รายงานการสํารวจความหลากหลายทางชีวภาพ เขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย จังหวัด เชียงใหม The Biological Diversity in Protected Area : Omkoy Wildlife Santuary.
สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษที่ 16 กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช พ.ศ. 2555
ง คํานํา
รายงานการสํารวจความหลากหลายทางชีวภาพฉบับนี้จัดทําขึ้นเพื่อใชในโครงการสํารวจความหลากหลาย ในพื้นที่ปาอนุรักษ โดยพื้นที่สํารวจในเนื้อหาฉบับนี้ คือพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปา อมกอย สํานักบริหารพื้นที่ อนุรักษที่ ๑๖ ในการสํารวจความหลากหลายทางชีวภาพไดรวบรวมขอมูลชนิดพรรณไม ชนิดพันธุแมลง ชนิดพันธุ เห็ด และชนิดพันธุนก รวมถึงศึกษา ความหลากหลายทางชีวภาพ ความสม่ําเสมอของชนิดพันธุ ดัชนีความสําคัญ ของพรรณไม ความคลายคลึงกันของแมลง และความชุกชุมของนก ในพื้นที่ เปนตน ในการสํารวจความหลากหลายทางชีวภาพครั้งนี้ เพื่อนําขอมูลที่ไดจากการสํารวจไปใชเปนแนวทางในการ วางแผนการบริหารและการจัดการในพื้นที่อนุรักษตอไป
คณะทํางาน ตุลาคม 25555
ก สารบัญ
หนา สารบัญ ก สารบัญตาราง ข สารบัญภาพ ค คํานํา ง ขอมูลทั่วไปของพื้นที่ดําเนินการ 1 ระยะเวลาดําเนินการ 12 วิธีการสํารวจความหลากหลายของพันธุไม 14 วิธีการสํารวจความหลากหลายของแมลง 17 วิธีการสํารวจความหลากหลายของเห็ด 20 วิธีการสํารวจความหลากหลายของนก 22 ผลการความหลากหลายของพันธุไม 24 ผลการความหลากหลายของแมลง 37 ผลการความหลากหลายของเห็ด 45 ผลการความหลากหลายของนก 49 สรุปผล 53 ปญหา อุปสรรค และขอเสนอแนะ 54 กิตติกรรมประกาศ 55 เอกสารอางอิง 56 คณะผูดําเนินการ 57 ภาคผนวก 58
1 ขอมูลทั่วไปของพื้นที่ดําเนินการ
ขอมูลทั่วไป พื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอยแตเดิมเปนปาสงวนแหงชาติปาอมกอย ในสวนที่อยูในจังหวัด เชียงใหมมีการควบคุมดูแลโดยปาไมเขตเชียงใหมและปาไมจังหวัดเชียงใหม สวนพื้นที่ในจังหวัดตากไดรับการดูแล และควบคุมโดยปาไมเขตตากและปาไมจังหวัดตาก ปาทั้งสองสวนนี้เปนปาโครงการทําไมมากอน และไดผานการ ทําไมมาหลายครั้งทั้งไมกระยาเลยและไมสัก ฉะนั้นไมมีคุณคาขนาดใหญจึงถูกนําออกไปเปนจํานวนมาก อยางไรก็ ตามสภาพปาก็มิไดเสื่อมโทรมมาก อันเนื่องมาจากการทําไม แตพื้นที่สวนนี้เปนถิ่นที่อยูอาศัยของมนุษยมาเปนเวลา ชานานโดยเฉพาะชนเผากะเหรี่ยงและ ชาวเขาเผาอื่น ดังเห็นไดจากโบราณวัตถุและโบราณสถานหลายอยางยังคง ตกคางอยู ลําน้ําแมตื่นและลําน้ําปงเคยเปนเสนทางคมนาคมที่สําคัญของมนุษยในสมัยนั้น ดังเชนพระธาตุแกง สรอยแสดงใหเห็นวาเคยเปนจุดที่ตั้งของเมืองขนาดเล็กมากอน บริเวณหมูบานแมตื่นมีวัดโบราณปรากฏอยูและมี การขุดพบโบราณวัตถุหลายชนิด อยางไรก็ตามเนื่องจากพื้นที่ปาที่กวางขวางและประชาชนในสมัยนั้นมีอยูนอยปา และสัตวปาก็ยังคงความอุดมสมบูรณมาก นับจากป พ.ศ. 2510 เปนตนมาประชากรชาวเขาเผาตางๆ เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการโยกยายถิ่นเขามาจากประเทศเพื่อนบานและอัตราการตายที่ลดลง เนื่องจากการแพทยสมัยใหมเขาไป ถึงทําใหพื้นที่สวนนี้เริ่มถูกทําลายอยางหนัก สัตวปาที่มีคุณคาหลายชนิดถูกลาจนเกือบจะหมดไปจากพื้นที่ ทางกรม ปาไมเล็งเห็นความสําคัญในปญหานี้จึงไดทําการประกาศพื้นที่ตลอดริมฝงแมปงทางดานตะวันตก จากดอยเตาลงมา จนถึงหวยน้ํารินใกลตัวเขื่อนภูมิพลเปนเขตรักษาพันธุสัตวปาเรียก เขตรักษาพันธุสัตวปาแมตื่น รวมพื้นที่ประมาณ 1,500,000 ไร ไดทําการประกาศไวเมื่อป พ.ศ. 2521 ตอมาทางราชการเห็นวาเขตรักษาพันธุสัตวปาแหงนี้มี พื้นที่กวางใหญเกินไปสําหรับการบริหาร ทั้งนี้เนื่องจากพื้นที่เปนรูปยาวจากเหนือลงมาทางใต มีเทือกเขา สลับซับซอนและการเขาสูพื้นที่ตอนบนและตอนลางเปนเสนทางที่แยกจากกันทําใหหัวหนาเขตรักษาพันธุสัตวปาไม สามารถควบคุมการปฏิบัติงานในสวนตางๆ ไดเต็มที่จึงเห็นสมควรกําหนดใหเขตรักษาพันธุสัตวปาแมตื่นที่ประกาศ ไวเดิมแยกออกเปนสองเขตรักษาพันธุสัตวปา โดยตัดพื้นที่สวนบนตั้งแตปากหวยแมตื่นขึ้นไปจัดตั้งเปนเขตรักษา พันธุสัตวปาใหมเรียก เขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย สวนพื้นที่สวนลางก็ยังคงเปนเขตรักษาพันธุสัตวปาแมตื่นตอไป ทั้งนี้ไดประกาศไวตั้งแตวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2526 ในหนังสือราชกิจจานุเบกษาฉบับพิเศษ หนา 20 เลมที่ 100 ตอนที่ 135 พื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอยจึงไดรับการอนุรักษโดยพระราชบัญญัติสงวนและคุมครอง สัตวปา พ.ศ. 2503 เปนตนมา ซึ่งหามมิใหผูใดเขาไปลาสัตว ทําลายถิ่นที่อยูอาศัยของสัตวปา หรือสรางสิ่งรบกวน ใดๆ ตอปาไมและสัตวปาในพื้นที่ กรมปาไมโดยกองอนุรักษสัตวปา ไดจัดตั้งหนวยงานเขาไปควบคุมดูแลและ ปองกันใหเปนไปตามพระราชบัญญัตินี้นับตั้งแตเริ่มกอตั้งเปนตนมา แตเนื่องจากปญหาหลายประการดวยกันจึงมี การฝาฝนกฎหมายโดยชนกลุมหนึ่งเสมอมา การลักลอบลาสัตวปาและการลักตัดไมตลอดจนการบุกรุกพื้นที่ปาของ ชาวเขาเผาตางๆ กลายเปนปญหาหลักและคอนขางรุนแรง
2 สถานที่ตั้ง เขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย กําหนดบริเวณที่ดินปาอมกอย ในทองที่ยางเปยง ตําบลมอนจอง อําเภออมกอย ตําบลมืดกา อําเภอดอยเตา จังหวัดเชียงใหม ตําบลบานนา อําเภอสามเงา จังหวัดตาก และบริเวณ ที่ดินปาแมตื่น ในทองที่ตําบลแมตื่น ตําบลสามหมื่น อําเภอแมระมาด ตําบลบานนา อําเภอสามเงา จังหวัดตาก พื้นที่รับผิดชอบ 765,000 ไร หรือ 1,224 ตารางกิโลเมตร พื้นที่รับผิดชอบอยูในแผนที่สภาพภูมิประเทศ มาตรา สวน 1:50,000 หมายเลขระวาง 4644 II, 4644 I, 4744 IV, 4744 III, 4643 I, 4743 IV อาณาเขต ทิศเหนือ จดหวยแมเฮดและแมลาย ตําบลมือกา อําเภอดอยเตา จังหวัดเชียงใหม ทิศใต จดเขตรักษาพันธุสัตวปาแมตื่น ตําบลสามหมื่น อําเภอแมระมาด จังหวัดตาก ทิศตะวันออก จดแมน้ําปงและแนวเขตอุทยานแหงชาติแมปง ตําบลบานนา อําเภอสามเงา จังหวัดตาก ทิศตะวันตก จดหวยยางครกหลวง และลําน้ําแมตื่น ตําบลแมตื่น อําเภออมกอย จังหวัด เชียงใหม สภาพภูมิประเทศ สภาพภูมิประเทศของเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอยเปนสวนหนึ่งของเทือกเขาและที่ราบระหวาง เขาภาคเหนือ นับตั้งแตจังหวัดตากขึ้นไป ลักษณะทั่วไปเปนเทือกเขาหุบเขา และที่ราบระหวางภูเขา เปนเทือกเขา หินกลางเกากลางใหม กอตัวในมหายุคพาลีโอโซอิก ( Paleozoic Era) และมหายุคมีโซโซอิก (Mesozoic Era) ซึ่ง อาจมีผลมาจากการเคลื่อนที่ของชิ้นสวนของผิวโลกที่เปนประเทศอินเดียเขาชนชิ้นสวนของผิวโลกที่เปนทวีปเอเซีย กอใหเกิดเทือกเขาทอดตัวจากจุดรวม ที่เรียก ยูนานนอต ( Yunnan Knot) ในจีนตอนใตพาดลงสูใต ที่สําคัญไดแก เทือกเขาถนนธงไชย เทือกเขาผีปนน้ํา เทือกเขาแดนลาว เทือกเขาขุนตาน เทือกเขาเหลานี้กอใหเกิดลําน้ําสาย ตางๆ ขึ้นมากมาย ที่เปนลําน้ําหลัก ในสวนนี้ก็คือ ลําน้ําโขง ลําน้ําเจาพระยา และลําน้ําสาละวิน พื้นที่ในสวนที่เปน เขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอยเปนสวนหนึ่งของเทือกเขาถนนธงไชยตะวันออก เปนเทือกเขาที่อยูระหวางลําน้ําแม จม ลําน้ําแมตื่น และลําน้ําปง โครงสรางสวนใหญเปนหินอัคนีแทรกซอนและหินปูน ลักษณะพื้นที่สวนนี้เปนสัน กลางเหนือลงใตตอจากเทือกเขาจอมทองโดยมีแมน้ําจันเปนแนวกั้น มีสันเขามากมายแยกไปทางทิศตะวันออก กอใหเกิดลําน้ําสายเล็กสายนอยไหลลงสูลําน้ําปง ทางทิศตะวันตกมีลําน้ําแมตื่นเปนแนวเขตไหลขนานกับลําน้ําปง ลงมาและวกสูตะวันออกมาบรรจบกับลําน้ําแมปง พื้นที่ตอนเหนือประกอบดวยที่ราบสันเขาสลับกับยอดเขาที่มี ความสูงเกินกวา 1,000 เมตรจากระดับน้ําทะเล สวนตอนกลางและตอนลางประกอบดวยเขาสูงชันสลับกับหุบ หวยที่ลึก ลาดเขาบางตอนเปนผาหินปูนมีซอกถ้ําและโพรงหินมากมาย บริเวณริมลําหวยสายตางๆ มีที่ราบขนาด เล็กกระจายอยูซึ่งกอตัวมาจากการทับถมของดินตะกอนและทราย บริเวณเหลานี้ราษฎรเขามายึดครองเปลี่ยนรูป เปนทองนาและที่อยูอาศัยเปนสวนใหญ บริเวณริมฝงแมน้ําปงซึ่งระดับน้ําถูกยกขึ้นเนื่องจากอางเก็บน้ําเหนือเขื่อน ภูมิพล ทําใหสองฝงคอนขางชันสลับกับหุบหวยที่ไหลลงมาเปนชวงๆ กอใหเกิดทัศนียภาพที่สวยงามเปนอยางยิ่ง ทางทิศใตเปนลําน้ําแมตื่นที่มีพื้นน้ําแผกวางในชวงใกลกับสบแมตื่น พื้นที่ในเขตรักษาพันธุสัตวปาแหงนี้มีระดับ ความสูงจากน้ําทะเลตั้งแต 200 เมตรขึ้นไปจนถึง 1,929 เมตร จุดสูงสุดคือยอดดอยมอนจองในเทือกเขาขุนแม ตื่นเปนสันแหงน้ําลงสูหวยอุมหลวงและหวยอุมฮวม ยอดเขาที่มีความสูงเกินกวา 1,500 เมตรขึ้นไป เชน เขาขุน แมตื่นซึ่งจุดสูงสุดของพื้นที่อยูในสวนนี้เรียกดอยมอนจอง ดอยอื่นๆ ที่มีความสูง ลดหลั่นลงไปไดแก ดอยดอกกุก (1,685 เมตร) เขาขุนแมตื่น (1,640 เมตร) ดอยหลวง (1,538) ดอยหลังเมือง (1,659 เมตร) และดอยบานยาง
3 (1,670 เมตร) ยอดเขาที่สําคัญเปนที่รูจักกันในหมูประชาชนในทองที่ ไดแก ดอยยาว ดอยหัวหมด ดอยเรี่ยม ดอย แต ดอยโตน ดอยคู ดอยหินลาด และยอดเขาอื่นๆ ที่มิไดตั้งชื่ออีกหลายยอด ลําน้ําสายสําคัญในพื้นที่ไดแก ลําน้ํา ปง วางเปนแนวเขตของพื้นที่ทางดานทิศตะวันออก ปจจุบันกลายเปนพื้นที่อางเก็บน้ําเหนือเขื่อนภูมิพล ลําน้ําแม ตื่นเปนลําน้ําหลักทางทิศตะวันตกระบายน้ําลงสูลําน้ําปง จากลําน้ําสายหลักทั้งสองนี้มีลําหวยแยกมากมายหลาย สายกระจายเขาไปรับน้ําจากตอนกลางของพื้นที่ ทางตอนเหนือมีลําหวยแมลายเปนแนวเขตมีหวยแยกเปนสาขาอีก หลายหวย เฉพาะที่มีน้ําตลอดปไดแก หวยกิ่งบาง หวยยาแล และหวยตั้ง ลําหวยตอนกลางที่ไหลลงสูลําน้ําปง โดยตรงเชน หวยแมฮาด หวยแกงปอก หวยอันแปน้ํา หวยหาดหยวก หวยผาตา หวยอุมปาด หวยสะเรี่ยม หวย เฮือด หวยแมสา หวยแกงปวง หวยแกงจาน และหวยอมรุ ลําหวยแยกที่สําคัญของลําน้ําแมตื่น ไดแก หวยและ หวยปูลิง หวยแมหก หวยจอมหมอก หวยแพะ หวยตาก หวยใหม หวยอุกฮวม และหวยอุมหลวง นอกจากนี้ยังมีลํา หวยที่มีเฉพาะฤดูฝนอีกหลายสายดวยกัน ลําหวยสายตางๆ ดังที่กลาวมาแลวนี้กอตัวเปนลุมน้ําขนาดตางๆ ขึ้นใน เขตรักษาพันธุสัตวปาแหงนี้ ที่สําคัญไดแกลุมน้ําแมลายซึ่งเปนลุมน้ําขนาดกลางที่มีความชันของลําหวยคอนขางสูง รับน้ําจากยอดเขาตางๆ ทางตอนเหนือของพื้นที่ ทั้งที่อยูภายนอกและภายในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย เฉพาะ ยอดเขาที่อยูภายในไดแก ดอยซังโตน ดอยจําป ดอยผาแตม ดอยหินฝน ดอยยาว และดอยหัวหมด รวมถึงน้ําจาก พื้นที่ราบสูงทางตอนเหนือดวย ลุมน้ําอุมปาดเปนลุมน้ําตอนบนแยกจากลุมน้ําแมลายไหลลงสูแมปง ในลุมน้ํานี้มี หวยแยกหลายสายเชน หวยฝาย หวยปุงบาง หวยแมจาน หวยบง พื้นที่ตอนกลางของลุมน้ํานี้คอนขางราบมี หมูบานของราษฎรชาวไทยภูเขาเขามายึดเปนที่ทํากินอยูหลายหมูบาน ในสวนที่ไปบรรจบกับแมน้ําปงมีลักษณะ เปนหุบเขาชัน ลุมน้ําสะเรี่ยมตั้งอยูตอนกลางของพื้นที่รับน้ําตั้งแตดอยหลังเมือง ดอยกิ่งชางสี ดอยโตน ดอยเรี่ยม ดอยแต และยอดเขาขนาดเล็กอื่นๆ มีลําหวยแยกที่สําคัญ คือ หวยเฮือด หวยกวน และหวยหนองสามรอน ลุมน้ํา แมสาและลุมน้ําแมปวงมาบรรจบกับลุมน้ําสะเรียม กอตัวเปนลุมน้ําขนาดใหญขึ้นรับน้ําจากดอยหลังเมือง ดอยมอน จอง ดอยมาวิ่ง ดอยผามาน ดอยหลวง และดอยผาแมว หวยแมสาและหวยแมปวงวางขนานกันไปจากทิศ ตะวันออกไปสูตะวันตกมีหวยแยกสายสั้นๆ อีกมากมาย สวนลุมน้ําแกงจางและลุมน้ําแกงสรอยเปนลุมน้ําขนาดเล็ก อยูทางใตของลุมน้ําปวงไหลตรงลงสูลําน้ําปง พื้นที่ทางตอนใตประกอบดวยลุมน้ําขนาดกลางสามลุมน้ําคือ ลุมน้ํา อมรุ รับน้ําจากพื้นที่ทางตอนใตของดอยหลวง ดอยมอนจอง ดอยคู และดอยคอกไหลตรงลงลําน้ําปง ลุมน้ําอุมห ลวง จัดไดวามีสภาพภูมิประเทศสูงชันมาก รับน้ําจากดอยคูและพื้นที่บนสันเขากลางเขตรักษาพันธุสัตวปาแหงนี้ ไหลลงใตสูลําน้ําแมตื่น สวนลุมน้ําอุมฮวมกินพื้นที่บริเวณใตสุดของเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย รับน้ําจากดอยมา วิ่ง ดอยขุนแมตื่น และดอยคูไหลไปทางทิศตะวันออกเฉียงใตลงสูลําน้ําแมตื่น พื้นที่ลาดเขาทางทิศตะวันตกเปนลุม น้ําแมตื่นทั้งหมด ซึ่งแยกไดเปนลุมน้ําเล็กๆ หลายลุมน้ําดวยกัน ที่สําคัญไดแกลุมน้ําหวยเดื่อ ลุมน้ําหวยหมี เปนตน ลักษณะภูมิประเทศที่เปนสันเขาสูงชันมีหุบหวยที่ลึกและมีที่ราบนอย ทําใหสภาพพื้นที่สวนนี้ไมเหมาะสมที่จะใช เปนพื้นที่ทางการเกษตร เหมาะที่จะอนุรักษไวเพื่อการใชประโยชนดานอื่นที่เปนการอนุรักษ โดยเฉพาะเปนเขต รักษาพันธุสัตวปาดังที่รัฐบาลไดประกาศไว ซึ่งนอกเหนือจากการคงไวซึ่งสภาพความหลากหลายทางชีววิทยาแลว ยังเปนประโยชนตอการอนุรักษน้ํา ภัยธรรมชาติและยังเปนแหลงเพื่อการศึกษาวิจัยและพักผอนหยอนใจกับ ธรรมชาติดวย
4
สภาพภูมิอากาศ เนื่องจากพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอยตั้งอยูคอนไปทางภาคเหนือของประเทศ ประมาณที่ เสนรุง 17 องศา 45 ลิปดา เหนือ และอยูคอนเขามาในแผนดิน โดยสภาพที่ตั้งของพื้นที่แลวจัดไดวาอยูในพื้นที่ อิทธิพลของลมมรสุม ในชวงพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคมเปนชวงที่มีฝนตกชุกเนื่องจากไดอิทธิพลจากลมมรสุม ตะวันตกเฉียงใตที่พัดมาจากทะเลอันดามันและหางของพายุใตฝุนที่กอตัวในทะเลจีนแลวพัดขึ้นสูแหลมญวน ใตฝุน บางลูกที่มีความรุนแรงสูง มักทําใหฝนตกอยางหนักในพื้นที่โดยเฉพาะในเดือนกันยายนและตุลาคม อยางไรก็ตาม พื้นที่สวนนี้ก็จัดไดวาอยูในพื้นที่อับฝน เนื่องจากตั้งอยูทางดานใตลมฝนของลาดเขาในเทือกเขาถนนธงชัย ซึ่งฝน สวนใหญจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใตจะตกหนักทางดานลาดเขาทางตะวันตกในจังหวัดแมฮองสอนและพมา ปริมาณน้ําฝนสวนใหญจึงไดจากพายุใตฝุนจากทะเลจีน ขอมูลเฉพาะสถานีอุตุนิยมวิทยาที่เขื่อนภูมิพลซึ่งใกลพื้นที่ ทางตอนใตมากที่สุด มีคาเฉลี่ยน้ําฝนตอปเทากับ 1,060.1 มิลลิเมตร (ขอมูลจากป 1956-1985) เดือน กันยายนเปนเดือนที่มีปริมาณน้ําฝนเฉลี่ยสูงสุดมีคา 254.1 มิลลิเมตร จํานวนวันฝนตก 144.8 วันตอป สภาพ ภูมิอากาศโดยทั่วไปจัดไดวาเปนสภาพภูมิอากาศคอนไปทางดานสภาพภูมิอากาศแบบกึ่งเขตรอน ( subtropical climate) แตไมเดนชัดมาก คือมีฤดูฝนที่ยาวนาน ประมาณ 6 เดือน (rainy season) ฤดูหนาวซึ่งมีอากาศคอนขาง เย็น (cool season) ประมาณ 3 เดือน และฤดูรอน (hot season) ประมาณ 3 เดือน ในชวงฤดูฝนซึ่งเริ่มจาก เดือนพฤษภาคมไปจนถึงตุลาคม มีฝนตกบอยครั้งบางชวงอาจตกติดตอกันไปถึง 2-3 วัน แตเปนฝนที่ไมคอยรุนแรง มาก เชน ในภาคใตของประเทศ อุณหภูมิในชวงนี้คอนขางคงที่ คาเฉลี่ยอยูในชวงตั้งแต 26.9 องศา ถึง 30 องศา เซลเซียส คาเฉลี่ยสูงสุด 31.2 องศา ถึง 34.8 องศาเซลเซียส และคาเฉลี่ยต่ําสุด 22.6 องศา ถึง 25 องศา เซลเซียส เฉพาะบนยอดเขาสูงอากาศจะเย็นจัดเมื่อมีฝนตกตอเนื่อง ในฤดูที่อากาศเย็นซึ่งเริ่มจากเดือนพฤศจิกายน ไปจนถึงเดือนมกราคม อากาศโดยทั่วไปคอนขางเย็น อุณหภูมิเฉลี่ยในชวงนี้อยูในชวง 23.5 องศา ถึง 25.4 องศา เซลเซียส อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุด 29.5 องศา ถึง 30.6 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิเฉลี่ยต่ําสุด 16.8 องศา ถึง 20.2 องศาเซลเซียส แตบนยอดเขาสูงอุณหภูมิคอนขางต่ําตลอดชวงฤดูกาลนี้ ชวงฤดูรอนมีคาอุณหภูมิเฉลี่ย ประจําเดือนในชวงตั้งแต 27.5 องศา ถึง 32.1 องศาเซลเซียส คาเฉลี่ยสูงสุดประจําเดือนอยูในชวง 34.1-37.9 องศาเซลเซียส และเฉลี่ยต่ําสุด 19.5-24.9 องศาเซลเซียส คาสูงสุดที่บันทึกไดในชวงฤดูรอนสูงถึง 42.6 องศา เซลเซียส ในเดือนเมษายน และต่ําสุดที่วัดได 6.4 องศาเซลเซียสในเดือนตุลาคม ชวงความแปรผันของอุณหภูมิจึง คอนขางกวาง (กรมอุตุ-นิยมวิทยา , 2530) ขอมูลดานความชื้นในบรรยากาศของพื้นที่โดยเฉพาะคาความชื้น สัมพัทธ (Relative Humidily) มีความสัมพันธกับฤดูกาลอยางใกลชิด ในชวงฤดูฝนคาความชื้นคอนขางสูงมาก มี คาเฉลี่ยอยูในชวง 73.9 ถึง 86.7 เปอรเซ็นต ลดลงในชวงฤดูหนาว ซึ่งมีคาเฉลี่ยอยูระหวาง 70.4 ถึง 81.8 เปอรเซ็นต และคอนขางต่ําในชวงฤดูรอน มีคาอยูในระหวาง 57.3 ถึง 63.1 เปอรเซ็นต คาเฉลี่ยตลอดป 74.9 เปอรเซ็นต เฉลี่ยสูงสุด 92.7 เปอรเซ็นต เฉลี่ยต่ําสุด 53.9 เปอรเซ็นต คาบันทึกไดต่ําสุด 13.0 เปอรเซ็นต อุณหภูมิของจุดควบแนนในเดือนตางๆ อยูในชวง 15.6 ถึง 23.2 องศาเซลเซียส และคาเฉลี่ยตลอดปที่ 20.2 องศาเซลเซียส คาการระเหยน้ําจากผิวน้ําที่เปดคอนขางสูงมาก มีคาเฉลี่ย 1,624.7 มิลลิเมตร ตอป ตั้งแตเดือน มกราคมถึงเดือนกันยายน ลมพัดมาจากทิศตะวันตก สวนเดือนตุลาคมถึงธันวาคมลมพัดมาจากทิศตะวันออก คาเฉลี่ยของลมในเดือนตางๆ อยูในชวง 2.5 นอตส ถึง 5.1 นอตส ขอมูลตางๆ เหลานี้นับวานาสนใจ
