Franklin, Benjamin (1706–1790) : นายเบนจามิน แฟรงกลิน (พ.ศ. ๒๒๔๙–๒๓๓๓) เบนจามิน แฟรงกลิน เปนผูจัดพิมพ นักเขียน นักปรัชญา นักประดิษฐ นักวิทยาศาสตร รัฐบุรุษและนักการทูตผูมีบทบาทสําคัญในการปฏิวัติของชาวอเมริกัน (American Revolution ค.ศ. ๑๗๗๕–๑๗๘๓)* และในการรางคําประกาศอิสรภาพ (Declaration of Independence)* รวมทั้ง รัฐธรรมนูญแหงสหรัฐอเมริกา (Constitution of the United States)* บทบาทดังกลาวตลอดจนความ รอบรูของแฟลงกลินในศาสตรและศิลปหลายแขนง ทําใหเขาไดรับการยกยองใหเปนรัฐบุรุษและ ปราชญผูยิ่งใหญคนหนึ่งของโลก
เบนจามิน แฟรงกลิน
แฟรงกลินเกิดเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ค.ศ. ๑๗๐๖ ที่เมืองบอสตัน มลรัฐแมสซาชูเซตส (Massachusetts) เปนบุตรชายคนที่ ๑๐ และบุตรคนที่ ๑๕ ในจํานวน ๑๗ คนของชางทําสบูและเทียน ไขชื่อโจไซอาห แฟรงกลิน (Josiah Franklin) ซึ่งอพยพมาจากอังกฤษ มารดาของเขาชื่ออาไบอาห ฟอลเจอร (Abiah Folger) เปนภรรยาคนที่ ๒ ของโจไซอาห แฟรงกลินเรียนหนังสือในโรงเรียนเพียง ๒ ปขณะอายุ ๘–๑๐ ป จากนั้นก็ออกมาชวยงานทางบาน แตเขาไมชอบงานที่บิดาทําอยูจึงไปฝกงาน กับพี่ชายชื่อเจมสซึ่งเปนชางพิมพ โดยในเวลานั้นแฟรงกลินมีอายุ ๑๒ หรือ ๑๓ ป แฟรงกลินใชเวลาวางขณะเรียนรูงานจากพี่ชาย เรียนหนังสือดวยตนเองดวยการอาน หนังสือหลากหลายประเภทที่เขาหาไดนอกเหนือจากหนังสือศาสนาที่บิดาของเขาสะสมไว อาทิ นว นิยายเรื่อง Pilgrim’s Progress ของนักเทศนชาวอังกฤษชื่อจอหน บันยัน (John Bunyan) Parallel Lives ผลงานของพลูทารก (Plutarch) นักเขียนความเรียงและอัตชีวประวัติชาวกรีก Essay on Projects ของแดเนียล เดโฟ (Daniel Defoe) นักหนังสือพิมพและนักเขียนนวนิยายชาวอังกฤษ และ หนังสือเรื่อง Essays to Do Good ของคอตตอน แมเทอร (Cotton Mather)* นักบวชและนักเขียน ๒
ชาวอเมริกันผูมีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในสมัยพิวริตัน หลังจากอานหนังสือเรื่อง Spectator ที่นักเขียน อังกฤษ ๒ คนไดแก เซอรริชารด สตีล (Sir Richard Steele) กับโจเซฟ แอดดิสัน (Joseph Addison) รวมกันเขียนแลว แฟรงกลินก็ไดฝกเขียนหนังสือดวยตนเองโดยยึด Spectator เปนตนแบบ และตั้ง ปณิธานวาจะตองฝกฝนตนเองจนเปนเจาแหงลีลาการเขียนรอยแกวใหจงได ใน ค.ศ. ๑๗๑๒ ขณะแฟรงกลินอายุ ๑๕ ป เจมสกอตั้งหนังสือพิมพ New England Courant ซึ่งเปนหนังสือพิมพฉบับแรกของบอสตัน แฟรงกลินซึ่งกําลังฝกฝนเรื่องการเขียน ใชเวลา ในตอนกลางคืนเขียนจดหมายโดยใชชื่อแมมายที่ไมมีตัวตนชื่อไซเลนซ ดูกูด (Silence Dogood) เปน นามปากกา แลวแอบเอาไปสอดไวใตประตูโรงพิมพ จดหมายเหลานี้เต็มไปดวยแงคิดสอนใจและ วิพากษวิจารณสังคมรอบตัว ไดรับความนิยมอยางมากจนคนอานอยากรูจักตัวจริงของผูเขียน หลังจาก เขียนจดหมายไปได ๑๖ ฉบับ แฟรงกลินสารภาพกับเจมสวาเปนผูเขียนจดหมายเหลานี้ ทําใหเจมสไม พอใจและตองทะเลาะกัน แตในเวลาตอมาบทความหลายเรื่องที่ลงในหนังสือพิมพของเจมส สราง ความขุนเคืองใหกับสภาอาณานิคม ใน ค.