Orthoptera) ในพืชไร่เศรษฐกิจที่ส าคัญของประเทศไทย Taxonomic Study and Species Richness of Grasshoppers (Orthoptera) on Economically Important Field Crops in Thailand

Total Page:16

File Type:pdf, Size:1020Kb

Orthoptera) ในพืชไร่เศรษฐกิจที่ส าคัญของประเทศไทย Taxonomic Study and Species Richness of Grasshoppers (Orthoptera) on Economically Important Field Crops in Thailand 221 อนุกรมวิธานและการศึกษาชนิดของตั๊กแตน (Orthoptera) ในพืชไร่เศรษฐกิจที่ส าคัญของประเทศไทย Taxonomic Study and Species Richness of Grasshoppers (Orthoptera) on Economically Important Field Crops in Thailand จารุวัตถ์ แต้กุล ยุวรินทร์ บุญทบ สุนัดดา เชาวลิต ชมัยพร บัวมาศ อิทธิพล บรรณาการ เกศสุดา สนศิริ อาทิตย์ รักกสิกร จอมสุรางค์ ดวงธิสาร สิทธิศิโรดม แก้วสวัสดิ์ กลุ่มกีฏและสัตววิทยา ส านักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช รายงานความก้าวหน้า ปัจจุบันตั๊กแตนจัดเป็นแมลงศัตรูพืชที่ก ำลังสร้ำงปัญหำให้กับประเทศ ไม่ว่ำในเรื่องของ ศัตรูพืชต่ำงถิ่น เช่นตั๊กแตนไผ่ และศัตรูพืชที่กลับมำระบำดอีกครั้งซึ่งได้แก่ตั๊กแตนข้ำว อย่ำงไรก็ตำมยัง ไม่มีกำรศึกษำเกี่ยวกับชนิดของตั๊กแตนอย่ำงจริงจังในปัจจุบัน วัตถุประสงค์ของกำรทดลองนี้คือเพื่อ ทรำบชนิด ชื่อวิทยำศำสตร์ ลักษณะควำมแตกต่ำงทำงสัณฐำนวิทยำ และได้แนวทำงกำรวินิจฉัยชนิด ของตั๊กแตนในพืชไร่เศรษฐกิจที่ส ำคัญของประเทศไทย จำกกำรส ำรวจและเก็บตัวอย่ำงตั๊กแตนในพื้นที่ แปลงปลูกอ้อยอุตสำหกรรม แปลงวัชพืชและในเขตป่ำใกล้เคียง ในเขตพื้นที่ภำคกลำงและภำคเหนือ ตอนล่ำง ได้ตัวอย่ำงตั๊กแตนมำเพื่อด ำเนินกำรศึกษำเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 200 ตัวอย่ำง จำกกำรศึกษำ ตัวอย่ำงเดิมในพิพิธภัณฑ์แมลง ในขณะนี้มีชนิดของตั๊กแตนอย่ำงน้อย 10 ชนิดในตัวอย่ำงประมำณ 120 ตัวอย่ำง และจำกตัวอย่ำงที่เก็บได้ จำกกำรศึกษำพบตั๊กแตนทั้งสิ้น 5 สกุลได้แก่ Acrida Hieroglyphus, Patanga Ceracris และ Aiolopus ขณะนี้อยู่ในระหว่ำงกำรวินิจฉัยชนิดและ ด ำเนินกำรเก็บตัวอย่ำงและกำรบันทึกฐำนข้อมูลในพิพิธภัณฑ์แมลง นอกจำกนี้ได้เก็บตัวอย่ำงตั๊กแตน ตัวอ่อนที่มีชีวิตน ำมำเลี้ยงในโรงเรือนเลี้ยงแมลง พิพิธภัณฑ์แมลง เพื่อศึกษำชีววิทยำและเก็บตัวเต็มวัย ขณะนี้ได้ตัวอย่ำงตั๊กแตนเพื่อจัดรูปร่ำงทั้งสิ้น 300 ตัวอย่ำง และมีตัวอย่ำงที่เลี้ยงอยู่ 40 ตัวอย่ำง โดยประมำณ น ำตัวอย่ำงที่จัดรูปร่ำงเข้ำตู้อบเพื่อท ำตัวอย่ำงแห้งโดยใช้ระยะเวลำประมำณ 3 เดือน นอกจำกนี้ด ำเนินกำรน ำตัวอย่ำงแห้งจำกปีที่แล้ว มำศึกษำลักษณะทำงอนุกรมวิธำนและวินิจฉัยระดับ วงศ์และสกุล รหัสกำรทดลอง 03-30-60-01-01-01-14-61 รายงานผลงานวิจัยประจาปี ๒๕๖๑ สานักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร 222 ค าน า ตั๊กแตนจัดอยู่ในอันดับ (Order) Orthoptera แบ่งออกเป็น 2 อันดับย่อย (Suborder) ตั๊กแตนหนวดสั้นและตั๊กแตนแคระจัดอยู่ในอันดับย่อย Caelifera ส่วนตั๊กแตนหนวดยำวอยู่ในอันดับ ย่อย Ensifera ในอันดับย่อยนี้ได้รวมจิ้งหรีด จิ้งโกร่งและแมลงกะชอน เข้ำไว้ด้วย อย่ำงไรก็ตำม ตั๊กแตนในอันดับย่อย Caelifera จัดว่ำเป็นกลุ่มที่มีควำมส ำคัญทำงเศรษฐกิจ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 infraorder ได้แก่ Tridactylidea และ Acrididea ส ำหรับ infraorder Tridactyleidea มีวงศ์ใหญ่ (superfamily) เพียงวงศ์ใหญ่เดียวได้แก่ Tridactyloidea ซึ่งประกอบด้วย 3 วงศ์ได้แก่ Cylindrachetidae, Ripipterygidae และ Tridactylidae ใน infraorder Acrididea ประกอบด้วย 7 วงศ์ใหญ่ได้แก่ Acridoidea, Eumastacoidea, Pneumoroidea, Pyrgomirphoidea, Tanaoceroidea, Trigonopterygoidea และ Tetrigoidea ตั๊กแตนใน 6 วงศ์ใหญ่แรกจัดว่ำมีควำมส ำคัญทำงเศรษฐกิจ เป็นตั๊กแตนหนวดสั้นที่พบเห็นโดยทั่วไป และมีควำมส ำพันธ์ในระบบอนุกรมวิธำนเป็นแบบ monophyletic group คือวิวัฒนำกำรมำจำกบรรพบุรุษเดียวกัน ได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มวงศ์ใหญ่ Acridomorpha ส่วนวงศ์ใหญ่ Tetrigoidea มีเพียงวงศ์เดียวได้แก่ Tetrigidae หรือตั๊กแตนแคระ วงศ์ ใหญ่ที่มีควำมส ำคัญและมีควำมหลำกชนิดสูงที่สุดในอันดับ Orthoptera ได้แก่ Acridoidea ซึ่ง ประกอบด้วย 11 วงศ์ 7,680 ชนิด (Song, 2010) ซึ่งตั๊กแตนวงศ์ที่มีควำมส ำคัญและระบำดเป็น ศัตรูพืช ท ำให้เกิดปัญหำทำงเศรษฐกิจในปัจจุบันได้แก่วงศ์ Acrididae ได้มีรำยงำนกำรระบำดของตั๊กแตนไผ่ (Yellow-spined bamboo locust): Ceracris kiangsu Tsai ในสำธำรณรัฐประชำธิปไตยประชำชนลำว ซึ่งทำง สปป.ลำว ได้รำยงำนในที่ประชุมคณะกรรมำธิกำร อำรักขำพืชระหว่ำงประเทศแห่งภูมิภำคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 29 เมื่อปี 2558 (The Asia and Pacific Plant Protection Commission: APPPC) ว่ำเกิดกำรระบำดอย่ำงรุนแรงของตั๊กแตนไผ่ ท ำลำยพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้ำวไร่ ข้ำวโพด และลูกเดือย กำรระบำดเกิดขึ้นในพื้นที่แขวงหัวพัน ซึ่งเป็น เขตติดต่อกับประเทศสำธำรณรัฐสังคมนิยมเวียดนำม มีรำยงำนพบตั๊กแตนชนิดนี้ครั้งแรกในปี 2472 ที่ สำธำรณรัฐประชำธิปไตยประชำชนจีน ในพื้นที่มณฑล เสฉวน หูเป่ย เกียงสู หูหนำน เกียงสี ฝูเจียน และกวำงตุ้ง ซึ่งสร้ำงควำมเสียหำยอย่ำงรุนแรงหลำยครั้ง ในช่วงปี 2478 – 2489 โดยพบท ำควำม เสียหำยอย่ำงรุนแรงในพืชไผ่ ข้ำวโพด และข้ำว (Centre for overseas pest research, 1982) อย่ำงไรก็ตำม ไม่มีรำยงำนกำรระบำดของตั๊กแตนชนิดนี้ในประเทศไทย แต่มีรำยงำนว่ำเคยพบที่ จังหวัดเชียงใหม่และสุพรรณบุรี (Roffey, 1979) รวมทั้งมีตัวอย่ำงอ้ำงอิงในพิพิธภัณฑ์แมลงของกรม วิชำกำรเกษตร ซึ่งเก็บได้จำกไผ่และธัญพืช ที่จังหวัดสุพรรณบุรี (ปี 2506) เชียงใหม่ (ปี 2518) และ สุรินทร์ (ปี 2518) ทั้งนี้อำจเนื่องมำจำกลักษณะอำกำศที่ร้อนของประเทศไทยไม่เหมำะสมกับแมลง ชนิดนี้ ในปี 2558 มีรำยงำนกำรระบำดของตั๊กแตนไผ่เพิ่มในแขวงพงสำลีซึ่งเป็นเขตติดต่อกับ สำธำรณรัฐประชำชนจีนและปัจจุบันพบกำรระบำดในแขวงหลวงพระบำงซึ่งอยู่ห่ำงจำกประเทศไทย เพียง 114 กิโลเมตร กำรระบำดมีควำมรุนแรงจนไม่สำมำรถควบคุมกำรระบำดได้ ดังนั้นสปป.ลำว จึง ได้ขอควำมช่วยเหลือไปยังองค์กำรอำหำรและเกษตรแห่งสหประชำชำติ (FAO) ให้เข้ำมำช่วยควบคุม กำรระบำดของตั๊กแตนไผ่ปัจจุบันยังไม่สำมำรถควบคุมได้เนื่องจำกพื้นที่ที่มีกำรระบำดของตั๊กแตนไผ่มี สภำพภูมิประเทศเป็นป่ำและภูเขำสูงชัน ท ำให้ไม่สำมำรถด ำเนินกำรป้องกันก ำจัดได้อย่ำงมี ประสิทธิภำพ รายงานผลงานวิจัยประจาปี ๒๕๖๑ สานักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร 223 ตั๊กแตนชนิดนี้ พบแพร่กระจำยอย่ำงกว้ำงขวำงบริเวณพื้นที่ป่ำไผ่ ทำงตอนใต้ของประเทศจีน ด้ำนตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลแจงสี บริเวณทำงลำดเชิงเขำ มีควำมสูงจำกระดับน้ ำทะเล 300 – 400 เมตร บำงครั้งพบในพื้นที่มีควำมสูงกว่ำระดับน้ ำทะเลถึง 780 เมตร มีรำยงำนว่ำพบแมลงชนิดนี้วำงไข่ จ ำนวนมำกใต้ผิวดินไข่ของตั๊กแตนชนิดนี้จะฟักในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึง โดยมีอุณหภูมิสูงกว่ำ 32 องศำเซลเซียส อย่ำงไรก็ตำมตัวเต็มวัยชอบอำศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอำกำศค่อนข้ำงเย็น ทั้งตัวอ่อนและ ตัวเต็มวัยมีกำรแพร่กระจำยเป็นกลุ่ม ตัวอ่อนในระยะสุดท้ำยเริ่มมีกำรอพยพเคลื่อนย้ำยเป็นกลุ่มใหญ่ ซึ่งเป็นระยะที่เริ่มสร้ำงควำมเสียหำยให้กับพืชได้ ระยะตัวเต็มวัยจะสร้ำงควำมเสียหำยได้กว้ำงขวำง และรุนแรงที่สุดนอกจำกพืชกลุ่มไผ่แล้วแมลงชนิดนี้ยังเป็นศัตรูพืชที่ส ำคัญของพืชในตระกูลหญ้ำ (graminivorous) และยังพบว่ำสำมำรถเข้ำท ำลำยพืชตระกูลปำล์มและพืชล้มลุกบำงชนิด ถึงแม้ ขณะนี้ยังไม่มีรำยงำนกำรระบำดสร้ำงควำมเสียหำยภำยในประเทศไทย แต่อย่ำงไรก็ตำมตั๊กแตนชนิดนี้ อำจจะมีโอกำสเข้ำมำแพร่ระบำดสร้ำงควำมเสียหำยในประเทศไทยได้ ตั๊กแตนไฮโดรไกลฟัสหรือตั๊กแตนข้ำว เป็นศัตรูส ำคัญอันดับสองรองมำจำกตั๊กแตนปำทังกำ มี พื้นที่กำรระบำดน้อยกว่ำตั๊กแตนปำทังกำ ในประเทศไทยพบตั๊กแตนสกุล Hieroglyphus 4 ชนิด ได้แก่ H. banian Fabricius, H. annmulicornis Shiraki, H. concolor Walker และ H. tonknensis Boliver ตั๊กแตนชนิดนี้เป็นศัตรูที่ส ำคัญของข้ำว เคยระบำดอย่ำงรุนแรงที่ประเทศอินเดีย ในอดีตจำกกำร ส ำรวจในประเทศไทย พบกำรระบำดในป่ำหญ้ำคำ แฝก ต่อมำเมื่อมีกำรปลูกอ้อยและข้ำวโพดในพื้นที่ ดังกล่ำว ตั๊กแตนก็ระบำดในพื้นที่ที่ปลูกพืชนั้น และมีกำรระบำดเรื้อรังเรื่อยมำ ตั๊กแตนไม่วำงไข่และ ฟักเป็นตัวอ่อนในแปลงปลูกพืช แต่จะวำงไข่และฟักเป็นตัวอ่อนที่หัวไร่หรือปลำยนำแล้วเข้ำมำระบำด ในแปลงปลูกพืช โดยทั่วไปแล้วลักษณะกำรระบำดของตั๊กแตนข้ำวจะคล้ำยกับตั๊กแตนปำทังกำ คือจะ กัดกินเนื้อใบอ้อยเหลือทิ้งไว้แค่ก้ำนใบอ้อย ไร่อ้อยที่ถูกท ำลำยอย่ำงหนักจะเห็นแต่ก้ำนใบทั้งแปลง ปัจจุบันมีรำยงำนกำรระบำดอย่ำงเร่งด่วนของตั๊กแตนข้ำว Hieroglyphus banian Fabricius เข้ำ ท ำลำยอ้อยในแปลงเกษตรกร อ ำเภอโพธำรำม และอ ำเภอบ้ำนบึง จังหวัดรำชบุรี มีเนื้อที่ประมำณ 500 ไร่ ตั๊กแตนชนิดนี้เคยมีรำยงำนพบกำรระบำดในประเทศไทย โดยพบกำรระบำดในข้ำวที่จังหวัด กำฬสินธุ์ (ปี 2492) สกลนคร (ปี 2499) และมีกำรระบำดในอ้อย ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ (ปี 2504) และมี รำยงำนกำรระบำดเรื่อยมำในพื้นที่เขตภำคกลำงตอนบน ภำคเหนือและภำคตะวันออกเฉียงเหนือ โดย ระบำดร่วมกับตั๊กแตนปำทังกำจนถึงปี 2522 และหลังจำกนั้นไม่มีรำยงำนกำรระบำดที่รุนแรง (ณัฐกฤติ, 2547) จำกสถำนกำรณ์ดังกล่ำว เห็นได้ว่ำตั๊กแตนศัตรูพืชมีแนวโน้มที่จะกลับมำระบำดอีก ครั้ง วัตถุประสงค์ของกำรทดลองนี้คือเพื่อทรำบชนิด ชื่อวิทยำศำสตร์ ลักษณะควำมแตกต่ำงทำง สัณฐำนวิทยำ และได้แนวทำงกำรวินิจฉัยชนิดของตั๊กแตนในพืชไร่เศรษฐกิจที่ส ำคัญของประเทศไทย วิธีด าเนินการ อุปกรณ์ 1. กับดักแมลงประกอบไปด้วย กับดักแสงไฟ (Light trap) กับดักถ้วยสีเหลือง (Yellow pan trap) กับดักมุ้ง (Malaise trap และ Slam trap) รวมทั้งสวิงจับแมลง 2. ขวดฆ่ำแมลง (killing jar) ซึ่งบรรจุน้ ำยำเอททิล อะซิเตด (ethyl acetate) 3. อุปกรณ์ส ำหรับจัดรูปร่ำงแมลงเช่น เข็มสแตนเลส กระดำษลอกลำย setting board 4. ethanol ควำมเข้มข้น 95% เพื่อใช้ในกำรจัดเก็บตัวอย่ำงสดของแมลง 5. กระดำษคุณภำพสูง (acid free paper) เพื่อกำรเก็บรักษำตัวอย่ำงแห้งในระยะยำว รายงานผลงานวิจัยประจาปี ๒๕๖๑ สานักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร 224 6. อุปกรณ์บันทึกเขตกำรแพร่กระจำยในระดับละเอียด (GPS) 7. Forceps ขนำดเล็ก 8. ขวดแก้วขนำดเล็กส ำหรับตัวอย่ำงสด 9. กล้องจุลทรรศน์สเตริโอก ำลังขยำยมำกกว่ำ 50 เท่ำขึ้นไป 10. สำรเคมีในกำรท ำแห้งตัวอย่ำงแมลง 11. โรงเรือนทดลองกรณีจ ำเป็นต้องเลี้ยงตั๊กแตน 12. กล้องจุลทรรศน์สเตริโอแบบก ำลังขยำยสูงส ำหรับงำนทำงอนุกรมวิธำนแมลง Leica M205 C พร้อม เลนซ์ Planapo Objective 1.0x ส