MY KING

ท ร ง พ ร ะ เ จ ริ ญ “ กี่ปีมาแล้ว ที่เห็นพระองค์นั้นทรงเหนื่อยล้าใจกาย­ โดยมุ่งหมายดูแลแก้ไขป้องภัยให้เรา จนบัดนี้พระองค์ก็ยังคงคอยช่วยเหลือบรรเทา และคงเฝ้าท�ำเพื่อพวกเราไม่เคยเสื่อมคลาย เป็นเจ้าฟ้าที่ยืนข้างล่าง แบกไพร่ฟ้าเอา ไว้บนไหล่ อยากรู้พระองค์เคยคิดเหนื่อยบ้างไหม ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน ขอจงทรงพระเกษมส�ำราญพระวรกายและพระทัย ทรงพระเจริญ พระเจ้าอยู่หัวของชาวไทย จากใจพสกนิกรของพระองค์”

ด้ ว ย เ ก ล้ า ด้ ว ย ก ร ะ ห ม่ อ ม ข อ เ ด ช ะ ข้ า พ ร ะ พุ ท ธ เ จ้ า ร้ า น ท่ า ช้ า ง ค า เ ฟ่ แ ล ะ วิ น เ ท จ บ า ร์

เพลง ทรงพระเจริญ / คำ�ร้อง บอย โกสิยพงษ์ ภาพประกอบโดย DONOT6_STUDIO (http://donot6.info) editorial: Vol.09 No.98 December 2012

Goodbye My Dear

เผลอแป๊บๆ ก็เดินทางมาถึงเดือนสุดท้ายของปีกันแล้วนะคะ และอีกหลายงานสมกับเป็นเดือนสุดท้ายของปีที่เชียงใหม่มักจะคึกคัก หลายคนคงวางแผนกันอยู่ว่าปีใหม่จะไป เค้าดาวน์ (ตัวเองผ่อน) ด้วยนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาสัมผัสลมหนาว แม้ปีนี้จะไม่ค่อยหนาวสมใจ ที่ไหนกันดี? แถมยังมีฝนโปรยมาเป็นระยะอีกต่างหาก แต่ก่อนจะถึงปีใหม่ เรามีโปรแกรมดีๆ ส�ำหรับวันหยุดยาวช่วงวัน สิ่งที่ตามมาของฤดูเทศกาลและเพิ่มจ�ำนวนขึ้นเรื่อยๆ คือรถรายาน เฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาฝากกัน พาหนะที่เริ่มติดกันแล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน จะไปห้ามให้ไม่ใช้รถ ค่ะ อย่างในวันที่ 5 - 10 ธันวาคมนี้ ก็มีงาน NAP 2012 มาให้ ใช้ถนนกันก็คงจะไม่ได้ และก็ไม่อาจเรียกร้องให้ขยายถนนเพิ่มด้วย เดินเล่นกันเช่นเคย จัดที่เก่าเวลาเดิมภายในซอย 1 นิมมานเหมินท์ ถึงเวลาสิ้นปี, หลายคนมักถามว่าขึ้นปีใหม่อยากได้อะไร ถ้าขอได้จริงๆ งานนี้คนรักของดีไซน์ห้ามพลาด และโปรดดูแลกระเป๋าสตางค์ของ คงอยากให้เชียงใหม่มีระบบขนส่งมวลชนที่สะดวกมากกว่านี้ บอก คุณให้ดี เพราะอาจฉีกได้ เนื่องจากงานนี้มีสินค้าละลานตามาให้ ตรงๆ ว่าเห็นใจคนที่ไม่มีรถส่วนตัว รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่เวลาจะไป ช้อปปิ้งส่งท้ายปีกันอย่างจุใจ และเพื่อให้เข้ากับเทศกาล HIP มี ไหนมาไหนแต่ละทีก็ล�ำบาก แถมยังไม่รู้ว่าจะโดนค่าโดยสารคนละเท่า คอลัมน์ Product มาน�ำเสนอของดีไซน์จาก 11 แบรนด์น่าสนใจ ไหร่ ในเชียงใหม่มายั่วน�้ำลาย พร้อมส่วนลดสุดพิเศษส�ำหรับชาวฮิพกัน นี่ยังไม่รวมถึงการถูกบังคับกลายๆ ให้คนในเมืองต้องมีพาหนะเป็น ด ้วย ของตัวเอง เพราะเราไม่สามารถพึ่งพาขนส่งมวลชนได้อย่างเต็ม อีกงานพลาดไม่ได้ส�ำหรับใครที่ชอบสไตล์ Mods และ Rockers ประสิทธิภาพ วันที่ 6 ธันวาคม ร้านท่าช้าง คาเฟ่ และวินเทจ บาร์ ร่วมกับ ความเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว อาจไม่ใช่แค่เราต้องด�ำรงอัตลักษณ์ พันธมิตรจัดงาน Mods & Rockers Thailand ในธีม The เฉพาะถิ่นเอาไว้ แต่การให้ความสะดวกแก่คนมาเที่ยวด้วย โดยเฉพาะ Chiang Mai Sparkle ณ วินเทจ บาร์ สนใจเข้าไปดูรายละเอียด การเดินทางที่ปลอดภัยไว้ใจได้ กันได้ที่ facebook/thai.modsvsrockers ได้ยินว่ามีฟรีบาร์และ ถ้าปีใหม่ขอพรได้ ก็อยากจะขอสิ่งนี้ล่ะค่ะ ดนตรีมันๆ จาก Trix ‘O’ Treat ให้ชมด้วย และที่น่าสนุกคือเขา ก�ำหนด Dress Code ในสไตล์ Mods & Rockers ใครอยากรู้ ชลธิดา พระเมเด ว่าเป็นอย่างไร หน้าถัดจากนี้มีค�ำตอบให้คุณ หัวหน้ากองบรรณาธิการ

Con- tents:

Cover Story 04 Exhibition 15 Gallery 16 Music 20 Classic Album 22 Cover: ThaChang Cafe Film 24 Photographer: Adit Sombunsa THACHANG CAFE WE ARE MODS

านร้อนผ่านหนาวมา 6 ปีแล้ว กับร้าน ‘นั่งดื่ม’ เช่าห้องกับทางโครงการ เจเจ มาร์เก็ต ซึ่งพี่โอ๋ (อภิรดี เขาเล่าว่า ท่าช้าง คงไม่มีวันนี้ ถ้าทั้ง 2 คน สุดแนวของเชียงใหม่ผ่ ท่าช้าง คาเฟ่ จากร้านที่มีเพียง ตันติเวชกุล) ให้ข้อแม้ว่า ต้องตกแต่งร้านให้สวย ไม่ให้โอกาส จากวันนั้นถึงวันนี้ ท่าช้าง คาเฟ่ มีการ 7 โต๊ะ และต้องคอยยกไปยกกลับ ไม่มีแม้กระทั่ง และช่วยพัฒนาโครงการด้วยกัน ด้วยทุนที่มีอยู่น้อย ตกแต่งร้านที่ดูเพลินตา และพัฒนาระบบมากมายให้ ห้องหับให้ตกแต่งสวยงามเหมือนร้านอื่นเขา หรือแม้แต่ แต่ต้องท�ำร้านให้ดูดี จึงเป็นที่มาของการตกแต่งร้าน สามารถบริการได้อย่างรวดเร็ว อย่างการรับออร์เดอร์ผ่าน พื้นที่ไว้เก็บข้าวเก็บของ จากวันนั้นมาสู่วันนี้กลายเป็น แนว JUNK ART ของท่าช้าง คาเฟ่” นั่นคือบุคคลแรก iPod จึงนับเป็นหนึ่งในร้านที่ ‘ต้องเที่ยว’ ในเชียงใหม่ ร้านที่มีแต่คนพูดถึง และต้องหาโอกาสมาเยือนสักครั้ง ที่เข้าใจ และให้โอกาสเขา “ส่วนอีกคน คือพี่หมวดกู้ดวิว แต่ก็ยังคงไม่มีพีจี ไม่มีทีวี ไม่มีดนตรีสด และไม่มี กว่าจะมาถึงจุดนี้ ‘พี่ชายคนโต’ ของท่าช้าง (ธนิต ชุมแสง) ตอนนั้นท่าช้าง อยู่ติดกับห้องของ โปรโมชั่น มีเพียงอาหาร ที่ปัจจุบันมุ่งเน้นไปทางอาหาร เล่าให้ฟังถึง 2 คนที่อาจเรียกได้ว่าเปิดโอกาสให้เขา สถาปนิกล้านนา เวลาเขามีประชุมก็จะสั่งข้าวปลาอาหาร อีสานรสแซ่บ และเช่นเดิมไม่เน้นบริการ แต่ให้ความ พาท่าช้างเติบโต “หลังจากเริ่มเพิ่มจ�ำนวนโต๊ะมากขึ้น ที่ร้านทุกครั้ง ทั้งยังคอยให้ค�ำปรึกษา คอยสนับสนุน เป็นส่วนตัว และเป็นกันเองแก่ลูกค้า ที่ส�ำคัญร้านนี้ ก็ไม่สามารถยกของกลับบ้านได้เหมือนตอนแรก จึงขอ ในทุกๆ ด้าน” เปิดเพลงไทยเท่านั้น VINTAGE BAR WE ARE ROCKERS

วนร้านนี้ เรียกว่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับ บริการอาหารและเครื่องดื่ม ความต่างอย่างเห็นได้ชัด แถมทุกๆ เดือนยังมีการจัดคอนเสิร์ต ‘ท่าช้างส่ คาเฟ่’ เพราะเน้นการเป็นร้าน ‘นั่งรับประทาน’ ของ วินเทจ บาร์ ก็คือมีการถ่ายทอดสดรายการ จากศิลปินรุ่นใหญ่จากกรุงเทพฯ มาให้ชมฟรีไม่มีชาร์ท สุดเท่อย่าง ‘วินเทจ บาร์’ เสน่ห์ของร้านนี้ คือการ น่าสนใจทั้งภาพและเสียง โดยมีโซนนั่งชมโดยเฉพาะ อย่างเดือนที่ผ่านมาก็มี แอม เสาวลักษณ์, สุเมธ&เดอะปั๋ง ตกแต่งร้าน โดยน�ำของเก่า-ใหม่ มาผสมผสานกันอย่าง ไม่ว่าจะเป็นละคร ภาพยนตร์ สารคดี หรือกีฬาแมทช์ ล่าสุด ปั่น ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว และช่วงปลาย ลงตัว มีทั้งโต๊ะเก้าอี้แนวเรโทรหลายรูปแบบมาวางสลับ ส�ำคัญๆ สามารถรับชมได้หมด รวมถึงมีดนตรีสด เดือนธันวาคมจะเชิญ ตุ๊ก วิยะดา โกมารกุล ณ นคร กันไปสร้างบรรยากาศให้ดูแปลกตาดี รวมทั้งน�ำป้าย เพราะๆ ฟังสบายๆ ไปจนถึงเพลงฝรั่งหาฟังยาก มาขับกล่อมเพลงเพราะๆ ให้แฟนเพลงได้ฟังกัน โบราณ และโคมไฟดีไซน์ต่างๆ มาเสริมเข้าไปด้วย ตกดึกก็มีดีเจมาเปิดเพลงให้ฟังอีกต่างหาก ที่ส�ำคัญ (ใครไม่อยากพลาดรีบจองโต๊ะด่วนๆ) และได้ยินมาว่า ท�ำให้ร้านนี้ดูโดดเด่น และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อาหารอร่อยมาก และไม่แพง จะพากันมารับประทาน อนาคตจะมีการจัดแพคเกจเครื่องดื่มสุดคุ้มทุกเดือน ร้านนี้เปิดบริการมาได้ 1 ปีแล้ว และเน้นการ ทั้งครอบครัว สังสรรค์กับเพื่อนฝูง หรือจัดเลี้ยงงานต่างๆ ตลอดทั้งปีด้วย เห็นมั้ยล่ะว่าแตกต่างกันสิ้นเชิงนะ ให้บริการเป็นพิเศษ โดยมีน้องๆ หน้าตาน่ารักคอยให้ ได้สบายไม่มีอาย ขอย�้ำว่าอาหารอร่อยมากจริงๆ 2 ร้านนี้

THACHANG CAFE CHIANG MAI

วามเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม เหลือแค่สไตล์ที่ยังคงอยู่ผ่านเสื้อผ้า, การแต่งตัว และ คุมโทนให้ซีดเพื่อรับกับดวงตาสีเข้ม ส่วนทรงผมอาจ วิทยาศาสตร์ค เทคโนโลยี ตลอดจนการเปลี่ยนแปลง ยานพาหนะ จากตอนนั้นถึงตอนนี้แม้จะผ่านเวลา ยีให้พองโต หรือปาดผมด้านหน้ามาเก็บอย่างเรียบร้อย ทางด้านสังคม ในยุค 50s-60s ส่งผลต่อวัฒนธรรม มากว่าครึ่งศตวรรษแล้วทั้ง Mods และ Rockers ยังคง ส�ำหรับชุดจะเลือกสวมใส่ชุดที่ให้ความคล่องตัว อย่าง และศิลปะของยุคสมัยใหม่ (Modernity) รวมทั้ง ส่งอิทธิพลต่อวัยรุ่นมาทุกยุคทุกสมัย มินิสเกิร์ต, เดรสสั้น, เสื้อคอบัว แต่เน้นสีสันจัดจ้าน กระบวนการคิดของผู้คนในยุคสมัยนั้น น�ำมาสู่การ ม็อด (Mods) เป็นกลุ่มวัฒนธรรมย่อยที่เกิดขึ้น และลวดลายเรขาคณิต โดยแบบเสื้อผ้าของม็อดได้รับ แสวงหารูปแบบเฉพาะตน เมื่อศิลปะและการออกแบบ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ค�ำนี้ย่อมาจาก ความนิยมอย่างมากในช่วงปลายยุค 60s และกลับมา ถูกพัฒนาไปพร้อมๆ กับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ Modernism หมายถึงกลุ่มที่มีแนวความคิดในแบบ นิยมเป็นระยะจนถึงปัจจุบัน และเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น การมาถึงของกล้องถ่ายรูป สมัยใหม่ แต่เดิม ม็อด ใช้เรียกกลุ่มที่ชื่นชอบแนวดนตรี ซึ่งแฟชั่นของม็อดมักมีความสอดคล้องกับ หรือน�ำระบบพิมพ์มาใช้ร่วมกับการสื่อสารและงานศิลปะ โมเดิร์นแจ็ซซ์ (Modern Jazz) รูปแบบที่น่าสนใจของม็อด ดนตรีที่พวกเขานิยม อย่างแนวเพลงโมเดิร์นแจ็ซซ์, ในด้านการออกแบบรูปทรงโค้งมนถูกน�ำมาประยุกต์ คือประยุกต์การแต่งกายอิงความเป็นสมัยใหม่ ด้วยยุค ดนตรีอาร์แอนด์บี และขยายต่อไปสู่ดนตรีบลูส์บีท, เข้ากับผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจ�ำวัน รวมไปถึงเสื้อผ้าที่ สมัยนั้นมีความก้าวหน้าในหลายๆด้านทั้งศิลปะ ส�ำหรับวงดนตรีที่มีบทบาทและส่งอิทธิพลต่อรูปแบบ แสดงให้เห็นถึงการขบถต่อขนบเดิม และยังคงส่ง การออกแบบ และดนตรีที่สนุกสนานชวนหลงไหล ความเป็นม็อดในยุคนั้นอย่างโดดเด่นคือ The Who อิทธิพลมาถึงยุคปัจจุบัน ชาวม็อดจึงประยุกต์สิ่งที่ตนชื่นชอบให้กลายมาเป็นวิถีชีวิต The Jam, The Small Faces เป็นต้น ส่วนทางด้าน การแสวงหารูปแบบเฉพาะตน ไม่ว่าจะเป็น ผู้ชายม็อดส่วนมากนิยมการใส่สูทที่มีลักษณะ งานศิลปะจะผลิตผลงานที่มีความสอดคล้องกับสังคม วิถีชีวิต, การแต่งกาย, แนวคิด, ศิลปะหรือแม้กระทั่ง คล้ายแจ๊กเก็ต สเว็ตเตอร์คอเต่า หรือสวมเสื้อโปโล แบบบริโภค และถ่ายทอดออกมาเป็นงานศิลปะแบบ เรื่องของดนตรี ที่ถือได้ว่าเป็นลักษณะเฉพาะตัวของ ติดกระดุมทุกเม็ด ส่วนกางเกงจะเป็นทรงกระบอก ป๊อป อาร์ต (Pop Art) นิยมการพิมพ์ซ�้ำเพื่อให้ศิลปะ ยุคสมัย สร้างให้เกิดกลุ่มวัฒนธรรมย่อย (Subculture) ค่อนข้างเข้ารูป สวมรองเท้าหนังคัตชู หรือรองเท้าบู๊ต เดินทางเข้าถึงสังคมและผู้คนมากขึ้น ซึ่งเป็นรากฐาน หลากหลายกลุ่มที่มีพื้นฐานทางความคิด ความชอบ ด้านทรงผมมีทั้งทรงหน้าม้า แบบหัวเห็ด หรือผมสั้น ของแนวความคิดศิลปะหลังสมัยใหม่ (Post Modernism) ความคลั่งไคล้ไปในทิศทางเดียวกัน การเลือกสวมใส่เสื้อผ้าแบบนี้ของหนุ่มม็อด นอกเหนือ ในช่วงเวลาต่อมา และนั่นคือที่มาของ Mods และ Rockers จากช่วยป้องกันความหนาวเย็นจากการขี่สกู้ตเตอร์แล้ว ม็อดนิยมใช้สกู้ตเตอร์เป็นพาหนะ ซึ่งสอดคล้อง กลุ่มวัฒนธรรมย่อยที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งสไตล์ ยังสอดคล้องกับแนวดนตรีสมัยใหม่ สามารถไปได้ กับวิถีชีวิตในเมือง โดยนิยมรถที่ผลิตจากอิตาลี ทั้งรถ การแต่งตัว, แนวคิด รวมไปทั้งการใช้ชีวิต ความแตกต่าง ทุกหนแห่งทั้งที่ท�ำงาน หรือแม้แต่การเข้าสังคม เวสป้า, แลมแบรตต้า ด้วยรูปแบบโค้งมน ตลอดจน สุดขั้วแบบนั้นเอง บ่อยครั้งที่เมื่อต้องมาประจันหน้ากัน ผู้หญิงสายม็อดเองก็ดูสดใสไม่แพ้ฝ่ายชายเช่นกัน สีสันสวยงามน่าสัมผัส เข้ากันได้ดีกับการแต่งกาย มักจะลงท้ายด้วยการมีเรื่อง เรียกว่าไม่ลงรอยกันแบบสุดๆ พวกเธอนิยมการแต่งหน้าที่เน้นดวงตาให้โดดเด่นด้วย สไตล์ม็อด โดยเฉพาะยามขับขี่สกู้ตเตอร์ในท่าหลังยืดตรง แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความขัดแย้งท�ำนองนั้นก็เบาบางลง การเขียนขอบตาเข้ม หรือเพิ่มขนตาปลอม ส่วนปากจะ ยิ่งช่วยเสริมให้ชาวม็อดดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น MODS ขอบคุณ : รถมอเตอร์ไซค์ Triumph เท่ๆ เสื้อผ้าบางส่วนและหมวกกันน็อค จากพี่ตุ๊ Triumph ร้านบริทไบค์ (เชียงใหม่) : รถเวสป้าสวยๆ จากพี่น้องกลุ่มท้ายวัง รวมถึงสถานที่เก๋ๆ ในโครงการ Think Park แยกรินค�ำ : เสื้อผ้าบางส่วนจาก Kaber Vintage Clothes Shop, แสตมป์ และโฟล์ค ฮอม ช่างภาพ : อดิศร์ สมบุญสา ผู้ช่วยช่างภาพ : นักศึกษาชันปีที่้ 3 สาขาศิลปะการถ่ายภาพ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิยาลัยเชียงใหม่ (กลุ่มหนวดม้วนสตูดิโอ, กลุ่ม Rain Tree) แต่งหน้า-ท�ำผม : อนุพงษ์ อินทราวุธ และฆนากร ชัยมูลฐาน