ศ. ๑๗๒๒ เจมสจึงถูกจับขังคุกนาน ๑ เดือน และไมไดรับ อนุญาตใหพิมพหนังสืออีกตอไป เขาจึงตองใชชื่อเบนจามิน แฟรงกลินเปนผูจัดพิมพหนังสือพิมพ ฉบับดังกลาวเปนการชั่วคราว หลังจากนั้นแฟรงกลินกับเจมสก็ยังมีเรื่องระหองระแหงกันเรื่อยมา ใน ค.ศ. ๑๗๒๓ แฟรงกลินจึงหนีไปหางานทําที่นิวยอรก แตไดรับคําแนะนําจากเจาของโรงพิมพที่นั่นใหไปทํางานกับ โรงพิมพแหงหนึ่งที่ฟลาเดลเฟย (Philadelphia) แทน แฟรงกลินทํางานเกงและมีมนุษยสัมพันธดี ทํา ใหเซอรวิลเลียม คีท (Sir William Keith) ขาหลวงที่อังกฤษสงมาปกครองเพนซิลเวเนียและเดลาแวร (Delaware) ประทับใจและสัญญาวาจะตั้งโรงพิมพใหแฟรงกลิน ถาเขาเดินทางไปซื้อเครื่องมือ เครื่องใชในการพิมพที่ลอนดอนกลับมา แฟรงกลินเดินทางไปถึงลอนดอนในเดือนธันวาคม ค.ศ. ๑๗๒๔ ขณะอายุ ๑๘ ป แตคีทไมรักษาสัญญา แฟรงกลินจึงตองหางานทําและไดทํางานกับโรงพิมพ พาลเมอส (Palmer’s) และโรงพิมพวัตส (Watt’s) จากนั้นก็ไดเดินทางกลับอเมริกาใน ค.ศ. ๑๗๒๖ และไดงานทําในโรงพิมพแหงหนึ่ง ตอมา เขายืมเงินคนอื่นมาตั้งโรงพิมพของตนเอง กิจการโรงพิมพ ของแฟรงกลินเจริญกาวหนาอยางรวดเร็ว จนเมื่อประมาณ ค.ศ. ๑๗๒๙ อาณานิคมเพนซิลเวเนียและ อีกหลายอาณานิคมวาจางใหเขาพิมพธนบัตรให และเมื่อถึงทศวรรษ ๑๗๓๐ – ทศวรรษ ๑๗๔๐ กิจการโรงพิมพของแฟรงกลินรุงเรืองมาก จนเขาตองขยายกิจการดวยการกอตั้งโรงพิมพสาขาในรูป ของหางหุนสวนในหลายเมือง ใน ค.ศ. ๑๗๓๐ แฟรงกลินแตงงานกับเดบอราห รีด (Deborah Read; Deborah Reid) หญิงสาวชาวเมืองฟลาเดลเฟย ที่เขารูจักชอบพอตั้งแตกอนเดินทางไปทํางานที่อังกฤษ ทั้งสองมี ๓
บุตรชายชื่อวิลเลียม แฟรงกลิน (William Franklin) และฟรานซิส ฟอลเจอร แฟรงกลิน (Francis Folger Franklin) รวมทั้งบุตรสาวชื่อเซราห แฟรงกลิน เบช (Sarah Franklin Bache) ฟรานซิสเสียชีวิต ตั้งแตอายุ ๔ ป ขณะที่วิลเลียมซึ่งแฟรงกลินพาไปเรียนหนังสือที่อังกฤษตั้งแตเด็ก ไดรับแตงตั้งจาก กษัตริยอังกฤษใหเปนผูวาราชการอาณานิคมนิวเจอรซีย (New Jersey) ในเวลาตอมา ดังนั้น เมื่อเกิด สงครามการปฏิวัติของชาวอเมริกัน แฟรงกลินกับวิลเลียมจึงกลายเปนปฏิปกษกัน เพราะวิลเลียมยังคง จงรักภักดีตออังกฤษ ดวยเหตุนี้ในพินัยกรรมฉบับสุดทายของแฟรงกลินจึงไมไดยกอะไรใหบุตรชาย คนโตเลย โดยเขาใหเหตุผลวาหากอังกฤษเปนฝายชนะสงคราม แฟรงกลินก็คงไมเหลืออะไรที่จะใหวิ ลเลียมอยูดี แฟรงกลินมีสวนรวมและสนับสนุนกิจกรรมทางสังคมและการเมืองหลายอยาง นับตั้งแตเดินทางกลับถึงอเมริกา โดยใน ค.ศ. ๑๗๒๗ เขากับเพื่อนกลุมหนึ่งไดจัดตั้งกลุมเสวนาที่รูจัก กันในชื่อจุนโต (Junto) ซึ่งตอมาพัฒนาไปเปนสมาคมปรัชญาอเมริกัน (American Philosophical Society) อันเปนสมาคมของผูทรงความรูแหงแรกในอเมริกา กอตั้งหองสมุดสาธารณะแบบบอกรับ สมาชิกแหงแรกในทวีปอเมริกาชื่อวาบริษัทหองสมุด (Library Company ค.ศ. ๑๗๓๑) ใน ค.