Thailand National Discussion Paper Benefit Sharing Options for Hydropower on Mekong Tributaries

Total Page:16

File Type:pdf, Size:1020Kb

Thailand National Discussion Paper Benefit Sharing Options for Hydropower on Mekong Tributaries Mekong River Commission Secretariat MRC Initiative for Sustainable Hydropower Thailand National Discussion Paper Benefit Sharing Options for Hydropower on Mekong Tributaries Thailand National Mekong Committee Secretariat (TNMCS) National Discussion Paper Activity ISH13 “Benefit sharing options for hydropower on Mekong Tributaries evaluated by 2013 Supported by the MRC Initiative on Sustainable Hydropower (ISH) August 2013 สรุปผลรายงาน กิจกรรมการประเมินทางเลือกการแบงปนผลประโยชนของโรงไฟฟาพลังน้ําของ ลําน้ําสาขาแมน้ําโขง ไดกําหนดไวในยุทธศาสตรการพัฒนาลุมน้ําของคณะกรรมาธิการแมน้ําโขง และรับรองโดยคณะมนตรีแมน้ําโขง ในเดือนมกราคม 2554 โครงการ ISH13 เปนการทํางานอยางมีขั้นตอน และเปนการทํางานรวมกันของคณะกรรมาธิการแมน้ําโขงระดับชาติ 4 ชาติ และไดรับการสนับสนุนจากโครงการความคิดริเริ่มไฟฟาพลังน้ําอยางยั่งยืน (ISH) โครงการ ISH13 เปนสวนหนึ่งของกลุมกิจกรรมโปรแกรมและความคิดริเริ่มของคณะกรรมาธิการแม น้ําโขง ผลการศึกษาจะนํามาสนับสนุนการประชุมหารืออยางตอเนื่องภายใตกรอบคณะกร รมาธิการแมน้ําโขงเพื่อดําเนินตามยุทธศาสตรการพัฒนาลุมน้ํา (BDS) และนําไปใชตามขอตกลงแมน้ําโขงป 2554 ความเปนมา การแบงปนผลประโยชนเกี่ยวกับการผลิตไฟฟาพลังน้ําและการจัดการอยางยั่งยืน ของทรัพยากรน้ํา ไดมีการอภิปราย ถกเถียงระดับนานาชาติและระดับชาติมานานหลายทศวรรษ ทุกวันนี้ การแบงปนผลประโยชน เปนเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ และมีวิธีการปฏิบัติที่เหมาะสม เพื่อกระจายผลประโยชนจากการใชทรัพยากร ทั้งเศรษฐกิจ การกระตุนการเจริญเติบโตในวงกวาง และสนับสนุนนโยบายความเทาเทียมทางสังคม ศักยภาพการแบงปนผลประโยชนไดนํามาใชเพื่อความยั่งยืนของการพัฒนาไฟฟา พลังน้ําอยางและการจัดการ และเพื่อชวยดําเนินการใหเปนไปตามขอตกลงแมน้ําโขงป 2538 เปนที่ยอมรับอยางชัดเจนในชุดโครงการของคณะกรรมาธิการแมน้ําโขง และกลยุทธการพัฒนาลุมน้ําของคณะกรรมาธิการแมน้ําโขง กลไกการแบงปนผลประโยชน (BSM) มีรูปแบบการแบงปนผลประโยชนระดับชาติไปสูระดับทองถิ่น ประกอบดวยกลุมของมาตรการที่ใชอยางเปนระบบ แนนอน และโปรงใส สําหรับโรงไฟฟาพลังน้ําที่มีอยูแลว และโรงไฟฟาที่อยูระหวางการขออนุญาต โดยมีจุดประสงคเพื่อ: a (i) แบงปนผลประโยชนในรูปตัวเงินจากโรงไฟฟาพลังน้ําอยางเทาเทียมกัน และอยางมีเหตุมีผล ทั้งระดับชาติ ระดับจังหวัด ระดับทองถิ่นและระดับชุมชน; (ii) เพิ่มประสิทธิภาพผลประโยชนที่ไมใชรูปตัวเงิน โดยเฉพาะอยางยิ่งการเขาถึงทรัพยากรธรรมชาติของคนที่อาศัยอยูในพื้ นที่โครงการ และชุมชนในลุมน้ําสาขา เพื่อการชดเชยการเปลี่ยนแปลงทรัพยากรเนื่องจากโรงไฟฟาพลังน้ํา; (iii) ใหเขาถึงการบริการไฟฟาอยางเปนธรรมในพื้นที่ลุมน้ําสาขา ซึ่งโครงการไฟฟาพลังน้ําที่ตั้งอยู; และ (iv) เสริมสรางและเพิ่มประสิทธิภาพของสิทธิประโยชนเพิ่มเติมตางๆ ที่อาจจะมาจากการลงทุนผลิตไฟฟาพลังน้ํา และการลงทุนโครงสรางพื้นฐานที่เกี่ยวของของประชาชนในลุมน้ํา ประเทศไทยมีลําน้ําสาขาสามระบบที่ไหลลงสูแมน้ําโขง (ลําน้ําเคี่ยม ลําน้ําก่ํา