ำหรับกำรถ่ำยภำพเพื่อตีพิมพ์ใน เอกสำรวิชำกำร วิธีการ กำรเก็บและรักษำตัวอย่ำงตั๊กแตน (Acquisition of research material) ด ำเนินกำรเก็บตัวอย่ำงตั๊กแตนในพื้นที่ปลูกพืชของเกษตรกร ทั้งในฤดูและนอกฤดู เกษตรกรรม รวมทั้งพื้นที่ป่ำหรือสภำพแวดล้อมธรรมชำติ ในปี 2561 ด ำเนินกำรเก็บตัวอย่ำง พื้นที่ ภำคกลำงและภำคเหนือ ได้แก่ จังหวัด กรุงเทพมหำนคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธำนี สมุทรสำคร สมุทรสงครำม ชัยนำท สิงห์บุรี อยุธยำ อ่ำงทอง นครสวรรค์ อุตรดิตถ์ แพร่ น่ำน เชียงใหม่ เชียงรำย และแม่ฮ่องสอน เป็นต้น ด ำเนินกำรเก็บตัวอย่ำงตั๊กแตนด้วยวิธีกำรหลัก 2 วิธี ได้แก่ กำรเดินส ำรวจใช้ สวิงจับแมลงและใช้มือเก็บตัวอย่ำง และ กำรวำงกับดักแมลง โดยกับดักที่ใช้ได้แก่ กับดักแสงไฟ (Light trap) กับดักถ้วยสีเหลือง (Yellow pan trap) กับดักมุ้ง (Malaise trap และ Slam trap) หลังจำกได้ ตัวอย่ำงตั๊กแตนแล้ว ด ำเนินกำรฆ่ำโดยใช้ขวดฆ่ำ (killing jar) ซึ่งบรรจุน้ ำยำเอททิล อะซิเตด (ethyl acetate) หลังจำกนั้นห่อตัวอย่ำงตั๊กแตนที่ตำยแล้วด้วยกระดำษลอกลำย บิดหัวท้ำยลักษณะ คล้ำยท็อฟฟี่ เก็บตัวอย่ำงลงกล่องพลำสติกใส่แมลง น ำกล่องใส่ตัวอย่ำงใส่ไว้ในกล่องรักษำควำมเย็นอีก ชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวอย่ำงเน่ำเสียหำย หลังจำกนั้นเก็บรักษำตัวอย่ำงในตู้เย็นที่อุณหภูมิ -20 องศำเซลเซียส รอเพื่อจัดรูปร่ำงและท ำตัวอย่ำงแห้งต่อไป
Recommended publications
  • Biotropika: Journal of Tropical Biology | Vol
    E-ISSN 2549-8703 I P-ISSN 2302-7282 BIOTROPIKA Journal of Tropical Biology https://biotropika.ub.ac.id/ Vol. 9 | No. 1 | 2021 | DOI: 10.21776/ub.biotropika.2021.009.01.03 THE ABUNDANCE AND DIVERSITY OF GRASSHOPPER (ORTHOPTERA) IN BATU CITY, EAST JAVA KELIMPAHAN DAN KEANEKARAGAMAN BELALANG (ORTHOPTERA) DI KOTA BATU, JAWA TIMUR Mufti Abrori1)*, Amin Setyo Leksono2), Zulfaidah Penata Gama2) Received : December 14th 2020 ABSTRACT Grasshoppers included in the order Orthoptera in the class of insects. Orthoptera orders Accepted : December 24th 2020 are divided into two parts, which a large suborder Ensifera and Caelifera. Most grasshopper species have a role as herbivores and a good protein source for other animals. Grasshopper abundance and diversity of ecosystems are more stable in a low disorder and the other way around. The factors that affect grasshoppers which environmental factors such as the structure of the vegetation, atmospheric temperature, and relative humidity. Author Affiliation: The purpose of this study to analyze the abundance and diversity of grasshoppers in Batu City, East Java. The research location is in Tahura R. Soerjo Cangar, an agricultural area 1) Master Student, Faculty of in Sumbergondo Village, Coban Talun, and Junrejo District. Measurement of biotic and Mathematics and Natural abiotic factors was carried out at the grasshoppers living locations, and then the data were Sciences, University of Brawijaya analyzed using the Shannon Wiener Diversity index (H'), Importance Value Index (INP), 2) Biology Departmen, Faculty of and Biplot analysis. The results were obtained as 754 individual grasshoppers from the Mathematics and Natural Caelifera suborder. While 201 individuals were found in the Ensifera suborder.