ศ. ๑๗๓๖ แฟรงกลินไดเปนเลขาธิการของสภานิติบัญญัติแหงอาณานิคมเพนซิลเวเนีย (Pennsylvania General Assembly) ปตอมาเขาไดรับแตงตั้งใหเปนรองผูอํานวยการการไปรษณียของฟลาเดลเฟยและ ไดปรับปรุงระบบการขนสงไปรษณียภัณฑใหมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในปเดียวกันนี้ เขายังกอตั้งหนวย ดับเพลิงแหงแรกของฟลาเดลเฟยชื่อ Union Fire Company ปรับปรุงทางเทาและติดไฟตามถนน นอกจากนี้ เขายังมีบทบาทสําคัญในเรื่องการศึกษาของอาณานิคมเพนซิลเวเนีย โดยใน ค.ศ. ๑๗๔๙ เขาเขียนบทความเรื่อง Proposals Relating to the Education of Youth in Pensylvania ผลักดันใหมี การกอตั้งวิทยาลัยฟลาเดลเฟย (Philadelphia Academy ค.ศ. ๑๗๕๑) ซึ่งใน ค.ศ. ๑๗๕๕ ไดรับพระ บรมราชานุญาตใหยกฐานะขึ้นเปนมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย (University of Pennsylvania) อนึ่ง แฟรงกลินยังเปนผูริเริ่มกอตั้งโรงพยาบาลเพนซิลเวเนีย (Pennsylvania Hospital ค.ศ. ๑๗๕๑) บริษัท ประกันอัคคีภัยชื่อ Philadelphia Contribution for Insurance Against Loss by Fire (ค.ศ. ๑๗๕๒) และ กองกําลังตํารวจประจําเมืองฟลาเดลเฟย แฟรงกลินไดเปนสมาชิกสภานิติบัญญัติของอาณานิคมระหวาง ค.ศ. ๑๗๓๖–๑๗๕๑ ใน ค.ศ. ๑๗๔๘ เขาขายกิจการโรงพิมพไปทําใหมีเวลาที่จะทํางานใหกับบานเมืองและสิ่งที่เขารักมาก ขึ้น โดยเฉพาะอยางยิ่งการทดลองทางวิทยาศาสตรและการประดิษฐ ตอมาระหวาง ค.ศ. ๑๗๕๐– ๑๗๖๔ เขาไดรับเลือกใหเปนสมาชิกสภาเพนซิลเวเนีย (Pennsylvania Assembly) และใน ค.ศ. ๑๗๕๓ ไดรับแตงตั้งเปนรองผูอํานวยการการไปรษณียของอาณานิคมทั้งหมด จากนั้นใน ค.ศ. ๔
๑๗๕๓ และ ๑๗๕๔ ก็ไดเปนตัวแทนของอาณานิคมเพนซิลเวเนียในการประชุมใหญออลบานี (Albanay Congress)* ซึ่งรัฐบาลอังกฤษจัดขึ้นที่เมืองออลบานีในอาณานิคมนิวยอรก เพื่อกอตั้ง สหภาพของอาณานิคมและหาวิธีรับมือกับฝรั่งเศสและอินเดียนแดงที่กําลังเปนภัยคุกคามของชาว อาณานิคม ในการประชุมครั้งน้ีแฟรงกลินเสนอแผนออลบานีเพื่อตั้งสหภาพ (Albany Plan of Union) แผนการดังกลาวเสนอใหมีการจัดสรรอํานาจระหวางรัฐบาลกลางของสหภาพกับรัฐบาลกลางของ อาณานิคม โดยอาณานิคมแตละแหงมีผูแทนของตนในสภาของสหภาพเปนสัดสวนสัมพันธกับเงินที่ อาณานิคมใหกับรัฐบาลกลางของสหภาพ แมวาแผนการออลบานีจะไมไดรับการยอมรับจากรัฐบาล อังกฤษและชาวอาณานิคมในการประชุมครั้งนี้ แตในเวลาตอมากลับกระตุนใหชาวอาณานิคมเกิด ความคิดที่จะรวมตัวกันเปนสหภาพ ระหวางสงครามฝรั่งเศสและอินเดียนแดง (French and Indian War ค.ศ. ๑๗๕๖– ๑๗๖๓)* แฟรงกลินเปนผูจัดหามา รถมา รวมทั้งเสบียงอาหารใหกับฝายอังกฤษ โดยอาศัยความ เชื่อถือของชาวนาในเพนซิลเวเนียที่มีตอเขา แตกลับถูกเจาของที่ดินที่เปนพวกเควเกอร (Quakers)* ประทวงดวยการไมยอมจายภาษีที่ดิน เนื่องจากคนเหลานี้ตอตานการทําสงคราม ใน ค.ศ. ๑๗๕๗ สภา เพนซิลเวเนียจึงสงแฟรงกลินไปอังกฤษ เพื่อถวายฎีกาเรื่องอํานาจในการจัดเก็บภาษีที่ดินตอพระเจา จอรจที่ ๓ (George III) หลังเสร็จสิ้นภารกิจที่ไดรับมอบหมาย แฟรงกลินอยูที่อังกฤษตอไปจนถึง ค.