5 สภาพธรณีวิทยาและปฐพีวิทยา พื้นที่บริเวณเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย สวนใหญเปนเทือกเขาหินกลางเกากลางใหม กอตัวใน มหายุคพาลีโอ-โซอิกและมหายุคมีโซโซอิก ลักษณะหินจึงเกี่ยวของกับมหายุคทั้งสองนี้ หินสวนใหญที่ปรากฏใหเห็น ในเทือกเขาแถบนี้เปนหินแปรที่ตกตะกอนในมหายุคพาลีโอโซอิกวางซอนทับอยูบนหินในมหายุคพรีแคมเบรียน (Precambrian) และเหนือหินในมหายุคพาลีโอโซอิกนี้ยังคลุมดวยหินจากการตกตะกอนในทะเลและหินจากภูเขา ไฟ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในยุคเพอเมี่ยน (permian) ตอนตนตอกับยุคไตรแอสซิกและซีโนโซอิก นอกจากนี้ยังมีหินแกรนิต ปรากฏเปนตอนๆ อยูดวย หินในมหายุคพรีแคมเบรียน ( Precambrian rocks) ประกอบดวยระดับชั้นหินแปรที่ คอนขางสมบูรณประกอบดวย paragneiss และ orthogneiss schist, calc-silicates, quartzite และหินออน ปรากฏอยูตอนกลางของเขตรักษาพันธุสัตวปา หินในกลุมหิน gneiss มีสีเปนสีเทาออนเปนสวนใหญ เนื้อละเอียด เปนรูปเหลี่ยมไปจนถึงเนื้อหยาบพรุน มีแถบหรือรอยเคลือบที่แยกไดจากความแตกตางของเนื้อหินที่มีเม็ดไมเทากัน และธาตุที่เปนสวนผสมอยู หินสวนใหญประกอบดวย quartz, plagioclase, K-feldspar และ biotite นอกจากนี้ ยังพบ silimanite และ almandite เปนองคประกอบอยูดวยในหิน paragneiss หินในกลุม gneissic rocks นี้ มี aplite และ pegmatite รวมถึงแนวของ quartz ปรากฏอยูทั่วไป ชั้นหินเหลานี้สวนใหญปกคลุมดวยหิน quartzite และ limestone ของมหายุคพาลีโอโซอิกในหลายทองที่ บางครั้งพบเปนรอยซอนทับตอเนื่องกันไป หิน ในมหายุคพาลีโอโซอิก หินยุคนี้ในทางภาคเหนือของประเทศไทยอาจแบงไดตามหลักการทางธรณีวิทยาถึง 6 กลุม จากยุคแคมเบรียน (Cambrian) ไปจนถึงยุคเพอเมียน ( Permian) ที่พบในพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปาแหงนี้สวน ใหญเปนหินแปรที่ตกตะกอนในชวงตนๆ ของมหายุคพาลีโอโซอิก หินในยุคแคมเบรียนรวมถึงยุคโอโดริเชียน ประกอบดวยหินสีชมพูออนสีน้ําตาลออน มีชั้นหนา เนื้อละเอียดปานกลาง สวนใหญเปน quartzite ที่มี phyllite ผสมอยูเปนสวนนอยกับเปน quartzitic sandstone ในเนื้อหินเหลานี้อาจพบ quartz และ chert สีดํามีลักษณะ เปนกรวดกลมมีเสนผาศูนยกลางถึง 1 เซนติเมตร ฝงอยูภายในหิน quartzite หินในปลายยุคแคมเบรียนนี้ปกคลุม ดวยหินในยุคโอโดวิเชียน ซึ่งมีหิน argillaceous limestone และชั้นหิน shale หิน quartzitic sandstone และ แถบของ limestone อยูดวย บางตอนเปนชั้นของหิน limestone หนา มีสีเทาจนถึงเทาแก ความหนาของชั้นนี้ อาจถึง 800 เมตร ชั้นหินโอโดวิเชียนนี้จะคลุมดวยชั้นหินในมหายุคกลางพาลีโอโซอิก การศึกษาทางธรณีวิทยาใน พื้นที่นี้ยังมิไดมีการกระทํากันอยางละเอียด อยางไรก็ตามปรากฏวาพื้นที่ในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอยมีแหลงแร สําคัญอยูหลายชนิดบางชนิดไดมีการขุดคนขึ้นมาใชกอนที่จะประกาศเปนเขตรักษาพันธุสัตวปา โดยเฉพาะแร ฟลูออไรทและพลวง ซึ่งราษฎรในพื้นที่ยังเขาไปขุดหากันอยู
ทรัพยากรปาไม เขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย ยังมีสภาพปาสมบูรณแหงหนึ่งของประเทศ ชนิดปาที่สําคัญไดแก 1. สังคมปาดงดิบเขา (Hill evergreen forest) มีการกระจายอยูบนยอดเขาสูงบริเวณแนวเขตทางทิศตะวันตกของ พื้นที่โดยเฉพาะยอดดอยมอนจองและยอดเขาอื่นๆ บริเวณขุนแมตื่น ปาชนิดนี้อาจจัดเปนปาดงดิบเขาระดับต่ํา (Lower Montane Forest) ปจจัยที่เปนตัวกําหนดของสังคมคือความหนาวเย็นที่คอนขางคงที่ตลอดป ฉะนั้นจึง ปรากฏอยูตั้งแตระดับความสูงที่เกินกวา 1,200 เมตรขึ้นไป ลักษณะโดยทั่วไปเปนปาที่ไมผลัดใบมีไมในวงศไมกอ (Fagaceae) เปนไมเดนในสังคม ในพื้นที่ที่คอนขางมีปจจัยแวดลอมเหมาะสม คือมีดินคอนขางลึกและไมมีลมพัด จัดเกินไป ลักษณะโครงสรางทางดานตั้งอาจแบงไดเปน 3 ชั้นเรือนยอด เรือนยอดชั้นบนสุด ประกอบดวยไมสูง ประมาณ 20-25 เมตร มีเรือนยอดที่แนนทึบตอเนื่องกันไป ชนิดพรรณไมสําคัญ ไดแก กอตาควาย กอตาหมู กอ คํา กอหยุม กอขาวใบนวล เหมือดคนตัวผู คาหด ยมหอม ขาตน จันทรทอง และจําปปา เปนตน ไมชั้นรอง
6 ประกอบดวยไมขนาดกลาง มีความสูงประมาณ 10-15 เมตร สวนใหญเปนไมทนรมไดดีขึ้นสอดแทรกระหวางไม ในชั้นเรือนยอดทําใหสังคมปาชนิดนี้ดูแนนทึบ ชนิดไมสําคัญไดแก เหมือดดอย ตะไครตน เมี่ยงหลวง หวาหลวง ราม หวาดอยอางเท เมี่ยงอีอาม จองหอม เหม็ดชุนตัวผู ทะโล มะขามแป หลงหนาม นวนเสียน เปนตน พื้นปา คอนขางรกทึบดวยพืชจําพวกเฟรน ไมพุม เถาวัลยขนาดเล็ก และพืชลมลุกอยางอื่นโดยเฉพาะในสกุลขิงขา ใน ชองวางที่มีแสงลงถึงพื้นมักปรากฏ ไมเหลานี้คือ คําแดง หนาดเขา เพลี้ยกระทิง วานหัวเสือ อานอย และอาหลวง เปนตน บนพื้นดินปกคลุมดวยตะไคร และมอสหลายชนิดดวยกัน สวนบนกิ่งและลําตนของไมอาจพบกลวยไมและ พืชเกาะติดปรากฏหลายชนิดดวยกัน เชน ประทัดทอง สะเภาลม และกลวยไมในสกุล Ione, Bulbophyllum, Thelasis, dendrobium, porpax, Eria และอื่นๆ อีกมาก ปาดงดิบเขาจัดไดวาเปนแหลงรวมของพรรณไมที่หา ยากทั้งระดับโลกและระดับประเทศหลายชนิด บางชนิดเปนพรรณไมที่มีศูนยกลางการกระจายอยูในเขตอบอุน และในเขตเทือกเขาหิมาลัยที่รุกล้ําเขามาในเขตรอน โดยเฉพาะกําลังเสือโครง และนางพญาเสือโครง มักพบอยู ทั่วไปในที่โลงสองขางทาง คุณคาของปาชนิดนี้ในดานการอนุรักษความหลากหลายของมวลชีวภาพจึงคอนขางสูง แตเนื่องจากปกคลุมในพื้นที่ที่มีดินลึกและอากาศหนาวเย็นตลอดป เหมาะตอการปลูกพืชเกษตรเมืองหนาวเชน กระหล่ําปลี จึงทําใหพื้นที่ปาชนิดนี้ถูกทําลายอยางหนัก ผลจากการศึกษาหมูไมตัวอยางในพื้นที่ปรากฏวาไมที่มี เสนผาศูนยกลางเกินกวา 4.5 เซนติเมตร วัดที่ระดับอก ( 1.30 เมตรจากผิวดิน) มีความหนาแนน 1,020 ตนตอ เฮกแตร เปนไมใหญที่มีเสนผาศูนยกลางเกินกวา 10 เซนติเมตร ประมาณ 740 ตนตอเฮกแตร พื้นที่หนาตัดของ ไมที่มีเสนผาศูนยกลางตั้งแต 4.5 เซนติเมตร มีประมาณ 36 ตารางเมตรตอเฮกแตร ไมเดนในสังคมซึ่งพิจารณา จากคาความสําคัญ ไดแก เหมือดคนตัวผู กอตาควาย ตาหานเขา และกอตาหมู เปนตน 2. สังคมหนาผาและลาน หิน (Cliff community and rocky area) สังคมพืชชนิดนี้คลุมพื้นที่ไมมากปรากฏใหเห็นไดเฉพาะบนยอดเขาสูง และบริเวณหนาผาที่ชันโดยเฉพาะบริเวณผาหินปูนริมฝงแมน้ําปงและดอยมอนจองซึ่งเปนยอดเขาที่สูงสุดในพื้นที่ เฉพาะบริเวณเหลี่ยมผาดานทิศตะวันตกของ ดอยมอนจองปกคลุมดวยหญาและไมพุมขนาดเล็ก ลักษณะของสังคม พืชชนิดนี้เกิดขึ้นเนื่องจากสภาพดินที่ตื้นมาก บางตอนเปนดินที่ทับถมอยูในซอกหิน การกักเก็บน้ําในดินคอนขาง เลวเนื่องจากความลาดชันและเปนทรายจัด นอกจากนี้เหลี่ยมผาที่มีความลาดชันมากตั้งรับลมที่พุงเขาปะทะอยาง รุนแรงทําใหไมใหญไมสามารถเขามายึดครองพื้นที่ได คงมีแตไมพุมเตี้ยหรือไมที่คดงอในซอกหินที่พอมีดินอยูบาง บางสวนก็ปกคลุมดวยหญาหลายชนิดซึ่งมีรูปชีวิตที่ทนทานตอสภาพเชนนี้ ในชวงฤดูแลงหญาตางๆ ก็ลมตายลง คงเหลือไวแตหัวหรือหนอชิดผิวดิน ไมพุมก็ผลัดใบทิ้งกอใหเกิดเชื้อไฟเปนจํานวนมากขึ้นในสังคมชนิดนี้ ไฟปาจึง เกิดขึ้นอยูเปนประจําในชวงฤดูแลง สวนลาดเขาดานทิศตะวันออกของดอยมอนจองซึ่งเปนลาดเขาที่อยูดานตรง ขามกับทิศทางลมที่พัดจัด สภาพพื้นที่จึงปกคลุมดวยปาดงดิบเขาที่แคระแกรน ทั้งนี้เนื่องจากดินที่ตื้นและกําลังลม ที่คอนขางแรง ในสังคมพืชชนิดนี้มีเรือนยอดชั้นบนสุดสูงไมเกิน 7 เมตร พรรณไมสวนใหญเปนชนิดเดียวกันกับไม ชั้นรองในปาดงดิบเขาที่สมบูรณแตมีขนาดลําตนที่เล็กวาและคดงอเนื่องจากแรงลม นอกจากนี้ยังมีไมในวงศไมกอที่ มีลําตนแคระแกรนขึ้นผสมอยูดวย สวนบริเวณทุงหญาบนสันเขาและหนาผาประกอบดวยหญาหลายชนิด โดยเฉพาะหญาคา หญาลิ้นงู คนทิคิน กระดุมเงิน หญาชันอากาศ หญาขน ทรงกระเทียม หญาปลองหิน ตองกง กูด กวาง โดไมรูลม กระตายจาม และผักชีโคก เปนตน สังคมทุงหญามักเกิดไฟปาเปนประจําเนื่องจากหญาแหงตาย กลายเปนเชื้อเพลิงที่ดี การจุดเพลิงมักมีสาเหตุมาราษฎรในพื้นที่ที่ทําการจุดเผาพื้นที่ไรเลื่อนลอยและซังขาวในทอง นาในหุบหวย ไฟจะลุกลามขึ้นบนหนาผาอยางรวดเร็ว ลมที่พัดคอนขางจัดชวยเสริมใหการคืบคลานของเพลิง เปนไปเร็วมากยากตอการควบคุมไฟ ในชวงปที่แหงแลงจัด ไฟปาอาจกินเขาไปถึง ปาดงดิบเขาบางตอนและทําให ตนไมลมตายเปนจํานวนมากและทุงญาก็จะเขาไปทดแทน สังคมผาชันและทุงหญานี้มีความสําคัญมากตอกวางผา และเลียงผาอันเปนสัตวปาสงวนของชาติ สัตวทั้งสองชนิดนี้ไดอาศัยเปนแหลงหลบภัยและหากิน 3. ปาดงดิบแลง
7 (Dry Evergreen Forest) เปนสังคมพืชที่ปรากฏอยูในเขตรักษาพันธุสัตวปาแหงนี้คอนขางนอย สวนใหญกระจาย อยูบริเวณลุมหวยในระดับสูงที่เปนรอยตอกับปาดงดิบเขาระดับต่ําและในรองหวยหรือชานหวยที่มีความชื้นจัด ตลอดป ลักษณะโครงสรางทางดานตั้งแบงไดเปน 3 ชั้นเรือนยอด ไมสําคัญในเรือนยอดชั้นบนไดแก ตะเคียนทอง ขนุนปา หวา เขลง จําปปา กระบาก และไมผลัดใบที่ผสมอยูในชั้นนี้ เชน ตะแบกเปลือกบาง หอมไกลดง ขาวหลาม มะดูก ไมชั้นรองที่พบไดแก คางคาว ลําใยปา มะไฟปา กัดลิ้น ฮังแกง ลําดวนดง เฉียงพรานางแอ เลือดแรด เลือด กวาง มะเมา และหวา เรือนยอดของปาคอนขางตอเนื่องกันจนแสงแดดลอดลงสูพื้นไดไมมาก จึงทําใหพืชจําพวก หญาปรากฏใหเห็นไดนอยมาก ชั้นของพื้นปาจึงประกอบดวยกลาไมของไมชั้นบนเปนสวนใหญ ขึ้นผสมกับไมพุม ขนาดเล็กที่ทนรมไดดีผสมกับพืชลมลุกโดยเฉพาะพืชในวงศขิงขา และไมลมลุกอยางอื่น เชน หวาชะอํา หญาโอน ฉัตรฟา อั้ว และสามรอยยอด ขอมูลจากหมูไมตัวอยางปรากฏวาไมใหญที่มีเสนผาศูนยกลางเพียงอกเกิน 10 เซนติเมตรขึ้นไป มีจํานวน 250 ตนตอเฮกแตร สวนไมที่มีเสนผาศูนยกลางเกินกวา 4.5 เซนติเมตรขึ้นไป มี 325 ตนตอเฮกแตร และพื้นที่หนาตัดประมาณ 45 ตารางเมตรตอเฮกแตร คาดัชนีความสําคัญของพรรณไมในปานี้ แสดงวา ไมคางคาวเปนไมที่มีความเดนสูงสุด นอกจากนั้นก็มีหอมไกลดงมีความเดนรอง สวนไมอื่นๆ มีปรากฏไม มากในอัตราสวนที่ใกลเคียงกัน 4. ปาผสมผลัดใบ (Mixed Deciduous Forest) เปนสังคมพืชที่ครอบคลุมพื้นที่ ของเขตรักษาพันธุสัตวปาแหงนี้อยางกวางขวางรองจากสังคมปาเต็งรัง ปรากฏอยูทั่วไปตั้งแตที่ราบหรือในที่ลาดชัน นอยและบนไหลเขาหรือยอดเขาที่มีความลาดชันมากแตมีดินลึกและระดับความสูงไมเกิน 1,200 เมตร พิจารณา จากไมเดนในสังคมอาจแบงสังคมพืชชนิดนี้ออกเปนสองสังคมยอย คือสังคมปาผสมผลัดใบที่มี ไมสัก และสังคมปา ผสมผลัดใบที่ไมมีไมสัก ปาผสมผลัดใบที่มีไมสักมีลักษณะโครงสรางของสังคมทางดานตั้งแบงไดเปน 3 ชั้นเรือน ยอด เรือนยอดชั้นบนสุดมีความสูงประมาณ 25-35 เมตร ไมเดนในชั้นนี้ไดแก ไมสัก ประดู แดง ตะครอ รกฟา ซอ งิ้วปา ตะเคียนหนู พฤกษ และสมอพิเภก ปกติเรือนยอดของไมชั้นนี้ไมตอเนื่องกัน เปดโอกาสใหไมชั้นรองเขา มาผสมอยูเปนจํานวนมาก เรือนยอดของไมชั้นรองโดยทั่วไปมีความสูงประมาณ 10-25 เมตร ไมเดนของชั้นนี้ ไดแก กระทอมหมู ดูแดง เก็ดแดง ปจั่น แคทราย สมอไทย ขี้อาย ตีนนก มะกอก และเต็งหนาม เปนตน ชั้นของไม พุมมีความสูงไมเกิน 5 เมตร ประกอบดวย แสลงใจ ฉัตรมะยม ยอปา แหวน ปป นอกจากนี้ยังมีเถาวัลยขึ้นอยู หลายชนิด เชน เสี้ยวเครือ กวาวเครือ ถั่วลาย และจิ้งจอเหลือง เปนตน ปาผสมผลัดใบเปนแหลงไมไผที่สําคัญของ ประเทศ ชนิดที่ผสมอยูในปาชนิดนี้ ไดแก ไผซาง ไผซางนวล ไผบง ไผหนาม ไผรวก และไผไร สภาพปาโดยทั่วไป โลงเตียนในชวงฤดูแลงหลังไฟปาและรกทึบในฤดูฝน ปาผสมผลัดใบที่ไมมีไมสักโครงสรางสวนใหญเหมือนกันกับที่มี ไมสัก แตไมสักไมปรากฏ ฉะนั้นไมเดนในชั้นเรือนยอดบนสุดจึงประกอบดวยไมแดง ประดู สมอพิเภก รกฟา ตะแบกใหญ และตะเคียนหนู ที่ปรากฏอยูในทองที่นี้มักมีความสูงเกินกวา 800 เมตรขึ้นไป ซึ่งอยูเหนือระดับที่ไม สักจะขึ้นได ยกเวนในบางพื้นที่อาจพบในระดับต่ําได ปาผสมผลัดใบชนิดนี้บางครั้งพบบนเขาหินปูนในระดับสูงขึ้น ผสมกับไผรวก และมีไมกอบางชนิดเขามาผสม แตพื้นปามักรกทึบดวยหญา ไฟปาเกิดขึ้นทุกป ผลการศึกษาจาก แปลงตัวอยางในสังคมปาชนิดนี้ปรากฏวา ความหนาแนนของตนไมมีความผันแปรคอนขางสูงขึ้นอยูกับสภาพทองที่ โดยเฉพาะความลึกของดินและความลาดชัน จํานวนไมใหญที่มีเสนผาศูนยกลางเกินกวา 10 เซนติเมตรขึ้นไป มี ประมาณ 235 ตนตอเฮกแตร ในพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ สวนความหนาแนนของไมที่มีเสนผาศูนยกลางตั้งแต 4.5 เซนติเมตร ซึ่งถือวาเปนไมที่พนการทําลายจากไฟปาแลวมี 255 ตนตอเฮกแตร โดยมีพื้นที่หนาตัดประมาณ 26 ตารางเซนติเมตร ไมที่มีคาดัชนี ความสําคัญสูง ไดแก สัก ประดู รกฟา ตะครอ เปนตน 5. สังคมปาเต็งรัง (Deciduous Dipterocarp Forest) เปนสังคมพืชที่ครอบคลุมเนื้อที่ของเขตรักษาพันธุสัตวปาแหงนี้มากที่สุด พบ อยูทั่วไปทั้งในที่ราบและบนเขาสูงชันที่มีความสูงต่ํากวา 1,100 เมตรลงมา สวนใหญปกคลุมอยูในพื้นที่ที่มีดิน คอนขางตื้น เปนทรายจัดหรือมีหินผสมอยูมากหรือในพื้นที่ที่มีชั้นของดินลูกรังปรากฏอยูชิดผิวดิน ลักษณะของ
8 สังคมอาจแบงโดยใชไมเดนในเรือนยอดเปนหลักออกไดเปนสองสังคมยอย คือปาเต็งรังที่มีไมพลวงเดนและปาเต็งรัง ผสมสน 6. ปาเต็งรังที่มีไมพลวงเดน ( Deciduous Dipterocarp with Pluang) เปนลักษณะปาเต็งรังสวนใหญใน เขตรักษาพันธุสัตวปาแหงนี้ ขึ้นอยูในพื้นที่ที่มีดินคอนขางลึก อาจเปนดินทรายจัดหรือดินเหนียวปนทราย มี โครงสรางของเรือนยอดทางดานตั้งแบงไดเปน 3 ชั้น ชั้นบนสุดมีความสูงอยูในชวง 25-30 เมตร ไมเดนของชั้นนี้ ไดแกไมพลวง ขึ้นผสมอยูกับไมเต็ง รัง รกฟา กอแพะ ในบางพื้นที่อาจพบไมเหียง ปรากฏอยูดวย ในปาที่ไมถูก รบกวนโดยมนุษย เรือนยอดคอนขางตอเนื่องกัน แตปกติไมที่มีคุณคาโดยเฉพาะไมเต็งมักถูกลักลอบตัดออกไปทํา ใหเรือนยอดชั้นบนขาดออกจากกัน กอใหเกิดชองวางขึ้น ไมชั้นรองประกอบดวยไมขนาดกลางมีความสูงประมาณ 18 เมตร ไมสําคัญของเรือนยอดชั้นนี้ไดแก ตะครอ สารภี รักใหญ มะกอกเกลื้อน ตะโกพนม มะมวงหัวแมงวัน และไมชั้นรองที่ปรากฏอยูในปาผสมผลัดใบยกเวนไผ ในชั้นไมพุมมีความสูงไมเกิน 5 เมตร ประกอบดวย เหมือดจี้ มะดังแดง แสลงใจ หัวแหวน แขงกวาง คนทา และผักหวาน นอกจากนี้ยังมี เปง ขึ้นกระจายทั่วไป พื้นปาในชวงฤดู ฝนคอนขางรกทึบดวยหญาและพืชลมลุกมากมายชนิด เชน หญาจาม หญาขน กกรังกา หญาหวาย แขมหลวง ขา ปา หญายายเภา เอื้องหมายนา สันดิน เปราะปา ขาลิง นางอั้วนอย นางอั้ว ดอกดิน และพืชในสกุล Curcuma, Hibiscus, Cyperus และ Eriocaulon อีกหลายชนิด ปาเต็งรังในสังคมยอยนี้มีความหนาแนนของไมที่มี เสนผาศูนยกลางเกินกวา 10 เซนติเมตรขึ้นไปประมาณ 455-1,226 ตนตอเฮกแตร สวนความหนาแนนของไมที่ มีเสนผาศูนยกลาง 4.5 เซนติเมตรขึ้นไป ซึ่งถือวาพนจากการทําลายของไฟปาแลว มีประมาณ 480-1,300 ตน ตอเฮกแตร โดยมีพื้นที่หนาตัดประมาณ 10-25 ตารางเมตรตอเฮกแตร ไมที่มีคาดัชนีความสําคัญสูง ไดแก รัง พลวง เต็ง มะกอกเกลื้อน กอแพะ และรกฟา สังคมยอยเต็งรังผสมสน ( Deciduous Dipterocarp with Pine) สวนใหญพบปรากฏอยูบนยอดเขาสูง ปกติพบตั้งแตระดับความสูงประมาณ 600 เมตรขึ้นไปถึง 1,200 เมตรจาก ระดับน้ําทะเล สังคมพืชที่มีไมสนของเมืองไทยอาจแบงไดเปนสองสังคมยอยคือ สังคมยอยสนผสมกอ และเต็งรัง ผสมสน ที่พบในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอยเปนสังคมยอยชนิดหลัง ลักษณะโครงสรางของสังคมยอยเต็งรังผสม สน แบงเรือนยอดออกไดเปน 3 ชั้น เรือนยอดชั้นบนสุดเปนสนสองใบ ลักษณะเรือนยอดไมตอเนื่องกระจายอยู หางๆ เหนือเรือนยอดของไมในปาเต็งรัง สวนใหญมีความสูงเกินกวา 25 เมตรขึ้นไป ในบางจุดอาจพบไมพลวง บาง ตนที่สูงขึ้นมาผสมอยูในชั้นนี้ เรือนยอดชั้นรองมีความสูงประมาณ 15-20 เมตร เปนเรือนยอดที่คอนขาง ตอเนื่องกันโดยตลอด พรรณไมในระดับนี้ประกอบดวยไมพลวงเปนไมเดน ผสมดวยเต็ง กอแพะ สมอไทย รักใหญ และไมอื่นๆ ที่มีพบในปาเต็งรังทั่วไป สวนเรือนยอดชั้นที่สามเปนไมพุมและไมขนาดเล็ก มีความสูงไมเกิน 10 เมตร และเปนพรรณไมที่ปรากฏในเรือนยอดชั้นรองของปาเต็งรังทั่วไป พื้นปาประกอบดวยหญาและพืชลมลุกเปนสวน ใหญ แตเนื่องจากใบสนที่สลายตัวชาจึงมักมีความหนาแนนของพื้นปานอยกวาปาเต็งรัง ขอมูลจากหมูไมตัวอยาง ของสังคมพืชชนิดนี้ปรากฏวา ไมใหญที่มีเสนผาศูนยกลางเกินกวา 10 เซนติเมตรขึ้นไป มีความหนาแนน 280- 540 ตนตอเฮกแตร ขึ้นอยูกับความลึกและความสมบูรณของดิน แตเมื่อพิจารณาจํานวนตนไมที่มีเสนผาศูนยกลาง ตั้งแต 4.5 เซนติเมตรขึ้นไป ความหนาแนนเพิ่มเปน 550-700 ตนตอเฮกแตร มีพื้นที่หนาตัดประมาณ 23-27 ตารางเมตรตอเฮกแตร ไมที่มีดัชนีความสําคัญสูง ไดแก พลวง เต็ง สนสองใบ สมอไทย และรักใหญ 7. สังคมไรราง (Old Clearing and Shifting Cultivation Areas) ผลจากการทําลายปาของชนกลุมนอยโดยเฉพาะชนเผา กะเหรี่ยง มูเซอ และสั้ว ซึ่งอาศัยอยูในพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปาบางสวนและหมูบานโดยรอบกอใหเกิดสังคมพืชที่ อยูในระหวางการทดแทน ( successional stage) หลายระดับดวยกัน ความแปรผันของสังคมพืชที่อยูในระหวาง การทดแทนนี้ขึ้นอยูกับความรุนแรงในการทําลาย ชวงเวลาที่ถูกทอดทิ้งไว และสังคมปาดั้งเดิมกอนถูกทําลาย ปกติ ชนเผากะเหรี่ยงมักยึดพื้นที่ในทองหวยเพื่อการทํานาถาวร และทําการถางปาเพื่อตกกลาและปลูกขาวไรและพืชผัก เสริมบริเวณลาดเขาชิดลําหวย สวนชนเผามูเซอ ยึดครองพื้นที่บนยอดเขาสูงในปาดงดิบเขา ถางปาบนลาดเนินเพื่อ
9 ปลูกขาวไรและฝน แตในปจจุบันไดเปลี่ยนเปนไรกระหล่ําปลีเปนสวนใหญ มีการเปลี่ยนพื้นที่บอยครั้งเมื่อพื้นที่เดิม หมดความสมบูรณ สังคมพืชที่ขึ้นทดแทนในพื้นที่ถูกทําลายดังกลาวที่ปรากฏมีหลายรูปแบบ ในพื้นที่ที่มีดินคอนขาง เลวมากมักปกคลุมดวยหญาคา เปนพืชเดน ภายใตหญาคานี้อาจพบพืชอยางอื่นผสมอยูเชน โชนใหญ เขมรเล็ก หญานิ้วหนู และเลา หากพื้นดินมีความชื้นมากขึ้นอาจพบสาบเสือเขามาผสมและในบางตอนอาจทําใหหญาคาหมด ไป สวนไรรางบริเวณริมลําหวยหรือในหุบที่ชื้นจัดมักปกคลุมดวยหญาพง เลา แขมหลวง และตองกง ในพื้นที่ที่ถูก ทําลายไมรุนแรงยังมีตอของไมเดิมขึ้นอยู สังคมพืชก็จะปกคลุมดวยไมที่แตกหนอจากตอเดิม ผสมกับไมที่เปนไมเบิก นําของแถบนี้ เชน มะเดื่อหอม ติ้วขาว โมกหลวง หวา ลําพูปา พังแพร และปอชนิดตางๆ ในพื้นที่บางตอน โดยเฉพาะริมถนนปรากฏวามีไมยราบเครือ รุกล้ําเขามายึดครองทั่วไป และบริเวณริมลําหวยชายน้ําปรากฏวามี ไมยราบตนขึ้นคอนขางหนาแนน ไมทั้งสองชนิดนี้เปนไมตางถิ่นที่นําเขามาและเปนประโยชนตอสัตวปานอย
