Trelagliptin: a Review of Once-Weekly Oral Antidiabetic Drug บทความโดย: กุลชลี เดี่ยวเจริญ, Pharm.D

Trelagliptin: a Review of Once-Weekly Oral Antidiabetic Drug บทความโดย: กุลชลี เดี่ยวเจริญ, Pharm.D

Hypertension and Diabetes Series: The New Outlooks Trelagliptin: A Review of Once-Weekly Oral Antidiabetic Drug บทความโดย: กุลชลี เดี่ยวเจริญ, Pharm.D. เนติ สุขสมบูรณ์, B.S. (Pharmacy), Pharm.D., Ph.D. บทคัดย่อ ปัจจุบันมียาลดระดับน�้าตาลในเลือดหลายกลุ่มที่ใช้รักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่สองได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี ยังคงมีผู้ป่วยบางกลุ่มที่ยังไม่สามารถควบคุมระดับน�้าตาลในเลือดได้ตามเป้าหมาย หนึ่งในสาเหตุที่ส�าคัญคือ ความไม่ร่วมมือ ในการบริหารยาของผู้ป่วย ดังนั้น การบริหารยาสัปดาห์ละหนึ่งครั้งจึงเป็นหนึ่งในกลวิธีที่ก�าลังได้รับความสนใจ เพราะมีแนวโน้ม ที่จะช่วยเพิ่มความร่วมมือในการบริหารยาของผู้ป่วย รวมถึงช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยโรคเรื้อรังซึ่งมีแนวโน้มที่จะต้องใช้ยา ระยะยาวได้ Trelagliptin เป็นยาลดระดับน�้าตาลในเลือดกลุ่มยับยั้งเอนไซม์ DPP-4 ชนิดรับประทานสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ซึ่งได้รับ การรับรองจาก Japanese Ministry of Health ตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ. 2015 ให้ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่สอง trelagliptin มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยไม่แตกต่างกับ alogliptin ซึ่งเป็นยาลดระดับน�้าตาลในเลือดกลุ่มเดียวกันที่รับประทานวันละหนึ่งครั้ง จากการศึกษาพบว่าผู้ป่วยมีความพึงพอใจที่ดีต่อการใช้ยานี้ trelagliptin จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของยาลดระดับน�้าตาลในเลือด ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่สอง อนึ่ง trelagliptin เป็นยาใหม่จึงควรเฝ้าระวังติดตามความปลอดภัยในระยะยาว บทน�า แนวคิดในการพัฒนายาที่สามารถบริหารได้สะดวกและลดความถี่ โรคเบาหวานเป็นความผิดปกติของกระบวนการเมตะบอลิสม ของการใช้ อาทิเช่น บริหารยาสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง (once-weekly ของร่างกาย ท�าให้มีระดับน�้าตาลในเลือดสูง International Diabetes therapy)3 Federation (IDF)1 คาดการณ์ว่าหากมิได้ท�าการป้องกันหรือรักษา การศึกษาของ Iglay และคณะ4 พบว่าผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ที่ดี ภายในปี ค.ศ. 2045 จะมีผู้ป่วยโรคเบาหวานทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก ที่บริหารยาสัปดาห์ละหนึ่งครั้งมีอัตราการให้ความร่วมมือ 424.9 ล้านคน เป็น 628.6 ล้านคน จึงมีความพยายามคิดค้นยาใหม่ ในการบริหารยาดีกว่าผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่บริหารยาวันละหนึ่งครั้ง ที่ช่วยลดระดับน�้าตาลในเลือดให้ได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ ปัจจุบันมียาลดระดับน�้าตาลในเลือดที่สามารถบริหารยาเพียง อย่างไรก็ตาม ยังคงมีผู้ป่วยโรคเบาหวานถึงร้อยละ 45 ที่ยังไม่ สัปดาห์ละหนึ่งครั้งหลายชนิด อาทิเช่น ยาบางตัวในกลุ่ม สามารถควบคุมระดับน�้าตาลในเลือดได้ตามเป้าหมาย (HbA1C Glucagon-like peptide (GLP)-1 analogs (เช่น exenatide weekly, น้อยกว่าร้อยละ 7) ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ส�าคัญคือ ความไม่ร่วมมือ dulaglutide และ semaglutide) และยาบางตัวในกลุ่ม dipeptidyl ในการบริหารยาของผู้ป่วย โดยพบว่าความซับซ้อนหรือความถี่ peptidase-4 (DPP-4) inhibitors (เช่น omarigliptin และ trelagliptin) ในการบริหารยาเป็นปัจจัยหนึ่งที่ท�าให้เกิดปัญหาดังกล่าว2 จึงเกิด ในบทความนี้จะขอ review ข้อมูลของยาที่มีชื่อว่า trelagliptin Trelagliptin5,6 เป็นยาในกลุ่มยับยั้งเอนไซม์ DPP-4 ที่ 1 สัปดาห์ ตามล�าดับ6 ในขณะที่ผลการศึกษาในผู้ป่วยเบาหวาน ถูกพัฒนาขึ้นให้มีคุณสมบัติในการออกฤทธิ์ได้นานจึงสามารถ ชนิดที่สองในประเทศญี่ปุ่นพบว่า trelagliptin 100 มิลลิกรัม รับประทาน รับประทานสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง trelagliptin จึงแตกต่างจากยาตัวอื่น สัปดาห์ละหนึ่งครั้งสามารถยับยั้งเอนไซม์ DPP-4 ได้ร้อยละ 77.4 ในกลุ่มเดียวกันที่ได้รับการขึ้นทะเบียนและวางจ�าหน่ายก่อนหน้านี้ ณ สัปดาห์ที่ 12 ของการรักษา และค่าเฉลี่ยของปริมาณ GLP-1 ที่ ในประเทศไทยที่ต้องรับประทานทุกวัน (daily therapy) ซึ่งได้แก่ 2 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหารเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยส�าคัญทางสถิติ sitagliptin, vildagliptin, saxagliptin, linagliptin, gemigliptin และ เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอก5,8 และเมื่อติดตามผู้ป่วยนาน 24 สัปดาห์ alogliptin พบว่าการยับยั้งเอนไซม์ DPP-4 จาก trelagliptin 100 มิลลิกรัม Trelagliptin ได้ขึ้นทะเบียนแล้วในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ รับประทานสัปดาห์ละหนึ่งครั้งใกล้เคียงกับการยับยั้งเอนไซม์ เดือนมีนาคม ค.ศ. 2015 โดยได้รับการอนุมัติให้ใช้ในการรักษา DPP-4 จาก alogliptin 25 มิลลิกรัม รับประทานวันละหนึ่งครั้ง9 ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่สอง trelagliptin มีประสิทธิภาพและ ข้อมูลด้านเภสัชจลนศาสตร์พบว่า หลังรับประทาน ความปลอดภัยไม่แตกต่างจากยาลดระดับน�้าตาลในเลือดกลุ่ม trelagliptin 100 มิลลิกรัม ระยะเวลาที่ระดับยาสูงสุดในเลือด (Tmax) ยับยั้งเอนไซม์ DPP-4 ชนิดที่ต้องรับประทานทุกวัน อย่างไรก็ตาม มีค่าประมาณ 1.3 ชั่วโมง ค่าครึ่งชีวิตเฉลี่ยของการก�าจัดยาเท่ากับ คาดว่า trelagliptin จะช่วยเพิ่มความร่วมมือในการบริหารยา 54.3 ชั่วโมง ยาถูก metabolize ผ่านเอนไซม์ cytochrome P450 ของผู้ป่วยเมื่อเปรียบเทียบกับยาที่ต้องรับประทานทุกวัน ส่งผลให้ 2D6 และถูกขับออกทางไตเป็นหลัก ค่าระดับยาสูงสุดในเลือด (Cmax) การควบคุมระดับน�้าตาลในเลือดดีขึ้น และค่า area under the concentration-time curve (AUC) เพิ่มขึ้น ในกลุ่มผู้ป่วยที่ไตท�างานบกพร่อง จึงแนะน�าให้ปรับลดขนาดยา ข้อมูลทั่วไปของยา5-7 เหลือ 50 มิลลิกรัม สัปดาห์ละหนึ่งครั้งในผู้ป่วยที่มีค่า creatinine clearance อยู่ระหว่าง 30-50 ml/min ข้อมูลปัจจุบันไม่แนะน�า ให้ใช้ในผู้ป่วยที่มีไตท�างานบกพร่องระดับรุนแรง5-6,8 ผลการศึกษาทางคลินิกของการใช้ trelagliptin ในผู้ป่วย โรคเบาหวานชนิดที่สอง • ผลต่อระดับน�้ำตำลในเลือด Inagaki และคณะ8 ได้ท�าการศึกษาในรูปแบบ randomized, double-blind, placebo-controlled, parallel-group, dose-ranging ในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่สองในประเทศญี่ปุ่นจ�านวน 322 คน ผู้ป่วยถูกสุ่มให้ได้รับ trelagliptin ในขนาด 12.5, 25, 50, 100 หรือ รูปที่ 1 โครงสร้างทางเคมีของ trelagliptin5 200 มิลลิกรัม หรือยาหลอก