DIPTEROCARPACEAE FABACEAE RUBIACEAE ANACARDIACEAE COMBRETACEAE DIP FABACEAE PHYLLANTHACEAE ARECACEAE HYPERICACEAE IRVINGIACEAE MALVACE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE FABACEAE LECYTHIDACEAE HYPERICACEAE FABACE IRVINGIACEAE MALVACEAE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE FABACEAE OPILIACEAE HYPERICACEAE IRVINGIACEAE MALVACEAE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE FABACE ELAEOCARPACEAE LAMIACEAE LYTHRACEAE ORCHIDACEAE SALICACEAE FABACEA HYPERICACEAE IRVINGIACEAE MALVACEAE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE FABACE DIPTEROCARPACEAE FABACEAE RUBIACEAE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE AQUIF ANACARDIACEAE COMBRETACEAE PHYLLANTHACEAE ARECACEAE LECYTHIDACEAE OPILIACEAE FABACEAE ARECACEAE HYPERICACEAE IRVINGIACEAE MALVACEAE HY AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE FABACEAE ELAEOCARPACEAE LAMIACEAE OPILIAC LYTHRACEAE ORCHIDACEAE SALICACEAE ELAEOCARPACEAE DIPTEROCARPACEAE FABACEAE RUBIACEAE ANACARDIACEAE COMBRETACEAE FABACEAE RUBIACEAE H PHYLLANTHACEAE ARECACEAE LECYTHIDACEAE OPILIACEAE HYPERICACEAE LAM IRVINGIACEAE MALVACEAE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE ELAEOCARPACEAE ANA LAMIACEAE LYTHRACEAE ORCHIDACEAE SALICACEAE DIPTEROCARPACEAE FABACE DIPTEROCARPACEAE FABACEAE RUBIACEAE ANACARDIACEAE COMBRETACEAE DIP FABACEAE PHYLLANTHACEAE ARECACEAE HYPERICACEAE IRVINGIACEAE MALVACE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE FABACEAE LECYTHIDACEAE HYPERICACEAE FABACE IRVINGIACEAE MALVACEAE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE FABACEAE OPILIACEAE HYPERICACEAE IRVINGIACEAE MALVACEAE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE FABACE ELAEOCARPACEAE LAMIACEAE LYTHRACEAE ORCHIDACEAE SALICACEAE FABACEA HYPERICACEAE IRVINGIACEAE MALVACEAE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE FABACE DIPTEROCARPACEAE FABACEAE RUBIACEAE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE AQUIF ANACARDIACEAE COMBRETACEAE PHYLLANTHACEAE ARECACEAE LECYTHIDACEAE OPILIACEAE FABACEAE ARECACEAE HYPERICACEAE IRVINGIACEAE MALVACEAE HY AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE FABACEAE ELAEOCARPACEAE LAMIACEAE OPILIAC LYTHRACEAE ORCHIDACEAE SALICACEAE ELAEOCARPACEAE DIPTEROCARPACEAE FABACEAE RUBIACEAE ANACARDIACEAE COMBRETACEAE FABACEAE RUBIACEAE H PHYLLANTHACEAE ARECACEAE LECYTHIDACEAE OPILIACEAE HYPERICACEAE LAM IRVINGIACEAE MALVACEAE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE ELAEOCARPACEAE ANA LAMIACEAE LYTHRACEAE ORCHIDACEAE SALICACEAE DIPTEROCARPACEAE FABACE DIPTEROCARPACEAE FABACEAE RUBIACEAE ANACARDIACEAE COMBRETACEAE DIP FABACEAE PHYLLANTHACEAE ARECACEAE HYPERICACEAE IRVINGIACEAE MALVACE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE FABACEAE LECYTHIDACEAE HYPERICACEAE FABACE IRVINGIACEAE MALVACEAE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE FABACEAE OPILIACEAE HYPERICACEAE IRVINGIACEAE MALVACEAE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE FABACE ELAEOCARPACEAE LAMIACEAE LYTHRACEAE ORCHIDACEAE SALICACEAE FABACEA HYPERICACEAE IRVINGIACEAE MALVACEAE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE FABACE DIPTEROCARPACEAE FABACEAE RUBIACEAE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE AQUIF ANACARDIACEAE COMBRETACEAE PHYLLANTHACEAE ARECACEAE LECYTHIDACEAE OPILIACEAE FABACEAE ARECACEAE HYPERICACEAE IRVINGIACEAE MALVACEAE HY AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE FABACEAE ELAEOCARPACEAE LAMIACEAE OPILIAC LYTHRACEAE ORCHIDACEAE SALICACEAE ELAEOCARPACEAE DIPTEROCARPACEAE FABACEAE RUBIACEAE ANACARDIACEAE COMBRETACEAE FABACEAE RUBIACEAE H PHYLLANTHACEAE ARECACEAE LECYTHIDACEAE OPILIACEAE HYPERICACEAE LAM IRVINGIACEAE MALVACEAE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE ELAEOCARPACEAE ANA LAMIACEAE LYTHRACEAE ORCHIDACEAE SALICACEAE DIPTEROCARPACEAE FABACE DIPTEROCARPACEAE FABACEAE RUBIACEAE ANACARDIACEAE COMBRETACEAE DIP FABACEAE PHYLLANTHACEAE ARECACEAE HYPERICACEAE IRVINGIACEAE MALVACE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE FABACEAE LECYTHIDACEAE HYPERICACEAE FABACE IRVINGIACEAE MALVACEAE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE FABACEAE OPILIACEAE HYPERICACEAE IRVINGIACEAE MALVACEAE AQUIFOLIACEAE BURSERACEAE FABACE ก คํานํา
กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ไดมอบหมายใหสํานักวิจัยการอนุรักษปาไมและพันธุพืช ดําเนินการจัดทําโครงการสํารวจความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ปาอนุรักษ ภายใตกิจกรรมบริหารจัดการ ความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อสํารวจและรวบรวมขอมูลที่เกี่ยวของกับสถานภาพ ที่ตั้ง และการใชประโยชน ของพืช แมลง และเห็ด ในพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปาทั่วประเทศ โดยขอมูลที่ไดรับจะนําไปจัดทําเปนฐานขอมูล ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ปาอนุรักษ เพื่อใชเปนประโยชนดานการบริหารจัดการความหลากหลาย ทางชีวภาพในภาพรวมของกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษที่ 13 (แพร) ไดรับแผนปฏิบัติงานและแผนการใชจายเงินประจําป งบประมาณ พ.ศ. 2559 เพื่อดําเนินการสํารวจความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ปาอนุรักษ และเผยแพร สรางจิตสํานึก และการมีสวนรวมในการอนุรักษความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งโครงการสํารวจความหลากหลาย ทางชีวภาพในพื้นที่ปาอนุรักษ ดําเนินการสํารวจในพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปาลําน้ํานานฝงขวา จังหวัดแพรและ จังหวัดอุตรดิตถ โดยปฏิบัติงานตรวจสอบเอกสาร รวบรวม และสํารวจขอมูลเกี่ยวกับชนิดพรรณพืช แมลง และ เห็ด ที่พบในพื้นที่ ปาเต็งรัง เขตรักษาพันธุสัตวปา ลําน้ํานานฝงขวา จังหวัดแพร และจังหวัดอุตรดิตถ ในชวง ระหวางเดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 ถึง เดือนกันยายน พ.ศ. 2559 เพื่อจัดทําบัญชีรายชื่อพรรณพืช แมลง และเห็ด พรอมทั้งรวบรวมขอมูล จําแนกประเภทและจัดทําเปนรายงานฐานขอมูลความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่ สํารวจ รายงานการสํารวจความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ปาอนุรักษฉบับนี้ ประกอบดวยขอมูล ทั่วไปของพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปา ลําน้ํานานฝงขวา จังหวัดแพร และจังหวัดอุตรดิตถ ระยะเวลาในการ ดําเนินการสํารวจ วิธีดําเนินการสํารวจในแตละชนิดของทรัพยากรโดยละเอียด จําแนกเปน พรรณไม แมลงและ เห็ด ผลการสํารวจความหลากหลายของแตละชนิดของทรัพยากร โดยอธิบายถึงผลการสํารวจในภาพรวม แสดง รูปตัวอยางของแตละชนิดทรัพยากรและแสดงบัญชีรายชื่อทรัพยากรที่สํารวจพบ สรุปผลการสํารวจและ นําเสนอปญหา อุปสรรค พรอมทั้งขอเสนอแนะในการดําเนินการสํารวจ ซึ่งสามารถนําเปนฐานขอมูลเกี่ยวกับ ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปา ลําน้ํานานฝงขวา จังหวัดแพรและจังหวัดอุตรดิตถ และสามารถใชในการเผยแพรและอางอิงตอไป
สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษที่ 13 (แพร) กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช กันยายน 2558 ข
ค สารบัญ
คํานํา ก สารบัญ ข สารบัญภาพ ค สารบัญตาราง ง บทที่ 1 ขอมูลทั่วไปของพื้นที่ดําเนินการ 1 บทที่ 2 อุปกรณและวิธีการสํารวจ 7 2.1 วิธีการสํารวจดานพืช 7 2.2 วิธีการสํารวจดานแมลง ผีเสื้องกลางวัน 11 2.3 วิธีการสํารวจดานแมลง ผีเสื้อกลางคืนและดวงขนาดใหญ 14 2.4 วิธีการสํารวจดานเห็ด 16 ระยะเวลาดําเนินการ 20 บทที่ 3 ผลการสํารวจ 21 3.1 ผลการสํารวจดานพืช 21 3.2 ผลการสํารวจดานแมลง ผีเสื้อกลางวัน 31 3.3 ผลการสํารวจดานแมลง ผีเสื้อกลางคืนและดวงขนาดใหญ 36 3.4 ผลการสํารวจดานเห็ด 41 บทที่ 4 สรุปและวิจารณผลการสํารวจ 47 บทที่ 5 ปญหา อุปสรรค และขอเสนอแนะ 49 เอกสารอางอิง 50 คณะผูดําเนินการ 51
ง
สารบัญภาพ
ภาพที่ 1 แผนที่แสดงพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปารักษาพันธุสัตวปาลําน้ํานานฝงขวา
จังหวัดแพรและจังหวัดอุตรดิตถ 6 ภาพที่ 2 รูปแบบการวางแปลงตัวอยาง และแปลงยอยการสํารวจดานพืช 8 ภาพที่ 3 รูปแบบการวางแปลงสํารวจความชนิดของแมลง (ผีเสื้อกลางวัน) 11 ภาพที่ 4 รูปแบบกับดักแสงไฟ โดยใชจอผา 14 ภาพที่ 5 แผนที่แสดงคาพิกัดจุดวางแปลงสํารวจ 19 ภาพที่ 6 คาดัชนีความหลากชนิดของพืชพันธุ (index of species diversity)และ คาความสม่ําเสมอ(Shannon Evenness) 23 ภาพที่ 7 Profile Digram ของแปลงสํารวจพรรณไม 30 ภาพที่ 8 คาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพ(H'))และคาความสม่ําเสมอ (J') ดานแมลง ผีเสื้อกลางวัน 31 ภาพที่ 9 คาดัชนีความคลายคลึง (Iss)ดานแมลง ผีเสื้อกลางวัน 32 ภาพที่ 10 คาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพ(H'))และคาความสม่ําเสมอ (J') ดานแมลง ผีเสื้อกลางคืน 36 ภาพที่ 11 คาดัชนีความลายคลึง (Iss) ดานแมลง ผีเสื้อกลางคืน 37
ภาพที่ 12 คาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพ(H'))และคาความสม่ําเสมอ (J')ดานเห็ด 41 ภาพที่ 13 คาดัชนีความลายคลึง (Iss) ดานเห็ด 42
ภาพชุดที่ 1 ตัวอยางพรรณไมที่สํารวจพบในเขตรักษาพันธุสัตวปาลําน้ํานานฝงขวา จังหวัดแพรและจังหวัดอุตรดิตถ 29 ภาพชุดที่ 2 ตัวอยางผีเสื้อกลางวันที่สํารวจพบในเขตรักษาพันธุสัตวปาลําน้ํานานฝง ขวาจังหวัดแพรและจังหวัดอุตรดิตถ 35 ภาพชุดที่ 3 ตัวอยางผีเสื้อกลางคืนและดวงขนาดใหญที่สํารวจพบในเขตรักษาพันธุ สัตวปาลําน้ํานานฝงขวาจังหวัดแพรและจังหวัดอุตรดิตถ 40 ภาพชุดที่ 4 ตัวอยางเห็ดที่สํารวจพบในเขตรักษาพันธุสัตวปาลําน้ํานานฝงขวาจังหวัด แพรและจังหวัดอุตรดิตถ 46
จ
ฉ
สารบัญตาราง
