving the brief description of the archeological attractions in Maha Sarakham to the tourists.

The description includes: location, distance, transportation and special features. You may start with: Good morning ladies and Gentlemen, may I give you the brief information of ………… …………………………………………………………………………………………………….

280

Unit 14: Cultural Attractions Visiting Isan Cultural Museum, Isam House and Cart Traditional Museum, and Ming Mueang Standing Buddha Image

1……………………………………………………………

2………………………………………………………………………

281

3………………………………………………………………….

4……………………………………………………………..

A. Read the description of the cultural attractions below and put the correct name of the tourist attractions in the blank provided.

Isarn Cultural Museum Isan Cultural Museum is located in Maha Sarakham University. It exhibits Isan arts and handicraft such as weaving, clothes patterns. The museum also exhibits literature scripture on palm leaves rarely left. Presentation slides also on Isarn culture and customs are displayed.

282

Champaosi City Museum Champaosi City Museum is located to the south of Phra That Na Dun. It exhibits discovered Buddha’s relic. The relic is housed in a bronze stupa where an earthen Dvaravati-style Buddha image is also contained.

Isarm House and Cart Traditional Museum Isam House and Cart Traditional Museum is located in Walai Rukhavej Botanical Research Institute to the east of Phra That Na Dun ,where it conducts research on conserving, improving and distributing flora in the region. Inside, there are a bamboo terrain nature museum.

Ming Mueang Standing Buddha Image Ming Mueang Standing Buddha Image is located in Suwannawas Temple, Khok Phra Sub- district, Kantarawichai district, Maha Sarakham province. The Buddha image was carved in red sandstones during the Dvaravati period.

B. Listen to a tour guide giving the tourists information about four cultural attractions in Maha Sarakham. Write T if the statement is true and write “F” if the statement is false.

------1. Isarn Cultural Museum is in Rajabhat Maha Sarakham University. ………2. Isarn Cultural Museum exhibits only Isarn arts and handicraft. ………3. Champaosi City Museum is in Na Dun District. ………4. Buddha’s relic is kept in Champaosi City Museum. ………5. Ming Mueang Standing Buddha Image is in Kantarawichai District. ………6. Ming Mueang Standing Buddha Image was made of sandstones. ………7. Isarn House and Cart Traditional Museum is in Walai Rukhavej Botanical Research Institute ……….8. Walai Rukhavej Botanical Research Institute is in Maha Sarakham University

283

C. Practice speaking skills: You are a tour guide giving the brief description of the cultural attractions in Maha Sarakham to the tourists.

The description includes: location, distance, transportation and special features. You may start with: Good morning ladies and Gentlemen, may I give you the brief information of ………… …………………………………………………………………………………………………….

284

Unit 16: Communities Attractions Visiting Nong Khuean Chang Handicraft Community Ban Phaen Slender Sedge Mat Handicraft Community

1………………………………………………......

2……………………………………………………………………………………………….

A. Read the description of the community attractions in Maha Sarakham below and put the correct name of the tourist attractions in the blank provided

Nong Khuean Chang Handicraft Community Nong Khuean Chang Handicraft Community is a cultural attraction located in Tha Song Khon Sub – district, Ban Nong Khuean Chang Handicraft village is famous for silk and cotton weaving products with excellent quality yet reasonably priced products for sale. The products include silk, cotton, scarves, shoulder cloths, cotton shirts, Chinese three- quarter length trousers, khit pillows, wallets, shawls, etc. This community is truly Maha Sarakham’s handicraft center. Ban Phaen Slender Sedge Mat Handicraft Community 285

Ban Phaen Slender Sedge Mat Handicraft Community is located in Ban Phaeng village, Ban Phaeng Sub-district, Kosumpisai District, Maha Sarakham Province. The local villagers earn extra living by weaving mats from slender sedge. The community is 9 kilometers from Kosum Phisai District or about 38 kilometers from the city.