ศ. ๑๗๖๒ ในฐานะหัวหนาคณะผูแทนของอาณานิคมตาง ๆ ของอังกฤษในทวีปอเมริกาเหนือ ในชวง เวลานี้เขาไดผูกมิตรกับบุคคลสําคัญของอังกฤษหลายคนรวมทั้งเดวิด ฮูม (David Hume) นักปรัชญา และนักประวัติศาสตรผูมีชื่อเสียง และแอดัม สมิท (Adam Smith) นักปรัชญาและนักเศรษฐศาสตรคน สําคัญ ใน ค.ศ. ๑๗๖๔ เขาถูกสงไปลอนดอนอีกครั้งหนึ่งในฐานะหัวหนาคณะผูแทนของชาว อาณานิคม ใน ค.ศ. ๑๗๖๖ ขณะอยูที่ลอนดอน แฟรงกลินถูกสภาสามัญ (House of Commons) ของ อังกฤษซักถามเรื่องผลกระทบของพระราชบัญญัติอากรแสตมป (Stamp Act)* ที่มีตออาณานิคมตาง ๆ คําใหการของแฟรงกลินมีอิทธิพลอยางมากตออังกฤษในการตัดสินใจยกเลิกพระราชบัญญัติฉบับนี้ อยางไรก็ตาม หลังจากนี้ไมนานอังกฤษไดออกพระราชบัญญัติภาษีที่จะเรียกเก็บจากอาณานิคมตาง ๆ เพิ่มขึ้นอีกหลายฉบับ เปนเหตุใหแฟรงกลินเกิดความรูสึกแบงแยกจากเดิมที่เคยคิดวาตนมีหนาที่ตอง แสดงความจงรักภักดีตอพระเจาจอรจที่ ๓ ในฐานะที่เปนคนอังกฤษคนหนึ่ง ความรูสึกดังกลาวทําให เขาไมอาจโอนออนผอนตามอังกฤษไดอีกตอไป โดยเฉพาะอยางยิ่งใน ค.ศ. ๑๗๗๔ เมื่อเขาถูก รัฐมนตรีวาการกระทรวงตางประเทศของอังกฤษเรียกตัวไปประณามตอหนาสภาองคมนตรีในกรณี ฮัตชินสัน (Hutchinson Affair) ที่พระตําหนักไวตฮอลล จากการที่กอนหนานี้เขาแอบสงจดหมายของ ๕
ทอมัส ฮัตชินสัน (Thomas Hutchinson)* ผูวาราชการอาณานิคมแมสซาชูเซตสที่เรียกรองใหอังกฤษ ริดรอนเสรีภาพของชาวอาณานิคมในอเมริกาไปใหพรรคพวกที่อเมริกา แฟรงกลินเดินทางกลับฟลาเดลเฟยในเดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๗๗๕ เพราะประเมิน สถานการณแลววาจะตองเกิดสงครามระหวางชาวอาณานิคมกับอังกฤษอยางแนนอน เมื่อเขากลับ มาถึงฟลาเดลเฟยก็พบวาสงครามการปฏิวัติไดเริ่มขึ้นแลวในยุทธการที่เลกซิงตัน (Lexington) และ คองคอรด (Concord) แฟรงกลินไดรับเลือกใหเปนตัวแทนของอาณานิคมฟลาเดลเฟยในสภาแหง ภาคพื้นทวีปครั้งที่ ๒ (Second Continental Congress) ในวาระนี้สภาแหงภาคพื้นทวีปไดแตงตั้ง คณะกรรมการยกรางคําประกาศอิสรภาพ ประกอบดวย ทอมัส เจฟเฟอรสัน (Thomas Jefferson)* ซึ่งทําหนาที่เปนประธาน จอหน แอดัมส (John Adams)* รอเบิรต อาร. ลิฟวิงสตัน (Robert R. Livingston) * โรเจอร เชอรแมน (Roger Sherman)* และแฟรงกลิน ตอมาใน ค.ศ. ๑๗๗๖ แฟรงก ลิน อารเทอร ลี (Arthur Lee)* และไซลาส ดีน (Silas Deane)* ไดรับเลือกใหเดินทางไปฝรั่งเศสเพื่อ ขอความชวยเหลือทางดานการทหารและการเงินเพื่อใชในการทําสงครามการปฏิวัติของชาวอเมริกัน ชื่อเสียงของแฟรงกลินทางดานวิทยาศาสตร (ซึ่งจะกลาวถึงตอไป) รวมทั้งบุคลิกที่ นุมนวล ปณิธานอันมั่นคง และความฉลาดปราดเปรื่องของเขา ทําใหเขาไดรับการตอนรับอยางดียิ่งใน แวดวงการเมือง สังคม และวรรณคดีของฝรั่งเศส ในกลุมผูที่ชื่นชมในตัวแฟรงกลินประกอบไปดวยผู มีชื่อเสียงหลายวงการอาทิ ลาฟาแยต (Lafayette) มีราโบ (Mirabeau) โรเบสปแยร (Robespierre) ซึ่ง ในเวลาตอมามีบทบาทสําคัญในการปฏิวัติฝรั่งเศส (French Revolution ค.ศ. ๑๗๘๙) และวอลแตร (Voltaire) นักอักษรศาสตรผูยิ่งใหญที่สุดของฝรั่งเศสในคริสตศตวรรษที่ ๑๘
เบนจามิน แฟรงกลิน ไดรับการตอนรับที่พระราชวังแวรซาย