สัปดาห์ละหนึ่งครั้งตลอดระยะเวลา 12 สัปดาห์ ผลการศึกษาพบว่าค่าเฉลี่ย HbA1C ที่ 12 สัปดาห์ลดลง ยากลุ่มยับยั้งเอนไซม์ DPP-4 ส่งผลให้ระดับของ GLP-1 จาก baseline เท่ากับร้อยละ 0.37, 0.32, 0.42, 0.54 และ 0.55 ในร่างกายเพิ่มขึ้น trelagliptin ถูกพัฒนาจากโครงสร้างทางเคมีของ ส�าหรับกลุ่มที่ได้รับ trelagliptin ในขนาด 12.5, 25, 50, 100 หรือ alogliptin โดยการเพิ่มหมู่ fluorine ในโครงสร้าง benzene ring 200 มิลลิกรัม ตามล�าดับ ซึ่งทุกกลุ่มมีค่า HbA1C ที่ 12 สัปดาห์ลดลง ของ alogliptin (รูปที่ 1) ท�าให้ trelagliptin มีความจ�าเพาะต่อเอนไซม์ มากกว่ายาหลอกอย่างมีนัยส�าคัญทางสถิติ (p < 0.0001) เปรียบเทียบ DPP-4 ที่สูงขึ้น และยับยั้งเอนไซม์ DPP-4 ได้มากขึ้น ซึ่งพบว่า กับ HbA1C ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.35 ในกลุ่มที่ได้รับยาหลอก นอกจากนี้ ค่าร้อยละ 50 ของ maximum inhibitory concentration (IC50) ของ ยังพบว่าแนวโน้มของการลดระดับน�้าตาลในเลือดมีความสัมพันธ์ trelagliptin, alogliptin, sitagliptin เท่ากับ 1.3, 5.3 และ 16 nmol/L กับขนาดของ trelagliptin ที่ได้รับ (dose-dependent) ตามล�าดับ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาแบบ non-inferiority โดย Inagaki และคณะ9 ได้ท�าการศึกษาในรูปแบบ multicenter, randomized, เภสัชพลศาสตร์และเภสัชจลนศาสตร์ double-blind, active-controlled, parallel group เพื่อศึกษา ข้อมูลด้านเภสัชพลศาสตร์ในอาสาสมัครสุขภาพดีพบว่า ประสิทธิภาพของ trelagliptin 100 มิลลิกรัม รับประทานสัปดาห์ละ หลังรับประทาน trelagliptin ในขนาด 100 มิลลิกรัม เอนไซม์ DPP-4 หนึ่งครั้ง เปรียบเทียบกับ alogliptin 25 มิลลิกรัม รับประทานวันละ จะถูกยับยั้งร้อยละ 97.33 และ 66.76 ณ เวลา 24 ชั่วโมง และ หนึ่งครั้งในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่สองที่ไม่ได้รับยาลดระดับ ตำรำงที่ 1 เปรียบเทียบประสิทธิภาพของ trelagliptin 100 มิลลิกรัม รับประทานสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง, alogliptin 25 มิลลิกรัม รับประทาน วันละหนึ่งครั้ง และยาหลอก (ดัดแปลงจากการศึกษาของ Inagaki และคณะ9) Factors Change in HbA1C (%) Change in FPG Change in 2-h Patient with (mmol/l) post-prandial achieved response glucose (mmol/l) target of HbA1C < 7% Placebo 0.24 -0.31 -0.12 2 (4%) 25 mg alogliptin daily -0.46* -0.83 -1.62 30 (36%) 100 mg trelagliptin weekly -0.32* -0.36 -0.96 26 (29%) Least squares mean difference 0.11 (95% CI -0.054 to 0.281) Non-inferiority margin = 0.4 FPG = fasting plasma glucose concentration, *p < 0.0001 versus placebo. น�้าตาลในเลือดภายใน 4 สัปดาห์ก่อน screening จ�านวน 243 คน ผลการศึกษาพบว่าคะแนนของ DTSQ ณ สัปดาห์ที่ 12 ผลการศึกษาพบว่า trelagliptin สามารถลดระดับ HbA1C ที่ 24 สัปดาห์ จาก baseline ระหว่าง 2 กลุ่มไม่แตกต่างกัน แต่พบความแตกต่าง จาก baseline ได้มากกว่ายาหลอกอย่างมีนัยส�าคัญทางสถิติ ของคะแนน DTR-QOL อย่างมีนัยส�าคัญทางสถิติ (p = 0.048) (p < 0.0001) และไม่ด้อยกว่า alogliptin (ตำรำงที่ 1) โดยเฉพาะ domain ที่ 1 (burden on social activities and daily Inagaki และคณะ10 ได้ท�าการศึกษาแบบ open-label, activities, p = 0.013) และ domain ที่ 2 (anxiety and dissatisfaction exploratory เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของ trelagliptin 100 มิลลิกรัม with treatment, p = 0.045) (รูปที่ 2) ซึ่งผลคะแนนดังกล่าว รับประทานสัปดาห์ละหนึ่งครั้งในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่สองที่รับประทาน ไม่สัมพันธ์กับค่าระดับน�้าตาลในเลือดที่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม ยากลุ่มยับยั้งเอนไซม์ DPP-4 ชนิดที่ต้องรับประทานทุกวันมาก่อน การศึกษานี้มีข้อจ�ากัดเรื่องจ�านวนของกลุ่มตัวอย่างที่มีจ�านวน การศึกษานี้ท�าการทดลองในผู้ป่วยที่สามารถควบคุมระดับน�้าตาล ไม่มากนัก และระยะเวลาติดตามที่สั้น ได้ด้วยการรับประทาน sitagliptin 50 มิลลิกรัม วันละหนึ่งครั้ง จ�านวน 14 คน ผลการศึกษาพบว่าการเปลี่ยนไปให้ trelagliptin 100 มิลลิกรัม สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ไม่ส่งผลต่อการควบคุมระดับน�้าตาล ในเลือด (meal tolerance test) ในช่วง 1-7 วันแรกหลังเปลี่ยนยา รวมถึง HbA1C ที่ 12 สัปดาห์ อีกทั้งยังไม่พบรายงานอาการไม่พึงประสงค์ ที่รุนแรง อาการไม่พึงประสงค์ส่วนใหญ่ที่พบไม่สัมพันธ์กับ trelagliptin • ผลต่อควำมพึงพอใจของผู้ป่วย Oita และคณะ11 ได้ท�าการศึกษาแบบ open-label, randomized, multicenter, controlled เพื่อเปรียบเทียบความพึงพอใจ ต่อการใช้ยากลุ่มยับยั้งเอนไซม์ DPP-4 ชนิดที่ต้องรับประทาน ทุกวันเปรียบเทียบกับยากลุ่มยับยั้งเอนไซม์ DPP-4 ชนิดที่ต้อง รูปที่ 2 ความแตกต่างของคะแนน DTR-QOL11 รับประทานทุกสัปดาห์ โดยท�าการศึกษาในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่สอง จ�านวน 49 คน ระยะเวลาการศึกษานาน 12 สัปดาห์ โดยแบ่ง • ควำมปลอดภัย ผู้ป่วยออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับยากลุ่มยับยั้งเอนไซม์ DPP-4 ผลการศึกษา phase III9 เมื่อให้ยาในขนาดแนะน�าคือ ชนิดที่ต้องรับประทานทุกวัน และกลุ่มที่ได้รับยากลุ่มยับยั้งเอนไซม์ trelagliptin 100 มิลลิกรัม สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง เป็นระยะเวลา 24 สัปดาห์ DPP-4 ชนิดที่ต้องรับประทานทุกสัปดาห์ แล้ววัดผลลัพธ์โดยใช้ พบว่าอาการไม่พึงประสงค์จาก trelagliptin ไม่แตกต่างจาก แบบสอบถามชื่อว่า Diabetes treatment satisfaction questionnaire alogliptin โดยอาการไม่พึงประสงค์ที่พบ ได้แก่ nasopharyngitis (DTSQ) และ Diabetes therapy-related quality of life (DTR-QOL) (trelagliptin พบร้อยละ 5, alogliptin พบร้อยละ 3) ทั้งนี้ไม่พบ รายงานการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง

View Full Text

Details

  • File Type
    pdf
  • Upload Time
    -
  • Content Languages
    English
  • Upload User
    Anonymous/Not logged-in
  • File Pages
    4 Page
  • File Size
    -

Download

Channel Download Status
Express Download Enable

Copyright

We respect the copyrights and intellectual property rights of all users. All uploaded documents are either original works of the uploader or authorized works of the rightful owners.

  • Not to be reproduced or distributed without explicit permission.
  • Not used for commercial purposes outside of approved use cases.
  • Not used to infringe on the rights of the original creators.
  • If you believe any content infringes your copyright, please contact us immediately.

Support

For help with questions, suggestions, or problems, please contact us