ทรัพยากรสัตวปา เขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอยมีสัตวปาที่สําคัญหลายชนิดทั้งสัตวเลี้ยงลูกดวยนม สัตวปก และ สัตวเลื้อยคลานอื่นๆ เปนจํานวนมาก จากการสํารวจพบ 1) สัตวเลี้ยงลูกดวยนม 43 ชนิดพันธุ 37 สกุล 21 วงศ ที่สําคัญไดแก กวางผา ชางปา เลียงผา วัวแดง กระทิง เสือโครง เสือดาว หมีควาย เสือไฟ หมีหมา หมาใน ลิงลม คางแวนถิ่นเหนือ ชะนีมือขาว และลิ่นใหญ ฯลฯ จากระดับความมากนอย (Degree of Abundance) ที่ประเมินได จากการศึกษาในพื้นที่ โดยพิจารณาจากความบอยครั้งที่พบ สภาพรองรอยที่ปรากฏ และขอมูลจากผูปฏิบัติงานใน พื้นที่ พบวาในเขตรักษาพันธุสัตวปาแหงนี้มีแนวโนมวา สัตวที่มีเกณฑประชากรอยูในระดับที่พบมาก มีนอยมาก เพียง 9 ชนิด คิดเปนรอยละ 20.9 สวนใหญเปนสัตวขนาดเล็กและเปนสัตวที่ปรับตัวไดคอนขางดี สามารถเลือกใช อาหารและถิ่นอาศัยไดหลายรูปแบบ ตัวอยางเชน กระแตธรรมดา กระรอกทองแดง กระจอน และแมวดาว สัตวที่ พบระดับปานกลาง มีอยู 19 ชนิด คิดเปนรอยละ 44.2 และสัตวที่พบนอยมีอยู 15 ชนิด คิดเปนรอยละ 34.9 สัตวทั้ง 2 กลุมนี้มักเปนสัตวขนาดใหญและขนาดกลางซึ่งมีประชากรอยูไมมากและพบอาศัยอยูในพื้นที่เปนปา ไดแก ปาผสมผลัดใบ ปาเต็งรัง และปาดงดิบเขา โดยหลีกเลี่ยงจากบริเวณที่มีกิจกรรมของมนุษย เชน พื้นที่ เกษตรกรรม แนวถนน และที่ตั้งหมูบาน 2) นก 181 ชนิดพันธุ 125 สกุล 47 วงศ ที่สําคัญไดแก ไกฟาหลังเทา ไกฟาหลังขาว นกยูง นกแวนสีเทา นกเกก นกเงือก นกเงือกกรามชาง นกอินทรีดํา และเหยี่ยวเพเรกริน นอกจากนี้ ยังพบนกที่มีความสวยงาม และควรคาแกการอนุรักษ โดยเฉพาะนกขุนทอง และนกในวงศแกว ฯลฯ ชนิดนกที่พบ ในพื้นที่สวนใหญเปนนกประจําถิ่น ไดแก นกกระสานวล นกกระแตแตแวด เหยี่ยวแดง ซึ่งพบ หากินตามแหลงน้ํา ใหญตลอดแนวลําน้ําปง และนกปาขนาดเล็กอีกหลายชนิด ชนิดที่นาสนใจและควรกลาวถึงคือ นกภูหงอนพมา ไดรับการบันทึกวาเปนนกที่พบในประเทศไทยครั้งแรกโดย Round (1983) โดยพบเพียง 1 ตัว บนดอยมอนจอง และอาจเปนนกอพยพ แตจากการพบนกภูหงอนพมาในบริเวณปาดิบเขาบนดอยมอนจอง ในเขตอําเภอสามเงา จังหวัดตาก เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2534 ไดพบนกชนิดนี้จํานวน 3 ตัว เปนนกที่โตเต็มวัย 2 ตัว กําลังคาบเหยื่อ มาปอนลูก ซึ่งแสดงใหเห็นวานกดังกลาวเปนนกประจําถิ่นที่มีการสรางรังวางไขในพื้นที่ดวย สวนนกอพยพที่เขามา อาศัยอยูในพื้นที่ชวงฤดูหนาว พบอยูนอยชนิด เชน เปดลาย และเปดแดง ซึ่งเคยพบมากบริเวณชายแหลงน้ําใกล ดอยเตา จังหวัดเชียงใหม แตในชวงหลังนี้พบนอยลงเนื่องจากแหลงน้ําดังกลาวซึ่งเคยกวางถึง 4 กิโลเมตร ลดระดับ ลงกลายเปนแนวแมน้ําไมกวางมากเหมือนในอดีต นอกจากนั้นยังพบสมาชิกในวงศนกเดาลม นกกระจอยวงตาสี ทอง นกกระจี๊ดตางๆ และนกพงปากหนา จากจํานวนนกที่ทราบทั้งหมด 181 ชนิด พบอยูจํานวน 9 ชนิด คิดเปน รอยละ 4.4 จัดเปนชนิดที่ถูกคุกคามและกําลังจะกลายเปนสัตวที่กําลังจะสูญพันธุ ไดแก นกอินทรีดํา นกลุมพู นก เงือกกรามชาง นกกาฮัง ไกฟาหลังเทา นกยูง ไกฟาหลังขาว นกแวนสีเทา และยังมีเหยี่ยวเพเรกรินที่กําลังจะสูญ
10 พันธุ พบบินรอนในบริเวณใกลหนาผาหินที่สูงชันของ ดอยมอนจอง สภาพความมากนอยของนกที่ประเมินไดโดย จําแนกออกเปน 3 ระดับ ไดแก ระดับที่พบเห็นไดนอย ระดับปานกลาง และระดับที่พบไดคอนขางบอยมาก พบวา ในพื้นที่มีจํานวนชนิดนกที่แตกตางกัน เปนจํานวน 60, 85 และ 36 ชนิด ตามลําดับ โดยคิดเปนรอยละ 33.1, 47.0 และ 19.9 ของชนิดนกที่พบทั้งหมด รวม 181 ชนิด ซึ่งจะเห็นไดวาจํานวนนกสวนใหญถึง 4 ใน 5 มี จํานวนไมมากและพบไดไมบอยครั้ง 3) สัตวเลื้อยคลาน 31 ชนิดพันธุ 25 สกุล 11 วงศ ที่สําคัญไดแก ตะกวด กิ้งกาหนามไหลแถบ งูสิง งูทางมะพราว งูสามเหลี่ยม ตะพาบน้ํา และเตาเหลืองฯลฯ ระดับความมากนอยของ สัตวเลื้อยคลานประเมินไดคอนขางยากกวาสัตวปก และสัตวปาเลี้ยงลูกดวยนม เนื่องจากความถี่ของการพบเห็น และชนิดสัตวในสกุลและวงศเดียวกันมีนอยชนิด อยางไรก็ตามการประเมินไดในขั้นนี้นับเปนเพียงพื้นฐานการ เปรียบเทียบเทานั้น จํานวนชนิดของสัตวที่พบนอยมี 8 ชนิด คิดเปนรอยละ 25.8 ชนิดที่พบปานกลาง 17 ชนิด คิดเปนรอยละ 54.8 และพบมาก 6 ชนิด คิดเปนรอยละ 19.4 การไดรับความคุมครองจากการกําหนดสถานภาพ ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุมครองสัตวปา พ.ศ. 2535 พบวาเปนสัตวปาคุมครองรวม 7 ชนิด คิดเปนรอยละ 22.6 ไดแก กิ้งกาหัวสีน้ําเงิน กิ้งกาหัวสีแดง งูเหลือม งูทางมะพราว และที่เหลืออีก 24 ชนิด คิดเปนรอยละ 77.4 เปน สัตวที่มิไดรับการกําหนดสถานภาพตาม พ.ร.บ. แตไดรับการคุมครองเนื่องจากอาศัยอยูในเขตรักษาพันธุสัตวปา สถานภาพปจจุบันของสัตวเลื้อยคลานที่พบ ไมมีชนิดใดที่ตกอยูในสภาวะเปนสัตวที่กําลังจะสูญพันธุ หรือเปนสัตวที่ ถูกคุกคามกําลังจะกลายเปนสัตวที่กําลังจะสูญพันธุ 4) สัตวสะเทินน้ําสะเทินบก 13 ชนิดพันธุ 7 สกุล 4 วงศ ที่ สําคัญ ไดแก กบทูต คางคกเล็ก และเขียดหนองฯลฯ ชนิดที่พบเห็นในระหวางการศึกษาประกอบดวย เขียดหนอง หรือกบบัว ซึ่งพบเห็นปรากฏอยูทั่วไปในพื้นที่ เขียดทายทอยดํา ปาด อึ่งอิ๊ดขาเหลือง อึ่งอิ๊ดหลังลาย คางคกบาน และคางคกเล็ก ซึ่งชนิดหลังนี้เปนสัตวปาคุมครอง สวนชนิดอื่นๆ ทั้งที่ไดกลาวมาแลวและยังมิไดกลาวถึงรวม ทั้งหมด 12 ชนิด มิไดรับการกําหนดสถานภาพแตอยางใด ทั้งนี้เนื่องจากยังเปนสัตวที่พบเห็นไดงายและยังมี ประชากรพบปรากฏอยูทั่วไปในภูมิภาคตางๆ ของประเทศ จากการพิจารณาระดับความมากนอยของสัตวประเภท นี้ พบวา สัตวที่พบเห็นนอย มี 2 ชนิด คิดเปนรอยละ 15.4 พบปานกลางมีจํานวนมากถึง 8 ชนิด คิดเปนรอยละ 61.5 และที่พบมากมี 3 ชนิด คิดเปนรอยละ 23.1 ไดแก เขียดหนอง เขียดทายทอยดํา และอึ่งอิ๊ดหลังลาย อยางไรก็ตามจํานวนชนิด และความรูที่ทราบเกี่ยวกับสัตวสะเทินน้ําสะเทินบกในพื้นที่ยังนับวามีอยูนอยมาก และมี ความเปนไปไดคอนขางสูงที่จะพบชนิดอื่นๆ อีก เชน กบทูด ซึ่งพบในเขตรักษาพันธุสัตวปาแมตื่นซึ่งเปนพื้นที่ ติดตอกัน นาที่จะพบในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย ดวยเชนกัน 5) ปลาน้ําจืด 94 ชนิดพันธุ 56สกุล 24วงศ ไดแก ปลาแกมช้ํา ปลากระแห ปลากา ปลากระมัง ปลาสรอยลูกกลวย ปลาสรอยขาว ปลาชอนทราย ปลา สังกะวาด ปลาชอน และปลาหมอเทศฯลฯ ชนิดปลาตางถิ่นซึ่งมิไดเปนปลาดั้งเดิมในลุมน้ําปงที่พบ มี 4 ชนิด ประกอบดวย ปลาหมอเทศ ปลานิล ปลายี่สกเทศจากตางประเทศ และปลาบึก ซึ่งเปนลูกปลาที่ไดจากการผสม เทียมโดยกรมประมงไดนํามาปลอยในอางเก็บน้ําเหนือเขื่อนภูมิพล ปจจุบันราษฎรในแถบนี้สามารถจับปลาบึก ซึ่งมี แถบเครื่องหมายของกรมประมงไดหลายตัว อาศัยการประเมินระดับความมากนอยของปลาที่พบ สามารถจําแนก เปนปลาที่พบคอนขางมาก 15 ชนิด คิดเปนรอยละ 16.0 ของชนิดปลาทั้งหมด ชนิดที่พบในระดับปานกลางมีอยู เปนจํานวน 36 ชนิด (รอยละ 38.3) และที่พบนอยมากมีอยู 43 ชนิด (รอยละ 45.7) จากจํานวน 40 ชนิด ดังกลาว ปลาหางไหม ตามที่ Smith (1945) ไดรายงานวาพบที่แมน้ําปง จังหวัดเชียงใหม จัดเปนปลาที่ไดรับ ความนิยมเลี้ยงเปนปลาตูที่สวยงามกันอยางแพรหลาย ปจจุบันไมมีรายงานที่กลาวถึงการพบปลาชนิดนี้ในอางเก็บ น้ําเขื่อนภูมิพล คาดวาอาจจะหมดไปจากแหลงน้ําแหงนี้แลว
11
ภาพที่ 1 แผนที่แสดงอาณาเขตเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย
12 ระยะเวลาดําเนินการ
ปงบประมาณ ๒๕๕๕ เริ่มตั้งแตเดือน กุมภาพันธ – กันยายน ๒๕๕๕
วิธีการ
1. เสนทางสํารวจ เสนทางสํารวจความหลากหลายทางชีวภาพจะทําการสํารวจ ๔ จุด ในพื้นที่ตาง ๆ โดยใหครอบคลุมพื้นที่ เขตรักษาพันธุสัตวปา ฯ มากที่สุด โดยสวนใหญจะเลือกพื้นที่ที่สะดวกในการเขาถึง เชน ตามหนวยงานที่อยูในพื้นที่ เขตรักษาพันธุ และบริเวณใกลเคียง ในเขตรักษาพันธุสัตวปา อมกอย จึงไดเลือกมา ๔ จุด คือ OKWS 1 OKWS 2 OKWS 3 และ OKWS 4 (ภาพที่ 3) 2. การวางแปลงสํารวจ การวางแปลงสํารวจพรรณไม ไดวางแปลง ขนาด 50 x 20 เมตร จํานวน 4 แปลง ตามจุดสํารวจ ซึ่งพิกัด แปลงสํารวจ มีดังนี้ แปลงที่ 1 พิกัด UTM 1965135 448002 แปลงที่ 2 พิกัด UTM 1962456 450662 แปลงที่ 3 พิกัด UTM 1960156 450069แปลงที่ 4 พิกัด UTM 1968975 446182 โดยที่พิกัดแปลง สํารวจพรรณไมจะใชแปลงเดียวกับแปลงสํารวจชนิดพันธุเห็ด และชนิดพันธุแมลง
ภาพที่ 2 ภาพแสดงการวางแปลงสํารวจพรรณไม ในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย
13
ภาพที่ ๓ แผนที่จุดสํารวจความหลากหลายทางชีวภาพ ในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย
14 วิธีการสํารวจความหลากชนิดของพรรณไม วัตถุประสงค สํารวจหาความหลากชนิดของพรรณไมในพื้นที่สังคมปาเต็งรัง อุปกรณ ๑. ตลับเมตร ยาว 20 เมตร และ ๕0 เมตร ๕. หมุดเหล็ก 2. เข็มทิศ ๖. คอน ๓. เครื่อง GPS ๗. ตะปู 4. แท็กเลขตนไม ๘. ตารางบันทึกขอมูล วิธีการ 1. วิธีการสํารวจพรรณไมโดนการวางแปลงขนาด 50 x 20 เมตร โดยแบงเปนแปลงขนาด 10 x 10 เมตร จํานวน 10 แปลง และ แปลงขนาด 5 x 5 เมตร จํานวน 10 แปลง โดยจะวางแปลง เสน 50 เมตรไป ตามทิศทางขวางความลาดชัน จํานวน 4 แปลง 2. สํารวจพรรณไมทําการจัดเก็บขอมูล ชนิด ความโต ความสูง ของ พรรณไมขนาดความสูงเพียงอก 1 30 เซนติเมตร ในแปลงขนาด 10 x 10 เมตร และเก็บขอมูลชนิดและจํานวนของพรรณไม ความสูงเพียงอก ต่ํากวา 130 เซนติเมตร ในแปลงขนาด 5 x 5 เมตร 3. เก็บขอมูลชนิดพรรณไม ความโต และความสูงของพรรณไม รวมทั้งขอมูล เปอรเซ็นตการปกคลุมเรือนยอด โดยเลือกเพียงแปลงสํารวจ ๑ แปลง เพื่อนํามาจัดทํา Profile Diagram ของพรรณไมเปนตัวแทนในเขต รักษาพันธุสัตวปาอมกอย 4. วิเคราะหคาความหลากหลายหลายของชนิดพรรณ ( Shannon – Wiener Diversity Index :HI) ของ พรรณไมในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย จากสูตร H´ = - ∑ (Pi)(InPi) i=1 โดย H´ = คาดัชนีความหลากชนิดของชนิดพรรณ Pi = สัดสวนระหวางจํานวนตนไมชนิด i ตอจํานวนตนไมทั้งหมด S = จํานวนชนิดพรรณไมทั้งหมด คาดัชนีความหลากหลายของพรรณไมของ Shannon จะใช log ฐาน 2 เนื่องจาก ใหคาที่สูงที่สุดและทํา ใหเห็นความแตกตาง ของคาความหลากหลายไดดีกวา และหาคาความสม่ําเสมอ Shannon Evenness (JI) J´ = H´ In S โดย H´ = Shannon- Weaver Index S = จํานวนชนิดพรรณไมทั้งหมด 5. วิเคราะหโดยหาคา ดัชนีความสําคัญ (Importance Value Index: I.V.I.) มีสูตรดังนี้ ความหนาแนนของพรรณพืช (Density = D) คือ จํานวนตนไมทั้งหมดของชนิดพันธุที่วัด ที่ปรากฏใน ตัวอยางตอหนวยพื้นที่ที่ทําการสํารวจ
15 D = จํานวนตนทั้งหมดของชนิดพันธุไมที่กําหนดที่ปรากฏในตัวอยาง หนวยพื้นที่ทั้งหมดของแปลงที่สํารวจ ความถี่ (Frequency, F) หมายถึง อัตรารอยละของจํานวนแปลงที่ปรากฏพันธุไมชนิดนั้นตอจํานวนแปลง ที่ทําการสํารวจ F = จํานวนแปลงที่ชนิดไมนั้นปรากฏ x 100 จํานวนแปลงทั้งหมดที่สํารวจ ความเดน (Dominance, Do) ในที่นี้ใชความเดนดานพื้นที่หนาตัด (Basal Area, BA) ของลําตนไมที่ได จากการวัดที่ระดับความสูง 1.30 เมตร จากพื้นดินตอพื้นที่ที่ทําการสํารวจ Do = พื้นที่หนาตัดของตนไมทั้งหมด x 100 พื้นที่ที่ทําการสํารวจ คาความถี่สัมพัทธของชนิดไม (Relative frequency, RF) คือ สัดสวนของความถี่ของชนิดไมที่ตองการ ตอความถี่ทั้งหมดของไมทุกชนิดในสังคม RFA = (ความถี่ของชนิดไม A) x 100 ความถี่ของไมทุกชนิดในสังคม คาความหนาแนนสัมพัทธของชนิดไม (Relative density, RD) คือ สัดสวนของความหนาแนนของชนิดไม ที่ตองการตอความหนาแนนทั้งหมดของไมทุกชนิดในสังคม RDA = (ความหนาแนนของชนิดไม A) x 100 ความหนาแนนของไมทุกชนิดในสังคม คาความเดนของชนิดไม (Relative dominance, RDo) คือ สัดสวนของความเดนของชนิดไมที่ตองการตอ ความเดนทั้งหมดของไมทุกชนิดในสังคม RDoA= (ความเดนของชนิดไม A) x 100 ความเดนของไมทุกชนิดในสังคม คาดัชนีความสําคัญของชนิดไม (Importance value index, IVI) คือ ผลรวมของคาความสัมพัทธตางๆ ของชนิดพันธุไมนั้นในสังคม ซึ่งหาไดจากสูตร IVI = RFA + RDA + RDoA 6. จัดทํา Profile Diagram และ Plot plan ของพรรณไม รวมทั้งคํานวณอัตราการปกคลุมเรือนยอดของ พรรณไมในพื้นที่
16
ภาพที่ ๔ แผนที่แปลงสํารวจพรรณไม ในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย
17 วิธีการสํารวจความหลากชนิดของแมลง วัตถุประสงค สํารวจหาความหลากชนิดของแมลงในพื้นที่สังคมปาเต็งรัง อุปกรณ ๑. สวิง ๖. โฟม ๒. ซองเก็บแมลง ๗. กลองพลาสติก ๓. หลอดแบลคไลท 40 วัตต ๘. ผาขาว ๔. เข็มเซ็ตแมลง ๙. ขวดเก็บแมลง ๕. เข็มหมุด ๑0. ตารางบันทึกขอมูล วิธีการ 1. ทําการสํารวจขอมูลพื้นฐานแบบมีสวนรวมกับเขตรักษาพันธุสัตวปาและเครือขายอนุรักษในพื้นที่เขตรักษา พันธุสัตวปาอมกอย 2. กําหนดแปลงสํารวจแมล ง (ผีเสื้อกลางวัน) แยกตามชนิดปา จํานวน 4 แปลง ในพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตว ปา ฯ ขนาด 200 เมตร จัดเก็บขอมูลแมลง ในเวลา 10.00 น. และ 14.00 น. โดยใชสวิงขนาดความ กวางของปากถุง 40 เซนติเมตร ความลึก 80 เซนติเมตร ทําการเก็บตัวอยางใสซองเก็บตัวอยางผีเสื้อ เพื่อนําตรวจชีพลักษณ และจัดเก็บตัวอยางใหแกเขตรักษาพันธุ ฯ 3. ทํากับดักแสงไฟ เพื่อจัดเก็บแมลง ดวง โดยใชหลอดแบล็คไลท ขนาด 40 วัตต ตั้งในพื้นที่หนวยพิทักษปา ของเขตรักษาพันธุ จัดเก็บตัวอยางแมลงใสขวดที่มีสารเอทิล อาซิเท เพื่อฆาแมลง หลังจากนั้นนํามาอบ หรือตากจนแหงแลวจึงนํามาตรวจชีพลักษณ ๔. วิเคราะหคาความหลากหลายทางชีวภาพ ( Shannon – Wiener Diversity Index :HI) ของพรรณไมใน เขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย จากสูตร H´ = - ∑ (Pi)(InPi) i=1 โดย H´ = คาดัชนีความหลากหลาย Pi = สัดสวนระหวางจํานวนชนิด i ตอจํานวนชนิดทั้งหมด S = จํานวนชนิดทั้งหมด คาดัชนีความหลากหลายของแมลงของ Shannon จะใช log ฐาน e และหาคาความสม่ําเสมอ Shannon Evenness (JI) J´ = H´ In S โดย H´ = Shannon- Weaver Index S = จํานวนชนิดทั้งหมด
18 ๕. ทําแผนผัง Venn Diagram เปรียบเทียบขอมูลของผีเสื้อกลางวันที่สํารวจพบในฤดูรอน และฤดูฝน
๖. วิเคราะหคาความคลายคลึงกัน ของ Jaccard (Indices of similarity or Community coefficients) ISj = C x 100 A + B – C โดย A เปนจํานวนชนิดพันธุ หรือคาวัดทั้งหมดในสังคม A B เปนจํานวนชนิดพันธุ หรือคาวัดทั้งหมดในสังคม B C เปนคาปรากฏรวมกันทั้งในสังคม A และสังคม B
ของ Sorensen (Indices of similarity or Community coefficients) ISs = 2W x 100 (A + B) โดย A เปนจํานวนชนิดพันธุ หรือคาวัดทั้งหมดในสังคม A B เปนจํานวนชนิดพันธุ หรือคาวัดทั้งหมดในสังคม B W เปนคาปรากฏรวมกันทั้งในสังคม A และสังคม B
19
ภาพที่ ๕ แผนที่แปลงสํารวจชนิดพันธุแมลง ในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย
20 วิธีการสํารวจความหลากชนิดของเห็ด วัตถุประสงค สํารวจหาความหลากชนิดของเห็ดในพื้นที่สังคมปาเต็งรัง อุปกรณ ๑. กระดาษไข ๔. กระดาษเก็บสปอรเห็ด ๒. ขวดพลาสติก ๕. กลองพลาสติก ๓. ผาดํา ๖. ตารางบันทึกขอมูล วิธีการ 1. จัดทําแปลงสํารวจเห็ดรา ขนาด 50 x 20 เมตร แยกตามชนิดปา ในพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปา ฯ โดยใช แปลงเดียวกับที่วางแปลงสํารวจพรรณไม 2. เก็บตัวอยางเห็ดราโดยนําใสขวดพลาสติก เพื่อนํามาวิเคราะหดูสปอรของเห็ดรา 3. เก็บขอมูลของเห็ดราในพื้นที่ เชน พื้นที่เห็ดราอาศัยอยู ลักษณะของเห็ดรา 4. วิเคราะหคาความหลากหลายทางชีวภาพ ( Shannon – Wiener Diversity Index :HI) ของพรรณไมใน เขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย จากสูตร H´ = - ∑ (Pi)(InPi) i=1 โดย H´ = คาดัชนีความหลากหลาย Pi = สัดสวนระหวางจํานวนชนิด i ตอจํานวนชนิดทั้งหมด S = จํานวนชนิดทั้งหมด คาดัชนีความหลากหลายของแมลงของ Shannon จะใช log ฐาน e และหาคาความสม่ําเสมอ Shannon Evenness (JI) J´ = H´ In S โดย H´ = Shannon- Weaver Index S = จํานวนชนิดทั้งหมด
21
ภาพที่ ๖ แผนที่แปลงสํารวจชนิดพันธุเห็ด ในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย
22 วิธีการสํารวจความหลากชนิดของนก วัตถุประสงค สํารวจหาความหลากชนิดของนกในพื้นที่สังคมปาเต็งรัง อุปกรณ ๑. กลองสองทางไกล 4. คูมือนก ๒. เครื่อง GPS 3. ตารางบันทึกขอมูล วิธีการ 1. วิธีการสํารวจนกแบบ Point Count โดยกําหนดจุดสํารวจทั้งหมด 10 จุด แตละจุดหางกันอยางนอย 100 เมตร ทําการบันทึกพิกัดจุดสํารวจทุกจุด และทําเครื่องหมายกําหนดจุดถาวร 2. สํารวจนก 2 ฤดู คือ ฤดูนกอพยพ (ตุลาคม-มีนาคม ) และ นอกฤดูนกอพยพ (เมษายน-กันยายน ) โดยแต ละฤดูใหสํารวจ 2 วัน และในแตละวันสํารวจชวงเชา 1 ครั้ง, ชวงเย็น 1 ครั้ง 3. ชวงเวลาในการสํารวจนก - ชวงเชาเวลา 06.30-10.00 น. - ชวงเย็นเวลา 16.00-18.00 น. 4. วิธีการสํารวจแบบ Point Count - เวลาในการสํารวจแตละจุดประมาณ 10 นาที - บันทึกชนิดนกที่พบแตละจุดสํารวจภายในรัศมีวงกลม 50 เมตร และมากกวา 50 เมตร - บันทึกชนิดนกที่พบตามเสนทางระหวางจุดสํารวจหรือในพื้นที่นอกจุดสํารวจเพื่อเปนขอมูล Species list ในแตละพื้นที่ - การจําแนกชนิดนกดวยวิธีการเห็นตัวหรือเสียงรอง 5. การหาความชุกชุมของนกในพื้นที่สํารวจ - หาความชุกชุมของนกทุกชนิดที่พบในจุดสํารวจเพื่อนํามาจัดระดับความชุกชุม โดยคํานวณแยก เปน 2 ฤดู (ฤดูนกอพยพและนอกฤดูนกอพยพ) - สูตรการหาความชุกชุม ความชุกชุม (%) = จํานวนจุดสํารวจที่พบนกชนิด A x 100 จํานวนจุดสํารวจทั้งหมด - กําหนดระดับความชุกชุมของนกที่ไดจากการสํารวจตามผลสํารวจ ดังนี้ 10-17 % พบไดยาก 17-26 % พบไดนอย 27-35 % พบปานกลาง 36-44 % พบไดคอยขางบอย 45-100 % พบบอย
23
ภาพที่ ๗ แผนที่จุดสํารวจชนิดพันธุนกในพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย
24 ผลการสํารวจ ความหลากหลายของพรรณไม จากการสํารวจพบพรรณไมในเขตรักษาพันธุสัตว อมกอย 25 วงศ 44 ชนิด โดยจําแนกเปน ไมตน 26 วงศ 40 ชนิด ไมหนุม 11 วงศ 20 ชนิด ที่พบมากที่สุดคือ วงศ Fagaceae และชนิดพรรณไมที่พบมาก เชน ยางพลวง กอแพะ และเต็ง เปนตน สวนพรรณไมที่พบนอยมีหลายชนิด เชน กอหยุม เก็ดดํา คํามอกหลวง ปอแกน เทา ผักเลือด มะดูกดง มะหาด รักขี้หมู สานใหญ เหมือดหอม เปนตน