ตารางที่ 1 รูปแบบตารางบันทึกขอมูลการสํารวจความหลากชนิดของพรรณไม 10 ตารางที่ 2 รูปแบบตารางบันทึกขอมูลการสํารวจความหลากชนิดของแมลง (ผีเสื้อกลางวัน) 13 ตารางที่ 3 รูปแบบตารางบันทึกขอมูลการสํารวจความหลากชนิดของแมลง (ผีเสื้อกลางคืน) 15 ตารางที่ 4 รูปแบบตารางบันทึกขอมูลการสํารวจความหลากชนิดของเห็ด 18 ตารางที่ 5 ขอมูลความหลากชนิดของพรรณไมที่สํารวจพบ 24 ตารางที่ 6 ขอมูลสรุปคา IVI ของพรรณไมที่สํารวจพบทั้งหมด 26 ตารางที่ 7 บัญชีรายชื่อผีเสื้อกลางวันที่สํารวจพบ 33 ตารางที่ 8 บัญชีรายชื่อแมลงที่สํารวจพบ 38 ตารางที่ 9 บัญชีรายชื่อเห็ดที่สํารวจพบ 43
1 บทที่ 1 ขอมูลทั่วไปของพื้นที่ดําเนินการ
สัตวปาเปนทรัพยากรที่อํานวยประโยชนแกมวลมนุษยชาติอยางตอเนื่องและยาวนาน อีกทั้งเปน แหลงศึกษาหาความรู เสริมสรางประสบการณดานการอนุรักษ เนื่องจากการติดตอสื่อสารและเทคโนโลยี ดานตางๆ มีความทันสมัยขึ้น สงผลใหมีการใชประโยชนจากทรัพยากรสัตวปามากขึ้น การอนุรักษสัตวปา ในประเทศไทย เริ่มดําเนินการอยางเปนรูปธรรม ภายหลังจากที่มีการประกาศใชพระราชบัญญัติสงวน และคุมครองสัตวปา พ.ศ. 2503 โดยมีการกันพื้นที่ไวเพื่อเปนที่อยูอาศัยของสัตวปา ทั้งในรูปแบบของเขต รักษาพันธุสัตวปาและเขตหามลาสัตวปา นอกจากนี้ไดมีการกําหนดพื้นที่เพื่อการอนุรักษในรูปแบบอุทยาน แหงชาติ ตามพระราชบัญญัติอุทยานแหงชาติ พ.ศ. 2504 เพื่อเปนการชวยสงเสริมการอนุรักษสัตวปาและที่อยู อาศัยของสัตวปาอีกทางหนึ่ง
1.1 เขตรักษาพันธุสัตวปาลําน้ํานานฝงขวา จังหวัดแพรและจังหวัดอุตรดิตถ เขตรักษาพันธุสัตวปาลําน้ํานานฝงขวา จังหวัดแพรและจังหวัดอุตรดิตถ ไดรับการประกาศเปน เขตรักษาพันธุสัตวปา ในพระราชกิจจานุเบกษา เลมที่ 117 ตอนที่ 92 ก เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2543 มีขนาดพื้นที่ 146,875 ไร หรือ 235 ตารางกิโลเมตร
1.2 ประวัติการจัดตั้งพื้นที่ กรมปาไมไดมีคําสั่ง เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 25 38 ใหคณะเจาหนาที่ปาไม ประกอบดวย นายวสันต กลอมจินดา เจาพนักงานปาไม 5 นายสัมฤทธิ์ จันทวาล พนักงานพิทักษปา และนายทองขันธ เฮากอก พนักงานพิทักษปา ออกไปปฏิบัติงานสํารวจพื้นที่ปาสงวนแหงชาติ เพื่อกําหนดใหเปนเขตรักษาพันธุ สัตวปา ซึ่งไดกําหนดใหสํารวจในทองที่จังหวัดแพร คือ ปาสงวนแหงชาติปาแมพวก ปาสงวนแหงชาติปาแมจั๊วะ ฝงซาย ปาสงวนแหงชาติปาแมจั๊วะ และปาแมมาน ปาสงวนแหงชาติปาแมเข็ก สวนในทองที่จังหวัดอุตรดิตถ คือ ปาสงวนแหงชาติปาหวยเกียงพา และปาน้ําไคร กับปาสงวนแหงชาติปาลําน้ํานานฝงขวา ซึ่งเปน ปาผืนเดียวกันเปนรอยตอของสองจังหวัดนี้ จังหวัดอุตรดิตถไดมีหนังสือดวน เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2537 เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการแกไข ปญหาการลักลอบตัดไมทําลายปา บริเวณพื้นที่รอยตอระหวางจังหวัดอุตรดิตถ จังหวัดแพร จึงทําการแจง กรมปาไมใหกําหนดพื้นที่ปาในจังหวัดอุตรดิตถซึ่งมีแนวเขตติดตอกับจังหวัดแพรใหเปนเขตรักษาพันธุสัตวปา 2 หรืออุทยานแหงชาติแลวแตกรณี โดยกําหนดเนื้อที่เบื้องตนพรอมกับกําหนดขอบเขตเบื้องตนในแผนที่ 1 : 50,000 มีเนื้อที่ประมาณ 110,000 ไร หรือประมาณ 176 ตารางกิโลเมตร
ผลการสํารวจพื้นที่ดังกลาวพบวา พบวาเปนปาธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณมาก มีพรรณไม นานาชนิดขึ้นอยูปะปนกัน มีความหลากหลายทางชีววิทยาทั้งพืชและสัตว เปนแหลงอาหารและแหลงหลบภัย ของสัตวปาไดอยางเหมาะสม เปนแหลงตนน้ํา ลําธารที่สําคัญหลายสาย เหมาะสมที่จะรักษาไวเปนปาไมถาวร ของชาติ และไมมีปญหากับราษฎรในพื้นที่ จึงไดมีพระราชกฤษฎีกาประกาศเปนเขตรักษาพันธุสัตวปา ลําน้ํานานฝงขวา ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดแพร ทองที่ตําบลชอแฮ อําเภอเมือง ตําบลบานกวาง ตําบลบานเหลา ตําบลหัวฝาย อําเภอสูงเมน ตําบลแมจั๊วะ ตําบลหวยไร อําเภอเดนชัย และพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ ทองที่ตําบล น้ําหมัน อําเภอทาปลา ตําบลบานดานนาขาม อําเภอเมือง
1.3 ความมุงหวังของเขตรักษาพันธุสัตวปาลําน้ํานานฝงขวา วิสัยทัศน : มุงมั่นบริหาร การอนุรักษทรัพยากรปาไม สัตวปาและพันธุพืชโดยการมีสวนรวมทุก ภาคสวนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เปาประสงคหลัก 1. เตรียมความพรอมความรวมมือการจัดการทรัพยากรธรรมชาติเขาสูประชาคมอาเซียน 2. อนุรักษ คุมครอง และฟนฟูทรัพยากรปาไมและสัตวปาอยางยั่งยืนโดยการมีสวนรวม 3. พัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพแหลงทองเที่ยวใหมีศักยภาพเพื่อรองรับนักทองเที่ยวอยาง เหมาะสม 4. เตรียมพรอมรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ปาอนุรักษ 5. ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยจากปาอนุรักษไดรับการแจงเตือน 6. พัฒนาองคความรูในการบริหารจัดการทรัพยากรปาไมและสัตวปา
1.4 ที่ตั้ง เขตรักษาพันธุสัตวปาลําน้ํานานฝงขวาฯ ตั้งอยูในบริเวณที่ดิน ปาแมกอน-ปาแมสาย ,ปาแมเข็ก ในทองที่ตําบลชอแฮ อําเภอเมือง จังหวัดแพร ตําบลบานกวาง ตําบลบานเหลา ปาแมจั๊วะและปาแมมาน , ปาแมจั๊วะฝงซาย , ปาแมพวก ในทองที่ตําบลหัวฝาย อําเภอสูงเมน ตําบลแมจั๊วะ ตําบลหวยไร อําเภอเดนชัย จังหวัดแพร และพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ บริเวณที่ดิน ปาลําน้ํานานฝงขวา , ปาหวยเกียงพาและปาน้ําไคร ในทองที่ตําบลน้ําหมัน อําเภอทาปลา ตําบลบานดานนาขาม อําเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ 3 สํานักงานเขตรักษาพันธุสัตวปาลําน้ํานานฝงขวา ตั้งอยูบริเวณปาแมเข็กทางทิศตะวันตกเฉียง เหนือของเขาพญาพอ ริมอางเก็บน้ําแมมาน เลขที่ 133 หมูที่ 4 ตําบลหัวฝาย อําเภอสูงเมน จังหวัดแพร พิกัด 47Q 06-25-926 E 19-97-588 N หนวยพิทักษปาบานน้ําพุ ตั้งอยูบริเวณปาบานน้ําพุ ตําบลบานกวาง อําเภอสูงเมน จังหวัดแพร พิกัด 47Q 06-25-926 E 19-97-588 N หนวยพิทักษปานางพญา จุดที่ตั้งบริเวณปาหวยน้ําลี ตําบลน้ําหมัน อําเภอทาปลา จังหวัด อุตรดิตถ พิกัด 47Q 06-35-069 E 19-79-506 N จุดสกัดหวยลากปน จุดที่ตั้งบริเวณปาแมพวก ตําบลหวยไร อําเภอเดนชัย จังหวัดแพร พิกัด 47 Q 06-16-418 E 19-75-657 N 1.5 อาณาเขตติดตอ ทิศเหนือ จรดพระธาตุดอยเล็ง ตําบลชอแฮ อําเภอเมือง จังหวัดแพร ทิศตะวันออก จรดอุทยานแหงชาติลําน้ํานาน ทิศตะวันตก จรดบานหวยลากปน ตําบลหวยไร อําเภอเดนชัย จังหวัดแพร ทิศใต จรดบานน้ําลี ตําบลน้ําหมัน อําเภอทาปลา บานน้ําไคร ตําบลบานดานนาขาม อําเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ
1.6 ลักษณะภูมิประเทศ โดยทั่วไปเปนพื้นที่ปาอุดมสมบูรณติดตอกันเปนผืนใหญตรงรอยตอของจังหวัดแพรกับจังหวัด อุตรดิตถ ลักษณะเปน ภูเขาสูง และบางสวนสูงชัน ตลอดทั่วพื้นที่ติดตอกันเปนเทือกยาวทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือสู ตะวันตกเฉียงใต มีแนวเขาสูงอยูตอนกลางของพื้นที่ตามทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไปตะวันตกเฉียงใต ซึ่งเปน แนวแบงเขตของจังหวัดแพรกับจังหวัดอุตรดิตถ มียอดสูงสุดคือ เขาพญาฝอ หรือชาวบานเรียกพญาพอ มีระดับ ความสูง 1,447 เมตร ติดตอกันเปนแนวยาวตลอด ครอบคลุมพื้นที่ของจังหวัดแพร คือ ตําบลชอแฮ อําเภอ เมือง ตําบลบานกวาง ตําบลบานเหลา ตําบลหวยฝาย อําเภอสูงเมน ตําบลแมจั๊วะ ตําบลหวยไร อําเภอเดนชัย ในสวนของจังหวัดอุตรดิตถ คือ ตําบลบานดานนาขาม อําเภอเมือง ตําบลน้ําหมัน อําเภอทาปลา เนื่องจากพื้นที่ เปนเนินเขา และภูเขาที่สูงชันตอกันเปนลูกคลื่นจะมีที่ราบแคบๆ ตามริมหวยและยอดเขา ทําใหพื้นที่เกือบ ทั้งหมดเปนพื้นที่ลุมน้ําชั้น1A และชั้น 2 มียอดเขาที่สําคัญคือ ดอยผาอือเขาพญาพอ ดอยหวยน้ําออก ดอยหวยเกิน ดอยผาลักไก เปนตน จึงทําใหเปนแหลงตนน้ําลําธาร ของหวยแมสาย หวยเหมือง น้ําแมมาน น้ํารองแค น้ํารองมา หวยแมจั๊วะ หวยแมพวก หวยแมแรม หวยลากปน สวนดานจังหวัดอุตรดิตถ เปนตนน้ําลําธารของหวยโปรง หวยน้ําริด หวยน้ําลี ไหลผานอําเภอทาปลาลงสูอางเก็บน้ําสิริกิตติ์
4 1.7 สภาพภูมิอากาศ พื้นที่อยูทางทิศเหนือของประเทศไทย มีแนวเทือกเขาสูงวางตัวทอดตามทิศตะวันออกเฉียงเหนือ กับทิศตะวันตกเฉียงใต ทางตอนกลางของพื้นที่ ทําใหพื้นที่รับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใตที่พัดมาจากมหาสมุทร อินเดียได สวนในฤดูหนาวและฤดูรอน เนื่องจากพื้นที่มีความลาดชันมาก และมีภูเขาสลับซับซอน จึงมีอากาศ รอนจัดในฤดูรอน และหนาวจัดในฤดูหนาว เพราะไดรับลมที่พัดจากตะวันออกเฉียงเหนือโดยตรง จากขอมูล ของสถานีตรวจอากาศแพร จังหวัดแพร พบวาอุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูหนาวประมาณ 12-26 องศาเซลเซียส และใน ฤดูรอนประมาณ 20-37 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ําฝนเฉลี่ยอยูในชวงระหวาง 1,250-1,430 มิลลิเมตรตอป มีฝนตกมากที่สุดประมาณเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน และจากขอมูลของสถานีตรวจอากาศจังหวัดอุตรดิตถ พบวา มีอุณหภูมิเฉลี่ยในป 2538 ประมาณ 28.25 องศาเซลเซียส เดือนที่หนาวที่สุดคือ เดือนธันวาคม ที่อุณหภูมิ 17.35 องศาเซลเซียส และเดือนที่รอนจัดเมษายน อุณหภูมิประมาณ 39.22 องศาเซลเซียส มีปริมาณน้ําฝนทั้งปในป 2538 วัดได 1,664.8 มิลลิเมตร มีปริมาณน้ําฝนมากที่สุดในเดือนสิงหาคม วัดได 411.9 มิลลิเมตร
1.8 ธรณีวิทยา พื้นที่ที่สํารวจสวนใหญจะเปนภูเขาและเทือกเขาในระดับความลาดชัน35 เปอรเซ็นตขึ้นไป มีหินโผล มาก จําพวกหินปูน หินลูกรัง ดินที่พบจากเอกสารของสถานีพัฒนาที่ดิน จังหวัดอุตรดิตถ บริเวณดังกลาว มีทั้ง ดินตื้นและดินลึก ลักษณะของเนื้อดิน และความอุดมสมบูรณตามธรรมชาติแตกตางกันไป แลวแตชนิดของหิน ตนกําเนิด ในบริเวณนั้นมักมีเศษหิน กอนหิน หรือหินโผล กระจัดกระจายทั่วไป สวนใหญยังปกคลุมดวยปาไม ประเภทตางๆ เชน ปาเบญจพรรณ ปาเต็งรัง หรือปาดงดิบชื้น หลายแหงมีการทําไรเลื่อนลอยผานไปแลว โดยปราศจากการอนุรักษดิน และน้ํา ซึ่งเปนผลทําใหเกิดการชะลางพังทลายของหนาดินจนบางแหงเหลือแต หินโผล กลุมดินนี้สวนใหญไมควรใชประโยชนทางเกษตร เนื่องจากมีปญหาหลายประการที่มีผลกระทบตอ ระบบนิเวศน ควรสงวนไวเปนปาตามธรรมชาติ เพื่อรักษาแหลงตนน้ําลําธาร
1.9 ทรัพยากรปาไม สภาพปาเปนปาหลากหลายชนิดผสมกัน มีความตางระดับความสูงของพื้นที่มาก จากการสํารวจ พบวา ในพื้นที่นี้ประกอบดวยปาประเภทตางๆ ดังนี้ - ปาดิบเขา (Hill Evergreen Forest) ลักษณะเปนปาไมผลัดใบมีไมมากนักอยูตามสันเขาสูง สภาพอากาศหนาวเย็น เชน ตามสันเขาดานรอยตอกับจังหวัดแพร และอุตรดิตถ ตามเทือกเขาพญาพอ พรรณไมที่พบในปานี้ ไดแก กอตางๆ จําปปา ทะโล ฯลฯ เปนตน 5 - ปาดิบแลง (Dry Evergreen Forest) เปนจําพวกปาไมผลัดใบ สวนมากขึ้นอยูในที่มีความอุดม สมบูรณดี ดินมีการอุมน้ําไดดีมีความชุมชื้นสูงอยูตามบริเวณที่ราบแคบๆ ริมหวยและตามเชิงเขาที่มี ความลาดชันไมมากนัก เชน ตามริมหวยแมกอน ริมหวยแมมาน ริมหวยแมจั๊วะ ริมหวยแมแรม ริมหวยน้ําริด ริมหวยน้ําลี เปนตน เนื่องจากปาชนิดนี้จะพบตามที่มีความชื้นสูง สภาพของดินมีแรธาตุอาหารของพืชอยูมาก จึงมีบางสวนพบรองรอยของการบุกรุกทําไรเลื่อนลอย เปนสวนเมี่ยง และพืชไร แตปจจุบันปรากฏวา ไมคุมกับ การลงทุน ประกอบกับรายไดไมดี การคมนาคมขนสงทําไดลําบากและสามารถทําอาชีพอื่นที่มีรายไดมากกวา และเร็วกวา สภาพสวนเมี่ยง และพืชไร เหลานี้ จึงถูกทิ้งราง บางสวนไดมีลูกไมปาขึ้นมาทดแทนอยูทั่วไป พรรณไมที่พบในปาชนิดนี้ ไดแก ก ระบก ตะเคียน มะคาโมง ประดู มะมวงปา มะยมปา ไมยางชนิดตางๆ ตาเสือ ตะเคียน ฯลฯ และไผชนิดตางๆ อาทิ ไผหก ไผซาง ไผเฮียะ รวมทั้งพืชตระกูลปาลม เชน ตาว หวายชนิด ตางๆ สวนไมพื้นลางจะขึ้นอยูอยางหนาแนนจําพวก ขา กลวยปา ผักกูด เฟรนชนิดตางๆ - ปาเบญจพรรณ (Mixed Decidous Forest) ลักษณะเปนปาซึ่งผลัดใบในฤดูแลง สวนใหญพบใน ระดับความสูงของพื้นที่จากระดับน้ําทะเลประมาณ 200-1,000 เมตร เปนปาที่ครอบคลุมเนื้อที่สวนใหญของปา ที่ทําการสํารวจปาชนิดนี้มีพรรณไมมีคาอยูมากชนิด เชน กระบก สัก ประดู มะคาโมง แดง ตะแบก ยาง ชิงชัน เปนตน สวนไมพื้นลางที่พบมากจะอยูกระจายตามพื้นที่ มองเห็นไดทั่วไป คือ ไผชนิดตางๆ เชน ไผซาง ไผบง เปนตน - ปาเต็งรัง (Dry Dipterocarp Forest) พบในพื้นที่บริเวณดินที่มีความอุดมสมบูรณคอนขางต่ํา หนาดินตื้น ดินเปนกรวดผสมทราย และลูกรัง ในพื้นที่สํารวจพบปาชนิดนี้ตามเนินเขาเปนหยอมๆ เชน ตามบริเวณปา ทองที่ตําบลชอแฮ อําเภอเมือง จังหวัดแพร บริเวณหลังบานปง ปาเขาพระธาตุดอยเล็ง ปาหลังบานน้ําพุลาง ตําบลบานกวาง อําเภอสูงเมน จังหวัดแพร และปาน้ําตกซาววา บริเวณหวยน้ําฮอด ตําบล บานเหลา อําเภอสูงเมน ซึ่งปาชนิดนี้เปนที่นาสังเกตวา จะยังไมมีตนไมที่ใหญมาก เพราะเนื่องจาก ปาเหลานี้ ผานการใหสัมปทานทําไมมาแลว และบริเวณเขตจังหวัดแพร มีโรงงานบมใบยาสูบเปนจํานวนมาก ทําใหไม ในปาเต็งรังถูกตัดจํานวนมาก - ปาหญาหรือปารุน ปาชนิดนี้พบในสภาพพื้นที่เคยถูกบุกรุกทําลายมาแลว เพื่อทําการเกษตร จึงมีหญาชนิดตางๆ ขึ้นปกคลุม เชน หญาคา สาบเสือ กอเลา กอพงหญาขจรจบ หญากงใชทําไมกวาด พบมาก แถบตําบลหวยไร อําเภอเดนชัย จังหวัดแพร และตําบลน้ําหมัน อําเภอทาปลา จังหวัดอุตรดิตถ พรรณไมที่พบ ในปานี้ไดแก ก ระบก ตะเคียน ฯลฯ และไมไผชนิดตางๆ อาทิ เชน ไผหก ไผซาง ไผเ ฮี๊ยะ รวมทั้งพืชตระกูล ปาลม เชน ตาว หวายชนิดตางๆ สวนไมพื้นลาง จําพวก ขา กลวยปา ผักกูด เฟรินชนิดตางๆ ตัดไปเปนฟน จํานวนมาก พรรณไมที่ขึ้นนี้เปนไมรุนใหม ถึงรุนกลาง มีอายุ 5-10 ป ซึ่งถามีการอนุรักษไวอยางจริงจังถาวร จะ เปนปาเต็งรัง ที่สมบูรณสวยงามมาก และมีคุณคาตอการศึกษาในอนาคต พรรณไมที่พบไดแก เต็ง รัง พลวง ตองตึง เหียง รกฟา ฯลฯ สําหรับไมพื้นลางมีพวกลูกไมชนิดตางๆ ผักหวาน และหญาตางๆ อยูกระจายหางๆ ทั่วไป 6
ภาพที่ 1 แผนที่แสดงพื้นที่เขตรักษาพันธุสัตวปารักษาพันธุสัตวปาลําน้ํานานฝงขวาจังหวัดแพร และจังหวัดอุตรดิตถ 7
บทที่ 2 อุปกรณ และวิธีการสํารวจ
2.1 วิธีการสํารวจดานพืช
1. เสนทางสํารวจ ศึกษาขอมูลทั่วไปของพื้นที่ เขตรักษาพันธุสัตวปาลําน้ํานานฝงขวา จังหวัดแพรและจังหวัด อุตรดิตถ เพื่อพิจารณาคัดเลือกพื้นที่วาง แปลงตัวอยางสํารวจเก็บขอมูล และกําหนดจุดวางแปลงตัวอยาง โดย กําหนดวางแปลงสํารวจในพื้นที่ปาเต็งรัง
2. การวางแปลงตัวอยาง 2.1 ทําการวางแปลงสํารวจขนาด 20 x 50 เมตร แลวแบงเปนแปลงยอย ขนาด 10 x 10 เมตร จะไดแปลงยอยเก็บตัวอยาง จํานวน 10 แปลง ซึ่งภายในแปลงยอยมีการแบงสวนภายใน ขนาด 5 x 5 เมตร พรอมทั้งทําสัญลักษณบริเวณมุมแปลงทุกมุมและจับพิกัดคาแปลงตัวอยางบริเวณกลางแปลงตัวอยางและขอมูล ที่เกี่ยวของตามแบบบันทึกขอมูล ทําการวางแปลงตัวอยาง ดังนี้ - แปลงที่ 1 พิกัด 0626415 E 1992203 N - แปลงที่ 2 พิกัด 0622975 E 1982720 N - แปลงที่ 3 พิกัด 0630338 E 1995727 N - แปลงที่ 4 พิกัด 0623834 E 1986045 N 2.2 เริ่มทําการสํารวจจากแปลงที่ 1 แปลงยอยที่ 1 – 4 ในลักษณะตามเข็มนาฬิกา ทําการสํารวจ ครบในแปลงที่ 1 จึงเริ่มทําการสํารวจในแปลงที่ 2 ในลักษณะเดียวกัน 2.3 การบันทึกขอมูล จะบันทึกขอมูลไมทุกชนิดในแปลงยอยที่ 1 โดยแยกเปน ไมที่มีความโต มากกวา 15 เซนติเมตร ที่ความสูงระดับอก ( 1.30 เมตร จากพื้นดิน) โดยจะวัดความโตและประมาณความสูง เพื่อบันทึกในแบบบันทึกและไมที่มีความโตนอยกวา 15 เซนติเมตร จะทําการนับชนิดและจํานวนตนเทานั้น สวนในแปลงยอยที่ 2 – 4 จะวัดไมที่มีความโตมากกวา 15 เซนติเมตร บันทึกคาความโตและประมาณความสูง ในแบบบันทึก
8
ขนาด 50 เมตร
แปลงที่ 1 แปลงที่ 2 แปลงที่ 3 แปลงที่ 4 แปลงที่ 5 แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย ที่ 1 ที่ 4 ที่ 1 ที่ 4 ที่ 1 ที่ 4 ที่ 1 ที่ 4 ที่ 1 ที่ 4 ขนาด แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย ที่ 2 ที่ 3 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 2 ที่ 3 20 แปลงที่ 6 แปลงที่ 7 แปลงที่ 8 แปลงที่ 9 แปลงที่ 10 เมตร แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย ที่ 1 ที่ 4 ที่ 1 ที่ 4 ที่ 1 ที่ 4 ที่ 1 ที่ 4 ที่ 1 ที่ 4
แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย แปลงยอย ที่ 2 ที่ 3 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 2 ที่ 3
ภาพที่ 2 รูปแบบการวางแปลงตัวอยาง และแปลงยอยการสํารวจดานพืช
2.4 ขั้นตอนการวิเคราะหขอมูลทําการคัดเลือกพื้นที่เพื่อวางแปลงสํารวจ ดําเนินการวิเคราะห ขอมูลเพื่อเปรียบเทียบลักษณะโครงสรางของสังคมพืช องคประกอบชนิดพันธุ หาความหนาแนน และความเดน ดานพื้นที่หนาตัดของพันธุไมแตละชนิด ในแตละหมูไม แปลงเปนคาความหนาแนนสัมพันธ ( relative density) และพื้นที่หนาตัดสัมพัทธ (relative basal area) หาคาความสําคัญของชนิดพันธุ และคาความคลายคลึง ดังนี้ - ศึกษาโครงสรางทางดานตั้ง( stratification) โดยทําการแบงชั้นเรือนยอดของแตละสังคม จากแผนภาพการกระจายโครงสรางทางดานตั้ง - หาคาความหนาแนนและความเดนดานพื้นที่หนาตัด พรอมหาคาความหนาแนนสัมพัทธและ ความเดนสัมพัทธ โดยใชสูตร ดังนี้ • ความหนาแนน (density , D) คือ จํานวนตมไมทั้งหมดของชนิดที่พบในแปลง ตัวอยาง ตอ หนวยพื้นที่ที่ทําการสํารวจ 9 DA = จํานวนตนไมทั้งหมดของชนิด A ที่สํารวจพบในแปลงตัวอยาง หนวยพื้นที่ทั้งหมดของแปลงตัวอยางที่สํารวจ • ความเดน (dominance , Do) ใชความเดนดานพื้นที่หนาตัด ที่ไดจากการวัดที่ ความสูง 1.30 เมตรจากพื้นดิน ตอ หนวยพื้นที่ที่ทําการสํารวจ
DoA = พื้นที่หนาตัดของไมชนิด A . หนวยพื้นที่ทั้งหมดของแปลงตัวอยางที่สํารวจ • ความถี่ (frequency , F)
FA = จํานวนแปลงตัวอยางของไมชนิด A . x 100 จํานวนแปลงตัวอยางทั้งหมดที่สํารวจ • คาความหนาแนนสัมพัทธของชนิดไม (Reletive Density , RD)
RDA = ความหนาแนนของไมชนิด A . x 100 ความหนาแนนของไมทุกชนิดในสังคม
• คาความเดนสัมพัทธของชนิดไม (Relative Dominance , RDo)
RDoA = ความเดนของไมชนิด A . x 100 ความเดนของไมทุกชนิดในสังคม
• คาความถี่สัมพัทธของชนิดไม (Relative Frequency , RF)
RFA = ความถี่ของไมชนิด A . x 100 ความถี่ของไมทุกชนิดในสังคม
- หาคาความสําคัญของชนิดพันธุไม (Importance Value , IV)
IVA = RDA + RDoA + RFA
- หาคาคาดัชนีความหลากชนิดของพืชพันธุ ( index of species diversity) ตามวิธีการของ Shanon Wiener function โดยใช log ฐาน 2 โดยใชสูตรดังนี้
10 เมื่อ H' = คาดัชนีความหลากชนิดของ Shonon-Wiener s = จํานวนชนิดพันธุทั้งหมด Pi = สัดสวนของจํานวนชนิดที่ i ตอผลรวมของจํานวนทั้งหมดทุกชนิดในสังคม
เมื่อ i = 1, 2, 3,……., s
- หาคาความสม่ําเสมอ (Shannon Evenness) โดยใชสูตร ดังนี้
เมื่อ J' = คาความสม่ําเสมอ H' = คาดัชนีความหลากชนิดของ Shanon-Wiener s = จํานวนชนิดพันธุทั้งหมด 11 ตารางที่ 1 รูปแบบตารางบันทึกขอมูลการสํารวจความหลากชนิดของพรรณไม
ตาราง บันทึกขอมูลสํารวจพรรณไม แปลงที่ . ชนิดปา หมูไม สถานที่ . พิกัด (UTM) E N ความสูง(MSL) เมตร
tree(ไมใหญ) sapling (ไมหนุม) แปลง ความโต ความสูง หมาย แปลง จํานวน หมาย ชนิดพันธุ ชนิดพันธุ ที่ (ซม) (เมตร) เหตุ ที่ ตน เหตุ
12
13 2.2 วิธีการสํารวจดานแมลง ผีเสื้อกลางวัน
1. เสนทางสํารวจ ใชเสนทางสํารวจรวมกับการสํารวจดานพืช
2. การวางแปลงตัวอยาง 2.1 ทําการวางแปลงสํารวจบริเวณพื้นที่วางแปลงสํารวจพรรณไม 2.2 กําหนดชวงเวลาทําการสํารวจ 2 ชวงเวลา คือภาคเชา สํารวจเวลา 10.00 – 12.00 น. และ ภาคบาย สํารวจเวลา 13.00 – 15.00 น.และทําการสํารวจในชวงฤดูรอน (ระหวางเดือนมีนาคม –พฤษภาคม) และฤดูฝน(ระหวางเดือนกรกฎาคม-กันยายน) โดยหลีกเลี่ยงวันที่ฝนตก 2.3 วิธีวางแปลงสํารวจ โดยวางแปลงสํารวจ ขนาด 100 x 100 เมตร จากเสนกึ่งกลางแปลงหาง ออกไป 25 เมตร ใหกําหนดเสนทางเก็บตัวอยางผีเสื้อกลางวัน ทั้ง 2 ขาง ขางละ 1 เสน ยาวตลอดแปลงสํารวจ เสนละ 100 เมตร ดังภาพที่ 3
X X X X X X X X 25 เมตร 25 เมตร
5 เมตร 5 เมตร 5 เมตร 5 เมตร
แปลง สํารวจ ดานพืช X X X X X X X X
ภาพที่ 3 รูปแบบการวางแปลงสํารวจความชนิดของแมลง (ผีเสื้อกลางวัน)
2.4 แตละเสนทางสํารวจ ใชผูสํารวจจํานวน 2 คน ใชอุปกรณเก็บตัวอยางคือ สวิง จํานวน 2 อัน 2.5 ผูสํารวจเดินชาๆในเสนทางสํารวจ ระยะทาง 100 เมตร และเก็บผีเสื้อกลางวันทุกตัว ในรัศมี ดานละ 5 เมตรของเสนทางสํารวจ โดยทําซ้ําเหมือนกันทั้ง 2 เสนทาง และไมเก็บผีเสื้อกลางวันในระหวางการ เปลี่ยนเสนทางสํารวจทั้ง 2 เสนทางสํารวจ 14 2.6 ทําการถายภาพผีเสื้อกลางวันที่เก็บไดแตละตัวและจดบันทึกขอมูลตามตารางที่ 2
15 3. ทําการวิเคราะหขอมูล 3.1 จําแนกชนิด สกุล วงศ ของผีเสื้อกลางวัน โดยจัดทําเปนบัญชีรายชื่อผีเสื้อกลางวัน 3.2 คํานวณหาคาความหลากหลายทางชีวภาพ Shannon’s Index (Ludwig and Reynolds, 1988) จากสูตร
โดย = คาดัชนีความหลากชนิดของ Shonon-Wiener s = จํานวนชนิดพันธุทั้งหมด Pi = สัดสวนของจํานวนชนิดที่ i ตอผลรวมของจํานวนทั้งหมด 3.3 คํานวณหาคาความสม่ําเสมอ Shannon Evenness จากสูตร
โดย = คาความสม่ําเสมอ = คาดัชนีความหลากชนิดของ Shanon - Wiener s = จํานวนชนิดพันธุทั้งหมด 3.4 ทําแผนผัง Venn diagram เปรียบเทียบขอมูลของผีเสื้อกลางวันที่สํารวจพบในฤดูรอนและฤดูฝน
A B W
3.5 คํานวณหาคาความคลายคลึงกัน ของ Sorensen (Indices of similslity or Community coefficients) จากสูตร ISs = X 100
โดย A = เปนจํานวนชนิดพันธุหรือคาวัดทั้งหมดในสังคม A B = เปนจํานวนชนิดพันธุหรือคาวัดทั้งหมดในสังคม B 16 W = เปนคาปรากฏรวมกันทั้งในสังคม A และสังคม B
17
ตารางที่ 2 รูปแบบตารางบันทึกขอมูลการสํารวจความหลากชนิดของแมลง (ผีเสื้อกลางวัน)
ตาราง บันทึกขอมูลผีเสื้อกลางวัน แปลงที่ . สถานที่ ตําบล อําเภอ จังหวัด . ชนิดปา พิกัด (UTM) E N ความสูง(MSL) เมตร วันที่เก็บ ฤดู .