VINTAGE BAR CHIANG MAI

อคเกอร์ (Rockers) ในที่นี้มิได้หมายความ ด้านการแต่งกายของผู้หญิงก็ดูทะมัดทะแมง การกระทบกระทั่งของทั้งสองกลุ่มเกิดขึ้น เพียงแค่นักร้องนักดนตรีเพลงร็อคเท่านั้นร็ แต่รวมถึง และคล่องแคล่วไม่แพ้ผู้ชาย ด้วยกางเกงรัดรูป อย่างยีนส์ เป็นประจ�ำเมื่อพบปะกันในวันหยุด แต่เหตุการณ์หนึ่ง สไตล์ ความชื่นชอบ คลั่งไคล้ในวิถีชีวิตคล่องแคล่ว ดุดัน ที่มีริ้วรอยขาดแบบตั้งใจ หรือประดับลวดลายที่ ที่ถูกบันทึกไว้ในความทรงจ�ำ คือเหตุรุนแรงในวันที่ 18 แต่มีมุมอ่อนหวานแบบร็อค ด้วยความชอบในดนตรีที่มี สร้างสรรค์ขึ้นมา เสื้อผ้าที่ดูดุดันแฝงความเซ็กซี่เล็กๆ พฤษภาคม 1964 ที่ชาดหาด Palace Pier เมือง จังหวะสนุกสนาน ซึ่งมีรากมาจากดนตรีร็อคแอนด์โรล โดยได้มาจากรูปแบบการใช้ชีวิตประจ�ำวันเป็นส่วนใหญ่ Brighton ประเทศอังกฤษ เมื่อทั้งสองกลุ่มเกิดปะทะ ในช่วงกลางยุค 50s รวมถึงดนตรีบลูส์, คันทรี, ในอดีตเมื่อได้ยินค�ำว่า ม็อด แอนด์ ร็อคเกอร์ กันอย่างรุนแรงจนท�ำให้เกิดความเสียหาย และโกลาหล คลาสสิค, แจ็ซซ์ การเกิดขึ้นของดนตรีร็อคกลายเป็นต้น ท�ำให้นึกถึงเรื่องราวการกระทบกระทั่งกัน ด้วยตอนนั้น วุ่นวายจนควบคุมไม่ได้ มีทั้งการท�ำร้ายร่างกาย แบบของดนตรีหลายรูปแบบในเวลาต่อมา ทั้งร็อคอะบิลลี่ ในประเทศอังกฤษมีกลุ่มวัฒนธรรมย่อยหลากหลายและ และขว้างปาสิ่งของใส่กันจนต�ำรวจต้องเข้ามา ที่มีการผสมระหว่างดนตรีร็อคกับฮิลบิลลี่ (ใช้เรียกดนตรี ก�ำลังเดินทางไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจหลัง ยุติสถานการณ์วุ่นวายก่อนจะบานปลายไปกันใหญ่ คันทรียุค 50s) หรือดนตรีซ้อฟท์ร็อคที่นุ่มนวล ฟังง่าย สงครามโลกครั้งที่สอง และการเข้าสู่ยุคของสงครามเย็น โดยสามารถรวบตัวผู้ร่วมก่อเหตุกว่า 600 คน กลุ่มร็อคเกอร์มีการแต่งกายที่สะท้อนความ ที่มีการแข่งขันทางด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี และถูกจับกุมทันที 50 คน เรื่องราวในวันนั้นโด่งดัง หนักแน่น คุมสีโทนทึบ กระชับเข้ารูปเพื่อความ ตลอดจนการเกิดขึ้นของระบบอุตสาหกรรม รวมทั้งการ จนถูกน�ำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในปีค.ศ. 1979 ทะมัดทะแมงคล่องตัว ชาวร็อคเกอร์มักมาพร้อม ตื่นตัวทางการศึกษา ท�ำให้เกิดการจ้างงานในหลายอาชีพ ความขัดแย้งอย่างรุนแรงของสองกลุ่ม มอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ทีมีขนาดใหญ่ เร็วและแรง สิ่งที่ตามมาคือความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม เมื่อด�ำเนินผ่านกาลเวลามาจนถึงปัจจุบัน สิ่งเหล่านั้น สอดคล้องกับแนวเพลงร็อคแอนด์โรลที่มีจังหวะการ ศิลปะ และดนตรี ในยุค 60s นั้น การแสดงออกของ ก็ดูเหมือนจะถูกลบออกจากความทรงจ�ำในสังคม เคลื่อนไหวอย่างฉับไว หนุ่มสาวมีทางให้เลือกหลากหลาย และเป็นไปอย่าง ร่วมสมัย เหลือเพียงรูปแบบที่เป็นประโยชน์น�ำมา หนุ่มร็อคนิยมกางเกงยีนส์ หรือกางเกงหนัง ค่อนข้างเสรี จึงสร้างความน่าหลงไหลได้ง่าย และเป็นไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�ำวัน โดยยังคงอัตลักษณ์ ทรงกระบอกพอดีตัว หรือรัดรูป สวมรองเท้าบู๊ต ได้ง่ายเช่นกันที่จะกระทบกระทั่งจากการวิจารณ์ หรือ ของวัฒนธรรมย่อยเหล่านั้นเอาไว้ บ้างก็ปรากฏออกมา ใส่เสื้อยืด หรือเสื้อเชิ๊ตด้านในที่ไม่พิถีพิถันหรือ ไม่พอใจเมื่อพบกัน ในลักษณะของแฟชั่น รูปแบบการใช้ชีวิต แนวเพลง เรียบร้อยมากนัก โดยมีการใส่แจ็กเก็ตหนังหรือยีนส์ ในกลุ่มม็อดเองก็มีมุมมองเกี่ยวกับร็อคเกอร์ งานศิลปะที่แต่ละคนสนใจ ในบางสถานที่อาจมีการ เข้ารูปสวมทับอีกชั้น โดยส่วนมากจะนิยมใช้หมุดปัก ว่าเป็นพวกไม่มีรสนิยม แต่งกายไม่น่าสนใจ ขี่มอเตอร์ไซค์ จัดกิจกรรมของม็อด แอนด์ ร็อคเกอร์ ให้เป็นงาน ที่เสื้อ หรือพิมพ์ชื่อกลุ่มของตนไว้บนนั้น ของคู่กันกับ คันใหญ่เสียงดัง ชอบดนตรีแนวร็อคแอนด์โรล ทาง รื่นเริงสนุกสนาน เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เครื่องแต่งกายชาวร็อคสีทึมทึบที่ดูจะขาดเสียมิได้คือ ร็อคเกอร์เองก็มองกลุ่มม็อดว่าเป็นพวกคลั่งไคล้แฟชั่น ในยุคโลกไร้พรมแดนที่เราสามารถสื่อสารกันอย่าง เข็มขัดและเครื่องประดับกายที่มีความมันวาว พร้อม มากเกินไป ดูหยิ่ง และมีท่าทางคล้ายผู้หญิง อาจจะ ง่ายดาย ยิ่งเป็นผลดีหากน�ำมาใช้ประโยชน์ในการสร้าง ด้วยทรงผมแบบร็อคแอนด์โรล ด้วยชุดที่สวมใส่ หรือแม้แต่ท่าทางการนั่งบนสกู้ตเตอร์ ความเข้าใจและอยู่ร่วมกันอย่างสนุก และสันติสุข… ขอบคุณข้อมูล Mods และ ROCKERS Rockers จากคุณสมศักดิ ์

เหมะรักษ์ LIVE IN PEACE

นุษย์ทุกคนล้วนมีความต่าง ทั้งหลายทั้งปวงของความ ทั้งความแตกต่างทางความคิดม รสนิยม วุ่นวายที่เกิดขึ้น ไม่ว่ายุคใดสมัยใด คือ วิถีชีวิต ความชอบ ความเชื่อ และอื่นๆ เลือกใช้ความรุนแรงเข้ามาจัดการ หาก อีกมากมาย เมื่อเรามาอยู่รวมกัน ลองคิดดูให้ดี ความรุนแรงไม่ว่ารูปแบบใด ในสังคม ความต่างย่อมน�ำไปสู่ความ ไม่เคยส่งผลดีต่อใครทั้งสิ้น บทเรียนจาก ขัดแย้ง เพียงข้อขัดแย้งของใครคนใด ความสูญเสียที่เกิดขึ้น มีมากมายแค่ไหน คนหนึ่ง อาจน�ำไปสู่ประเด็นความ แล้ว แต่มนุษย์อย่างเราๆ ก็ไม่เคยน�ำกลับ ขัดแย้งลุกลามใหญ่โต ดังที่เคยเกิดขึ้น มาคิดทบทวนถึงผลกระทบที่ตามมา มาแล้ว ในสังคมมนุษย์นับแต่อดีต จ�ำเป็นด้วยหรือที่เราจะต้อง แท้จริงแล้ว...เราอาจไม่ต้อง ท�ำร้ายตัวเอง เพียงแค่ในใจเรา ขัดแย้งกัน พูดถึงผู้อื่น เพียงแค่ในใจเราเอง ตัว จ�ำเป็นด้วยหรือ ที่พี่น้องถึงกับต้องลงไม้ ของเราเอง ย่อมมีความขัดแย้งอยู่ในตัว ลงมือกัน เพราะความขัดแย ้งภายในครอบครัว เอง ฉะนั้นความขัดแย้งจึงมิใช่ประเด็น เช่นกัน เราซึ่งเป็นคนไทยด้วยกัน ต้องเข่น ของปัญหา ในทางกลับกัน ความขัด ฆ่ากันให้ตายไปข้างนึงเลยใช่มั้ย หากเพียง แย้งมีความจ�ำเป็นในการพัฒนาสังคม แค่คนในชาติขัดแย้งกันเอง เพื่อความก้าวหน้า ทว่าจะท�ำอย่างไรให้ หยุดเถอะ เราไม่จ�ำเป็นต้อง สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปรกติสุข ถอยหลังไปข้างหน้า หยิบประโยชน์ของ ยอมรับซึ่งกันและกัน ทั้งในความเห็น ความต่างมาใช้ แล้วก้าวไปพร้อมกัน เหมือน และเห็นต่าง อย่างช้าๆ และสามัคคี THACHANG SOCIETY EXHIBITION

ชาญวุฒิ โห้ไทย ผู้ชายธรรมดาๆ ที่มีใจ รักในงานศิลปะโดยมีพื้นฐานความรู้เชิง ศิลป์มาจากรั้วลาดกระบัง คณะนิเทศ ศิลป์ เขาก็เป็นเหมือนกับนกพิราบตัว หนึ่งที่บินชื่นชมความงามของเมืองและ ธรรมชาติอย่างอิสระ จนมาหลงเสน่ห์ เมืองปายก่อนที่จะหยุดบินและตัดสินใจ ย้ายถิ่นมาลงหลักปักฐานที่นี่เป็นเวลา นานกว่า 17 ปี เป็นหนึ่งในรุ่นบุกเบิกท�ำ รีสอร์ทเล็กๆ ในชื่อไพเราะว่า บ้านสิบ สองพันนา ที่ใครๆ ต่างประทับใจใน บรรรยากาศอบอุ่น โรแมนติกริมแม่น�้ำ ปาย วันนี้ของนายชาญมีความสุขไปกับ การได้วาดภาพ ถ่ายรูป และการเดินทาง ที่พร้อมแบ่งปันความสุขนั้นมาเผื่อคุณ

