Orthoptera) ในพืชไร่เศรษฐกิจที่ส าคัญของประเทศไทย Taxonomic Study and Species Richness of Grasshoppers (Orthoptera) on Economically Important Field Crops in Thailand
Total Page:16
File Type:pdf, Size:1020Kb
221 อนุกรมวิธานและการศึกษาชนิดของตั๊กแตน (Orthoptera) ในพืชไร่เศรษฐกิจที่ส าคัญของประเทศไทย Taxonomic Study and Species Richness of Grasshoppers (Orthoptera) on Economically Important Field Crops in Thailand จารุวัตถ์ แต้กุล ยุวรินทร์ บุญทบ สุนัดดา เชาวลิต ชมัยพร บัวมาศ อิทธิพล บรรณาการ เกศสุดา สนศิริ อาทิตย์ รักกสิกร จอมสุรางค์ ดวงธิสาร สิทธิศิโรดม แก้วสวัสดิ์ กลุ่มกีฏและสัตววิทยา ส านักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช รายงานความก้าวหน้า ปัจจุบันตั๊กแตนจัดเป็นแมลงศัตรูพืชที่ก ำลังสร้ำงปัญหำให้กับประเทศ ไม่ว่ำในเรื่องของ ศัตรูพืชต่ำงถิ่น เช่นตั๊กแตนไผ่ และศัตรูพืชที่กลับมำระบำดอีกครั้งซึ่งได้แก่ตั๊กแตนข้ำว อย่ำงไรก็ตำมยัง ไม่มีกำรศึกษำเกี่ยวกับชนิดของตั๊กแตนอย่ำงจริงจังในปัจจุบัน วัตถุประสงค์ของกำรทดลองนี้คือเพื่อ ทรำบชนิด ชื่อวิทยำศำสตร์ ลักษณะควำมแตกต่ำงทำงสัณฐำนวิทยำ และได้แนวทำงกำรวินิจฉัยชนิด ของตั๊กแตนในพืชไร่เศรษฐกิจที่ส ำคัญของประเทศไทย จำกกำรส ำรวจและเก็บตัวอย่ำงตั๊กแตนในพื้นที่ แปลงปลูกอ้อยอุตสำหกรรม แปลงวัชพืชและในเขตป่ำใกล้เคียง ในเขตพื้นที่ภำคกลำงและภำคเหนือ ตอนล่ำง ได้ตัวอย่ำงตั๊กแตนมำเพื่อด ำเนินกำรศึกษำเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 200 ตัวอย่ำง จำกกำรศึกษำ ตัวอย่ำงเดิมในพิพิธภัณฑ์แมลง ในขณะนี้มีชนิดของตั๊กแตนอย่ำงน้อย 10 ชนิดในตัวอย่ำงประมำณ 120 ตัวอย่ำง และจำกตัวอย่ำงที่เก็บได้ จำกกำรศึกษำพบตั๊กแตนทั้งสิ้น 5 สกุลได้แก่ Acrida Hieroglyphus, Patanga Ceracris และ Aiolopus ขณะนี้อยู่ในระหว่ำงกำรวินิจฉัยชนิดและ ด ำเนินกำรเก็บตัวอย่ำงและกำรบันทึกฐำนข้อมูลในพิพิธภัณฑ์แมลง นอกจำกนี้ได้เก็บตัวอย่ำงตั๊กแตน ตัวอ่อนที่มีชีวิตน ำมำเลี้ยงในโรงเรือนเลี้ยงแมลง พิพิธภัณฑ์แมลง เพื่อศึกษำชีววิทยำและเก็บตัวเต็มวัย ขณะนี้ได้ตัวอย่ำงตั๊กแตนเพื่อจัดรูปร่ำงทั้งสิ้น 300 ตัวอย่ำง และมีตัวอย่ำงที่เลี้ยงอยู่ 40 ตัวอย่ำง โดยประมำณ น ำตัวอย่ำงที่จัดรูปร่ำงเข้ำตู้อบเพื่อท ำตัวอย่ำงแห้งโดยใช้ระยะเวลำประมำณ 3 เดือน นอกจำกนี้ด ำเนินกำรน ำตัวอย่ำงแห้งจำกปีที่แล้ว