เชือรา Fusarium Oxysporum F.Sp. Cubense สาเหตุโรคตายพรายของกล้วย

Total Page:16

File Type:pdf, Size:1020Kb

เชือรา Fusarium Oxysporum F.Sp. Cubense สาเหตุโรคตายพรายของกล้วย 1 เชอราื Fusarium oxysporum f.sp. cubense สาเหตุโรคตายพรายของกล้วย แปลและเรียบเรียงโดย อภิรัชต สมฤทธิ์ Apirusht Somrith กลุมวิจัยโรคพืช สํานักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โทร. 0-2579-5581, 08-4448-2411 อีเมล: apiru h009Byahoo.com อนุกรมวิธานและการจัดจําแนกเชื้อรา Fusarium oxysporum Fusarium เปEนราที่จัดอยูใน Iivi ion Eumycota, Subdivi ion Ieuteromycotina, Cla Ryphomycete SAin Torth และคณะ, 1971) เชื้อรานี้สรXางเสXนใยมีผนังกั้น ลักษณะ conidiophore เปEน กXานเดี่ยวหรือแตกแขนง มีการสรXาง porodochium และ phialide macroconidium มีรูปร(างคลXายเคียว หรือเสี้ยวพระจันทร S ickle7 haped) ลักษณะสําคัญที่ใชXจําแนกชนิดของเชื้อรา ไดXแก( macroconidium โดยเฉพาะรูปร(/ง ขนาด foot cell และ apical cell microconidia มีขนาดเล็ก อาจมีหรือไม(ีผนังกั้น หรือ อาจเกิดต(อกันเปEนลูกโซ( เชื้อราสรXางสปอรผนังหนา หรือ chlamydo pore เกิดอยูในตําแหน(งปลายเสXนใน Sterminal) หรือ กลางเสXนใย Sintercalary) Sbam และคณ ะ, 1987) การสรXาง troma หรือ porodochium ไม(จัดเปEนลักษณะสําคัญในการจําแนก ชนิดของ Fusarium แต(การสรXาง macroconidium รูปร(างเรียวยาวลักษณะโคXง หัวทXายแหลม Sfu oid) และรูปร(างของ foot cell เปEนลักษณะสําคัญในการ จําแนกรา Fusarium ออกจากรา Cylindrocarpon ซึ่งเปEนราที่มีรูปร(างลักษณะคลXายกัน Sdooth, 1971) การจัดแบ(งชนิดของ Fusarium pp. นั้นอาศัยลักษณะพื้นฐานเบื้องตXนคือ ขนาดและรูปร(างของ macroconidia การสรXางหรือไม(สรXาง รวมถึงรูปร(างลักษณะของ microconidia ลักษณะการสรXาง microconidia และชนิดของ phialide ลักษณะรองคือ รูปร(าง และการสรXางหรือไม(สรXาง chlamydo pore ลักษณะสัณฐานและตําแหน(งการเกิด chlamydo pore การเกิด clerotium และ porodochium ส(วน ลักษณะของโคโลนี การสรXางเม็ดสี Spihmentataion) บนอาหารเลี้ยงเชื้อ และอัตราการเจริญของโคโลนีเชื้อ สามารถนํามาใชXเปE0เกณฑในการจําแนกชนิดไดXgX/การศึกษามีขั้นตอนที่เปE0มาตรฐาน SWindel , 1991) ราใน สกุล Fu arium เปEนเชื้อราที่มีความสําคัญทางเศรษฐกิจมาก เชื้อราหลายชนิดในสกุลนี้เปEนเปEนสาเหตุทําใหX เกิดโรคกับพืชมากมาย ส(วนใหญ(รา Fu arium เปEนเชื้อราในดินสามารถมีชีวิตอยูรอดในดินไดXนานในรูปของ สปอรผนังหนา หรือ chlamydo pore Sle ter และคณะ, 1988) Fusarium oxysporum เปEนเชื้อราชนิด S pecie ) หนึ่งใน Section Elehan ของรา สกุล Shenu ) Fusarium เชื้อรานี้แพร(&ระจายอยูทั่วไปในทุกพื้นที่ของโลก เปEนราอาศัยในดิน S oil aprophyte) สามารถอยูรอดในฤดูหนาวในรูปเสXนใย Smycelium) และ สปอรผนังหนา Schlamydo pore) เชื้อรานี้มี หลายสายพันธุ S train ) ทั้งที่เปEนสาเหตุของโรคเหี่ยวในพืชหลายชนิด และ ไม(เปEนสาเหตุของโรค S aprophyte train) เชื้อสาเหตุของโรคสามารถอยูในดินไดXหลายปm ทําใหXการใชXระบบปลูกพืชหมุนเวียน 2 เพียงหลีกเลี่ยงเชื้อรานี้ไม(ามารถนํามาใชXไดXHนการควบคุมโรคไดX Sdooth, 1971) เชื้อราส(วนใหญ(เปEนราที่เขXา ทําลายและทําใหXเกิดโรคทางระบบท(อลําเลียงของพืช ทําใหXเกิดโรคเน(าในหัว เหงXา และรากพืช Sle ter และ คณะ, 1988) เช(น โรครากเน(/ของขXาวโพด ทําใหเกิดโรคกับตX0ปอ Sflan) ฝp/ย ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา หัว หอม มันฝรั่ง กลXวย สXม และ แอปเปqล เชื้อรายังทําใหXเกิดโรค dampinh off กับเห็ดที่เพาะดXวย Sbraven en และคณะ, 1994) ในประเทศไทยพบราชนิดนี้อยูกระจัดกระจายมากกว(าชนิด S pecie ) อื่นทั้งในดินและพืช โดยเปEนสาเหตุของโรคในพืชที่สําคัญหลายชนิด ไดXแก( ธัญพืชเมืองหนาว ฝpาย ถั่วลิสง หัวหอม กะหล่ําปลี แตงโม มะเขือเทศ พริก ถั่วฝr&ยาว และ มันฝรั่ง Sปqะวดี, 25ss) ชีววิทยาและวงจรชีวิต วงจรชีวิตของเชื้อรา