วิเคราะหคาความหลากหลายและคาความสม่ําเสมอ เมื่อนําชนิดพรรณที่สํารวจพบไปวิเคราะหคาความหลากหลายของชนิดพรรณ (Species Diversity) ของ ไมตนทั้ง ๔ แปลงสํารวจคือ แปลงที่ ๑ แปลงที่ 2 แปลงที่ ๓ และ แปลงที่ ๔ ในแปลงที่ ๑ นั้น มีความหลากหลาย ของชนิดพรรณของไมตน 19 ชนิด ชนิดที่พบมาก เชน รักใหญ ยางพลวง สนสามใบ เปนตน และพบไดนอย เชน ปอแกนเทา มะหาด หวา เปนตน สวนความหลากหลายของชนิดพรรณไมหนุมมี 6 ชนิด ชนิดที่พบมาก คือ เหมือด จี้ดง ในแปลงที่ ๒ มีความหลากหลายชนิดพรรณของไมตน 19 ชนิด ชนิดที่พบมาก เชน ยางพลวง เต็ง สารภีปา เปนตน ชนิดที่พบไดนอยเชน คํามอกหลวง มะดูกดง สนสามใบ สานใหญ หนามมะเค็ด หมีเหม็น เปนตน สวน ความหลากหลายของชนิดพรรณไมหนุมมี 4 ชนิด พบชนิดละ 1 ตน ในแปลงที่ ๓ มีความหลากหลายชนิดพรรณ ของไมตน 1๕ ชนิด ที่พบมาก เ ชน ยางพลวง เต็ง รักใหญ เปนตน ชนิดที่พบไดนอย เชน กอหยุม เก็ดดํา มะ หนามนึ้ง รักขี้หมู สมอพิเภก เปนตน สวนความหลากหลายของชนิดพรรณไมหนุมมี 9 ชนิด ชนิดที่พบมากคือ รัก ใหญ หนามมะเค็ด ยางพลวง กอเดือย ในแปลงที่ ๔ มีความหลากหลายชนิดพรรณของไมตน 16 ชนิด ที่พบมาก เชน กอแพะ แขงกวาง ยางพลวง เปนตน ชนิดที่พบไดนอยเชน ผักเลือด สมแปะ สมอไทย หนามมะเค็ด หวา เปน ตน สวนความหลากหลายของชนิดพรรณไมหนุมมี 9 ชนิด ที่พบไดมาก คือ แขงกวาง คาความหลากหลายของชนิดพรรณของไมตน (Species Diversity) เทากับ 3.696 2.939 2.319 และ 2.989 ตามลําดับ มีคาความสม่ําเสมอของชนิดพรรณของไมตนพบคา 0.870 0.692 0.594 และ 0.747 ตามลําดับ เมื่อวิเคราะหคาความหลากหลายของชนิดพรรณ (Species Diversity) ของไมหนุมทั้ง ๔ แปลงพบวามี คาความหลากหลายของชนิดพรรณของไมหนุมเทากับ 2.174 3.050 2.866 ตามลําดับ และคาความสม่ําเสมอ ของชนิดพรรณของไมหนุมมีคา 0.774 0.918 0.904 ตามลําดับ แตในแปลงที่ 2 มีชนิดพรรณไมอยางละชนิด จึงไมมีคา ความหลากหลายของชนิดพรรณและความสม่ําเสมอของชนิดพรรณไม (ตารางที่ ๑) จากคาความ หลากหลายของชนิดพรรณไมตน และคาความสม่ําเสมอของชนิดพรรณไมตนพบวา ในแปลงที่ 4 มีความ หลากหลายของชนิดพรรณมากที่สุด สวนแปลงที่ 3 มีคาความสม่ําเสมอของชนิดพรรณมากที่สุด สวนไมหนุมนั้น พบวา ในแปลงที่ 3 มีความหลากหลายของชนิดพรรณมากที่สุด และแปลงที่ 1 มีคาความสม่ําเสมอของชนิดพรรณ มากที่สุด ในการวิเคราะหคาความหลากหลายชนิดพรรณของภาพรวมในเขตรักษาพันธุสัตวปา อมกอย พบวา คาความหลากหลายของชนิดพรรณไมตนนั้น มีคา 3.717 มีคาความสม่ําเสมอของชนิดพรรณไมตนเทากับ 0.699 แสดงวาในเขตรักษาพันธุสัตวปาฯ มีความหลากหลายของชนิดพรรณไมตนมาก และแตละชนิดมีการกระจายตัว คอนขางสม่ําเสมอกัน สวนคาความหลากหลายของชนิดพรรณไมหนุมมีคา 3.946 คาความสม่ําเสมอของชนิด พรรณไมตน เทากับ 0.913 (ตารางที่ ๒) จะเห็นวาชนิดพันธุของไม หนุม นั้นมีความหลากหลายของชนิดพรรณ มากกวาไมตนและมีการกระจายตัวของชนิดพันธุคอนขางสม่ําเสมอกันกวาไมตน
25 ตารางที่ ๑ ดัชนีคาความหลากหลายของชนิดพรรณ และ คาความสม่ําเสมอของชนิดพรรณไม
คาความหลากหลายทางชีวภาพ คาความสม่ําเสมอ ลําดับที่ แปลงสํารวจ (Shannon – Wiener Diversity Index) Shannon Evenness ไมตน ไมหนุม ไมตน ไมหนุม 1 OKWS 1 3.696 2.174 0.870 0.774 2 OKWS 2 2.939 - 0.692 - 3 OKWS 3 2.319 3.05 0.594 0.918 4 OKWS 4 2.989 2.866 0.747 0.904
ตารางที่ ๒ ดัชนีคาความหลากหลายของชนิดพรรณ และ คาความสม่ําเสมอของชนิดพรรณในเขตรักษาพันธุสัตว ปาอมกอย
ดัชนี ไมตน ไมหนุม คาความหลากหลายทางชีวภาพ (Shannon – Wiener Diversity Index) 3.717 3.946 คาความสม่ําเสมอ Shannon Evenness 0.699 0.913
วิเคราะหคาดัชนีความสําคัญ IVI จากการวิเคราะหหาคา ดัชนีความสําคัญ (Importance Value Index: IVI) ในแตละแปลงสํารวจ พบวา ในแปลงสํารวจที่ 1 มีความหนาแนน 870 ตน/เฮกตาร ชนิดพรรณที่มีความหนาแนนมากที่สุดคือ รักใหญ ๑80 ตน/เฮกตาร รองลงมา คือ ยางพลวง 160 ตน/เฮกตาร และ ชนิดพรรณที่มีความหนาแนนนอยที่สุด 10 ตน/ เฮกตาร จํานวน 4 ชนิด คือ มะหาด สมอไทย หวา และปอแกนเทา ความหนาแนนสัมพัทธของชนิดพรรณ สูงสุด คือ รักใหญ 20.69 % รองลงมาคือ ยางพลวง 18.39 % และความหนาแนนสัมพัทธชนิดพรรณ ต่ําสุด 1.15 % คือ ปอแกนเทา มะหาด สมอไทย และหวา ความถี่สัมพัทธชนิดพรรณสูงสุด คือ ยางพลวง 15.69 % รองลงมาคือ รักใหญ และสนสามใบ 9.80 % และความถี่สัมพัทธชนิดพรรณต่ําสุด 1.96 % คือ ปอแกนเทา มะหาด และสมอ ไทย หวา ความเดนสัมพัทธชนิดพรรณสูงสุด คือ ยางพลวง 38.05 % รองลงมาคือ ฮอยจั่น 12.32 % และความ เดนสัมพัทธชนิดพรรณต่ําสุด คือ ปอแกนเทา 0.17 % ดัชนีความสําคัญ (IVI) สูงสุด คือ ยางพลวง (Dipterocarpus tuberculatus Roxb.) 72.13 % รองลงมาคือ รักใหญ (Gluta usitata Ding Hou) 40.78 % และ สนสามใบ (Pinus kesiya Royle ex Gordon) 25.55 % จะเห็นวายางพลวง และ รักใหญ เปน ชนิดพรรณที่มีดัชนีความสําคัญตอพื้นที่แปลงสํารวจที่ ๑ มากที่สุด สวนชนิดพรรณที่มีดัชนีความสําคัญนอยที่สุด คือ ปอแกนเทา (Grewia eriocarpa Juss.) 3.28 % (ตารางที่ 3)
26 จากการวิเคราะหหาคา ดัชนีความสําคัญ (Importance Value Index: IVI) ในแปลงสํารวจที่ ๒ มีความ หนาแนน 800 ตน/เฮกตาร ชนิดพรรณที่มีความหนาแนนมากที่สุดคือ ยางพลวง 380 ตน/เฮกตาร รองลงมาคือ เต็ง 110 ตน/เฮกตาร และชนิดพรรณที่มีความหนาแนนนอยที่สุด 10 ตน/เฮกตาร จํานวน 8 ชนิด เชน สนสาม ใบ มะดูกดง หัวแหวน สานใหญ เปนตน ความหนาแนนสัมพัทธของชนิดพรรณ สูงสุด คือ ยางพลวง 47.50 % รองลงมาคือ เต็ง 13.75 % และความหนาแนนสัมพัทธชนิดพรรณ ต่ําสุด 1.25 % จํานวน 8 ขนิด เชน คํามอก หลวง มะดูกดง สนสามใบ เปนตน ความถี่สัมพัทธชนิดพรรณสูงสุด คือ ยางพลวง 22.22 % รองลงมาคือ เต็ง 11.11 % และความถี่สัมพัทธชนิดพรรณต่ําสุด 2.78 % จํานวน 11 ชนิด เชน ขี้หนอน คํามอกหลวง พรมคต มะดูกดง สนสามใบ เปนตน ความเดนสัมพัทธชนิดพรรณสูงสุดคือ ยางพลวง 82.02 % รองลงมาคือ เต็ง 2.75 % และความเดนสัมพัทธชนิดพรรณต่ําสุด 0.16 % คือ หนามมะเค็ด และเหมือดคน ดัชนีความสําคัญ (IVI) สูงสุด คือ ยางพลวง (Dipterocarpus tuberculatus Roxb.) 151.75 % รองลงมาคือ เต็ง (Shorea obtusa Wall. ex Blume) 27.61 % และ สารภีปา (Garcinia speciosa Wall.) 15.87 % จะเห็นวายางพลวง เปน ชนิดพรรณที่มีดัชนีความสําคัญตอพื้นที่แปลงสํารวจที่ ๒ ชนิดพรรณที่มีดัชนีความสําคัญนอยที่สุด คือ หนามมะเค็ด (Canthium parvifolium Roxb.) และเหมือดคน (Helicia robusta R.Br. ex Wall.) 4.19 % (ตารางที่ 4) จากการวิเคราะหหาคาดัชนีความสําคัญ (Importance Value Index: IVI) ในแปลงสํารวจที่ ๓ มีความ หนาแนน 1280 ตน/เฮกตาร ชนิดพรรณที่มีความหนาแนนมากที่สุดคือ ยางพลวง 660 ตน/เฮกตาร รองลงมาคือ เต็ง 250 ตน/เฮกตาร และชนิดพรรณที่มีความหนาแนนนอยที่สุด 10 ตน/เฮกตาร จํานวน 9 ชนิด คือ รักขี้หมู หวา เหมือดหอม เปนตน ความหนาแนนสัมพัทธของชนิดพรรณ สูงสุดคือ ยางพลวง 51.56 % รองลงมาคือ เต็ง 19.53 % และความหนาแนนสัมพัทธชนิดพรรณ ต่ําสุด 0.78 % จํานวน 9 ชนิด เชน กอหยุม เก็ดดํา มะหนามนึ้ง รักขี้หมู เปนตน ความถี่สัมพัทธชนิดพรรณสูงสุดคือ ยางพลวง 22.22 % รองลงมาคือ เต็ง 17.78 % และความถี่สัมพัทธชนิดพรรณต่ําสุด 2.22 % จํานวน 9 ชนิด เชน กอหยุม เก็ดดํา มะหนามนึ้ง รักขี้หมู เปนตน ความเดนสัมพัทธชนิดพรรณสูงสุดคือ เต็ง 41.39 % รองลงมาคือ ยางพลวง 30.71 % และ ความเดนสัมพัทธชนิดพรรณต่ําสุด 0.11 % คือ เหมือดจี้ดง ดั ชนีความสําคัญ (IVI) สูงสุด คือ ยางพลวง (Dipterocarpus tuberculatus Roxb.) 104.49 % รองลงมาคือ เต็ง (Shorea obtusa Wall. ex Blume) 78.70 % และ เหมือดโลด (Centipeda minima Braun & Asch.) 27.32 % จะเห็นวายางพลวง และ เต็ง เปนชนิดพรรณที่มีความสําคัญตอพื้นที่แปลงสํารวจที่ ๓ มาก ชนิดพรรณที่มีดัชนีความสําคัญนอยที่สุด คือ เหมือดจี้ ดง (Memecylon plebejum Kurz var. ellipsoideum Craib) 3.12 % (ตารางที่ 5) จากการวิเคราะหหาคาดัชนีความสําคัญ (Importance Value Index: IVI) ในแปลงสํารวจที่ ๔ มีความ หนาแนน 1950 ตน/เฮกตาร ชนิดพรรณที่มีความหนาแนนมากที่สุดคือ กอแพะ 670 ตน/เฮกตาร รองลงมาคือ แขงกวาง 310 ตน/เฮกตาร และชนิดพรรณที่มีความหนาแนนนอยที่สุด 10 ตน/เฮกตาร จํานวน 5 ชนิด เชน หวา ผักเลือด ฮอยจั่น เปนตน ความหนาแนนสัมพัทธของชนิดพรรณ สูงสุดคือ กอแพะ 34.36 % รองลงมาคือ แขงกวาง 15.90 % และความหนาแนนสัมพัทธชนิดพรรณต่ําสุด 0.51 % จํานวน 6 ชนิด เชน ผักเลือด สมแปะ สมอไทย เปนตน ความถี่สัมพัทธชนิดพรรณสูงสุดคือ กอแพะ 15.87 % รองลงมาคือ แขงกวาง 14.29 % และ ความถี่สัมพัทธชนิดพรรณต่ําสุด 1.59 % จํานวน 7 ชนิด เชน กอใบเลื่อม ผักเลือด สมแปะ เปนตน ความเดน สัมพัทธชนิดพรรณสูงสุดคือ สนสามใบ 29.53 % รองลงมาคือ กอแพะ 26.53 % และความเดนสัมพัทธชนิด พรรณต่ําสุด 0.1 0 % คือ หนามมะเค็ด ดัชนีความสําคัญ (IVI) สูงสุด คือ กอแพะ (Quercus kerrii Craib) 76.76% รองลงมาคือ สนสามใบ (Pinus kesiya Royle ex Gordon) 51.46 % และ แขงกวาง (Wendlandia
27 tinctoria DC.) 35.50 % จะเห็นวาตะครอ เปนชนิดพรรณที่มีดัชนีความสําคัญตอพื้นที่แปลงสํารวจที่ ๔ ชนิด พรรณที่มีดัชนีความสําคัญนอยที่สุด คือ หนามมะเค็ด (Canthium parvifolium Roxb.) 2.20 % (ตารางที่ 6) และจากการวิเคราะหคาดัชนีความสําคัญ (Importance Value Index: IVI) รวม ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ สัตวปาอมกอย พบวา ในเขตรักษาพันธุสัตวปา ฯ มีความหนาแนนรวม 1225 ตน/เฮกตาร ชนิดพรรณที่มีความ หนาแนนที่สุด คือ ยางพลวง 350 ตน/เฮกตาร รองลงมาคือ กอแพะ 175 % และเต็ง 140 ตน/เฮกตาร ชนิด พรรณที่มีคาความหนาแนนสัมพัทธมากที่สุด คือ ยางพลวง 28.57 % รองลงมาคือ กอแพะ 14.29 % และ เต็ง 11.43 % ชนิดพรรณที่มีคาความหนาแนนสัมพัทธนอยที่สุดมีคา 0.2 0 % คือ กอหยุม เก็ดดํา คํามอกหลวง ปอ แกนเทา ผักเลือด พรมคต มะดูกดง มะหาด รักขี้หมู สานใหญ หมีเหม็น หัวแหวน เหมือดคน เหมือดหอม ชนิดพรรณที่มีคาความถี่สัมพัทธมากที่สุด คือ ยางพลวง 17.44 % รองลงมาคือ เต็ง 11.28 % รักใหญ และ สนสามใบ 7.18 % ชนิดพรรณที่มีคาความถี่สัมพัทธนอยที่สุดมีคา 0.51 % จํานวน 14 ชนิด เชน กอหยุม เก็ดดํา คํามอกหลวง ปอแกนเทา ผักเลือด มะดูกดง มะหาด รักขี้หมู สานใหญ หมีเหม็น หัวแหวน เปนตน ชนิดพรรณที่มีคาความเดนสัมพัทธมากที่สุด คือ ยางพลวง 38.08 % รองลงมาคือ เต็ง 13.52 % และ สนสามใบ 11.56 % ชนิดพรรณที่มีคาความเดนสัมพัทธนอยที่สุดมีคา 0.04 % คือ ปอแกนเทา เหมือดคน ชนิดพรรณที่มีคาดัชนีความสําคัญ ( IVI) มากที่สุด คือ ยางพลวง (Dipterocarpus tuberculatus Roxb.) 84.08 % (ภาพที่ 8) รองลงมาคือ เต็ง (Shorea obtuse Wall. ex Blume.) 36.24 % และ กอแพะ (Quercus kerrii Craib) 28.88 % จะเห็นวา ยางพลวง เต็ง กอแพะ สนสามใบ รักใหญ เปนชนิดพรรณที่มี ความสําคัญมากในพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปา อมกอย นอกจากนั้น ยางแดง ยังเปนชนิดพรรณที่มีความเดนมาก ที่สุดในพื้นที่ รองลงมาก็จะเปน ยมหิน และ กอหมน ชนิดพรรณที่มีคาดัชนีความสําคัญ ( IVI) นอยที่สุดมีคา 0.75 % คือ เหมือดคน (ตารางที่ 7 8 และ ตารางที่ 7 ในภาคผนวกหมวด ก)
จากการจัดทํา Profile diagram (ภาพที่ 9) จะเห็นวาในเขตรักษาพันธุสัตวปา ฯ มี ชั้นเรือนยอดทั้งหมด 4 ชั้นเรือนยอด คือ เรือนยอดชั้นบน จะมีชั้นความสูงประมาณ 19-20 เมตร จะมีไมเดนเชน ยางพลวง เรือนยอด ชั้นกลาง จะมีชั้นความสูงประมาณ 15-18 เมตร จะมีไมเดนเชน ยางพลวง สาสามใบ มะขามปา เต็ง รักใหญ ชิงชัน เรือนยอดชั้นลาง จะมีชั้นความสูงประมาณ 10-14 เมตร จะมีไมเดนเชน ฮอยจั่น มะขามปา กอสีเสียด สมอไทย สนสามใบ เปนตน และชั้นไมพุม จะมีความสูงไมเกิน 10 เมตร จะมีไมเดนเชน รัก รักใหญ กอสีเสียด เต็ง ปอแกนเทา มะหนามนึ้ง เหมือดโลด เหมือดจี้ดง มะกอกเกลื้อน สารภีปา เปนตน และจากคาความเดนจะเห็นวา ยางพลวง เต็ง เปนพรรณไมเดนที่ปกคลุม พื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปา อมกอย จะพบพรรณไมพื้นลางเชน ยางพลวง รักใหญ กอแพะ สมแปะ แขงกวาง เต็ง เปนตน และมีพื้นที่ปกคลุมเรือนยอดประมาณ 58 % เพราะสภาพปาเปน ปาเต็งรัง จึงมีเปอรเซ็นตการปกคลุมเรือนยอดนอย พรรณไมมีการผลัดใบ
ตารางที่ 3 คา IVI ของสังคมพืชในแปลง ที่ 1 (OKWS 1) ความ ความถี่ ความเดน ดัชนี ลําดับ ชนิดไม ชื่อสกุล คําระบุชนิด วงศ หนาแนน สัมพัทธ สัมพัทธ ความสําคัญ (specific สัมพัทธ (Genus) (family) (RF) (Rdo) IVI epitat) (RD) 1 ยางพลวง Dipterocarpus tuberculatus DIPTEROCARPACEAE 18.39 15.69 38.05 72.13 2 รักใหญ Gluta usitata ANACARDIACEAE 20.69 9.80 10.29 40.78 3 สนสามใบ Pinus kesiya PINACEAE 8.05 9.80 7.70 25.55 4 ฮอยจั่น Engelhardtia serrata JUGLANDACEAE 3.45 3.92 12.32 19.69 5 กอสีเสียด Quercus brandisiana FAGACEAE 6.90 7.84 3.94 18.68 6 มะขามปา Albizia odoratissima LEGUMINOSAE-MIMOSOIDEAE 4.60 5.88 6.53 17.01 7 มะกอกเกลื้อน Canarium subulatum BURSERACEAE 4.60 5.88 5.62 16.10 8 เต็ง Shorea obtusa DIPTEROCARPACEAE 5.75 5.88 3.19 14.82 9 รัก Gluta elegans ANACARDIACEAE 5.75 3.92 3.04 12.71 10 เหมือดจี้ดง Memecylon plebejum MELASTOMATACEAE 4.60 5.88 0.59 11.07 11 เหมือดโลด Centipeda minima ASTERACEAE 3.45 3.92 0.73 8.10 12 สารภีปา Garcinia speciosa GUTTIFERAE 2.30 3.92 0.99 7.21 13 ชิงชัน Dalbergia oliveri LEGUMINOSAE-PAPILIONOIDEAE 2.30 3.92 0.94 7.16 14 Unknow 2.30 3.92 0.63 6.85
15 มะหาด Celtis tetrandra ULMACEAE 1.15 1.96 3.30 6.41 16 มะหนามนึ้ง Vangueria pubescens RUBIACEAE 2.30 1.96 0.48 4.74 17 สมอไทย Terminalia chebula COMBRETACEAE 1.15 1.96 1.06 4.17 18 หวา Syzygium cumini MYRTACEAE 1.15 1.96 0.44 3.55 19 ปอแกนเทา Grewia eriocarpa TILIACEAE 1.15 1.96 0.17 3.28 รวม 100.00 100.00 100.00 300.00 28
ตารางที่ 4 คา IVI ของสังคมพืชในแปลง ที่ 2 (OKWS 2)
ความ ความถี่ ความเดน ดัชนี ลําดับ ชนิดไม ชื่อสกุล คําระบุชนิด วงศ หนาแนน สัมพัทธ สัมพัทธ ความสําคัญ (Genus) (specific epitat) (family) สัมพัทธ (RD) (RF) (Rdo) IVI
1 ยางพลวง Dipterocarpus tuberculatus DIPTEROCARPACEAE 47.50 22.22 82.02 151.75 2 เต็ง Shorea obtusa DIPTEROCARPACEAE 13.75 11.11 2.75 27.61 3 สารภีปา Garcinia speciosa GUTTIFERAE 6.25 8.33 1.28 15.87 4 กอแพะ Quercus kerrii FAGACEAE 3.75 5.56 0.76 10.07 5 รักใหญ Gluta usitata ANACARDIACEAE 3.75 5.56 0.61 9.92 6 ฮอยจั่น Engelhardtia serrata JUGLANDACEAE 2.50 5.56 1.13 9.18 7 สมอพิเภก Terminalia bellirica COMBRETACEAE 2.50 5.56 0.91 8.97 8 หวา Syzygium cumini MYRTACEAE 2.50 5.56 0.35 8.41 9 พรมคต Homalium caryophyllaceum FLACOURTIACEAE 2.50 2.78 2.59 7.86 10 เหมือดโลด Centipeda minima ASTERACEAE 2.50 2.78 1.38 6.66 11 สนสามใบ Pinus kesiya PINACEAE 1.25 2.78 2.44 6.47 12 ขี้หนอน Schoepfia fragrans OLACACEAE 2.50 2.78 0.39 5.67 13 มะดูกดง Phoebe paniculata LAURACEAE 1.25 2.78 1.12 5.15 14 หัวแหวน Decaspermum parviflorum MYRTACEAE 1.25 2.78 0.94 4.96 15 สานใหญ Dillenia obovata DILLENIACEAE 1.25 2.78 0.40 4.43 16 คํามอกหลวง Gardenia philasteri RUBIACEAE 1.25 2.78 0.37 4.40 17 หมีเหม็น Premna villosa LABIATAE 1.25 2.78 0.23 4.26 18 หนามมะเค็ด Canthium parvifolium RUBIACEAE 1.25 2.78 0.16 4.19 19 เหมือดคน Helicia robusta PROTEACEAE 1.25 2.78 0.16 4.19 รวม 100.00 100.00 100.00 300.00 29
ตารางที่ 5 คา IVI ของสังคมพืชในแปลง ที่ 3 (OKWS 3)
ความ ความถี่ ความเดน ดัชนี ลําดับ ชนิดไม ชื่อสกุล คําระบุชนิด วงศ หนาแนน สัมพัทธ สัมพัทธ ความสําคัญ (specific (Genus) (family) สัมพัทธ (RD) (RF) (Rdo) IVI epitat) 1 ยางพลวง Dipterocarpus tuberculatus DIPTEROCARPACEAE 51.56 22.22 30.71 104.49 2 เต็ง Shorea obtusa DIPTEROCARPACEAE 19.53 17.78 41.39 78.70 3 เหมือดโลด Centipeda minima ASTERACEAE 7.03 13.33 6.95 27.32 4 รักใหญ Gluta Usitata ANACARDIACEAE 8.59 8.89 7.76 25.24 5 กอเดือย Castanopsis acuminatissima FAGACEAE 4.69 13.33 5.98 24.00 6 รักขี้หมู Semecarpus albescens ANACARDIACEAE 0.78 2.22 4.28 7.28 7 หนามมะเค็ด Canthium parvifolium RUBIACEAE 1.56 4.44 0.27 6.27 8 หวา Syzygium cumini MYRTACEAE 0.78 2.22 0.77 3.77 9 เหมือดหอม Sarcosperma arboreum SAPOTACEAE 0.78 2.22 0.50 3.51 10 เก็ดดํา Dalbergia cultrata LEGUMINOSAE-PAPILIONOIDEAE 0.78 2.22 0.45 3.45 11 กอหยุม Castanopsis argyrophylla FAGACEAE 0.78 2.22 0.35 3.36 12 สมแปะ Vaccinium sprengelii ERICACEAE 0.78 2.22 0.17 3.18 13 มะหนามนึ้ง Vangueria pubescens RUBIACEAE 0.78 2.22 0.15 3.16 14 สมอพิเภก Terminalia bellirica COMBRETACEAE 0.78 2.22 0.14 3.14 15 เหมือดจี้ดง Memecylon plebejum MELASTOMATACEAE 0.78 2.22 0.11 3.12 รวม 100.00 100.00 100.00 300.00
30
ตารางที่ 6 คา IVI ของสังคมพืชในแปลง ที่ 4 (OKWS 4)
ความ ความถี่ ความเดน ดัชนี ลําดับ ชนิดไม ชื่อสกุล คําระบุชนิด วงศ หนาแนน สัมพัทธ สัมพัทธ ความสําคัญ (specific (Genus) (family) สัมพัทธ (RD) (RF) (Rdo) IVI epitat) 1 กอแพะ Quercus kerrii FAGACEAE 34.36 15.87 26.53 76.76 2 สนสามใบ Pinus kesiya PINACEAE 9.23 12.70 29.53 51.46 3 แขงกวาง Wendlandia tinctoria RUBIACEAE 15.90 14.29 5.31 35.50 4 ยางพลวง Dipterocarpus tuberculatus DIPTEROCARPACEAE 10.26 12.70 10.36 33.31 5 เต็ง Shorea obtusa DIPTEROCARPACEAE 7.69 11.11 9.45 28.25 6 กอ Lithocarpus calathiformis FAGACEAE 8.21 4.76 5.40 18.36 7 สารภีปา Garcinia speciosa GUTTIFERAE 4.10 6.35 2.90 13.36 8 เหมือดโลด Centipeda minima ASTERACEAE 3.59 6.35 1.94 11.88 9 รักใหญ Gluta usitata ANACARDIACEAE 1.54 4.76 3.01 9.31 10 กอใบเลื่อม Castanopsis tribuloides FAGACEAE 2.05 1.59 1.80 5.43 11 หวา Syzygium cumini MYRTACEAE 0.51 1.59 1.59 3.69 12 ผักเลือด Ficus virens MORACEAE 0.51 1.59 1.16 3.26 13 ฮอยจั่น Engelhardtia serrata JUGLANDACEAE 0.51 1.59 0.43 2.53 14 สมแปะ Vaccinium sprengelii ERICACEAE 0.51 1.59 0.26 2.36 15 สมอไทย Terminalia chebula COMBRETACEAE 0.51 1.59 0.24 2.34 16 หนามมะเค็ด Canthium parvifolium RUBIACEAE 0.51 1.59 0.10 2.20 รวม 100.00 100.00 100.00 300.00
31