HaPPeNบันทึกประหลาด เรื่อง: ลุงทอย ภาพ: ลุงทอย การบันทึกเรื่องราวของแต่ละคนต่างก็มีแง่มุมที่แตกต่างกัน ทั้งในแง่ของการน�ำเสนอและเรื่อง ราวที่ถูกบันทึกลงในหน่วยความจ�ำ และส�ำหรับชายคนนี้เขากล่าวว่าสิ่งนี้คือ บันทึกประหลาด อาจจะประหลาดในสายตาของคนอื่น แต่ส�ำหรับเขาการบันทึกนี้เป็นปกติสุขดีทุกประการ HaPPeN นิทรรศการภาพวาด ศิลปะสื่อผสม และภาพถ่าย ที่ ชาญวุฒิ “ผมเป็นคนชอบเดินทางไปในที่ที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็น บางวันผมนอน โห้ไทย สั่งสมจากประสบการณ์ชีวิตในช่วง 17 ปีที่อาศัยอยู่ ณ เมืองปาย เมือง กลางวันและตื่นกลางคืน ขี่รถมอเตอร์ไซค์ขึ้นดอย ยามที่ได้เดินทางมันคือการ ที่เขาบอกว่ามีกระแสของความสุขพัดผ่านอยู่รอบตัวจนไม่สามารถถอนตัวออก ที่เราได้อยู่กับตัวเอง ควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง เอากายแทรกผ่านอากาศ ไปไหนได้อีก นิทรรศการครั้งนี้จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ไปจนตลอด หายใจเอาหมอกเข้าไปในตัว ท�ำให้มันเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วเราจะได้ยินค�ำถาม เดือนธันวาคมนี้ ที่บ้านสิบสองพันนาของเขาเอง รีสอร์ทอบอุ่น บรรยากาศดีริม ค�ำตอบอยู่ในตัวของมันเอง คือการท�ำสมาธิอย่างหนึ่ง หรือการเลือกไปในที่ไม่มี แม่น�้ำปายในเขตบ้านเวียงเหนือ อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก ผู้คน ถ้าคุณเคยเดินอยู่ในทุ่งหญ้ากลางหุบเขา คุณจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง หน่วยความจ�ำทางศิลปะในครั้งนี้เกิดขึ้นและเปลี่ยนไปจากนิทรรศการ เต้น นี่คือค�ำว่าสงบ และท�ำให้ผมหลงรัก เช่นเดียวกับการวาดภาพ” ครั้งที่ผ่านๆ มาของเขา ทุกเรื่องราวทุกชิ้นงานเกิดขึ้นตามสภาวะอารมณ์ ณ ขณะ ภาพตื่นในภาพหลับของคนหลายคน สิ่งนี้แหละที่อาจกล่าวว่าเป็นบันทึก นั้น ไม่ว่าจะเป็นงานภาพวาดสีน�้ำ สีน�้ำมัน ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของกาลเวลาและ ประหลาดของชายผู้ไม่ยอมหลับ ซึ่งอาจสร้างความแปลกตาเพราะเป็นภาพที่ไม่ ธรรมชาติ เป็นการวาดด้วยกรรมวิธีพริ้นต์บันทึกจากจิตที่เขารู้สึกและเห็นต่าง ไขว่คว้าก็จะไม่ได้มา หรือเป็นบันทึกผ่านจากมุมกลับของผู้ชายธรรมดาๆ ที่ และกล้องไม่สามารถบันทึกได้ งานสื่อผสมที่เป็นการจัดวางบางสิ่งบางอย่างที่ อยากท�ำประโยชน์ เพื่อเป็นฟันเฟืองตัวเล็กที่ยังคงหมุนและเดินเครื่องเบาๆ เข้าและไม่เข้ากัน เป็น Happening Arts ที่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถคาดเดาความ สบายๆ อยู่ในปาย เป็นอีกหนึ่งเสียงสะท้อนที่อยากบอกให้ชาวโลกได้รู้ว่าเมือง รู้สึกได้ก่อน และงานภาพถ่ายซึ่งเป็นงานถนัดอีกอย่างหนึ่งที่ติดตัวเขามานาน ปายยังมีสิ่งดีๆ มีธรรมชาติ มีศิลปะอันหอมหวลให้คนรักศิลปะได้เสพย์อยู่ และไม่เคยแยกจากกันตลอดช่วงเวลาของการเป็นนักเดินทาง เสมอ

:15 GALLERY THE

GALLERYลุงทอย ลุงทอย เรื่อง: ภาพ: เชียงใหม่ เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องศิลปะ ไปทางไหนก็เจอะเจอ แต่ แกลเลอรี่ ยิ่งอากาศหนาวเริ่มมาเยือนแล้ว ผู้คนมากมายก็หลั่ง ไหลมาเจอกันที่เมืองนี้ HIP ก็เลยถือโอกาสอันดี แนะน�ำแกลเลอรี่ ให้ คนที่ชื่นชอบในงานศิลปะ ได้เสพกันอย่างสมใจ ให้หายหนาวกันไปเลย

Gallery Seescape 22/1 ซอย17 ถนนนิมมานเหมินท์ เชียงใหม่ Facebook :galleryseescape seescapechiangmai.blogspot.com เบอร์โทร 08-6114-2845

Gallery Seescape แกลเลอรี่บรรยากาศดีๆ เปิดให้บริการทุกวัน (เว้นวัน จันทร์) ให้คุณได้ชมผลงานศิลปะ และสามารถจับจองเป็นเจ้าของผลงานอาร์ตๆ กัน ได้ ไปพร้อมๆกับการจิบเครื่องดื่ม ทั้งร้อนเละเย็น ไปพร้อมกับ เมนูคัพเค้กหลาก หลายแสนอร่อยจาก Jun Jun ในบรรยากาศแบบกันเอง นิทรรศการที่จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม 2555 พบกับนิทรรศการ ภาพวาด รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ “รักในหลวง” (ครั้งที่2) โดย รุ่งศักดิ์ ดอกบัว ระหว่างวัน ที่ 5 - 31 ธันวาคม 2555 เข้าร่วมพิธีเปิดกันได้ในวันที่5 ธันวาคม 2555 เวลา18.00 น.ต่อด้วย นิทรรศการ เบ็ดเตล็ด ด345อ โดย เด็ด จงมั่นคง และ อธิคม มุกดาประกร ระหว่างวันที่ 22 ธันวาคม ถึง 4 มกราคม 2556

แสงดีแกลลอรี่ ซอย 5 ถนนศิริมังคลาจารย์ เชียงใหม่ Facebook: แสงดีแกลเลอรี่ เบอร์โทร 0-5389-4955

แกลเลอรี่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้นั่งชมศิลปะอยู่บ้าน เป็นแกลเลอรี่ ที่ได้ ไปแล้วสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ ที่ดื่มด�่ำไปกับเสียงดนตรี เคล้างานศิลป์ นิทรรศการที่จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม 2555 พบกับนิทรรศการ Circus Terminal THAILAND ในวันที่1 – 10 ธันวาคม 2555

:16 หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 239 ถนนนิมมานเหมินท์ ต�ำบลสุเทพ อ�ำเภอเมือง เชียงใหม่ (ตรง ข้ามสาธารณสุขจังหวัด ใกล้ตลาดต้นพะยอม ถนนสุเทพ) www.cmumuseum.org. เบอร์โทร 0-5394-4833

คงไม่ใครไม่รู้จัก หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็น แน่ ยิ่งถ้าได้เป็นนักเรียนศิลปะ ต้องไม่พลาดที่นี่ แหล่งรวมงานศิลปะ ที่มีทั้งศิลปิน และผลงานของนักศึกษา ที่หมดเวียนพลัดเปลี่ยน เข้ามาแสดงงานกันอย่างไม่ขาด สาย มาให้ติดตามกันว่าแต่ละเดือนจะมีผลงานของใครกันบ้าง นิทรรศการที่จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม 2555 พบกับ โครงการดนตรีรับลม หนาวที่ครั้งที่ 2 ปี 2012 โดย Tasana NagavajaraThailand ‘s Leading violin- ist directs The Sillpakorn University String Orchestra ณ โถงกลาง ห้อง แสดงงานชั้น 1 หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่บัตรราคา 300 บาท (นักเรียน 100 บาท) เวลา 16.00 น. ในวันที่ 8 ธันวาคม 2555***********รอ ข้อมูลเพิ่มเติ่ม*************

The Meeting Room Art Cafe 89 ถนนเจริญราษฎร์ ต�ำบล วัดเกต อ�ำเภอเมือง เชียงใหม่ Facebook: The-Meeting-Room-Art-Cafe เบอร์โทร 08-0627-9219

แกลเลอรี่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องสมุด บรรยากาศในสบายๆริมแม่ น�้ำปิง ตัวแกลเลอรี่ถูกแบ่งเป็นสัดส่วน มีทั้งมุมอ่านหนังสือหรือจะนั่งดื่มเครื่องชิลล์ๆ สบายๆ แล้วค่อยเดินชม งานศิลปะสวยๆ ต่อก็ไม่มีใครว่าอะไรส่วนตัวแกลเลอรี่นั้น ก็จัดแสดงงานหมุนเวียนกันไปที่นี่เขาสนับสนุนคนรักที่มีใจรักศิลปะและต้องการ พื้นที่แสดงออก ให้มาใช้พื้นที่ตรงนี้ได้ นิทรรศการที่จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม 2555 พบกับนิทรรศการ Old Far- tly Surreal ภาพวาด สี Acrylic ผลงานของ Bucklee Bell ในวันที่1- 30 ธันวาคม 2555นี้ :17 บ้านตึก แกลเลอรี่ อยู่ติดถนนท่าแพตรงกันข้ามกับพุทธสถานเชียงใหม่ Facebook: Baan Tuek Art Cente เบอร์โทร 08-1706-7061

หากขับรถผ่าน มองผิวเผินอาจจะดูไม่รู้หรอกว่า ที่นี่คือแกลเลอรี่ บ้านตึก แห่งนี้ มีอายุนับ 100กว่าปีมาแล้ว ถูกสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ 2443 ถือได้ว่าเป็นบ้านตึก เป็นอาคารหลังแรกของเชียงใหม่สมัยก่อน ที่สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก และใน ปัจจุบัน บริษัท สุเทพ จ�ำกันซึ่งเป็นผู้ดูแล บ้านตึกแห่งนี้ก็ได้ ให้ทางคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ใช้พื้นที่ชั้นล่าง ในการจัดแสดงนิทรรศการศิลปะให้แก่ผู้ที่ สนใจ นิทรรศการที่จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม 2555 พบกับนิทรรศการ Supplymentary Food II โดย ชนิกานต์ เข็มสวัสดิ์ และ สุดาภรณ์ เตจา ในวันที่16 ธันวาคม – 14 มกราคม 2556 นี้

ชั้น1 24 ซอย1 ถนนนิมมานเหมินท์ เชียงใหม่ เบอร์โทร 08-8493-4379 Facebook: channeung

เป็นทั้ง ที่นั่งจิบกาแฟ ที่ผ่อนคลาย มี Guesthouse ส�ำหรับผู้ที่ต้องการมา แบบค้างคืน นอกจากนี้ยังมีของ Handmade ให้เลือกซื้ออีกไปพร้อมกับ การชม งานศิลปะ ที่จะมีศิลปินหมุนเวียนกันมาแสดงงานกัน รับรองว่าคงเป็นอีกหนึ่งที่ที่ ถูกใจ ชาวติสอย่างแน่นอน นิทรรศการที่จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม 2555 พบกับนิทรรศการศิลปะ”อิอิ คริคริ ชิ๊ มิ๊ จิบิจิส ครุครุ จูบุจูบุ จุงเบย ด้วยได้เมอะอ่ะเคอะ”โดยเหล่าศิลปินวัยใส น่ารัก กุ๊กกิ๊ก เบาสมอง ประลองปัญญา เพื่อความบันเทิงของชุมชน และความหรรษาใน จิตวิญญาณของหนุ่มสาวนับสิบกว่าชีวิต ในวันที่ 5 - 15 ธันวาคม 2555นี้ (ร่วมเปิด งาน ในวันที่ 5 ธันวาคม 2555 เวลา 18.00 น.) :18 Mimimal Gallery ซอย13 ถนน นิมมานเหมินท์ เชียงใหม่ Facebook: minimal เบอร์โทร 08-9853-2248