วงศ ชื่อวิทยาศาสตร ลําดับ เวลาเก็บ ชื่อสามัญ(ไทย) ผูเก็บ ลําดับรูป หมายเหตุ (Family) (Scientific Name)
18
13
19
2.3 วิธีการสํารวจดานแมลง ผีเสื้อกลางคืนและดวงขนาดใหญ
1. เสนทางสํารวจ ใชเสนทางสํารวจรวมกับการสํารวจดานพืช
2. การวางแปลงตัวอยาง 2.1 ทําการคัดเลือกพื้นที่เพื่อวางกับดักสํารวจผีเสื้อกลางคืนและดวงขนาดใหญ จํานวน 4 จุด 2.2 กําหนดชวงเวลาทําการสํารวจ เริ่มตั้งแตเวลา 19.00 – 21.00 น.และ 06.00 น.ของวันถัดไป 2.3 กําหนดฤดูการสํารวจ ทําการสํารวจในชวงฤดูรอน และฤดูฝน โดยหลีกเลี่ยงวันที่ฝนตก 2.4 วิธีสํารวจโดยดักแสงไฟ ติดตั้งกับดักแสงไฟ โดยใชจอผาขนาด 1.20 x 1.50 เมตรและติดตั้ง หลอดไฟฟาแบบแบล็คไลท 18 - 20 วัตต(หลอดสั้น) จํานวน 1 หลอด 2.5 เปดไฟฟาทิ้งไวตลอดทั้งคืน 2.6 ทําการสํารวจดวงและผีเสื้อกลางคืน เริ่มตั้งแตเวลา 19.00 – 21.00 น. โดยสํารวจทุกๆ 15 นาที และในเวลา 06.00 น.ของอีกวัน
ภาพที่ 4 รูปแบบกับดักแสงไฟ โดยใชจอผา 2.7 บันทึกขอมูลและภาพถายดวงขนาดใหญ ที่มีความยาวมากกวา 3 เซนติเมตร และผีเสื้อ กลางคืนที่มีขนาดมากกวา 4 เซนติเมตร ที่เกาะบนจอผาตามตารางที่ 3 20
ตารางที่ 3 รูปแบบตารางบันทึกขอมูลการสํารวจความหลากชนิดของแมลง (ผีเสื้อกลางคืน)
ตารางบันทึกขอมูลแมลงจากกับดักแมลงไฟ แปลงที่ แหลงกําเนิดไฟ ไฟฟา แบตเตอรี่ สถานที่ อําเภอ จังหวัด . ชนิดปา .พิกัด(UTM) E N ความสูง เมตร
วันที่ เวลา 19.00-21.00 น. 06.00 น. ฤดู .
ลําดับ ชนิดแมลง กxย(ซม.) รหัสภาพ เวลาที่พบ จํานวน ผูเก็บ หมายเหตุ
21
2.4 วิธีการสํารวจดานเห็ด
1. เสนทางสํารวจ ใชเสนทางสํารวจรวมกับการสํารวจดานพืช
2. การวางแปลงตัวอยาง 2.1 ทําการสํารวจเห็ดในพื้นที่แปลงสํารวจดานพืช ทุกแปลง 2.2 นับจํานวนเห็ดที่สํารวจพบในแตละแปลง บันทึกขอมูลและบันทึกภาพถายเห็นแตละชนิดที่ สํารวจพบในตารางที่ 4
3. ทําการวิเคราะหขอมูล 3.1 จําแนกชนิด สกุล วงศ ของเห็ด โดยจัดทําเปนบัญชีรายชื่อ เห็ด 3.2 คํานวณหาคาความหลากหลายทางชีวภาพ Shannon’s Index (Ludwig and Reynolds, 1988) จากสูตร
โดย = คาดัชนีความหลากชนิดของ Shonon-Wiener s = จํานวนชนิดพันธุทั้งหมด Pi = สัดสวนของจํานวนชนิดที่ i ตอผลรวมของจํานวนทั้งหมด 3.3 คํานวณหาคาความสม่ําเสมอ Shannon Evenness จากสูตร
โดย = คาความสม่ําเสมอ = คาดัชนีความหลากชนิดของ Shanon - Wiener s = จํานวนชนิดพันธุทั้งหมด 3.4 ทําแผนผัง Venn diagram เปรียบเทียบขอมูลของผีเสื้อกลางวันที่สํารวจพบในฤดูรอนและฤดูฝน
A B W
22
23
3.5 คํานวณหาคาความคลายคลึงกัน ของ Sorensen (Indices of similslity or Community coefficients) จากสูตร ISs = X 100
โดย A = เปนจํานวนชนิดพันธุหรือคาวัดทั้งหมดในสังคม A B = เปนจํานวนชนิดพันธุหรือคาวัดทั้งหมดในสังคม B W = เปนคาปรากฏรวมกันทั้งในสังคม A และสังคม B 24
ตารางที่ 4 รูปแบบตารางบันทึกขอมูลการสํารวจความหลากชนิดของเห็ด
ความหลากชนิดของเห็ดในพื้นที่...... แปลงที่ ......
ลําดับ ชื่อทองถิ่น/ชื่อ วัสดุอาศัย/ บทบาท/หนาที่ ขอมูลดานการ จํานวน ชื่อไฟล ชนิดปา หมายเหตุ ที่ สามัญ พืชอาศัย ในระบบนิเวศ ใชประโยชน ดอก รูปภาพ
25
ภาพที่ 5 แผนที่แสดงคาพิกัดจุดวางแปลงสํารวจ 26
ระยะเวลาดําเนินการ ดําเนินโครงการสํารวจความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ปาเต็งรัง เขตรักษาพันธุสัตวปาดอยหลวง จังหวัดแพร ตั้งแตเดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2558 ถึง เดือน กันยายน พ.ศ.2559
21
บทที่ 3 ผลการสํารวจ
3.1 ผลการสํารวจดานพืช 1. จากการวางแปลงสํารวจในพื้นที่ปาตัวอยาง ปาเต็งรัง พบพรรณไมทั้งหมดจํานวน 21 วงศ 50 ชนิด 696 ตน (ตารางที่ 5) ดังนี้ 1.1 วงศ ANACARDIACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 4 ชนิด คิดเปน 8 % ของชนิดที่พบ 47 ตน คิดเปน 4.85 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก มะกอกปา มะมวงหัวแมงวัน รักขี้หมู รักใหญ 1.2 วงศ ANNONACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 1 ชนิด คิดเปน 2 % ของชนิดที่พบ 1 ตน คิดเปน 0.10 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก นมวัว 1.3 วงศ BIGNONIACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 3 ชนิด คิดเปน 6 % ของชนิดที่พบ 15 ตน คิดเปน 1.54 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก กาสะลองคํา แคปด แคหางคาง 1.4 วงศ BURSERACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 1 ชนิด คิดเปน 2 % ของชนิดที่พบ 16 ตน คิดเปน 1.65 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก มะกอกเกลื้อน 1.5 วงศ COMBRETACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 4 ชนิด คิดเปน 8 % ของชนิดที่พบ 32 ตน คิดเปน 3.30 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก ตะแบกเลือด รกฟา สมอไทย สมอภิเพก 1.6 วงศ DIPTEROCARPACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 4 ชนิด คิดเปน 8 % ของชนิดที่พบ 576 ตน คิดเปน 59.44 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก เต็ง พะยอม ยางเหียง รัง 1.7 วงศ EBENACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 1 ชนิด คิดเปน 2 % ของชนิดที่พบ 3 ตน คิดเปน 0.30 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก ตับเตาตน 1.8 วงศ FABACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 10 ชนิด คิดเปน 20 % ของชนิดที่พบ 95 ตน คิดเปน 9.80 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก กระพี้จั่น กางขี้มอด เก็ดดํา เก็ดแดง คูน ประดู แสมสาร กอตลับ กอแพะ แดง 1.9 วงศ HYPERICACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 1 ชนิด คิดเปน 2 % ของชนิดที่พบ 4 ตน คิดเปน 0.41 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก ติ้วเกลี้ยง 1.10 วงศ LAMIACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 3 ชนิด คิดเปน 6 % ของชนิดที่พบ 8 ตน คิดเปน 0.82 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก กาสามปก ผาเสี้ยน ตีนนก 1.11 วงศ LOGANIACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 1 ชนิด คิดเปน 2 % ของชนิดที่พบ 7 ตน คิดเปน 0.72 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก แสลงใจ 22
1.12 วงศ LYTHRACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 1 ชนิด คิดเปน 2 % ของชนิดที่พบ 10 ตน คิดเปน 1.03 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก ตะแบก 1.13 วงศ MALVACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 3 ชนิด คิดเปน 6 % ของชนิดที่พบ 49 ตน คิดเปน 5.05 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก งิ้วปา ปอเลียงฝาย ยาบขี้ไก 1.14 วงศ MELIACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 1 ชนิด คิดเปน 2 % ของชนิดที่พบ 4 ตน คิดเปน 0.41 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก ยมหิน 1.15 วงศ MYRTACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 1 ชนิด คิดเปน 2 % ของชนิดที่พบ 4 ตน คิดเปน 0.41 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก หวา 1.16 วงศ OCHNACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 1 ชนิด คิดเปน 2 % ของชนิดที่พบ 7 ตน คิดเปน 0.72 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก ตาลเหลือง 1.17 วงศ OPILIACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 1 ชนิด คิดเปน 2 % ของชนิดที่พบ 2 ตน คิดเปน 0.20 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก ผักหวาน 1.18 วงศ PENTAPHYLACACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 1 ชนิด คิดเปน 2 % ของชนิดที่ พบ 1 ตน คิดเปน 0.10 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก สารภีปา 1.19 วงศ PHYLLANTHACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 1 ชนิด คิดเปน 2 % ของชนิดที่พบ 1 ตน คิดเปน 0.10 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก เหมือดโลด 1.20 วงศ RUBIACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 6 ชนิด คิดเปน 12 % ของชนิดที่พบ 86 ตน คิดเปน 8.87 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก ขวาว แขงกวาง คํามอกหลวง ดิ๊กเดียม ยอปา หนามมะเค็ด 1.21 วงศ SAPINDACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 1 ชนิด คิดเปน 2 % ของชนิดที่พบ 1 ตน คิดเปน 0.10 %ของพรรณไมที่พบ ไดแก ตะครอ 2. จากโครงสรางทางดานตั้ง ( stratification) โดยทําการแบงชั้นเรือนยอดของแตละสังคมจาก แผนภาพการกระจายโครงสรางทางดานตั้ง (Profile Digram) ของแปลงสํารวจพรรณไม (ภาพที่ 7) ซึ่งพิจารณา จาก Prpfile Diagram, Plot Plan และคา IVI พบวา พบวาลักษณะโครงสรางสังคมพืชมี 3 ชั้นเรือนยอด ดังนี้ 2.1 ชั้นเรือนยอดบนสุด ความสูงประมาณ 16 เมตร เชน เต็ง รัง มะกอกปา เปนตน 2.2 ชั้นเรือนยอดชั้นรอง ความสูงประมาณ 10 เมตร เชน ขวาว ยอปา ติ้วเกลียง เปนตน 2.3 เรือนยอดชั้นลาง ความสูงประมาณ 6 เมตร เชน รกฟา ปอเลียงฝาย แคบิด เปนตน 3. คาความสําคัญของชนิดพันธุ (Importance Value , IV) (ตารางที่ 6) 4. คาดัชนีความหลากชนิดของพืชพันธุ ( index of species diversity) คํานวนจากสูตรของ Shanon Wiener โดยใช log ฐาน 2 มีคาดัชนีความหลากชนิด(H')เทากับ 3.585 คํานวนจากการใชโปรแกรม SPECDIV.EXE มีคาดัชนีความหลากชนิด(H')เทากับ 3.585 ซึ่งผลที่ไดมีคาเทากัน (ภาพที่ 6) 23