มำศึกษำลักษณะทำงอนุกรมวิธำนและวินิจฉัยระดับ วงศ์และสกุล รหัสกำรทดลอง 03-30-60-01-01-01-14-61 รายงานผลงานวิจัยประจาปี ๒๕๖๑ สานักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร 222 ค าน า ตั๊กแตนจัดอยู่ในอันดับ (Order) Orthoptera แบ่งออกเป็น 2 อันดับย่อย (Suborder) ตั๊กแตนหนวดสั้นและตั๊กแตนแคระจัดอยู่ในอันดับย่อย Caelifera ส่วนตั๊กแตนหนวดยำวอยู่ในอันดับ ย่อย Ensifera ในอันดับย่อยนี้ได้รวมจิ้งหรีด จิ้งโกร่งและแมลงกะชอน เข้ำไว้ด้วย อย่ำงไรก็ตำม ตั๊กแตนในอันดับย่อย Caelifera จัดว่ำเป็นกลุ่มที่มีควำมส ำคัญทำงเศรษฐกิจ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 infraorder ได้แก่ Tridactylidea และ Acrididea ส ำหรับ infraorder Tridactyleidea มีวงศ์ใหญ่ (superfamily) เพียงวงศ์ใหญ่เดียวได้แก่ Tridactyloidea ซึ่งประกอบด้วย 3 วงศ์ได้แก่ Cylindrachetidae, Ripipterygidae และ Tridactylidae ใน infraorder Acrididea ประกอบด้วย 7 วงศ์ใหญ่ได้แก่ Acridoidea, Eumastacoidea, Pneumoroidea, Pyrgomirphoidea, Tanaoceroidea, Trigonopterygoidea และ Tetrigoidea ตั๊กแตนใน 6 วงศ์ใหญ่แรกจัดว่ำมีควำมส ำคัญทำงเศรษฐกิจ เป็นตั๊กแตนหนวดสั้นที่พบเห็นโดยทั่วไป และมีควำมส ำพันธ์ในระบบอนุกรมวิธำนเป็นแบบ monophyletic group คือวิวัฒนำกำรมำจำกบรรพบุรุษเดียวกัน ได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มวงศ์ใหญ่ Acridomorpha ส่วนวงศ์ใหญ่ Tetrigoidea มีเพียงวงศ์เดียวได้แก่ Tetrigidae หรือตั๊กแตนแคระ วงศ์ ใหญ่ที่มีควำมส ำคัญและมีควำมหลำกชนิดสูงที่สุดในอันดับ Orthoptera ได้แก่ Acridoidea ซึ่ง ประกอบด้วย 11 วงศ์ 7,680 ชนิด (Song, 2010) ซึ่งตั๊กแตนวงศ์ที่มีควำมส ำคัญและระบำดเป็น ศัตรูพืช ท ำให้เกิดปัญหำทำงเศรษฐกิจในปัจจุบันได้แก่วงศ์ Acrididae ได้มีรำยงำนกำรระบำดของตั๊กแตนไผ่ (Yellow-spined bamboo locust): Ceracris kiangsu Tsai ในสำธำรณรัฐประชำธิปไตยประชำชนลำว ซึ่งทำง สปป.ลำว ได้รำยงำนในที่ประชุมคณะกรรมำธิกำร อำรักขำพืชระหว่ำงประเทศแห่งภูมิภำคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 29 เมื่อปี 2558 (The Asia and Pacific Plant Protection Commission: APPPC) ว่ำเกิดกำรระบำดอย่ำงรุนแรงของตั๊กแตนไผ่ ท ำลำยพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้ำวไร่ ข้ำวโพด และลูกเดือย กำรระบำดเกิดขึ้นในพื้นที่แขวงหัวพัน ซึ่งเป็น เขตติดต่อกับประเทศสำธำรณรัฐสังคมนิยมเวียดนำม มีรำยงำนพบตั๊กแตนชนิดนี้ครั้งแรกในปี 2472 ที่ สำธำรณรัฐประชำธิปไตยประชำชนจีน ในพื้นที่มณฑล เสฉวน หูเป่ย เกียงสู หูหนำน เกียงสี ฝูเจียน และกวำงตุ้ง ซึ่งสร้ำงควำมเสียหำยอย่ำงรุนแรงหลำยครั้ง ในช่วงปี 2478 – 2489 โดยพบท ำควำม เสียหำยอย่ำงรุนแรงในพืชไผ่ ข้ำวโพด และข้ำว (Centre for overseas pest research, 1982) อย่ำงไรก็ตำม ไม่มีรำยงำนกำรระบำดของตั๊กแตนชนิดนี้ในประเทศไทย แต่มีรำยงำนว่ำเคยพบที่ จังหวัดเชียงใหม่และสุพรรณบุรี (Roffey, 1979) รวมทั้งมีตัวอย่ำงอ้ำงอิงในพิพิธภัณฑ์แมลงของกรม วิชำกำรเกษตร ซึ่งเก็บได้จำกไผ่และธัญพืช ที่จังหวัดสุพรรณบุรี (ปี 2506) เชียงใหม่ (ปี 2518) และ สุรินทร์ (ปี 2518) ทั้งนี้อำจเนื่องมำจำกลักษณะอำกำศที่ร้อนของประเทศไทยไม่เหมำะสมกับแมลง ชนิดนี้ ในปี 2558 มีรำยงำนกำรระบำดของตั๊กแตนไผ่เพิ่มในแขวงพงสำลีซึ่งเป็นเขตติดต่อกับ สำธำรณรัฐประชำชนจีนและปัจจุบันพบกำรระบำดในแขวงหลวงพระบำงซึ่งอยู่ห่ำงจำกประเทศไทย เพียง 114 กิโลเมตร กำรระบำดมีควำมรุนแรงจนไม่สำมำรถควบคุมกำรระบำดได้ ดังนั้นสปป.ลำว จึง ได้ขอควำมช่วยเหลือไปยังองค์กำรอำหำรและเกษตรแห่งสหประชำชำติ (FAO) ให้เข้ำมำช่วยควบคุม กำรระบำดของตั๊กแตนไผ่ปัจจุบันยังไม่สำมำรถควบคุมได้เนื่องจำกพื้นที่ที่มีกำรระบำดของตั๊กแตนไผ่มี สภำพภูมิประเทศเป็นป่ำและภูเขำสูงชัน ท ำให้ไม่สำมำรถด ำเนินกำรป้องกันก ำจัดได้อย่ำงมี ประสิทธิภำพ รายงานผลงานวิจัยประจาปี ๒๕๖๑ สานักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร 223 ตั๊กแตนชนิดนี้ พบแพร่กระจำยอย่ำงกว้ำงขวำงบริเวณพื้นที่ป่ำไผ่ ทำงตอนใต้ของประเทศจีน ด้ำนตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลแจงสี บริเวณทำงลำดเชิงเขำ มีควำมสูงจำกระดับน้ ำทะเล 300 – 400 เมตร บำงครั้งพบในพื้นที่มีควำมสูงกว่ำระดับน้ ำทะเลถึง 780 เมตร มีรำยงำนว่ำพบแมลงชนิดนี้วำงไข่ จ ำนวนมำกใต้ผิวดินไข่ของตั๊กแตนชนิดนี้จะฟักในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึง โดยมีอุณหภูมิสูงกว่ำ 32 องศำเซลเซียส อย่ำงไรก็ตำมตัวเต็มวัยชอบอำศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอำกำศค่อนข้ำงเย็น ทั้งตัวอ่อนและ ตัวเต็มวัยมีกำรแพร่กระจำยเป็นกลุ่ม ตัวอ่อนในระยะสุดท้ำยเริ่มมีกำรอพยพเคลื่อนย้ำยเป็นกลุ่มใหญ่ ซึ่งเป็นระยะที่เริ่มสร้ำงควำมเสียหำยให้กับพืชได้ ระยะตัวเต็มวัยจะสร้ำงควำมเสียหำยได้กว้ำงขวำง