ห้องแถวเล็กๆสองชั้น ที่มีพื้นที่ เปิดโอกาสให้คนที่รักในศิลปะ ได้โชว์ความสามารถ มาจัดแสดงผลงานได้ โดยชั้นล่างจะมีเป็นบาร์เล็กๆ ชั้นหนึ่งและชั้นสองจะเป็นที่จัด แสดงโชว์งานศิลปะ นิทรรศการที่จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม 2555 พบกับนิทรรศการ งานฉายหนังสั้น ซีรี่ส์อิสระ แนว exploitation / thriller ในชื่อ “อีสาวแสบล่าผีกินคน - Demon Interceptors” เป็นผลงานการก�ำกับของ เทพ ปิลันธน์ พงษ์พานิช ในวันที่ 15 ธันวาคม 2555 เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป ต่อกันอีกงานเลยแล้วกันกับ งานของ Playground Design ร่วมกับ Designiti ภายใต้คอนเซ็บต์ “Too Many is North Enough” “ลายเหนือเหนือ ซะยิ่งกว่าเหนือ” ชวนกันมาประกวดออกแบบลายเสื้อ ยืด ถึงเวลาประกาศผลรางวัลแล้วที่ร้าน Minimal ในวันที่ 15 ธันวาคม 2555นี้

Lounge Warm up Cafe’ ถนนนิมมานเหมินท์ ต� ำ บ ล ส ุเ ท พ อำ � เ ภ อ เ ม ือ ง เ ช ีย ง ใ ห ม ่ F a c e b o o k : w a r m u p c a f e c h i a n g m a i เบอร์โทร 0-5340-0677

ร้านนี้เขาครบวงจรเสียจริง หลังจากที่ปรับเปลี่ยนตกแต่งสถานที่กันไปได้สัก ระยะหนึ่ง ความน่าสนใจอยู่ในส่วนของ Lounge คือสามารถจัดให้แสดงงานศิลปะ ได้ด้วย โดยจะมีศิลปินเข้ามาแสดงงานหมุนเวียนกันไป อย่าม่วนแต่แด๊นซ์ กันมัน จนลืมดูงานศิลปะกันนะค่ะ นิทรรศการที่จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม 2555 พบกับนิทรรศการ******รอ ข้อมูล****** :19 Music เรื่อง: RB

MUSIC

The Darkness Hot Cakes (EMI) แฮร์แบนด์แปลงร่าง ความส�ำเร็จของ The Darkness เป็นเรื่องที่คนเขียนสงสัยมานาน เพราะไม่ นอกเหนือจากสิ่งที่กล่าวมาแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งที่คนเขียนประทับใจ Hot เข้าใจว่าท�ำไมงานเปิดตัวชุดแรกในปี 2003 ถึงได้โด่งดังนักหนา ทั้งๆ ที่จะว่าไปแล้ว Cakes เป็นพิเศษ คงอยู่ที่อารมณ์ของเพลงโดยรวมที่ชวนให้หวนกลับไปนึกถึงช่วง ตัวเพลงก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ แถมการได้เห็นนักร้องน�ำอย่างจัสติน ฮอว์กินส์แต่ง เวลาที่วงเฮฟวี่เมทัลและบรรดาแฮร์แบนด์ทั้งหลายประกาศศักดาอยู่ในโลกดนตรี ตัวเหมือน เฟรดดี้ เมอคิวรี่ หรือ เดวิด ลี ร็อธ นั้นก็ไม่เห็นจะเข้าท่าตรงไหน จน แม้หลายคนอาจมองว่าสิ่งเหล่านี้เชยและตกรุ่นไปแล้ว แต่เมื่อถูกน�ำเสนออีกครั้งใน หลายครั้งอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าคนที่พากันกรี๊ดวงดนตรีวงนี้เอาเวลาไปฟัง Queen หรือ รูปลักษณ์ที่ดูเหมาะกับยุคสมัยมากขึ้น นอกจากจะช่วยท�ำให้ทัศนคติที่เคยมอง The Van Halen ก็น่าจะสนุก (และได้สาระ) กว่ากันตั้งเยอะ Darkness ในฐานะวงดนตรีที่แค่เอาของเก่ามาเล่าใหม่ ให้กลายเป็นวงดนตรีที่รู้จัก กระทั่งเมื่อได้ลองฟังบางเพลงจาก Hot Cakes งานชุดใหม่ของพวกเขาแล้ว หยิบฉวยสิ่งของจากเมื่อวันวานมาสร้างสรรค์ใหม่ได้อย่างน่าสนใจแล้ว ยังช่วยย้อน ความคิดที่เคยมีต่อวงดนตรีวงนี้ก็เปลี่ยนไป และแม้ว่าจะอาจจะยังไม่ได้หันกลับมา วันเวลาให้นึกถึงเมื่อครั้งที่เคยบูชาทรงผมยาวสลวย ชุดหนังหรือกางเกงรัดติ้ว หรือ ชื่นชอบกันอย่างเต็มตัว แต่อย่างน้อยงานชุดที่ 3 ของวง (กับสมาชิกยุคดั้งเดิมครบ แม้แต่พฤติกรรมเห่ยๆ อย่างการสะพายไม้กวาดแล้ววาดลีลาราวกับเป็นมือโซโล่ไฟ ทีม) ก็ถือว่าสอบผ่านได้สบายๆ และน่าจะเป็นก้าวแรกของการกลับมาที่น่าพึงพอใจ แลบ (และแอบข�ำทุกครั้งที่เห็นเด็กๆ ใส่เสื้อทัวร์หรือรองเท้า Dr.Martens ที่เคยคิด ส�ำหรับบรรดาหนุ่มๆ จากอังกฤษวงนี้ ว่าคงเอาท์ไปนานแล้ว) ขึ้นมาอีกครั้ง อันที่จริงดนตรีของ The Darkness นั้นก็ไม่ได้เป็นของตื่นเต้นอะไรนัก ด้วย เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่า The Darkness จะน�ำพางานดนตรีของพวกเขา ดนตรีที่ผสมเอาฮาร์ดร็อคและเฮฟวี่เมทัลด้วยอีกหน่อย กับเสียงร้องแหลมสูงที่มี ไปได้ไกลแค่ไหน แต่อย่างน้อยในโลกที่อะไรๆ ก็ก้าวไปข้างหน้าจนตามแทบไม่ทัน เอกลักษณ์ของจัสตินนักร้องน�ำ (ที่น่าข�ำก็คือ Wikipedia ยังลงข้อมูลว่าพวกเขา อย่างในปัจจุบัน บางทีการหันมามีความสุขกับเรื่องราวในอดีตบ้างก็คงจะไม่ผิดบาป เป็นวงแกลมร็อคเสียด้วยซ�้ำ) แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับก็คือ พวกเขาท�ำได้ดีในการใช้ อะไรนัก และถึงแม้อดีตนั้นจะมาในรูปลักษณ์ที่แปลกออกไป (และโดยคนที่ไม่ใช่) งานเสียงร้องของจัสตินให้ขับเคลื่อนร่วมกับดนตรีที่มีจังหวะจะโคนคึกคักเร้าใจ และ แต่ก็คงไม่เสียหายอะไรเช่นกันที่จะทดลองสัมผัสดู ริฟฟ์กีตาร์เท่ๆ ได้อย่างลงตัว อีกทั้งการเลือกหยิบเอาดนตรีฮาร์ดร็อคนิด เฮวี่เมทัล หน่อย มาผสมและท�ำให้ดูเข้ากับยุคสมัยนั้นก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องให้ค�ำชม

60 ยังแจ๋ว... ถึงแม้เมคอัพและคอสตูมสุดประหลาดที่เคยเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของยุคสมัย อาจกลายเป็นแค่ของ แปลกประหลาดส�ำหรับคนในยุคนี้ไปแล้ว (เช่นเดียวกับดนตรีฮาร์ดร็อคที่ดูเหมือนจะเป็นของขึ้นหิ้งไปด้วยเช่น กัน) แต่ดูเหมือน Kiss จะไม่ได้แคร์กับเรื่องที่ว่าแต่อย่างใด และ Monster (Universal Music) ผลงานล่าสุด ของพวกเขา (ในยุคที่เหลือแค่ พอล สแตนลีย์ และ จีน ซิมมอนส์ เท่านั้นที่เป็นสมาชิกดั้งเดิม) ก็มีดีพอที่จะได้ รับค�ำชมเสียด้วย สิ่งที่น่าชมในงานชุดใหม่นี้ก็คือ การที่ดนตรีฮาร์ดร็อคและเฮฟวี่เมทัลของพวกเขา ยังคงขับเคลื่อนได้ อย่างกระฉับกระเฉงและเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา แม้อาจจะยังไม่ถึงระดับเดียวกับเมื่อครั้งที่พวกเขาสร้างชื่อให้ตัวเอง ในยุคแรกเริ่ม แต่ถ้าคิดว่าวงดนตรีรุ่นราวคราวเดียวกันต่างพากันล้มหายตายจากหรือเลิกราไปก็มากแล้ว (แถม สองสมาชิกหลักยังอยู่ในวัยคุณปู่ด้วย) การที่พวกเขายังร็อคได้แบบนี้ ก็เพียงพอต่อการยกนิ้วให้ในคุณภาพ และยินดีกับการคงอยู่ของพวกเขา ส่วนใครที่คิดว่าทางวงคงหมดทางหากินจนต้องขุดชุดและเมคอัพมาขายนั้น คงต้องบอกว่าเรื่องฝีมือน่ะยังไหว ส่วนชุดนั้นไซร้...เขาแค่เอาไว้เรียกแขก