    [Show full text]
  • Development of Encyclopedia Boyong Sleman Insekta River As Alternative Learning Resources
    PROC. INTERNAT. CONF. SCI. ENGIN. ISSN 2597-5250 Volume 3, April 2020 | Pages: 629-634 E-ISSN 2598-232X Development of Encyclopedia Boyong Sleman Insekta River as Alternative Learning Resources Rini Dita Fitriani*, Sulistiyawati Biological Education Faculty of Science and Technology, UIN Sunan Kalijaga Jl. Marsda Adisucipto Yogyakarta, Indonesia Email*: [email protected] Abstract. This study aims to determine the types of insects Coleoptera, Hemiptera, Odonata, Orthoptera and Lepidoptera in the Boyong River, Sleman Regency, Yogyakarta, to develop the Encyclopedia of the Boyong River Insect and to determine the quality of the encyclopedia developed. The method used in the research inventory of the types of insects Coleoptera, Hemiptera, Odonata, Orthoptera and Lepidoptera insects in the Boyong River survey method with the results of the study found 46 species of insects consisting of 2 Coleoptera Orders, 2 Hemiptera Orders, 18 orders of Lepidoptera in Boyong River survey method with the results of the research found 46 species of insects consisting of 2 Coleoptera Orders, 2 Hemiptera Orders, 18 orders of Lepidoptera in Boyong River survey method. odonata, 4 Orthopterous Orders and 20 Lepidopterous Orders from 15 families. The encyclopedia that was developed was created using the Adobe Indesig application which was developed in printed form. Testing the quality of the encyclopedia uses a checklist questionnaire and the results of the percentage of ideals from material experts are 91.1% with very good categories, 91.7% of media experts with very good categories, peer reviewers 92.27% with very good categories, biology teachers 88, 53% with a very good category and students 89.8% with a very good category.
    [Show full text]
  • Evolution of Insect Color Vision: from Spectral Sensitivity to Visual Ecology
    EN66CH23_vanderKooi ARjats.cls September 16, 2020 15:11 Annual Review of Entomology Evolution of Insect Color Vision: From Spectral Sensitivity to Visual Ecology Casper J. van der Kooi,1 Doekele G. Stavenga,1 Kentaro Arikawa,2 Gregor Belušic,ˇ 3 and Almut Kelber4 1Faculty of Science and Engineering, University of Groningen, 9700 Groningen, The Netherlands; email: [email protected] 2Department of Evolutionary Studies of Biosystems, SOKENDAI Graduate University for Advanced Studies, Kanagawa 240-0193, Japan 3Department of Biology, Biotechnical Faculty, University of Ljubljana, 1000 Ljubljana, Slovenia; email: [email protected] 4Lund Vision Group, Department of Biology, University of Lund, 22362 Lund, Sweden; email: [email protected] Annu. Rev. Entomol. 2021. 66:23.1–23.28 Keywords The Annual Review of Entomology is online at photoreceptor, compound eye, pigment, visual pigment, behavior, opsin, ento.annualreviews.org anatomy https://doi.org/10.1146/annurev-ento-061720- 071644 Abstract Annu. Rev. Entomol. 2021.66. Downloaded from www.annualreviews.org Copyright © 2021 by Annual Reviews. Color vision is widespread among insects but varies among species, depend- All rights reserved ing on the spectral sensitivities and interplay of the participating photore- Access provided by University of New South Wales on 09/26/20. For personal use only. ceptors. The spectral sensitivity of a photoreceptor is principally determined by the absorption spectrum of the expressed visual pigment, but it can be modified by various optical and electrophysiological factors. For example, screening and filtering pigments, rhabdom waveguide properties, retinal structure, and neural processing all influence the perceived color signal.
    [Show full text]
  • 20 Taxonomic Significance of Aedeagus in the Classification Of
    International Journal of Entomology Research International Journal of Entomology Research ISSN: 2455-4758; Impact Factor: RJIF 5.24 www.entomologyjournals.com Volume 1; Issue 7; November 2016; Page No. 20-31 Taxonomic significance of aedeagus in the classification of Indian Acrididae (Orthoptera: Acridoidea) Shahnila USMANI, Mohd. Kamil Usmani, Mohammad AMIR Section of Entomology, Department of Zoology, Aligarh Muslim University, Aligarh, Uttar Pradesh, India Abstract Comparative study of aedeagus is made in one hundred and two species of grasshoppers representing fifty-nine genera belonging to the family Acrididae. Its taxonomic significance is shown. Divided, undivided or flexured conditions of aedeagus is taken as familial character. Apical valve of aedeagus longer or shorter than basal valve is considered as generic character. Shape of apical and basal valves is suggested as specific character. Keywords: 1. Introduction done in clove oil. The aedeagus was mounted in Canada The aedeagus is a main intromittent organ consisting of a pair balsam on a cavity slide under 22mm square cover glass. of basal and apical valves. The basal valves are lying above the Drawings were made with the help of Camera lucida. spermatophore sac and connected by the flexure with the long curved apical valves which are normally concealed under the 3. Description of Aedeagus membranous pallium. During the course of copulation it is Subfamily Acridinae inserted between ventral ovipositor valves of the female into 1. Truxalis eximia Eichwald, 1830 (Fig. 1 A) vagina and its tip reaches the spermathecal duct. Dirsh & Aedeagus flexured, apical valve long and narrow, slightly Uvarov (1953) [2] studied apical valves of penis in three species curved, apex obtusely pointed, slightly narrower and shorter of Anacridium.