ความนิยมในตัวแฟรงกลินของชาวฝรั่งเศสทําใหพระเจาหลุยสที่ ๑๖ (Louis XVI) ทรง ยินยอมใหความชวยเหลือแกชาวอเมริกันในรูปของเงินใหเปลา เงินกู และอาวุธ แมวาจะถูกคัดคาน ๖
จากชาก เนแกร (Jacques Necker) รัฐมนตรีวาการกระทรวงการคลังของฝรั่งเศส ตอมาในวันที่ ๖ กุมภาพันธ ค.ศ. ๑๗๗๘ แฟรงกลินยังไดรับมอบหมายใหทําสนธิสัญญาพันธไมตรี (Treaty of Alliance) กับฝรั่งเศส ซึ่งกลายเปนจุดหักเหของสงครามการปฏิวัติของชาวอเมริกัน หลังจากนั้น ๗ เดือน แฟรงกลินไดรับมอบหมายจากสมัชชาแหงรัฐ (The United States in Congress Assembly) ให เปนอัครราชทูตผูมีอํานาจเต็มประจําฝรั่งเศสคนแรกของสหรัฐอเมริกา ใน ค.ศ. ๑๗๘๑ หลังจากชาว อเมริกันชนะสงครามแลว แฟรงกลิน จอหน แอดัมส และจอหน เจย (John Jay)* ไดรับมอบหมายให ทําสนธิสัญญาสันติภาพกับอังกฤษ โดยทั้ง ๒ ฝายไดลงนามในสนธิสัญญาปารีส (Treaty of Paris)* ที่พระราชวังแวรซาย เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ค.ศ. ๑๗๘๓ แฟรงกลินขอพนหนาที่ในฝรั่งเศสเมื่อ ค.ศ. ๑๗๘๕ และไดรับเลือกใหเปนประธานของ สภาบริหารแหงเพนซิลเวเนีย (Executive Council of Pennsylvania) ระหวาง ค.ศ. ๑๗๘๕–๑๗๘๗ ใน ค.ศ. ๑๗๘๗ เขาไดเปนตัวแทนของเพนซิลเวเนียในการประชุมเพื่อรางรัฐธรรมนูญ (Constitutional Convention)* ของสหรัฐอเมริกาและเปนผูมีบทบาทสําคัญในการไกลเกลี่ยเพื่อใหที่ ประชุมยอมรับรางรัฐธรรมนูญฉบับสุดทาย แฟรงกลินอุทิศตนรับใชชาติตั้งแตสมัยที่ยังเปนอาณา นิคมของอังกฤษจนกระทั่งเปนชาติเอกราช ดวยเหตุนี้เขาจึงไดรับการยกยองใหเปนหนึ่งใน “ผูกอตั้ง ประเทศ” (Founding Fathers) ทางดานวิทยาศาสตร แฟรงกลินสนใจศึกษาทดลองวิทยาศาสตรและคิดคนสิ่งประดิษฐ ใหม ๆ การทดลองวิทยาศาสตรที่เลื่องชื่อที่สุดของเขาคือการทดลองเรื่องไฟฟาเมื่อ ค.ศ. ๑๗๕๒ ใน การทดลองครั้งนั้น แฟรงกลินผูกกุญแจโลหะไวกับเชือกวาวใชแลวชักวาวขึ้นสูทองฟาขณะฝนตก เพื่อพิสูจนวาฟาผาเกิดจากกระแสไฟฟาที่มีอยูในอากาศ ฟาผาจึงเปนปรากฏการณทางไฟฟา หลังการ คนพบดังกลาวแฟรงกลินไดประดิษฐสายลอฟาขึ้นในปเดียวกันนั้น เพื่อชวยใหอาคารบานเรือน ปลอดภัยจากฟาผา ดวยเหตุนี้จึงมีผูเรียกสายลอฟาวา “Franklin rod” ดวย ความสําเร็จของแฟรงกลินค รั้งนี้ทําใหเขามีชื่อเสียงระดับนานาชาติ และไดรับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยชั้นนําของ อังกฤษ ไดแก มหาวิทยาลัยเซนตแอนดรูส (Saint Andrews University) และมหาวิทยาลัยออกซฟอรด (Oxford University) นอกจากนี้ ราชสมาคมแหงลอนดอน (Royal Society of London) ยังเชิญใหเขา เปนภาคีสมาชิกและมอบเหรียญคอปลีย (Copley Medal) เพื่อเชิดชูเกียรติใหแกเขา ยิ่งไปกวานั้นแฟ รงกลินยังไดรับคําชมเชยจากพระเจาหลุยสที่ ๑๕ (Louis XV) แหงฝรั่งเศสจากผลงานชิ้นนี้ดวย นอกเหนือจากการทดลองเรื่องไฟฟาในอากาศ แฟรงกลินยังทดลองและประดิษฐคิดคน สิ่งประดิษฐอีกหลายอยาง อาทิ ปรับปรุงปลองไฟไมใหปลอยควันออกมามากเกินไป ประดิษฐเตาแฟ รงกลิน (Franklin stove) ซึ่งใหความอบอุนกับหองไดอยางมีประสิทธิภาพมากกวาโดยใชถานหินนอย ๗