และลําน้ํามูล) มีโครงการไฟฟาพลังน้ํา 7 โครงการ สามารถทําการผลิตไดรวม 700 เมกะวัตต โดยโครงการสูบน้ําลําตะคองอยูดานบนแมน้ํามูลมีความสามารถผลิต 500 เมกะวัตต ไปจนถึง โครงการเขื่อนหวยน้ําก่ํามีความสามารถการผลิต 1.2 เมกะวัตตในลําน้ําสาขาของแมน้ําพรหม การดําเนินกิจกรรมของ ISH13 สําหรับ ป 2556 โครงการ ISH13 ดําเนินกิจกรรมเพื่อตอบสนองตอการคําขอของประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแ มน้ําโขง เพื่อการศึกษาหัวขอ "ทางเลือกการแบงปนผลประโยชน สําหรับโรงไฟฟาพลังน้ําของลําน้ําสาขาโดยวิธีการประเมินและจัดทํารายงาน" โดยมีวัตถุประสงค: § การปรับปรุงการรับรู และความเขาใจ ทางเลือกและกลยุทธของการแบงปนผลประโยชน ระดับชาติสูระดับทองถิ่น และศึกษาบทเรียนจากประสบการณระหวางประเทศ; และ § ทําใหประเทศสมาชิกเตรียมความพรอมสําหรับการอภิปรายเกี่ยวกับการแบ งปนผลประโยชนที่ไดมีการพิจารณา ตามกรอบคณะกรรมาธิการแมน้ําโขง ตามที่กําหนดไวในยุทธศาสตรการพัฒนาลุมน้ํา b ภายใตโครงการ ISH13 ประกอบดวย 3 กิจกรรมหลัก/ความคาดหวังผลลัพย คือ (1) การเตรียมเอกสารเกี่ยวกับทางเลือกการแบงปนผลประโยชนระดับชาติสําหรับระบ บลําน้ําสาขาของแมโขง คณะกรรมการแมโขงระดับชาติเปนผูดําเนินการหลัก (2) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการในแตละประเทศ ระยะเวลา 2 วัน เพื่อไดรับขอเสนอแนะจากผูมีสวนไดเสีย สําหรับรางรายงานทางเลือกการแบงปนผลประโยชนระดับชาติ และ (3) การเตรียมรายงานสังเคราะหระดับภูมิภาค จากการสังเคราะหจากผลรายงานทั้ง 4 ประเทศ ดําเนินการโดยคณะกรรมาธิการแมน้ําโขง รางรายงานจะสงไปยังผูมีสวนไดสวนเสียที่เขารวมประชุมเชิงปฏิบัติการ หลังจากนั้นรางรายงานดังกลาวจะทําการปรับปรุง โดยการใชขอคิดเห็นตางๆ และการอภิปรายจากที่ประชุม รางรายงานดังกลาวมีการเสนอวิธีการประเมินเบื้องตนแบบหลายเกณฑ (multi- criteria analysis) เพื่อแสดงสถานการณของนโยบายทางเลือกของโครงการโรงไฟฟาพลังน้ําในลุม น้ําสาขาแมโขงในประเทศไทย ทั้งนี้ไมไดพิจารณากลไกเฉพาะเจาะจงของโครงการผลิตไฟฟาพลังน้ําที่ใดที่หนี่ง แนวทางการประเมินผลทางเลือก การประเมินผลเบื้องตน แสดงใหเห็นวา ขอบเขตในการพิจารณาทางเลือกตางๆสําหรับกลไกการแบงปนผลประโยชน โรงไฟฟาไฟฟาพลังน้ําลําน้ําสาขาของแมโขงในระเทศไทย ประกอบดวย: ประเภทระดับชาติไปสูระดับทองถิ่น (NTL): • รูปแบบ ที่ 1: แบงปนผลประโยชนรูปตัวเงิน- ประเมิน 7 ทางเลือก • รูปแบบ ที่ 2: อํานวยความสะดวกในผลประโยชนที่ไมใชตัวเงิน- ประเมิน 8 ทางเลือก • รูปแบบ ที่ 3: การเขาถึงการใหบริการโครงการอยางเปนธรรม– ประเมิน 7 ทางเลือก • รูปแบบ ที่ 4: การเพิ่มประสิทธิภาพและประโยชนทางออมเพิ่มเติม – ประเมิน 7 ทางเลือก คณะทํางานของคณะกรรมการแมโขงประเทศไทย ตัดสินใจไมทําการประเมิน ทางเลือกการแบงปนผลประโยชนประเภทขามพรมแดน (Transboundary dimension: TB) ตามแนวทางคูมือ หรือการพิจารณาแบบตัดตรง (cross-cutting considerations) c ผลรวมตัวเลือกนโยบายรวม 29 ตัวเลือก ไดทําการใหคะแนนเชิงเปรียบเทียบดานคุณภาพและทําการจัดอันดับ โดย คณะทํางาน โดยพิจารณาคะแนน 2 มิติ คือ คะแนนมูลคา (Value) และคะแนนความพึงพอใจ (Preference) และไดใชเกณฑยอยที่อธิบายไวในรายงานฉบับนี้ § มิติมูลคา มี 5 เกณฑยอย ที่เกี่ยวของกับความอยางยั่งยืน (สิ่งแวดลอม เศรษฐกิจ สังคม การปรับตัวอยูตลอดเวลา และการปฏิบัติไดจริง) § มิติความพึงพอใจ วัดจากความพึงพอใจของผูมีสวนไดสวนเสียจากองคกรตางๆ (เชน องคกรภาคสิ่งแวดลอม องคกรภาคพลังงาน หนวยงานลุมน้ํา ตัวแทนภาคประชาสังคม ตัวแทนภาคเอกชน และอื่น ๆ) หลังจากเสร็จสิ้นการใหคะแนน และจัดอันดับของตัวเลือกแตละตัวเลือก ทางเลือกนโยบายทั้งหมดที่ไดรับคะแนนระดับปานกลางถึงคะแนนสูง จะถูกจัดกลุมเปน สอง ประเภท คือ (i) ตัวเลือกที่แนะนําสําหรับนโยบายการแบงปนผลประโยชน และ (ii) ตัวเลือกที่จะตองทําการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อตัดสินใจวาจะตองพิจารณาการปรับปรุงนโยบายในอนาคต ผลการศึกษาทั่วไปของการประเมินนโยบายทางเลือกของ ISH13 บทที่ 4 นําเสนอความเห็น เกี่ยวกับผลการศึกษาหลักของการประเมินผลเบื้องตนของกลไกการแบงปนผลประ โยชน ภาคผนวกแสดงรายละเอียดของการใหคะแนนของแตละนโยบายทางเลือก (ภาคผนวกที่ 3) รวมทั้งขอมูลอื่น ๆ และดูเพิ่มเติมภาคผนวก 2 สําหรับคําอธิบายสรุปของตัวเลือกแตละประเภท ผลการศึกษา ทําใหทราบวาทางเลือกการแบงปนผลประโยชนไมสามารถกําหนดใชนโยบายทา งเลือกเดียว แตเปนกลุมนโยบาย หรือกลุมมาตรการ ที่สนับสนุนและสงเสริมกันและกัน - หรือ "ชุด (package)" ของมาตรการ เพื่อนําไปใชอยางเปนระบบสําหรับการจัดการอยางยั่งยืน ในพื้นที่โครงการและลุมน้ําสาขาของแมน้ําโขง ประเทศไทยมีกลไกทางกฎหมายเพื่อการแบงปนผลประโยชนทางรูปตัวเงิน จากโครงการผลิตไฟฟาในประเทศในรูปแบบของ กองทุนพัฒนาไฟฟา (Power Development Fund: PDF) d ซึ่งกําหนดโดยพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน (พ.ศ. 2550) และระเบียบกองทุนพัฒนาไฟฟา (ออกในปพ.ศ. 2553) ไดกําหนดใหทุกโรงไฟฟาที่มีอยู และโรงไฟฟาที่จะเปดดําเนินการ ตองจัดตั้งโครงการพัฒนาชุมชนอยางถาวร "เพื่อการพัฒนา หรือฟนฟูทองถิ่นไดรับผลกระทบจากการดําเนินงานของโรงไฟฟา" กองทุนพัฒนาไฟฟา เปนกองทุนไดรับการสนับสนุนจากรายไดของโรงไฟฟา ขอกําหนดนี้ใชกับโรงไฟฟาทุกประเภทในประเทศไทย รวมทั้งโครงการโรงไฟฟาจากความรอน (เชนกาซธรรมชาติ ถานหิน และน้ํามันเชื้อเพลิง) และโรงไฟฟาจากแหลงพลังงานหมุนเวียน เชน พลังงานน้ํา และพลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย กองทุนพัฒนาไฟฟา หรือ โครงการกองทุนพัฒนาไฟฟาระดับชุมชน (มักจะเรียกวา กองทุนพัฒนาทองถิ่นในประเทศอื่น ๆ) จัดการโดยคณะกรรมการพัฒนาชุมชน คณะกรรมการไดรับอํานาจ และไดรับงบประมาณจากสํานักงานภูมิภาคของคณะกรรมการกํากับดูแลการไฟฟ า (OERC) การใชจาย กองทุนพัฒนาไฟฟาเปนไปตามระเบียบ การใชจายงบประมาณ ระเบียบกองทุนพัฒนาไฟฟา ป พ.ศ. 2550 กําหนดสิทธิการไดรับเงินทุนจากกองทุนพัฒนาไฟฟา คือ "พื้นที่ประกาศ" ซึ่งเปนพื้นที่รอบโรงไฟฟา ในรัศมีทั้ง 5 กม. 3 กม. หรือ 1 กม. จากโรงไฟฟา และขึ้นอยูกับ ขนาดการผลิตไฟฟา (กิกะวัตตชั่วโมงตอป) § ปจจุบันอัตราการเก็บเงินเขากองทุนพัฒนาไฟฟา (โครงการชุมชนใน "พื้นที่ประกาศ") เทากับ 2.0 สตางค ตอ หนวยกิโลวัตตชั่วโมง สําหรับโรงไฟฟาความรอน และโรงไฟฟาพลังน้ํา โดยไมคํานึงถึงขนาดของโรงไฟฟา § อัตราการเก็บเงินเทากับประมาณ รอยละ 1.0 ของธรรมเนียมการผลิตไฟฟาของประเทศไทย หรือประมาณรอยละ 0.7 ของคาธรรมเนียมผูบริโภค ทั้งนี้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ไดมีการเพิ่มคาไฟฟา เทากับ 3.02 บาทตอกิโลวัตตชั่วโมง (หรือ เทากับ 9.7 เซนตตอกิโลวัตตชั่วโมง) § ตามอัตรานี้กองทุนพัฒนาไฟฟาจะไดรับงบประมาณ 18 ลานบาทตอป (600,000 ดอลลารตอป) สําหรับโครงการพัฒนาชุมชนรอบโรงไฟฟา