B. Listen to a tour guide giving the tourists information about two community attractions in Maha Sarakham. Complete the description of the communities with the correct words or phrase provided.

cultural famous handicraft quality scarves

Nong Khuean Chang Handicraft Community Nong Khuean Chang Handicraft Community is a……1………. attraction located in Tha Song Khon Sub – district, Ban Nong Khuean Chang Handicraft village is……2………. for silk and cotton weaving products with excellent……3..….. yet reasonably priced products for sale. The products include silk, cotton,……4…….. , shoulder cloths, cotton shirts, Chinese three- quarter length trousers, khit pillows, wallets, shoulder bags, etc. This community is truly Maha Sarakham’s …….5…….center.

villagers mats thirty eight village Ban Phaen Slender Sedge Mat Handicraft Community Ban Phaen Slender Sedge Mat Handicraft Community is located in Ban Phaeng……1..……, Ban Phaeng Sub-district, Kosumpisai District, Maha Sarakham Province. The local……2……… earn extra living by weaving……3…….. from slender sedge. The community is 9 kilometers from Kosum Phisai District or about……4..……. kilometers from the city.

C. Practice speaking skills: You are a tour guide giving the brief description of community attractions to the tourists.

The description includes: location, distance, transportation and special features. You may start with: Good morning ladies and Gentlemen, may I give you the brief information of ………… …………………………………………………………………………………………………….

286

Unit 15: Ecotourism Attractions Visiting Wang Macha Fish Sanctuary, Dun Lamphan No-Hunting Area, Kosumphisai Forest Park

A. Match the ecotourism attractions in Maha Sarakham with the correct pictures …….1. Dun Lamphan No-Hunting Area …….2. Kosumphisai Forest Park ……..3. Wang Macha Fish Sanctuary

A

B

287

C

B. Listen to a tour guide giving the tourists information about the ecotourism attractions in Maha Sarakham. Complete the description of with the correct words or phrases.

Kosumphisai Forest Park Kosumphisai Forest Park is located in Hua Khwang Sub-district on the bank of ……1…….. Kosumpisai District, Maha Sarakham Proovince. It occupies approximately 125 rai (200 square kilometers). It was established on 1 October……2…….. The forest park is home of large trees such as giant Siamese gurjun, Tabak and Anthocephalus chinensis. The forest also is an ideal home of birds and hundreds of gold macaques, ……3………….

Dun Lamphan No-Hunting Area It is an ecotourism attraction where streams constantly flow in exclusive spots, which is called otherwise absorbing forest. Home to endemic …4………. and fauna, it has rare species of Lamphun trees, nostoc commune voucher, striped snake- head fish, footed vipers and pu thunkramom or mealy crab- Thaipotamon Chulabhon Naiyanetr. The ……5…… is the most majestic freshwater crab, slightly bigger than a paddy-field crab and quite …6………..-in purple, orange, yellow and white and be found only at dun Lamphan forest.

Wang Macha Fish Sanctuary Wang Macha Fish Sanctuary, or Khong Kud Wai Fish Sanctuary is an ………7..…. attraction located in Mueang District 10 kilometers to the northeast from the city. The fish sanctuary was established officially to be the tourist attraction in ……8……. The fish sanctuary aims at raising variety of aquatic animals such as Ompok bimaculatus fish, cat fish and etc. 288

C. Practice speaking skills: You are a tour guide giving the brief description of ecotourism attractions in Maha Sarakham to the tourists.

The description includes: location, distance, transportation and special features. You may start with: Good morning ladies and Gentlemen, may I give you the brief information of ………… …………………………………………………………………………………………………….

289

Unit 16: Agrotourism Attractions Visiting Khok Ko Diary Farm, and Don Mun Self-Sufficiency Economy Village

A. Match the agrotourism attractions in Maha Sarakham with the correct pictures

……………..1 Khok Ko Diary Farm …………….2. Don Mun Self-Sufficiency Economy Community

A

B

B. Listen to a tour guide giving the tourists information about the agrotourism attractions in Maha Sarakham. Complete the description of the attractions with the correct words or phrases.