ตารางที่ 7 คา IVI และรายชื่อพรรณไม 30 อันดับแรกของสังคมพืช ในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย ความ ความถี่ ความเดน ดัชนี ลําดับ ชนิดไม ชื่อสกุล คําระบุชนิด วงศ หนาแนน สัมพัทธ สัมพัทธ ความสําคัญ สัมพัทธ (Genus) (specific epitat) (family) (RF) (Rdo) IVI (RD) 1 ยางพลวง Dipterocarpus tuberculatus DIPTEROCARPACEAE 28.57 17.44 38.08 84.08 2 เต็ง Shorea Obtuse DIPTEROCARPACEAE 11.43 11.28 13.52 36.24 3 กอแพะ Quercus Kerrii FAGACEAE 14.29 6.15 8.44 28.88 4 สนสามใบ Pinus Kesiya PINACEAE 5.31 7.18 11.56 24.04 5 รักใหญ Gluta Usitata ANACARDIACEAE 7.14 7.18 5.20 19.52 6 เหมือดโลด Centipeda Minima ASTERACEAE 4.29 6.67 2.64 13.59 7 แขงกวาง Wendlandia Tinctoria RUBIACEAE 6.33 4.62 1.65 12.60 8 สารภีปา Garcinia Speciosa GUTTIFERAE 3.06 4.62 1.43 9.11 9 ฮอยจั่น Engelhardtia Serrata JUGLANDACEAE 1.22 2.56 3.26 7.05 10 กอ Lithocarpus calathiformis FAGACEAE 3.27 1.54 1.68 6.48 11 กอเดือย Castanopsis acuminatissima FAGACEAE 1.22 3.08 1.33 5.63 12 หวา Syzygium Cumini MYRTACEAE 1.02 2.56 0.85 4.44 13 กอสีเสียด Quercus brandisiana FAGACEAE 1.22 2.05 0.92 4.19 14 มะขามปา Albizia odoratissima LEGUMINOSAE-MIMOSOIDEAE 0.82 1.54 1.52 3.87 15 มะกอกเกลื้อน Canarium subulatum BURSERACEAE 0.82 1.54 1.31 3.66 16 เหมือดจี้ดง Memecylon Plebejum MELASTOMATACEAE 1.02 2.05 0.16 3.23 17 หนามมะเค็ด Canthium parvifolium RUBIACEAE 0.82 2.05 0.13 3.00 18 รัก Gluta Elegans ANACARDIACEAE 1.02 1.03 0.71 2.75 19 สมอพิเภก Terminalia Bellirica COMBRETACEAE 0.61 1.54 0.24 2.39 20 กอใบเลื่อม Castanopsis tribuloides FAGACEAE 0.82 0.51 0.56 1.89 32
ตารางที่ 7 (ตอ)
ความ ความถี่ ความเดน ดัชนี ลําดับ ชนิดไม ชื่อสกุล คําระบุชนิด วงศ หนาแนน สัมพัทธ สัมพัทธ ความสําคัญ (Genus) (specific epitat) (family) สัมพัทธ (RD) (RF) (Rdo) IVI
21 มะหนามนึ้ง Vangueria pubescens RUBIACEAE 0.61 1.03 0.15 1.78 22 สมอไทย Terminalia chebula COMBRETACEAE 0.41 1.03 0.32 1.76 23 รักขี้หมู Semecarpus albescens ANACARDIACEAE 0.20 0.51 0.95 1.67 24 ชิงชัน Dalbergia oliveri LEGUMINOSAE-PAPILIONOIDEAE 0.41 1.03 0.22 1.65 25 Unknow 0.41 1.03 0.15 1.58
26 สมแปะ Vaccinium sprengelii ERICACEAE 0.41 1.03 0.12 1.55 27 พรมคต Homalium caryophyllaceum FLACOURTIACEAE 0.41 0.51 0.60 1.53 28 มะหาด Celtis tetrandra ULMACEAE 0.20 0.51 0.77 1.49 29 ผักเลือด Ficus virens MORACEAE 0.20 0.51 0.36 1.08 30 ขี้หนอน Schoepfia fragrans OLACACEAE 0.41 0.51 0.09 1.01
33
ตารางที่ 8 ตารางสรุปลักษณะนิเวศวิทยาของแตละแปลง
พรรณไมเดนที่มีคา IVI จํานวนชนิดพรรณไม คาดัชนีความ พิกัดแปลง ระดับความสูงจาก ความลาดชัน หินตน แปลงที่ 5 อันดับแรก ทั้งหมด (ที่มีคา IVI) หลากหลาย x y ระดับน้ําทะเล (องศา) กําเนิด ยางพลวง รักใหญ สนสาม ทราย , 1 19 3.696 448002 1965135 963 0 ใบ ฮอยจั่น กอสีเสียด ดินดาน ยางพลวง เต็ง สารภีปา ทราย , 2 19 2.939 450662 1962456 829 5 กอแพะ รักใหญ ดินดาน ยางพลวง เต็ง เหมือดโลด ทราย , 3 15 2.319 450069 1960156 885 0 รักใหญ กอเดือย ดินดาน กอแพะ สนสามใบ แขง ทราย , 4 16 2.989 446182 1968975 927 0 กวาง ยางพลวง เต็ง ดินดาน สรุป ยางพลวง เต็ง กอแพะ สน 40 3.717 โดยรวม สามใบ รักใหญ
34
35
ภาพที่ 8 ตัวอยางพรรณไมที่สํารวจพบในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย วงศ DIPTEROCARPACEAE (A,B) A. ยางพลวง Dipterocarpus tuberculatus ; B. เต็ง Shorea obtusa วงศ FAGACEAE (C) C. กอแพะ Quercus kerrii วงศ RUBIACEAE (D) D. แขงกวาง Wendlandia tinctoria วงศ PINACEAE (E) E. สนสามใบ Pinus kesiya วงศ ANACARDIACEAE (F) F. รักใหญ Gluta usitata
36
ภาพที่ 9 ภาพ Profile Diagram และ Plot plan ของเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย
37
ผลการสํารวจ ความหลากหลายของแมลง
จากการสํารวจพบแมลงในเขตรักษาพันธุสัตวอมกอย ทั้งหมด ๑8 วงศ 46 ชนิด โดยจําแนกเปน ผีเสื้อ กลางวัน 3 วงศ 11 ชนิด แมลงกลางคืน 15 วงศ 35 ชนิด พบดวง 3 วงศ 8 ชนิด และ มอท 12 วงศ 27 ชนิด ชนิดวงศผีเสื้อกลางวัน ที่พบมากที่สุดคือ วงศ Lycaenidae จํานวน 6 ชนิด รองลงมาคือ วงศ Nymphalidae จํานวน 4 ชนิด ชนิดของผีเสื้อกลางวันที่พบมากที่สุด คือ ผีเสื้อสีตาลจุดตาสี่ธรรมดา จํานวน 31 ตัว รองลงมาคือ ผีเสื้อสีตาลจุดตาหาธรรมดา และ ผีเสื้อฟาดอกถั่วสีน้ําเงิน จํานวน 10 ตัว ชนิดวงศของแมลงกลางคืนที่พบมาก ที่สุด คือ วงศ Arctiidae จํานวน 7 ชนิด และ Notodontidae จํานวน 4 ชนิด และชนิดของแมลงกลางคืนที่พบ มากที่สุด คือ มอทหนอนกระทู จํานวน 29 ตัว รองลงมาคือ แมลงนูนเขียว จํานวน 14 ตัว และ ดวงจูจี้ จํานวน 7 ชนิด
วิเคราะหคาความหลากหลายทางชีวภาพและคาความสม่ําเสมอของชนิดพันธุ
เมื่อนําชนิดของแมลงที่สํารวจพบไปวิเคราะหคาความหลากหลายทางชีวภาพ (Species Diversity) ของ แมลงทั้ง ๔ แปลงสํารวจ คือ OKWS 1 OKWS 2 OKWS 3 และ OKWS 4 ในแปลงสํารวจที่ ๑ นั้น มีความหลากหลายของชนิดพันธุของผีเสื้อกลางวันทั้งหมด 4 ชนิด ชนิดที่พบมาก ที่สุด คือ ผีเสื้อฟาดอกถั่วสีน้ําเงิน (Catachrysops panarmus) ผีเสื้อตาลพุมคั่นกลาง (Mycalesis intermedia) และ ผีเสื้อสีตาลจุดตาสี่ธรรมดา (Yphtima huebneri) พบชนิดละ 2 ตัว มีคาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพ ของผีเสื้อกลางวัน (Species Diversity) เทากับ 1.352 และมีคาดัชนีความสม่ําเสมอของชนิดพันธุผีเสื้อกลางวัน 0.975 ความหลากหลายของชนิดพันธุของแมลงกลางคืนทั้งหมด 13 ชนิด ชนิดที่พบมากที่สุด คือ มอท หนอน กระทู (Family : Noctuidae) จํานวน 16 ตัว รองลงมา คือ มอทหนอนคืบ (Family : Geometridae) และ มอทหนอนมังกร (Dudusa sp.) จํานวน 3 ตัว มีคาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพของแมลงกลางคืน 1.946 และมีคาดัชนีความสม่ําเสมอของชนิดพันธุของแมลงกลางคืน 0.759 (ตารางที่ 9) ในแปลงสํารวจที่ ๒ มีความหลากหลายของชนิดพันธุของผีเสื้อกลางวันทั้งหมด 4 ชนิด ชนิดที่พบมาก ที่สุด คือ ผีเสื้อสีตาลจุดตาสี่ธรรมดา (Yphtima huebneri) จํานวน 3 ตัว รองลงมาคือ ผีเสื้อตาลพุมคั่นกลาง (Mycalesis intermedia) จํานวน 2 ตัว มีคาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพของผีเสื้อกลางวัน (Species Diversity) เทากับ 1.277 และมีคาดัชนีความสม่ําเสมอของชนิดพันธุผีเสื้อกลางวัน 0.921 ความหลากหลายของ ชนิดพันธุของแมลงกลางคืนทั้งหมด 19 ชนิด ชนิดที่พบมากที่สุด คือ แมลงนูนเขียว (Anomala grandis) รองลงมาคือ ดวงจูจี้ (Family : Scarabaeidae) และ มอทหนอนกระทู (Family : Noctuidae) จํานวน 7 ชนิด มี คาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพของแมลงกลางคืน 2.509 และมีคาดัชนีความสม่ําเสมอของชนิดพันธุผีเสื้อ กลางวัน 0.852 (ตารางที่ 9) ในแปลงสํารวจที่ ๓ มีความหลากหลายของชนิดพันธุของผีเสื้อกลางวันทั้งหมด 8 ชนิด ชนิดที่พบมากที่สุด คือ ผีเสื้อนิลวรรณปกแถบธรรมดา (Notocrypta paralysos) จํานวน 3 ตัว มีคาดัชนีความหลากหลายทาง ชีวภาพของผีเสื้อกลางวัน (Species Diversity) เทากับ 1.992 และมีคาดัชนีความสม่ําเสมอของชนิดพันธุผีเสื้อ กลางวัน 0.958 ความหลากหลายของชนิดพันธุของแมลงกลางคืนทั้งหมด 8 ชนิด ชนิดที่พบมากที่สุด คือ มอท หนอนกระทู
38
(Family : Geometridae) จํานวน 4 ตัว มีคาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพของแมลงกลางคืน 1.894 และ มีคาดัชนีความสม่ําเสมอของชนิดพันธุของแมลงกลางคืน 0.911 (ตารางที่ 9) ในแปลงสํารวจที่ ๔ มีความหลากหลายของชนิดพันธุของผีเสื้อกลางวันทั้งหมด 7 ชนิด ชนิดที่พบมาก ที่สุด คือ ผีเสื้อนิลวรรณปกแถบธรรมดา (Notocrypta paralysos) จํานวน 3 ตัว มีคาดัชนีความหลากหลายทาง ชีวภาพของผีเสื้อกลางวัน (Species Diversity) เทากับ 1.834 และมีคาดัชนีความสม่ําเสมอของชนิดพันธุผีเสื้อ กลางวัน 0.943ความหลากหลายของชนิดพันธุของแมลงกลางคืนทั้งหมด ๑ 1 ชนิด ชนิดที่พบมากที่สุด คือ มอท หนอนคืบ (Family : Geometridae) จํานวน 3 ตัว รองลงมาคือ มอทเหลืองทราย (Family : Lymantriidae) และ มอทหนอนกระทู (Family : Noctuidae) จํานวน 2 ตัว มีคาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพของแมลง กลางคืน 2.303 และ มีคาดัชนีความสม่ําเสมอของชนิดพันธุของแมลงกลางคืน 0.961 (ตารางที่ 9) จากการวิเคราะหคาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพ และคาดัชนีความสม่ําเสมอของชนิดพันธุทั้ง ๔ จุด พบวา จุดที่ 3 มีคาดัชนีความหลากลายทางชีวภาพของผีเสื้อกลางวันมากที่สุด 1.992 ในแปลงที่ 1 มีคาดัชนี ความสม่ําเสมอของชนิดพันธุผีเสื้อกลางวันมากที่สุด คือ 0.975 แสดงวาในพื้นที่ จุด OKWS 3 มีผีเสื้อกลางวัน หลายชนิดและ จุด OKWS 1 มีการกระจายตัวของชนิดพันธุสม่ําเสมอกัน สําหรับคาดัชนีความหลากหลายทาง ชีวภาพ และคาดัชนีความสม่ําเสมอของชนิดพันธุของแมลงกลางคืนทั้ง ๔ จุด พบวา จุด OKWS 2 มีคาดัชนีความ หลากลายทางชีวภาพมากที่สุด 2.509 และ OKWS 4 มีคาดัชนีความสม่ําเสมอของชนิดพันธุมากที่สุด คือ 0.961 ตามลําดับ (ตารางที่ 9)
ตารางที่ 9 ดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพและดัชนีความสม่ําเสมอของแมลง
คาความหลากหลายทางชีวภาพ คาความสม่ําเสมอ Shannon (Shannon – Wiener Diversity Index) Evenness ลําดับที่ แปลงสํารวจ แมลง ผีเสื้อกลางวัน แมลงกลางคืน ผีเสื้อกลางวัน กลางคืน 1 OKWS 1 1.352 1.946 0.975 0.759 2 OKWS 2 1.277 2.509 0.921 0.852 3 OKWS 3 1.992 1.894 0.958 0.911 4 OKWS 4 1.834 2.303 0.943 0.961
ในการวิเคราะหคาความหลากหลายทางชีวภาพของแมลงทั้งหมดในเขตรักษาพันธุสัตวปา อมกอย พบวา คาความหลากหลายทางชีวภาพของผีเสื้อกลางวันและแมลงกลางคืนนั้น มีคา 1.778 และ 2.878 ตามลําดับ คา ความสม่ําเสมอของชนิดพันธุของผีเสื้อกลางวันและแมลงกลางคืนเทากับ 0.741 และ 0.809 ตามลําดับ แสดงวา ในเขตรักษาพันธุสัตวปา ฯ มีความหลากหลายของชนิดพันธุและคาความสม่ําเสมอของแมลงกลางคืนมากกวาผีเสื้อ กลางวัน และแตละชนิดมีการกระจายตัวคอนขางสม่ําเสมอกัน (ตารางที่ 10)
39
ตารางที่ 10 ดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพและดัชนีความสม่ําเสมอของแมลงในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย
ดัชนี ผีเสื้อกลางวัน แมลงกลางคืน คาความหลากหลายทางชีวภาพ (Shannon – Wiener Diversity Index) 1.778 2.878 คาความสม่ําเสมอ Shannon Evenness 0.741 0.809
แผนผัง Venn Diagram นําขอมูลผีเสื้อกลางวันทั้งหมดที่ไดจากการสํารวจในเขตรักษาพันธุสัตวปา อมกอย มาจัดทําเปนแผนผัง Venn Diagram ของผีเสื้อกลางวันในฤดูรอนและฤดูฝนพบวา ผีเสื้อกลางวันที่พบไดทั้ง ๒ ฤดูนั้น มีจํานวนทั้งหมด ๖ ชนิด ดังภาพที่ ๑0 และนํามาวิเคราะหหาคาความคลายคลึงกันของผีเสื้อกลางวัน
ภาพที่ ๑0 แสดง แผนผัง Venn Diagram ของผีเสื้อกลางวันที่ในฤดูรอนและฤดูฝน
วิเคราะหคาความคลายคลึงกัน (Indices of similarity or Community coefficients) ในการวิเคราะหคาความคลายคลึงกันของ Jaccard และ Sorensen พบวา มีคา 60.00 % และ 75.00 % ตามลําดับ ซึ่งมีคาอยูระดับใกลเคียงกัน สรุปไดวา ในพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปา อมกอย ใน ๒ ฤดูนั้น พบชนิดพันธุของผีเสื้อกลางวันคลายคลึงกัน
40
ภาพที่ 11 ตัวอยางแมลงกลางคืนที่สํารวจพบในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย วงศ Spingidae (A ) A. มอทเหยี่ยวองุนเขมจาง Acosmeryx anceus วงศ Eupterotidae (B,D) B. มอทยักษขนปุยสีจางTegpra pallid ; D. มอทยักษขนปุยขีดบั้ง Pseudojana perspicuifascia วงศ Scarabaeidia (C) C. ดวงกวาง Xylotrupes Gideon วงศ Geometridae (E) E. มอทปกพู Pterothysanus noblei วงศ Noctuidae (F) F. มอทพิรามหนายักษ Spirama helicina
41
ภาพที่ 12 ตัวอยางผีเสื้อกลางวันที่สํารวจพบในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย วงศ Nymphalidae (A, B, E) A. ผีเสื้อสีตาลจุดตาสี่ธรรมดา Yphtima huebneri ; B. ผีเสื้อสีตาล จุดตาหาธรรมดาYpthima baldus ; E. ผีเสื้อตาลพุมคั่นกลาง Mycalesis intermedia วงศ Lycaenidae (C, F) C. ผีเสื้อฟาดอกถั่วสีน้ําเงิน Catachrysops panarmus ; F. ผีเสื้อฟาลาย Syntarucus plinius วงศ Hesperiidae (D) D. ผีเสื้อนิลวรรณปกแถบธรรมดา Notocrypta paralysos
ตารางที่ 11 บัญชีรายชื่อแมลงที่สํารวจพบในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย จังหวัด เชียงใหม
เวลาที่ พิกัดแปลง ชนิดปาที่ ลําดับที่ ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร วงศ อันดับ ผูเก็บ เก็บ Lat Long พบ 448002 1965135 เต็งรัง 1 20:00 แมลงแมฝน Dorysthenes sp. Cerambycidae Coleoptera 450662 1962456 เต็งรัง 2 20:00 ดวงหนวดยาว Cerambycidae Coleoptera 450662 1962456 เต็งรัง
3 20:00 กินูนหลวง Lepidiopta stigma Scarabaeidae Coleoptera 448002 1965135 เต็งรัง 4 20:00 แมลงนูน Scarabaeidae Coleoptera 450662 1962456 เต็งรัง
5 20:00 ดวงจูจี้ Scarabaeidae Coleoptera 450662 1962456 เต็งรัง
6 20:00 แมลงนูนเขียว Anomala grandis Scarabaeidia Coleoptera 448002 1965135 เต็งรัง 20:00 448002 1965135 เต็งรัง 7 ดวงกวาง Xylotrupes Gideon Scarabaeidia Coleoptera 450662 1962456 เต็งรัง 6.00 448002 1965135 เต็งรัง 8 จั๊กจั่นงวง Fulgoridae Hemiptera 20:00 450662 1962456 เต็งรัง 9 20:00 มอทแตมตาล Adites frigid Arctiidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 10 20:00 มอทชีแตมบั้งตรง Cyana alborosea Arctiidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง 11 20:00 มอทลายเสือสีปูน Lyclena acteola Arctiidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 12 20:00 มอทปอเทือง Tatargina sp. Arctiidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 450662 1962456 เต็งรัง 20:00 13 มอทปอเทือง Arctiidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง
446182 1968975 เต็งรัง 14 20:00 มอทลายเสือ Arctiidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง
15 20:00 มอทกระบอก Arctiidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง
16 20:00 มอทเจาะไมขาวจุด Zeuzera indica Cossidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง 17 20:00 มอทยักษขนปุยขีดบั้ง Pseudojana perspicuifascia Eupterotidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 448002 1965135 เต็งรัง 18 20:00 มอทยักษขนปุยสีจาง Tegpra pallid Eupterotidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 42
ตารางที่ 11 (ตอ) เวลาที่ พิกัดแปลง ชนิดปาที่ ลําดับที่ ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร วงศ อันดับ ผูเก็บ เก็บ Lat Long พบ 19 20:00 มอทเปลือกไมลายคลื่น Cleora determinata Geometridae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง 20 20:00 มอทปกพู Pterothysanus noblei Geometridae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 448002 1965135 เต็งรัง 21 20:00 มอทหนอนคืบ Geometridae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง
446182 1968975 เต็งรัง ผีเสื้อนิลวรรณปกแถบ 450069 1960156 เต็งรัง 22 10:00 Notocrypta paralysos Hesperiidae Lepidoptera ธรรมดา 446182 1968975 เต็งรัง 23 20:00 มอทหนางุมเขมจุดจาง Kunugia latipennis Lasiocampida Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 24 20:00 มอทหนอนหอย Thosea sp. Limacodidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง 448002 1965135 เต็งรัง 25 20:00 มอทหนอนหอย Limacodidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง 448002 1965135 เต็งรัง 450662 1962456 เต็งรัง 26 11:00 ผีเสื้อฟาดอกถั่วสีน้ําเงิน Catachrysops panarmus Lycaenidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 446182 1968975 เต็งรัง 27 11:00 ผีเสื้อพุมไมธรรมดา Hypolycaena erylus Lycaenidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 28 11:00 ผีเสื้อฟาวาวใหญ Jamides alecto Lycaenidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 29 11:00 ผีเสื้อฟาขีดสี่ใหญ Nacaduba pactolus Lycaenidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง 450069 1960156 เต็งรัง 30 11:00 ผีเสื้อฟาขีดหกลายเขม Prosotas aluta Lycaenidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง 31 11:00 ผีเสื้อฟาลาย Syntarucus plinius Lycaenidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง 448002 1965135 เต็งรัง 32 20:00 มอทเหลืองทรายสองจุด Euproctis sp. Lymantriidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 450662 1962456 เต็งรัง 33 20:00 มอทเหลืองทราย Lymantriidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง
43