    [Show full text]
  • A Karyogram Study on Eighteen Species of Japanese Acrididae (Orthoptera) (With 36 Figures)
    Title A Karyogram Study on Eighteen Species of Japanese Acrididae (Orthoptera) (With 36 Figures) Author(s) MOMMA, Eizi Citation 北海道帝國大學理學部紀要, 9(1), 59-69 Issue Date 1943-07 Doc URL http://hdl.handle.net/2115/27051 Type bulletin (article) File Information 9(1)_P59-69.pdf Instructions for use Hokkaido University Collection of Scholarly and Academic Papers : HUSCAP A Karyogram. Study on Eighteen Species of Japanese Acrididae (Orthoptera)l) By Eizi Momma Zoological Institute, Faculty of Science, Hokkaido Imperial University, Sapporo (W1~th 36 Figures) During these forty years the cytological investigations of the Acridian grasshoppers have been extensively carried out by a number of investigators, and considerable contributions have been devoted to the advance of animal cytology. The orthopteran insects, especially those of the Acrididae, have proved very favourable as material for the study of chromosomes, on account of the fact that their chromosomes are large in size having clear morphological features and are relatively low in number. Over one hundred of species have been cytologically investigated since the pioneer work of McClung ('00) in this field, demonstrating many valuable and • important facts and their bearing on problems of general cytology. One of the important matters confronting the students of Acridian chromosomes is to determine the interrelationships of the chromosome complexes in the different species. The extensive studies by McClung and his colleagues have established a great uniformity and constancy of the chromosome numbers in the Acrididae. Efforts made by these investigators greatly served to homologize individual chromosomes in closely related genera and species. Recently Ramachandra Rao (,37) has made a comparative study of the chromosomes in eight genera of Pyrgomorphinae (Acrididae), in view of finding the chromosomal relationship exist­ ing among the members of this subfamily.
    [Show full text]
  • The Diversity of Grasshoppers (Subordo Caelifera) in the National Park of Mount Merbabu and Mount Pangonan Central Java
    PROC. INTERNAT. CONF. SCI. ENGIN. ISSN 1504607797 Volume 4, February 2021 E-ISSN 1505707533 Page 133-137 The Diversity Of Grasshoppers (Subordo Caelifera) In The National Park Of Mount Merbabu And Mount Pangonan Central Java Lili Shafdila Nursin1, Sulistiyawati2 Department of Biology Education, Faculty of Tarbiyah and Teacher Training, Sunan Kalijaga State Islamic University Jl. Marsda Adisucipto No 1 Yogyakarta 55281, Indonesia. Tel. +62-274-540971, Fax. +62-274-519739. Email: [email protected] Abstract . This study aims to determine the diversity of grasshoppers in the National Parks of Mount Merbabu and Mount Pangonan. The research method used is the exploration method and purposive sampling. The results of research on grasshoppers in the National Park of Mount Merbabu and Mount Pangonan, respectively, were shannon-wiener index diversity (H '= 2.187 and H' = 1.089), number of individuals (N = 92 and N = 35), and species evenness index (E = 0.697 and E = 0.608). The grasshoppers species found were Phlaeoba fumosa, Phlaeoba infumata, Phlaeoba sp. 1, Phlaeoba sp. 2, Phlaeoba sp. 3, Phlaeoba sp. 4, Phlaeoba sp. 5, Phlaeoba sp. 6, Caryanda spuria, Cercinae sp., Chitaura sp., Oxya sp., Erucius sp. 1, Erucius sp. 2, Atractomorpha crenulata, Atractomorpha sp. 1, Atractomorpha sp. 2, Atractomorpha sp. 3, Atractomorpha sp. 4, Atractomorpha sp. 5, Atractomorpha sp. 6, Atractomorpha sp. 7, Tettigidea lateralis, and Tettigidea sp. Keywords: Grasshopper, Mount Merbabu National Park, Mount Pangonan INTRODUCTION MATERIALS AND METHODS Grasshopper diversity can be found generally in various The research was conducted for 3 months, namely types of terrestrial areas such as forest ecosystems, January-March 2020 in the National Park of Mount agricultural areas and plantations, including population Merbabu Magelang and Mount Pangonan Dieng.