F. oxysporum เริ่มตXนจากระยะดํารงชีพแบบแซพโพรไฟต Sสภาพการ ดํารงชีวิตของจุลินทรียซึ่งดํารงชีวิตโดยใชอาหารและพลังงานจากการย(อยสลายซากของสิ่งมีชีวิต) ซึ่งเปEนเวลา ที่เชื้อราอยูรอดในดินในรูปลักษณของคลามายโดสปอร Schlamydo pore) Sdeckman u Robert , 1995) คลามายโดสปอรอยูในระยะพักตัว ไม(เคลื่อนที่ ฝrงตัวอยูในเศษซากเนื้อเยื่อพืช จนกระทั่งเมื่อมีสารอาหารที่ คลามายโดสปอรสามารถใชXเปEนอาหารไดX มากระตุนใหXคลามายโดสปอรงอกเจริญเสXนใย สารอาหารเหล(านั้น เปEนของเหลวที่ปลดปล(อยมาจากรากที่แผ(ขยายออกมาของพืชชนิดหรือพันธุต(าง ๆ SStover, 1962 a,b, deckman u Robert , 1995) หลังจากคลามายโดสปอรงอกเสXนใยแลXว ก็จะสรXางเสXนใยซึ่งมีหนXาที่ในการ เจริญเติบโตและการสืบพันธุ Sthallu ) แลXวหลังจากนั้นเสXนใยเหล(านี้ก็จะผลิตโคนิเดียขึ้นมาภายในเวลา 678 ชั่วโมง และต(อจากนั้น หากสภาวะแวดลXอมเหมาะสม อีก 27s วัน เชื้อราก็จะสรXางคลามายโดสปอรอีกครั้ง การรุกรานเขXาสูรากพืช Synva ion of the root ) เกิดขึ้นหลังจากเชื้อราแทงเสXนใย Spenetration) เขXาสูชั้น epidermal cell ของรากพืชอาศัยหรืออาจจะไม(ใช(พืชอาศัย Sdeckman u Robert , 1995) และเกิด พัฒนาการของโรคที่ฝrงตัวทําลายอยูในระบบท(อลําเลียงของพืชอาศัย SStover, 1970) ในระยะที่โรคพัฒนาถึง ขีดสุด เชื้อราจะเจริญออกจากเนื้อเยื่อระบบท(อลําเลียงเขX/ไปสูเซลลโครงสรX/งของพืชที่อยูถัดไป และใหX&ําเนิด โคนิเดีย และคลามายโดสปอรจํานวนมากต(ไป เชื้อราสาเหตุโรคเหี่ยวสามารถอยูรอดในดินไดXHนรูปเสX0ใย แต( ส()นใหญ(อยูในรูปสปอร โดยพักตัวในเศษซากพืชที่มันเขXาไปทําลาย รูปลักษณการพักตัวของของสปอรบริเวณ พื้นที่ที่มีอุณหภูมิหนาวเย็น ส()นใหญ(ลX)จะเปE0ในรูปคลามายโดสปอร SAhrio , 1997) การสํารวจ การเก็บตัวอยาง การแยกเชื้อ และจําแนกชนิดของเชื้อรา F. oxysporum f.sp. cubense สาเหตุโรคตายพรายของกล4ย 1. การสํารวจการแพร(ระบาดของเชื้อรา Fusarium oxysporum f. p. cubense สาเหตุโรคตายพรายใน ประเทศไทย 1.1 พื้นที่สํารวจและเก็บตัวอย(/งโรคตายพราย แบ(งพื้นที่สํารวจโรคตายพรายของกลXวยซึ่งมีสาเหตุจากเชื้อรา Fusarium oxysporum f. p. cubense ออกเปEน 6 ภาค ไดXแก( ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาค ตะวันตก และ ภาคใตX สํารวจและเก็บตัวอย(/งกลX)ยที่เปE0โรคตามแหล( ปลูกหรือบริเวณที่มีการปลูกกลX)ย โดย สังเกตตXนกลXวยที่มีอาการของโรคตายพราย คือ ใบมีสีเหลืองและใบล(/งหักพับลงมาขนานกับลําตXน กXานใบยัง มีสีเขียวอยู ผืนใบเหี่ยวเฉาเปEนสีเหลืองหรือสีน้ําตาล ใบยอดที่เหลือเพียง s74 ใบยังคงมีสีเขียวและตั้งตรงอยู ภายในท(ลําเลียงมีสีน้ําตาลหรือสีน้ําตาลแดง วิธีการเก็บตัวอย(างกลXวยเปEนโรคตายพราย คือ ใชXมีดขนาดใหญ(ตัดลําตXนเทียมของตXนกลXวยที่ เปEนโรคตายพราย ตําแหน(งที่สูงจากพื้นดินประมาณ 0.571 เมตร ใหXเปEนท(อนยาวขนาด 8710 นิ้ว แกะกาบใบ 3 ดXานนอก 27s ชั้นออกทิ้ง ใหXเหลือกาบใบที่มีอาการของโรคชัดเจน ใชXกระดาษห(อลําตXนเทียม แลXวใส( ถุงพลาสติก เพื่อนํามาแยกเชื้อในหองปฏิบัติการต(ไป 1.2 การบันทึกรายละเอียดของตัวอย(/งโรค จดบันทึกชื่อสถานที่พบโรค ชนิดของกลX)ย สภาพพื้นที่ปลูก สภาพดิน ลักษณะอาการ และ ความรุนแรงของโรคในตXนที่เก็บตัวอย(าง นําขXอมูลที่ไดXจากการพบโรคมาจัดทําแผนที่การสํารวจพบโรค และ การแพร(&ระจายของโรค 2. การจําแนกชนิดเชื้อรา F. oxysporum f. p. cubense ของกลX)ยที่เปE0โรคตายพราย 2.1 การแยกเชื้อรา F. oxysporum f. p. cubense จากลําตXนเทียมของกลXวยเปEนโรคตาย พราย ใชXมีดที่ลนไฟฆ(าเชื้อแลXวผ(าท(อนลําตXนเทียมตามยาว จากนั้นใชXมีดผ(าตัดที่ลนไฟฆ(าเชื้อแลXว ตัด เนื้อเยื่อท(อลําเลียงที่มีสีน้ําตาลใหXมีขนาดประมาณ 5 n 5 มิลลิเมตร แลXวใชXปากคีบ ที่ลนไฟฆ(าเชื้อแลXว คีบชิ้น เนื้อเยื่อใส(จานอาหารเลี้ยงเชื้อ PIA ที่เติมกรดแลคติค 25 เปอรเซ็นต Slactic acid 25%) เพื่อยับยั้งการ ปนเป~•อนของเชื้อแบคทีเรีย นําจานอาหารเลี้ยงเชื้อไปวางใตXแสงฟลูออเรสเซนตส ที่อุณหภูมิ 25727 องศา