:20 Music Review The Flaming Lips The Flaming Lips and Heady Fwends (Warner Bros.) เฉพาะชื่อชั้นและคุณภาพของวงก็เรียก แขกได้เยอะแล้ว งานชุดล่าสุดของ เดอะ เฟล มมิง ลิปส์ ยังเต็มไปด้วยสารพัดแขกรับเชิญที่ แต่ละชื่อล้วนแต่น่าสนใจทั้งนั้น แถมยังมีส่วน ช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับงานที่อุดมไป ด้วยซาวน์ดหลอนๆ กับดนตรีหนักๆ ของพวก เขาได้เป็นอย่างดี Beth Orton Sugaring Season (Anti) ปล่อยผลงานชุดใหม่หลังจากเงียบหาย ไป 6 ปี เพลงโฟล์คในแบบของ เบธ ออร์ตัน อาจฟังดูหม่นมัวทั้งจaากท่วงท�ำนองและ The Collection สารพัดเสียงที่ดึงเข้ามาช่วยสร้างสีสัน (โดย เหตุผลที่ HIP เลือก Fifty Big Ones Greatest Hits (Capitol) และ เฉพาะเครื่องสายที่มีบทบาทโดดเด่น) แต่ภาย A&M 50 : The Anniversary Collection (A&M) มาแนะน�ำว่าน่าสะสมใน ใต้ความหม่นมัวนั้นก็แฝงไว้ด้วยความไพเราะ กรอบนี้ ไม่ใช่เพราะทั้งสองชุดเป็นงานรวมฮิตที่มีเพลงให้ฟังกันอย่างจุใจ แต่เป็น งดงามที่น่าชื่นชมในคุณภาพ เพราะนอกเหนือจากที่มาของงานทั้ง 2 ชุดจะเกิดขึ้นเนื่องในวาระเฉลิมฉลองครบ รอบ 50 ปีเหมือนๆ กันแล้ว สิ่งที่มีคุณค่าและท�ำให้งานทั้ง 2 ชุดนี้ควรแก่การเก็บ ไว้ในคอลเล็คชั่นอยู่ที่บรรดาบทเพลงที่ถูกรวบรวมไว้ ซึ่งช่วยแสดงให้เห็นถึงเส้น Ellie Goulding ทางและความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 50 ปีในวงการดนตรี Halcyon ได้เป็นอย่างดี (Cherrytree) โดยในงานชุดแรก 50 เพลงที่บรรจุอยู่ในซีดี 2 แผ่น จัดเพลงฮิตของเดอะ งานชุดที่ 3 ของสาวอังกฤษที่ยังคงผสม บีช บอยส์ มาได้อย่างครบถ้วน (งานนี้เป็นส่วนหนึ่งในโปรเจ็กต์ฉลองครบ 50 ปี เสียงร้องในแบบโซลของเธอเข้ากับดนตรีอินดี้ ของวง ที่รวมไปถึงการรีมาสเตอร์งานเก่าและสตูดิโออัลบั้มชุดใหม่) และน่าจะ ร็อคและซาวด์อิเล็คทรอนิกส์ ซึ่งนั่นอาจท�ำให้ เหมาะเป็นอย่างยิ่งส�ำหรับใครที่สงสัยว่า เหตุใดวงดนตรีจากแคลิฟอร์เนียวงนี้ถึง งานของเธอดูจะฟังยากกว่าสาวๆ จากอังกฤษ ได้รับการยกย่องในระดับเดียวกับ เดอะ บีทเทิลส์ และ เดอะ โรลลิ่ง สโตนส์ ส่วน อีกหลายคนในรุ่นไล่ๆ กัน แต่ในขณะเดียวกัน ในงานหลัง ทั้ง 60 เพลงที่บรรจุในซีดี 3 แผ่นท�ำให้เราได้เห็นว่า เฮิร์บ อัลเพิร์ท ก็ท�ำให้งานของเธอแตกต่างและน่าสนใจด้วย และ เจอร์รี่ มอสส์ นั้นมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์งานเพลงดีๆ (และดึงดูดศิลปิน เช่นกัน ดังๆ ให้มาร่วมงาน) มากมายขนาดไหน และท�ำไม เอแอนด์เอ็ม เรคคอร์ดส์ ของ พวกเขาถึงกลายเป็นหนึ่งในค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของวงการดนตรีโลกได้ Zedd Clarity (Interscope) เรื่องที่น่าชมในงานชุดแรกของหนุ่มจาก เยอรมันคนนี้ (มีเครดิตจากการร่วมงานกับสค ริลเล็กซ์และศิลปินดังๆ อีกหลายคน) นอกจาก สารพัดซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ที่เขาเลือกหยิบมา ใช้จะฟังดูเข้าท่าน่าสนใจแล้ว เพลงเฮาส์ของเขา ยังคึกคักเร้าใจ และชวนให้เต้นได้อย่างร้ายกาจ อีกต่างหาก The Journey Without Maps คุณภาพของ The Journey Without Maps (Smallroom) ไม่ว่าจะจาก The Lumineers ภาคดนตรีที่ลงตัว ท่วงท�ำนองที่หม่นทึมแต่เข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างมี The Lumineers พลัง และเรื่องราวที่บอกเล่าผ่านถ้อยค�ำได้อย่างมีเอกลักษณ์ของ อภิชัย ตระกูล (Dualtone) เผด็จไกร หรือ Greasy Café นั้นถือว่าอยู่ในขั้นดีเยี่ยม ชนิดแทบไม่มีอะไรให้ 2 หนุ่ม 1 สาวจากโคโลราโดกลุ่มนี้เปิด ต�ำหนิ จนไม่น่าเชื่อว่าที่มาของงานชุดนี้ เกิดขึ้นจากการที่ศิลปินประสบกับความ ตัวด้วยงานดนตรีที่มีส่วนผสมของโฟล์คและ หดหู่ผิดหวังในชีวิต และตัดสินใจเดินทางไปยังประเทศอังกฤษพร้อมกับความ อเมริกานา เมื่อดูจากภาพรวมแล้ว บทเพลงที่ หวั่นวิตกว่าจะไม่สามารถสร้างผลงานเพลงออกมาได้อีก ถ้าการเดินทางครั้งนั้น ทั้งติดหูฟังง่ายและเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอาย น�ำมาซึ่งความคลี่คลายในชีวิต และแรงขับเคลื่อนในการสร้างสรรค์ผลงานที่ทั้ง ลูกทุ่งของพวกเขานั้น มีแนวโน้มที่จะไปได้สวย ลุ่มลึกและคมคายแล้ว บางทีนี่อาจถือเป็นโชคดีของผู้ฟังอย่างเราด้วย ที่การ อยู่ไม่น้อยเลย ถือเป็นการเปิดตัวที่น่าเอาใจ เดินทางโดยไม่มีจุดหมายปลายทางนั้นให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นบทเพลงชั้นยอด ช่วยให้ไปต่อ เช่นงานชุดนี้ :21 IT ’S BETTER TO TRAVEL การเดินทางแสนอมตะของสวิง เอาท์ ซิสเตอร์ เรื่อง: ลุงทอย

ย้อนไปในปี 1986 ท่ามกลางกระแสเสียงเพลงนิว เวฟ ที่ผสมผสานงานอิเล็กทรอนิกส์ กับดนตรีร็อคออกมาเป็นงานดนตรีป็อปที่มีลักษณะเฉพาะ ผ่านภาพลักษณ์ถูกปรุงแต่งมา อย่างดี วงทรีโอจากอังกฤษวงหนึ่งสร้างความแตกต่างทางดนตรีให้กับตัวเอง จากการเดิน ทางสายดนตรีก้าวแรก ด้วยการผสมผสานดนตรีแจ็ซซ์ลงในเพลง ท�ำให้พวกเขาและ ‘เธอ’ ประสบความส�ำเร็จอย่างงดงามในบ้านเกิด ก่อนจะข้ามฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติคไปจนถึง อเมริกา

วงทรีโอวงนั้นชื่อว่า สวิง เอาท์ ซิสเตอร์ และงานชุด ในยุคถัดๆ มาอย่าง เซนต์ เอเตียง หรือว่างานของ เอฟเวรี่ธิง บัท เดอะ เกิร์ล นั้นคืออัลบั้มแรกของพวกเขา It’s Better to Travel ชื่ออัลบั้ม It’s Better to Travel นั้น มีที่มาจาก ‘It’s better to travel ชื่อวง สวิง เอาท์ ซิสเตอร์ ไม่ได้มีความหมายพิเศษ hopefully than to arrive.’ ซึ่งเป็นการถอดความจากค�ำกล่าวของ โรเบิร์ท หลุยส์ อะไร นอกจากเป็นชื่อหนังปี 1945 ที่น�ำแสดงโดย อาร์เธอ สตีเวนสัน นักเขียนชาวสก็อตติช ที่ว่า ‘To travel hopefully is a better thing ร์ ทรีเชอร์ ซึ่งสมาชิกในตอนก่อตั้งวงเมื่อปี 1985 ที่แมน than to arrive, and the true success is to labour.’ เชสเตอร์ แอนดี้ คอนเนลล์ (คีย์บอร์ดส์), มาร์ติน แจ็คสัน และการเดินทางก้าวส�ำคัญของอัลบั้ม ก็คือการมาบรรจบพบกันของดนตรี (กลอง) และ คอรินน์ ดรูเวอร์รี่ (ร้องน�ำ) เห็นพ้องต้องกัน แจ็ซซ์กับงานอิเล็กทรอนิกส์ป็อปร่วมสมัย ที่เขย่าผสมกันได้อย่างกลมกลืน จนกลาย มากที่สุดแล้ว แม้จะไม่มีใครชอบเลยก็ตาม คอนเนลล์ กับ เป็นเสน่ห์ และส�ำเนียงดนตรีที่แตกต่างในยุคนั้น (หรือกระทั่งยุคนี้) ให้อารมณ์เคลิ้ม แจ็คสัน เคยเล่นดนตรีมาก่อนหน้าแต่ ดรูเวอร์รี่ เธอคือนัก ฝัน ซาวนด์อบอุ่น นุ่มนวล ไม่ใช่แข็งกระด้างจากเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ เพราะ ออกแบบเสื้อผ้าและนางแบบ ที่ไม่มีประสบการณ์ในการ สวิง เอาท์ ซิสเตอร์ ยังให้ชีวิตชีวากับบทเพลงด้วยเสียงเครื่องเป่าทองเหลืองสดๆ ท�ำงานเพลงมาเลย แต่ 2 นักดนตรี กับหนึ่งนางแบบ-คน และเครื่องสาย (เล่นโดยใช้ซินธิไซเซอร์) ขณะที่การเขียนสกอร์ให้กับเพลงของ ริ ออกแบบเสื้อผ้า ก็ท�ำให้ดนตรีป็อปของ สวิง เอาท์ ซิสเตอร์ ชาร์ด ไนล์ส ก็เติมเต็มความอิ่มในเนื้อดนตรีของวงให้มากขึ้น แล้วที่ลืมไม่ได้เสียง กลายเป็นหมายเหตุส�ำคัญในหน้าประวัติศาสตร์วงการเพลง ร้องที่ชวนให้หลงรักของ ดรูเวอร์รี่ ที่นักวิจารณ์หลายๆ คนบอกว่า ท�ำให้นึกถึงเสียง และน่าจะเป็นพิมพ์เขียวชิ้นส�ำคัญให้กับงานอิเล็กทรอนิกส์ ร้องระดับต�ำนานอย่าง ดัสตี้ สปริงฟิลด์