5. คาความสม่ําเสมอ (Shannon Evenness) คํานวนจากสูตรของ Shanon Wiener โดยใช log ฐาน 2 มีคาดัชนีความสม่ําเสมอ(J')เทากับ 0.361 คํานวนจากการใชโปรแกรม SPECDIV.EXE มีคาดัชนีความ สม่ําเสมอ(J')เทากับ 0.635 ซึ่งผลที่ไดมีคาไมเทากัน (ภาพที่ 6)
ภาพที่ 6 คาดัชนีความหลากชนิดของพืชพันธุ (index of species diversity)และคาความสม่ําเสมอ (Shannon Evenness)
24
ตารางที่ 5 ขอมูลความหลากชนิดของพรรณไมที่สํารวจพบ
ที่ วงศ(Family) สกุล(genus) ชื่อสามัญ 1 ANACARDIACEAE Buchanania lanzan Spreng. มะมวงหัวแมงวัน 2 ANACARDIACEAE Spondias bipinnata Airy Shaw & Forman มะกอกปา 3 ANACARDIACEAE Semecarpus albescens Kurz รักขี้หมู 4 ANACARDIACEAE Gluta usitata (Wall.) Ding Hou รักใหญ 5 ANNONACEAE Uvaria dulcis Dunal นมวัว 6 BIGNONIACEAE Mayodendron igneum (Kurz) Kurz กาสะลองคํา 7 BIGNONIACEAE Fernandoa adenophylla (Wall. ex G. Don) Steenis แคบิด 8 BIGNONIACEAE Markhamia kerrii Spargue แคหางคาง 9 BURSERACEAE Canarium subulatum Guillaumin มะกอกเกลื้อน 10 COMBRETACEAE Terminalia mucronata Craib & Hutch. ตะแบกเลือด 11 COMBRETACEAE Terminalia alata B. Heyne ex Roth รกฟา 12 COMBRETACEAE Terminalia chebula Retz. var. chebula สมอไทย 13 COMBRETACEAE Terminalia bellirica (Gaertn.) Roxb. สมอพิเภก 14 DIPTEROCARPACEAE Shorea obtusa Wall. ex Blume เต็ง 15 DIPTEROCARPACEAE Shorea siamensis Miq. รัง 16 DIPTEROCARPACEAE Shorea roxburghii G. Don พะยอม 17 DIPTEROCARPACEAE Dipterocarpus obtusifolius Teijsm. ex Miq. ยางเหียง 18 EBENACEAE Diospyros ehretioides Wall. ex G. Don ตับเตาตน 19 FABACEAE Millettia brandisiana Kurz กระพี้จั่น 20 FABACEAE Albizia odoratissima (L. f.) Benth. กางขี้มอด 21 FABACEAE Dalbergia assamica Benth. เก็ดดํา 22 FABACEAE Dalbergia oliveri Gamble ex Prain เก็ดแดง 23 FABACEAE Cassia fistula L. คูน 24 FABACEAE Xylia xylocarpa (Roxb.) W. Theob. var. xylocarpa แดง 25 FABACEAE Pterocarpus macrocarpus Kurz ประดู
25
ตารางที่ 5 ขอมูลความหลากชนิดของพรรณไมที่สํารวจพบ (ตอ)
ที่ วงศ(Family) สกุล(genus) ชื่อสามัญ 26 FABACEAE Senna garrettiana (Craib) H. S. Irwin & Barneby แสมสาร 27 FAGACEAE Quercus kerrii Craib กอแพะ 28 FAGACEAE Quercus rex Hemsl. กอตลับ 29 HYPERICACEAE Cratoxylum cochinchinense (Lour.) Blume ติ้วเกลี้ยง 30 LAMIACEAE Vitex peduncularis Wall. ex Schauer กาสามปก 31 LAMIACEAE Vitex pinnata L. ตีนนก 32 LAMIACEAE Vitex canescens Kurz ผาเสี้ยน 33 LOGANIACEAE Strychnos nux-vomica L. แสลงใจ 34 LYTHRACEAE Lagerstroemia cuspidata C. B. Clarke ตะแบก 35 MALVACEAE Bombax anceps Pierre งิ้วปา 36 MALVACEAE Eriolaena candollei Wall. ปอเลียงฝาย 37 MALVACEAE Grewia laevigatav Vahl ยาบขี้ไก 38 MELIACEAE Chukrasia tabularis A. Juss. ยมหิน 39 MYRTACEAE Syzygium cumini (L.) Skeels หวา 40 OCHNACEAE Ochna integerrima (Lour.) Merr. ตาลเหลือง 41 OPILIACEAE Melientha suavis Pierre ผักหวาน 42 PENTAPHYLACACEAE Anneslea fragrans Wall. สารภีปา 43 PHYLLANTHACEAE Aporosa yunnanensis (Pax & K. Hoffm) เหมือดโลด 44 RUBIACEAE Haldina cordifolia (Roxb.) Ridsdale ขวาว 45 RUBIACEAE Wendlandia tinctoria (Roxb.) DC. แขงกวาง 46 RUBIACEAE Gardenia philastrei Pierre ex Pit. คํามอกหลวง 47 RUBIACEAE Ceriscoides turgida (Roxb.) Tirveng. ดิ๊กเดียม 48 RUBIACEAE Morinda coreia Buch.-Ham ยอปา 49 RUBIACEAE Canthium parvifolium Roxb. หนามมะเค็ด 50 SAPINDACEAE Schleichera oleosa (Lour.) Merr. ตะครอ
26
ตารางที่ 6 ขอมูลสรุปคา IVI ของพรรณไมที่สํารวจพบทั้งหมด
จํานวน จํานวน Ba density density frequency Dominance RD RF RBa IVI ชนิดไม (ตน) แปลง m2 (tree/Rai) (tree/ha) (%) (m2/ha) (%) (%) (%) (%) เต็ง 333 36 21.9579 1065.60 6660.00 360.00 439.16 34.37 34.37 10.88 79.61 รัง 229 39 8.6070 732.80 4580.00 390.00 172.14 23.63 23.63 11.78 59.05 ขวาว 33 23 1.0015 105.60 660.00 230.00 20.03 3.41 3.41 6.95 13.76 ประดู 35 18 0.7872 112.00 700.00 180.00 15.74 3.61 3.61 5.44 12.66 ปอเลียงฝาย 39 13 1.4903 124.80 780.00 130.00 29.81 4.02 4.02 3.93 11.98 แขงกวาง 29 11 0.1483 92.80 580.00 110.00 2.97 2.99 2.99 3.32 9.31 รกฟา 23 13 0.8738 73.60 460.00 130.00 17.48 2.37 2.37 3.93 8.67 กระพี้จั่น 19 12 1.8745 60.80 380.00 120.00 37.49 1.96 1.96 3.63 7.55 เก็ดดํา 17 11 0.5749 54.40 340.00 110.00 11.50 1.75 1.75 3.32 6.83 มะกอกปา 15 12 0.5807 48.00 300.00 120.00 11.61 1.55 1.55 3.63 6.72 ยอปา 12 11 0.4400 38.40 240.00 110.00 8.80 1.24 1.24 3.32 5.80 มะกอกเกลื้อน 16 7 0.1311 51.20 320.00 70.00 2.62 1.65 1.65 2.11 5.42 รักใหญ 14 8 0.4362 44.80 280.00 80.00 8.72 1.44 1.44 2.42 5.31 รักขี้หมู 11 9 0.8436 35.20 220.00 90.00 16.87 1.14 1.14 2.72 4.99 ตะแบก 10 9 0.3531 32.00 200.00 90.00 7.06 1.03 1.03 2.72 4.78 ยางเหียง 13 5 0.0773 41.60 260.00 50.00 1.55 1.34 1.34 1.51 4.19 แคบิด 10 5 0.2784 32.00 200.00 50.00 5.57 1.03 1.03 1.51 3.57 26
27
ตารางที่ 6 ขอมูลสรุปคา IVI ของพรรณไมที่สํารวจพบทั้งหมด (ตอ)
จํานวน จํานวน Ba density density frequency Dominance RD RF RBa IVI ชนิดไม (ตน) แปลง m2 (tree/Rai) (tree/ha) (%) (m2/ha) (%) (%) (%) (%) สมอพิเภก 7 7 0.0859 22.40 140.00 70.00 1.72 0.72 0.72 2.11 3.56 แสมสาร 8 6 0.3725 25.60 160.00 60.00 7.45 0.83 0.83 1.81 3.46 มะมวงหัวแมงวัน 7 6 0.2502 22.40 140.00 60.00 5.00 0.72 0.72 1.81 3.26 แดง 6 6 0.6715 19.20 120.00 60.00 13.43 0.62 0.62 1.81 3.05 ตาลเหลือง 7 5 0.1054 22.40 140.00 50.00 2.11 0.72 0.72 1.51 2.96 แสลงใจ 7 5 0.0482 22.40 140.00 50.00 0.96 0.72 0.72 1.51 2.96
ดิ๊กเดียม 7 3 0.0235 22.40 140.00 30.00 0.47 0.72 0.72 0.91 2.35 งิ้วปา 5 4 0.0254 16.00 100.00 40.00 0.51 0.52 0.52 1.21 2.24 ยาบขี้ไก 5 4 0.0865 16.00 100.00 40.00 1.73 0.52 0.52 1.21 2.24 ตีนนก 6 3 0.0176 19.20 120.00 30.00 0.35 0.62 0.62 0.91 2.14 กอแพะ 4 4 0.0367 12.80 80.00 40.00 0.73 0.41 0.41 1.21 2.03 ยมหิน 4 4 0.2567 12.80 80.00 40.00 5.13 0.41 0.41 1.21 2.03 แคหางคาง 4 3 0.0382 12.80 80.00 30.00 0.76 0.41 0.41 0.91 1.73 ติ้วเกลี้ยง 4 3 0.0534 12.80 80.00 30.00 1.07 0.41 0.41 0.91 1.73 หวา 4 3 0.5157 12.80 80.00 30.00 10.31 0.41 0.41 0.91 1.73 ตับเตาตน 3 3 0.0318 9.60 60.00 30.00 0.64 0.31 0.31 0.91 1.53 กอตลับ 3 2 0.0486 9.60 60.00 20.00 0.97 0.31 0.31 0.60 1.22 2 7
28
ตารางที่ 6 ขอมูลสรุปคา IVI ของพรรณไมที่สํารวจพบทั้งหมด (ตอ)
จํานวน จํานวน Ba density density frequency Dominance RD RF RBa IVI ชนิดไม (ตน) แปลง m2 (tree/Rai) (tree/ha) (%) (m2/ha) (%) (%) (%) (%) หนามมะเค็ด 3 2 0.1341 9.60 60.00 20.00 2.68 0.31 0.31 0.60 1.22 ผักหวาน 2 2 0.0047 6.40 40.00 20.00 0.09 0.21 0.21 0.60 1.02 คํามอกหลวง 2 1 0.0092 6.40 40.00 10.00 0.18 0.21 0.21 0.30 0.71 กางขี้มอด 1 1 0.0022 3.20 20.00 10.00 0.04 0.10 0.10 0.30 0.51 กาสะลองคํา 1 1 0.0351 3.20 20.00 10.00 0.70 0.10 0.10 0.30 0.51 กาสามปก 1 1 0.0074 3.20 20.00 10.00 0.15 0.10 0.10 0.30 0.51 เก็ดแดง 1 1 0.0081 3.20 20.00 10.00 0.16 0.10 0.10 0.30 0.51 คูน 1 1 0.0047 3.20 20.00 10.00 0.09 0.10 0.10 0.30 0.51 ตะครอ 1 1 0.0057 3.20 20.00 10.00 0.11 0.10 0.10 0.30 0.51 ตะแบกเลือด 1 1 0.0099 3.20 20.00 10.00 0.20 0.10 0.10 0.30 0.51 นมวัว 1 1 0.0076 3.20 20.00 10.00 0.15 0.10 0.10 0.30 0.51 ผาเสี้ยน 1 1 0.2771 3.20 20.00 10.00 5.54 0.10 0.10 0.30 0.51 พะยอม 1 1 0.0488 3.20 20.00 10.00 0.98 0.10 0.10 0.30 0.51 สมอไทย 1 1 0.0257 3.20 20.00 10.00 0.51 0.10 0.10 0.30 0.51 สารภีปา 1 1 0.0024 3.20 20.00 10.00 0.05 0.10 0.10 0.30 0.51 เหมือดโลด 1 1 0.0032 3.20 20.00 10.00 0.06 0.10 0.10 0.30 0.51 28
29
รวม 969.00 331.00 43.7094 3100.80 19380.00 3310.00 874.19 100.00 100.00 100.00 300.00 30
A B C
D E F
G H I
ภาพชุดที่ 1 ตัวอยางพรรณไมที่สํารวจพบในเขตรักษาพันธุสัตวปาลําน้ํานานฝงขวา จังหวัดแพรและจังหวัด อุตรดิตถ วงศ ANACARDIACEAE (A) มะมวงหัวแมงวัน Buchanania lanzan Spreng.; วงศ DIPTEROCARPACEAE (B-C) (B) เต็ง Shorea obtusa Wall. ex Blume; (C) รัง Shorea siamensis Miq.; วงศ FABACEAE (D-E) (D) ยมหิน Chukrasia tabularis A. Juss.; (E)กอแพะ Quercus kerrii Craib; วงศ LOGANIACEAE (F) แสลงใจ Strychnos nux-vomica L.; วงศ RUBIACEAE (G-I) (G) ขวาว Haldina cordifolia (Roxb.) Ridsdale; วงศ RUBIACEAE (H)แขงกวาง Wendlandia tinctoria (Roxb.) DC.; 31
วงศ RUBIACEAE (I) คํามอกหลวง Gardenia philastrei Pierre ex Pit.