เซลเซียส เปEนเวลา 5 วัน จากนั้นใชXเข็มเขี่ยที่ลนไฟฆ(าเชื้อแลXว ตัดเสXนใยบริเวณขอบโคโลนีของเชื้อราที่มี ลักษณะเสXนใยฟู สีขาวปนม(วง ที่เจริญออกมาจากเนื้อเยื่อกลXวยเปEนโรค มาเลี้ยงในจานอาหาร PIA อีกครั้ง หนึ่ง 2.2 การแยกเชื้อบริสุทธิ์โดยวิธีการแยกสปอรเดี่ยว S inhle conidium) ของเชื้อรา F. oxysporum f. p. cubense นําเชื้อรา F. oxysporum f. p. cubense ที่เจริญบนอาหาร PIA อายุ 7 วันมาเตรียม สปอร แขวนลอยในน้ํา Sconidial u pen ion) โดยใชXเข็มเขี่ยลนไฟฆ(าเชื้อเขี่ยปลายเสXนใยเชื้อซึ่งมี microconidium เจริญอยู ใส(ลงในหลอดน้ํากลั่นนึ่งฆ(าเชื้อปริมาตร 10 มิลลิลิตร เขย(าใหXสปอรกระจายตัวใน น้ํา ตรวจสอบความหนาแน(นของสปอรที่เหมาะสมโดยใชXห(วงลวด Sloop) ที่ลนไฟฆ(าเชื้อแลXวแตะสปอร แขวนลอยมาหยดบนแผ(นแกX)สไลด แลXวตรวจดูภายใตXกลXองจุลทรรศนกําลังขยายต่ํา S10X) ใหXมีจํานวนสปอร 4 ประมาณ 10 สปอรต(อพื้นที่การมองเห็น S10 conidium/loT7poTer S10X) micro cope field) หลังจาก นั้นใชXห(วงลวดที่ลนไฟฆ(าเชื้อแลXวแตะสปอรที่แขวนลอยในน้ําจํานวน 1 loop มาลากไปมา S treak) บน ผิวหนXาอาหาร WA บ(มจานอาหารเลี้ยงเชื้อไวXใตXแสงจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนตส ที่อุณหภูมิ 25728 องศา เซลเซียส เปEนเวลา 16724 ชั่วโมง หลังจากนั้นนําจานอาหาร WA มาตรวจดูการงอกของสปอรภายใตXกลXอง จุลทรรศนกําลังขยายต่ํา S10X) โดยตรวจดูจากดXานใตXจานอาหาร เมื่อพบ microconidium งอกเสXนใย ออกมา และอยูห(างจาก microconidium อื่น จึงใชXปากกาเคมี Smarker) ทําจุดเครื่องหมายไวXที่จานอาหาร จากนั้นใชX cork borer ขนาดเล็กลนไฟฆ(าเชื้อเจาะชิ้นวุนตรงตําแหน(งที่ทําเครื่องหมายไวX แลXวใชXเข็มเขี่ยที่ลน ไฟฆ(าเชื้อแลXวเขี่ยเอาชิ้นวุนมาเลี้ยงบนอาหาร PIA บ(มไวXHตXแสงจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนส อุณหภูมิ 25728 องศาเซลเซียส เปE0เวลา 7 วัน จึงนําเชื้อที่ไดX]ปศึกษาในขั้นตอนต(ไป 2.s การจําแนกชนิดของเชื้อรา F. oxysporum f. p. cubense โดยอาศัยลักษณะทางสัณฐาน วิทยา 2.s.1 ใชเข็มเขี่ยที่ลนไฟฆ(/เชื้อแลXว ตัดเสX0ใยบริเวณขอบโคโลนีของเชื้อราที่มีลักษณะเสXน ใยฟูสีขาวปนม(วง หรือสีม(วงชมพูของเชื้อ อายุ 7 วัน ที่เจริญบนอาหาร PIA มาวางบนแผ(นแกXวสไลด หยด ดXวยน้ํากลั่น ปqดดXวย แผ(นแกXวปqดสไลด ตรวจดูลักษณะสัณฐานของชนิด microconidium conidiophore และ chlamydo pore ภายใตX&ลองจุลทรรศน และจําแนกชนิดของเชื้อตามวิธีการของ Nel on S198s) 2.s.2 ใชเข็มเขี่ยที่ลนไฟฆ(/เชื้อแลX) ตัดเสXนใยบริเวณขอบโคโลนีที่มีลักษณะเสXนใยฟู สีขาว ปนม(วงหรือสีม(วงชมพูของเชื้อรา อายุ 7 วัน ที่เจริญบนอาหาร PIA มาเลี้ยงในจานอาหาร ClA Scorn leaf ahar) Sพัฒนาและคณะ, 2528; พัฒนาและคณะ, 2529) เพื่อชักนําใหXเชื้อสรXาง porodochium วางจาน อาหารเลี้ยงเชื้อไวXใตXแสงจากหลอดฟลูออเรสเซนส อุณหภูมิ 25728 องศาเซลเซียส เปEนเวลา 10714 วัน เมื่อ เชื้อราสรXางกลุมของ porodochium Spionnote) สีเหลืองครีม หรือสีเหลืองสXม บนใบขXาวโพดของอาหาร ClA จึงเขี่ย porodochium มาวางบนแผ(นแกXวสไลด หยดดXวยน้ํากลั่น แลXวปqดทับดXวยแผ(นแกXวปqดสไลด ตรวจดูลักษณะสัณฐานของสปอรชนิด macroconidium ภายใตXกลองจุลทรรศน และจําแนกชนิดของเชื้อตาม วิธีการของ Nel on S198s) การจําแนกชนิด : ทําการศึกษาลักษณะของสัณฐานวิทยา ลักษณะโคโลนีบนอาหารเลี้ยงเชื้อ และจําแนกตามวิธีการของ Nel on และคณะ S198s) ตามขั้นตอนต(อไปนี้ - ศึกษาลักษณะการเจริญของโคโลนีเชื้อรา Fusarium และศึกษาการสรXาง pihment, clerotium และ porodochium บนอาหาร PIA และศึกษาลักษณะและวัดขนาดของ conidium, conidiophore บนอาหาร ClA อายุ 10714 วัน ที่อุณหภูมิ 26728 °ซ. ภายใตแสง NUV Snear ultraviolet)
Recommended publications
  • The External Costs of Banana Production: a Global Study