    [Show full text]
  • Orthoptera Acrididae Acridinae) and Three Spe - Cies of Short-Horned Grasshoppers from India
    Biodiversity Journal , 2017, 8 (3): 819–826 A new genus (Orthoptera Acrididae Acridinae) and three spe - cies of short-horned grasshoppers from India Sunil Kumar Gupta * & Kailash Chandra Zoological Survey of India, Prani Vigyan Bhawan, ‘M’ Block, New Alipore, Kolkata - 700053, West Bengal, India; e-mail: [email protected] *Corresponding author, e-mail: [email protected] ABSTRACT A new genus Keshava n. gen. (Orthoptera) of the subfamily Acridinae (type species Keshava shishodensis n. sp.) with three new species are described from Chhattisgarh, India. Taxono - mical notes are provided. KEY WORDS Taxonomy; Keshavpur; Acridoidea; new genus; new species. Received 12.07.2017; accepted 01.08.2017; printed 30.09.2017 INTRODUCTION MATERIAL & METHODS The subfamily name Acridinae (Orthoptera) was Study area first used by Krauss (1890) but priority for family - group names based on Acrida dates from Acridina The survey was carried out in Durg district of Macleay, 1821 (Eades et al., 2017). Chhattisgarh state and two protected areas i.e. Presently, the subfamily Acridinae is represen - Barnawapara Wildlife Sanctuary and Udanti ted by 140 genera globally (Eades et al., 2017), of Wildlife Sanctuary (Fig. 1). The Durg district is which 15 genera and 36 species reported by Shisho - situated south-eastern part of the state and lies be- dia et al. (2010) from India. Recently, Kumar & tween latitude 20°54’N to 21°32”N and longitude Usmani (2015) described a new genus Mesoph- 81°10’E to 81°36”E, covering an area of about 8549 laeoba Kumar et Usmani, 2015 with the type spe - sq. kms. Barnawapara Wildlife Sanctuary, Raipur cies M.
    [Show full text]
  • Phlaeoba Infumata Brunner (Acrididae) Under Laborator Y Condition
    Rec. zool. SUTV. India, 91 (1) : 35-48, 1992 ON THE BIOLOGY AND THE NYMPHAL TAXONOMY OF PHLAEOBA INFUMATA BRUNNER (ACRIDIDAE) UNDER LABORATOR Y CONDITION s. K. MandaI, A. K. Hazra and S. K. Tandon Zoological Survey of India Calcutta INTRODUCTION The biology of different orthopteran pests have been studied in India and abroad by workers like Lefroy (1909); Coleman and Kannan (1911); Roonwal (1945., '46, '47 and '76); Albreeht (1955), Jago (1963) ; Gupta and Kushwaha (1965, 68) and Parihar (1974). Kushwaha and Bharadwaj (1977) has recognised Phlaeoba infumata as the pest of crops and vegetables. But so far the biology of this grasshopper species has Dot been attempted.. The aim of the present paper is to give in some detail of its biology and to provide the identifying characters of the nymphs for easy recognistion in the field and laboratory. MATERIALS AND METHODS Gravid females have been collected directly from the fields and kept in wooden cages (25 cm. x 15 em.), two sides of which are fitted with zinc wire net for ventilation, other two sides with glass a nd top with sliding glass for smooth operation. The floor of the wooden cages were provided with some false floor for in­ sertion of glass tubes measuring (8 em. height and 3 cm. in diameter) containing sterilised moist loamy soil (50% saod and 50% clay) for facilating deposition of eggs. For observing the development and duration of hoppers, the nymphs were reared in isolated condition in separate cylindrical zinc wire net cages measuring 14 cm. height and 6 cm.
    [Show full text]
  • The Arrangement of Pages in the Current Pdf Document Is Not Conform with the Original Page Numbers in the Printed Publication
    The arrangement of pages in the current pdf document is not conform with the original page numbers in the printed publication. SPIXIANA | 11 | 3 | 205—242 | München, 30. April 1989 | ISSN 0341—8391 Records, descriptions, and revisionary studies of Acrididae from Thailand and adjacent regions (Orthoptera, Acridoidea) By S. Ingrisch Abstract A report on new and interesting Acrididae recently collected in Thailand is given. In the course of the study, reexamination and revislon of previously described species were necessary. Three genera, eight species, and one subspecies, all from Thailand, are new to science. One genus, two species, and one subspecies previously described from Burma and Yunnan become synonyms. For seven species known from the Indo-Malayan region (Bettotania maculata C. Willemse, Carsula tenera Brunner, Ceracrisfasciata (Brunner), Chlorophlaeoba tonkinensis Ramme, Oxytauchira aurora (Brunner), Paragonista infumata C. Willemse, and Parastenocrobylus borneensis C. Willemse), the phallic complex is described for the first time. Keys to the species of Carsula, Oxytauchira from Burma and Thailand, Bettotania, and Paragonista are included. New faunistic data on some species are added. New descriptions: Bettotania asymmetrica spec. nov., Carsula bicolor spec. nov., Chlorophlaeoba tonkinensis siamensis subspec. nov., Oxycrobylus agilis gen. nov. + spec. nov., Oxytauchira aspinosa spec. nov., Oxytauchira bilobata spec. nov., Paragonista hyalina spec. nov., Squamobibracte doipui gen. nov. + spec. nov., Striatosedulia pluvisilvatica gen. nov. + spec. nov. New synonyms: Rammeacris C. Willemse, 1951 = Ceracris Walker, 1870, Ceracrisgracilis Ramme, 1941 = Ceracrisfasciata (Brunner, 1893), Ceracrisfasciata szemaoensis Cheng, 1977 = Ceracris fasciata (Brunner, 1893), Chlorophlaeoba longusala Zheng, 1982 = Chlorophlaeoba tonkinensis Ramme, 1941. Introduction Numerous species of Acridoidea may damage agricultural crops, namely in tropical and subtropical countries.