สําหรับ 7 โรงไฟฟาพลังน้ําในลําน้ําสาขาแมโขง § ดังที่ระบุไวในบทที่ 5 จํานวนเงินสําหรับกองทุนพัฒนาไฟฟาที่ไดรับแตละโรงไฟฟาแตกตางกัน เชน e ไดรับจากโรงไฟฟาลําตะคอง เทากับ 8,01 ลานบาทตอป (258,400 ดอลลารตอป) ซึ่งผลิตไฟฟาได 500 เมกะวัตต จากโครงการผลิตไฟฟาแบบสูบกลับ สําหรับ โรงไฟฟาพลังน้ําหวยกุม จัดเก็บเงินเขากองทุนพัฒนาไฟฟา เทากับ 0.04 ลานบาท ตอ ป (1,300 ดอลลารตอป) จากการผลิต 1.2 เมกะวัตต การดําเนินการของโครงการพัฒนาชุมชน ดวยกองทุนพัฒนาไฟฟา ยังอยูระหวางการดําเนินการของบประมาณ เนื่องจาก ขั้นตอนของกองทุนพัฒนาไฟฟายังใหม ทั้งนี้ ตนแบบของกองทุนพัฒนาไฟฟา คือ กองทุนพัฒนาชุมชน (CDFs) ซึ่งไดมีการดําเนินการ สําหรับโรงไฟฟาพลังงานความรอนตั้งแตป พ.ศ. 2550 กองทุนพัฒนาไฟฟาในประเทศไทย เปน กลไกการแบงปนผลประโยชน ประเภทที่ 1 คือ ระดับชาติถึงระดับทองถิ่น จากการประเมินผลของ ISH13 พบวา มีความเกี่ยวของกับ นโยบายทางเลือกจาก กลไกการแบงปนผลประโยชน ประเภทที่ 2 3 และ 4 ในการดําเนินการของโรงไฟฟาในลุมน้ําสาขาแมโขง (ดู บทที่ 4) ซึ่งตัวอยางรวมถึง: § เพิ่มการระดับเขาถึงและการใหบริการไฟฟา (ที่นาเชื่อถือ) ในพื้นที่ประกาศ โดยเฉพาะครัวเรือนมีรายไดนอย โดยมีมาตรการสนับสนุนตาง ๆ ทั้งดานความปลอดภัย การมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล § เพิ่มประสิทธิภาพการเขาถึงทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่โครงการ และพื้นที่ริมแมน้ําที่ไดรับผลกระทบ เมื่อมีโอกาสและมีความพึงพอใจของทองถิ่น § เพื่อใหมั่นใจวาผลประโยชนทางเศรษฐกิจทองถิ่นเพิ่มขึ้นจากโครงการ และมีการกระจายสูชาวบานในพื้นที่ประกาศอยางเปนธรรมตามเกณฑที่มีก ารตกลงกัน คณะกรรมการพัฒนาชุมชน ของ กองทุนพัฒนาไฟฟา สามารถตัดสินใจหลักเกณฑ และจัดลําดับความสําคัญมาตรการดังกลาวทั้งหมด โดยความเห็นชอบจาก
Recommended publications
  • Tài Liệu Tổng Hợp TỪ MEKONG ĐẾN CỬU LONG
    1 Tài liệu tổng hợp TỪ MEKONG ĐẾN CỬU LONG (Update March 1, 2016) Chúng tôi xin ghi lòng tạc dạ công ơn Tổ tiên đã khổ công gầy dựng giang sơn gấm vóc. Chúng tôi xin tri ân các Bậc Tiền Nhân đã lưu lại tài liệu, sách vở, hình ảnh cho con cháu đời sau hiểu biết về dòng sông Cửu Long đã từng nuôi sống bao thế hệ vùng Đồng bằng sông Cửu Long nói riêng và Việt Nam nói chung. Chúng tôi rất cám ơn các nhiếp ảnh gia, tác giả của những tấm hình mà chúng tôi xin được mạn phép dùng cho tập tài liệu tổng hợp này. Rất mong quý Anh Chị lượng thứ khi thấy chúng tôi sử dụng hình trên Internet cho tập sách nhỏ bé này. Những hình ảnh nếu đã có Copyright mà chúng tôi không được biết, chúng tôi sẵn lòng liên lạc với nhiếp ảnh gia đã chụp ảnh. Tập tài liệu này KHÔNG dành để bán mà chỉ là sự sưu tầm để học hỏi trong nhóm. Chúng tôi tha thiết mong đợi các bạn trẻ Việt Nam hãy đồng hành cùng chúng tôi cứu dòng sông Mekong-Cửu Long đang cạn kiệt nguồn nước. Trân trọng, - Nhóm sưu tập tài liệu LymHa - 2 MỤC LỤC CHƯƠNG 1: LỜI DẪN NHẬP CHƯƠNG 2: TÊN CỦA DÒNG SÔNG MEKONG CHƯƠNG 3: VỊ TRÍ ĐỊA LÝ DÒNG SÔNG MEKONG CHƯƠNG 4: NHỮNG NHÀ THÁM HIỂM DÒNG SÔNG MEKONG CHƯƠNG 5: SỰ HÌNH THÀNH DÒNG SÔNG MEKONG 1. Điểm phát xuất 2.