    The external costs of banana production: A global study Research Report Prepared for Fairtrade International The external costs of banana production: A global study Authors and acknowledgements Adrian de Groot Ruiz (True Price) Vincent Fobelets (True Price) Colette Grosscurt (True Price) Pietro Galgani (True Price) Rick Lord (Trucost) Richie Hardwicke (Trucost) Miriam Tarin (Trucost) Gautham P (Trucost) David McNeil (Trucost) Sarah Aird (Trucost) True Price True Price is a social enterprise that aims to contribute to a circular and inclusive economy that creates value for all people by providing the information needed for such an economy. True Price helps organizations – multinationals, SMEs, NGOs, governments – quantify value and improve their economic, environmental and social impacts. True Price works directly with organizations by providing research services. In addition, True Price enables organizations to measure their impact by developing open source methods for impact measurement that are relevant, sound and inclusive. www.trueprice.org Trucost Trucost helps companies and investors to achieve success by understanding environmental issues in business terms. Trucost produces data-driven insights which enable organizations to manage risks and identify opportunities for growth. Trucost is the world’s leading expert in quantifying and valuing the environmental impacts of operations, supply chains, products and financial assets. By putting a monetary value on pollution and resource use, Trucost integrates natural capital into business
    [Show full text]
  • Bananatr4final.Pdf
    i All reasonable efforts have been taken in the compilation and editing of the materials presented in this document. The views expressed herein are those of the presenters, panelists, and facilitators, and not necessarily those of the International Tropical Fruits Network (TFNet) and its members. Any companies, products from manufacturers, and technologies mentioned do not imply the endorsement or recommendation by TFNet. eISBN : 978-983-2532-09-5 © TFNet, 2021 This publication may not be reproduced or stored in a retrieval system without the prior written permission of TFNet. However, TFNet encourages the use and circulation of the information in this document. The information may be copied, downloaded, and printed for any non-commercial use, as long as TFNet is acknowledged as source and copyright holder, not as an endorser of any products or services. Published by: International Tropical Fruits Network (TFNet) Box 334, UPM Post Office, 43400 Serdang, Selangor, Malaysia. Tel: 603-89416589 Fax: 603-89416591 Website: www.itfnet.org E-mail: [email protected] Cover photo courtesy of Fruit Tree Research Institute, Guandong Academy Of Agricultural Sciences, China TABLE OF CONTENTS EXECUTIVE SUMMARY ..................................................................................................... 1 LIST OF ABBREVIATIONS .................................................................................................. 4 ORGANIZING COMMITTEE .............................................................................................. 6 SESSION
    [Show full text]
  • Sustainability Report 2018 Content Sustainability Report 2018 Foreword 04