กวาเตาผิงแบบเปดที่ใชกันทั่วไปในเวลานั้น ประดิษฐแวนสายตาที่มีเลนสสายตาสั้นและสายตายาวใน อันเดียวกัน (bifocal spectacles) คิดคนการนําน้ําใสแกวมาใชเปนเครื่องดนตรี (water harmonica; glass harmonica) และยังแนะนําใหเกษตรกรแกดินเปรี้ยวโดยการโรยปูนขาว อนึ่ง แฟรงกลินมิไดขอ จดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐและสิ่งที่เขาคนพบ เนื่องจากตองการใหมนุษยชาติไดใชประโยชนจากสิ่ง เหลานี้อยางเต็มที่ แฟรงกลินเปนผูที่มีความสามารถรอบดาน นอกเหนือจากความสามารถดานตาง ๆ ขางตน เขายังมีความสามารถทางดานอักษรศาสตรอยางสูงโดยเฉพาะทางดานรอยแกว ลีลาการเขียน ของเขากระชับและชัดเจนแตขณะเดียวกันก็ไพเราะรื่นหู จึงไดรับการยกยองใหเปนนักเขียนรอยแกว ชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงที่สุดในคริสตศตวรรษที่ ๑๘ ซึ่งเปนยุคแหงเหตุผลหรือยุคคลาสสิกใหมทาง วรรณกรรม และยังถือกันวาเขาเปนตัวแทนของนักเขียนยุคนี้ดวย ใน ค.ศ. ๑๗๒๙ เขาซื้อกิจการ หนังสือพิมพรายสัปดาห The Pennsylvania Gazette (ค.ศ. ๑๗๓๐–๑๗๔๘) มาปรับปรุงโดยใชลีลา การเขียนที่คมคายและเต็มไปดวยอารมณขัน ขาวที่เขานํามาลงมีทั้งสนุกสนานและใหความรูในเวลา เดียวกัน นอกจากนี้ แฟรงกลินยังเขียนการตูนการเมืองลงในหนังสือพิมพฉบับนี้ดวย เชน รูปที่ใชชื่อ วา “รวมกันเราอยู แยกกันเราตาย” (Join, or die) ซึ่งเปนการตูนการเมืองชิ้นแรกเทาที่เคยมีผูเขียนกัน มา การตูนชิ้นนี้แสดงใหเห็นจุดยืนของเขาในเรื่องการรวมตัวกันเปนสหภาพของชาวอาณานิคมที่เขา เสนอไวในแผนการออลบานีเพื่อตั้งสหภาพไดอยางชัดเจน
การตูนการเมืองฝมือเบนจามิน แฟรงกลิน
เรื่องที่แฟรงกลินเขียนลงในหนังสือพิมพฉบับนี้มีเนื้อหาหลากหลายและไดรับความ นิยมเปนอยางมาก อาทิ A Witch Trial at Mount Holly ซึ่งเลาเรื่องการตัดสินผูที่ถูกกลาวหาวาเปน แมมดและใชเวทมนตรทําใหฝูงแกะเตนรํา หมูรองเพลงสวดและพูดได ทําใหผูคนแถบเมานตฮอลลี ๘
หวาดกลัว แฟรงกลินเขียนเรื่องนี้เพื่อลอเลียนเสียดสีเพื่อนรวมสมัยบางคนที่เชื่อวามีการใชเวทมนตร ในหมูพวกเควเกอร เขาเขียนเรื่องนี้ไดอยางสนุกสนานและสมจริงจนหลายคนคิดวาเปนเรื่องจริง หลังจากตีพิมพครั้งแรกใน The Pennsylvania Gazette ฉบับวันที่ ๒๒ ตุลาคม ค.ศ. ๑๗๓๑ แลว นิตยสาร Gentleman’s Magazine ของอังกฤษยังไดนําเรื่องนี้ไปพิมพซ้ําในปเดียวกันนั้นดวย นอกเหนือจากเรื่องตลกอยาง A Witch Trial at Mount Holly แฟรงกลินยังเขียนบทความที่มีเนื้อหา หนักสมองลงในหนังสือพิมพฉบับนี้ดวย อาทิ Apology for Printers (๑๐ มิถุนายน ค.