และรุนแรงที่สุดนอกจำกพืชกลุ่มไผ่แล้วแมลงชนิดนี้ยังเป็นศัตรูพืชที่ส ำคัญของพืชในตระกูลหญ้ำ (graminivorous) และยังพบว่ำสำมำรถเข้ำท ำลำยพืชตระกูลปำล์มและพืชล้มลุกบำงชนิด ถึงแม้ ขณะนี้ยังไม่มีรำยงำนกำรระบำดสร้ำงควำมเสียหำยภำยในประเทศไทย แต่อย่ำงไรก็ตำมตั๊กแตนชนิดนี้ อำจจะมีโอกำสเข้ำมำแพร่ระบำดสร้ำงควำมเสียหำยในประเทศไทยได้ ตั๊กแตนไฮโดรไกลฟัสหรือตั๊กแตนข้ำว เป็นศัตรูส ำคัญอันดับสองรองมำจำกตั๊กแตนปำทังกำ มี พื้นที่กำรระบำดน้อยกว่ำตั๊กแตนปำทังกำ ในประเทศไทยพบตั๊กแตนสกุล Hieroglyphus 4 ชนิด ได้แก่ H. banian Fabricius, H. annmulicornis Shiraki, H. concolor Walker และ H. tonknensis Boliver ตั๊กแตนชนิดนี้เป็นศัตรูที่ส ำคัญของข้ำว เคยระบำดอย่ำงรุนแรงที่ประเทศอินเดีย ในอดีตจำกกำร ส ำรวจในประเทศไทย พบกำรระบำดในป่ำหญ้ำคำ แฝก ต่อมำเมื่อมีกำรปลูกอ้อยและข้ำวโพดในพื้นที่ ดังกล่ำว ตั๊กแตนก็ระบำดในพื้นที่ที่ปลูกพืชนั้น และมีกำรระบำดเรื้อรังเรื่อยมำ ตั๊กแตนไม่วำงไข่และ ฟักเป็นตัวอ่อนในแปลงปลูกพืช แต่จะวำงไข่และฟักเป็นตัวอ่อนที่หัวไร่หรือปลำยนำแล้วเข้ำมำระบำด ในแปลงปลูกพืช โดยทั่วไปแล้วลักษณะกำรระบำดของตั๊กแตนข้ำวจะคล้ำยกับตั๊กแตนปำทังกำ คือจะ กัดกินเนื้อใบอ้อยเหลือทิ้งไว้แค่ก้ำนใบอ้อย ไร่อ้อยที่ถูกท ำลำยอย่ำงหนักจะเห็นแต่ก้ำนใบทั้งแปลง ปัจจุบันมีรำยงำนกำรระบำดอย่ำงเร่งด่วนของตั๊กแตนข้ำว Hieroglyphus banian Fabricius เข้ำ ท ำลำยอ้อยในแปลงเกษตรกร อ ำเภอโพธำรำม และอ ำเภอบ้ำนบึง จังหวัดรำชบุรี มีเนื้อที่ประมำณ 500 ไร่ ตั๊กแตนชนิดนี้เคยมีรำยงำนพบกำรระบำดในประเทศไทย โดยพบกำรระบำดในข้ำวที่จังหวัด กำฬสินธุ์ (ปี 2492) สกลนคร (ปี 2499) และมีกำรระบำดในอ้อย ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ (ปี 2504) และมี รำยงำนกำรระบำดเรื่อยมำในพื้นที่เขตภำคกลำงตอนบน ภำคเหนือและภำคตะวันออกเฉียงเหนือ โดย ระบำดร่วมกับตั๊กแตนปำทังกำจนถึงปี 2522 และหลังจำกนั้นไม่มีรำยงำนกำรระบำดที่รุนแรง (ณัฐกฤติ, 2547) จำกสถำนกำรณ์ดังกล่ำว เห็นได้ว่ำตั๊กแตนศัตรูพืชมีแนวโน้มที่จะกลับมำระบำดอีก ครั้ง วัตถุประสงค์ของกำรทดลองนี้คือเพื่อทรำบชนิด ชื่อวิทยำศำสตร์ ลักษณะควำมแตกต่ำงทำง สัณฐำนวิทยำ และได้แนวทำงกำรวินิจฉัยชนิดของตั๊กแตนในพืชไร่เศรษฐกิจที่ส ำคัญของประเทศไทย วิธีด าเนินการ อุปกรณ์ 1. กับดักแมลงประกอบไปด้วย กับดักแสงไฟ (Light trap) กับดักถ้วยสีเหลือง (Yellow