    SUSTAINABILITY REPORT 2018 CONTENT SUSTAINABILITY REPORT 2018 FOREWORD 04 INTRODUCTION AGROFAIR APPROACH TO SUSTAINABILITY THE MATERIAL- 06 ITY MATRIX AGROFAIR FOCUS ON SUSTAINABILITY 16 PEOPLE & SOCIETY AGROFAIR’S SOCIAL IMPACT • Fairtrade Premium stories • Health & Safety PLANET 24 & ECOLOGY AGROFAIR’S ENVIRONMENTAL IMPACT • Carbon Footprint • Plastic recycling PROFIT • Water management & ECONOMY 38 AGROFAIR’S ECONOMIC IMPACT • TR4 • Healthy soils – micorhyza tests • Red Trust 48 PROJECTS IN AFRICA | 60 LOOKING AHEAD – PLANS FOR 2019 | 62 GRI CONTENT TABLE | 64 COLOPHON | 66 CONTENT ‘WE DO FRUIT. ACTUALLY WE DO A LOT MORE THAN FRUIT. WE TRY TO DO GOOD THROUGH FRUIT ’ - 03 - TO AGROFAIR’S VALUED CUSTOMERS AND PARTNERS, We are very pleased to present this fourth edition of our Annual Sustainability Report. We hope that a little pride is justified because we are so convinced that this type of sustainable information is vital. It is vital because the fruit and vegetable sector has a major impact on sustainability and as we are also in a position to make a real difference. lowly but surely, things are moving in the right direction: more and more large fruit and vegetable companies are beginning to understand the importance of sustainability. Many of them have now signed up to the Sustainability Initiative Fresh Fruit and Vegetables (SIFAV) Sustainability Covenant, pledging to buy nothing but sustainable fruit and vegetables by the year 2020. In early 2018, the average score in the sector was around the 70% mark. (By the way, AgroFair already achieved a Sscore of more than 99% in 2016!) Although this is good news, there is also criticism.
    [Show full text]
  • Redalyc.Aspectos Relevantes En El Almacenamiento De Banano En
    Revista Iberoamericana de Tecnología Postcosecha ISSN: 1665-0204 [email protected] Asociación Iberoamericana de Tecnología Postcosecha, S.C. México Castellanos, Diego A.; Algecira, Néstor A.; Villota, Claudia P. Aspectos relevantes en el almacenamiento de banano en empaques con atmósferas modificadas Revista Iberoamericana de Tecnología Postcosecha, vol. 12, núm. 2, 2011, pp. 114-134 Asociación Iberoamericana de Tecnología Postcosecha, S.C. Hermosillo, México Disponible en: http://www.redalyc.org/articulo.oa?id=81320900002 Cómo citar el artículo Número completo Sistema de Información Científica Más información del artículo Red de Revistas Científicas de América Latina, el Caribe, España y Portugal Página de la revista en redalyc.org Proyecto académico sin fines de lucro, desarrollado bajo la iniciativa de acceso abierto Aspectos relevantes en el almacena… Diego A. Castellanos y cols. (2011) ASPECTOS RELEVANTES EN EL ALMACENAMIENTO DE BANANO EN EMPAQUES CON ATMÓSFERAS MODIFICADAS Diego A. Castellanos1*; Néstor A. Algecira1; Claudia P. Villota2 1Universidad Nacional de Colombia. Bogotá D. C. [email protected] 2Corporación Colombiana de Investigación Agropecuaria. Regional Tibaitatá. [email protected]; *[email protected] Palabras clave: madurez, atmósfera modificada, vida útil, banano RESUMEN Para el diseño de un sistema de empaque en atmósfera modificada (MAP) con películas con o sin micro-perforaciones, es necesario conocer la cinética de la respiración del producto y el intercambio de gas a través del empaque, procesos que afectan el contenido de gases de la atmósfera interna que rodea el producto de forma dinámica. En el caso del almacenamiento de banano el factor correspondiente a la respiración es muy relevante debido al carácter climatérico de estos frutos.