ศ. ๑๗๓๑) บทความเรื่องนี้เปนคําประกาศที่กลาหาญวาสิ่งพิมพและผูพิมพมีสิทธิและเสรีภาพในการตีพิมพความ คิดเห็นที่แตกตางกัน เนื่องจากแฟรงกลินคิดวามนุษยมีความแตกตางกันทางความคิดมากเกือบเทากับ ที่มีหนาตาแตกตางกัน ดังคําคมที่เขายกขึ้นมาสนับสนุนความคิดนี้วา “หลายคนหลากความคิด” (So many men so many minds) และในเมื่อธุรกิจการพิมพเปนเรื่องที่เกี่ยวของกับความคิดของคน จึงไมใช เรื่องผิดที่ผูพิมพจะตีพิมพความคิดเห็นซึ่งมีทั้งผูที่เห็นดวยและไมเห็นดวย เพราะหากคิดจะพิมพแต เรื่องที่ไมทําใหผูใดขุนเคืองเลยแมแตคนเดียว ก็จะมีเรื่องใหพิมพนอยมาก อยางไรก็ตาม แฟรงกลิน เห็นวาเปนเรื่องผิดที่จะพิมพเรื่องที่ขัดตอจริยธรรม อันเปนการกระทําที่เขากลาวไวในบทความเรื่องนี้ วาเขาไมเคยทํา แมวาในการทําเชนนั้นจะทําใหเขาไดรับเงินจํานวนมาก บทความเรื่องนี้มีสวนสําคัญ อยางยิ่งในการสนับสนุนใหเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของชาวอเมริกันงอกงาม แฟรงกลินมิไดตองการเขียนหนังสือเพื่อสรางความเพลิดเพลินเทานั้น แตเขายังมี จุดมุงหมายที่จะใหผูอานไดรับประโยชนจากสิ่งที่เขาเขียนดวย ดังที่เขาเลาไวในหนังสือ Autobiography วาเขาเขียนหนังสือเลมนี้เพื่อใหบุตรชายของเขา รวมทั้งคนรุนหลังรูเรื่องชีวิตและ งานของเขาวา กวาที่เขาจะประสบความสําเร็จในชีวิตเขาตองทํางานหนักเพียงใด และตั้งความหวังไว วาผูอานอาจไดแงคิดอะไรบางอยางจากเรื่องท่ีเขาเขียนและนําไปใชในการแสวงหาความมั่งคั่ง ชื่อเสียง และความสุข แฟรงกลินเริ่มเขียนหนังสือเรื่องนี้ใน ค.ศ. ๑๗๗๑ ขณะอายุ ๖๕ ป แตเสียชีวิต กอนเขียนจบ โดยกอนเสียชีวิตเขาสามารถเขียนเรื่องราวในชีวิตของเขาตั้งแตเด็กไปจนถึงอายุ ๕๑ ป (ค.ศ. ๑๗๕๗) เทานั้น หนังสือเลมนี้ไมเพียงแตเปนอัตชีวประวัติของผูเขียนแตยังเปนเอกสารสําคัญที่ ชวยใหคนรุนหลังไดศึกษาเรียนรูชีวิตความเปนอยูของชาวอาณานิคมอเมริกันในคริสตศตวรรษที่ ๑๘ ดวย หนังสือเรื่องนี้ไดรับการยกยองใหเปนหนังสืออัตชีวประวัติเรื่องเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่งของ สหรัฐอเมริกา และมีอิทธิพลอยางมากตอทัศนคติรวมทั้งคานิยมของชาวอเมริกัน หนังสือเรื่องสําคัญที่สุดอีกเรื่องหนึ่งของแฟรงกลินเปนหนังสือประเภทกาลานุกรม (almanac) ชื่อ Poor Richard’s Almanack ในหนังสือชุดนี้นอกเหนือจากปฏิทินประจําป วันสําคัญ ทางศาสนา การพยากรณอากาศ ขอมูลทางดาราศาสตร และคําแนะนําในเรื่องการเพาะปลูกตามแบบ ๙
กาลานุกรมทั่วไป แฟรงกลินยังรวบรวมคําแนะนําที่มีประโยชน และสุภาษิตคําคมที่ใหแงคิดสอนใจ งาย ๆ ซึ่งอานสนุกและนําไปใชไดจริง แฟรงกลินจัดทํา Poor Richard’s Almanack ปละเลมนาน ๒๕ ป ตั้งแต ค.ศ. ๑๗๓๒–๑๗๕๗ โดยใชนามปากกาวาริชารด ซอนเดิรส (Richard Saunders) หนังสือชุดนี้สะทอนใหเห็นความคิดและคานิยมของชาวอาณานิคมอเมริกันไดอยางดียิ่ง ภูมิปญญา ชาวบานในหนังสือชุดนี้แสดงใหเห็นคุณธรรมงาย ๆ ที่คนในสังคมชนบทสวนใหญยึดถือ ไดแก กา รอดออม ความขยันหมั่นเพียร และความซื่อสัตยสุจริต Poor Richard’s Almanack เปนกาลานุกรมที่ มีชื่อเสียงที่สุดของสหรัฐอเมริกา และเปนหนังสือที่มีชาวอาณานิคมอานมากที่สุด โดยมียอดพิมพปละ ๑๐,๐๐๐ เลม ผลงานดานวรรณคดีที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่งของแฟรงกลินคือ บทความชื่อ The Way to Wealth (ค.