pan trap) กับดักมุ้ง (Malaise trap และ Slam trap) รวมทั้งสวิงจับแมลง 2. ขวดฆ่ำแมลง (killing jar) ซึ่งบรรจุน้ ำยำเอททิล อะซิเตด (ethyl acetate) 3. อุปกรณ์ส ำหรับจัดรูปร่ำงแมลงเช่น เข็มสแตนเลส กระดำษลอกลำย setting board 4. ethanol ควำมเข้มข้น 95% เพื่อใช้ในกำรจัดเก็บตัวอย่ำงสดของแมลง 5. กระดำษคุณภำพสูง (acid free paper) เพื่อกำรเก็บรักษำตัวอย่ำงแห้งในระยะยำว รายงานผลงานวิจัยประจาปี ๒๕๖๑ สานักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร 224 6. อุปกรณ์บันทึกเขตกำรแพร่กระจำยในระดับละเอียด (GPS) 7. Forceps ขนำดเล็ก 8. ขวดแก้วขนำดเล็กส ำหรับตัวอย่ำงสด 9. กล้องจุลทรรศน์สเตริโอก ำลังขยำยมำกกว่ำ 50 เท่ำขึ้นไป 10. สำรเคมีในกำรท ำแห้งตัวอย่ำงแมลง 11. โรงเรือนทดลองกรณีจ ำเป็นต้องเลี้ยงตั๊กแตน 12. กล้องจุลทรรศน์สเตริโอแบบก ำลังขยำยสูงส ำหรับงำนทำงอนุกรมวิธำนแมลง Leica M205 C พร้อม เลนซ์ Planapo Objective 1.0x ส ำหรับกำรถ่ำยภำพเพื่อตีพิมพ์ใน เอกสำรวิชำกำร วิธีการ กำรเก็บและรักษำตัวอย่ำงตั๊กแตน (Acquisition of research material) ด ำเนินกำรเก็บตัวอย่ำงตั๊กแตนในพื้นที่ปลูกพืชของเกษตรกร ทั้งในฤดูและนอกฤดู เกษตรกรรม รวมทั้งพื้นที่ป่ำหรือสภำพแวดล้อมธรรมชำติ ในปี 2561 ด ำเนินกำรเก็บตัวอย่ำง พื้นที่ ภำคกลำงและภำคเหนือ ได้แก่ จังหวัด กรุงเทพมหำนคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธำนี สมุทรสำคร สมุทรสงครำม ชัยนำท สิงห์บุรี อยุธยำ อ่ำงทอง นครสวรรค์ อุตรดิตถ์ แพร่ น่ำน เชียงใหม่ เชียงรำย และแม่ฮ่องสอน เป็นต้น ด ำเนินกำรเก็บตัวอย่ำงตั๊กแตนด้วยวิธีกำรหลัก 2 วิธี ได้แก่ กำรเดินส ำรวจใช้ สวิงจับแมลงและใช้มือเก็บตัวอย่ำง และ กำรวำงกับดักแมลง โดยกับดักที่ใช้ได้แก่ กับดักแสงไฟ (Light trap) กับดักถ้วยสีเหลือง (Yellow pan trap) กับดักมุ้ง (Malaise trap และ Slam trap) หลังจำกได้ ตัวอย่ำงตั๊กแตนแล้ว ด ำเนินกำรฆ่ำโดยใช้ขวดฆ่ำ (killing jar) ซึ่งบรรจุน้ ำยำเอททิล อะซิเตด (ethyl acetate) หลังจำกนั้นห่อตัวอย่ำงตั๊กแตนที่ตำยแล้วด้วยกระดำษลอกลำย บิดหัวท้ำยลักษณะ คล้ำยท็อฟฟี่ เก็บตัวอย่ำงลงกล่องพลำสติกใส่แมลง น ำกล่องใส่ตัวอย่ำงใส่ไว้ในกล่องรักษำควำมเย็นอีก ชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวอย่ำงเน่ำเสียหำย หลังจำกนั้นเก็บรักษำตัวอย่ำงในตู้เย็นที่อุณหภูมิ -20 องศำเซลเซียส รอเพื่อจัดรูปร่ำงและท ำตัวอย่ำงแห้งต่อไป