    [Show full text]
  • Evaluation of Musa Paradisiaca (Banana Peel) Pectin As a Pharmaceutical Excipient in Ciprofloxacin Tablet Formulation
    International Journal of Scientific and Research Publications, Volume 11, Issue 5, May 2021 770 ISSN 2250-3153 Evaluation of Musa Paradisiaca (Banana Peel) Pectin as A Pharmaceutical Excipient in Ciprofloxacin Tablet Formulation Obarisiagbon1* Aiwaguore Johnbull, Airemwen2, Collins Ovenseri And Obianuju1 Jennifer Chude 1Department of Pharmaceutics and Pharmaceutical Technology, College of Pharmacy, Igbinedion University, Okada, Edo State, Nigeria. 2Department of Pharmaceutics and Pharmaceutical Technology, Faculty of Pharmacy, University of Benin, Benin City, Edo State, Nigeria DOI: 10.29322/IJSRP.11.05.2021.p11380 http://dx.doi.org/10.29322/IJSRP.11.05.2021.p11380 Abstract- This study aimed at evaluating Musa paradisiaca derived polymers have evoked tremendous interest due to their (banana peel) pectin as a pharmaceutical excipients (binder) in diverse pharmaceutical applications such as diluent, binder, ciprofloxacin tablet formulation. The banana peel pectin was disintegrant in solid oral dosage forms; thickness in oral liquid extracted from the peel of Musa paradisiaca (banana). The preparations; protective colloids in suspensions and bases in granules formulated were evaluated for micromeritic properties. suppository, etc. They have also been found useful in cosmetics, The granules were then compressed to tablets at a compression textiles, paints and paper making (Deogade et al., 2012). Many pressure of 30N/m2. The resulting ciprofloxacin tablets were pharmaceutical excipients of plant origin, like starch, agar, gums, evaluated for hardness, friability and disintegration time, in vitro gelatin, pectin, flavouring and sweetening agents are widely dissolution studies and release kinetics. The extracted banana peel applied within the pharmaceutical industry (Singh et al., 2016). pectin was found to contain the following phytochemicals – Some specific applications of plant-derived polymers in flavonoids, tannins, carbohydrates, reducing sugar, saponins, pharmaceutical formulations include their use in the alkaloids, phytosteroids and glycosides.
    [Show full text]
  • Bananas V1 Extract.Pdf
    Contents Series list x Acknowledgements xv Introduction xvi Part 1 Banana production and its challenges 1 The origin, domestication and dispersal of bananas 3 Hugo Volkaert, National Center for Genetic Engineering and Biotechnology, Thailand 1 Introduction 3 2 Origins: morphological and molecular evidence 4 3 The role of Musa balbisiana 9 4 Domestication and early cultivation of bananas 10 5 Archaeological evidence for early banana cultivation 11 6 Dispersal of bananas into Oceania 12 7 Dispersal of bananas into Africa 13 8 Dispersal of bananas in South and Southeast Asia 14 9 Conclusion 15 10 Where to look for further information 16 11 References 16 2 Understanding the banana industry: monoculture and beyond 21 Dan Koeppel, Independent Journalist and Researcher, USA 1 Introduction 21 2 Banana varieties and the Cavendish monoculture 22 3 The development of a banana monoculture 23 4 The dynamics of the banana monoculture 24 5 Post-war developments: business as usual? 25 6 The Cavendish era 27 7 Cavendish in crisis and a new paradigm 28 8 The hunt for new varieties 29 9 Future trends and conclusion 30 10 Where to look for further information 31 3 Banana cultivation in Africa 33 W. K. Tushemereirwe and J. Kubiriba, National Agricultural Research Laboratories, Uganda 1 Introduction 33 2 Cultivar composition and distribution 34 3 Production systems 35 4 Banana production in Uganda 39 5 Nutrient deficiencies 40 6 Moisture stress 41 7 Pests and diseases affecting bananas 41 © Burleigh Dodds Science Publishing Limited, 2018. All rights reserved.