32
ภาพที่ 7 Profile Digram ของแปลงสํารวจพรรณไม 30
29
31
3.2 ผลการสํารวจดานแมลง ผีเสื้อกลางวัน
ผีเสื้อกลางวัน สํารวจพบจํานวน 55 ชนิด 491 ตัว ดังนี้ 1. วงศ HESPERIDAE พบจํานวน 4 ชนิด 7 ตัว พบในฤดูรอน 1 ตัว พบในฤดูฝน 6 ตัว 2. วงศ LYCAENIDAE พบจํานวน 10 ชนิด 112 ตัว พบในฤดูรอน 59 ตัว พบในฤดูฝน 53 ตัว 3. วงศ NYMPHALIDAE พบจํานวน 27 ชนิด 194 ตัว พบในฤดูรอน 19 ตัว พบในฤดูฝน 175 ตัว 4. วงศ PAPILIONIDAE พบจํานวน 6 ชนิด 45 ตัว พบในฤดูรอน 1 ตัว พบในฤดูฝน 44 ตัว 5. วงศ PIERIDAE พบจํานวน 8 ชนิด 133 ตัว พบในฤดูรอน 34 ตัว พบในฤดูฝน 99 ตัว (ตารางที่ 7)
นําจํานวนตัวและจํานวนชนิดมาคํานวณหาคาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพตามสูตรของ Shannon’s Index ( )และคาความสม่ําเสมอตามสูตรของ Shannon Evenness ( ) ไดดังนี้ ในฤดูรอน คา เทากับ 3.825 คา เทากับ 0.560 ในฤดูฝน คา เทากับ 4.843 คา เทากับ 0.566 ในฤดูรอน และฤดูฝน คา เทากับ 5.011 คา เทากับ 0.561 (ภาพที่ 8)
ภาพที่ 8 คาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพ( )และคาความสม่ําเสมอ ( )ดานแมลง ผีเสื้อกลางวัน 32
เปรียบเทียบขอมูลโดยแผนผัง Venn diagram ขอมูลในฤดูรอน 22 ชนิด ฤดูฝน 49 ชนิด ทั้งฤดู รอนและฤดูฝน 15 ฃนิด คํานวณหาคาความคลายคลึงกันโดยวิธีของ Sorensen (Indices of similslity or Community coefficients : ISs) เทากับ 42.25 % (ภาพที่ 9)
15ชนิด ฤดูฝน 34 ชนิด ISs ฤดูรอน 7 ชนิด 42.25 %
ภาพที่ 9 คาดัชนีความคลายคลึง (Iss)ดานแมลง ผีเสื้อกลางวัน 33
ตารางที่ 7 บัญชีรายชื่อผีเสื้อกลางวันที่สํารวจพบ
ฤดู ฤดู ที่ วงศ ชื่อวิทยาศาสตร ชื่อสามัญ รอน ฝน 1 HESPERIDAE Halpe sikkima Moore, 1882 ผีเสื้อจุดเหลี่ยมสิกขิม - 1 2 HESPERIDAE Caprona agama (Moore,1858) ผีเสื้อสีตางฤดูประจุด - 2 3 HESPERIIDAE Badamia exclamationis (Fabricius,1775) ผีเสื้อหนาเข็มสีตาล 1 2 4 HESPERIIDAE Hasora chromus (Cramer,1780) ผีเสื้อหนาเข็มสวนแถบขาว - 1 5 LYCAENIDAE Catochrysops strabo (Fabricius,1793) ผีเสื้อฟาดอกถั่วธรรมดา 13 - 6 LYCAENIDAE Leptotes plinius (Fabricius,1793) ผีเสื้อฟาลาย 17 3 7 LYCAENIDAE Jamides bochus (Stoll,1782) ผีเสื้อฟาวาวสีคล้ํา 8 - 8 LYCAENIDAE Jamides celeno (Fabricius,1793) ผีเสื้อฟาวาวสีตางฤดู 16 2 9 LYCAENIDAE Chilades lajus (Stoll,1780) ผีเสื้อฟาหนอนมะนาว - 35 10 LYCAENIDAE Cigaritis syama (Moore,1884) ผีเสื้อลายขีดเงินกระบอง 3 - 11 LYCAENIDAE Loxura atymnus (Stoll,1780) ผีเสื้อแสดหางยาว - 5 12 LYCAENIDAE Castalius rosimon (Fabricius,1775) ผีเสื้อหนอนพุทราธรรมดา - 3 13 LYCAENIDAE Curetis acuta Moore,1879 ผีเสื้อหมากสุกมุมหัก 2 4 14 LYCAENIDAE Abisara geza Fruhstorfer, 1904 ผีเสื้อปกกึ่งหุบจุดเดน - 1 15 NYMPHALIDAE Parthenos sylvia Moore,1879 ผีเสื้อชางรอน - 2 16 NYMPHALIDAE Polyura eudamippus (Lathy,1898) ผีเสื้อมาขาวโคนปกดํา - 1 17 NYMPHALIDAE Polyura athamas (Moore, 1879) ผีเสื้อเหลืองหนามธรรมดา - 1 18 NYMPHALIDAE Parantica melaneus (Fruhstorfer,1910) ผีเสื้อลายเสือสีตาล - 1 19 NYMPHALIDAE Lexias pardalis (Fruhstorfer,1913) ผีเสื้ออาชดุคธรรมดา 1 - 20 NYMPHALIDAE Pantoporia hordonia (Stoll,1790) ผีเสื้อกะลาสีแดงธรรมดา - 2 21 NYMPHALIDAE Phaedyma columella (Moore,1881) ผีเสื้อกะลาสีเทาแถบสั้น 3 10 22 NYMPHALIDAE Neptis hylas Moore,1874 ผีเสื้อกะลาสีธรรมดา - 14 23 NYMPHALIDAE Euploea mulciber (Cramer,1777) ผีเสื้อจรกาเมียลาย 3 9 24 NYMPHALIDAE Euploea core Lucas,1853 ผีเสื้อจรกาหนอนยี่โถ - 30 25 NYMPHALIDAE Mycalesis intermedia (Moore,1892) ผีเสือตาลพุมคั่นกลาง - 14 26 NYMPHALIDAE Mycalesis thailandica Aoki & ผีเสื้อตาลพุมไทย - 11 Yamaguchi, 1984 34
27 NYMPHALIDAE Mycalesis perseus (Fabricius 1775) ผีเสื้อตาลพุมธรรมดา - 12 28 NYMPHALIDAE Hypolimnas bolina (Drury, 1773) ผีเสื้อปกไขใหญ - 1 35
ตารางที่ 7 บัญชีรายชื่อแมลงที่สํารวจพบ (ตอ)
ฤดู ฤดู ที่ วงศ ชื่อวิทยาศาสตร ชื่อสามัญ รอน ฝน 29 NYMPHALIDAE Junonia lemonias (Linnaeus,1758) ผีเสื้อแพนซีสีตาล 5 26 30 NYMPHALIDAE Junonia hierta (Fabricius,1798) ผีเสื้อแพนซีเหลือง - 5 31 NYMPHALIDAE Cupha erymanthis (Drury,1773) ผีเสื้อลายขี้เมี่ยง 2 - 32 NYMPHALIDAE Tirumala septentrionis (Butler,1874) ผีเสื้อลายเสือฟาเขม 1 - 33 NYMPHALIDAE Melanitis leda (Linnaeus,1758) ผีเสื้อสายัณหสีตาลธรรมดา - 7 34 NYMPHALIDAE Ypthima baldus (Fabricius,1775) ผีเสื้อสีตาลจุดตาหาธรรมดา - 4 35 NYMPHALIDAE Ypthima singorensis Aoki & ผีเสื้อสีตาลจุดตาหาเมืองสิงห - 4 Uémura,1984 36 NYMPHALIDAE Phalanta phalantha (Drury,1773) ผีเสื้อเสือดาวใหญ - 2 37 NYMPHALIDAE Danaus genutia (Cramer,1779) ผีเสื้อหนอนขาวสารลายเสือ - 5 38 NYMPHALIDAE Ariadne merione (Moore, 1884) ผีเสื้อหนอนละหุงธรรมดา - 2 39 NYMPHALIDAE Ariadne specularia (Fruhstorfer,1906) ผีเสื้อหนอนละหุงลายแถบ 1 4 40 NYMPHALIDAE Ariadne ariadne (Fruhstorfer,1899 ผีเสื้อหนอนละหุงลายหยัก 2 2 41 NYMPHALIDAE Cynitia lepidea (Fruhstorfer,1913) ผีเสื้อเคาทเทา 1 6 42 PAPILIONIDAE Papilio polytes Cramer,1775 ผีเสื้อหางติ่งธรรมดา 1 9 43 PAPILIONIDAE Papilio demoleus wallace,1865 ผีเสื้อหนอนมะนาว - 25 44 PAPILIONIDAE Graphium nomius (Moore,1878) ผีเสื้อหางดาบลายจุด - 5 45 PAPILIONIDAE Papilio helenus Linnaeus,1758 ผีเสื้อหางติ่งเฮเลน - 1 46 PAPILIONIDAE Pachliopta aristolochiae ผีเสื้อหางตุมจุดชมพู - 3 (Rothschild,1908) 47 PAPILIONIDAE Troides aeacus (C. & R. Felder, 1860) ผีเสื้อถุงทองธรรมดา - 1 48 PIERIDAE Eurema hecabe (Linnaeus,1758) ผีเสื้อเณรธรรมดา 12 25 49 PIERIDAE Eurema simulatrix (Fruhstorfer,1910) ผีเสือเณรภูเขา 3 14 50 PIERIDAE Eurema blanda (Wallace, 1867) ผีเสื้อเณรสามจุด - 3 51 PIERIDAE Ixias pyrene H.Druce, 1874 ผีเสื้อปลายปกสมเล็ก - 11 52 PIERIDAE Hebomoia glaucippe (Linnaeus,1758) ผีเสื้อปลายปกสมใหญ - 2 53 PIERIDAE Catopsilia pomona (Fabricius,1775) ผีเสื้อหนอนคูนธรรมดา 13 35 36
54 PIERIDAE Appias olferna Swinhoe,1890 ผีเสื้อหนอนใบกุมเสนดํา 3 6 55 PIERIDAE Cepora nerissa (Moore,1879) ผีเสื้อเหลืองสยามลายขีด 3 3
37
A B C
D E F
G H I
ภาพชุดที่ 2 ตัวอยางผีเสื้อกลางวันที่สํารวจพบในเขตรักษาพันธุสัตวปาลําน้ํานานฝงขวา วงศ LYCAENIDAE (A) ผีเสื้อปกกึ่งหุบจุดเดน Abisara geza Fruhstorfer, 1914 ; วงศ NYMPHALIDAE (B-G) (B) ผีเสื้อเคาทเทา Cynitia lepidea (Fruhstorfer,1913) ; (C) ผีเสื้อชางรอน ผีเสื้อขลิบมรกต Parthenos sylvia Moore,1879 ; (D) ผีเสื้อมาขาวโคนปกดํา Polyura eudamippus (Lathy,1898) ; (E) ผีเสื้อมาเขียวธรรมดา,ผีเสื้อเหลืองหนามธรรมดาPolyura athamas (Moore, 1879) ; (F) ผีเสื้อลายเสือสีตาล Parantica melaneus (Fruhstorfer,1910) ; (G) ผีเสื้ออาชดุคธรรมดา Lexias pardalis (Fruhstorfer,1913) ; วงศ PAPILIONIDAE (H-I)(H) ผีเสื้อถุงทองธรรมดา Troides aeacus (C. & R. Felder, 1860) ; (I) ผีเสื้อหางติ่งธรรมดา Papilio polytes Cramer,1775 38
39
3.3 ผลการสํารวจดานแมลง ผีเสื้อกลางคืนและดวงขนาดใหญ สํารวจพบผีเสื้อกลางคืน ดวงขนาดใหญ จํานวน 59 ชนิด 207 ตัว ดังนี้ 1. วงศ Arctiidae พบจํานวน 5 ชนิด 6 ตัว ในฤดูฝน 5 ตัว ในฤดูรอน 1 ตัว 2. วงศ Cotocalinae พบจํานวน 1 ชนิด 2 ตัว ในฤดูฝน 2 ตัว 3. วงศ Crambidae พบจํานวน 7 ชนิด 13 ตัว ในฤดูฝน 10 ตัว ในฤดูรอน 3 ตัว 4. วงศ Drepanidae พบจํานวน 3 ชนิด 6 ตัว ในฤดูฝน 6 ตัว 5. วงศ Ennominae พบจํานวน 1 ชนิด 2 ตัว ในฤดูรอน 2 ตัว 6. วงศ Erebidae พบจํานวน 6 ชนิด 18 ตัว ในฤดูฝน 14 ตัว ในฤดูรอน 4 ตัว 7. วงศ Geometridae พบจํานวน 11 ชนิด 104 ตัว ในฤดูฝน 102 ตัว ในฤดูรอน 2 ตัว 8. วงศ Lasiocampidae พบจํานวน 1 ชนิด 1 ตัว ในฤดูฝน 1 ตัว 9. วงศ Noctuidae พบจํานวน 16 ชนิด 35 ตัว ในฤดูฝน 33 ตัว ในฤดูรอน 2 ตัว 10. วงศ Notodontidae พบจํานวน 2 ชนิด 9 ตัว ในฤดูฝน 9 ตัว 11. วงศ Saturniidae พบจํานวน 1 ชนิด 1 ตัว ในฤดูฝน 1 ตัว ว 12. วงศ Sphingidae พบจํานวน 4 ชนิด 7 ตัว ในฤดูฝน 5 ตัว ในฤดูรอน 2 ตัว 13. วงศ Thyrididae พบจํานวน 1 ชนิด 1 ตัว ในฤดูฝน 1 ตัว 14. วงศ Uraniidae พบจํานวน 1 ชนิด 2 ตัว ในฤดูฝน 2 ตัว (ตารางที่ 8)
นําจํานวนตัวและจํานวนชนิดมาคํานวณหาคาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพตามสูตรของ Shannon’s Index ( )และคาความสม่ําเสมอตามสูตรของ Shannon Evenness ( ) ไดดังนี้ ในฤดูรอน คา เทากับ 3.735 คา เทากับ 0.914 ในฤดูฝน คา เทากับ 4.635 คา เทากับ 0.612 ในฤดูรอน และฤดูฝน คา เทากับ 4.869 คา เทากับ 0.633 (ภาพที่ 10) 40
ภาพที่ 10 คาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพ( )และคาความสม่ําเสมอ ( )ดานแมลง ผีเสื้อกลางคืน 41
เปรียบเทียบขอมูลโดยแผนผัง Venn diagram ขอมูลในฤดูรอน 14 ชนิด ฤดูฝน 51 ชนิด ทั้งฤดู รอนและฤดูฝน 5 ชนิด คํานวณหาคาความคลายคลึงกันโดยวิธีของ Sorensen (Indices of similslity or Community coefficients : ISs) เทากับ 15.38 % (ภาพที่ 11)
5 ชนิด ISs
ฤดูฝน 46 ชนิด 15.38 % ฤดูรอน 9 ชนิด
ภาพที่ 11 คาดัชนีความคลายคลึง (Iss)ดานแมลง ผีเสื้อกลางคืน
42
ตารางที่ 8 บัญชีรายชื่อแมลงที่สํารวจพบ
ฤดู ฤดู ที่ ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร วงศ รอน ฝน 1 Arctiidae Barsine pluma (Cerny, 2009) - 1 2 Arctiidae Creatonotus transiens (Walker, 1855) - 1 3 Arctiidae Cyana quadrinotata - 1 4 Arctiidae Eilema sp. 1 - 5 Arctiidae Eressa confinis - 2 6 Cotocalinae Erebus macrops (Linnaeus) มอธตานกฮูก - 2 7 Crambidae Herpetogramma licarsisalis - 1 8 Crambidae Meroctena tullalis (Walker, 1859) - 3 9 Crambidae Omiodes indicata (Fabricius, 1775) 1 3 10 Crambidae Parotis marginata (Hampson, 1893) - 2 11 Crambidae Pygospila tyres (Cramer, 1780) - 1 12 Crambidae Lamprosema tampiusalis 1 - 13 Crambidae 1 - 14 Drepanidae Cyclidia orciferaria (Walker, 1860) - 2 15 Drepanidae Teldenia specca (Wilkinson, 1967) - 2 16 Drepanidae - 2 17 Ennominae 2 - 18 Erebidae Hydrillodes sp. - 1 19 Erebidae Hypocala biarcuata (Walker, 1858) - 1 20 Erebidae Artena dotata (Fabricius, 1794) - 2 21 Erebidae Pandesma anysa (Guenée, 1852) 1 3 22 Erebidae Bamra mundata (Walker, 1858) 2 7 23 Erebidae Plecoptera sp 1 - 24 Geometridae Biston bengaliaria (Guenée, 1857) - 1 25 Geometridae Cleora determinata ผีเสื้อหนอนคืบเปลือกไมลายคลื่น - 4 26 Geometridae Cleora alienaria (Walker 1860) - 5 43