290

Khok Ko Diary Farm Khok Ko Diary Farm is a cooperative for diary farm located in ……1………, Maha Sarakham Province. Khok Ko Diary farm emphasizes using ……2……… for environmental preservation. The ………3…… cell system has been used to produce electricity on the farm. Wind power has been used to spin water supplies using on the farm. ……4………. from cow dung has been used for producing plastic bottles.

Don Mun Self-Sufficiency Economy Village Don Mun Self-Sufficiency Economy Village is a small village with approximately 43 families in Kham Riang Sub-district, ………5……., Maha Sarakham Province. The philosophy of the sufficiency economy has been implemented to improve the ……6……. of life of people in Don Mun village. The excellent community was rewarded by the Department of Health in 2005. The villagers earn their ………7……. by raising beef cattle, fish, frog, cricket, domestic chicken and using biofertilizer

C. Practice speaking skills: You are a tour guide giving the brief description of agrotourism attractions in Maha Sarakham to the tourists.

The description includes: location, distance, transportation and special features. You may start with: Good morning ladies and Gentlemen, may I give you the brief information of ………… …………………………………………………………………………………………………….

Bibliography

สานักงานการท องเที่ยวและก่ ีฬาจังหวัดมหาสารคาม. (2555) เปิดประตูส่พู ุทธมณฑลอีสาน. มหาสารคาม สานักงานจังหวัดมหาสารคาม . Beresova, J. and Rok, S. Testing Speaking Skills: Marking Criteria. [online]. Available: http://www.infovek.sk/predmety/anglictina/olympiada/dokomenty/testing. Doc. 2006. [6/4/2008]. Burns, A. (1996). Course Readings: Program Planning, Monitoring and Evaluation. School 291

of English and Linguistics, Macquarie University. Sydney. Australia.. Darling-Hammond, L. (1995). Authentic Assessment in Action: Studies of schools and students at work. New York: Teachers College Press. Freed, J. E. (2000). Learner-Centered Assessment on College Campuses: Shifting the focus from teaching to learning. Boston: Allyn and Bacon. Harding, K. (1999). Going International: English for Tourism. New York: Oxford University Press. Harding, K. And Henderson, P. (2000). High Season: English for Hotel and Tourist Industry. New York: Oxford University Press. Heaton, J. B. (1990). Classroom Testing. London: Longman. Hughes, A. (1989). Testing for language Teachers. Cambridge: Cambridge University Press. Nunan, D. (1991). Language Teaching Methodology: A textbook for teachers. Sydney: Prentice Hall. Nunan, D. (1988). The leaner-Centered Curriculum. ; A study in second language teaching. Sydney: Cambridge University Press. Richards, J. (1994). Interchange English for International Communication: Intro student's book. New York: Cambridge University Press. Richards, C. J. (1997). New Interchange English for International communication Cambridge: Cambridge University Press. Sermsongswad, U. and et. Al (2006). English for Tour Guides. Chiang Mai: Chaing Mai University. Sopa, N. (2004). English for Communication. Maha Sarakham: Rajabhat Maha Sarakham University. Terrance, H. (1995). Evaluating Authentic Assessment. Buckingham: Open University Press.

292

Tourism Thailand. (2009). [Online]. Available:http://www.tourismthailand.org/ attraction/kalasin-40-1.html. [2009, April 4] Tourism Thailand. (2009). [Online]. Available:http://www.tourismthailand.org/ attraction/khonkaen-40-1.html. [2009, April 4] Underhill, N. (1988). Testing Spoken language: A handbook of oral testing techniques Cambridge: Cambridge University Press. Utawanit, K. (1997). Communicative English for Tourism. Bangkok: Thammasat University Press.