    [Show full text]
  • Draft Environmental Report on Thailand
    DRAFT ENVIRONMENTAL REPORT ON THAILAND PREPARED BY THE SCIENCE AND TECHNOLOGY DIVISION, LIBRARY OF CONGRESS WASHINGTON, D.C. AID/DS/ST CONTRACT NO, SA/TOA 1-77 WITH U.S. MAN AND THE BIOSPHERE SECRETARIAT DEPARTMENT OF STATE WASHINGTON, D.C. OCTOBER 1979 DRAFT ENVIRONMENTAL PROFILE OF THAILAND Table of Contents Section page Introduction and Summary ii 1.0 Populat i h,ht'<eristics 1.1 Get i I p ition statistics .................................. 1 1.2 Sp i 1 ibution ........................................... 2 1.3 Ethr .."d religion ......................................... 6 1.4 Education ............ ......................................... 7 1.5 Health ........................................................ 8 1.6 Birth control and population policy.............................9 2.0 The Economy 2.1 General economic statistics .................................... 11 2.2 Economic structure and growth .................................. 13 3.0 Resources and Environmental Problems 3.1 Topography and climate ......................................... 17 3.2 Freshwater ..................................................... 21 3.3 Soils .......................................................... 26 3.4 Minerals ....................................................... 28 3.5 Forests ........................................................ 30 3.6 Coastal zone ................................................... 35 3.7 Wildlife ....................................................... 38 3.8 Fisheries .....................................................
    [Show full text]
  • The Pulp Invasion: the International Pulp and Paper Industry in the Mekong Region by Chris Lang
    The Pulp Invasion: The international pulp and paper industry in the Mekong Region by Chris Lang World Rainforest Movement Cover design: Flavio Pazos Copyright ©: World Rainforest Movement International Secretariat Maldonado 1858, Montevideo, Uruguay Tel: +598 2 413 2989, Fax: +598 2 418 0762 E-mail: [email protected] Web site: http://www.wrm.org.uy Northern office 1c Fosseway Business Centre, Stratford Road, Moreton-in-Marsh, GL56 9NQ, United Kingdom Tel: +44.1608.652.893, Fax: +44.1608.652.878 E-mail: [email protected] The contents of this publication can be reproduced totally or partially without prior authorization. However, the World Rainforest Movement should be duly accredited and notified of any reproduction. Published in December 2002 ISBN: 9974 - 7608 - 8 - 7 This publication was made possible with financial support from NOVIB (The Netherlands) and with guidance from TERRA (Towards Ecological Recovery and Regional Alliance - Thailand) The Pulp Invasion: The international pulp and paper industry in the Mekong Region Contents: About this publication 5 Introduction 5 CAMBODIA – Land-grabs, logging and plantations 12 1. The land law and the forestry law Land Law Forestry Law 2. Rubber and oil palm plantations 3. A history of fast-growing tree plantations in Cambodia 4. The Pheapimex concession References LAOS – Subsidies to a struggling plantation industry 24 1. Overview of the situation today 2. International support to the industry Asian Development Bank JICA – Forest Conservation and Afforestation Project Sida – Lao-Swedish Forestry Programme 3. Companies BGA Lao Plantation Forestry Asia Tech Burapha Brierley References THAILAND – The fast-growing pulp and paper industry 42 1.
    [Show full text]
  • Contracted Garage
    Contracted Garage No Branch Province District Garage Name Truck Contact Number Address 035-615-990, 089- 140/2 Rama 3 Road, Bang Kho Laem Sub-district, Bang Kho Laem District, 1 Headquarters Ang Thong Mueang P Auto Image Co., Ltd. 921-2400 Bangkok, 10120 188 Soi 54 Yaek 4 Rama 2 Road, Samae Dam Sub-district, Bang Khun Thian 2 Headquarters Ang Thong Mueang Thawee Car Care Center Co., Ltd. 035-613-545 District, Bangkok, 10150 02-522-6166-8, 086- 3 Headquarters Bangkok Bang Khen Sathitpon Aotobody Co., Ltd. 102/8 Thung Khru Sub-district, Thung Khru District, Bangkok, 10140 359-7466 02-291-1544, 081- 4 Headquarters Bangkok Bang Kho Laem Au Supphalert Co., Ltd. 375 Phet kasem Road, Tha Phra Sub-district, Bangkok Yai District, Bangkok, 10600 359-2087 02-415-1577, 081- 109/26 Moo 6 Nawamin 74 Road Khlong Kum Sub-district Bueng Kum district 5 Headquarters Bangkok Bang Khun Thian Ch.thanabodyauto Co., Ltd. 428-5084 Bangkok, 10230 02-897-1123-8, 081- 307/201 Charansanitwong Road, Bang Khun Si Sub-district, Bangkok Noi District, 6 Headquarters Bangkok Bang Khun Thian Saharungroj Service (2545) Co., Ltd. 624-5461 Bangkok, 10700 02-896-2992-3, 02- 4/431-3 Moo 1, Soi Sakae Ngam 25, Rama 2 Road, Samae Dam 7 Headquarters Bangkok Bang Khun Thian Auychai Garage Co., Ltd. 451-3715 Sub-district, Bang Khun Thien District, Bangkok, 10150 02-451-6334, 8 Headquarters Bangkok Bang Khun Thian Car Circle and Service Co., Ltd. 495 Hathairat Road, Bang, Khlong Sam Wa District, Bangkok, 10510 02-451-6927-28 02-911-5001-3, 02- 9 Headquarters Bangkok Bang Sue Au Namchai TaoPoon Co., Ltd.