ตารางที่ 11 (ตอ) เวลาที่ พิกัดแปลง ชนิดปาที่ ลําดับที่ ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร วงศ อันดับ ผูเก็บ เก็บ Lat Long พบ 34 20:00 มอทปกมุมจุดตาใส Episparis exprimens Noctuidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 35 20:00 มอทพิรามหนายักษ Spirama helicina Noctuidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 448002 1965135 เต็งรัง 450662 1962456 เต็งรัง 36 20:00 หนอนกระทู Noctuidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 446182 1968975 เต็งรัง 37 20:00 มอทหนอนมังกร Dudusa sp. Notodontidae Lepidoptera 448002 1965135 เต็งรัง 38 20:00 มอทหนอนมังกรกิ่งไม Phalera sp. Notodontidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 448002 1965135 เต็งรัง 39 20:00 มอทหนอนมังกรลําไย Tarsolepis elephantorum Notodontidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 40 20:00 มอทหนอนมังกร Notodontidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง
448002 1965135 เต็งรัง 41 11:00 ผีเสื้อตาลพุมคั่นกลาง Mycalesis intermedia Nymphalidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 42 11:00 ผีเสื้อหนอนใบรักเหลือง Parantica aspasia Nymphalidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 448002 1965135 เต็งรัง ผีเสื้อสีตาลจุดตาสี่ 450662 1962456 เต็งรัง 43 11:00 Yphtima huebneri Nymphalidae Lepidoptera ธรรมดา 450069 1960156 เต็งรัง 446182 1968975 เต็งรัง 448002 1965135 เต็งรัง ผีเสื้อสีตาลจุดตาหา 450662 1962456 เต็งรัง 44 11:00 Ypthima baldus Nymphalidae Lepidoptera ธรรมดา 450069 1960156 เต็งรัง 446182 1968975 เต็งรัง 45 20:00 มอทไหมปา Saturniidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง
46 20:00 มอทเหยี่ยวองุนเขมจาง Acosmeryx anceus Spingidae Lepidoptera 448002 1965135 เต็งรัง คําอธิบาย : 1. ประเภทปา ตามการจัดจําแนกตามหนังสือปาของประเทศไทย (ธวัชชัย สันติสุข, 2550) 2. การเรียงลําดับเรียงตามชื่ออันดับและวงศเปนหลัก (A-Z) เชน Coleoptera (กลุมแมลงดวงปกแข็ง) หรือ Diptera (กลุมแมลงวัน) หมายเหตุ บัญชีรายชื่อแมลงที่ในตารางแนบทายนี้เปนรายชื่อแมลงภาพรวมของทั้ง 4 แปลง ซึ่งรายชื่อแมลงที่พบในแตละแปลงจะอยูในภาคผนวกหมวด ข 44
45 ผลการสํารวจ ความหลากหลายของเห็ด
จากการสํารวจพบแมลงในเขตรักษาพันธุสัตวอมกอย ทั้งหมด 8 วงศ 11 ชนิด เห็ดที่พบมากที่สุดคือ วงศ Pluteaceae วงศ Tricholomataceae และวงศ Boletaceae จํานวน 2 ชนิด รองลงมาคือ ชนิดของเห็ดที่พบ มากที่สุด คือ เห็ดเผาะ (Astraeus hygrometricus) จํานวน 27 ดอก รองลงมาคือ เห็ดปอดมา (Heimiell retispora) จํานวน 17 ดอก และชนิดเห็ดที่พบนอยที่สุด คือ เห็ดสปอรสีน้ําเงิน และเห็ดไขเหลือง จํานวน 1 ดอก
วิเคราะหคาความหลากหลายทางชีวภาพและคาความสม่ําเสมอของชนิดพันธุ
เมื่อนําชนิดของเห็ดที่สํารวจพบไปวิเคราะหคาความหลากหลายทางชีวภาพ (Species Diversity) ของเห็ด ทั้ง ๔ แปลง คือ แปลงสํารวจที่ ๑ แปลงสํารวจที่ 2 แปลงสํารวจที่ ๓ และ แปลงสํารวจที่ ๔ พบวา ในแปลงสํารวจที่ ๑ นั้น มีความหลากหลายของชนิดพันธุของเห็ดทั้งหมด 4 ชนิด ชนิดที่พบมากที่สุด คือ เห็ดไสเดือน (Amanita vaginata) พบ 8 ดอก รองลงมาคือ เห็ดตับเตา (Boletus sp.) จํานวน 3 ดอก และ เห็ด รมนอยขนตั้ง (Mycena stylobates) จํานวน 2 ดอก มีคาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพของเห็ด (Species Diversity) เทากับ 1.116 และมีคาดัชนีความสม่ําเสมอของชนิดพันธุของเห็ด 0.805 (ตารางที่ ๑2) ในแปลงสํารวจที่ ๒ นั้น มีความหลากหลายของชนิดพันธุของเห็ดทั้งหมด 7 ชนิด ชนิดที่พบมากที่สุด คือ เห็ดปอดมา (Heimiell retispora) พบ 17 ดอก รองลงมาคือ เห็ดโคนขาวตอก (Termitomyces microcarpus) จํานวน 12 ดอก มีคาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพของเห็ด (Species Diversity) เทากับ 1.538 และมีคา ดัชนีความสม่ําเสมอของชนิดพันธุของเห็ด 0.791 (ตารางที่ ๑2) ในแปลงสํารวจที่ ๓ นั้น มีความหลากหลายของชนิดพันธุของเห็ดทั้งหมด 2 ชนิด ชนิดที่พบมากที่สุด คือ เห็ดเผาะ (Astraeus hygrometricus) จํานวน 23 ดอก เห็ดไขหาน (Amanita princeps) จํานวน 2 มีคาดัชนี ความหลากหลายทางชีวภาพของเห็ด (Species Diversity) เทากับ 0.279 และมีคาดัชนีความสม่ําเสมอของชนิด พันธุของเห็ด 0.402 (ตารางที่ ๑2) ในแปลงสํารวจที่ ๔ นั้น มีความหลากหลายของชนิดพันธุของเห็ดทั้งหมด 1 ชนิด คือ เห็ดตับเตา (Boletus sp.) จํานวน 5 ดอก (ตารางที่ ๑2) จากการวิเคราะหคาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพ และคาดัชนีความสม่ําเสมอของชนิดพันธุทั้ง ๔ แปลงพบวา แปลงสํารวจที่ 2 มีคาดัชนีความหลากลายทางชีวภาพของเห็ดมากที่สุด คือ 1.538 แสดงวาใน พื้นที่แปลงสํารวจที่ 2 มีเห็ดหลากหลายชนิดพันธุมากที่สุด และแปลงที่ 1 มีคาดัชนีความสม่ําเสมอของชนิดพันธุ มากที่สุด คือ 0.805 แสดงวาในพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปาฯ แปลงที่ 1 มีการกระจายตัวของชนิดเห็ดสม่ําเสมอ มากกวาพื้นที่อื่นๆ (ตารางที่ ๑2)
46 ตารางที่ ๑2 ดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพและดัชนีความสม่ําเสมอของเห็ด
คาความหลากหลายทางชีวภาพ คาความสม่ําเสมอ ลําดับที่ แปลงสํารวจ (Shannon – Wiener Diversity Index) Shannon Evenness 1 OKWS 1 1.116 0.805 2 OKWS 2 1.538 0.791 3 OKWS 3 0.279 0.402 4 OKWS 4 - -
ในการวิเคราะหคาความหลากหลายทางชีวภาพของเห็ดทั้งหมดในเขตรักษาพันธุสัตวปา อมกอย พบวา คา ความหลากหลายทางชีวภาพของเห็ดนั้น มีคา 1.954 และคาความสม่ําเสมอของชนิดพันธุของเห็ดเทากับ 0.815 แสดงวาในเขตรักษาพันธุสัตวปา ฯ มีความหลากหลายของชนิดพันธุและคาความสม่ําเสมอของเห็ดมาก และแตละ ชนิดมีการกระจายตัวคอนขางสม่ําเสมอกัน (ตารางที่ 13)
ตารางที่ 13 ดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพและดัชนีความสม่ําเสมอของแมลงในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย
ดัชนี เห็ด คาความหลากหลายทางชีวภาพ (Shannon – Wiener Diversity Index) 1.954 คาความสม่ําเสมอ Shannon Evenness 0.815
47
ภาพที่ 13 ตัวอยางเห็ดที่สํารวจพบในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย วงศ Boletaceae (A,D) A. เห็ดปอดมา Heimiell retispora ; D. เห็ดตับเตา Boletus sp. วงศ Marasmiaceae (B) B. เห็ดรมน้ําตาลกานลวด Marasmius haematocephalus วงศ Sclerodermataceae (C) C. เห็ดเผาะ Astraeus hygrometricus วงศ Pluteaceae (E) E. เห็ดไขเหลือง Amanita hemibapha วงศ Tricholomataceae (F) F. เห็ดโคนขาวตอก Termitomyces microcarpus
ตารางที่ 14 บัญชีรายชื่อเห็ดที่สํารวจพบในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย จังหวัด เชียงใหม
ลําดับ พิกัดแปลง วัสดุอาศัย/ ชนิดปาที่ ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร วงศ อันดับ ที่ Lat Long พืชอาศัย พบ Heinemannomyces 1 เห็ดสปอรสีน้ําเงิน Agaricaceae Agaricales 448002 1965135 พื้นดิน เต็งรัง splendidissima 448002 1965135 พื้นดิน เต็งรัง 2 เห็ดไสเดือน Amanita vaginata Amanitaceae Agaricales 450662 1962456 พื้นดิน เต็งรัง 3 เห็ดรมน้ําตาลกานลวด Marasmius haematocephalus Marasmiaceae Agaricales 450662 1962456 พื้นดิน เต็งรัง 4 เห็ดไขเหลือง Amanita hemibapha Pluteaceae Agaricales 450662 1962456 ขอนไม เต็งรัง 5 เห็ดไขหาน Amanita sp. Pluteaceae Agaricales 450069 1960156 พื้นดิน เต็งรัง 6 เห็ดเนื้อรวน Psathyrella sp. Psathyrellaceae Agaricales 450662 1962456 พื้นดิน เต็งรัง 7 เห็ดรมนอยขนตั้ง Mycena stylobates Tricholomataceae Agaricales 448002 1965135 พื้นดิน เต็งรัง 8 เห็ดโคนขาวตอก Termitomyces microcarpus Tricholomataceae Agaricales 450662 1962456 พื้นดิน เต็งรัง
9 เห็ดปอดมา Heimiell retispora Boletaceae Boletales 450662 1962456 พื้นดิน เต็งรัง 448002 1965135 พื้นดิน เต็งรัง 10 เห็ดตับเตา Boletus sp. Boletaceae Boletales 446182 1968975 พื้นดิน เต็งรัง 450662 1962456 พื้นดิน เต็งรัง 11 เห็ดเผาะ Astraeus hygrometricus Sclerodermataceae Boletales 450069 1960156 พื้นดิน เต็งรัง
คําอธิบาย : 1. ประเภทปา ตามการจัดจําแนกตามหนังสือปาของประเทศไทย (ธวัชชัย สันติสุข, 2550) 2. การเรียงลําดับเรียงตามชื่ออันดับและวงศเปนหลัก (A-Z)
หมายเหตุ บัญชีรายชื่อเห็ดในตารางแนบทายนี้เปนรายชื่อเห็ดของภาพรวมทั้ง 4 แปลง ในเขตรักษาพันธสัตวปา รายชื่อพรรณไมในแตละแปลงจะอยูในภาคผนวกหมวด 48
49 ผลการสํารวจ ความหลากหลายของนก
จากการสํารวจความหลากหลายของชนิดพันธุของนก 10 จุด ในเขตรักษาพันธุสัตวอมกอย พบชนิดพันธุ นกทั้งหมด 21 ชนิด ชนิดนกที่พบมากที่สุดคือ นกเอี้ยงสาลิกา (Acridotheres tristis) และ นกแซงแซวหางปลา (Dicrurus macrocercus) จํานวน 13 ตัว รองลงมาคือ นกโพระดกธรรมดา (Megalaima lineata) จํานวน 9 ตัว และ นกปรอดหัวสีเขมา (Pycnonotus aurigaster) จํานวน 7 ตัว
วิเคราะหความชุกชุมของนก จากขอมูลที่ไดในการสํารวจของนกพบวา จุดสํารวจทั้ง 10 จุดนั้น พบวา นกโพระดกธรรมดา (Megalaima lineata) มีคาความชุกชุมมากที่สุด คือ 50 % รองลงมาคือ นกแซงแซวหางปลา (Dicrurus macrocercus) มีคาความชุกชุม 40 % นกกระปูดใหญ (Centropus sinensis) และ นกกระทาทุง (Francolinus pintadeanus) มีคาความชุกชุม 30 % เมื่อเปรียบเทียบความชุกชุมของนกตาม พบวา นกโพระดกธรรมดา มีพบ ไดบอย นกกระปูดใหญ นกแซงแซวหางปลา นกกระทาทุง นั้นพบเห็นไดปานกลาง นกกางเขนดง นกตะขาบทุง นก หัวขวานเขียวตะโพกแดง มีโอกาสพบเห็นไดนอย และนกที่พบเห็นไดยากนั้น เชน นกเอี้ยงหงอน นกเอี้ยงสาลิกา นกเขียวกานตองปกสีฟา เปนตน(ตารางที่ 15) จากการสํารวจชนิดพันธุของนก ทั้ง 10 จุด นํามาเปรียบเทียบระดับความชุกชุมของนกได 5 ระดับ ดังนี้ 10-17 % พบยาก 17-26 % พบนอย 27-35 % พบปานกลาง 36-44 % พบคอนขางบอย 45-100 % พบบอย
50
ภาพที่ 14 ตัวอยางนกที่สํารวจพบในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย วงศ DICRURIDAE (A) A. นกแซงแซวหางปลา (Black Drongo) Dicrurus macrocercus วงศ PHASIANIDAE (B) B. นกกระทาทุง (Francolin) Francolinus pintadeanus วงศ CORVIDAE (C) C. นกขุนแผน (Blue Magpie) Urocissa erythrorhyncha วงศ CORACIIDAE (D) D. นกตะขาบทุง (Indian Roller) Coracias benghalensis วงศ PICIDAE (E,F) E. นกหัวขวานเขียวตะโพกแดง (Black-headed Woodpecker) Picus erythropygius ; F. นกหัวขวานสามนิ้วหลังทอง (Common Goldenback) Dinopium javanense
51 ตารางที่ ๑5 ระดับความชุกชุมของนกในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย
ระดับความชุกชุม ลําดับที่ ชนิด 17-26 27-35 10-17 % 36-44 % 45-100 % % % 1 นกเอี้ยงหงอน 10
2 นกเอี้ยงสาลิกา 10
3 นกกระปูดใหญ 30
4 นกเขียวกานตองปกสีฟา 10
5 นกกางเขนดง 20
6 นกตะขาบทุง 20
7 นกแซงแซวหางปลา 40
8 นกหัวขวานสามนิ้วหลังทอง 10
9 นกกระทาทุง 30
10 ไกปา 10
11 นกกะรางหัวหงอก 10
12 นกเคาแมว 10
13 นกโพระดกธรรมดา 50
14 นกขมิ้นหัวดําใหญ 10
15 นกหัวขวานเขียวตะโพกแดง 20
16 นกหัวขวานใหญหงอนเหลือง 20
17 นกปรอดหัวสีเขมา 20
18 นกปรอดหัวโขน 10
19 นกปรอดเหลืองหัวจุก 10
20 นกขุนแผน 10
21 นกกระแตแตแวด 10
ตารางที่ 16 บัญชีรายชื่อนกที่สํารวจพบในสังคมปาเต็งรัง เขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย จังหวัด เชียงใหม
ชนิดพันธุ การสํารวจ การตรวจ สถานภาพ ระดับ ลําดับ ฤดูนก นอกฤดู เอกสาร IUCN N&C ความ ที่ ชื่อไทย ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร อพย นก ACT CITES 2008 2005 ชุกชุม พ อพยพ 1 นกเอี้ยงหงอน White-vented Myna Acridotheres grandis √ LC คุมครอง คุมครองเพาะพันธุได 10
2 นกเอี้ยงสาลิกา Common Myna Acridotheres tristis √ LC คุมครอง คุมครองเพาะพันธุได 10
3 นกกระปูดใหญ Greater Coucal Centropus sinensis √ LC คุมครอง คุมครอง 30
4 นกเขียวกานตองปกสีฟา Blue-winged Leafbird Chloropsis cochinchinensis √ LC คุมครอง คุมครอง 10
5 นกกางเขนดง White-rumped Shama Copsychus malabaricus √ LC คุมครอง คุมครองเพาะพันธุได 20
6 นกตะขาบทุง Indian Roller Coracias benghalensis √ LC คุมครอง คุมครอง 20
7 นกแซงแซวหางปลา Black Drongo Dicrurus macrocercus √ LC คุมครอง คุมครอง 40
8 นกหัวขวานสามนิ้วหลังทอง Common Goldenback Dinopium javanense √ LC คุมครอง คุมครอง 10
9 นกกระทาทุง Francolin Francolinus pintadeanus √ LC คุมครอง คุมครองเพาะพันธุได 30
10 ไกปา Jungle Fowl Gallus gallus √ LC คุมครอง คุมครองเพาะพันธุได 10
11 นกกะรางหัวหงอก White-crested Laughingthrush Garrulax leucolophus √ LC คุมครอง คุมครองเพาะพันธุได 10
12 นกเคาแมว Asian Barred Owlet Glaucidium cuculoides √ LC คุมครอง คุมครอง 10
13 นกโพระดกธรรมดา Lineated Barbet Megalaima lineata √ LC คุมครอง คุมครอง 50
14 นกขมิ้นหัวดําใหญ Black-hooded Oriole oriolus xanthornus √ LC คุมครอง คุมครอง 10
15 นกหัวขวานเขียวตะโพกแดง Black-headed Woodpecker Picus erythropygius √ LC คุมครอง คุมครอง 20
16 นกหัวขวานใหญหงอนเหลือง Great Yellownape Picus flavinucha √ LC คุมครอง คุมครอง 20
17 นกปรอดหัวสีเขมา Sooty-headed Bulbul Pycnonotus aurigaster √ LC คุมครอง คุมครอง 20
18 นกปรอดหัวโขน Red-whiskered Bulbul Pycnonotus jocosus √ NT คุมครอง คุมครองเพาะพันธุได 10
19 นกปรอดเหลืองหัวจุก Black-crested Bulbul Pycnonotus melanicterus √ LC คุมครอง คุมครอง 10
20 นกขุนแผน Blue Magpie Urocissa erythrorhyncha √ LC คุมครอง คุมครอง 10
21 นกกระแตแตแวด Red-wattled Lapwing Vanellus indicus √ LC คุมครอง คุมครอง 10 IUCN 2008 = IUCN Red List 2008 N&C 2005 = สํานักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ACT = พระราชบัญญัติสงวนและคุมครองสัตวปา พุทธศักราช 2535 CITES = อนุสัญญาวาดวยการคาระหวางประเทศซึ่งชนิดสัตวปาและพืชปาที่ใกลสูญพันธุ หมายเหตุ ระดับความชุกชุมไมไดกําหนดใหทํา แลวแตความเห็นของแตละสบอ.วาจะทําหรือไม 52
53 สรุปผล
จากการวางแปลงสํารวจพรรณไม แมลง เห็ด และนกในพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปา อมกอย พบวาพรรณไม ในเขตรักษาพันธุสัตวปา ฯ มีทั้งสิ้น 25 วงศ 44 ชนิด โดยจําแนกเปน ไมตน 26 วงศ 40 ชนิด ไมหนุม 11 วงศ 20 ชนิด พรรณไมที่มีอิทธิพลในสังคมปา คือ ยางพลวง เต็ง กอแพะ สนสามใบ รักใหญ เปนพรรณไมที่การ กระจายตัวอยางสม่ําเสมอ และเปนพรรณไมที่ปกคลุมพื้นที่ปา และจะเห็นวาในเขตรักษาพันธุสัตวปา ฯ นั้นมีความ หลากหลายของพรรณไมมาก แมลงที่พบในเขตรักษาพันธุสัตวปา ฯ สวนใหญจะพบแมลงพวกผีเสื้อกลางวันมาก และมีหลากหลายชนิด จําแนกไดทั้งหมด ๑5 วงศ 112 ชนิด โดยจําแนกเปน ๑8 วงศ 46 ชนิด โดยจําแนกเปน ผีเสื้อกลางวัน 3 วงศ 11 ชนิด แมลงกลางคืน 15 วงศ 35 ชนิด พบดวง 3 วงศ 8 ชนิด และ มอท 12 วงศ 27 ชนิด ผีเสื้อกลางวันที่ พบมากที่สุดคือ ผีเสื้อสีตาลจุดตาสี่ธรรมดา รวมถึงแมลงกลางคืน จําพวก มอทหนอนกระทู แมลงเหลานี้ลวน แลวแตมีความสําคัญในระบบนิเวศเปนอยางมาก เมื่อมีความหลากหลายมากและมีการกระจายตัวมาก แมลง เหลานี้ก็จะทําหนาที่ในพื้นที่ไดอยางทั่วถึง นอกจากแมลงที่มีหนาที่ในระบบนิเวศ เห็ดก็มีประโยชนเชนกัน ปาไมไดใชประโยชนจากเห็ดในการเปนผู ยอยสลาย นอกจากนี้เห็ดบางชนิดยังสามารถนํามาทานได ในพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปา ฯ พบเห็ดทั้งหมด 8 วงศ 11 ชนิด เห็ดที่พบมากที่สุด เห็ดเผาะ และ เห็ดปอดมา เปนตน และจากการสํารวจชนิดพันธุนกในพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปา ฯ พบชนิดพันธุของนกทั้งหมด 21 ชนิด ชนิดนกที่พบมากที่สุดคือ นกเอี้ยงสาลิกา และ นกแซงแซวหางปลา การการศึกษาความชุกชุมของนกจะเห็นวา มี นกหลากหลายชนิดที่สามารถพบเห็นไดบอยจนไปถึงเห็นไดยาก จากการสํารวจความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งหมด จึงเห็นวาในเขตรักษาพันธุสัตวปา อมกอย มีความหลากหลายทางชีวภาพมาก และมีความสําคัญตอปาไม และระบบนิเวศอีกดวย
54 ปญหา อุปสรรค และขอเสนอแนะ
1. กลุมงานวิชาการไมมียานพาหนะในการเดินทางในการเขาพื้นที่สํารวจ ตองจัดจางเหมารถยนตหรือใช พาหนะสวนตัวเพื่อความสะดวกในการเดินทางไปสํารวจ 2. อุปกรณในการสํารวจไมสามารถจัดหาไดทันตามฤดูกาลที่ตองทําการสํารวจ ทําใหขาดขอมูลไปบางสวน 3. ความชํานาญของเจาหนาที่ในการเก็บขอมูลในแตละดานยังไมเพียงพอ ทําใหเก็บขอมูลในแปลงสํารวจ ไมสมบูรณ หากเจาหนาที่มีความชํานาญจะทําใหการสํารวจรวดเร็ว และไดขอมูลที่แมนยํามากขึ้น
55 กิตติกรรมประกาศ
ขอขอบคุณ เจาหนาที่เขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย ที่อํานวยความสะดวกในการเขาพักและสนับสนุน กําลังสํารวจเก็บขอมูล และยังใหขอมูลชนิดพรรณไมตาง ๆ ในแปลงสํารวจ และชนิดพันธุของนก แมลง และเห็ดใน พื้นที่ ทําใหการเก็บขอมูลทําไดมากยิ่งขึ้น
56 เอกสารอางอิง
เกรียงไกร สุวรรณภักดิ์ และจารุจินต นภีตะภัฏ. 2551. คูมือแมลง. สํานักพิมพสารคดี, กรุงเทพฯ. เกรียงไกร สุวรรณภักดิ์ และจารุจินต นภีตะภัฏ. 2540. ผีเสื้อ. สํานักพิมพวนา, กรุงเทพฯ. เกรียงไกร สุวรรณภักดิ์. 2012. Photographic guide to Moths in Thailand. BNEC, Nakhon Nayok. จรัลศักดิ์ ลอยมี. 2553. ผีเสื้อเชียงใหม. คณะวิจิตรศิลป มหาวิทยาลัยเชียงใหม, เชียงใหม. ไซมอน การดเนอร, พินดา สิทธิสุนทร และวิไลวรรณ อนุสารสุนทร. 2543. ตนไมเมืองเหนือ: คูมือศึกษาพรรณ ไมยืนตนในปาภาคหนือประเทศไทย. บริษัท อมรินทรบุคเซ็นเตอร จํากัด, กรุงเทพฯ. นิวัฒ เสนาะเมือง. ๒๕๕๓. เห็ดปาเมืองไทย: ความหลากหลายและการใชประโยชน. ยูนิเวอรแซล กราฟฟค แอนด เทรดดิ้ง, กรุงเทพฯ. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีแหงประเทศไทย (วว.). 2550. เห็ดในปาสะแกราช. ฝายสิ่งแวดลอม นิเวศวิทยาและพลังงาน สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีแหงประเทศไทย (วว.), กรุงเทพฯ. อนงค จันทรศรีกุล และคณะ. 2551. ความหลากหลายของเห็ดและราขนาดใหญในประเทศไทย. สํานักพิมพ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร, กรุงเทพฯ. Chopra, R. N., S. L. Nayar and I. C. Chopra. 1956. Glossary of Indian Medicinal Plants. Council of Scientific & Industrial Research, New Delhi, India. Hutacharern, C., N. Tubtim and C. Dokmai. 2007. Checklists of Insects and Mites in Thailand. Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation, Bangkok. web3.dnp.go.th/botany/ThaiPlantName/Default.aspx. www.Thaibird.bizhat.com/all-1.htm. http://www.iucnredlist.org/ http://nhuodd.multiply.com/