:22 รวมไปถึงจัดให้ สวิง เอาท์ ซิสเตอร์ อยู่ในกลุ่มเดียวกับศิลปินแบบ โซฟิ สติ-ป็อป (Sophisti-Pop) เจ้าของงานเพลงป็อปที่ผสมผสานดนตรีร็อค, แจ็ซซ์ และ โซล อย่าง ร็อกซี่ มิวสิค, ชาเด, เดอะ สไตล์ เคาน์ซิล เป็นต้น สวิง เอาท์ ซิสเตอร์ ท�ำ It’s Better To Travel ร่วมกับโปรดิวเซอร์ พอล สแตฟลีย์ โอดัฟฟี่ โดยก่อนอัลบั้มจะออก ทางวงที่เซ็นสัญญากับ เมอร์คิวรี่ เรคอร์ด ส์ ก็ปล่อยซิงเกิ้ล Blue Mood ชิมลางก่อนในอังกฤษในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1985 แต่ก็ไปได้ไม่ถึงไหน ไม่ติดชาร์ทและไม่สร้างชื่อให้กับวงเลย จนอีกเกือบๆ หนึ่งปี เต็ม พวกเขาก็ตัด Breakout เป็นซิงเกิ้ล และนั่นก็คือจุดเปลี่ยนของ สวิง เอาท์ ซิสเตอร์ Breakout เพลงเปิดอัลบั้มและซิงเกิ้ลแรก คือเพลงส�ำคัญที่ไม่ใช่เฉพาะกับ อัลบั้มนี้ หรือกับ สวิง เอาท์ ซิสเตอร์ เพราะนี่คือหนึ่งในซิงเกิ้ลป็อปเยี่ยมยอดที่สุด เพลงหนึ่งของเกาะอังกฤษจากปลายยุค 80 และความเฉพาะตัวของเพลง ก็ไม่ได้ ท�ำให้แค่นึกถึงยุคสมัยนั้นในยามได้ยิน หากแต่เฉพาะเจาะจงลงไปยิ่งกว่า เมื่อคิดถึง ได้แค่ สวิง เอาท์ ซิสเตอร์ ด้วยซ�้ำไป Breakout ขึ้นถึงอันดับ 4 ในชาร์ทซิงเกิ้ลของ อังกฤษ เดือนพฤศจิกายน 1986 ก่อนจะไปดังในอเมริกา และขึ้นอันดับ 6 ของชาร์ท บิลล์บอร์ด ฮอท 100 ในอีกหนึ่งปีถัดมา ซิงเกิ้ลที่ 2 Surrender ที่เด่นด้วยเสียงโซโลทรัมเป็ตของ จอห์น เธอร์เคลล์ ขึ้นถึงอันดับ 7 ชาร์ทเพลงของอังกฤษในเดือนมกราคม 1987 พอมาถึงซิงเกิ้ลที่ 3 เป็นงานขายความเข้มข้นทางดนตรี และมีความเป็นแจ็ซซ์มากขึ้น ซึ่งในยุคนั้น เพลงนี้ถูกหยิบจับน�ำไปท�ำรีมิกซ์เป็นว่าเล่น สวิง เอาท์ ซิสเตอร์ ปิด อัลบั้มด้วยซิงเกิ้ลสุดท้าย Fooled By a Smile เพลงสนุกๆ ดนตรีแบบนอร์เธิร์น- โซลเสนาะหู ที่ย้อนกลับไปในเส้นทางที่พวกเขาเริ่มต้นจาก Breakout แต่ในอัลบั้ม ก็ยังมีเพลงที่น่าสนใจอย่างเพลงบรรเลงในสไตล์งานดนตรีประกอบภาพยนตร์ Theme From It’s Better To Travel ซึ่งแสดงให้เห็นศักยภาพการท�ำงานดนตรี ของวงได้เป็นอย่างดี ตัวอัลบั้ม It’s Better to Travel ออกวางจ�ำหน่ายในอังกฤษ วันที่ 11 พฤษภาคม 1987 และขึ้นถึงอันดับ 1 ในชาร์ทอัลบั้มของอังกฤษ นอกจากความ ส�ำเร็จจากคนฟัง It’s Better to Travel ยังท�ำให้ สวิง เอาท์ ซิสเตอร์ ได้รับการเสนอ ชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ในปี 1988 ถึง 2 สาขา คือ Best New Artist และ Best Pop Vocal Performance by a Group or Duo (จากเพลง Breakout) กับความส�ำเร็จที่ได้รับ การเป็นอัลบั้มที่อยู่เหนือกาลเวลา นอกจากการวาง จ�ำหน่ายครั้งแรกในแบบแผ่นไวนีล ที่มีเพลงบรรจุไว้เพียง 9 เพลง It’s Better to Travel ถูกน�ำกลับมาท�ำใหม่ อีกหลายต่อหลายครั้ง โดยในครั้งล่าสุดในวาระครบ ALBUM PROFILE รอบ 25 ปีของอัลบั้มชุดนี้ ยูนิเวอร์แซล มิวสิค ต้นสังกัดของวง ได้ท�ำอัลบั้มออกมา อัลบั้ม: It’s Better to Travel ศิลปิน: แนวเพลง: เป็นซีดีแผ่นคู่ วางจ�ำหน่ายตั้งแต่ 16 กรกฎาคม 2555 ในซีดีแผ่นแรกนอกจาก 9 ป็อป, แจ็ซซ์, ร็อค ออกจ�ำหน่าย: 11 May 1987 บันทึกเสียง: 1985- เพลงจากต้นฉบับที่ท�ำรีมาสเตอร์ใหม่ ก็จะเพิ่มงานรีมิกซ์ 3 ซิงเกิ้ลฮิตของอัลบั้ม 1987 ความยาวของอัลบั้ม: 63:45 สังกัด: Mercury โปรดิวเซอร์: พอล Breakout, Surrender และ Twilight World เข้าไป สตาฟลีย์ โอดัฟฟี่ เพลงซิงเกิ้ล: Blue Mood Released: November ส่วนซีดีแผ่นที่ 2 ซึ่งเป็นแผ่นโบนัส จะเป็นงานรวมเพลงรีมิกซ์ และเพลงจาก 1985, Breakout Released: October 1986 (UK Chart - 4/ Bill- ซิงเกิ้ลหน้าบี ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เคยท�ำออกมาในรูปแบบของซีดีเอาไว้ให้ฟังกันอีก 12 board Hot - 100 6), Surrender Released: January 1987 (UK เพลง Chart – 7), Twilight World Released: April 1987 (UK Chart และถึงวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นบทเพลง หรือตัวอัลบั้ม It’s Better to Travel ก็ - 32/ Billboard Hot 100 - 31), Fooled by a Smile Released: ยังคงเดินทางจากคนฟังรุ่นหนึ่ง ไปสู่คนฟังอีกรุ่น อย่างไม่มีวันเหน็ดเหนื่อยหรืออ่อนล้า July 1987 (UK Chart 43) การได้ ‘เดินทาง’ ช่างดีกว่า ‘การมาถึง’ จริงๆ FILM

AT SKYFALL กลับสู่จุดเริ่มต้น เรื่อง: ชลธิดา ภาพ: ชะมะพู่ *บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาภาพยนตร์

ด้วยภาพลักษณ์ของความเป็นฮีโร่ที่ เจมส์ บอนด์ แบกรับมาตลอด 50 ปี มีต่อ เอ็ม ในที่เขาท�ำงานถวายชีวิต แต่หัวหน้ากลับสั่งให้ยิงโดยไม่สนว่ากระสุนจะ สร้างภาพจ�ำให้กับสายลับรหัส 007 ผู้นี้กลายเป็นชายมาดแมนแฮนซั่ม ดูดีทุก ถูกเขาหรือไม่ ความรู้สึกน้อยใจ ไม่ไว้วางใจผลักให้ บอนด์ เลือกหลบหายไปท�ำตัว กระเบียดนิ้ว เป็นสุภาพบุรุษอังกฤษขนานแท้ที่ผู้หญิงค่อนโลกใฝ่ฝันถึง แถมยังไม่ ส�ำมะเลเทเมาประชดชีวิตมันเสียเลย ได้มีดีแค่หน้าตา แต่เขามาพร้อมความสามารถรอบตัวทั้งทางการต่อสู้กับคนร้ายและ สายสัมพันธ์ก็เหมือนสายบัว ไม่อาจตัดขาดง่าย เมื่อ เอ็ม ก�ำลังเดือดร้อน ต่อกรกับคนน่ารัก ด้วยกลวิธีอันแยบยล อุดมเทคโนโลยีล�้ำสมัย MI6 ถูกบุกอย่างหนัก บอนด์ ก็อดไม่ได้ที่จะกลับมา แม้จะยังเคืองอยู่ แต่ที่สุดแล้ว แต่ บอนด์ ใน Skyfall เปลี่ยนไป อาจจะด้วยความที่ภาคนี้ไม่ได้สร้างจาก บอนด์ ก็ตระหนักดีว่าระหว่างเขากับเอ็มนั้น ตัดไม่ได้ขายไม่ขาด อาจเพราะลึกๆ แล้ว บทประพันธ์ของ เอียน เฟรมมิ่ง (Ian Fleming) เฉกเช่นภาคก่อนๆ แต่เป็นการ ทั้งคู่มีความเชื่อใจกันยึดโยงอยู่อย่างเหนียวแน่น ตีความ บอนด์ โดยฝีมือการเขียนบทและก�ำกับของ แซม เมนเดส (Sam Mendes) ในภาคนี้ผู้ก�ำกับวางตัวร้ายให้เป็นอดีตสายลับอัจฉริยะของ MI6 ชื่อ ซิลวา ผู้ก�ำกับที่โด่งดังทางหนังสายดราม่า โดยเฉพาะเรื่อง American Beauty สร้างให้ (Silva) เขาเคยป็นคนโปรดของ เอ็ม เช่นเดียวกับ บอนด์ แต่ความผิดพลาดในการ เข้าเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก บอนด์ ในภาคนี้จึงมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น ลดฉากแอคชั่ ปฏิบัติงานภาคสนามท�ำให้เขาถูกผู้ก่อการร้ายจับตัวไปทรมาน เขาพยายามฆ่าตัวตาย นบ้าเลือดสุดระห�่ำลง แต่เพิ่มชีวิตจิตใจ และปมวัยเด็กของ บอนด์ เข้ามา ซึ่งท�ำให้ ด้วยไซยาไนซ์ที่ฝังอยู่ในฝันของสายลับทุกคน แต่ไม่ตาย ความเจ็บปวดทางร่างกาย บอนด์ ในภาคนี้เป็นสายลับที่ดูมีอยู่จริง จับต้องได้ บวกกับการสูญเสียความศรัทธาต่อ เอ็ม ท�ำให้ ซิลวา กลับมาเอาคืน MI6 โดยเฉพาะ หากบางอย่างจะต้องเปลี่ยนแปลงไป การครบรอบครึ่งศตวรรษของภาพยนตร์ เอ็ม เรื่องนี้ ก็ถือว่าเป็นโอกาสอันดีส�ำหรับความเปลี่ยนแปลง เมื่อการก่อการร้ายท�ำง่ายได้เพียงปลายนิ้ว ในโลกที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีความ เมนเดส เปลื้องภาพลักษณ์ความเป็นฮีโร่สุดไฮเทค หล่อล�้ำ น�ำสมัย ของ ลับ และสิ่งที่อยู่ในเงามืดอีกต่อไป การมีอยู่ขององค์กรสายลับอย่าง MI6 จึงถึงคราว บอนด์ ทิ้งไปเกือบหมดสิ้น แถมยังใจร้ายปล่อยให้พระเอกของเราพ่ายต่อคู่ต่อสู้อย่าง ถูกตรวจสอบ และทบทวนว่าควรมีอยู่หรือไม่ สายลับส�ำหรับปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตาย ยับเยินตั้งแต่ฉากแรก ด้วยถูกพวกเดียวกันยิงพลาดท�ำให้เขาตกลงไปในสายน�้ำอัน เป็นเรื่องคร�่ำครึไปแล้วหรือเปล่าในยุคของไซเบอร์ เฉกเช่นเดียวกับ บอนด์ เขาอาจ เกรี้ยวกราดของประเทศตุรกี และหายสาบสูญไป แก่เกินไปแล้วส�ำหรับการท�ำงานสายลับ บอนด์ อาจหายไป Enjoying Death แบบตลอดกาลหากไม่เกิดเหตุร้ายกับ หนังเหมือนจะเปรียบเทียบระหว่างโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยสิ่งไฮเทคของไม่ MI6 ต้นสังกัดของเขาเสียก่อน นั่นท�ำให้เขากลับมาเพื่อรับหน้าที่สายลับรหัส 007 ว่าจะเป็นเรื่องของอาวุธสุดล�้ำ หรือวิธีการก่อการร้ายที่ใช้เครือข่ายออนไลน์ในการ อีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่เหมือนเดิม เพราะ บอนด์ เริ่มแก่ไปเสียแล้ว ก�ำลังวังชา ความ ปลุกปั่น ซึ่งภาพของความเป็นฮีโร่ยุคใหม่ และผู้ก่อการร้ายยุคใหม่ถูกน�ำเสนอผ่าน คล่องแคล่วก็ลดลง ยิงปืนไม่เข้าเป้า แถมยังติดเหล้าและยาเสพติดอีกต่างหาก (โปรด ตัวละครอย่าง Q หัวหน้าหน่วยผลิตอาวุธที่ภาคนี้มีบทบาทมากขึ้น และ ซิลวา ที่ไม่ ลืม ‘มาร์ตินี่ เขย่า ไม่คน’ ไปได้เลย บอนด์ ภาคนี้ดื่มทั้งเบียร์, วิสกี้ และแอลกอฮอล์ จ�ำเป็นต้องลงสนามเพื่อปฏิบัติการ เพียงแต่เปิดคอมพิวเตอร์และคลิกเพียงเท่านั้นก็ อื่นอีกหลายแขนง) ที่ชีวิตเขาตกต�่ำขนาดนี้อาจมาจากสาเหตุของความแคลงใจที่เขา ก่อความวุ่นวายในส่วนใดก็ได้บนโลก Coming Soon Did You Know: เกาะร้างที่ซิลวาตัวร้ายของเรื่อง ใช้เป็นฐานปฏิบัติการนั้นมีอยู่จริง มีชื่อ ว่าเกาะ Hashima ตั้งอยู่ในประเทศ ญี่ปุ่น หรือรู้จักกันในชื่อ Gunkanjima วิ่ง ปล้น ฟัด (Chinese Zodiac) ซึ่งแปลว่าเรือรบ เกาะนี้อยู่ห่างจากเมือง ก�ำกับ: เฉินหลง Nagasaki ประมาณ 15 กิโลเมตร ผู่้ ประเภท: Action เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์คือบริษัท Mit- เข้าฉาย: 12 ธันวาคม 2555 subishi ซื้อเกาะแห่งนี้ในปี 1890 เพื่อ เอาใจคอหนังแอ็คชั่นด้วยภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ เฉินหลง เจ้าพ่อนักบู๊สู้ ใช้เป็นที่พักส�ำหรับคนงานเหมือง ฟัด การันตีความอลังการด้วยทุนสร้างกว่า 300 ล้านหยวน เล่าเรื่องราวของ ฮอร์ค ถ่านหิน เมื่อน�้ำมันเข้ามามีบทบาทแทน นักผจญภัยล่าสมบัติที่ออกเดินทางรอบโลก เพื่อตามหาหัวรูปปั้นทองแดงของ 12 ถ่านหินก็ท�ำให้เหมืองบนเกาะนี้ปิดตัว นักษัตรที่ถูกขโมยไปจากพระราชวังฤดูร้อนในกรุงปักกิ่งไปตั้งแต่ศตวรรษที่แล้ว ไปด้วยในปี 1974 ผู้คนบนเกาะซึ่งล้วน พวกเขาต้องรีบเร่งท�ำงานแข่งกับเวลา เพราะประตูขุมทรัพย์สุดท้ายที่ ฮอร์ค และลูก เป็นพนักงานของ Mitsubishi ก็อพยพ ทีมตามหาก�ำลังจะปรากฏเพียงครั้งเดียวในรอบ 100 ปีเท่านั้น ออกจากเกาะนี้จนหมด จากเกาะที่เคย มีประชากรหนาแน่น 835 คนต่อเฮค เตอร์กลายสภาพเป็นเกาะร้างในพริบตา สามวันสองคืน รัก-เลิก-เลย ก�ำกับ: ฐิติพงศ์ ใช้สติ, สรเทพ เวศวงษ์ษาทิพย์ ส�ำคัญ โชติกสวัสดิ์ ประเภท: Romantic เข้าฉาย: 5 ธันวาคม 2555 กว่าจะ ‘บอกรัก’ ก็ว่ายากแสนยากแล้ว แต่ ‘บอกเลิก’ นั้นยากยิ่งกว่า ถ้าคุณ เป็น กิ๊ฟ จะท�ำยังไงเมื่อมีหนุ่ม หล่อ รวย แสนดี อยากขยับฐานะจากกิ๊กมาเป็นแฟน สาวไม่โสดอย่างกิ๊ฟจึงคิดหนักว่าจะสลัดรักจาก โอ แฟนหนุ่มศิลปิน ไส้แห้ง ไม่หล่อ แต่น่ารัก ออกไปให้พ้นทางรักครั้งใหม่อย่างไรดี แผนการบอกเลิกบนภูกระดึงจึงเริ่ม ขึ้น ระหว่างทางยากล�ำบากกว่าจะไปถึงบนนั้น และเวลาสามวันสองคืนที่จะได้อยู่ ด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย จะท�ำให้กิ๊ฟและโอตัดสินใจเลือกปลายทางความรักของพวก เขาอย่างไร