    [Show full text]
  • Cultural Landscape and Indigenous Knowledge of Natural Resource and Environment Management of Phutai Tribe
    CULTURAL LANDSCAPE AND INDIGENOUS KNOWLEDGE OF NATURAL RESOURCE AND ENVIRONMENT MANAGEMENT OF PHUTAI TRIBE By Mr. Isara In-ya A Thesis Submitted in Partial of the Requirements for the Degree Doctor of Philosophy in Architectural Heritage Management and Tourism International Program Graduate School, Silpakorn University Academic Year 2014 Copyright of Graduate School, Silpakorn University CULTURAL LANDSCAPE AND INDIGENOUS KNOWLEDGE OF NATURAL RESOURCE AND ENVIRONMENT MANAGEMENT OF PHUTAI TRIBE By Mr. Isara In-ya A Thesis Submitted in Partial of the Requirements for the Degree Doctor of Philosophy in Architectural Heritage Management and Tourism International Program Graduate School, Silpakorn University Academic Year 2014 Copyright of Graduate School, Silpakorn University The Graduate School, Silpakorn University has approved and accredited the Thesis title of “Cultural landscape and Indigenous Knowledge of Natural Resource and Environment Management of Phutai Tribe” submitted by Mr.Isara In-ya as a partial fulfillment of the requirements for the degree of Doctor of Philosophy in Architectural Heritage Management and Tourism. …………………………………………………………... (Associate Professor Panjai Tantatsanawong, Ph.D.) Dean of Graduate School ……..……./………..…./…..………. The Thesis Advisor Professor Ken Taylor The Thesis Examination Committee …………………………………………Chairman (Associate Professor Chaiyasit Dankittikul, Ph.D.) …………../...................../................. …………………………………………Member (Emeritus Professor Ornsiri Panin) …………../...................../................
    [Show full text]
  • Farmers and Forests: a Changing Phase in Northeast Thailand
    Southeast Asian Studies, Vo1.38, No.3, December 2000 Farmers and Forests: A Changing Phase in Northeast Thailand Buared PRACHAIYO * * The author was a forest ecologist at Khon Kaen Regional Forest Office of the Royal Forestry Department of Thailand, and joined CSEAS as a visiting research fellow from May 1995 to April 1996. On October 28, 1996 he passed away in Thailand. - 3 - 271 Contents Preface ( 5 ) 1. Introduction ( 6 ) 2. Northeast Thailand .. (14) 1. Area (14) 2. Farmers (22) 3. Forest (29) 4. l.and Utilization (38) 5. Paddy Fields (43) 3. Farmers' Use of Forest and Encroachment into the Forests (50) 1. Wood Products (50) 2. Non-wood Forest Products··············································...................................................... (53) 3. Forest Degradation (61) 4. Man and Forest Interaction (72) 1. Fuel-wood (72) 2. Community Forest (79) 3. Forest Conservation by the Farmers (92) 4. Trees on Paddy Fields (105) 5. Mitigation of Forest Degradation (122) 5. The Role of Forest in the Socio-economic Life of the Farmers (134) 1. Trees and Farmers (134) 2. Trees and Paddy Fields (137) 3. Farmers, Trees and Paddy Fields (138) 4. Trees and Home Economy of Farmers (141) 5. Farmers and Society (144) 6. Conclusion and Proposals (146) 1. Conclusion (146) 2. Recommendations (148) Bibliography . (153) Appendix I (157) Appendix II (176) 272 - 4 - Preface Writing a preface for this special paper by the late Mr. Buared Prachaiyo is a sorrowful task for me. This paper would have been his doctoral dissertation if he were alive. I met Mr. Buared for the first time on January 19, 1991 at Khon Kaen Regional Forest Office of Royal Forestry Department of Thailand, where he worked as a forest ecologist.