    [Show full text]
  • The Potential of Arthropode Diversity for Ecotourism Development in Wonorejo Mangrove Ecosystem, Surabaya
    Proceeding The 1st IBSC: Towards The Extended Use Of Basic Science For Enhancing Health, Environment, Energy And Biotechnology 23 ISBN: 978-602-60569-5-5 The Potential of Arthropode Diversity for Ecotourism Development in Wonorejo Mangrove Ecosystem, Surabaya Nova Maulidina Ashuri1, Abdul Azis1, Noor Nailis Sa’adah1 1 Biology Department, FMIPA, Institut Teknologi Sepuluh Nopember, Surabaya, Indonesia [email protected] Abstract— Mangrove ecosystems all along coastal area has a lot of benefits, such as home for coastal animals (fishes and insects) and acting as coastal line protector. One of the biggest mangrove ecosystem in Surabaya is Wonorejo, which now not only act as mangrove preservation but also becoming one of eco-tourism destination in East Java. Tourists are usually come to take photos, fishing, enjoying the birds chirping and the ambience of mangrove forest. Beside that, Wonorejo also becoming one of research object for mangrove ecosystem in East Java. Several research has been done, such as research to examine mangorve diversity, birds, fishes and crabs. One of the research that hasn’t been done is about Arthropods, especially in the class of Insects and Arachnids. In this paper, the potentiality of Arthropods diversity all along Wonorejo Ecotourism Area will be examined and researched. The results will be used as alternative in order to develop educational function in this area. Tourists will not only be enjoying the ambience and take photos, but also they will have educational experience when visiting Wonorejo. Arthropode samples from several Ordos, such as Diptera, Hymenoptera, Lepidoptera, Odonata, Coleoptera, Hemiptera, Orthoptera and Araneae have taken on June 2016 in Wonorejo Ecotourism Area using sweepnet and hands collecting methods.
    [Show full text]
  • 'The Devil Is in the Detail': Peer-Review of the Wildlife Conservation Plan By
    ‘The devil is in the detail’: Peer-review of the Wildlife Conservation Plan by the Wildlife Institute of India for the Etalin Hydropower Project, Dibang Valley Chintan Sheth1, M. Firoz Ahmed2*, Sayan Banerjee3, Neelesh Dahanukar4, Shashank Dalvi1, Aparajita Datta5, Anirban Datta Roy1, Khyanjeet Gogoi6, Monsoonjyoti Gogoi7, Shantanu Joshi8, Arjun Kamdar8, Jagdish Krishnaswamy9, Manish Kumar10, Rohan K. Menzies5, Sanjay Molur4, Shomita Mukherjee11, Rohit Naniwadekar5, Sahil Nijhawan1, Rajeev Raghavan12, Megha Rao5, Jayanta Kumar Roy2, Narayan Sharma13, Anindya Sinha3, Umesh Srinivasan14, Krishnapriya Tamma15, Chihi Umbrey16, Nandini Velho1, Ashwin Viswanathan5 & Rameshori Yumnam12 1Independent researcher, Ananda Nilaya, 4th Main Road, Kodigehalli, Bengaluru, Karnataka 560097, India Email: [email protected] (corresponding author) 2Herpetofauna Research and Conservation Division, Aaranyak, Guwahati, Assam. 3National Institute of Advanced Studies, Bengaluru, Karnataka. 4Zoo Outreach Organization, Coimbatore, Tamil Nadu. 5Nature Conservation Foundation, Bengaluru, Karnataka. 6TOSEHIM, Regional Orchids Germplasm Conservation and Propagation Centre, Assam Circle, Assam. 7Bombay Natural History Society, Mumbai, Maharashtra. 8National Centre for Biological Sciences, Bengaluru, Karnataka. 9Ashoka Trust for Research in Ecology and the Environment, Bengaluru, Karnataka. 10Centre for Ecology Development and Research, Uttarakhand. 11Sálim Ali Centre for Ornithology and Natural History (SACON), Coimbatore, Tamil Nadu. 12South Asia IUCN Freshwater Fish
    [Show full text]
  • Taxonomic Studies on Acrididae (Orthoptera: Acridoidea)
    Journal of Entomology and Zoology Studies 2014; 2 (3): 131-146 ISSN 2320-7078 Taxonomic studies on Acrididae (Orthoptera: JEZS 2014; 2 (3): 131-146 © 2014 JEZS Acridoidea) from Rajasthan (India) Received: 25-04-2014 Accepted: 07-05-2014 Hirdesh Kumar and Mohd. Kamil Usmani Hirdesh Kumar Section of Entomology, Department of ABSTRACT Zoology, Aligarh Muslim University, Thirty seven species of locusts and grasshoppers representing twenty five genera and eleven subfamilies Aligarh – 202002 belonging to the family Acrididae are reported from different localities of Rajasthan. Localities surveyed and distribution of each species collected from Rajasthan is discussed. Their distinguishing characters and Mohd. Kamil Usmani keys to subfamilies, genera and species wherever necessary are given. A comprehensive report of Acridid Section of Entomology, Department of fauna of this region is given for the first time. Zoology, Aligarh Muslim University, Aligarh – 202002 Keywords: Taxonomy, Acrididae, Acridoidea, Orthoptera, Rajasthan. 1. Introduction Grasshoppers are widely distributed in all ecological systems with significant economic importance due to their destructive role to almost all type of green vegetation. Among insects, the order Orthoptera is one of the largest having over 20,000 species worldwide with about 10% of the total world species (1,750 species) recorded from India [21]. Acridoidea is a superfamily of grasshoppers including locusts in the order Orthoptera. They are commonly known as the short- horned grasshopper and placed in the suborder Caelifera. Species that change colour and behaviour at high population densities are called locusts. Grasshoppers have antennae that are almost always shorter than the body, and short ovipositors. Locusts are several species of short- horned grasshoppers of the family Acrididae that sometimes form very large groups (swarms); these can be highly destructive and migrate in a more or less coordinated way.
    [Show full text]