57 คณะผูดําเนินการ
ที่ปรึกษา ผูอํานวยการสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษที่ 16 (นายเสริมยศ สมมั่น) หัวหนากลุมงานวิชาการ (นายพีระพงษ หอศิลป) หัวหนาเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย (นายดิสสกุล ธรรมสานุกุล)
คณะผูดําเนินการศึกษา (ตามคําสั่งสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษที่ ๑๖)
นายสุริยา สกลวิทยานนท นักวิชาการปาไมชํานาญการ หัวหนาชุดสํารวจ /โครงการ นายสมชัย เบญจชย นักวิชาการปาไมชํานาญการ ประจําชุดสํารวจ นางศิรประภา คําใบ นักวิชาการปาไมปฏิบัติการ ประจําชุดสํารวจ นายธีรภาพ ปุสธรรม นักวิชาการปาไมปฏิบัติการ ประจําชุดสํารวจ นางสุปริญญา เติมตน นักวิชาการปาไมปฏิบัติการ ประจําชุดสํารวจ นายภูพิชิต ชวยบํารุง นักวิชาการปาไมปฏิบัติการ ประจําชุดสํารวจ นายศิศิร หลาแกว นักวิชาการปาไมปฏิบัติการ ประจําชุดสํารวจ นางสาวสิวรส เจริญรื่น นักวิชาการปาไมปฏิบัติการ ประจําชุดสํารวจ นางสาวอําพร คําขัติ ผูชวยนักวิจัย ประจําชุดสํารวจ นางสาวศศิธร สุคนธา เจาหนาที่บริหารงานทั่วไป ประจําชุดสํารวจ นางสาวสุพัตรา สุนันตา เจาหนาที่บันทึกขอมูล ประจําชุดสํารวจ
กลุมงานวิชาการ สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษที่ ๑๖ ตารางบันทึกรายชื่อพรรณไม โปรดรอหนอยนะคะ กําลังประสานหอพรรณไมเพื่อตรวจสอบตารางที่ถูกตองอยูคะ ตองการรายละเอียดเพิ่มเติม สอบถาม สวนความ หลากหลายทางชีวภาพ โทร 02 5610777 ตอ 1417, email: [email protected], และ ทางหนาเฟซนี้เลยคะ
58
ภาคผนวก
หมวด ก ตารางที่ 1 บัญชีรายชื่อพรรณไม ขนาดเสนผาศูนยกลางเพียงอก ๑๓0 ซม. ที่สํารวจพบในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย จังหวัด เชียงใหม
ลําดับ ความสูงจาก ขนาด ขนาด ชื่อพื้นเมือง ชื่อพื้นเมือง ชื่อสกุล คําระบุชนิด ผูตั้งชื่อ วงศ วิสัย ประเภทปา พิกัดแปลง ที่ ระดับน้ําทะเล เสนผาศูนยกลาง ความสูง (no.) (ตามภูมิภาค) (ภาษากลาง) (Genus) (specific epitat) (Author name) (family) (habit) (forest type) (Altitude, ม.) Lat Long (ม.) (ม.) 1 รัก รัก Gluta elegans (Wall.) Hook.f. ANACARDIACEAE T เต็ง 963 448002 1965135 29.5 6.5 963 448002 1965135 32 8 (Wall.) Ding 829 450662 1962456 18.7 7 2 ฮักหลวง รักใหญ Gluta usitata ANACARDIACEAE T เต็ง Hou 885 450069 1960156 39.2 14 927 446182 1968975 85 17 3 ฮักขี้หมู รักขี้หมู Semecarpus albescens Kurz ANACARDIACEAE T เต็ง 885 450069 1960156 99 19.5 963 448002 1965135 26.5 4 (L.) A. Braun & 829 450662 1962456 49.5 9 4 เหมือดนก เหมือดโลด Centipeda minima ASTERACEAE H เต็ง Asch. 885 450069 1960156 39 10 927 446182 1968975 37.5 7.5 5 มะเกิ้ม มะกอกเกลื้อน Canarium subulatum Guillaumin BURSERACEAE T เต็ง 963 448002 1965135 22 3.5 963 448002 1965135 50.5 11 6 มาแน สมอไทย Terminalia chebula Retz. COMBRETACEAE T เต็ง 927 446182 1968975 28 10.5 829 450662 1962456 21.7 7 7 แหนตน สมอพิเภก Terminalia bellirica (Gaertn.) Roxb. COMBRETACEAE T เต็ง 885 450069 1960156 18 6.5 8 สานแข็ง สานใหญ Dillenia obovata Hoogland DILLENIACEAE เต็ง 829 450662 1962456 31 7
963 448002 1965135 24.5 5 829 450662 1962456 29.5 8.5 9 ยางพลวง ยางพลวง Dipterocarpus tuberculatus Roxb. DIPTEROCARPACEAE T เต็ง 885 450069 1960156 84 15 927 446182 1968975 41.5 10.5 963 448002 1965135 22 5 Wall. ex 829 450662 1962456 15 3.5 10 แงะ เต็ง Shorea obtusa DIPTEROCARPACEAE T เต็ง Blume 885 450069 1960156 34 10 927 446182 1968975 49 10.5 (G.Don) 885 450069 1960156 20 5 11 สมแปะ สมแปะ Vaccinium sprengelii ERICACEAE ST เต็ง Sleumer 927 446182 1968975 29 6.5 12 กอหมู กอเดือย Castanopsis acuminatissima (Blume) A.DC. FAGACEAE T เต็ง 885 450069 1960156 24.1 11 13 กอใบเลื่อม กอใบเลื่อม Castanopsis tribuloides (Sm.) A.DC. FAGACEAE T เต็ง 927 446182 1968975 47 8 14 กอหยุม กอหยุม Castanopsis argyrophylla King ex Hook.f. FAGACEAE T เต็ง 885 450069 1960156 28.5 8 Rehder & 15 กอ กอ Lithocarpus calathiformis FAGACEAE T เต็ง 927 446182 1968975 33 10.5 Wilson 59
ตารางที่ 1 (ตอ) ลําดับ ชื่อ ความสูงจาก ขนาด ขนาด ชื่อพื้นเมือง ชื่อสกุล คําระบุชนิด ผูตั้งชื่อ วงศ วิสัย ประเภทปา พิกัดแปลง ที่ พื้นเมือง ระดับน้ําทะเล เสนผาศูนยกลาง ความสูง (no.) (ตามภูมิภาค) (ภาษากลาง) (Genus) (specific epitat) (Author name) (family) (habit) (forest type) (Altitude, ม.) Lat Long (ม.) (ม.) 829 450662 1962456 21 6.5 16 กอแอบ กอแพะ Quercus kerrii Craib FAGACEAE T เต็ง 927 446182 1968975 37 10 17 กอสีเสียด กอสีเสียด Quercus brandisiana Kurz FAGACEAE T เต็ง 963 448002 1965135 15 4 18 พรมคต พรมคต Homalium caryophyllaceum Benth. FLACOURTIACEAE T เต็ง 829 450662 1962456 58.5 16 963 448002 1965135 16 4 19 สารภีปา สารภีปา Garcinia speciosa Wall. GUTTIFERAE T เต็ง 829 450662 1962456 27.5 6.5 927 446182 1968975 35.5 9 963 448002 1965135 30 7.5 20 คาหด ฮอยจั่น Engelhardtia serrata Blume JUGLANDACEAE T เต็ง 829 450662 1962456 30.6 6 927 446182 1968975 37 11 21 ซอแมว หมีเหม็น Premna villosa C.B.Clarke LABIATAE ST เต็ง 829 450662 1962456 23.5 7 22 มะดูกดง มะดูกดง Phoebe paniculata (Nees) Nees LAURACEAE T เต็ง 829 450662 1962456 52 10 23 กางขี้มอด มะขามปา Albizia odoratissima (L.f.) Benth. LEGUMINOSAE-MIMOSOIDEAE T เต็ง 963 448002 1965135 27.5 9 24 เก็ดดํา เก็ดดํา Dalbergia cultrata Graham ,Benth. LEGUMINOSAE-PAPILIONOIDEAE T เต็ง 885 450069 1960156 32.1 7 25 เก็ดแดง ชิงชัน Dalbergia oliveri Gamble LEGUMINOSAE-PAPILIONOIDEAE T เต็ง 963 448002 1965135 42 14 Kurz var. 963 448002 1965135 20.5 4.5 26 เหมือดจี้ดง เหมือดจี้ดง Memecylon plebejum MELASTOMATACEAE ST เต็ง Craib 885 450069 1960156 16.1 10 27 ผักเฮียด ผักเลือด Ficus virens Aiton MORACEAE T เต็ง 927 446182 1968975 61 12 28 หัวแหวน หัวแหวน Decaspermum parviflorum A.J.Scott MYRTACEAE S เต็ง 829 450662 1962456 47.5 5 963 448002 1965135 32.5 11 829 450662 1962456 22 6 29 หวา หวา Syzygium cumini (L.) Skeels MYRTACEAE T เต็ง 885 450069 1960156 42 9 927 446182 1968975 71.5 10 30 ขี้หนอน ขี้หนอน Schoepfia fragrans Wall. OLACACEAE ST เต็ง 829 450662 1962456 21 3.5 963 448002 1965135 34 9 เกี๊ยะเปลือก Royle ex 31 สนสามใบ Pinus kesiya PINACEAE T เต็ง 829 450662 1962456 76.7 17 บาง Gordon 927 446182 1968975 31.5 7 (Roxb.) R.Br. 32 เหมือดคน เหมือดคน Helicia robusta PROTEACEAE T เต็ง 829 450662 1962456 19.5 3.8 ex Wall. 829 450662 1962456 19.5 4.5 หนาม 33 หนามมะเค็ด Canthium parvifolium Roxb. RUBIACEAE S เต็ง 885 450069 1960156 19.4 5.5 มะเค็ด 927 446182 1968975 18 6.5
60
ตารางที่ 1 (ตอ)
ลําดับ ความสูงจาก ขนาด ขนาด ชื่อพื้นเมือง ชื่อพื้นเมือง ชื่อสกุล คําระบุชนิด ผูตั้งชื่อ วงศ วิสัย ประเภทปา พิกัดแปลง ที่ ระดับน้ําทะเล เสนผาศูนยกลาง ความสูง (no.) (ตามภูมิภาค) (ภาษากลาง) (Genus) (specific epitat) (Author name) (family) (habit) (forest type) (Altitude, ม.) Lat Long (ม.) (ม.) 34 คํามอกหลวง คํามอกหลวง Gardenia philasteri Pierre RUBIACEAE T เต็ง 829 450662 1962456 30 10 963 448002 1965135 24.5 5 35 มะหนามนึ้ง มะหนามนึ้ง Vangueria pubescens Kurz RUBIACEAE ST เต็ง 885 450069 1960156 18.8 4.5 36 กวาวกวาง แขงกวาง Wendlandia tinctoria (Roxb.) DC. RUBIACEAE ST เต็ง 927 446182 1968975 20.5 9 37 เหมือดหอม เหมือดหอม Sarcosperma arboreum Hook.f. SAPOTACEAE T เต็ง 885 450069 1960156 34 14 38 ปอลาย ปอแกนเทา Grewia eriocarpa Juss. TILIACEAE ST เต็ง 963 448002 1965135 20 5 39 ฮัด มะหาด Celtis tetrandra Roxb. ULMACEAE T เต็ง 963 448002 1965135 89 20 40 Unknow Unknow เต็ง 963 448002 1965135 22 5.5
61
ตารางที่ ๒ บัญชีรายชื่อพรรณไม ขนาดเสนผาศูนยกลางเพียงอกต่ํากวา ๑๓0 ซม. ที่สํารวจพบในเขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย จังหวัด เชียงใหม
ลําดับที่ ชื่อพื้นเมือง ชื่อพื้นเมือง ชื่อสกุล คําระบุชนิด ผูตั้งชื่อ วงศ วิสัย ประเภทปา (forest (no.) (ตามภูมิภาค)2 (ภาษากลาง)3 (Genus)4 (specific epitat) (Author name) (family) (habit)5 type) 1 รัก รัก Gluta elegans (Wall.) Hook.f. ANACARDIACEAE T เต็ง 2 ฮักหลวง รักใหญ Gluta usitata (Wall.) Ding Hou ANACARDIACEAE T เต็ง 3 รักขาว รักขาว Semecarpus albescens Kurz ANACARDIACEAE T เต็ง (L.) A. Braun & 4 เหมือดนก เหมือดโลด Centipeda minima ASTERACEAE H เต็ง Asch. 5 ยางพลวง ยางพลวง Dipterocarpus tuberculatus Roxb. DIPTEROCARPACEAE T เต็ง 6 แงะ เต็ง Shorea obtusa Wall. ex Blume DIPTEROCARPACEAE T เต็ง 7 ตาฉี่เคย ตาฉี่เคย Craibiodendron stellatum (Pierre) W.W. Sm. ERICACEAE ST เต็ง 8 สมแปะ สมแปะ Vaccinium sprengelii (G.Don) Sleumer ERICACEAE ST เต็ง 9 กอหมู กอเดือย Castanopsis acuminatissima (Blume) A.DC. FAGACEAE T เต็ง 10 กอ กอ Lithocarpus calathiformis Rehder & Wilson FAGACEAE T เต็ง 11 กอแอบ กอแพะ Quercus kerrii Craib FAGACEAE T เต็ง 12 เหมือดจี้ดง เหมือดจี้ดง Memecylon plebejum Kurz var. Craib MELASTOMATACEAE ST เต็ง 13 หัวแหวน หัวแหวน Decaspermum parviflorum (Lam.) A.J.Scott MYRTACEAE S เต็ง Peter G. Wilson & 14 เคาะ เคาะ Tristaniopsis burmanica J.T. Waterh. var. MYRTACEAE ST เต็ง J.Parn. & Nic 15 ขี้หนอน ขี้หนอน Schoepfia fragrans Wall. OLACACEAE ST เต็ง 16 หนามมะเค็ด หนามมะเค็ด Canthium parvifolium Roxb. RUBIACEAE S เต็ง 17 คํามอกหลวง คํามอกหลวง Gardenia philasteri Pierre ex Pit. RUBIACEAE T เต็ง 18 กวาวกวาง แขงกวาง Wendlandia tinctoria (Roxb.) DC. RUBIACEAE ST เต็ง 19 ปอมื่น ปอลาย Grewia eriocarpa Juss. TILIACEAE ST เต็ง 20 กระโดนแดง กระโดนแดง
62
ตารางที่ 3 รายชื่อพรรณไม ในแปลงที่ 1 (OKWS 1)
ลําดับ ความสูงจาก ขนาด ขนาด ชื่อพื้นเมือง ชื่อพื้นเมือง ชื่อสกุล คําระบุชนิด ผูตั้งชื่อ วงศ วิสัย ประเภทปา พิกัดแปลง ที่ ระดับน้ําทะเล เสนผาศูนยกลาง ความสูง (no.) (ตามภูมิภาค) (ภาษากลาง) (Genus) (specific epitat) (Author name) (family) (habit) (forest type) (Altitude, ม.) Lat Long (ม.) (ม.) 1 รัก รัก Gluta elegans (Wall.) Hook.f. ANACARDIACEAE T เต็ง 963 448002 1965135 34 8 2 ฮักหลวง รักใหญ Gluta usitata (Wall.) Ding Hou ANACARDIACEAE T เต็ง 963 448002 1965135 27 6 (L.) A. Braun & 3 เหมือดนก เหมือดโลด Centipeda minima ASTERACEAE H เต็ง 963 448002 1965135 26.5 4 Asch. 4 มะเกิ้ม มะกอกเกลื้อน Canarium subulatum Guillaumin BURSERACEAE T เต็ง 963 448002 1965135 22 3.5 5 มาแน สมอไทย Terminalia chebula Retz. COMBRETACEAE T เต็ง 963 448002 1965135 50.5 11 6 ยางพลวง ยางพลวง Dipterocarpus tuberculatus Roxb. DIPTEROCARPACEAE T เต็ง 963 448002 1965135 24.5 5 7 แงะ เต็ง Shorea obtusa Wall. ex Blume DIPTEROCARPACEAE T เต็ง 963 448002 1965135 22 5 8 กอสีเสียด กอสีเสียด Quercus brandisiana Kurz FAGACEAE T เต็ง 963 448002 1965135 15 4 9 สารภีปา สารภีปา Garcinia speciosa Wall. GUTTIFERAE T เต็ง 963 448002 1965135 16 4 10 คาหด ฮอยจั่น Engelhardtia serrata Blume JUGLANDACEAE T เต็ง 963 448002 1965135 30 7.5 11 กางขี้มอด มะขามปา Albizia odoratissima (L.f.) Benth. LEGUMINOSAE-MIMOSOIDEAE T เต็ง 963 448002 1965135 27.5 9 LEGUMINOSAE- 12 เก็ดแดง ชิงชัน Dalbergia oliveri Gamble T เต็ง 963 448002 1965135 42 14 PAPILIONOIDEAE Kurz var. 13 เหมือดจี้ดง เหมือดจี้ดง Memecylon plebejum ellipsoideum MELASTOMATACEAE ST เต็ง 963 448002 1965135 20.5 4.5 Craib 14 หวา หวา Syzygium cumini (L.) Skeels MYRTACEAE T เต็ง 963 448002 1965135 32.5 11 เกี๊ยะเปลือก 15 สนสามใบ Pinus kesiya Royle ex Gordon PINACEAE T เต็ง 963 448002 1965135 34 9 บาง 16 มะหนามนึ้ง มะหนามนึ้ง Vangueria pubescens Kurz RUBIACEAE ST เต็ง 963 448002 1965135 24.5 5 17 ปอลาย ปอแกนเทา Grewia eriocarpa Juss. TILIACEAE ST เต็ง 963 448002 1965135 20 5 18 ฮัด มะหาด Celtis tetrandra Roxb. ULMACEAE T เต็ง 963 448002 1965135 89 20 19 unknow unknow เต็ง 963 448002 1965135 22 5.5
63
ตารางที่ 4 รายชื่อพรรณไม ในแปลงที่ 2 (OKWS 2)
ลําดับ ความสูงจาก ขนาด ขนาด ชื่อพื้นเมือง ชื่อพื้นเมือง ชื่อสกุล คําระบุชนิด ผูตั้งชื่อ วงศ วิสัย ประเภทปา พิกัดแปลง ที่ ระดับน้ําทะเล เสนผาศูนยกลาง ความสูง (no.) (ตามภูมิภาค) (ภาษากลาง) (Genus) (specific epitat) (Author name) (family) (habit) (forest type) (Altitude, ม.) Lat Long (ม.) (ม.) 1 ฮักหลวง รักใหญ Gluta usitata (Wall.) Ding Hou ANACARDIACEAE T เต็ง 829 450662 1962456 18.7 7 2 เหมือดนก เหมือดโลด Centipeda minima (L.) A. Braun & Asch. ASTERACEAE H เต็ง 829 450662 1962456 49.5 9 3 แหนตน สมอพิเภก Terminalia bellirica (Gaertn.) Roxb. COMBRETACEAE T เต็ง 829 450662 1962456 21.7 7 4 สานแข็ง สานใหญ Dillenia obovata (Blume) Hoogland DILLENIACEAE เต็ง 829 450662 1962456 31 7
5 ยางพลวง ยางพลวง Dipterocarpus tuberculatus Roxb. DIPTEROCARPACEAE T เต็ง 829 450662 1962456 29.5 8.5 6 แงะ เต็ง Shorea obtusa Wall. ex Blume DIPTEROCARPACEAE T เต็ง 829 450662 1962456 15 3.5 7 กอแอบ กอแพะ Quercus kerrii Craib FAGACEAE T เต็ง 829 450662 1962456 21 6.5 8 พรมคต พรมคต Homalium caryophyllaceum (Zoll. & Moritzi) Benth. FLACOURTIACEAE T เต็ง 829 450662 1962456 58.5 16 9 สารภีปา สารภีปา Garcinia speciosa Wall. GUTTIFERAE T เต็ง 829 450662 1962456 27.5 6.5 10 คาหด ฮอยจั่น Engelhardtia serrata Blume JUGLANDACEAE T เต็ง 829 450662 1962456 30.6 6 11 ซอแมว หมีเหม็น Premna villosa C.B.Clarke LABIATAE ST เต็ง 829 450662 1962456 23.5 7 12 มะดูกดง มะดูกดง Phoebe paniculata (Nees) Nees LAURACEAE T เต็ง 829 450662 1962456 52 10 13 หัวแหวน หัวแหวน Decaspermum parviflorum (Lam.) A.J.Scott MYRTACEAE S เต็ง 829 450662 1962456 47.5 5 14 หวา หวา Syzygium cumini (L.) Skeels MYRTACEAE T เต็ง 829 450662 1962456 22 6 15 ขี้หนอน ขี้หนอน Schoepfia fragrans Wall. OLACACEAE ST เต็ง 829 450662 1962456 21 3.5 เกี๊ยะเปลือก 16 สนสามใบ Pinus kesiya Royle ex Gordon PINACEAE T เต็ง 829 450662 1962456 76.7 17 บาง 17 เหมือดคน เหมือดคน Helicia robusta (Roxb.) R.Br. ex Wall. PROTEACEAE T เต็ง 829 450662 1962456 19.5 3.8 18 หนามมะเค็ด หนามมะเค็ด Canthium parvifolium Roxb. RUBIACEAE S เต็ง 829 450662 1962456 19.5 4.5 19 คํามอกหลวง คํามอกหลวง Gardenia philasteri Pierre ex Pit. RUBIACEAE T เต็ง 829 450662 1962456 30 10
64
ตารางที่ 5 รายชื่อพรรณไม ในแปลงที่ 3 (OKWS 3)
ลําดับ ความสูงจาก ขนาด ขนาด ชื่อพื้นเมือง ชื่อพื้นเมือง ชื่อสกุล คําระบุชนิด ผูตั้งชื่อ วงศ วิสัย ประเภทปา พิกัดแปลง ที่ ระดับน้ําทะเล เสนผาศูนยกลาง ความสูง (no.) (ตามภูมิภาค) (ภาษากลาง) (Genus) (specific epitat) (Author name) (family) (habit) (forest type) (Altitude, ม.) Lat Long (ม.) (ม.) 1 ฮักหลวง รักใหญ Gluta usitata (Wall.) Ding Hou ANACARDIACEAE T เต็ง 885 450069 1960156 39.2 14 2 ฮักขี้หมู รักขี้หมู Semecarpus albescens Kurz ANACARDIACEAE T เต็ง 885 450069 1960156 99 19.5 3 เหมือดนก เหมือดโลด Centipeda minima (L.) A. Braun & Asch. ASTERACEAE H เต็ง 885 450069 1960156 39 10 4 แหนตน สมอพิเภก Terminalia bellirica (Gaertn.) Roxb. COMBRETACEAE T เต็ง 885 450069 1960156 18 6.5 5 ยางพลวง ยางพลวง Dipterocarpus tuberculatus Roxb. DIPTEROCARPACEAE T เต็ง 885 450069 1960156 84 15 6 แงะ เต็ง Shorea obtusa Wall. ex Blume DIPTEROCARPACEAE T เต็ง 885 450069 1960156 34 10 7 สมแปะ สมแปะ Vaccinium sprengelii (G.Don) Sleumer ERICACEAE ST เต็ง 885 450069 1960156 20 5 8 กอหมู กอเดือย Castanopsis acuminatissima (Blume) A.DC. FAGACEAE T เต็ง 885 450069 1960156 24.1 11 9 กอหยุม กอหยุม Castanopsis argyrophylla King ex Hook.f. FAGACEAE T เต็ง 885 450069 1960156 28.5 8 LEGUMINOSAE- 10 เก็ดดํา เก็ดดํา Dalbergia cultrata Graham ex Benth. T เต็ง 885 450069 1960156 32.1 7 PAPILIONOIDEAE Kurz var. 11 เหมือดจี้ดง เหมือดจี้ดง Memecylon plebejum MELASTOMATACEAE ST เต็ง 885 450069 1960156 16.1 10 ellipsoideum Craib 12 หวา หวา Syzygium cumini (L.) Skeels MYRTACEAE T เต็ง 885 450069 1960156 42 9 13 หนามมะเค็ด หนามมะเค็ด Canthium parvifolium Roxb. RUBIACEAE S เต็ง 885 450069 1960156 19.4 5.5 14 มะหนามนึ้ง มะหนามนึ้ง Vangueria pubescens Kurz RUBIACEAE ST เต็ง 885 450069 1960156 18.8 4.5 15 เหมือดหอม เหมือดหอม Sarcosperma arboreum Hook.f. SAPOTACEAE T เต็ง 885 450069 1960156 34 14