27 Geometridae Cusiala boarmoides (Moore,1887) 1 5 28 Geometridae Hemithea tritonaria 1 - 29 Geometridae Hyposidra talaca (Walker, 1860) ผีเสื้อหนอนคืบ - 10 30 Geometridae Peratophyga beta (Holloway, 1994) - 9
44
ตารางที่ 8 บัญชีรายชื่อแมลงที่สํารวจพบ (ตอ)
ฤดู ฤดู ที่ ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร วงศ รอน ฝน 31 Geometridae Pingasa chlora - 3 32 Geometridae Semiothisa eleonora ผีเสื้อหนอนคืบทองเงิน - 53 33 Geometridae Zamarada denticulata ผีเสื้อหนอนคืบ - 2 34 Geometridae - 10 35 Lasiocampidae Radhica holoxantha 1 - 36 Noctuidae Bastilla crameri (Moore) - 2 37 Noctuidae Episparina tortuosalis (Moore, 1867) - 5 38 Noctuidae Mocis undata (Fabricius) - 2 39 Noctuidae Rema tetraspila Walker - 2 40 Noctuidae Achaea janata (Linnaeus) - 3 41 Noctuidae Asofa ficus (Fabricius) - 1 42 Noctuidae Asota caricae มอธนกเคาแถบคาด - 3 43 Noctuidae Callyna sp. - 2 44 Noctuidae Chrysodeixis chalcites (Esper, 1789) - 1 45 Noctuidae Episparina sp - 2 46 Noctuidae Neochera dominia (Cramer, 1780) ผีเสื้อมอธบุงดําขาวโพด 1 5 47 Noctuidae Oxyodes scrobiculata (Fabricius) - 1 48 Noctuidae Sasunaga sp. - 1 49 Noctuidae - 1 50 Noctuidae Amyna punctum 1 - 51 Noctuidae Callopistria sp - 2 52 Notodontidae Allata sikkima (Moore, 1879) - 2 53 Notodontidae Phalera grotei (Moore, 1859) - 7 54 Saturniidae Attacus atlas Linnaeus,1758 ผีเสื้อหนอนกระทอน - 1 55 Sphingidae Ambulyx sericeipennis 2 - 56 Sphingidae Cephonodes hylas - 1 57 Sphingidae Craspedortha porphyria (Butler, 1876) - 3 45
58 Sphingidae Psilogramma increta (Walker, 1865) - 1 59 Thyrididae Striglina sp - 1 60 Uraniidae Orudiza protheclaria - 2
46
A B C
D E F
G H I
ภาพชุดที่ 3 ตัวอยางผีเสื้อกลางคืนและดวงขนาดใหญที่สํารวจพบในเขตรักษาพันธุสัตวปาดอยหลวง วงศ Drepanidae (A) Cyclidia orciferaria (Walker, 1860); วงศ Erebidae (B-C) (B) Artena dotata (Fabricius, 1794); (C) Pandesma anysa (Guenée, 1852); (D) Radhica holoxantha; วงศ Noctuidae (E-H) (E) Bastilla crameri (Moore); (F) Episparina tortuosalis (Moore, 1867); (G) Mocis undata (Fabricius); (H) Rema tetraspila Walker; วงศ Sphingidae (I) Ambulyx sericeipennis 47
3.4 ผลการสํารวจดานเห็ด
เห็ด สํารวจพบจํานวน 65 ชนิด 953 ดอก ดังนี้ อันดับ Agarcales 20 ชนิด 348 ดอก อันดับ Boletales 4 ชนิด 119 ดอก อันดับ Cantharellales 3 ชนิด 129 ดอก อันดับ Hymenochaetales 9 ชนิด 30 ดอก อันดับ Pezizales 1 ชนิด 2 ดอก อันดับ Phallales 1 ชนิด 1 ดอก อันดับ Polyporales 16 ชนิด 232 ดอก อันดับ Russulales 8 ชนิด 56 ดอก อันดับ Xylariales 3 ชนิด 36 ดอก (ตารางที่ 9)
นําจํานวนดอกและจํานวนชนิดมาคํานวณหาคาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพตามสูตรของ Shannon’s Index ( )และคาความสม่ําเสมอตามสูตรของ Shannon Evenness ( ) ไดดังนี้ ในฤดูรอน คา เทากับ 3.254 คา เทากับ 0.423 ในฤดูฝน คา เทากับ 4.484 คา เทากับ 0.470 รวมทั้งฤดู รอนและฤดูฝน คา เทากับ 5.034 คา เทากับ 0.509 (ภาพที่ 12)
48
ภาพที่ 12 คาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพ( )และคาความสม่ําเสมอ ( )ดานเห็ด 49
เปรียบเทียบขอมูลโดยแผนผัง Venn diagram ขอมูลในฤดูรอน 17 ชนิดฤดูฝน 57 ชนิด ทั้งฤดู รอนและฤดูฝน 9 ชนิด คํานวณหาคาความคลายคลึงกันโดยวิธีของ Sorensen (Indices of similslity or Community coefficients : ISs) เทากับ 24.43 % (ภาพที่ 13)
9 ชนิด ฤดูฝน 48 ชนิด ISs ฤดูรอน 8 ชนิด 24.43 %
ภาพที่ 13 คาดัชนีความคลายคลึง (Iss)ดานเห็ด
50
ตารางที่ 9 บัญชีราชชื่อเห็ดที่สํารวจพบ
ที่ อันดับ วงศ ชื่อวิทยาศาสตร ชื่อสามัญ วัสดุ/พืช จํานวนดอก อาศัย ฝน รอน 1 Agarcales Pluteaceae Amanita hemibapha เห็ดระโงกเหลือง ดิน 14 - 2 Agarcales Pluteaceae Amanita princeps เห็ดระโงกขาว ดิน 8 - 3 Agarcales Pluteaceae Amanita hemibapha เห็ดระโงกเหลือง ดิน 9 - 4 Agarcales Pluteaceae Amanita princeps เห็ดระโงกขาว ดิน 4 - 5 Agarcales Tricholomataceae ขอนไม 7 - 6 Agarcales Tricholomataceae Termitomyces microcarpus เห็ดขาวตอก ขอนไม 32 - 7 Agarcales Tricholomataceae Termitomyces sp. เห็ดโคนปลวก ขอนไม 7 - 8 Agaricales Agaricaceae Agaricus trisulphuratus Berk. เห็ดกระดุมทองเหลือง ดิน 2 - 9 Agaricales Agaricaceae ดิน 1 - 10 Agaricales Clavariaceae Clavulinopsis miyabeana เห็ดปะการังพวงแสด ขอนไม 28 - 11 Agaricales Cortinariaceae Cortinarius sp. ดิน 54 - 12 Agaricales Marasmiaceae Marasmius sp. 1 ขอนไม 2 - 13 Agaricales Marasmiaceae Marasmius sp. 2 ขอนไม 18 - 14 Agaricales Marasmiaceae Marasmius sp. 3 ขอนไม 5 - 15 Agaricales Marasmiaceae Marasmius sp. 4 ขอนไม 1 - 16 Agaricales Marasmiaceae Marasmiellus candidus เห็ดเกล็ดขาว ขอนไม 3 - 17 Agaricales Nidulariaceae Cyathus striatus เห็ดรังนก ขอนไม 21 9 18 Agaricales Schizophallceae Schizophyllum commune Fr. เห็ดตีนตุกแก ขอนไม 37 29 19 Agaricales Tricholomataceae Termitomyces indicus เห็ดโคนปลวกขาวตอก ขอนไม 49 - ยอดน้ําตาล 20 Agaricales Tricholomataceae Hygrocybe coccineocrenata เห็ดประทัดจีน ขอนไม 8 - 21 Boletales Boletaceae Boletus pallidus Frost. เห็ดผึ้งขาว ขอนไม 5 - 22 Boletales Sclerodermataceae Astraeus hygrometricus (Pers.) เห็ดเผาะ ขอนไม 43 22 Morgan 23 Boletales Sclerodermataceae Sclaroderma sp. ขอนไม 46 - 24 Boletales ดิน 3 - 25 Cantharellales Cantharellaceae Craterellus aureus เห็ดขมิ้นนอย ดิน 79 - 26 Cantharellales Cantharellaceae Craterellus cibarius เห็ดขมิ้นใหญ ดิน 9 - 27 Cantharellales Clavulinaceae Clavulina cristata เห็ดปะการังหงอนไก ขอนไม 41 - 51
28 Hymenochaetales Hymenochaetaceae Phellinus sp. 1 เห็ดหิ้ง ขอนไม 2 -
ตารางที่ 9 บัญชีราชชื่อเห็ดที่สํารวจพบ (ตอ)
วัสดุ/พืช จํานวนดอก ที่ อันดับ วงศ ชื่อวิทยาศาสตร ชื่อสามัญ อาศัย ฝน รอน 29 Hymenochaetales Hymenochaetaceae Phellinus sp. 2 เห็ดหิ้ง ขอนไม 3 - 30 Hymenochaetales Hymenochaetaceae Auricularia fuscosuccinea เห็ดหูหนูเสวย ขอนไม 8 - (Mont.) Henn. 31 Hymenochaetales Hymenochaetaceae Auricularia auricula (Hook) เห็กหูหนู ขอนไม 4 - Underw) 32 Hymenochaetales Hymenochaetaceae Auricularia polytricha (Mont.) เห็กหูหนู ขอนไม 7 - Sacc. 33 Hymenochaetales 1 ขอนไม - 2 34 Hymenochaetales 2 ขอนไม - 1 35 Hymenochaetales 3 ขอนไม - 1 36 Hymenochaetales 4 ขอนไม - 2- 37 Pezizales Pyronemataceae ดิน 2 - 38 Phallales Gomphaceae Gomphus sp. ดิน 1 - 39 Polyporales Polyporaceae Fomes sp ดิน 1 - 40 Polyporales Polyporaceae Trichaptum byssogenum เห็ดแปรงมะพราว ขอนไม 5 2 (Jungh.) Ryv. 41 Polyporales Polyporaceae Trichaptum sp. ขอนไม - 28 42 Polyporales Polyporaceae Daedalaposis confragosa เห็ดหิ้งแดง ขอนไม 4 - 43 Polyporales Polyporaceae Polyporus sp.1 ขอนไม - 3 44 Polyporales Polyporaceae Lenzites sp.1 ขอนไม 2 - 45 Polyporales Polyporaceae Lentinus sp. 1 ขอนไม 2 - 46 Polyporales Polyporaceae Lentinus sp. 2 ขอนไม 29 - 47 Polyporales Polyporaceae Microporus xanthopus (Fr.) เห็ดกรวยทองตากู ขอนไม 17 21 Kuntze 48 Polyporales Polyporaceae Lenzites polychrous เห็ดขอน ขอนไม 23 57 49 Polyporales Polyporaceae Pycnoporus sanguneus เห็ดขอนแดงรูเล็ก ขอนไม 5 - 50 Polyporales Polyporaceae Hexagonia sp.1 ขอนไม 1 9 52
51 Polyporales Polyporaceae Hexagonia sp.2 ขอนไม - 11 52 Polyporales Polyporaceae Pycnoporus cinnabarinus เห็ดขอนแดงรูใหญ ขอนไม 2 - (Jacq.) P. Karst. 53 Polyporales Polyporaceae Genoderma sp. ขอนไม - 4 ตารางที่ 9 บัญชีราชชื่อเห็ดที่สํารวจพบ (ตอ)
วัสดุ/พืช จํานวนดอก ที่ อันดับ วงศ ชื่อวิทยาศาสตร ชื่อสามัญ อาศัย ฝน รอน 54 Polyporales Polyporaceae Microporus sp. เห็ดพัด ขอนไม 2 4 55 Russulales Russulaceae Lactarius sp. ดิน 4 - 56 Russulales Russulaceae Lactarius glaucescens crossl. เห็ดขา ดิน 2 - 57 Russulales Russulaceae Russula densifolia (Secr.) Gill เห็ดถานเล็ก ดิน 4 - 58 Russulales Russulaceae Russula nigricans (Bull.) Fr. เห็ดถานใหญ ดิน 1 - 59 Russulales Russulaceae Russula alboareolata Hongo. เห็ดน้ําแปง ดิน 18 - 60 Russulales Russulaceae Russula emitica (Schaeff.&Fr.) เห็ดน้ําหมาก ดิน 20 - S.F.Gray 61 Russulales Russulaceae Lactarius sp. เห็ดฟาน ดิน 3 - 62 Russulales Russulaceae Lactarius piperatus (Scop ex เห็ดขิง ดิน 4 - Fr.) S.F.G. 63 Xylariales Xylariaceae Xylaria sp. 1 ขอนไม 25 - 64 Xylariales Xylariaceae Xylaria sp. 2 ขอนไม 5 3 65 Xylariales Xylariaceae Xylaria polymorpha ดิน 3 -
53
A B C
D E F
G H I