    [Show full text]
  • Fusarium Wilt Tropical Race 4 – Biosecurity and Sustainable Solutions
    Final Report Fusarium Wilt Tropical Race 4 – Biosecurity and Sustainable Solutions Project leader: Stewart Lindsay Delivery partner: Queensland Department of Agriculture and Fisheries Project code: BA14013 Hort Innovation – Final Report Project: Fusarium Wilt Tropical Race 4 – Biosecurity and Sustainable Solutions – BA14013 Disclaimer: Horticulture Innovation Australia Limited (Hort Innovation) makes no representations and expressly disclaims all warranties (to the extent permitted by law) about the accuracy, completeness, or currency of information in this Final Report. Users of this Final Report should take independent action to confirm any information in this Final Report before relying on that information in any way. Reliance on any information provided by Hort Innovation is entirely at your own risk. Hort Innovation is not responsible for, and will not be liable for, any loss, damage, claim, expense, cost (including legal costs) or other liability arising in any way (including from Hort Innovation or any other person’s negligence or otherwise) from your use or non‐use of the Final Report or from reliance on information contained in the Final Report or that Hort Innovation provides to you by any other means. Funding statement: This project has been funded by Hort Innovation, using the banana research and development levy, co‐investment from Queensland Department of Agriculture and Fisheries and contributions from the Australian Government. Hort Innovation is the grower‐owned, not‐for‐profit research and development corporation for Australian horticulture. Publishing details: ISBN 978 0 7341 4441 6 Published and distributed by: Hort Innovation Level 8 1 Chifley Square Sydney NSW 2000 Telephone: (02) 8295 2300 www.horticulture.com.au © Copyright 2018 Horticulture Innovation Australia Limited Content Summary ..............................................................................................................................................
    [Show full text]
  • Proceedings for 3.3 Banana Wilts Cluster Planning Meeting, 30Th August-2Nd September 2017, Kampala, Uganda
    Proceedings for 3.3 Banana Wilts Cluster Planning meeting, 30th nd August-2 September 2017, Kampala, Uganda. Eldad Karamura, Elias Oyesigye and William Tinzaara Table of Contents Acronyms ......................................................................................................................................................... i Acknowledgments ........................................................................................................................................... ii Report Summary .............................................................................................................................................. 1 1. INTRODUCTION ............................................................................................................................................ 3 1.1 Welcome remarks ........................................................................................................................................ 3 1.2 Workshop objectives and expected outputs ................................................................................................ 4 1.3 Opening remarks .......................................................................................................................................... 4 2. GROBAL OVERVIEW OF BANANA WILTS ....................................................................................................... 5 2.1 Foc TR4 in Bananas-successes, failures and lessons for strategic directions ............................................... 5 2.2
    [Show full text]
  • Banana Tissue Culture in India, a Success Story, 2019
    Banana Tissue Culture in India A Success Story Authored by VK Baranwal Professor - Division of Plant Pathology, Indian Agricultural Research Institute (IARI), New-Delhi, India Reetika Kapoor Contract Scientist, Referral Centre for Virus Indexing, Division of Plant Pathology, IARI, New-Delhi, India and Shiv Kant Shukla Deputy General Manager, Biotech Consortium India Limited, New Delhi, India Asia-Pacific Consortium on Agricultural Biotechnology and Bioresources Asia-Pacific Association of Agricultural Research Institutions FAO Annex Building, 202/1 Larn Luang Road, Pomprap Sattrupai, Bangkok 10100, Thailand Citation : APAARI (2019) Banana Tissue Culture in India – A Success Story. Asia- Pacific Association of Agricultural Research Institutions, Bangkok, Thailand. xvi+43 p. Cover page photo identity Front Cover : Banana fruit bunch in background and ripened banana in foreground Disclaimer : The information contained in this publication is provided on “as is” basis with full responsibility or liability for any errors or omissions with the authors and not with the editor. APAARI is not liable for veracity of data any copyright infringement whatsoever. ISBN : 978-616-7101-21-7 Published by: Asia-Pacific Association of Agricultural Research Institutions (APAARI) Under the: Food and Agriculture Organization of the United Nations (FAO) Copyright © APAARI For copies, please contact The Executive Secretary Asia-Pacific Association of Agricultural Research Institutions (APAARI) 2nd and 4th Floor, FAO Annex Building, 202/1 Larn Luang Road Klong Mahanak Sub-District, Pomprab Sattrupai District, Bangkok 10100, Thailand Tel : (+662) 282 2918; Fax : (+662) 282 2920 E-mail: [email protected]; Website : http://www.apaari.org; www.apcoab.org Printed in November, 2019 Contents Foreword v Preface vii Acknowledgements ix Acronyms and Abbreviations xi List of Tables and Figures xiii Executive Summary xv 1.