    [Show full text]
  • Title Farmers and Forests : a Changing Phase in Northeast Thailand
    Title Farmers and Forests : A Changing Phase in Northeast Thailand Author(s) Prachaiyo, Buared Citation 東南アジア研究 (2000), 38(3): 271-446 Issue Date 2000-12 URL http://hdl.handle.net/2433/56758 Right Type Departmental Bulletin Paper Textversion publisher Kyoto University Southeast Asian Studies, Vo1.38, No.3, December 2000 Farmers and Forests: A Changing Phase in Northeast Thailand Buared PRACHAIYO * * The author was a forest ecologist at Khon Kaen Regional Forest Office of the Royal Forestry Department of Thailand, and joined CSEAS as a visiting research fellow from May 1995 to April 1996. On October 28, 1996 he passed away in Thailand. - 3 - 271 Contents Preface ( 5 ) 1. Introduction ( 6 ) 2. Northeast Thailand .. (14) 1. Area (14) 2. Farmers (22) 3. Forest (29) 4. l.and Utilization (38) 5. Paddy Fields (43) 3. Farmers' Use of Forest and Encroachment into the Forests (50) 1. Wood Products (50) 2. Non-wood Forest Products··············································...................................................... (53) 3. Forest Degradation (61) 4. Man and Forest Interaction (72) 1. Fuel-wood (72) 2. Community Forest (79) 3. Forest Conservation by the Farmers (92) 4. Trees on Paddy Fields (105) 5. Mitigation of Forest Degradation (122) 5. The Role of Forest in the Socio-economic Life of the Farmers (134) 1. Trees and Farmers (134) 2. Trees and Paddy Fields (137) 3. Farmers, Trees and Paddy Fields (138) 4. Trees and Home Economy of Farmers (141) 5. Farmers and Society (144) 6. Conclusion and Proposals (146) 1. Conclusion (146) 2. Recommendations (148) Bibliography . (153) Appendix I (157) Appendix II (176) 272 - 4 - Preface Writing a preface for this special paper by the late Mr.
    [Show full text]
  • Basin-Wide Strategy for Sustainable Hydropower Development
    2017/18 Knowledge Sharing Program with the Mekong River Commission: Basin-wide Strategy for Sustainable Hydropower Development 2017/18 Knowledge Sharing Program with the Mekong River Commission 2017/18 Knowledge Sharing Program with the Mekong River Commission Project Title Basin-wide Strategy for Sustainable Hydropower Development Prepared by Korea Development Institute (KDI) Supported by Ministry of Economy and Finance (MOEF), Republic of Korea Prepared for Mekong River Commission (MRC) In Cooperation with Mekong River Commission (MRC) Mekong River Commission Secretariat (MRCS) Thailand National Mekong Committee (TNMC) Lao National Mekong Committee (LNMC) Cambodia National Mekong Committee (CNMC) Vietnam National Mekong Committee (VNMC) Program Directors Youngsun Koh, Executive Director, Center for International Development (CID), KDI Kwangeon Sul, Visiting Professor, KDI School of Public Policy and Management, Former Executive Director, CID, KDI Project Manager Kyoung Doug Kwon, Director, Division of Policy Consultation, CID, KDI 3URMHFW2I¿FHUV Yerim Kim, Senior Research Associate, Division of Policy Consultation, CID, KDI Seungju Lee, Research Associate, Division of Policy Consultation, CID, KDI Senior Advisor Kyungsik Kim, Former Vice Minister for Ministry of Land, Infrastructure and Transport, Republic of Korea Principal Investigator Seungho Lee, Professor, Korea University Authors Chapter 1. Seungho Lee, Professor, Korea University Chapter 2. Ilpyo Hong, Senior Fellow, Korea Institute of Civil Engineering and Building Technology
    [Show full text]
  • 4. Counter-Memorial of the Royal Government of Thailand
    4. COUNTER-MEMORIAL OF THE ROYAL GOVERNMENT OF THAILAND I. The present dispute concerns the sovereignty over a portion of land on which the temple of Phra Viharn stands. ("PhraViharn", which is the Thai spelling of the name, is used throughout this pleading. "Preah Vihear" is the Cambodian spelling.) 2. According to the Application (par. I), ThaiIand has, since 1949, persisted in the occupation of a portion of Cambodian territory. This accusation is quite unjustified. As will be abundantly demon- strated in the follo~vingpages, the territory in question was Siamese before the Treaty of 1904,was Ieft to Siam by the Treaty and has continued to be considered and treated as such by Thailand without any protest on the part of France or Cambodia until 1949. 3. The Government of Cambodia alleges that its "right can be established from three points of rieivJ' (Application, par. 2). The first of these is said to be "the terms of the international conventions delimiting the frontier between Cambodia and Thailand". More particuIarly, Cambodia has stated in its Application (par. 4, p. 7) that a Treaty of 13th February, 1904 ". is fundamental for the purposes of the settlement of the present dispute". The Government of Thailand agrees that this Treaty is fundamental. It is therefore common ground between the parties that the basic issue before the Court is the appIication or interpretation of that Treaty. It defines the boundary in the area of the temple as the watershed in the Dangrek mountains. The true effect of the Treaty, as will be demonstratcd later, is to put the temple on the Thai side of the frontier.