ภาพชุดที่ 4 ตัวอยางเห็ดที่สํารวจพบในเขตรักษาพันธุสัตวปาลําน้ํานานฝงขวา อันดับ Agarcales (A-D) (A) เห็ดระโงกเหลือง Amanita hemibapha อันดับ Agaricales (B) เห็ดโคนปลวกขาวตอกยอดน้ําตาล Termitomyces indicus อันดับ Agaricales (C) เห็ดตีนตุกแก Schizophyllum commune Fr. อันดับ Agaricales (D) เห็ดรังนก Cyathus striatus อันดับ Cantharellales (E-F) (E) เห็ดขมิ้นนอย Craterellus aureus อันดับ Cantharellales (F) เห็ดปะการังหงอนไก Clavulina cristata อันดับ Polyporales (G-H) (G) เห็ดกรวยทองตากู Microporus xanthopus (Fr.) Kuntze อันดับ Polyporales (H) เห็ดขอน Lenzites polychrous 54
อันดับ Xylariales (I) Xylaria polymorpha 55
บทที่ 4 สรุปและวิจารณผลการสํารวจ
จากการสํารวจความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ปาอนุรักษ เขตรักษาพันธุสัตวปาลําน้ํานาน ฝงขวา จังหวัดแพรและจังหวัดอุตรดิตถ โดยทําการวางแปลงสํารวจในพื้นที่ปาเต็งรัง สํารวจเก็บขอมูล จํานวน 4 แปลงตัวอยาง การสํารวจดานดานพืช พบพรรณไมทั้งหมดจํานวน 21 วงศ 50 ชนิด 696 ตน โดยวงศที่สํารวจ พบมากที่สุดคือ วงศ DIPTEROCARPACEAE สํารวจพบพรรณไมจํานวน 4 ชนิด คิดเปน 8% ของชนิดที่พบ 576 ตน คิดเปน 59.44%ของพรรณไมที่พบ ไดแก เต็ง พะยอม ยางเหียง รัง ตนเต็ง (Shorea obtusa Wall. ex Blume) วงศ DIPTEROCARPACEAE เปนพรรณไมที่สํารวจพบมากที่สุด จํานวน 333 ตน และมีคาความสําคัญ ของชนิดพันธุมากที่สุด เทากับ 79.61 % คาดัชนีความหลากชนิดของพืชพันธุ ( index of species diversity) คํานวนจากสูตรของShanon Wiener โดยใช log ฐาน 2 มีคาดัชนีความหลากชนิด( )เทากับ 3.585 คํานวนจาก การใชโปรแกรม SPECDIV.EXE มีคาดัชนีความหลากชนิด( )เทากับ 3.585 ซึ่งผลที่ไดมีคาเทากันคาความ สม่ําเสมอ (Shannon Evenness) คํานวนจากสูตรของ Shanon Wiener โดยใช log ฐาน 2 มีคาดัชนีความ สม่ําเสมอ( )เทากับ 0.361 คํานวนจากการใชโปรแกรม SPECDIV.EXE มีคาดัชนีความสม่ําเสมอ( )เทากับ 0.635 ซึ่งผลที่ไดมีคาไมเทากัน การสํารวจดานแมลง ผีเสื้อกลางวัน สํารวจพบจํานวน 55 ชนิด 491 ตัววงศ HESPERIDAE พบจํานวน 4 ชนิด 7 ตัว พบในฤดูรอน 1 ตัว พบในฤดูฝน 6 ตัว วงศ LYCAENIDAE พบ จํานวน 10 ชนิด 112 ตัว พบในฤดูรอน 59 ตัว พบในฤดูฝน 53 ตัว วงศ NYMPHALIDAE พบจํานวน 27 ชนิด 194 ตัว พบในฤดูรอน 19 ตัว พบในฤดูฝน 175 ตัว วงศ PAPILIONIDAE พบจํานวน 6 ชนิด 45 ตัว พบในฤดูรอน 1 ตัว พบในฤดูฝน 44 ตัว วงศ PIERIDAE พบจํานวน 8 ชนิด 133 ตัว พบในฤดูรอน 34 ตัว พบในฤดูฝน 99 ตัว นําจํานวนตัวและจํานวนชนิดมาคํานวณหาคาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพตามสูตรของ Shannon’s Index ( )และคาความสม่ําเสมอตามสูตรของ Shannon Evenness ( ) ไดดังนี้ ในฤดูรอน คา เทากับ 3.825 คา เทากับ 0.560 ในฤดูฝน คา เทากับ 4.843 คา เทากับ 0.566 ในฤดูรอนและฤดูฝน คา เทากับ 5.011 คา เทากับ 0.561 เปรียบเทียบขอมูลโดยแผนผัง Venn diagram ขอมูลในฤดูรอน 22 ชนิด ฤดูฝน 49 ชนิด ทั้งฤดูรอนและฤดูฝน 15 ชนิด คํานวณหาคาความคลายคลึงกันโดยวิธีของ Sorensen (Indices of similslity or Community coefficients : ISs) เทากับ 42.25 % การสํารวจดานผีเสื้อกลางคืนและดวงขนาดใหญ สํารวจพบผีเสื้อกลางคืน ดวงขนาดใหญ จํานวน 59 ชนิด 207 ตัว วงศ Arctiidae พบจํานวน 5 ชนิด 6 ตัว ใน 56
ฤดูฝน 5 ตัว ในฤดูรอน 1 ตัว วงศ Cotocalinae พบจํานวน 1 ชนิด 2 ตัว ในฤดูฝน 2 ตัว วงศ Crambidae พบจํานวน 7 ชนิด 13 ตัว ในฤดูฝน 10 ตัว ในฤดูรอน 3 ตัว วงศ Drepanidae พบจํานวน 3 ชนิด 6 ตัว ในฤดู ฝน 6 ตัว ตัว วงศ Ennominae พบจํานวน 1 ชนิด 2 ตัว ในฤดูรอน 2 ตัว วงศ Erebidae พบจํานวน 6 ชนิด 18 ตัว ในฤดูฝน 14 ตัว ในฤดูรอน 4 ตัว วงศ Geometridae พบจํานวน 11 ชนิด 104 ตัว ในฤดูฝน 102 ตัว ในฤดูรอน 2 ตัว วงศ Lasiocampidae พบจํานวน 1 ชนิด 1 ตัว ในฤดูฝน 1 ตัว วงศ Noctuidae พบจํานวน 16 ชนิด 35 ตัว ในฤดูฝน 33 ตัว ในฤดูรอน 2 ตัว วงศ Notodontidae พบจํานวน 2 ชนิด 9 ตัว ในฤดูฝน 9 ตัว วงศ Saturniidae พบจํานวน 1 ชนิด 1 ตัว ในฤดูฝน 1 ตัว วงศ Sphingidae พบจํานวน 4 ชนิด 7 ตัว ใน ฤดูฝน 5 ตัว ในฤดูรอน 2 ตัว วงศ Thyrididae พบจํานวน 1 ชนิด 1 ตัว ในฤดูฝน 1 ตัว วงศ Uraniidae พบ จํานวน 1 ชนิด 2 ตัว ในฤดูฝน 2 ตัว นําจํานวนตัวและจํานวนชนิดมาคํานวณหาคาดัชนีความหลากหลายทาง ชีวภาพตามสูตรของ Shannon’s Index ( )และคาความสม่ําเสมอตามสูตรของ Shannon Evenness ( ) ไดดังนี้ ในฤดูรอน คา เทากับ 3.735 คา เทากับ 0.914 ในฤดูฝน คา เทากับ 4.635 คา เทากับ 0.612 ในฤดูรอนและฤดูฝน คา เทากับ 4.869 คา เทากับ 0.633 เปรียบเทียบขอมูลโดยแผนผัง Venn diagram ขอมูลในฤดูรอน 14 ชนิด ฤดูฝน 51 ชนิด ทั้งฤดูรอนและฤดูฝน 5 ชนิด คํานวณหาคาความ คลายคลึงกันโดยวิธีของ Sorensen (Indices of similslity or Community coefficients : ISs) เทากับ 15.38 % การสํารวจดานเห็ด สํารวจพบจํานวน 65 ชนิด 953 ดอก ดังนี้ อันดับ Agarcales 20 ชนิด 348 ดอก อันดับ Boletales 4 ชนิด 119 ดอก อันดับ Cantharellales 3 ชนิด 129 ดอก อันดับ Hymenochaetales 9 ชนิด 30 ดอก อันดับ Pezizales 1 ชนิด 2 ดอก อันดับ Phallales 1 ชนิด 1 ดอก อันดับ olyporales 16 ชนิด 232 ดอก อันดับ Russulales 8 ชนิด 56 ดอก อันดับ ylariales 3 ชนิด 36 ดอก นําจํานวนดอกและ จํานวนชนิดมาคํานวณหาคาดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพตามสูตรของ Shannon’s Index ( )และคา ความสม่ําเสมอตามสูตรของ Shannon Evenness ( ) ไดดังนี้ ในฤดูรอน คา เทากับ 3.254 คา เทากับ 0.423 ในฤดูฝน คา เทากับ 4.484 คา เทากับ 0.470 รวมทั้งฤดูรอนและฤดูฝน คา เทากับ 5.034 คา เทากับ 0.509 เปรียบเทียบขอมูลโดยแผนผัง Venn diagram ขอมูลในฤดูรอน 17 ชนิด ฤดูฝน 57 ชนิด ทั้งฤดูรอนและฤดูฝน 9 ชนิด คํานวณหาคาความคลายคลึงกันโดยวิธีของ Sorensen (Indices of similslity or Community coefficients : ISs) เทากับ 24.43 % 57
ปญหา อุปสรรค และขอเสนอแนะ
๑. สนับสนุนเอกสาร คูมือ หนังสือ สําหรับทําการวิเคราะหและจําแนกขอมูล เพื่อใหได ขอมูลที่ถูกตองและทันสมัย ๒. อุปกรณการเก็บขอมูล เชน กลองถายภาพที่มีคุณภาพ เพื่อการบันทึกภาพที่ชัดเจน สามารถเก็บรายละเอียดไดครบถวน
58
เอกสารอางอิง
กองคุมครองพันธุสัตวปาและพืชปาตามอนุสัญญา กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช. ๒๕๕๐. คูมือ ศึกษาพันธุพืชปา เลมที่ ๒. ชุมนุมสหกรณกี่เกษตรแหงประเทศไทย. กรุงเทพฯ. เกรียงไกร สุวรรณภักดิ์และจารุจินต นภีตะภัฏ. 2551. คูมือแมลง. สํานักพิมพสารคดี, กรุงเทพฯ. เกรียงไกร สุวรรณภักดิ์. 2559. คูมือแมลง. สํานักพิมพสารคดี, กรุงเทพฯ. ไซมอน การดเนอร, พินดา สิทธิสุนทร และวิไลวรรณ อนุสารสุนทร. 2543. ตนไมเมืองเหนือ:คูมือศึกษาพรรณ ไมยืนตนในปาภาคเหนือประเทศไทย. บริษัท อมรินทรบุคเซ็นเตอร จํากัด, กรุงเทพฯ. เต็ม สมิตินันทน. 2544. ชื่อพรรณไมแหงประเทศไทย. สวนพฤกษศาสตรปาไม สํานักวิชาการปาไม กรมปาไม, กรุงเทพฯ นิวัฒ เสนาะเมือง. 2553. เห็ดเมืองไทย : ความหลากหลายและการใชประโยชน . หจก.ยูนิเวอรแซล กราฟ ฟค แอนด เทรดดิ้ง, กรุงเทพฯ สะอาด บุญเกิด, จเร สดากร, ทิพยพรรณ สดากร. 2543. ชื่อพรรณไมในเมืองไทย พ.ศ.๒๕๔๓ . บริษัท อนิ เมท พริ้นท แอนด ดีไซน จํากัด, กรุงเทพฯ สุรชัย ชลดํารงกุล ศุภชัย แพเทพยและพงษเทพ ทับเที่ยง. 2542. ผีเสื้อ คูมือสํารวจและสื่อความหมาย ธรรมชาติ. บริษัท สทรีท พริ้นติ้ง จํากัด, กรุงเทพฯ สํานักงานหอพรรณไม สํานักวิจัยการอนุรักษปาไมและพันธุพืช. 2556. คูมือเลือกชนิดพรรณไมเพื่อปลูกปา ปองกันอุทกภัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช กรุงเทพฯ สํานักงานหอพรรณไม สํานักวิจัยการอนุรักษปาไมและพันธุพืช. 2557. ชื่อพรรณไมแหงประเทศไทย เต็ม สมิติ นันทน ฉบับแกไขเพิ่มเติม พ.ศ.2557. กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช กรุงเทพฯ สํานักวิจัยอนุรักษปาไมและพันธุพืช. 2553. บันทึกผีเสื้อ. กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช. กรุงเทพฯ สํานักวิจัยอนุรักษปาไมและพันธุพืช. 2553. บันทึกผีเสื้อ พิมพครั้งที่ 2. กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุ พืช. กรุงเทพฯ สํานักวิจัยอนุรักษปาไมและพันธุพืช. 2554. คูมือการสํารวจความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่อนุรักษ . กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช. กรุงเทพฯ. สํานักวิจัยการอนุรักษปาไมและพันธุพืช. 2556. คูมือการสํารวจแมลงในเสนทางศึกษาธรรมชาติ. กรมอุทยาน แหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช. กรุงเทพฯ. สํานักพิมพมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร. 2551ความหลากหลายของเห็ดและราขนาดใหญในประเทศไทย. .กรุงเทพฯ สํานักอนุรักษและจัดการตนน้ํา. 2555. คูมือการเพาะชํากลาไมทองถิ่นเพื่อใชปลูกฟนฟูปาตนน้ําลําธาร . กรม อุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช. กรุงเทพฯ. 59
Anong Chandrasrikul et al. 2011. Mushrooms (Basidiomycetes) In Thailand. Office of Natural Resources and Environmental Policy and Planning Ministry of Natural Resources and Environmen, Bangkok Pisuth Ek-amnuay. 2012. Butterfiles of Thailand. Bangkok http://www.dnp.go.th/botany/mplant/index.aspx 60
คณะผูดําเนินการสํารวจ
ที่ปรึกษา นายสุรชัย อจลบุญ ผูอํานวยการสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษที่ 13 (แพร) นายกฤษดา หอมสุด หัวหนากลุมงานวิชาการ นายสัมพันธ ใจสุดาหัวหนาเขตรักษาพันธุสัตวปา ลําน้ํานานฝงขวา จังหวัดแพรและจังหวัดอุตรดิตถ
คณะผูดําเนินการศึกษา (ตามคําสั่งสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษที่ 13 (แพร) ที่ 960/2558 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2558 เรื่อง ใหเจาหนาที่ออกไปปฏิบัติงานสํารวจความหลากหลายทางชีวภาพ และการเผยแพร สรางจิตสํานึกและ การมีสวนรวมในการอนุรักษความหลากหลายทางชีวภาพ ) นางประไพพรรณ ไพศาลศักดิ์ หัวหนาคณะทํางาน นายบรรดาศักดิ์ ปองศรี คณะทํางาน นางสุพรรณี ปองศรี คณะทํางาน นางสาวบัณฑิยา เสียดขุนทด คณะทํางาน นายพสุนนท สบายสุข คณะทํางาน วาที่ร.ต.หญิงเพ็ญณัฏฐา ฮอยไชย คณะทํางาน นายทรงคุณ ลิ้มวิเศษศิลป คณะทํางาน นายสนิท ผาแกว คณะทํางาน นายสมพงค วงศอุติ คณะทํางาน นาบบัญชา วรรณกุล คณะทํางาน นายเกษม ประกาศ คณะทํางาน นายเขมรัตน ปองสกัด คณะทํางาน
61
กลุมงานวิชาการ สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษที่ 13 (แพร)