65
ตารางที่ 6 รายชื่อพรรณไม ในแปลงที่ 4 (OKWS 4)
ลําดับ ความสูงจาก ขนาด ขนาด ชื่อพื้นเมือง ชื่อพื้นเมือง ชื่อสกุล คําระบุชนิด ผูตั้งชื่อ วงศ วิสัย ประเภทปา พิกัดแปลง ที่ ระดับน้ําทะเล เสนผาศูนยกลาง ความสูง (no.) (ตามภูมิภาค) (ภาษากลาง) (Genus) (specific epitat) (Author name) (family) (habit) (forest type) (Altitude, ม.) Lat Long (ม.) (ม.) 1 ฮักหลวง รักใหญ Gluta usitata (Wall.) Ding Hou ANACARDIACEAE T เต็ง 927 446182 1968975 85 17 (L.) A. Braun & 2 เหมือดนก เหมือดโลด Centipeda minima ASTERACEAE H เต็ง 927 446182 1968975 37.5 7.5 Asch. 3 มาแน สมอไทย Terminalia chebula Retz. COMBRETACEAE T เต็ง 927 446182 1968975 28 10.5 4 ยางพลวง ยางพลวง Dipterocarpus tuberculatus Roxb. DIPTEROCARPACEAE T เต็ง 927 446182 1968975 41.5 10.5 5 แงะ เต็ง Shorea obtusa Wall. ex Blume DIPTEROCARPACEAE T เต็ง 927 446182 1968975 49 10.5 6 สมแปะ สมแปะ Vaccinium sprengelii (G.Don) Sleumer ERICACEAE ST เต็ง 927 446182 1968975 29 6.5 7 กอใบเลื่อม กอใบเลื่อม Castanopsis tribuloides (Sm.) A.DC. FAGACEAE T เต็ง 927 446182 1968975 47 8 8 กอ กอ Lithocarpus calathiformis Rehder & Wilson FAGACEAE T เต็ง 927 446182 1968975 33 10.5 9 กอแอบ กอแพะ Quercus kerrii Craib FAGACEAE T เต็ง 927 446182 1968975 37 10 10 สารภีปา สารภีปา Garcinia speciosa Wall. GUTTIFERAE T เต็ง 927 446182 1968975 35.5 9 11 คาหด ฮอยจั่น Engelhardtia serrata Blume JUGLANDACEAE T เต็ง 927 446182 1968975 37 11 12 หวา หวา Syzygium cumini (L.) Skeels MYRTACEAE T เต็ง 927 446182 1968975 71.5 10 13 เกี๊ยะเปลือกบาง สนสามใบ Pinus kesiya Royle ex Gordon PINACEAE T เต็ง 927 446182 1968975 31.5 7 14 หนามมะเค็ด หนามมะเค็ด Canthium parvifolium Roxb. RUBIACEAE S เต็ง 927 446182 1968975 18 6.5 15 กวาวกวาง แขงกวาง Wendlandia tinctoria (Roxb.) DC. RUBIACEAE ST เต็ง 927 446182 1968975 20.5 9 16 ผักเฮียด ผักเลือด Ficus virens Aiton MORACEAE T เต็ง 927 446182 1968975 61 12
66
ตารางที่ 7 คา IVI ของสังคมพืช ในพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปาอมกอย
ความ ความถี่ ความเดน ดัชนี ลําดับ ชนิดไม ชื่อสกุล คําระบุชนิด วงศ หนาแนน สัมพัทธ สัมพัทธ ความสําคัญ (Genus)4 (specific epitat) (family) สัมพัทธ (RD) (RF) (Rdo) IVI
1 ยางพลวง Dipterocarpus tuberculatus DIPTEROCARPACEAE 28.57 17.44 38.08 84.08 2 เต็ง Shorea obtusa DIPTEROCARPACEAE 11.43 11.28 13.52 36.24 3 กอแพะ Quercus kerrii FAGACEAE 14.29 6.15 8.44 28.88 4 สนสามใบ Pinus kesiya PINACEAE 5.31 7.18 11.56 24.04 5 รักใหญ Gluta usitata ANACARDIACEAE 7.14 7.18 5.20 19.52 6 เหมือดโลด Centipeda minima ASTERACEAE 4.29 6.67 2.64 13.59 7 แขงกวาง Wendlandia tinctoria RUBIACEAE 6.33 4.62 1.65 12.60 8 สารภีปา Garcinia speciosa GUTTIFERAE 3.06 4.62 1.43 9.11 9 ฮอยจั่น Engelhardtia serrata JUGLANDACEAE 1.22 2.56 3.26 7.05 10 กอ Lithocarpus calathiformis FAGACEAE 3.27 1.54 1.68 6.48 11 กอเดือย Castanopsis acuminatissima FAGACEAE 1.22 3.08 1.33 5.63 12 หวา Syzygium cumini MYRTACEAE 1.02 2.56 0.85 4.44 13 กอสีเสียด Quercus brandisiana FAGACEAE 1.22 2.05 0.92 4.19 14 มะขามปา Albizia odoratissima LEGUMINOSAE-MIMOSOIDEAE 0.82 1.54 1.52 3.87 15 มะกอกเกลื้อน Canarium subulatum BURSERACEAE 0.82 1.54 1.31 3.66 16 เหมือดจี้ดง Memecylon plebejum MELASTOMATACEAE 1.02 2.05 0.16 3.23 17 หนามมะเค็ด Canthium parvifolium RUBIACEAE 0.82 2.05 0.13 3.00 18 รัก Gluta elegans ANACARDIACEAE 1.02 1.03 0.71 2.75 19 สมอพิเภก Terminalia bellirica COMBRETACEAE 0.61 1.54 0.24 2.39 20 กอใบเลื่อม Castanopsis tribuloides FAGACEAE 0.82 0.51 0.56 1.89 67
ตารางที่ 7 (ตอ) ความ ความถี่ ความเดน ดัชนี ลําดับ ชนิดไม ชื่อสกุล คําระบุชนิด วงศ หนาแนน สัมพัทธ สัมพัทธ ความสําคัญ (Genus)4 (specific epitat) (family) สัมพัทธ (RD) (RF) (Rdo) IVI
21 มะหนามนึ้ง Vangueria pubescens RUBIACEAE 0.61 1.03 0.15 1.78 22 สมอไทย Terminalia chebula COMBRETACEAE 0.41 1.03 0.32 1.76 23 รักขี้หมู Semecarpus albescens ANACARDIACEAE 0.20 0.51 0.95 1.67 24 ชิงชัน Dalbergia oliveri LEGUMINOSAE-PAPILIONOIDEAE 0.41 1.03 0.22 1.65 25 Unknow 0.41 1.03 0.15 1.58
26 สมแปะ Vaccinium sprengelii ERICACEAE 0.41 1.03 0.12 1.55 27 พรมคต Homalium caryophyllaceum FLACOURTIACEAE 0.41 0.51 0.60 1.53 28 มะหาด Celtis tetrandra ULMACEAE 0.20 0.51 0.77 1.49 29 ผักเลือด Ficus virens MORACEAE 0.20 0.51 0.36 1.08 30 ขี้หนอน Schoepfia fragrans OLACACEAE 0.41 0.51 0.09 1.01 31 มะดูกดง Phoebe paniculata LAURACEAE 0.20 0.51 0.26 0.98 32 หัวแหวน Decaspermum parviflorum MYRTACEAE 0.20 0.51 0.22 0.94 33 เหมือดหอม Sarcosperma arboreum SAPOTACEAE 0.20 0.51 0.11 0.83 34 เก็ดดํา Dalbergia cultrata LEGUMINOSAE-PAPILIONOIDEAE 0.20 0.51 0.10 0.82 35 สานใหญ Dillenia obovata DILLENIACEAE 0.20 0.51 0.09 0.81 36 คํามอกหลวง Gardenia philasteri RUBIACEAE 0.20 0.51 0.09 0.80 37 กอหยุม Castanopsis argyrophylla FAGACEAE 0.20 0.51 0.08 0.80 38 หมีเหม็น Premna villosa LABIATAE 0.20 0.51 0.05 0.77 39 ปอแกนเทา Grewia eriocarpa TILIACEAE 0.20 0.51 0.04 0.76 40 เหมือดคน Helicia robusta PROTEACEAE 0.20 0.51 0.04 0.75 รวม 100.00 100.00 100.00 300.00 68
หมวด ข ตารางที่ 8 บัญชีรายชื่อแมลงที่สํารวจพบในแปลงที่ 1 (OKWS 1)
พิกัดแปลง ลําดับที่ ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร วงศ อันดับ ชนิดปาที่พบ Lat Long 1 แมลงแมฝน Dorysthenes sp. Cerambycidae Coleoptera 448002 1965135 เต็งรัง 2 กินูนหลวง Lepidiopta stigma Scarabaeidae Coleoptera 448002 1965135 เต็งรัง 3 แมลงนูนเขียว Anomala grandis Scarabaeidia Coleoptera 448002 1965135 เต็งรัง 4 ดวงกวาง Xylotrupes Gideon Scarabaeidia Coleoptera 448002 1965135 เต็งรัง 5 จั๊กจั่นงวง Fulgoridae Hemiptera 448002 1965135 เต็งรัง
6 มอทยักษขนปุยสีจาง Tegpra pallida Eupterotidae Lepidoptera 448002 1965135 เต็งรัง 7 มอทหนอนคืบ Geometridae Lepidoptera 448002 1965135 เต็งรัง
8 มอทหนอนหอย Limacodidae Lepidoptera 448002 1965135 เต็งรัง
9 ผีเสื้อฟาดอกถั่วสีน้ําเงิน Catachrysops panarmus Lycaenidae Lepidoptera 448002 1965135 เต็งรัง 10 มอทเหลืองทรายสองจุด Euproctis sp. Lymantriidae Lepidoptera 448002 1965135 เต็งรัง 11 มอทหนอนกระทู Noctuidae Lepidoptera 448002 1965135 เต็งรัง
12 มอทหนอนมังกร Dudusa sp. Notodontidae Lepidoptera 448002 1965135 เต็งรัง 13 มอทหนอนมังกรลําไย Tarsolepis elephantorum Notodontidae Lepidoptera 448002 1965135 เต็งรัง 14 ผีเสื้อตาลพุมคั่นกลาง Mycalesis intermedia Nymphalidae Lepidoptera 448002 1965135 เต็งรัง 15 ผีเสื้อสีตาลจุดตาสี่ธรรมดา Yphtima huebneri Nymphalidae Lepidoptera 448002 1965135 เต็งรัง 16 ผีเสื้อสีตาลจุดตาหาธรรมดา Ypthima baldus Nymphalidae Lepidoptera 448002 1965135 เต็งรัง 17 มอทเหยี่ยวองุนเขมจาง Acosmeryx anceus Spingidae Lepidoptera 448002 1965135 เต็งรัง
69
ตารางที่ 9 บัญชีรายชื่อแมลงที่สํารวจพบในแปลงที่ 2 (OKWS 2)
พิกัดแปลง ลําดับที่ ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร วงศ อันดับ ชนิดปาที่พบ Lat Long 1 แมลงแมฝน Dorysthenes sp. Cerambycidae Coleoptera 450662 1962456 เต็งรัง 2 ดวงหนวดยาว Cerambycidae Coleoptera 450662 1962456 เต็งรัง
3 แมลงนูน Scarabaeidae Coleoptera 450662 1962456 เต็งรัง
4 ดวงจูจี้ Scarabaeidae Coleoptera 450662 1962456 เต็งรัง
5 ดวงกวาง Xylotrupes Gideon Scarabaeidia Coleoptera 450662 1962456 เต็งรัง 6 จั๊กจั่นงวง Fulgoridae Hemiptera 450662 1962456 เต็งรัง
7 มอทปอเทือง Tatargina sp. Arctiidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 8 มอทปอเทือง Arctiidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง
9 มอทยักษขนปุยขีดบั้ง Pseudojana perspicuifascia Eupterotidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 10 มอทยักษขนปุยสีจาง Tegpra pallida Eupterotidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 11 มอทปกพู Pterothysanus noblei Geometridae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 12 มอทหนอนคืบ Geometridae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง
13 มอทหนางุมเขมจุดจาง Kunugia latipennis Lasiocampida Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 14 ผีเสื้อฟาดอกถั่วสีน้ําเงิน Catachrysops panarmus Lycaenidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 15 มอทเหลืองทรายสองจุด Euproctis sp. Lymantriidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 16 มอทเหลืองทราย Lymantriidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง
17 มอทหนอนกระทู Noctuidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง
18 มอทหนอนมังกรกิ่งไม Phalera sp. Notodontidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 19 มอทหนอนมังกรลําไย Tarsolepis elephantorum Notodontidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 20 ผีเสื้อตาลพุมคั่นกลาง Mycalesis intermedia Nymphalidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 21 ผีเสื้อสีตาลจุดตาสี่ธรรมดา Yphtima huebneri Nymphalidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 22 ผีเสื้อสีตาลจุดตาหาธรรมดา Ypthima baldus Nymphalidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง 23 มอทไหมปา Saturniidae Lepidoptera 450662 1962456 เต็งรัง
70
ตารางที่ 10 บัญชีรายชื่อแมลงที่สํารวจพบในแปลงที่ 3 (OKWS 3)
พิกัดแปลง ลําดับที่ ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร วงศ อันดับ ชนิดปาที่พบ Lat Long 1 มอทแตมตาล Adites frigida Arctiidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 2 มอทลายเสือสีปูน Lyclena acteola Arctiidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 3 มอทปอเทือง Arctiidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง
4 มอทลายเสือ Arctiidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง
5 มอทกระบอก Arctiidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง
6 ผีเสื้อนิลวรรณปกแถบธรรมดา Notocrypta paralysos Hesperiidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 7 ผีเสื้อฟาดอกถั่วสีน้ําเงิน Catachrysops panarmus Lycaenidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 8 ผีเสื้อพุมไมธรรมดา Hypolycaena erylus Lycaenidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 9 ผีเสื้อฟาวาวใหญ Jamides alecto Lycaenidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 10 ผีเสื้อฟาขีดหกลายเขม Prosotas aluta Lycaenidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 11 มอทปกมุมจุดตาใส Episparis exprimens Noctuidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 12 มอทพิรามหนายักษ Spirama helicina Noctuidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 13 มอทหนอนกระทู Noctuidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง
14 ผีเสื้อหนอนใบรักเหลือง Parantica aspasia Nymphalidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 15 ผีเสื้อสีตาลจุดตาสี่ธรรมดา Yphtima huebneri Nymphalidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง 16 ผีเสื้อสีตาลจุดตาหาธรรมดา Ypthima baldus Nymphalidae Lepidoptera 450069 1960156 เต็งรัง
71
ตารางที่ 11 บัญชีรายชื่อแมลงที่สํารวจพบในแปลงที่ 4 (OKWS 4)
พิกัดแปลง ลําดับที่ ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร วงศ อันดับ ชนิดปาที่พบ Lat Long 1 มอทชีแตมบั้งตรง Cyana alborosea Arctiidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง 2 มอทปอเทือง Arctiidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง
3 มอทกระบอก Arctiidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง
4 มอทเจาะไมขาวจุด Zeuzera indica Cossidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง 5 มอทเปลือกไมลายคลื่น Cleora determinata Geometridae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง 6 มอทหนอนคืบ Geometridae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง
7 ผีเสื้อนิลวรรณปกแถบธรรมดา Notocrypta paralysos Hesperiidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง 8 มอทหนอนหอย Thosea sp. Limacodidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง 9 มอทหนอนหอย Limacodidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง
Catachrysops 10 ผีเสื้อฟาดอกถั่วสีน้ําเงิน Lycaenidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง panarmus 11 ผีเสื้อฟาขีดสี่ใหญ Nacaduba pactolus Lycaenidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง 12 ผีเสื้อฟาขีดหกลายเขม Prosotas aluta Lycaenidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง 13 ผีเสื้อฟาลาย Syntarucus plinius Lycaenidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง 14 มอทเหลืองทราย Lymantriidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง
15 มอทหนอนกระทู Noctuidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง
16 มอทหนอนมังกร Notodontidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง
17 ผีเสื้อสีตาลจุดตาสี่ธรรมดา Yphtima huebneri Nymphalidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง 18 ผีเสื้อสีตาลจุดตาหาธรรมดา Ypthima baldus Nymphalidae Lepidoptera 446182 1968975 เต็งรัง
72
หมวด ค ตารางที่ 12 บัญชีรายชื่อเห็ดที่สํารวจพบในแปลงที่ 1 (OKWS 1)
พิกัดแปลง วัสดุอาศัย/ ลําดับที่ ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร วงศ อันดับ ชนิดปาที่พบ Lat Long พืชอาศัย 1 เห็ดสปอรสีน้ําเงิน Heinemannomyces splendidissima Agaricaceae Agaricales 448002 1965135 พื้นดิน เต็งรัง
2 เห็ดไสเดือน Amanita vaginata Amanitaceae Agaricales 448002 1965135 พื้นดิน เต็งรัง 3 เห็ดรมนอยขนตั้ง Mycena stylobates Tricholomataceae Agaricales 448002 1965135 พื้นดิน เต็งรัง 4 เห็ดตับเตา Boletus sp. Boletaceae Boletales 448002 1965135 พื้นดิน เต็งรัง
ตารางที่ 13 บัญชีรายชื่อเห็ดที่สํารวจพบในแปลงที่ 2 (OKWS 2)
พิกัดแปลง วัสดุอาศัย/พืช ชนิดปาที่ ลําดับที่ ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร วงศ อันดับ Lat Long อาศัย พบ 1 เห็ดไสเดือน Amanita vaginata Amanitaceae Agaricales 450662 1962456 พื้นดิน เต็งรัง 2 เห็ดรมน้ําตาลกานลวด Marasmius haematocephalus Marasmiaceae Agaricales 450662 1962456 พื้นดิน เต็งรัง 3 เห็ดไขเหลือง Amanita hemibapha Pluteaceae Agaricales 450662 1962456 ขอนไม เต็งรัง 4 เห็ดเนื้อรวน Psathyrella sp. Psathyrellaceae Agaricales 450662 1962456 พื้นดิน เต็งรัง 5 เห็ดโคนขาวตอก Termitomyces microcarpus Tricholomataceae Agaricales 450662 1962456 พื้นดิน เต็งรัง
6 เห็ดปอดมา Heimiell retispora Boletaceae Boletales 450662 1962456 พื้นดิน เต็งรัง
7 เห็ดเผาะ Astraeus hygrometricus Sclerodermataceae Boletales 450662 1962456 พื้นดิน เต็งรัง
73
ตารางที่ 14 บัญชีรายชื่อเห็ดที่สํารวจพบในแปลงที่ 3 (OKWS 3)
พิกัดแปลง วัสดุอาศัย/พืช ชนิดปาที่ ลําดับที่ ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร วงศ อันดับ Lat Long อาศัย พบ 1 เห็ดไขเหลือง Amanita hemibapha Pluteaceae Agaricales 450069 1960156 ขอนไม เต็งรัง 2 เห็ดไขหาน Amanita sp. Pluteaceae Agaricales 450069 1960156 พื้นดิน เต็งรัง
3 เห็ดเผาะ Astraeus hygrometricus Sclerodermataceae Boletales 450069 1960156 พื้นดิน เต็งรัง
ตารางที่ 15 บัญชีรายชื่อเห็ดที่สํารวจพบในแปลงที่ 4 (OKWS 4)
พิกัดแปลง วัสดุอาศัย/พืช ชนิดปาที่ ลําดับที่ ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร วงศ อันดับ Lat Long อาศัย พบ 1 เห็ดตับเตา Boletus sp. Boletaceae Boletales 446182 1968975 พื้นดิน เต็งรัง 74