    [Show full text]
  • Fusarium Wilt | Knowledge and News on Bananas from Promusa
    Fusarium wilt of banana Fusarium wilt of banana, popularly known as Panama Fusarium wilt at a glance disease, is a lethal fungal disease caused by the soil-borne fungus Fusarium oxysporum f. sp. cubense (Foc). The fungus enters the plant through the roots and colonizes the xylem vessels thereby blocking the flow of water and nutrients. Disease progression results in the collapse of leaves at the petiole, the splitting of the pseudostem base and eventually plant death. Once established in a field, the fungus persists in soil for an indefinite period of time and cannot be managed using chemical pesticides. The solution best adapted to the continued production of bananas in infested soils is replacing susceptible cultivars by resistant ones. Fusarium wilt is the first disease of bananas to have spread globally. The pathogenic isolates are classified into races based on the cultivars on which they cause disease. For example, the isolates that affect cultivars in the Gros Michel, Silk and Pome subgroups, among others, are classified as race 1. When Cavendish cultivars exhibiting symptoms of Fusarium wilt were first observed, the isolates were classified as race Common name of the disease 4. They were later subdivided into subtropical race 4 (STR4) Fusarium wilt and tropical race 4 (TR4) to distinguish the strains that Causal agent need predisposing factors to cause the disease from the Fusarium oxysporum f. sp. cubense ones that don't. The race concept has been criticized for Distribution being an imperfect measure of pathogenic diversity, but it Race 1: pan-tropical is still considered useful to describe host reaction and new [1] Tropical race 4: southeast Asia, disease outbreaks .
    [Show full text]
  • Biological Control Agents Against Fusarium Wilt of Banana
    REVIEW published: 05 April 2019 doi: 10.3389/fmicb.2019.00616 Biological Control Agents Against Fusarium Wilt of Banana Giovanni Bubici 1*, Manoj Kaushal 2, Maria Isabella Prigigallo 1, Carmen Gómez-Lama Cabanás 3 and Jesús Mercado-Blanco 3 1 Consiglio Nazionale delle Ricerche (CNR), Istituto per la Protezione Sostenibile delle Piante (IPSP), Bari, Italy, 2 International Institute of Tropical Agriculture (IITA), Dar es Salaam, Tanzania, 3 Department of Crop Protection, Institute for Sustainable Agriculture (CSIC), Córdoba, Spain In the last century, the banana crop and industry experienced dramatic losses due to an epidemic of Fusarium wilt of banana (FWB), caused by Fusarium oxysporum f.sp. cubense (Foc) race 1. An even more dramatic menace is now feared due to the spread of Foc tropical race 4. Plant genetic resistance is generally considered as the most plausible strategy for controlling effectively such a devastating disease, as occurred for the first round of FWB epidemic. Nevertheless, with at least 182 articles published since 1970, Edited by: biological control represents a large body of knowledge on FWB. Remarkably, many Miguel Dita, Brazilian Agricultural Research studies deal with biological control agents (BCAs) that reached the field-testing stage and Corporation (EMBRAPA), Brazil even refer to high effectiveness. Some selected BCAs have been repeatedly assayed in Reviewed by: independent trials, suggesting their promising value. Overall under field conditions, FWB Rong Li, Nanjing Agricultural University, China has been controlled up to 79% by using Pseudomonas spp. strains, and up to 70% by Sijun Zheng, several endophytes and Trichoderma spp. strains. Lower biocontrol efficacy (42–55%) Yunnan Academy of Agricultural has been obtained with arbuscular mycorrhizal fungi, Bacillus spp., and non-pathogenic Sciences, China Fusarium strains.
    [Show full text]
  • Biological Control Agents Against Fusarium Wilt of Banana
    REVIEW published: 05 April 2019 doi: 10.3389/fmicb.2019.00616 Biological Control Agents Against Fusarium Wilt of Banana Giovanni Bubici 1*, Manoj Kaushal 2, Maria Isabella Prigigallo 1, Carmen Gómez-Lama Cabanás 3 and Jesús Mercado-Blanco 3 1 Consiglio Nazionale delle Ricerche (CNR), Istituto per la Protezione Sostenibile delle Piante (IPSP), Bari, Italy, 2 International Institute of Tropical Agriculture (IITA), Dar es Salaam, Tanzania, 3 Department of Crop Protection, Institute for Sustainable Agriculture (CSIC), Córdoba, Spain In the last century, the banana crop and industry experienced dramatic losses due to an epidemic of Fusarium wilt of banana (FWB), caused by Fusarium oxysporum f.sp. cubense (Foc) race 1. An even more dramatic menace is now feared due to the spread of Foc tropical race 4. Plant genetic resistance is generally considered as the most plausible strategy for controlling effectively such a devastating disease, as occurred for the first round of FWB epidemic. Nevertheless, with at least 182 articles published since 1970, Edited by: biological control represents a large body of knowledge on FWB. Remarkably, many Miguel Dita, Brazilian Agricultural Research studies deal with biological control agents (BCAs) that reached the field-testing stage and Corporation (EMBRAPA), Brazil even refer to high effectiveness. Some selected BCAs have been repeatedly assayed in Reviewed by: independent trials, suggesting their promising value. Overall under field conditions, FWB Rong Li, Nanjing Agricultural University, China has been controlled up to 79% by using Pseudomonas spp. strains, and up to 70% by Sijun Zheng, several endophytes and Trichoderma spp. strains. Lower biocontrol efficacy (42–55%) Yunnan Academy of Agricultural has been obtained with arbuscular mycorrhizal fungi, Bacillus spp., and non-pathogenic Sciences, China Fusarium strains.
    [Show full text]