    [Show full text]
  • Trade, Culture and Society in Thailand Before 1200 Ad
    TRADE, CULTURE AND SOCIETY IN THAILAND BEFORE 1200 AD Helen James Abstract This paper discusses the development of the vibrant socio- cultural complexes inhabiting the geographic area between the Mekong and the Salween river systems in pre- and proto-historic times up to 1200 AD. Our knowledge of these cultures has increased in recent decades thanks to the multidisciplinary research under- taken by Charles Higham, Dhida Saraya, Srisakra Vallibhotama, Bennet Bronson, Donn Bayard and others whose work has comple- mented that of the linguists, art historians and scientists to bring to life the sophisticated societies which evolved on the Khorat plateau in northeast Thailand, in the Chao Phraya valley, and on the penin- sula of southern Thailand long before the declaration of indepen- dence from the Khmer overlord at Sukhothai in the mid-thirteenth century. Far from being a vacuum with little social, cultural or political development, we now know that these socio-cultural complexes had extensive intra-regional, interregional, and interna- tional trading networks complementing their own indigenous developments, long before the appearance of the Greco-Roman trading ships in the harbours of the Coromandel and Malabar coasts of India in the first and second centuries AD. The pattern of indig- enous relationships gave rise to the early Bronze and Iron Age civilizations in this region and made these socio-cultural complexes a cornerstone in the reinterpretation of Thai history. Introduction The geographical area now delineated by the nation state, Thailand, had a sophisticated cultural history characterized by complex interregional, intraregional and international relationships long before the officially constructed Sukhothai- Ayutthaya-Bangkok march of modern history minimized the socio-cultural devel- opments of earlier times.
    [Show full text]
  • Case Study: Pak Mun Dam, Mekong River Basin, Thailand
    WCD Case Study Pak Mun Dam Mekong River Basin Thailand Final Report: November 2000 Prepared for the World Commission on Dams (WCD) by: Sakchai Amornsakchai - Asian Institute of Technology, Bangkok Philippe Annez - Griffon Ltd., Bangkok Suphat Vongvisessomjai - Asian Institute of Technology, Bangkok Sansanee Choowaew - Mahidol University, Bangkok Thailand Development Research Institute (TDRI), Bangkok Prasit Kunurat - Department of Social Sciences, Khon Kaen University Jaruwan Nippanon, - Department of Health, Khon Kaen University Roel Schouten- Seatec International - Consulting Engineers, Bangkok Pradit Sripapatrprasite- Seatec International - Consulting Engineers, Bangkok Chayan Vaddhanaphuti - Chiang Mai University, Chiang Mai Chavalit Vidthayanon - Royal Thai Government Fisheries Department, Bangkok Wanpen Wirojanagud, - Faculty of Engineering, Khon Kaen University Ek Watana - Department of Ecological Science, Khon Kaen University Secretariat of the World Commission on Dams P.O. Box 16002, Vlaeberg, Cape Town 8018, South Africa Phone: 27 21 426 4000 Fax: 27 21 426 0036. Website: http://www.dams.org E-mail: [email protected] Pak Mun Dam - Mekong River Basin, Thailand i Disclaimer This is a working paper of the World Commission on Dams - the report published herein was prepared for the Commission as part of its information gathering activity. The views, conclusions, and recommendations are not intended to represent the views of the Commission. The Commission's views, conclusions, and recommendations will be set forth in the Commission's own report. Please cite this report as follows: Amornsakchai, S., Annez, P., Vongvisessomjai, S., Choowaew, S., Thailand Development Research Institute (TDRI), Kunurat, P., Nippanon, J., Schouten, R., Sripapatrprasite, P., Vaddhanaphuti, C., Vidthayanon, C., Wirojanagud, W., Watana, E. 2000. Pak Mun Dam, Mekong River Basin, Thailand.
    [Show full text]
  • Interactions Between Land Use and Flood Management in the Chi River Basin Between Land Use and Flood Management in the Chi River Basin
    INTERACTIONS INTERACTIONS BETWEEN LAND USE AND FLOOD MANAGEMENT IN THE CHI RIVER BASIN BETWEEN LAND USE AND FLOOD MANAGEMENT IN THE CHI RIVER BASIN The Chi River Basin, Thailand, cannot handle the regularly occurring floods. Consequently, flooding of the low-lying areas occurs on a regular basis. Therefore, an integrated flood management framework needs to be developed to minimize the negative effects of floods of different magnitude. In response, a hydrological model (SWAT) and a hydraulic model (1D/2D SOBEK) were integrated to simulate river flows and inundated areas, and to analyse the current system. The developed modelling framework enables to analyse the impacts of different structural measures such as river normalisation, green river (bypass), and retention basin. In addition, non-structural measures including reservoir operation and land use planning were assessed in their capability to protect people and valuable infrastructure. For each measure, several possible scenarios were tested and evaluated based on financial and technical efficiency criteria. An ‘optimum’ combination of aforesaid measures was chosen since it could reduce flood extent and its damage more considerably than stand-alone solutions. Finally, the study illustrates the effects of land use changes on floods, which indicated little or no significant potential impact on flood regime at river basin level, but rather at sub-basin scale. This is important for a better understanding of the scale and | direction of impacts of developments in the future. KITTIWET KUNTIYAWICHAI kittiwet kuntiyawichai PHD_COVER_KUNTIYAWICHAI_vs140312-rug13,5mm.indd 1 24-03-12 16:34 INTERACTIONS BETWEEN LAND USE AND FLOOD MANAGEMENT IN THE CHI RIVER BASIN Kittiwet Kuntiyawichai Thesis committee Thesis supervisors Prof.
    [Show full text]