ศ. ๑๗๕๘) ที่เขาตั้งใจวาจะใชเปนบทนําของหนังสือกาลานุกรม เลมหนึ่งของเขา และกระทั่งปจจุบันสุภาษิตคําคมในบทความเรื่องนี้และในกาลานุกรมของเขาก็ยังมี ผูนําไปใชและอางถึงอยูเสมอ อาทิ “ไมมีสิ่งใดไดมาเปลา ๆ โดยไมตองลงแรง” (There are no gains without pains) “พระเจาชวยคนที่ชวยตัวเอง” (God helps them that help themselves) “ความเกียจ ครานทําใหทุกสิ่งเปนเรื่องยาก แตความอุตสาหะทําใหทุกอยางเปนเรื่องงาย” (Sloth makes all things difficult, but industry all easy) “ความขยันหมั่นเพียรเปนมารดาแหงโชคลาภ” (Diligence is the mother of good luck) “คนฉลาดเรียนรูจากความผิดพลาดของผูอื่น แตคนโงแทบไมเคยเรียนรูจาก ความผิดพลาดของตนเอง” (Wise men learn by others’ harms, fools scarcely by their own) “การเขา นอนแตเชาและตื่นแตเชา ทําใหสุขภาพดี ร่ํารวย และเฉลียวฉลาด (Early to bed and early to rise, makes a man healthy, wealthy, and wise) “จงระวังคาใชจายเล็ก ๆ นอย ๆ รูเล็ก ๆ เพียงรูเดียว ก็ทําให เรือใหญจมได” (Beware of little expenses, a small leak will sink a great ship) “เงินหนึ่งเพนนีที่เก็บ ออมไวได คือเงินหนึ่งเพนนีที่หามาได” (A penny saved is a penny earned) ผลงานของแฟรงกลินชุด นี้จัดเปนหนังสือประเภทชี้แนะหนทางสูความสําเร็จและความมั่งคั่งเรื่องแรกของชาวอเมริกัน ซึ่ง ปจจุบันก็ยังเปนหนังสือประเภทที่ติดอันดับขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา แฟรงกลินร่ํารวยจากกิจการหลายประเภททั้งดานการพิมพ การเขียน การซื้อขายที่ดิน และสินคาตาง ๆ รวมทั้งหนังสือที่สั่งเขามาจากยุโรป ความสําเร็จในชีวิตของแฟรงกลินจากเด็กใน ครอบครัวที่ยากจนซึ่งตองตอสูชีวิตดวยความขยันหมั่นเพียร ความมัธยัสถ และความซื่อสัตย จน สามารถตั้งตัวไดและมีฐานะมั่งคั่งตั้งแตอายุยังไมถึง ๕๐ ป รวมทั้งเคล็ดลับและหนทางสูความสําเร็จที่ เขาเขียนเลาไวในผลงานของเขาหลายเรื่อง สนับสนุนความฝนแบบอเมริกัน (American Dream)* ที่ คนในประเทศนี้มีรวมกัน ความสําเร็จของแฟรงกลินทําใหเขากลายเปนตัวแทนของผูที่มีความมุงมั่น ๑๐
และฟนฝาอุปสรรคอยางไมยอทอจนบรรลุถึงความฝนดังกลาวได สิ่งที่เขาเขียนสอนไวในหนังสือจึง กลายเปนคัมภีรแหงความสําเร็จหรือคัมภีรแหงความมั่งคั่ง ซึ่งสรุปไดวาคนในประเทศนี้ทุกคนมี โอกาสเทาเทียมกันที่จะประสบความสําเร็จในชีวิต หากทําตามอยางแฟรงกลิน กิจกรรมเพื่อสังคมหลายอยางของแฟรงกลินสะทอนใหเห็นวาเขาเปนคนที่รักเพื่อน มนุษยจวบจนวาระสุดทายของชีวิต ดังเห็นไดวาใน ค.ศ. ๑๗๘๙ เขาเขียนบทความตอตานระบบทาส และตอมาในวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ ค.ศ. ๑๗๙๐ ขณะดํารงตําแหนงเปนประธานสมาคมสนับสนุนการ เลิกทาส (Society for Promoting the Abolition of Slavery) เขาไดลงนามในคํารองตอรัฐสภาของ สหรัฐอเมริกา เพื่อสนับสนุนใหเลิกทาสและปราบปรามการคาทาส หลังจากนั้นเพียง ๒ เดือน เบนจา มิน แฟรงกลินก็ถึงแกกรรมที่เมืองฟลาเดลเพียเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ค.ศ. ๑๗๙๐ ขณะอายุ ๘๔ ป.
(กุลวดี มกราภิรมย)