วันที่รัก (Together) ในขณะที่ บอนด์ ถูกลดอาวุธไฮเทคลงเหลือเพียงปืน 9 มม. ติดเซ็นเซอร์ 1 ก�ำกับ: ษรัณยู จิราลักษณ์ กระบอก และวิทยุติดตามตัว แต่เขาก็ยังเอาตัวรอดและจับผู้ร้ายอย่างซิลวากลับมา ประเภท: Drama ได้ (อันที่จริงต้องบอกว่า ซิลวา วางแผนให้จับตัวเองมาต่างหาก) ยิ่งตอนต่อสู้กันใน เข้าฉาย: 20 ธันวาคม 2555 Skyfall บ้านเกิดของ บอนด์ เป็นการกลับคืนสู่อดีตอย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะเป้นการ ภาพยนตร์เรื่องนี้แบ่งเป็น 3 ส่วนเชื่อมโยงกัน เล่าเรื่องราวความรักความ เปลี่ยนจากรถขององค์กรมาใช้รถคู่บุญตั้งแต่ภาคแรกของ บอนด์ อย่าง Aston สัมพันธ์หลายรูปแบบที่จะตั้งค�ำถาม และท�ำให้คิดถึงวันที่เคยมีความรัก โดยการ Martin DB5, การกลับไปสู่พื้นที่แห่งวัยเยาว์ของตัวเองที่ไม่เคยถูกพูดถึงในภาคอื่นๆ ก�ำกับของ ษรัญยู จิราลักษณ์ เรื่องราวด�ำเนินขึ้นในคืนฝนตก การพบกันของคน มาก่อน รวมทั้งอาวุธยุโธปกรณ์ที่มีเพียงปืนไรเฟิล, ระเบิดท�ำมือ และมีด อาวุธเก่า แปลกหน้าภายในรถยนต์ที่ก�ำลังวิ่งฝ่าฝนไปในความมืด ภาวะเงียงันนั้นผลักให้ทั้ง แก่ที่สุดของมนุษย์ก็ว่าได้ สาม จมลงในห้วงความคิด ย้อนไปถึงความผิดที่ตนเองก่อไว้ในอดีต พวกเขาจะ การกลับมาสู่จุดเริ่มต้นของ บอนด์ ในครั้งนี้ เผยให้เห็นปมบางอย่างในใจเขา เลือกกลับไปแก้ไข หรือจะปล่อยให้สูญหายไปพร้อมกาลเวลา ทั้งเรื่องในวัยเด็กที่ไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่, พ่อแม่ถูกฆ่าตายกลายเป็นลูกก�ำพร้า และ เรื่องที่ว่า เอ็ม อาจจะเป็นผู้ดูแลเขามาตั้งแต่ตอนนั้น จึงท�ำให้ทั้งคู่ผูกพันกันมาก การ มีอยู่ของ เอ็ม ช่วยให้ บอนด์ รู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง อย่างน้อยส�ำหรับ เอ็ม เขาคือ เดอะ เคาท์ดาวน์ (The Countdown) สายลับมือหนึ่ง และ เอ็ม ก็เหมือนเป็นแม่ของเขาจริงๆ อย่างที่ทุกคนใน MI6 เรียก ก�ำกับ: ฐิติพงศ์ ใช้สติ, สรเทพ เวศวงษ์ษาทิพย์, เธอว่า คุณแม่ (Mom) ส�ำคัญ โชติกสวัสดิ์ ฉากต่อสู่ในบ้านอันดุเดือดแสดงให้เห็นถึงไหวพริบและความสามารถอัน ประเภท: Thiller แท้จริงของ บอนด์ เมื่อปราศจากอาวุธไฮเทคจาก Q เขาก็ยังมีน�้ำยา และฟัดศัตรูได้ เข้าฉาย: 20 ธันวาคม 2555 อย่างเมามันเฉกเช่นเดียวกับหมาล่าเนื้อมากประสบการณ์ กระทั่งฉากสุดท้ายที่ค่อน ผลงานก�ำกับของผู้ก�ำกับหน้าใหม่ในวงการ แต่มีประสบการณ์ท�ำหนังสั้นที่ ข้างสร้างความประหลาดใจให้มาก แม้จะรู้อยู่แล้วล่ะว่าถึงอย่างไร บอนด์ ก็ต้องชนะ เข้าตา จิระ มะลิกุล จากหนังสั้นเขย่าขวัญน�ำมาขยายบทให้กลายเป็นหนังใหญ่ เรื่อง แน่ แม้ผู้ร้ายจะเก่งแค่ไหน แต่คาดไม่ถึงว่าภาคนี้จะกล้าเขียนบทให้ เอ็ม ตายตอน ด�ำเนินไปในคืนส่งท้ายปี ภายในหอพักกลางกรุงนิวยอร์ค สามวัยรุ่นไทยที่แชร์ห้อง จบ อยู่ร่วมกัน แจ็ค หนุ่มไฮโซ, บี แฟนสาวของแจ็ค และ แพม สาวเปรี้ยว หัวสูง อยาก เมื่อสิ้นคนไว้เนื้อเชื่อใจตนเองอย่างที่สุดไปแล้ว บอนด์ ก็เหมือนเรือขาดหาง ให้คืนเคาท์ดาวน์ของปีนี้กลายเป็นคืนที่สนุกสุดเหวี่ยง จึงติดต่อ เฮซุส พ่อค้ายามา เสือ แต่ก็นั่นล่ะ เขาคือสายลับไม่มีวันตาย และหมาแก่ตัวนี้ก็ยังคงมีลูกเก๋ามากพอ ส่งของที่ห้อง โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่านั่นคือการนับถอยหลังเข้าสู่วันใหม่ของพวก จะท�ำให้เขาได้รับหน้าที่เป็นสายลับรหหัส 007 ต่อไป เขาที่อาจไม่มีอีกต่อไป นี่อาจเรียกได้ว่าเป็นการตายแล้วเกิดใหม่ของ บอนด์ อย่างแท้จริงเลยก็ว่าได้ :25